Tuesday, 2 July 2024
NewsFeed

เปิดใจนักแสดงเอ็มวี ROCKSTAR เล่านาทีเจอ ‘ลิซ่า’  กรี๊ด!! ปรอทแตก ตื่นเต้นสุดชีวิต พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ

(30 มิ.ย.67) เกิดเป็นปรากฏการณ์เยาวราชแตก! หลังสาว ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า Blackpink ปล่อยเอ็มวีเพลง ROCKSTAR ซึ่งขณะนี้มียอดผู้เข้าชมบนแพลตฟอร์มยูทูบไปแล้วกว่า 34 ล้านวิว ที่ยกกองมาถ่ายทำที่ประเทศไทย ซึ่งครั้งนี้ใช้องค์ประกอบที่สะท้อนความเป็นไทย ตั้งแต่สถานที่ไปยันทีมนักเต้นนักแสดงสมทบ เกิดเป็นกระแสคนบันเทิง คนการเมือง รวมถึงร้านค้าแบรนด์ดังต่างพากันเข้ามาร่วมแจมกับกระแสนี้กันอย่างคับคั่ง

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ภานุ ตั้งใจ’ หนุ่มรอยสักมาดเข้ม ที่ปรากฎตัวบนมิวสิกวิดีโอตัวดังกล่าว โพสต์รูปภาพเผยความประทับใจ ที่ได้ร่วมงานกับลิซ่าศิลปินหญิงชาวไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก พร้อมระบุข้อความว่า

พอมีแต้มบุญกับเค้านิดหน่อยนะเนี่ยเรา เดินทางจากจังหวัดพิษณุโลกเข้ากทม 5-6 ชม. ไปแบบอึน ๆ มึน ๆ ไม่รู้อะไรมากเลย รู้แค่ว่างาน MV

ถึงกองทีมงานเบื้องหลังเยอะคนเยอะมาก เซ็ทใหญ่อลังการใหญ่โตมาก เริ่มเอะใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ตลอดเวลาที่นั่งรอ เห็นว่ามีความเคลื่อนไหวตลอดเวลาดูทุกคนขันแข็งเร่งรีบ คนเบื้องหน้าก็ทยอยมาเรื่อย ๆ จนเป็นหลักร้อยได้ เอาล่ะเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นมานิดหน่อยละ ตื่นคนเยอะ คิดในใจศิลปินตปท.แน่ใครกันนะ ทีมงานก็ไม่ได้บอกอะไร แค่บอกให้ถ่ายรูปลงชื่อและไปกินข้าว

พอเริ่มลงชื่อกินข้าวเสร็จ เริ่มทยอยเก็บมือถือกันแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่คิดอะไรมาก เพราะกองตปท.ก็เก็บกันปกติ ต่อไปก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าเซ็ต ถ่ายได้ซีนสองซีนเล็กๆก็ยังประหม่า แต่ก็ผ่านไปด้วยดีอาจจะมีช้าบ้างนิดหน่อย

พอน้องลิซเดินออกมาเท่านั้นแหละ เรานี่ เอ๊ะ ! ในใจก่อนเลย ในใจคิด ใช่มั้ยนะ ถอดแว่น ตั้งตาเพ่งดี ๆ  ชัดเลย เฮ้ยยย !! นี่น้องลิซ นี่หว่า ในใจเรานี่กรี๊ดปรอทแตกมากกกก เกินไปมากกกกกก ใกล้ ๆ เลยยย มีอะไรในใจเยอะมาก ตื่นเต้นสุด มันฟุ้งอยู่ในหัวมากมายกูพูดกับใครไปจะมีใครเชื่อกูมั้ยเนี่ย ที่ยืนตรงหน้าเรา นี่คือ ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกเบอร์ต้น ๆ เลย ทำไรไม่ถูกจ้าาาา สั่นไปหมด

เป็นคุณ คุณจะรู้สึกยังไงงงงงงง เขร้ ชีวิตเหมือนประสบความสำเร็จอะไรบางอย่างที่มันใหญ่โตมาก ๆ อ่า OMG !!!???? ขอขอบพระคุณทีมงานทุกคนทุกท่านทุกแผนกทุกหน้าที่ทุกตำแหน่ง และขอบคุณตัวเองด้วย ที่มีส่วนร่วมในมิวสิควีดีโอตัวนี้ให้ออกมาสมบูรณ์แบบสู่สายตาทุกคนทั่วโลก 

