Wednesday, 25 June 2025
NewsFeed

รองผู้บัญชาการทหารเรือตรวจที่ดินกองทัพเรือในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (จ.สงขลา)

เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดิน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่

ระหว่างวันที่ 19 - 21 มิ.ย.67 พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการที่ดินกองทัพเรือ และคณะ เดินทางไปตรวจที่ดินกองทัพเรือในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (จ.สงขลา) ประกอบด้วย ที่ดินเกาะแต้ว ต.เกาะแต้ว และ ต.ทุ่งหวัง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา , ที่ดินสวนเก๋ง ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา และร่วมพิจารณาในการดำเนินการที่ดินบริเวณ ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช โดยได้รับฟังการบรรยายสรุป ร่วมพิจารณา และให้คำแนะนำในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินก่อนเข้าตรวจพื้นที่ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา

การตรวจที่ดินครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่ภายใต้การปกครองของทัพเรือภาคที่ 2 และรับทราบปัญหา อุปสรรคข้อขัดข้อง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะต้องได้รับการขับเคลื่อนระดับนโยบาย อีกทั้งเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับกองทัพเรือ

ในการนี้รองผู้บัญชาการทหารเรือได้เน้นย้ำว่า “…การตรวจที่ดินในความรับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 2 นอกจากจะมีปัญหาคล้ายกับพื้นที่อื่น ในการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ยังมีงานที่ต่างออกไปคือ การแลกเปลี่ยนที่ดินกับเอกชน และการขอถอนสภาพที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า เพื่อขึ้นทะเบียนและใช้ในราชการต่อไป จำเป็นต้องอาศัยความเอาใจใส่ และกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการมาก ดังนั้น หากมีอุปสรรคข้อขัดข้องที่จะให้คณะกรรมการฯ ช่วยเหลือ สามารถแจ้งผ่านฝ่ายเลขาฯ ได้ตลอดเวลา และเชื่อมั่นว่า หากตั้งใจจริง และมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องแล้ว งานแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินของกองทัพเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ ก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี…”

ทั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การใช้ที่ดินของกองทัพเรือให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือไปพร้อมกับการได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน และเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือด้านการส่งกำลังบำรุงในการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพเรือที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล

ชัยภูมิ- จัดกิจกรรม RUN WITH LOVE 'วิ่งด้วยรัก ครบรอบ 71ปี โรงพยาบาลชัยภูมิ'

เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 22 มิถุนายน 2567 นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ,ปลัดจังหวัดชัยภูมิ ,หัวหน้าส่วนราชการ, สื่อมวลชน, และพี่น้องชาวชัยภูมิ และนักวิ่งผู้รักสุขภาพทั่วประเทศ กว่า 3,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม RUN WITH LOVE “วิ่งด้วยรัก ครบรอบ 71ปี โรงพยาบาลชัยภูมิ” จุดปล่อยตัว ณ บริเวณหน้าศาลากลางขังหวัดชัยภูมิ

ผศ.(พิเศษ) นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ บำรุงถิ่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยภูมิ ประธานจัดกิจกรรม กล่าวว่า ชาวชัยภูมิสุดปลื้มพร้อมใจกันร่วมงานฉลองครบรอบ 71 ปีการก่อตั้งโรงพยาบาลชัยภูมิ ด้วยการจุดวิ่ง RUN WITH LOVE วิ่งด้วยรัก อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 3,000 คน ก่อนที่จะทำพิธีทำบุญโรงพยาบาล และที่ชาวชัยภูมิ ผู้เข้ารับบริการ วันหลายหลาย 10,000 คน ที่ต้องพูดเป็นเสียงเดียวว่าต้องเจอกับปัญหาและยากลำบากในการหาที่จอดรถมาเป็นเวลายาวนานมาก 

คณะกรรมการร่วมพัฒนาโรงพยาบาลชัยภูมิ ได้รับทราบเรื่องการขออนุมัติสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างโรงจอดรถขนาด10 ชั้นเป็นเงินกว่า98 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนที่จะเข้ามาใช้บริการได้รับความลำบากในการหาที่จอดรถเพราะสถานที่จอดภายในโรงพยาบาลมีอย่างจำกัด จึงต้องทะลักข้ามไปใช้และจอดในพื้นที่ศาลากลางชัยภูมิมานานหลาย10ปีแล้ว ขณะเดียวกันโรงพยาบาลชัยภูมิ ได้มีการเติบโตในด้านแผนกการรักษาที่เพิ่มขึ้น 

