Tuesday, 2 July 2024
NewsFeed

‘กระทรวงวัฒนธรรม’ ดัน ‘ต้มยำกุ้ง’ ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพื่อผลักดันเป็น Soft Power ให้ทั่วโลกรู้จัก ‘ประเทศไทย’

(30 มิ.ย.67) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม นำโดย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการดำเนินงานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับจังหวัดและระดับประเทศทุกปี และมีการเสนอมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก)

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยเสนอมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยเป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติและได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกแล้ว 4 รายการ ได้แก่ โขน นวดไทย โนรา และประเพณี“สงกรานต์ในประเทศไทย” ซึ่งปีนี้มีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย 2 รายการ ได้แก่ “ต้มยำกุ้ง”และชุด“เคบาย่า” ซึ่งชุด“เคบาย่า”ประเทศไทยได้เสนอร่วมกับมาเลเซีย บูรไนดารุสซาลาม อินโดนีเซียและสิงคโปร์ จะเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 วันที่ 2-7 ธันวาคม 2567 ณ สาธารณรัฐปารากวัย และได้เสนอ ชุดไทย และ มวยไทย  รวมทั้ง ผ้าขาวม้า เพื่อเข้าสู่การพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกด้วย

รมว.สุดาวรรณ ได้ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสที่ต้มยำกุ้งและชุดเคบาย่า ได้เข้าสู่การพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกในปีนี้ รวมถึงจัดทำแผนล่วงหน้า 10 ปีในการเสนอมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก ก็ให้จัดทำรายละเอียดทั้งประเภทและระยะเวลาดำเนินการ เพื่อส่งเสริมมรดกทางศิลปวัฒนธรรมและ Soft Power ด้านต่างๆของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายระดับนานาชาติ

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการส่งเสริม Soft Power นำมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เช่น อาหารไทย งานหัตถกรรม งานเทศกาลประเพณีมาสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนและชุมชน ส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ Soft Power ด้านต่าง ๆ ของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายระดับนานาชาติ

ยายชาวสุรินทร์ หลั่งน้ำตา ดีใจได้เจอ ‘เศรษฐา’  เผย!! ไม่เคยมี ‘นายกฯ’ มาที่นี่เลย

(30 มิ.ย.67) ภารกิจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่อีสานใต้ เป็นวันที่ 3 โดยหลังจากพักค้างคืนที่ จ.ศรีสะเกษ เช้าวันนี้ นายกฯ ก็ได้เดินทางต่อมายัง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ณ อ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และคณะ

นอกจากนี้ยังมีนายพรเทพ พูนศรีธนากูล สส.สุรินทร์ เขต 4 พรรคเพื่อไทย และนายคุณากร ปรีชาชนะชัย อดีตสส.สุรินทร์ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ร่วมลงพื้นที่ด้วย

ทันที่นายกฯ เดินทางมาถึงได้ทักทายประชาชน โดยมีประชาชนขอจับมือนายกฯ พร้อมบอกว่า ‘โอ๊ย มือนิ่มจังเลยนายกฯ’ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านเข้ามาขอโอบกอดและถ่ายรูป รวมถึงนำผ้าขาวม้าสุรินทร์มาผูกให้ที่เอวและมอบพวงมาลัยให้ ขณะเดียวกันยังมีชาวบ้านนำเสื่อที่สานด้วยตัวเองมามอบให้นายกฯ ด้วย ทำให้นายกฯ ถึงกับยิ้มปลื้มใจ ก่อนรับเสื้อเป็นที่ระลึก

จากนั้นนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยแก้วบ้านสร้างบก ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ จากนายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน ซึ่งโครงการดังกล่าวใช้ระยะเวลาดำเนินการ 180 วัน งบประมาณ 15 ล้านบาท

โดยนายกฯ ได้สอบถามความคืบหน้า ก่อนเดินดูพื้นที่โครงการ รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่กรมชลประทานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากฤดูฝนใกล้เข้ามาแล้วและอนาคตจะได้มีแหล่งกักเก็บน้ำไว้ให้ประชาชนใช้เพื่ออุปโภคและบริโภค

และก่อนที่จะเดินทางไปจุดต่อไป นายกฯ ได้แวะทักทายและถ่ายรูปกับประชาชนอย่างเป็นกันเองอีกครั้ง โดยชาวบ้านขอให้นายกฯ มีสุขภาพแข็งแรง พร้อมบอกว่า 

‘รักนายกฯ เศรษฐา ดีใจที่นายกฯ มาใกล้ชิดประชาชน นายกฯ มาวันนี้อากาศเย็นสบาย ดีใจจังเลย เป็นขวัญใจประชาชนชาวรัตนบุรี’