'จีน' จัดแข่งกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยระดับอุดมศึกษา เพิ่มโอกาส นศ.จีนเข้าถึงตลาดไทย ตามความร่วมมือ 'ไทย-กว่างซี'

ไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางสถานกงสุลใหญ่ของไทย ณ นครหนานหนิง และมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ได้จัดการแข่งขันทักษะภาษาไทยและการกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยระดับมหาวิทยาลัยแห่งกว่างซี ครั้งที่ 17

การแข่งขันข้างต้นมีนักศึกษาจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในกว่างซี 15 แห่ง รวม 51 คน เข้าร่วมแข่งขันรอบคัดเลือก รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ โดย 'ถูจื่อฮุ่ย' นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาไทยของมหาวิทยาลัยฯ ได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นบัตรโดยสารเที่ยวบินไป-กลับ เส้นทางหนานหนิง-กรุงเทพฯ ระยะ 7 วัน

รายงานระบุว่าการแข่งขันในปีนี้แบ่งกลุ่มเป็นมืออาชีพและมือสมัครเล่น โดยหัวข้อของการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์รอบรองชนะเลิศคือ 'เตรียมรับมืออย่างไร เมื่อปัญญาประดิษฐ์กำลังจะครองโลก' และรอบชิงชนะเลิศคือ 'ปัญญาประดิษฐ์ในชีวิตประจำวัน'

เบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่ของไทย ณ นครหนานหนิง กล่าวว่า หัวข้อของการแข่งขันในปีนี้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปัจจุบันที่มีการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งเหล่านักศึกษาชาวจีนนำเสนอมุมมองต่อประเด็นนี้ได้อย่างโดดเด่นและสร้างสรรค์

นอกจากนั้นเบญจมาศเสริมว่า การแข่งขันนี้เป็นโอกาสดีของนักศึกษาชาวจีนที่เรียนภาษาไทยในกว่างซีได้แสดงความรู้ความสามารถทางภาษาไทย และเป็นพื้นที่ให้ฝึกฝนภาษาไทยและเพิ่มพูนความมั่นใจ รวมถึงขยายโอกาสการมีงานทำของนักศึกษาและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันข้ามวัฒนธรรม

ด้าน เหวยเสวี่ยฟาง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของมหาวิทยาลัยฯ กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกว่างซีกับไทยมีความครอบคลุมรอบด้านเพิ่มขึ้น และความต้องการผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยจะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต ขณะมีการดำเนินงานตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

‘เพื่อไทย’ เฮ!! ทวงเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี คืนได้สำเร็จ ตอกย้ำมนต์ขลัง ’ทักษิณ‘ ไม่เสื่อม แม้คู่แข่งไม่ธรรมดา

(1 ก.ค. 67) ที่ จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ในนามของพรรค พท. ชนะการเลือกตั้งซ่อมนายก อบจ. ว่า ถือโอกาสนี้ขอบคุณประชาชนชาวปทุมธานีทุกคนที่ยังให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครของพรรค พท. ซึ่งจากการนับคะแนนไม่เป็นทางการ ผลปรากฏว่านายชาญชนะการเลือกตั้ง 

“ถือเป็นการหักล้างคำสบประมาทว่ากระแสของพรรคเพื่อไทยยังครองใจประชาชน ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่สมศักดิ์ศรี และผลออกมาก็แสดงว่าพี่น้องทั้งจังหวัดยังให้ความชื่นชอบพรรคเพื่อไทยอยู่” นายประเสริฐ กล่าว

เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่เสื่อมมนต์ขลังใช่หรือไม่ นายประเสริฐ ตอบทันทีว่า “ไม่เสื่อมครับ ไม่เสื่อม นี่เห็นได้ชัดเลยว่า แม้เราจะต้องทำตามนโยบายหลายอย่าง แต่เราก็สามารถคว้าชัยมาได้” 

เมื่อถามว่า การได้ชัยชนะในพื้นที่ปริมณฑล จะเป็นการล้างภาพที่พรรค พท. เคยแพ้การเลือกตั้งในพื้นที่ปริมณฑลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า จ.ปทุมธานีเป็นพื้นที่สำคัญ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ 

เมื่อถามว่า มองว่าจะเป็นโดมิโนให้พรรคพท. คว้าชัยในปริมณฑลอื่นหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เราต้องทำการเมืองอย่างต่อเนื่อง และชัยชนะครั้งนี้ทำให้เราต้องทำงานหนัก 

