Wednesday, 25 June 2025
NewsFeed

สวนน้ำดังภูเก็ต ประกาศปิดให้บริการ ‘Blue Tree Lagoon’ มีผล 1 ส.ค.นี้ เลิกจ้าง!! พนักงานกว่า 70 % เตรียมปรับแผนธุรกิจ สู่บริการด้านสุขภาพ

(23 มิ.ย.67) บลูทรี ภูเก็ต (Blue Tree Phuket) ออกแถลงการณ์ปรับแผนธุรกิจ และยุติการให้บริการสวนน้ำ Blue Tree Lagoon โดยระบุว่า

Blue Tree Phuket ขอเรียนแจ้งการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญ รวมถึงการตัดสินใจยุติการให้บริการ Blue Tree Lagoon โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป 

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การพิจารณารูปแบบการดำเนินงานอย่างรอบคอบ และความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ของผู้ใช้บริการ

แม้ว่า Blue Tree จะมีวิสัยทัศน์อันแน่วแน่และได้ลงทุนเป็นจำนวนไม่น้อยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อปี 2562 แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้บริการ ส่งผลให้บริษัทฯ จำเป็นต้องตัดสินใจปรับเปลี่ยนโครงสร้างและทิศทางการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญ 

การปรับเปลี่ยนโครงสร้างนี้ทำให้เราจำเป็นต้องยุติการว่าจ้างบุคลากรกว่า 70% ของจำนวนบุคลากรปัจจุบันบริษัทฯ ตระหนักเป็นอย่างดีถึงผลกระทบนี้รุนแรงของการตัดสินใจดังกล่าวที่จะส่งผลต่อกลุ่มบุคลากร ซึ่งล้วนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้แก่ครอบครัวและนักท่องเที่ยวที่ Blue Tree Phuket ตลอดระยะเวลาการให้บริการ 

ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมีความตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนแก่พนักงานทั้งหมดอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ Blue Tree จึงเตรียมปรับ

รูปแบบการดำเนินงานสู่แนวคิดใหม่ที่มุ่งเน้นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับบริการด้านสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพจิต ไปจนถึงการเชื่อมต่อทางสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งผู้อาศัยในพื้นที่และนักท่องเที่ยว

แม้ Blue Tree Lagoon จะยุติการให้บริการ แต่พื้นที่อื่น ๆ ภายใน Blue Tree Phuket จะยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทางบริษัทฯ จึงใคร่ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆของเรา ตลอดจนร่วมติดตามการเปิดตัวสิ่งอำนวยความสะดวกที่ปรับโฉมใหม่ภายในโซน Lifestyle Village อัน เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในครั้งนี้ 

โดยเตรียมพร้อมนำเสนอกิจกรรมที่หลากหลายสำหรับครอบครัว พื้นที่กิจกรรมสำหรับทุกคน ซึ่งรวมไปถึงร้านเสื้อผ้า กิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ อาทิ ยูโด มวยไทย พร้อมพื้นที่กลางแจ้งสำหรับจัดแสดงคอนเสิร์ต ซึ่ง Lifestyle Village นี้จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับทุกคน

บริษัทฯ ขอขอบคุณอย่างยิ่ง ต่อความเข้าใจและการสนับสนุนจากแขกผู้มีอุปการคุณ และพันธมิตรทุกท่านในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้

บริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับบริการด้านสุขภาพให้ทุกท่านทราบเมื่อบริษัทฯ ได้ข้อสรุป และมีข้อมูลเพิ่มเติม โดยเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะก้าวสู่บทบาทใหม่นี้ และยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับทุกท่านที่เข้าใช้บริการ Blue Tree Phuket

ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจ และการสนับสนุนของทุกท่านเสมอมา

การปิดให้บริการสวนน้ำบลูทรี ภูเก็ต ในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ ถือว่าปิดตำนานการดำเนินธุรกิจสวนน้ำมากว่า 4 ปี นับจาก ‘บลูทรี ภูเก็ต’ (Blue Tree Phuket) ได้เปิดบริการปลายเดือนสิงหาคม 2562 ในช่วงนั้นจัดว่าเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในภูเก็ต 