ขณะที่คุณยายท่านหนึ่งถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้เจอนายกฯ พร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีนายกฯ คนใดลงมาในพื้นที่นี้เลย ดีใจหลายๆ

“รมช.มท.เกรียง” มอบแนวทางกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีขยายตลาดไทย-เทศ สร้างเงินล้าน ปลุกศักยภาพกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนฯ รุกแพลตฟอร์มออนไลน์ - เผยรัฐบาลเตรียมยกระดับกองทุนฯ พัฒนาทักษะต้นน้ำจนปลายน้ำ

นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการมอบแนวทางการดำเนินงาน “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” พร้อมให้กำลังใจผู้เข้าร่วมโครงการการประชุมเชิงปฏิบัติการคัดเลือกโครงการตัวอย่าง ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจัดโดยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยตั้งแต่ปี 2555 สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดและนโยบาย ในเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี อยากให้สตรีมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับสร้างงาน สร้างอาชีพ สามารถเสริมสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จึงมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีขึ้น ซึ่งในเริ่มแรก สตรีจะต้องรวมกลุ่มกัน กลุ่มละ 5 คน สามารถกู้ได้ 100,000 บาท ต่อมาในปี 2558 รัฐบาลในขณะนั้น ได้ย้ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีมาสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นผู้กำกับดูแล และปรับปรุงระเบียบ ให้สามารถรวมกลุ่มกันได้ 3 คน และกู้ได้ 200,000 บาท 

นายเกรียง ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้มีการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และขยายโอกาสให้กับประชาชน โดยเพิ่มวงเงินกู้ในกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพิ่มขึ้น และทำให้กองทุนใหญ่ขึ้นจากการกู้ 3 คน เป็น 5 คน เพื่อให้เกิดความยั่งยืน รัดกุม รวมถึงได้มีการฝึกอาชีพ

"ขอเป็นกำลังใจให้สตรีทุกท่านที่มาร่วมในการอบรมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีพลังสตรีขับเคลื่อนประเทศในวันนี้ ท่านคือตัวอย่างของกลุ่มสตรี ที่ใช้เงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีไปประกอบอาชีพจนประสบความสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการให้หญิงชายเท่าเทียมกัน หรือแม้กระทั่งกลุ่มหลากหลายทางเพศ กลุ่มเยาวชนสตรี ได้มีโอกาสในสังคม ร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ พวกเราต้องช่วยกันเป็นกระบอกเสียง เพื่อป่าวประกาศให้รู้ว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ของพวกเรายังอยู่ เราเคยทำโครงการดีๆสำเร็จมาแล้ว ทั้งในอดีตและปัจจุบัน และจะทำต่อไปในอนาคต กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี คือโอกาสดีๆ ที่รัฐบาลพร้อมเปิดรับ และสามารถช่วยผู้หญิงอีกจำนวนมาก ให้ยืนบนลำแข้งตัวเอง และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับผู้ชาย ให้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้พลังสตรี เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป” นายเกรียง กล่าว 

ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการสำนักกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ยังได้บรรยายให้ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับทราบแนวทางการยกระดับกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมเสวนาให้ความรู้ “อนาคตของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” โดยนางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้แทนคณะร่างนโยบายกองทุนสตรีแห่งชาติ และนายอรรฆรัตน์ นิติพน หรือ “ก้อง อายุน้อยร้อยล้าน”

ทั้งนี้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการคัดเลือกโครงการตัวอย่าง แก่ผู้ที่รวมกลุ่มดำเนินโครงการ นำเงินกองทุนฯ ไปต่อยอด จนประสบความสำเร็จแล้ว จังหวัดละ 3 โครงการ รวม 231 โครงการ มาร่วมประชุม อบรม และแข่งขันกัน เพื่อต่อยอดตลาดใหม่ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ผ่านการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ และหาอินฟลูเอ็นเซอร์ของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งจะมีการตัดสินผลรางวัลในเดือนสิงหาคม โดยตัดสินจากยอดขาย ยอดการเข้าถึง (Engagement) รวมถึงการสร้างความประทับใจแก่กรรมการผู้ตัดสิน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้ผู้ที่ประสบความสำเร็จ ไปขยายผลกับสมาชิกกองทุนในแต่ละจังหวัด และเพื่อสร้างการรับรู้ความสำเร็จ และเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และเพื่อให้กลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มีช่องทางการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สามารถสร้างการรับรู้เป็นที่รู้จักของสาธารณชน รวมถึงสร้างการรับรู้ของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่สามารถยกระดับสตรีได้จริง 