พร้อมทั้งมีการขยายตัวในการที่จะรองรับ น.ศ.แพทย์ ที่ต้องมาศึกษาที่ศูนย์โรงพยาบาลชัยภูมิแห่งนี้ในอนาคต ซึ่งงบประมาณในครั้งนี้ต้องขอบคุณที่ภาคส่วนที่มีส่วนร่วม โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่เล็งเห็นความสำคัญและได้อนุมัติงบประมาณในครั้งนี้ และถือว่าเป็นข่าวดี ชาวชัยภูมิได้ฝันที่เป็นจริง ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนที่จอดรถ ภายในโรงพยาบาล ซึ่งส่งผลต่อความสะดวกสบายของผู้มาใช้บริการ โดยอาคารจอดรถใหม่นี้ จะสามารถรองรับรถได้จำนวนมาก ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด และอำนวยความสะดวกให้กับผู้มารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นที่ ได้มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่ง จากแรงขับเคลื่อนของทุก ๆ ท่านในวันนี้ ในโอกาสครบรอบ 71 ปี โรงพยาบาลชัยภูมิปีนี้นับว่าเป็นปีแห่งความเจริญรุ่งเรือง เป็นปีที่เป็นข่าวดี  เราได้งบประมาณในการก่อสร้างอาคารหอผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใน จำนวน 300 เตียง ซึ่งเป็นอาคาร 8 ชั้น และยังได้งบประมาณสนับสนุนอาคารจอดรถ10 ชั้น ที่จะได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ในอาทิตย์วันที่ 23 มิถุนายนนี้

ทรภ. 1 จัดกิจกรรมผู้นำเยาวชนพัฒนาสัมพันธ์ กองทัพเรือ ประจำปี 2567

วันที่ 21 มิ.ย.67 เวลา 09.00 น. กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) จัดกิจกรรมผู้นำเยาวชนพัฒนาสัมพันธ์ กองทัพเรือ ประจำปี 2567 โดยมี พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีฯ  ณ โรงเรียนเฉลียวภาวนานุสรณ์ (ศึกษาพิเศษชลบุรี) ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

 

 

กิจกรรมผู้นำเยาวชนพัฒนาสัมพันธ์ กองทัพเรือ ประจำปี 2567 เป็นหนึ่งในโครงการประชาสัมพันธ์สำหรับเยาวชนยุคใหม่ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกในเรื่องของความรักความสมานฉันท์ รู้รักสามัคคี และสามารถนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เป็นกำลังในการเผยแพร่และเสริมสร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดในสังคมอย่างยั่งยืน

โดยในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทัพเรือภาคที่ 1 ได้นำกำลังพลจิตอาสาของทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการจิตวิทยา ฐานทัพเรือสัตหีบ อบรมให้ความรู้ และร่วมกิจกรรมนันทนาการ เล่นเกมส์ ฝึกทักษะให้กับน้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนเฉลียวภาวนานุสรณ์ (ศึกษาพิเศษชลบุรี) ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กพิเศษ เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ กระตุ้นให้เด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน รวมถึงช่วยสร้างประสบการณ์ทางสังคมในด้านต่าง ๆ ร่วมกันด้วย ทั้งนี้ยังมีการจัดเลี้ยงและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับน้อง ๆ  อีกด้วย

ทำให้น้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนเฉลียวภาวนานุสรณ์ (ศึกษาพิเศษชลบุรี) มีความสุข สนุกสนาน ได้รับความรู้ และขอขอบคุณพี่ ๆ ทหารเรือที่แสนใจดีของทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ ที่ให้โอกาสได้มีกิจกรรมดี ๆ สนุกสนาน และน่าจดจำ จึงอยากให้พี่ทหารเรือ มาจัดกิจกรรมแบบนี้อีกต่อไป

'ส่งออก' ติดสปีด!! พ.ค.โต 7.2% แรงหนุนจากสินค้าเกษตร ชวนจับตา 'ทุเรียน' โตแรง!! มั่นใจครองแชมป์ตลาดจีน