บนพื้นที่ 140 ไร่  ประกอบด้วยพื้นที่บริการด้านการพักผ่อนและศูนย์รวมกีฬาทางน้ำอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บีชคลับ 4 ชั้น, ฟิตเนสโซน, คิดส์คลับ, ร้านอาหาร 17 ร้าน ทั้งภัตตาคารและร้านอาหาร พื้นที่ศูนย์การค้า

ไฮไลท์ของโครงการอยู่ที่ ‘บลูทรี ลากูน’ มหาสมุทรสไตล์ลากูนขนาดใหญ่กว่า 17,000 ตารางเมตรทะเลสาบสุดยิ่งใหญ่จากสหรัฐฯ ล้อมรอบด้วยชายหาดเทียมและมีกิจกรรมมากมาย อาทิ สนามเด็กเล่นน้ำ สลิปแอนด์ฟลาย (Slip N Fly) สไลด์เดอร์ยักษ์ที่น่าตื่นเต้น สแปลชโซน (Splash Zone) กิจกรรมไต่หน้าผา ฯลฯ ด้วยเงินลงทุนกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 1.5 พันล้านบาทในสมัยนั้น 

พอเปิดให้บริการไม่นานก็เกิดโควิด-19 ต่อมาก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันในธุรกิจสวนน้ำ เมื่อ พราว กรุ๊ป เปิดให้บริการสวนน้ำ ‘อันดามันดา ภูเก็ต’ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2565 ซึ่งเป็นสวนน้ำขนาดใหญ่ 

การปรับแผนธุรกิจใหม่ ของบลูทรี จึงอาจต้องการนำพื้นที่มาพัฒนาในโปรเจ็กต์ใหม่ที่ทำรายได้ได้มากกว่าสวนน้ำนั่นเอง

‘ลูกค้า’ วีนใส่ ‘แม่ค้า’ สั่ง ‘ข้าวหมูแดง’ แต่ดันมี หมูกรอบ ใส่ปนมาด้วย คนขาย ยัน!! ทำให้ถูกแล้ว ก็ไม่ได้สั่ง ‘หมูแดงล้วน’ งานนี้ชาวเน็ตมีเสียงแตก

(23 มิ.ย.67) ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘ชมรมคนรักข้าวหมูแดง หมูกรอบ 叉烧饭’ มีสมาชิกรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า 

สอบถามหน่อยค่ะ เหตุการณ์แบบนี้คุณว่าใครผิดคะ เดินเข้าร้านข้าวหมูแดงแล้วสั่ง ‘ข้าวหมูแดงจานนึง’ บอกแม่ค้าว่า ‘เอาข้าวหมูแดงจานนึงค่ะ’ สักพักแฟนเดินตามมาทีหลังสั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบ แล้วแม่ค้าทำข้าวหมูแดงหมูกรอบมาให้ทั้ง 2 จาน เลยโวยวายใส่แม่ค้าว่า "ฉันสั่งข้าวหมูแดงล้วนนะ" แต่แม่ค้าตอบกลับมาว่า "ลูกค้าสั่งข้าวหมูแดงนะคะไม่ได้สั่งหมูแดงล้วน"

ลูกค้าก็ตอบกลับมาว่า "ก็สั่งข้าวหมูแดงไงคะ!" ทางแม่ค้าจึงตอบกลับว่า "ถ้าหากต้องการแดงล้วนก็ต้องสั่งแดงล้วนนะคะ เพราะข้าวหมูแดง มันชื่ออาหารสั่งข้าวหมูแดงก็ได้แดงกรอบค่ะ คนอื่นเขาสั่งข้าวหมูแดงก็ได้แบบนี้" 

ลูกค้าจึงเริ่มวีน "เออ! งั้นก็ไม่เอา!" แล้วก็เดินออกจากร้านไปเลยทั้งๆ ที่แม่ค้าทำข้าวให้แล้ว โชคดีที่ราดน้ำไปแค่จานเดียว สักพักแฟนเขาก็เดินตามออกไปพร้อมกับจ่ายเงินค่าข้าว 1 จานที่ราดน้ำไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้กิน อีกจานนึงที่ทำแล้วแต่ยังไม่ได้ราดน้ำแม่ค้าต้องนำมาจัดใส่ห่อใหม่ให้ลูกค้าอีกท่าน อยากทราบว่าเหตุการณ์แบบนี้ใครผิดคะ ถ้าตลอดมา 80 ปีขายแบบนี้