ทั้งนี้ ภายในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผู้เข้าร่วมอบรม จะได้รับความรู้ แนวคิด และขั้นตอนการปฏิบัติจากอินฟลูเอนเซอร์ ทั้ง “เล่าเรื่องอย่างไรให้มีราคา” โดยนางสาวลักขณา ปันวิชัย หรือ แขก คำผกา ผู้ประกาศ/ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย, “ทำ Content อย่างไรให้ปัง” โดยนางสาวปัญจพร พันธเสน” บริษัท กุเลาทองแม่แป้น จำกัด, การบรรยายการใช้ Tik Tok สร้างยอดขายทะลุล้าน หรือ “Tik Tok Seller ทะลุล้าน” โดยก้อง อรรฆรัตน์ นิติพน หรือ ก้องอายุน้อยร้อยล้าน

นอกจากนั้น ผู้เข้าอบรมจะแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ (Work Shop) การพลิกโฉมสินค้าบ้าน ๆ เป็นของที่ทุกคนต้องมี โดยทีมวิทยากรจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, แบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติการสร้างร้านค้าบน Tik Tok เป็นต้น

เชียงใหม่-พุทธศาสนิกชนภาคเหนือ ร่วมพลังบุญผ้าป่าทองคำ สร้างปลียอดพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร เชิญร่วมพิธียกยอดทองคำ เสาร์ 20 ก.ค.67 เวลา 1100 น.เป็นต้นไป

พิธีทอดผ้าป่าทองคำ สร้างปลียอดทองคำ ส่วนท้ายสุด พระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนครในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. 

นายนิรัตน์  พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย พลเอกเอกชัย หาญพูนวิทยา ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพุทธภูมิธรรม อาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม พลตรีฉัตรไชย ประจุศิลป เลขานุการมูลนิธิพุทธภูมิธรรม

โดยได้รับเมตตาจาก พระครูกิตติธรรมนิวิฐ รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร  พระครูสุจิตรัตนาทร เจ้าอาวาสวัดชัยมงคล พระครูสกลวรานุกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร คณะสงฆ์ คณะผู้มีจิตศรัทธาและประชาชน ร่วมพิธี ทอดผ้าป่าถวายเงินปัจจัยและทองคำแท้ ณ บริเวณศาลาอเนกประสงค์ วัดชัยมงคล ตำบลข้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่  

ด้วยพระธาตุเชิงชุม เป็นศาสนสถานสำคัญของชาติ ประดิษฐานอยู่เมืองสกลนคร เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิก ชนสองฝั่งโขง และประชาชนคนไทยทั่วประเทศ โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถาน ตามราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 8 มีนาคม 2478 โดยอดีตเจ้าอาวาสวัด จนมาถึงสมัยของพระเทพสิทธิโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ได้ดำเนินการทำนุบำรุงรักษาองค์พระธาตุเชิงชุมมาโดยลำดับ ในปีพุทธศักราช 2564 คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ทั้งในและนอกประเทศร่วมกันสละทรัพย์จัดซื้อทองคำ 96.5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อหุ้มทองคำยอดองค์พระธาตุเชิงชุม นับตั้งแต่บัวเชิงกลุ่มเรือนยอดส่วนบนไปจรดกรวยทองคำสวมยอดปสี โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 ตั้งแต่ปล้องไฉนไปจรดกรวยทองคำสวมปลียอดรวมยอดฉัตร จำนวน 971.26 บาทหรือ 14.806 กิโลกรัม ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 

ส่วนที่ 2 ตั้งแต่บัวคว่ำฐานรองป้องไฉนไปจรดปล้องไฉน จำนวน 585.93 บาท หรือ 8.932 กิโลกรัม ดำเนินแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 

ส่วนที่ 3 ตั้งแต่บัวเชิงไปจรดบัวคว่ำฐานรองปล้องไฉน ซึ่งมีขนาดสูง 213 เชนติเมตร ฐานกว้าง 49 เซนติมตร ยอดกว้าง 40 เชนติเมตร ใช้ทองคำ จำนวน 520 บาท หรือ 8 กิโลกรัม โดยจะใช้วิธีอิเล็กโตรฟอร์มมิ่ง(Electroforming Technique) ซึ่งเป็นส่วนท้ายสุดที่ยังคงค้างอยู่ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์และอยู่ในระหว่างการดำเนินการรวบรวมทองคำ และยังขาดทองคำอีกจำนวน 30 บาท

ทั้งนี้จังหวัดสกลนคร ได้มีประกาศ แต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการหุ้มทอง ส่วนปลียอดพระธาตุเชิงชุม (ส่วนที่ 3) ให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนม พรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 