เมื่อถามย้ำว่า การชนะแค่คะแนนไม่ถึงหลักพันต้องทำการบ้านหนักขึ้นใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ใช่ เพราะคู่ต่อสู้ไม่ธรรมดา ซึ่งการชนะเขตปริมณฑล และการที่จะมีการเลือกตั้งนายกอบจ.ในต้นปีหน้า พรรคคงต้องปรับกระบวนการยุทธศาสตร์เพื่อการต่อสู้ในครั้งต่อไป

เมื่อถามว่า ที่จ.ปทุมธานีสะท้อนภาพบ้านใหญ่ร่วมแรงกัน จังหวัดอื่นจะมีการรวมบ้านใหญ่เพื่อมาชูพรรค พท. หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่อยากใช้คำว่าไปรวบรวมอะไร แต่ตนคิดว่านี่คือเสียงของประชาชนที่ยังไว้ใจพรรค พท. แล้วเชื่อว่ากระแสเหล่านี้ยังมีอยู่ และจะสามารถทำให้พรรค พท.คว้าชัยชนะได้

เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นที่ยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่า จ.ปทุมธานียังเป็นหัวใจของคนเสื้อแดง นายประเสริฐ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งชี้เช่นนั้น และขอรอให้การเลือกตั้งที่เป็นทางการก่อน

'มารีน เลอเปน' คว้าชัยเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรก  ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของ 'ซ้าย-กลาง-พันธมิตรมาครง'

(1 ก.ค.67) เอ็กซิทโพลระบุว่า พรรคขวาจัดของฝรั่งเศส National Rally (RN) ของนางมารีน เลอเปน คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ตามผลโพลก่อนหน้านี้ แต่ต้องรอการเลือกตั้งรอบ 2 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม จึงจะบอกได้ว่า พรรคฝ่ายขวาจะสามารถยึดครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งฝรั่งเศสได้ในท้ายที่สุดหรือไม่

การสำรวจเอ็กซิทโพลของหลายสำนัก อาทิ Ipsos, Ifop, OpinionWay และ Elabe เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า พรรค RN คว้าชัยด้วยคะแนน 33.2% ตามด้วยพรรค New Popular Front ที่ 28.1% และพรรค Ensemble presidential alliance ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่ได้ไป 21%

ผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พรรคขวาจัดเอาชนะพรรคคู่แข่งฝ่ายซ้ายและฝ่ายกลางไปได้อย่างสบาย ๆ รวมถึงเอาชนะกลุ่มพันธมิตรของมาครง ทำให้การเลือกตั้งรอบแรกกลายเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในเดิมพันของมาครงที่ประกาศเลือกตั้งล่วงหน้า หลังากที่พรรคแนวร่วมของเขาประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

จอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรค RN วัย 28 ปี ประกาศความพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศว่า “ผมตั้งเป้าที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของชาวฝรั่งเศสทุกคน หากชาวฝรั่งเศสลงคะแนนให้เรา”

ทั้งนี้ พรรคขวาจัดของฝรั่งเศสไม่เคยชนะการเลือกตั้งรัฐสภารอบแรกมาก่อน สิ่งที่มารีน เลอเปน ผู้นำที่เป็นที่รู้จักในฐานะตัวแทนพรรคขวาจัด และบาร์เดลลา หัวหน้าพรรค RN คนปัจจุบันต้องการ คือเสียงข้างมาก 289 ที่นั่งจาก 577 ที่นั่ง โดยการคาดการณ์บ่งชี้ว่าพวกเขาอาจไม่ได้สิ่งที่ต้องการในการเลือกตั้งรอบ 2 ด้วยเช่นกัน

หากไม่มีเสียงข้างมากอย่างสมบูรณ์ ฝรั่งเศสอาจประสบกับภาวะสภาแขวน หรือการมีรัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยในรัฐสภา ซึ่งจะทำให้พรรค RN ไม่สามารถที่จะผลักดันแผนการต่าง ๆ ที่ประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับผู้อพยพ การปรับลดภาษี รวมถึงการควบคุมบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