ป.ล.หมูแดงล้วน หมูแดงกรอบราคา 50 เท่ากันนะไม่ได้เพิ่ม บางเม้นถามว่าสั่งหมูกรอบทำไมไม่มีหมูแดง เพราะหมูกรอบล้วนราคาแพงกว่า 10 บาทค่ะ

ด้านชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันไป บ้างก็กล่าวว่า ถ้าสั่งข้าวหมูแดงจะมีหมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง ไข่ต้ม รวมกันอย่างละหน่อย ถ้าเอาหมูแดงล้วนก็ต้องบอกหมูแดงล้วน แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งแย้งว่า ข้าวหมูแดงก็คือข้าวหมูแดงอย่างเดียว ข้าวหมูกรอบก็คือข้าวหมูกรอบอย่างเดียว สั่งแบบไหนได้แบบนั้น ถ้าสั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบก็จะได้แบบนั้นมา จึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่าตกลงแล้วข้าวหมูแดงจะต้องใส่หมูแดงอย่างเดียว หรือมีหมูกรอบร่วมด้วย

‘หนุ่มวัยรุ่น’ เรียกแท็กซี่ไปดอนเมือง ได้ฟังเรื่องปรัชญา จากการสนทนากับ ‘คนขับ’ โชเฟอร์อดีตวิศวกร สอนการใช้ชีวิต ย้ำ!! ‘อย่าเป็นหนี้-อย่ายุ่งการพนัน’ มีสิบล้านก็หมด

(23 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Hroyrang Studio’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การได้พูดคุยกับพี่คนขับรถแท็กซี่ โดยได้ระบุว่า...

สายของวันกับการเรียกแท็กซี่ไปดอนเมือง..

โชเฟอร์: น้องดูบอลยูโรไหม..

โอม: ดูแต่คู่ 2 ทุ่มครับพี่ คู่ดึกดูไม่ไหว

โชเฟอร์: โอ้ย! เหมือนพี่เลย ปีนี้พี่คิดว่าเยอรมันน่าจะไปถึงรอบลึกเลย

โอม: ผมก็เชียร์เยอรมันครับ 

โชเฟอร์: พี่ก็เชียร์ พี่ชอบบอลระบบ 

โอม: เหมือนกันครับพี่

โชเฟอร์: ไม่รู้เกี่ยวกับการเป็นวิศวะหรือเปล่านะ (หัวเราะ)

โอม: วิศวะ?

โชเฟอร์: ก่อนมาขับแท็กซี่ พี่เป็นวิศวกรโยธามา 21 ปี ทำงานระบบพวกรถไฟฟ้าใต้ดินฐานราก แต่เบื่อแล้ว

โอม: แล้วทำไมมาขับแท็กซี่ครับ?

โชเฟอร์: อ๋อ..ตอนนั้นโฟร์แมนที่ทำงานด้วยเขาขับมาก่อน เขาเล่าให้พี่ฟัง พี่เลยขอยืมรถเขาไปขับ สรุปมันทำเงินได้เว้ย ที่สำคัญ มันไม่ต้องไปทะเลาะกับใครให้วุ่นวายเหมือนงานที่เราทำที่ต้องทะเลาะกับ ลูกค้า ตำรวจ ประปา อาคาร

โอม: ขับมากี่ปีแล้วครับ

โชเฟอร์: ผมขับมา 7 ปีแล้วนะ ขับจนได้เขียวเหลืองมา 1 คัน ผมปล่อยให้เช่าวันละ 600 แต่ก่อนจะออกจากงานผมวางแผนนะ ว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ ไม่เดือดร้อน ตอนทำวิศวกรเงินดี ผมก็ไม่ได้มีหนี้สินอะไรมาก เต็มที่ตอนนั้นคือ มีบ้านราคา 3.8 ล้าน เมื่อ 20 ปีที่แล้วนะ ผมก็รีบปิดได้ภายใน 8 ปี แบ่งเงินจากเงินเดือนและโบนัสมาโปะๆๆ ก็หมด 