คณะสงฆ์วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร คณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร พุทธศาสนิกชนและมีจิตศรัทธาทั่วประเทศร่วมกับ มูลนิธิพุทธภูมิธรรม จึงได้กำหนดดำเนินโครงการหุ้มทองคำยอดพระธาตุเชิงชุม (ส่วนที่3) และได้พิจารณาให้บริษัท โกลด์ อินโนเวชั่นจำกัด เป็นผู้ดำเนินการหุ้มทองคำฯ ซึ่งได้ดำเนินการขออนุญาตหุ้มทองคำส่วนปลียอดพระธาตุเชิงชุมครบถ้วนทั้ง 3 ส่วน จากกรมศิลปากรและได้รับการอนุญาตเรียบร้อยแล้ว 

โดยที่พุทธศาสนิก ประชาชนคนไทยทั่วประเทศ ประสงค์จะร่วมทำบุญ ให้ดำเนินการร่วมทำบุญกับวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารได้โดยตรง และในการทอดผ้าป่า ณ วัดชัยมงคล ตำบลข้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งนี้ เพื่อรวบรวมทองคำและปัจจัยเพื่อปิดยอดดำเนินการหุ้มทองคำปลียอดพระธาตุเชิงชุม (ส่วนที่ 3) 

โดยกำหนดวันที่จะสมโภชและยกยอดพระธาตุเชิงชุม (ส่วนที่ 3) ระหว่างวันที่ 18 - 20 กรกฎาคม 2567 ที่จะถึงนี้ จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมพลังบุญพิธีดังกล่าว เป็นมงคลชีวิตสืบไป

นภาพร/เชียงใหม่

เชิญติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่ม เติมสอบถาม ได้ที่
Facebook : วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร
หรือ  Line Official Account : มูลนิธิพุทธภูมิธรรม
Line ID : @bbdf
กด https://lin.ee/xKss3rn

‘ปราง กัญญ์ณรัณ’ เผย ทำไมไม่แต่งงาน กับ ‘โต้งทูพี’ ทั้งที่เซย์เยสแล้ว แจง!!  เป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์ ‘รักใครรักจริง-ชัดเจน’

(30 มิ.ย.67) ปราง กัญญ์ณรัณ เปิดใจ เป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์ พร้อมเล่า ทำไมไม่แต่งงาน กับโต้งทูพี ทั้งที่เซย์เยสแล้ว

เลดี้ปราง หรือ ปราง กัญญ์ณรัณ  ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ย้อนเรื่องราวและมุมมองในเรื่องความรักที่เกือบไปถึงวิวาห์หวานก่อนจบที่แยกทางผ่านรายการ I Love Lesson Live Lesson ที่ดำเนินรายการโดยหนุ่มไบร์ท นรภัทร

ปราง เผยว่า ตนเป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์มาก ไม่ได้ตึง รักใครรักจริง และถ้าอยู่ในความสัมพันธ์กับใคร จะอยู่ค่อนข้างยาวนาน ตั้งใจรัก ตั้งใจทุกอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์นั้นไปให้ได้ดีที่สุด

ไบร์ทถามต่อว่า เมื่อเราตั้งใจรักมาก ๆ และอีกฝ่ายไม่เอาจริง เราจะยังเอาจริงต่อไปม้ัย สาวปรางตอบเลยว่า ไม่ เพราะเป็นคนชัดเจนด้วย ฉันรู้ว่าฉันชอบอะไร อะไรใช่หรือไม่ใช่ และรู้ด้วยว่าเราไปกันไม่ได้ จะไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์กับคนแบบนี้ บางทีก็เข้าไปแล้ว พอรู้แล้วว่าไม่เวิร์กก็อยู่ในระดับแค่เพื่อน พร้อมทั้งปรางเสริมว่า ไม่ชอบโดนจีบ คนที่เข้ามาจะสร้างสถานการณ์อย่างไรก็ได้ให้รู้จักกันเพราะตนมีความชื่นชอบเรื่องพรหมลิขิต

ต่อมาไบร์ทถามต่อว่า นิสัยที่ปรางเต็มที่กับทุกเรื่องกระทบกับความสัมพันธ์หรือมีปัญหามั้ย ปรางเผยว่า ความตั้งใจไม่ผิด แต่ไปกระทบเรื่องนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราตั้งใจรักมากจนลืมรักตัวเอง เพราะอยากให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จแบบสุด ๆ จนลืมมองความสุขของตัวเอง