การเลือกตั้งรอบแรกนี้ยังมีผู้ออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ที่ราว 65-69% ซึ่งมากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านี้ในปี 2022 ซึ่งบ่งชี้ว่าที่สุดแล้วการเลือกตั้งรอบ 2 อาจเป็นการแข่งขันกันระหว่าง 3 พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งรอบแรก เมื่อพรรคฝ่ายซ้ายและพรรคฝ่ายกลางไม่ได้จับมือเป็นพันธมิตรในการเลือกตั้งครั้งนี้ แนวโน้มดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์กับพรรค RN มากกว่า ทำให้เริ่มมีการรณรงค์จากพรรคฝ่ายซ้ายและฝ่ายกลางที่เรียกร้องให้ผู้สมัครจากพรรคที่ได้คะแนนตามมาในลำดับ 3 ลาออกเพื่อไม่ให้ตัดคะแนนเสียงกันเอง

ขณะที่มีรายงานว่า ผู้ที่ไม่พอใจต่อชัยชนะของพรรค RN ได้ออกมาประท้วงต่อต้านชัยชนะของพรรคขวาจัดทันทีที่ทราบผลเอ็กซิทโพลที่จัตุรัสปลาสเดอลาเรปูบลิก กลางกรุงปารีส

สาวแจ้งลาป่วย แต่ที่จริงแอบเดินทางกลับบ้านเกิด แต่โลกกลม!! ดันมาเจอหัวหน้างานบนเครื่องบิน

(1 ก.ค. 67) เป็นไวรัลบอกเล่าเรื่องราวสุดโป๊ะ เมื่อ 'เกรซ' สาววัย 23 ปี ได้ตัดสินใจเล่าเรื่องประสบการณ์การลางานที่จำไม่รู้ลืม เพราะเธอถูกหัวหน้าจับได้อย่างจัง จะหลบหน้าก็ไม่รอดเพราะอยู่กลางเครื่องบิน!

เกรซมาจากอินโดนีเซียและทำงานเป็นฟรีแลนซ์ในยุโรป โดยเธอมักจะแบ่งเวลาเดินทางไปกลับระหว่างที่ทำงานในยุโรปและบ้านเกิดที่บาหลี

ในวันเกิดเหตุ เธอตัดสินใจลางานโดยอ้างว่ามีนัดพบแพทย์ จึงขอเปลี่ยนวันทำงานเป็นวันอื่นแทน แต่ความจริงแล้วเธอกำลังจะเดินทางไปยังบาหลี นอกจากนี้ เธอยังแจ้งให้ที่ทำงานทราบด้วยว่าในสัปดาห์หน้า เธอจะขอทำงานในช่วงเวลาอื่นเนื่องจากอยู่ที่บาหลี

น่าเสียดายที่ความพยายามในการ 'พักผ่อนอย่างสงบ' ต้องล้มเหลว หลังจากเธอบังเอิญเจอหัวหน้าขณะขึ้นเครื่องบิน และดูเหมือนว่าหัวหน้าของเธอจะพักที่บาหลีด้วย เมื่อหัวหน้าจำเธอได้ เขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยแซวการกระทำของเธอว่า “โอ้ ที่นี่คือโรงพยาบาลเหรอ?”

“ฉันลาป่วยเพื่อมาอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกับผู้จัดการของฉันเนี่ยนะ สั้น ๆ ก็คือ ตอนที่ฉันกำลังเข้าแถว ฉันเห็นคนหน้าคุ้น ๆ เดินมาหาฉันแล้วเรียกชื่อฉัน”

แม้ในตอนแรกเธอจะตกใจและอับอาย แต่ต่อมาเธอกับหัวหน้าก็สามารถ “หัวเราะด้วยกัน” และ “พูดคุยกันจนจบเที่ยวบิน” นอกจากนี้หัวหน้ายังถ่ายรูปเธอและส่งมาให้เธอดูอีกด้วย

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ เธอไม่ได้เปิดเผยว่า เธอต้องเผชิญกับปัญหาใด ๆ จากการโกหกหรือไม่ แต่เธอได้ตอบความคิดเห็นบนติ๊กต็อกว่า ขณะนี้เธอและหัวหน้าของเธอได้ 'ลาออก' โดยไม่ได้ระบุเหตุผล

'ธนกร' ชี้!! เหตุ 'รวมไทยสร้างชาติ-พีระพันธุ์' ขยับความนิยมมาอันดับ 4   เพราะ 10 เดือนร่วมรัฐบาล ลุยทำงานเต็มที่ ตามอุดมการณ์ DNA 'ลุงตู่'