โอม: โหดมากครับพี่ งี้พี่มีลูกไหมครับ

โชเฟอร์: มีสิ! มี 4 คน ค่าเทอมมาพร้อมกันทีหลักแสนได้ แต่ก่อนจะมีลูกมีภรรยา พี่ต้องสร้างความมั่นคงก่อน พี่มามีคู่ชีวิตตอนอายุ 38 โน่น

โอม: (นี่กูคุยกับใครอยู่ว่ะเนี่ย!) พี่ลงทุนไหมครับ

โชเฟอร์: ไม่มี..ลงทุนไม่เป็น พวกทองคำ กองทุน หุ้น ลงทุนไม่เป็น พี่ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน และซื้อที่ดินเอา มีอยู่ 50-60 ไร่ที่หนองคาย

โชเฟอร์: ทำงานนี้มันสบายใจนะ แต่มันต้องมีเป้า อย่างขับแต่ละวันเป้าพี่คือ 1,200 - 1,300 บาทต่อวันนะ เพราะพี่มี Fix Cost คือ เบียร์วันละ 3 ขวด (หัวเราะ)

เหมือนบทสนทนาได้ย่นระยะทางจากคอนโดมาดอนเมืองเพียงไม่กี่นาที มองถนนอีกทีอาคารดอนเมืองก็อยู่ตรงหน้า และรถก็ค่อยๆ เทียบจอดใกล้ทางเท้าสนามบิน

โอม: มีอะไรที่พี่อยากจะบอกผมไหมครับ

โชเฟอร์: อื้ม...อย่าเป็นหนี้! ถ้าอยากได้อะไรลองอดใจก่อน ลดความอยาก เราจะได้รู้ว่ามันจำเป็นป่าว อีกอย่างช่วงนี้ก็บอลยูโร อย่าไปยุ่งกับการพนัน มันแก้ยาก ต่อให้คุณมีเงินสิบล้านก็หมดได้

เหมือนเป็นการนั่งฟัง Talk Show ระหว่างไปดอนเมืองในราคาตั๋วเพียง 160 บาท (ค่าโดยสาร) เท่านั้น

'Pat Hemasuk' นักวิชาการ-อินฟลูฯ การเมือง เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบในวัย 64 ปี

(24 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) แจ้งข่าวมาว่า นายธนพัฒน์ หิมะสุข อายุ 64 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า 'Pat Hemasuk' นักวิชาการอิสระ ที่วิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมือง กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว

โดยศพสวดพระอภิธรรมที่ศาลา 16 วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 22-25 มิ.ย. 67 เวลา 19.00 น. และประชุมเพลิงในวันที่ 26 มิ.ย. 67 เวลา 16.30 น.

เชียงใหม่-เปิดกิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้น ม. 4 โครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ กลุ่มภาคเหนือตอนบน ปี 2567

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โดยนายสำเร็จ ไกรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ประธานศูนย์เครือข่ายห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน ประจําปีการศึกษา 2567 โดยมีนายคงกระพัน เวฬุสาโรจน์ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย นายบุญเสริญ สุริยา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวต้อนรับ นายสมบัติ คำบุญสูง รองผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวรายงาน ผู้ประสานงานห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ฯ เครือข่ายภาคเหนือตอนบน คณะวิทยากร คณะผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู แขกผู้มีเกียรติ และนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ฯ  ร่วมเปิดกิจกรรม ณ.ห้องประชุมดารารัศมี โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 

นายคงกระพัน เวฬุสาโรจน์ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ กลุ่มภาคเหนือตอนบน เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ เพราะในชีวิตประจำวันของนักเรียนและของมนุษย์ทุกคน จะต้องเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา วิวัฒนาการทางด้านความรู้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้านของชีวิต จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหล่อหลอมให้คนในสังคม 

โดยเฉพาะเยาวชนได้รู้จักวิธีการคิดอย่างมีเหตุผล มีวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญา โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากกระบวนการดังกล่าว เป็นกระบวนการที่สร้างคนให้มีเหตุผล มีความเชื่อมั่นในตนเอง ผ่านการวิเคราะห์สภาพการณ์ หรือปัญหาในชีวิตประจำวัน ให้อยู่ในแนวทางของเหตุและผลตามหลักตรรกะทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นคุณลักษณะหนึ่งที่สำคัญของพลเมืองในสังคมยุคปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต 