(22 มิ.ย.67) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ค.2567 มีมูลค่า 26,219.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.2% โดยมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 เดือน และขยายตัวเป็นบวก 2 เดือนติดต่อกัน คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 960,220 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 25,563.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.7% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 947,007 ล้านบาท เกินดุลการค้า 656.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 13,214 ล้านบาท รวม 5 เดือน ของปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) การส่งออก มูลค่า 120,954.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 4,298,248 ล้านบาท การนำเข้า มูลค่า 125,954.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 4,542,224 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 5,460.7 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 243,976 ล้านบาท

สำหรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 19.4% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 36.5% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 0.8 สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ยางพารา อาหารสัตว์เลี้ยง ไก่แปรรูป ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร นมและผลิตภัณฑ์นม ส่วนสินค้าที่ลดลง เช่น ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 4.7%

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 4.6% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 2.4%

ทางด้านตลาดส่งออก ตลาดหลัก เพิ่ม 8% โดยสหรัฐฯ เพิ่ม 9.1% CLMV เพิ่ม 9.6% จีน เพิ่ม 31.2% แต่อาเซียน (5) ลด 0.6% และสหภาพยุโรป (27) ลด 5.4% ญี่ปุ่น ลด 1% ตลาดรอง เพิ่ม 5.1% โดยเอเชียใต้ เพิ่ม 22.4% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 14.8% รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 2.7% แต่ทวีปออสเตรเลีย ลด 1.4% ตะวันออกกลาง ลด 8.1% แอฟริกา ลด 19% สหราชอาณาจักร ลด 1.5% ตลาดอื่น ๆ เพิ่ม 11.5% อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 28.1%

นายพูนพงษ์กล่าวว่า เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้ พลิกกลับมาเป็นบวกสูงถึง 128% โดยในนี้เป็นการส่งออก ทุเรียน 83,059.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% แสดงให้เห็นว่า ทุเรียนของไทยยังส่งออกได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีน หลังจากที่ลดลงช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า เพราะผลผลิตปีนี้ออกล่าช้า แต่พอเดือน พ.ค. ผลผลิตมีเต็มที่ ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น และคาดว่าเดือนต่อ ๆ ไปก็จะส่งออกได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีทุเรียนภาคใต้ ที่จะเข้ามาเสริม ทำให้มั่นใจว่าไทยยังคงเป็นแชมป์ส่งออกไปจีนเหนือคู่แข่งแน่นอน

สำหรับแนวโน้มการส่งออกเดือน มิ.ย.2567 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง และยังเป็นบวก แม้ว่าฐานเดือนเดียวกันของปี 2566 จะอยู่ในระดับสูงที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขครึ่งปี เป็นบวกแน่นอน ส่วนครึ่งปีหลัง การส่งออกยังจะเติบโตได้ดี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก ปัญหาเงินเฟ้อที่เบาบางลง ธนาคารกลางของแต่ละประเทศมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ค่าระวางเรือ ที่เป็นผลลบต่อการส่งออก แต่ตัวเลขทั้งปียังมั่นใจจะขยายตัว 1-2%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกยังคงเติบโตได้ดี แต่ภาคเอกชนมีความกังวลในเรื่องค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยค่าระวางเรือไปยุโรป เพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และเส้นทางไปสหรัฐฯ ก็เพิ่ม 2 เท่าเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นต้นทุน แต่ยังประเมินส่งออกครึ่งปี 2567 น่าจะบวกได้ 2%

ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการตำรวจทั่วประเทศระดมปราบปรามการพนันฟุตบอลยูโร 2024 ทั้งออนไซต์และออนไลน์ ล่าสุด 7 วันจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 1,700 คน ดำเนินคดี 62 เว็บไซต์

เมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน 2567) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 ในห้วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือฟุตบอลยูโร 2024 ระหว่างในวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทั้งออนไลน์และออนไซต์

ภาพรวมผลการจับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร ปี 2024 ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14-20 มิถุนายน 2567 แบ่งเป็น
1. การจับกุมการพนันออนไซต์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 1,578 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ 65 คน , ผู้เล่น 1,503 คน , คนเดินโพย 10 คน 
2. การจับกุมการพนันออนไลน์ สามารถจับกุมได้ 62 เว็บไซต์ ผู้ต้องหารวม 248 คน แบ่งเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน 28 คน , ผู้เล่น 220 คน พบเงินหมุนเวียนในระบบทั้ง 62 เว็บไซต์ รวม 1,400,150,007 บาท โดยคดีสำคัญคือการจับกุมของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งสามารถจับกุมได้รวม 4 เว็บไซต์ เงินหมุนเวียนกว่า 1,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ พล.ต.ท.อัคราเดชฯ กล่าวว่า การพนันประเภทต่างๆ เป็นความผิดตามกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีทุกรายโดยไม่ละเว้น โดยผู้เล่น ผู้ชักชวน และผู้จัดให้มีการพนันฟุตบอล จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากการกระทำความผิดเป็นไปในลักษณะมีการชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมี ความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ผู้ปกครองหรือผู้กระทำผิดก็อาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ในมาตรา 26 (3) ประกอบ มาตรา 78 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแสหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการพนันทายผลฟุตบอล หรืออาชญากรรมอื่น ๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เชียงใหม่ - พิธีมอบหมวกและเข็ม คณะพยาบาลศาสตร์ มช.ประจำปีการศึกษา 2567

คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีมอบหมวกและเข็มชั้นปีแก่นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 194 คน แบ่งเป็น หลักสูตรปกติ 164 คน และหลักสูตรนานาชาติ จำนวน 30 คน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน ภายในงานได้รับเกียรติจาก ผู้แทนหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ผู้แทนสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ ผู้แทนสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา และ ผู้ปกครองของนักศึกษา ร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น ณ ห้องประชุมวิจิตร ศรีสุพรรณ อาคาร 2 เมื่อวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2567

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า พิธีมอบหมวกและเข็มชั้นปีนับเป็นพิธีการที่สำคัญถือปฏิบัติก่อนการขึ้นฝึกปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วย เป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์อันทรงเกียรติในวิชาชีพพยาบาล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาเข้าสู่วิชาชีพการพยาบาลอย่างสมภาคภูมิ โดยนักศึกษาพยาบาลจะให้การปฏิบัติการพยาบาล รวมทั้งดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์จริง ทั้งนี้นักศึกษาพยาบาลที่เข้ารับมอบหมวกและเข็มชั้นปีต้องศึกษาภาคทฤษฎีและสอบผ่านรายวิชาการพยาบาลพื้นฐานครบถ้วน จึงจะสามารถฝึกปฏิบัติการพยาบาลกับผู้รับบริการในสถานบริการสุขภาพได้ ในการฝึกปฏิบัติดังกล่าวนักศึกษาต้องแต่งกายด้วยเครื่องแบบสีขาวของนักศึกษาพยาบาล ตลอดจนสวมหมวกพยาบาล

หมวกพยาบาล เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอ่อนน้อม ถ่อมตน มีความพร้อมที่จะดูแล ช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ทําให้ผู้สวมใส่ได้ตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ รวมทั้งประพฤติตนให้เหมาะสมตามจรรยาบรรณวิชาชีพทางการพยาบาล สำหรับนักศึกษาชายติดเป็นเข็มชั้นปี นอกจากนี้การมอบตะเกียงไนติงเกลเป็นสัญลักษณ์ของมิสฟลอเรนซ์ ไนติงเกล บูรพาจารย์ผู้ให้กําเนิดวิชาชีพการพยาบาลของโลก ตะเกียงไนติงเกลนั้นเป็นเครื่องหมายของดวงประทีปแห่งการพยาบาล ท่านได้อุทิศชีวิตเพื่อการพยาบาลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากสงคราม ทุกคืนท่านถือตะเกียงเดินเยี่ยมและดูแลทหารที่บาดเจ็บ ดวงตะเกียงจึงเป็นดั่งดวงประทีปที่ช่วยขับไล่ความมืดมนและความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้เจ็บป่วยเป็นสิ่งช่วยเตือนใจนักศึกษาทุกคนให้เสียสละและตระหนักว่าตนเป็นทายาททางการพยาบาลที่สืบทอดเจตนารมณ์ในการดูแลผู้ป่วยต่อไป

นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ทุกคนที่ผ่านพิธีสำคัญในวันนี้แล้วนั้นพึงต้องใช้องค์ความรู้ อีกทั้งคุณธรรมเป็นหลักในการปฏิบัติงาน ขอให้นักศึกษาตั้งใจในการฝึกปฏิบัติ ให้บริการด้านสุขภาพแก่ผู้รับบริการอย่างเต็มกำลังสุดความสามารถ ด้วยจิตอันเป็นเมตตากรุณา เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย) อันเป็นเกียรติประวัติต่อตนเอง ครอบครัว สถาบัน และวิชาชีพพยาบาล

ผู้ที่สมัครใจเลือกวิชาชีพพยาบาล เป็นผู้ที่สมควรได้รับการยกย่อง เพราะเป็นผู้ที่มิใช่เพียงแต่ประกอบอาชีพโดยใช้กำลังแรง และกำลังกายเท่านั้น แต่ต้องใช้กำลังใจอย่างแรงกล้า ในการปฏิบัติงานอีกด้วย ท่านควรสำนึกในหน้าที่ที่ท่านรับผิดชอบอยู่ตลอดเวลา และปฏิบัติงานด้วยความกล้าหาญอดทน พร้อมทั้งรักษาความซื่อสัตย์ และมีเมตตากรุณา คุณสมบัติต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับพยาบาล...พระราชดำรัสของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย)

‘สุริยะ’ เผย ‘โทลล์เวย์’ ยอมลดค่าผ่านทาง เร่ง!! ปรับเงื่อนไขสัญญา หาราคาที่เหมาะสม

(22 มิ.ย.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัททาง ยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือทางด่วนโทลล์เวย์ประกาศเตรียมปรับค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทานในวันที่ 22 ธ.ค.67 ตนเล็งเห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับค่าครองชีพของประชาชน จึงได้ให้กรมทางหลวง (ทล.) เจรจากับเอกชนคู่สัญญา อีกทั้งตนยังได้โทรศัพท์ไปยังนายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เพื่อเจรจาให้ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทาง และได้ข้อสรุปเบื้องต้นของการเจรจาโดยทางเอกชนยินดีร่วมมือ แต่ขอให้รัฐชดเชยในลักษณะคล้ายกับการเจรจากับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือบีอีเอ็ม ที่ขยายสัญญาสัมปทานแลกกับปรับโครงสร้างค่าผ่านทางลงเหลือ 50 บาทตลอดสาย

นอกจากนั้นตนยังได้มอบหมายให้ ทล.ศึกษารายละเอียดเปรียบเทียบกรณีปรับลดค่าผ่านทาง ต้องคงอัตราเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมไม่เป็นภาระประชาชนมากเกินไป และหากลดค่าผ่านทางลง จะต้องขยายสัญญาสัมปทานเพิ่มอย่างไร อีกทั้งการดำเนินงานเหล่านี้จะจูงใจให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการทางด่วนโทลล์เวย์เพิ่มขึ้นอย่างไร โดยหากปรับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันปริมาณ 4-5 หมื่นคันต่อวัน เป็น 8 หมื่นคันต่อวัน ทางด่วนจะรองรับได้หรือไม่

แน่นอนว่าจะไม่ใช้วิธีชดเชยเงิน เพราะจะเป็นภาระงบประมาณ แต่ใช้วิธีเจรจากับเอกชนขยายสัญญาแลกเปลี่ยน แต่จะขยายนานแค่ไหน ทางหลวงจะศึกษา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการเจรจาขยายสัญญาสัมปทานครั้งนี้ ไม่ได้เอื้อเอกชน แต่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะหากไม่เจรจาและปล่อยให้สัมปทานหมด ประชาชนต้องแบกภาระค่าผ่านทางที่จะปรับขึ้นตามสัญญาสัมปทานอีก 2 ครั้ง ในเดือน ธ.ค.67 และ ธ.ค.72

‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ ฟาด ‘สส.รักชนก’ แสดงภาษากาย ไม่เหมาะสม ชี้!! ขนาดรองประธานสภาฯ อดีตพรรคเดียวกัน ยังไม่ให้เกียรติ