(1 ก.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า จากที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจประชาชนถึงคะแนนนิยมทางการเมืองบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า เสียงประชาชนยังคงให้ความไว้วางใจ พึงพอใจการทำงานของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเป็นอันดับ 4  ระบุว่าเพราะมีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ การทำงานมีความซื่อสัตย์ สุจริต

ส่วนคะแนนนิยมพรรครวมไทยสร้างชาติ  ก็ยังครองใจประชาชน โดยให้คะแนน มาเป็นอันดับที่ 4 เช่นกัน

ทั้งนี้ จากผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนถึง เสียงที่ประชาชน มองและได้รับประโยชน์ จากการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านมา 10 เดือน ของนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติที่มุ่งมั่นตั้งใจ แก้ไขปัญหา โดยเฉพาะด้านพลังงานที่นายพีระพันธุ์ ที่กำลังขับเคลื่อน ตามแนวทาง 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' ออกกฎหมายด้านพลังงาน เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบในระยะยาว  

นอกจากนี้ สส. ทั้ง 36 คนรวมถึง อดีตผู้สมัครและสมาชิกพรรค ยังคงทำงานดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในส่วนของพลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจให้คะแนนนิยมกับบุคคลและพรรคการเมืองใดนั้น เมื่อถึงเวลา จะเห็นประชาชนให้ความไว้วางใจพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

“รวมไทยสร้างชาติยังคงยึดมั่นอุดมอุดมการณ์ DNA ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้แนวทางตั้งแต่แรก คือการลงพื้นที่รับฟังปัญหาและเร่งแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชนทันทีอย่างต่อเนื่องนั้น ต้องขอขอบคุณโพลที่สำรวจความคิดเห็นประชาชน ซึ่งผลที่ออกมาสะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจผลการทำงาน ของทั้งนายพีระพันธุ์ และสส.ของพรรค ที่คะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 4 ตนเชื่อว่า พลังเงียบที่ไม่แสดงความเห็น แท้จริงแล้ว ยังคงจับตาดูการทำงานของรัฐบาลและทุกพรรคการเมือง ที่หาเสียงไว้จะทำได้จริงและรักษาสัญญากับประชาชน หรือไม่” นายธนกร ระบุ

‘รมว.ประเสริฐ’ ลงพื้นที่ติดตามระบบ Health Link เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพแบบไร้รอยต่อเพื่อคนโคราช พร้อมผลักดันสู่แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ  

1 กรกฎาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นำคณะทำงานลงพื้นที่ร้านหมอยาพลาซ่าเฮลธ์พลัส และโรงพยาบาลค่ายสุรนารี ตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ (Health Information Exchange: Health Link) และเยี่ยมชมการสาธิตการใช้ระบบ Health Link โดยมี รศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) และนายแพทย์ธนกฤต จินตวร First Executive Vice President, BDI ให้การต้อนรับ พร้อมสั่งการดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อบรรจุแพลตฟอร์ม Health Link เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานสำคัญในแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ  

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดีอี เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ที่จะช่วยยกระดับการรักษาให้กับประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมอบหมายให้สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI หน่วยงานในสังกัด วางแผนดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบรรจุแพลตฟอร์ม Health Link เข้าเป็นส่วนหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ มุ่งขับเคลื่อนการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระดับชาติ พร้อมทั้งกำหนดแผนปฏิบัติการและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพที่สามารถนำไปใช้พัฒนาระบบบริการสุขภาพทั่วประเทศ โดยเริ่มจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต่อด้วยจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขยายผลการใช้งานในพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกหน่วยบริการ พร้อมผลักดันจังหวัดนครราชสีมา สู่การเป็นต้นแบบในการบูรณาการข้อมูลสุขภาพอย่างเป็นระบบ รวมถึงจัดทำแผนงบประมาณระยะยาว ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ยกระดับระบบสาธารณสุขไทยได้อย่างยั่งยืน 

รศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 9 นครราชสีมา และโรงพยาบาลค่ายสุรนารี สังกัดกองทัพบก กระทรวงกลาโหม เพื่อเร่งขยายการเชื่อมต่อระบบ Health Link ให้ครอบคลุมทุกหน่วยบริการ ทำให้ชาวโคราชเข้าสู่ระบบสาธารณสุขได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าถึงข้อมูล โดยต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ป่วยเท่านั้น ข้อมูลดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ทำให้แพทย์สามารถดูประวัติการรักษาข้ามสถานพยาบาลนอกสังกัด ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยในการตรวจวินิจฉัยซ้ำซ้อน และสามารถได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ทันท่วงที 

ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นแห่งที่ 2 ต่อจากกรุงเทพมหานครในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพกับหน่วยบริการทุกระดับ ส่งผลให้ประชาชนเกิดการรักษาแบบไร้รอยต่อ พร้อมพัฒนากลไกการใช้ประโยชน์จากข้อมูล Health Link อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเชื่อมต่อข้อมูลที่มีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วนต่อไป

ดร. พญ.สาวิตรี วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 9 นครราชสีมา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สปสช. และ BDI ในการใช้งานแพลตฟอร์ม Health Link ช่วยยกระดับการบริการทางการแพทย์ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น การเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพแบบไร้รอยต่อจะช่วยกระจายการบริการไปยังสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิ ซึ่งช่วยลดภาระของโรงพยาบาลหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การรักษาและการส่งตัวผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่น สอดรับตามนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่อีกด้วย 

สำหรับโครงการ Health Link คือ แพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลทั่วประเทศ ช่วยให้แพทย์ สามารถดูประวัติการรักษาได้ทันที สะดวก ง่าย ปลอดภัย พร้อมมีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยกลไกการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น โดยยืนยันตัวตนของประชาชน และแพทย์ การเข้ารหัสข้อมูลและระหว่างจัดส่งข้อมูล รวมถึงมีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบัน Health Link มีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ  ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสมัคร Health Link ฟรีผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ “ThaID” ศึกษารายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ :  https://healthlink.go.th

กับดักประเทศไทย วนเวียนสถานะ 'นักรบรับจ้าง' (ผลิต) ยาวนาน ไม่เคยอยากเปลี่ยนไปกินเนื้อ ทั้งที่ศักยภาพมีมากเกินพอ

(1 ก.ค. 67) คุณเฉลิมพร ตันติกาญจนากุล ผู้ดำเนินรายการด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กสะท้อนข้อจำกัดของเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายสิบปีมานี้ ว่า...

“เราไม่ชอบกินเนื้อ แต่เราชอบแทะเม็ด”

“หนึ่งในความคิดที่เป็นข้อจำกัดของเศรษฐกิจไทยมาหลายสิบปี คือเราไม่เคยคิดจะกินส่วนที่ดีที่สุด อร่อยที่สุด ในห่วงโซ่การผลิตของโลกเลย”

“ประเทศไทยนั้น มีความเก่งในด้านการผลิตไม่แพ้ใครนะครับ ด้วยความที่เราเป็น OEM มายาวนาน ขอแค่มีโจทย์กับคำสั่งซื้อมา ผมว่าคนไทยเราผลิตได้หมดแหละ อยากได้อะไรขอให้บอก เราสร้าง Product Champion ออกมาได้เรื่อย ๆ ตั้งแต่ข้าว, ยาง, ชิ้นส่วนรถยนต์, ฮาร์ดดิสก์, ทุเรียน, อาหารหมา-แมว บลา ๆ ๆ”

“แต่ในความดีก็มีความแย่ คือเราเป็นนักรับจ้างผลิตที่เก่งกาจและซื่อสัตย์ เราดูจะพอใจแค่หน้าที่ที่เราได้ เหมือนกินผลไม้ เราก็ชอบนั่งแทะเม็ด กินเนื้อติดเม็ด ไม่เคยอยากเปลี่ยนไปกินเนื้อ กินไก่เราก็แทะคอไก่ อย่างดีก็ปีกไก่ ไม่ได้กินน่อง หรือต่อให้อยากเปลี่ยนไปกินส่วนดี ๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร”

“ให้เห็นภาพชัดที่สุด ลองดูสิครับว่า คนที่ผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ได้เก่งที่สุดในโลกคนนึงอย่างเรา ทำไมเราไม่มีแบรนด์รถยนต์ของตัวเองเลย?”

“หรือประเทศที่ผลิตสินค้าเกษตรหลายอย่างเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก เรากลับต้องแข่งกันที่ราคาเสียเป็นส่วนใหญ่?”