ทำให้คนอื่นมีความสุข แต่ลืมมองว่าตัวเองมีความสุขเพราะอะไร ลืมไปว่าความสุขไม่ได้มาจากตัวเราเอง เหมือนเราเอาใจไปฝากไว้กับเขา ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับเขา ลืมเพราะตั้งใจมาก แต่พอผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้น เราก็สามารถบาลานซ์กลับมาทำให้ตัวเองและอีกคนมีความสุขด้วย

ในความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ปรางเต็มที่กับทุกอย่าง อยากให้มันประสบความสำเร็จมาก ๆ จนลืมไปว่าตัวเองต้องการอะไร ลืมว่าความสุขที่เราต้องมีให้ตัวเองโดยที่ไม่มีเขาคืออะไร พอวันหนึ่งความสัมพันธ์มันไปไม่ได้ ทำให้เรากลับมามีความสุขกับตัวเองมากขึ้น และกลับมาอยู่กับตัวเอง ทำให้รู้ว่าความสุขมันเรียบง่ายมาก ๆ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง

เมื่อก่อนทุ่มเทไปกับตรงนั้นและเราทำงานเยอะ เวลาที่เหลือก็ให้กับความสัมพันธ์นั้นหมด โดยที่ลืมมองตัวเอง พอวันหนึ่ง เรามีความสุขได้ด้วยตัวเอง พอจะมีความรักครั้งใหม่ ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนอื่น อีกคนก็มีความสุขที่ได้เห็นเรามีความสุขนั่นแหละ ซึ่งทุกครั้งที่คบกับใคร เราก็มองเห็นภาพแต่งงาน

ปราง เผยถึงสาเหตุที่ตัดสินใจว่าไม่แต่งงานแล้วคืออะไร โดยตอบว่า เราอยู่ในจุดที่เกือบจะได้แต่งงานใช่ปะ แต่ยังไม่ได้ลองชุดนะ ตอนนั้นเหมือนถูกขอแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้จัดงานแต่งงานขึ้น ตอนนั้นเราเซย์เยสไปแล้ว ซึ่งเป็นการเซย์เยสที่รอเวลาอยู่ ยังไม่มีแพลนชัดเจน

จริง ๆ แล้วเราก็ได้ข้อคิดที่ว่า คนเราพอเป็นแฟนกัน ในความสัมพันธ์แบบแฟนนั้น มันก็รูปแบบหนึ่ง แต่พอจะมาเป็นครอบครัวกัน มันก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องปรับจูนอีกเยอะมาก และเราอยู่ในความสัมพันธ์นั้นตั้งแต่เด็ก มันก็ค่อย ๆ พัฒนา ๆ จากวันหนึ่งเป็นแฟนไปเป็นสามีภรรยา แต่ ณ ตอนนั้น ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปเป็นครอบครัวไม่ได้จริง ๆ เราเลยรู้สึกว่า ความรักไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว

ตอนเป็นแฟน ความรักสำคัญที่สุด แต่พอจะเป็นครอบครัว มันมีปัจจัยอื่นเยอะแยะมากมาย ความรักเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการแต่งงาน แต่สุดท้ายมันมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เราต้องปรับตัวและปรับจูนซึ่งเราเป็นคนที่ชอบความธรรมชาติ ไม่ชอบให้ใครมาปรับเปลี่ยนตัวเราเอง หรือเราต้องเปลี่ยนคนอื่น ถ้าเราต้องปรับตัวเพื่ออยู่กับใครให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราปรับนั้น เราต้องทำให้ได้ตลอดชีวิต มันไม่มีใครไม่ปรับตัว อันนี้เรื่องจริง เพียงแต่ต้องคิดก่อนว่า เราทำได้ตลอดชีวิตหรือเปล่า

ตอนนี้ เรา (ปรางและโต้ง) ก็มานั่งแลกเปลี่ยนกันว่า ถ้าเมื่อมันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ก็คงอย่าข้ามขั้นไปถึงขั้นแต่งงานกันเลย เป็นคนจริงจังเห็นมั้ยล่ะ

‘เศรษฐา’ ขอบคุณ ‘ลิซ่า’ ที่มาถ่ายเอ็มวี ที่เยาวราช ช่วยโปรโมตท่องเที่ยว สั่งเข้ม!! มาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัย คนมาเที่ยวต้องไม่ผิดหวัง 

(30 มิ.ย.67) ที่โรงเรียนรัตนบุรี จ.สุรินทร์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมิวสิควิดีโอ หรือเอ็มวี เพลง ‘ROCKSTAR’ ของ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ที่มาถ่ายทำที่เยาวราช ทำให้นักท่องเที่ยวแห่ไปเที่ยวเยาวราช รัฐบาลจะต่อยอดอย่างไร ว่า เมื่อคืน (29 มิ.ย.) ได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของลิซ่า ที่มาถ่ายทำเอ็มวีที่เยาวราช ต้องขอขอบคุณที่คำนึงถึงประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน

ทั้งนี้ เยาวราชมีศักยภาพสูงมาก คนจีนเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ไม่อยากพูดถึงแค่เยาวราชอย่างเดียว เพราะถนนทรงวาดหรือที่อื่นๆ บริเวณใกล้เคียง ทางวัดภูเขาทอง ก็มีศักยภาพในการท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างดีมาก

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคิดว่าความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องขอบคุณนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ทำงานร่วมกับนายเสริมศักดิ์พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ที่ลงพื้นที่ไปดูแลเรื่องความสะอาดสุขอนามัยทั้งหมด

การที่ลิซ่ามาโปรโมตเพลงได้ยอดวิวคนดูไปหลายสิบล้านวิว ตนเชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาอย่างแน่นอน ซึ่งมาแล้วก็จะต้องไม่ผิดหวัง คือเรื่องของมาตรฐานและความสะอาด รวมถึงความปลอดภัย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่ทัวร์ชื่อดังหลายแห่งล้มละลาย จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่เราตั้งเป้าไว้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จากช่วงที่เกิดโควิด-19 เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว คนที่มีความแข็งแกร่งน้อยก็ไม่สามารถอยู่ได้ คนที่แข็งแรงก็ไปต่อ แต่เมื่อมีล้มก็ต้องมีลุกขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันก็มีรายใหม่ๆ เกิดขึ้นมา

ตอนนี้ตัวเลขผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยก็เป็นที่น่าพอใจ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรามีการส่งเสริมตลาดใหม่ๆ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็มีการไปเปิดตลาดใหม่ๆ สำหรับประเทศที่มีชื่อลงท้ายด้วยสถาน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนของกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อย่างประเทศอินเดียก็ฟรีวีซ่าให้กับคนไทยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

โดยตนก็จะไปเยือนอินเดีย ระหว่างวันที่ 15 – 16 ส.ค.นี้ ซึ่งจะมีการหารืออย่างเป็นทางการครั้งแรก หนึ่งในเรื่องใหญ่ที่จะหารือ คือ เรื่องของการบิน ที่เราจะเชิญสายการบินของอินเดียมาลงที่ประเทศไทยมากขึ้น แต่ปัญหาใหญ่ของการท่องเที่ยววันนี้ คือ จำนวนไฟลต์บินที่บินเข้ามาไม่เพียงพอ

รายแรกของประเทศไทย CFP “หม้อแปลงเจริญชัย” ได้รับประกาศนียบัตรการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) 

นายประจักษ์  กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด กล่าว “ เจริญชัย ” ขอขอบคุณองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ที่ได้มอบประกาศนียบัตร การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP)  ของ Oil-type transformer 1000 KVA “เจริญชัย” พร้อมให้ความสำคัญต่อกระบวนการผลิตและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์พลังงาน ผ่านกระบวนการทำงานที่พัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์ มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่ได้มีการประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์หรือองค์กร เพื่อนำไปสู่การจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมคาร์บอนต่ำถือเป็นการตอบโจทย์ภาครัฐด้านการอนุรักษ์พลังงาน และทั้งทิศทางความต้องการของกระแสโลกที่มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals : SDGs) ในการยกระดับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน มุ่งสู่การอนุรักษ์พลังงาน บริษัทฯ จึงเล็งเห็นความสำคัญของ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตที่จะเติบโตมากขึ้นในอนาคต  คาร์บอนฟุตพริ้นท์ เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน ทั้งยังช่วยให้องค์กรเห็นภาพรวมของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆนอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนในด้านพลังงาน ทรัพยากร และวัสดุอีกด้วย 

“เจริญชัย” ได้ร่วมคิดค้นนวัตกรรม หม้อแปลงรางวัลนวัตกรรม พิสูจน์จริงลดค่าไฟฟ้า 8-11%  ดำเนินงานวิจัยหม้อแปลง Low Carbon และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Energy Management System  ภายใต้โครงการ “Low Carbon Transformer ระบบจัดการหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อรองรับพลังงานสะอาดอย่างมั่นคง Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Response” ซึ่งจากการดำเนินงานพบว่าหม้อแปลงที่ใช้ในการดำเนินโครงการ ที่กล่าวในข้างต้นตอบโจทย์ภาครัฐ, ภาคเอกชนและ โรงงานอุตสาหกรรมด้านการประหยัดพลังงาน Smart Factory, Smart Building ในด้าน Net Zero & Near Zero, Peak Demand และ Demand Response และการประหยัดพลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และมีระยะเวลาคืนทุนภายในเวลา ๒ – ๕  ปี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม ประชาชนและผู้ประกอบการ ด้านความมั่นคงด้านพลังงาน