นายบุญเสริญ สุริยา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้เจริญก้าวหน้า มีพัฒนาการด้านคุณภาพ   ในการจัดการศึกษาอันมีรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละยุคสมัยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นโรงเรียน แม่ข่ายหรือศูนย์การเรียนรู้ในโครงการพิเศษต่าง ๆ มากมาย ทั้งในระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ รวมถึงยังได้รับเป็นศูนย์ประสานงานโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน อีกด้วย 

ซึ่งในบทบาทหน้าที่ที่ได้รับนี้ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยจึงได้ประสานความร่วมมือกับโรงเรียน ในเครือข่าย รวมถึงองค์กรภาคีเครือข่ายของโรงเรียน และหน่วยงานทางด้านวิทยาศาสตร์ ในการระดมสรรพกำลังของบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาช่วยกันขับเคลื่อนงานโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และมุ่งตรงสู่การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้เรียน  

การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มั่นใจว่านอกเหนือจากได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว นักเรียนและครูผู้ประสานงานโครงการทุกท่าน ยังจะได้รับประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียน ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เนื่องด้วยในแต่ละโรงเรียนอาจมีข้อดีและข้อจำกัดบางประการที่ไม่สามารถต่อยอดและเพิ่มพูนศักยภาพให้แก่นักเรียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากแต่เมื่อได้เดินทางมาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อาจจะเป็นการจุดประกายความคิดให้ทุกท่าน นำไปต่อยอดในการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการผลิตผลงาน หรือสร้างโครงงานทางวิทยาศาสตร์ให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนได้จริง ในวงกว้างต่อไป

ด้านนายสมบัติ คำบุญสูง รองผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า กิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 ของโรงเรียนในเครือข่ายโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน หรือกลุ่มโรงเรียน S.M.T.E. ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนแม่ข่าย รับหน้าที่ดำเนินการจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกปี มาตั้งแต่ ปีพุทธศักราช 2551 ถึงปัจจุบัน เพื่อสร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม รวมถึงจุดประกายแนวคิดในการทำโครงงาน และงานวิจัยสำหรับนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ ของโรงเรียนในเครือข่าย ให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน และเกิดประสิทธิผล ที่เป็นรูปธรรม
 
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนในเครือข่ายกลุ่มภาคเหนือตอนบน จำนวน23โรงเรียน เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น  694 คน โดยดำเนินการจัดกิจกรรมระหว่างวันที่  23-25 มิถุนายน พุทธศักราช 2567 ทั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจาก สพฐ. รวมถึงคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้มาให้ความรู้ และบรรยายพิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานวิจัยให้แก่นักเรียน 

ตลอดจนมีกิจกรรมการศึกษาเรียนรู้ตัวอย่างงานวิจัย จากแหล่งเรียนรู้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนได้รับโอกาสในการพัฒนาความรู้ และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งได้เพิ่มพูนประสบการณ์ ในการ เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัย และได้พบกับนักวิทยาศาสตร์มืออาชีพ เพื่อเป็นการจุดประกายในการเขียนหัวข้อโครงร่างงานวิจัยของนักเรียนต่อไป  

พัฒนชัย/เชียงใหม่

ปทุมธานี ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ฯ ขอบคุณผู้สนับสนุนละครเวทีการกุศลจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2567 รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอบคุณผู้สนับสนุนละครเวที การกุศลจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้  

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ  ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนผู้มีอุปการะคุณร่วมบริจาคสมทบทุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ผ่านการชมละครเวที ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล รอบการกุศล ในวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์  โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม ดังนี้ 1. เพื่อระดมทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2. เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นและเพียงพอต่อการให้บริการผู้ป่วยผ่าตัด 3. เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รายได้จากการจำหน่ายบัตรละครเวทีการกุศลในครั้งนี้มียอดรวมทั้งสิ้น 10,936,598 บาท  (สิบล้านเก้าแสนสามหมื่นหกพันห้าร้อยเก้าสิบแปดบาทถ้วน)  โดยวัตถุประสงค์ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ได้กล่าวข้างต้นจะสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้  หากไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากผู้มีอุปการะคุณ ทุกท่าน ในนามโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอขอบคุณ ผู้มีอุปการะคุณ ผู้บริจาคทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าเพื่อรับชมละครเวที ฟ้าจรดทราย รอบการกุศล และขอขอบคุณเงินบริจาคของทุกท่านที่ “ช่วยเรา เพื่อให้เราได้ช่วยคนอื่นต่อไป”

ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

'โซเชียล' วิจารณ์ยับ!! 'แก้ว ธิษะณา' ไลฟ์สดไฟไหม้บ้าน  โวย!! จนท.มาช้า เจอหน้าตะคอกสั่งไม่ยั้ง ล่าสุดลบคลิปเกลี้ยง

(24 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เต็มโซเชียล หลังจากที่ นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล หลานของ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ธิษะณา ชุณหะวัณ – แก้วตา – Tisana Choonhavan’ โดยระบุเกิดเหตุไฟไหม้ในบ้านของตัวเอง ซึ่งอยู่ที่ซอยพหลโยธิน 5 หรือซอยราชครู เขตพญาไท กทม. พร้อมอ้างว่า “เรียกรถดับเพลิงไปนาน 20 นาที แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย เดินทางมาควบคุมเพลิงเลย” อีกทั้งในบางช่วงยังอ้างอีกว่า “ฝากช่วยกันเรียกรถดับเพลิงมาเพิ่มด้วย เพราะว่าเรียกไปนานเป็นชั่วโมง ยังไม่มีใครมาเลย จนระเบิดไปทั้งหลังแล้ว ขนาดนี้ดิฉันเป็นสส.นะ ดิฉันยังทำอะไรไม่ได้เลย”

ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงกรณีดังกล่าว อาทิ 

‘ขนาดนี้ยังไม่รู้จักกาลเทศะเลยเหรอว่าต้องทำอะไรที่มันสำคัญก่อนหลัง โลกในโซเชียลฯนะเพลาๆบ้างก็ได้’

‘ดับเพลิงมาตามปกติ ไปตะคอกใส่เขาอีก ไม่ฟังเหตุผลนักดับเพลิงบ้างไฟฟ้าก็ยังไม่ตัดจะให้เขารีบฉีดน้ำ จะให้เขาตายไง อยากจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศแต่นิสัยมีอำนาจแล้วเป็นแบบนี้’

‘เราอยู่ในซอยนั้นพอดี ทานข้าวอยู่ พอเห็นไฟอยู่ ไม่เกิน 10-15 นาที ดับเพลิงก็มานะ มาเยอะด้วยทั้งแบบเล็กแบบใหญ่ ณ ตอนนั้นลุ้นอยู่ว่าจะลามมั้ย แต่ก็จะเข้าออกลำบากหน่อยเพราะเป็นซอยแคบ และรถเจ้าหน้าที่ต่างๆ มาเยอะมาก เลยพยายามไม่ขับรถหนีออกเพราะกลัวไปขวางการจราจรเค้า เพราะแรกๆเลยคิดว่าเจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์ถนนให้รถที่ขับหนีออกไปก่อนล่ะ แต่เจ้าหน้าที่คุมไฟได้เร็วมาก เพราะมาถึง แปบนึงตัดไฟฟ้า แล้วคุมเพลิง ค่อนข้างไวเลย’

ขณะที่ นางสาวธิษะณา ลบไลฟ์สดดังกล่าวแล้ว ล่าสุดโพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “ขอบพระคุณทุกคนสำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ทุกหน่วยงานที่เข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พญาไท ผอ.เขตพญาไท จนท. สำนักงานเขตพญาไท ญาติๆทุกคนที่มาที่เกิดเหตุช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เข้าช่วยเหลือค่ะ”

“ขอบพระคุณ ส.ส. กัณตภณ ดวงอัมพร แรมโบ้ ก้าวไกล พญาไท ดินแดง ส.ส. ปวิตรา จิตตกิจ – Pavitra Jittakit ส.ส. กานต์ ภัสริน รามวงศ์ – Patsarin Ramwong ส.ส. เอกราช อุดมอำนวย – ทนายจอจาน – Ekkarach Udomumnouy ส.ส.ฟลิ้นท์ ที่มาหาแก้วถึงที่เกิดเหตุ”“ขอบพระคุณหัวหน้า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ส.ส. ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ – ทนายแจม – Sasinan Thamnithinan ที่โทรหาคนแรกๆและทุกหน่วยงานที่เข้าช่วยเหลือค่ะ”