“ลองดูประเทศจีนครับ จีนก็เริ่มจากการเป็น OEM แบบเรา เริ่มทีหลังเราด้วย แต่จีนทำแบบนั้นอยู่อาจจะแค่สิบกว่าปี และก็ยกระดับตัวเอง จากการผลิตสินค้า ไปผลิตแพลตฟอร์ม ผลิตแบรนด์ ผลิตเทคโนโลยี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือเนื้อสันใน หรือน่องไก่ ที่แพงกว่า อร่อยกว่า ทำจนมีปัญหากับเบอร์ 1 อย่างอเมริกา”

“ส่วนเราไม่เคยมีปัญหากับยักษ์ใหญ่คนไหน เพราะไม่เคยมีใครมองเราเป็นภัยคุกคามนั่นแหละ อย่างมากก็ทะเลาะกับเขมร”

“สุดท้าย ปัญหาทั้งหมดก็วนกลับมาที่รัฐ เพราะหลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐเราไม่เคยวางแนวนโยบายแบบ 'คิดใหญ่' ที่จะพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนา Platform หรือแบรนด์ เราก็เลยต้องทำงานหนักด้วยการเป็นผู้ผลิต ที่ทั้งเหนื่อย กำไรน้อย แถมผันผวน เพราะของที่เราทำได้ดี วันนึงก็จะไม่เป็นที่ต้องการแล้ว ต้องหา Product Champion ใหม่ไปเรื่อย ๆ”

“พูดภาษาบ้าน ๆ คือรัฐ ไม่เคยวาง Career Path ของประเทศเราเองให้ชัดเลย หรือคิดในแง่ร้าย คือผู้นำเราถูกจ้างมาให้วางแผน ให้ประเทศเราเป็นพนักงานผู้ซื่อสัตย์ไปตลอดกาล”

“ถ้าเริ่มตอนนี้ แม้จะสาย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ เราต้องวาง Position ตัวเองในโลกได้แล้ว ว่าเราจะยืนตรงไหน โตไปตรงไหน แล้วหาแนวทางไปสู่เป้าหมาย ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก แล้วค่อยมารู้ตัวเมื่อสายว่าโลกเขาไม่ต้องการเราอีกแล้ว”

‘ตำรวจสหรัฐฯ’ โหด!! ยิงดับเด็ก 13 ปี  หลังถือปืนปลอมวิ่งหนีเจ้าหน้าที่

(1 ก.ค.67) มาร์ก วิลเลียมส์ ผู้บังคับการตำรวจเมืองยูติกา แถลงว่า เมื่อคืนวันศุกร์ (28 มิ.ย.67) เจ้าหน้าที่ได้เรียกตรวจ เอ็นยาห์ เอ็มเวย์ และเด็กชายวัย 13 ปีอีกคน เนื่องจากทั้งสองมีรูปพรรณสัณฐานตรงกับผู้ต้องสงสัยในเหตุปล้นในเมืองยูติกา เมื่อเร็ว ๆ นี้

ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเด็กทั้ง 2 คน เอ็นยาห์ เอ็มเวย์ ได้ฉวยโอกาสวิ่งหนีไป ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไล่ตาม ระหว่างนั้นตำรวจสังเกตเห็นบางอย่างที่คล้ายอาวุธปืนสั้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้กดเด็กชายลงกับพื้น แต่ระหว่างที่กำลังต่อสู้กันนั้น ตำรวจอีกนายก็ลั่นกระสุน 1 นัดใส่เด็กบริเวณหน้าอก เขาได้รับการปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลวีนน์ ผู้บังคับการตำรวจระบุ

เมื่อคืนวันเสาร์ (29 มิ.ย.67) ตำรวจได้เผยแพร่วิดีโอบันทึกเหตุการณ์จากกล้องติดตามตัวเจ้าหน้าที่ทั้งหมดซึ่งกินเวลานานหลายนาที หลังจากชาวบ้านในท้องที่เกิดเหตุส่งเสียงโห่แสดงความขุ่นเคืองแทรกเป็นระยะ ๆ ระหว่างที่ผู้บังคับการตำรวจเมืองยูติกาแถลงข่าว ซึ่งมีครอบครัวของเด็กชายเข้าร่วมด้วย 

ไมเคิล กาลิเม นายกเทศมนตียูติกา วิงวอนขอให้ชาวเมืองอยู่ในความสงบ “เราตระหนักดีเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ และเราอยากรับประกันว่าจะมีการทำความเข้าใจกับทุก ๆ รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

ภาพในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า ระหว่างที่เด็กชายวิ่งหนีเขาได้เล็งบางอย่างเข้าใส่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนบอกกันเองว่า “ปืน” ก่อนที่ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปืนปลอม

ตำรวจแก้ต่างว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่าพวกเขาเห็นอาวุธปืนจริง ก่อนจะทราบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงปืนปลอมเลียนแบบปืนกล็อก 17 ที่สามารถยิงกระสุนบีบีกันได้เท่านั้น

รายงานข่าวระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย อยู่ระหว่างลาดตระเวนในพื้นที่ทางตะวันตกของยูติกา เพื่อสืบสวนเหตุปล้น 2 คดีที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงเมื่อเร็ว ๆ นี้

'สื่อเกาหลี' ตีข่าวแซะ 'ลิซ่า' ออกจาก K-pop ก็แค่ที่ 1 ในไทย  แฟนคลับฉุน!! สวนคืนสงสัยคงโกรธเพลงใหม่ที่ไม่มีภาษาเกาหลี

เรียกได้ว่าเพลง Rockstar ที่เป็นซิงเกิลใหม่ล่าสุดของสาวลิซ่า ลลิษา มโนบาล สร้างความกระหึ่มและสร้างเสียงฮือฮาจนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นร็อกสตาร์ด้วยยอดรับชมล้านแตกภายใน 27 นาทีนับตั้งแต่ปล่อยเพลง แถมยังติดเพลงมาแรงอันดับ 1 ในยูทูบ

แถมภายในมิวสิกวิดีโอลิซ่าไม่เพียงออกจากกรอบเดิม ๆ จัดเต็มลุกส์ร็อกเกอร์สาวเปรี้ยวไฟลุกแบบลักชัวรี แต่ยังนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ความเป็นไทยและโปรโมตประเทศไทยอยู่เสมอทั้งทางตรงและทางอ้อม สมมง BKK so pretty

รวมถึงลิซ่ายังเลือกใช้ทีมแดนเซอร์และนักแสดงตัวประกอบเป็นคนไทยโดยให้ซีนปัง ๆ จึ้ง ๆ กับชาวไบเกอร์และชาว LGBTQ+ แบบที่ไม่มีวันได้เห็นจาก K-pop เรียกได้ว่าเป็นการนำเสนอความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลกได้เป็นอย่างดี

งานนี้ ดูเหมือนจะมีคนบางประเทศถึงกับโกรธจัด เพราะเพลง Rockstar นี้ไม่มีภาษาเกาหลีเลยสักคำ ทำเอาคอมเมนต์ชาวเน็ตเกาหลีบางคนผิดหวังที่ลิซ่าเลือกที่จะทิ้งภาพ K-Pop ของตัวเองแบบไม่เหลือ

ล่าสุด สำนักข่าวเกาหลีชื่อดังออกมาพาดหัวข่าวว่า ‘ลิซ่าออกจาก k-pop มาเป็นอันดับ 1 แค่ประเทศไทย ลั่นเป็นโซโลเดี่ยวที่น่าผิดหวัง’ ทำเอาลิลลี่ (ชื่อแฟนคลับลิซ่า) ทั้งไทยและอินเตอร์ถึงกับโกรธจัดออกมาคอมเมนต์ในทวิตเตอร์กันเพียบ เช่น 

“รอดูก่อน นี่แค่เพิ่งเริ่ม” 

“เอาจริง ถ้าตลาดไทยไม่มี power เข้ามาโปรโมต จัดแฟนมีท ทำไมก่อน?? หรือประเด็นคือกอบโกย แล้วก็เหยียบหัวขึ้นไป”

“ถ้าเกาหลีไม่มีประเทศอื่นแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซัพพอร์ต มันจะลืมตาอ้าปากได้ปะเอาดี ๆ 555”

“QQ music ของจีนก็เดบิ๊วที่ 1 ของเมื่อวานมีเคป็อปคนไหนทำได้บ้าง ลิซ่าชาร์จสูงกว่าคนในประเทศเค้าอีก เกาแหกตาดูโลกบ้าง”

“ทำ media play หลอกคนในประเทศ ว่าลิซไปไม่รอด แต่ fact ยอด stats ทำได้ดีที่สุดในบรรดา kpop หญิงของประเทศมันทั้งหมด ทั้ง spotify, youtube, tiktok, IG แบบทุบไม่เหลือ 555 ถ้าลิซ่าไปไม่รอด แล้วทั้งวงการมันคือ”

พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า อย่ากดเข้าไปให้ยอดเอนเกจเมนต์แก่ข่าวดังกล่าวและให้ทุกคนไปสตรีมเพลงร็อกสตาร์กันดีกว่า อย่าเสียเวลา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top