‘ไฮโซณัย’ เผยภาพวินาทีคุกเข่าขอ ‘แต้ว ณฐพร’ แต่งงาน หวานละมุนหัวใจ!! ‘เพื่อนทั้งใน-นอกวงการ-แฟนคลับ’ ร่วมยินดี

(30 มิ.ย.67) หลังจากพี่ชาย ‘ไฮโซพก ประธานวงศ์ พรประภา’ ออกมาเผยข่าวดี น้องชายสุดหล่อ ‘ไฮโซณัย ประณัย พรประภา’ ทำเซอร์ไพรส์ขอนางเอกสาว ‘แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์’ แต่งงานแล้ว พร้อมกับเขียนแคปชั่นต้อนรับว่าที่น้องสะใภ้ ไว้ว่า ‘Welcome to our crazy fam sister!!!! Congrats Pran n Taew’

ล่าสุด ‘ไฮโซณัย ประณัย’ ได้ออกมาโพสต์ภาพเผยโมเมนต์สุดอบอุ่น ขณะทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าของแฟนสาว ‘แต้ว ณฐพร’ แต่งงาน พร้อมแคปชั่น ‘She said YES’

งานนี้ก็มีเพื่อนๆ ทั้งในและนอกวงการบันเทิง รวมถึงแฟนคลับแห่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับทางว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงกันเป็นจำนวนมาก

‘เกาหลีเหนือ’ ประหารชีวิตหนุ่มวัย 22 ปี ในที่สาธารณะ  เหตุ!! ฟัง K-POP 70 เพลง - ชมภาพยนตร์ 3 เรื่อง

(30 มิ.ย.67) สื่อต่างประเทศรายงานว่า จากรายงานเรื่องสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือประจำปี 2024 ที่เผยแพร่โดยกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ ได้รวบรวมคำให้การจากผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ 649 คน

ผู้แปรพักตร์ไม่ระบุชื่อ ให้การว่า ชายหนุ่ม 22 ปี จากจังหวัดฮวางแฮใต้ถูกประหารชีวิตต่อสาธารณะในปี 2565 ฐานฟังเพลงเกาหลีใต้ 70 เพลง ชมภาพยนตร์ 3 เรื่อง และจัดจำหน่าย ถือเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเกาหลีเหนือ ที่ห้ามเสพหรือครอบครองวัตถุที่สื่อถึงอุดมการณ์และวัฒนธรรม

นอกจากนี้ จากรายงานเผยว่า ทางการมักสอดส่องโทรศัพท์มือถือของประชาชน เพื่อตรวจสอบการสะกดคำ ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ติดต่อ สำนวนภาษาที่ใช้ และคำสแลงต่างๆ ว่าใช้คำที่มีอิทธิพลจากเกาหลีใต้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการที่รุนแรงเช่นนี้ แต่อิทธิพลของวัฒนธรรมเกาหลีใต้ รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่เพิ่งออกอากาศไม่นาน ดูเหมือนจะเล็ดลอดผ่านพรมแดนเข้าไปฝั่งเหนือได้อยู่ดี

“หลังจากดูละครเกาหลี คนหนุ่มสาวจำนวนมากสงสัยว่า ทำไมเราต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ฉันคิดว่าฉันขอตายดีกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีเหนือ” ผู้แปรพักตร์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

‘พิธา’ ปลื้ม ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ ยกเป็นผู้ทำคุณูปการให้ชาติ  ชี้!! เป็นการแสดงออกให้ชาติอื่น ได้รู้ถึงความสามารถของคนไทย

(30 มิ.ย.67) ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง MV ของ ‘ลิซ่า’ ที่โด่งดังจนทำเยาวราชแตก ว่า ตนได้ฟังแล้ว ทุกอย่างเป็นระดับโลกทั้งหมด ทั้งคำร้องที่เป็นภาษาอังกฤษและคำแร๊ป รวมไปถึงเทคนิคการถ่ายทำ ถือเป็นผลงานระดับโลกที่ตนในฐานะคนไทยก็ภูมิใจ ขณะเดียวกัน ก็มี ‘Local Content’ จำนวนมาก และแม้เป็นผลงานระดับโลก แต่การประสานงาน การเต้นหรือคนที่อยู่ในภาพประกอบ ของ Music Video ก็เป็นคนไทยทั้งนั้น ต้องขอชื่นชมไปยังคุณลิซ่าและบริษัทด้วย ที่ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจ อย่างน่าเหลือเชื่อ และที่ผ่านมาไม่มีบุคคลใดทำได้เท่านี้ ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการรับรู้ เพราะการที่คุณลิซ่า ร้องว่า Can you teach me Japanese? I said, ไฮ ไฮ