“ตอนนี้ทุกชีวิตปลอดภัย แต่บ้านส่วนที่เป็นไม้ถูกไฟไหม้ประมาณ 50% ค่ะ”

คำประกาศสละราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗

“…ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใดคณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร…”

คำประกาศสละราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗

'รัดเกล้า' เผย!! 'นายกฯ-สุริยะ' มั่นใจความคืบหน้าท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3  ทุกแผนงานเสร็จทันกำหนด มิ.ย.69 พร้อมรับนักลงทุน-ลดต้นทุนขนส่งไทย

เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ติดตามและเร่งรัดการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะร่วมลงพื้นที่ และมีนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ผู้บริหารการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้แทนกิจการการค้าร่วม CNNC ร่วมให้การต้อนรับ

นางรัดเกล้า เปิดเผยอีกว่า การมาติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เป็นการติดตามความคืบหน้าของนายกฯ หลังจากการตรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้เดินทางมาตรวจ พบว่ามีความล่าช้า แต่ภายใต้การนำของนายสุริยะ ก็สามารถที่จะแก้ไขได้เหลือร้อยละ 4 และจะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในสิ้นปีหน้า ทำให้การก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้คือเดือนมิถุนายน 2569 ซึ่งทางทีมงานมีความกระตือรือร้น และตนเองให้กำลังใจ ทุกคน พูดคุยปัญหาอย่างตรงไปตรงมา และทราบว่าการนำหินเข้ามามีปัญหา ซึ่งนายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้แล้ว โดยเชื่อว่าทุกอย่างจะดำเนินการต่อไปได้เพราะทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา

ด้านผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า การก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนงานที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเล มีกิจการร่วมค้า CNNC เป็นผู้รับจ้าง มูลค่างานรวม 21,320 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยงานถมทะเลทั้งหมดประมาณ 2,846 ไร่ หรือ 4.5 ล้านตารางเมตร งานขุดลอกร่องน้ำและแอ่งจอดเรือให้มีระดับความลึก 18.5 เมตร และงานเขื่อนกันคลื่น ทั้งนี้  เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมามีความคืบหน้าเพียง 13.26%  ซึ่งหลังจากที่นายกฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามและได้มีข้อสั่งการให้ กทท. เร่งรัดการก่อสร้างให้ทันตามแผน  ทาง กทท. ได้กวดขัน ติดตามการบริหารสัญญาและควบคุมการทำงานของผู้รับจ้างตามข้อสั่งการ สามารถเร่งรัดได้เนื้องานเพิ่มขึ้นกว่า 17%

ผู้ควบคุมงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเลอีกด้วยว่า ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ดำเนินงานได้ 31.12% จากแผนปฏิบัติงาน 35.11% แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะดำเนินงานอย่างเต็มที่ แต่ยังคงล่าช้ากว่าแผน 3.99% ซึ่งผู้ควบคุมงานได้จัดทำแผนเร่งรัดการปฏิบัติงาน โดยเพิ่มเครื่องจักรทางบก ทางน้ำ และแรงงานให้สัมพันธ์กัน เพื่อให้สามารถขุดลอก ได้มากกว่า 2,000,000 ลบ.ม. ต่อเดือน ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ได้กำกับดูแลและควบคุมเร่งรัดการทำงานให้ผู้รับจ้างมีผลงานโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3% ต่อเดือน

ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวเพิ่มเติมว่าจากปัจจุบันผลงานก่อสร้างของผู้รับจ้างยังมีความล่าช้ากว่าแผนฯ   แต่ก็มีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมั่นใจว่าการก่อสร้างงานทางทะเลจะดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนภายในมิถุนายน 2569 รวมถึงจะไม่กระทบกับสัญญาของบริษัทเอกชนคู่สัญญาบริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด ที่ กทท. จะต้องมีการส่งมอบเฉพาะพื้นที่งานถมทะเลท่าเทียบเรือ F1 ปัจจุบันมีความคืบหน้าการถมไปกว่า 97% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกรกฎาคม 2567 นี้ หลังจากนั้นจะมีเวลาอีกประมาณ 1 ปีเศษ ที่จะต้องการตรวจสอบการปรับปรุงคุณภาพพื้นที่ เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับบริษัท จีพีซี ได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 

ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวต่อไปว่า งานส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้วเสร็จเมื่อเร็วๆ นี้โดยบริษัทไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ที่วงเงิน 7,298 ล้านบาท ซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางประมาณ 160 ล้านบาท กทท. สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในต้นกรกฎาคม 2567 สำหรับงานส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ มูลค่า 799 ล้านบาท และส่วนที่ 4 งานจัดหาประกอบและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับขนย้ายสินค้า พร้อมออกแบบประกอบและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสำหรับบริหารท่าเรือและโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2,257 ล้านบาท ทั้งสองส่วนอยู่ระหว่างการสรรหาผู้รับจ้างจัดทำเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงปลายปี 2567 นี้ 

“โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการรองรับปริมาณตู้สินค้าที่จะเพิ่มขึ้น  หากโครงการแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการจะสามารถรองรับปริมาณการขนส่งตู้สินค้าได้เพิ่มขึ้นอีก 7 ล้านทีอียูต่อปี ประกอบด้วยท่าเรือ F1 จำนวน 2 ล้านทีอียูต่อปี ท่าเรือ F2 จำนวน 2 ล้านทีอียูต่อปีท่าเรือ E จำนวน 3 ล้านทีอียูต่อปี ซึ่งเมื่อรวมกับขีดความสามารถเดิมของท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 1 และ 2 ที่ 11 ล้านทีอียูต่อปี  จะทำให้ท่าเรือแหลมฉบังมีขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าได้ถึง 18 ล้านทีอียูต่อปี  ในส่วนนี้จะทำให้เพิ่มปริมาณการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟและท่าเรือชายฝั่ง รวมถึงการเชื่อมโยงการขนส่งทางรางกับท่าเรือบกให้เพิ่มมากขึ้นด้วย เป็นการเพิ่มศักยภาพและรองรับการขยายตัวสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจการลงทุนของประเทศอย่างมหาศาล จะช่วยสนับสนุนให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค อีกทั้งช่วยสนับสนุนการลดต้นทุนการขนส่งโดยรวมของประเทศจากร้อยละ 14 ของ GDP เหลือร้อยละ 12 ของ GDP สอดรับนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์มุ่งให้ไทย เป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาคต่อไป” นางรัดเกล้า ย้ำ

‘อ.ไชยันต์’ ย้อนคำพูดทูตอังกฤษวิจารณ์บางคนใน ‘คณะราษฎร’ “มีความสามารถ อยากตั้งสาธารณรัฐ แต่ดิบและขาดประสบการณ์”

เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย. 67) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Chaiyan Chaiyaporn' ระบุว่า…

“ทูตอังกฤษเป็นสลิ่ม (วาทะ ลุงมะเขือ) ว่าด้วยวาทกรรม ต่อต้าน 2475 : ใครเอ่ย กล่าวในปี 2475 ถึง “บางคน” ในคณะราษฎรว่า”

“ส่วนกลุ่มหัวรุนแรงนั้นเชื่อกันว่า ต้องการจัดตั้งสาธารณรัฐ ระบบโซเวียต หรือระบบที่ใกล้เคียงอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะเป็นไปได้ คนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มน้อย และแม้บางคนจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้มีความสามารถมากกว่าคนทั้งปวง แต่ก็มีลักษณะ “ดิบ” (raw) และขาดประสบการณ์?”

“เฉลย : นายซีซิล ดอร์เมอร์ (Cecil Dormer) อัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ระหว่าง พ ศ 2472-2477”

“อ้างอิง ( [F 7857/4260/40] “Mr. Dormer to Sir John Simon, 7 October 1932, British Documents.)”

“แม้แต่ทูตอังกฤษก็ร่วมขบวน “แซะ” ไปกับเขาด้วยหรือ ?!”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top