(22 มิ.ย.67) สืบเนื่องจากการอภิปรายพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ช่วงที่น.ส.รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ได้นำภาพตัดต่อรูปภาพนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาประกอบในการอภิปรายดังกล่าว โดยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 ได้ตักเตือน น.ส.รักชนก ว่า เป็นการเสียดสี และได้ชี้แจงประเด็นเรื่องการเปลี่ยนสไลด์ของผู้อภิปราย ว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาล แต่เป็นกรรมการตรวจสไลด์ของรัฐสภา ทำให้น.ส.รักชนกแสดงออกด้วยท่าทีไม่พอใจ

ต่อมามีผู้นำคลิปช่วงดังกล่าวมาเผยแพร่ในแพลตฟอร์ม X โดย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือเจี๊ยบ ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้แชร์คลิปนี้พร้อมแสดงความคิดเห็นประกอบว่า 

"ดิฉันเห็นด้วยว่า move นี้ไม่ ok รวมถึงการใช้ภาษากายไม่สุภาพ"

‘นักกฎหมายอิสระ’ โต้ ‘เนติบริกร-กฤษฎีกา’ ตีความกฎหมายผิด ย้อนถาม!! ถ้ามี ตำรวจถูกจับกลางบ่อน ยังต้องรอการสอบสวนอีกไหม

เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.67) จากกรณี นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการสอบสวน ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชนเกี่ยวกับความขัดแย้ง ในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยได้ระบุว่า 

ผมเกรงว่า อ.วิษณุ และ คณะกรรมการกฤษฎีกา อาจตีความกฎหมายผิดพลาดนะครับ

ข้ออ้าง อ.วิษณุ เรื่อง มาตรา 120 วรรคท้าย เป็นเรื่องกรณีวินัยทั่วไป ที่อาจต้องรอการสอบสวนชัด ๆ เห็นได้จาก มาตรา 120 วรรคสามเอง ยังบอกว่าถ้าผิดชัดไม่ต้องรอการสอบสวนก็ได้ 

ส่วนกรณี บิ๊กโจ๊ก เป็นกรณี มาตรา 131 ใช้กับกรณีร้ายแรงยิ่งกว่าวินัยทั่วไปหรือความผิดอาญา กฎหมายให้อำนาจ นายกฯ หรือ ผบ.ตร. ดำเนินการสั่งให้ตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนได้ ไม่ต้องรอการสอบสวน

ถ้านายตำรวจถูกจับกลางบ่อนพร้อมยาเสพติด อ้างว่าเดินหลงเข้าไปพอดี ยังต้องรอการสอบสวนไหมครับ ?

‘ตำรวจปอท.’ บุกรวบเจ้าของเพจดัง ‘Top Comment’ เหตุ!! รับจ้างโปรโมต ‘เว็บพนันฟุตบอลยูโร’

(22 มิ.ย.67) พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.สั่งการ พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี, พ.ต.ท.หญิง สุธัญดา เอมเอก สว.กก.3 บก.ปอท.นำกำลังจับกุม นายชวัลวิทย์ฯ หรือเดียร์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางแท็บเล็ต IPAD Pro จำนวน 1 เครื่อง ,คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 2 เครื่อง ,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ IPHONE 1 เครื่องและสมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 เล่ม ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 ต.ตลาด อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้สืบเนื่องช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ทาง บก.ปอท. ตรวจพบเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ Top Comment ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะมีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน โพสต์รูปภาพเป็นคอมเมนต์ต่าง ๆ และติดป้ายโฆษณาของเว็บไซต์พนันฟุตบอล เพื่อชักชวนให้เล่นการพนัน จนทราบว่าเจ้าของเพจคือนายชวัลวิทย์ จึงเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว

สอบสวน นายชวัลวิทย์ รับสารภาพว่า เปิดเพจมาตั้งแต่ปี 57 เผยแพร่ภาพและข้อความที่เป็นกระแส จนมีผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคน พร้อมรับลงโฆษณาต่าง ๆ โดยยอมรับว่าปัจจุบันกว่า 90% เป็นโฆษณาเว็บไซต์การพนันฟุตบอล มีรายได้เดือนละ 150,000 บาท จึงแจ้งข้อหา “ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันฯ” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.ดำเนินคดีต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top