“มันก็เป็นการแสดงให้คนภูมิภาคอื่น รู้ว่าในเอเชียมีหลายเชื้อชาติ มีความเป็นคนไทยอยู่ด้วย เป็นการเอาคนไทย เอาความสามารถไทย เอานักเต้นไทย ได้ข่าวว่า ช่างทำเล็บหรือช่างแต่งหน้าก็เป็นคนไทยด้วย” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐบาลสามารถนำโมเดลของลิซ่ามาผลักดันเป็น Soft Power ได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การที่ Power จะเป็น Power ที่ Soft ได้มันยัดเยียดหรือประดิษฐ์ประดอยไม่ได้ และอย่างที่ 2 ถ้าอยากถอดบทเรียน คือคุณลิซ่ารู้ว่าโลกต้องการอะไร แล้วย้อนกลับมา เขาเป็น Outside in ไม่ได้เป็น Inside out แบบที่เรานิยามความเป็นไทยกัน บังคับให้ทุกคนเสพความเป็นไทยตามที่เราต้องการ แต่เขาดูว่าความต้องการของโลกและเทรนโลกเป็นอย่างไร แล้วเขาค่อยกลับมาทำในมุมมองของเขา แล้วค่อยนำเสนอ เลยกลายเป็นอำนาจที่อ่อนจริงๆ

เมื่อถามว่า ในมุมของพรรคก้าวไกล จะเอาปรากฏการณ์นี้ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ในระยะสั้น เมื่อลิซ่าทำคุณูปการให้กับประเทศไทย ขนาดนี้แล้ว ดังนั้นต้องไปเตรียมเรื่องการท่องเที่ยวให้ดี เพราะในส่วนของ Demand ไม่มีปัญหาคนอยากมาท่องเที่ยวอยู่แล้ว คนนิยมชมชอบกรุงเทพฯอยู่แล้ว อย่างสมุยก็เป็นเกาะระดับต้นๆของโลก อาหารก็เป็นระดับต้นๆ แต่สิ่งที่ต้องเตรียมคือ Supply ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และการให้ข้อมูลหลายภาษา ทำให้ไกด์ไทย มีโอกาสเข้าไปอยู่ในโซ่มูลค่า เราว่าต้องมานั่งคิดแล้วในเมื่อคุณลิซ่าทำคุณูปการ รัฐบาลจะรับลูกอย่างไร อย่าทำให้สาธารณูปโภค หรือการท่องเที่ยวเข้มแข็ง และทำให้เม็ดเงินการท่องเที่ยวกระจายออกไม่ใช่กระจุกตัว

การวางเส้นทาง ถ้าคุณจะมา Rock Star Tour ต้องมาเริ่มต้นที่เยาวราช เสร็จแล้วจะเอาสตอรี่อะไรต่อ ให้เขาสามารถไปที่อื่น ที่เขาจะไม่ไปตั้งแต่ตอนแรก ทำให้เขาอยู่ได้นานขึ้น ไม่ใช่อยู่แค่ 3-4 วันแล้วกลับ รวมถึงมีสินค้าท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับ ไม่เช่นนั้นเวลากินเบียร์ก็กินเบียร์ฝรั่ง โซ่มูลค่าไม่ตกถึงคนไทย ตนเชื่อว่า กทม. รัฐบาล ก็รับลูกทำอยู่

นายพิธา ยังกล่าวว่า สิ่งที่ลิซ่าทำถือเป็นพรสวรรค์ และพรแสวง เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ได้เขาต้องต่อสู้มาอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นภาษาทักษะการร้องเต้น เวลามองตัวไม่ได้มองแค่ปลายทางที่เขาประสบความสำเร็จ แต่ขอชื่นชมเขาในสิ่งที่ต่อสู้และผลักดันมาตลอด จนกระทั่งมาเป็นแบบนี้ ยืนยันว่า ตนไม่ได้โหน แต่คิดว่าทั้งหมดทั้งมวล ควรจะสร้างระบบนิเวศให้พรสวรรค์ไทย ที่มาจากบุรีรัมย์ มาจากสตูล มาจากเชียงใหม่ สามารถอยู่ในประเทศแล้วประสบความสำเร็จได้ นักการเมืองควรจะคิดเช่นนั้นมากกว่า

เมื่อถามว่า ‘เขาว่าทำถึง’ นายพิธา ยิ้มแล้วกล่าวว่า ‘ทำเกิน’


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top