Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

ตำรวจ ทหาร ปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรม และรณรงค์ป้องกัน โควิด-19

เย็นวันที่ 20 พ.ค.64 ที่ สภ.เมืองเชียงราย พล.ต. ศุภฤกษ์  สถาพรผล ผบ.มทบ.37 มอบหมายให้ กยก.มทบ.37 จัดกำลังพล เจ้าหน้าที่จาก ร้อย.สห.มทบ.37 ร่วมกับ พ.ต.อ.โสภณ  ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ปล่อยแถวระดมกวาดล้างแรงงานต่างด้าว โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย ฝ่ายปกครอง บูรณาการ และเพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในห้วง 19-25 พฤษภาคม 64 บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ เชียงราย

ที่ปรึกษาด้านสื่อสาร ศบค. ‘ดร.วรัชญ์ ครุจิต’ ยกข้อมูลโต้กรณีที่ระบุฉีดวัคซีน Sinovac เข้าประเทศ EU ไม่ได้ ชี้ การฉีดวัคซีนไม่ใช่เงื่อนไขเดียวในการเข้า EU ยืนยัน เข้าได้ หากมาจากประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac เข้าประเทศ EU ไม่ได้จริงหรือ? โดยระบุข้อความว่า

จากกรณีมีเพจหนึ่ง อ้างอิงข้อมูลจาก New York Times ว่า EU หรือประเทศในทวีปยุโรป 27 ประเทศ จะอนุญาตให้ผู้ได้รับวัคซีนเข้าประเทศได้ แต่ไม่มีวัคซีน Sinovac เพราะยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ทำให้ผู้อ่านจำนวนมากสรุปว่า คนที่ฉีด Sinovac จะไม่สามารถเข้าประเทศในกลุ่ม EU ได้

ซึ่งหากลองดูตัวข่าวจาก New York Times จะพบว่า ร่างมาตรการของ EU นี้มีรายละเอียดว่าจะอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนที่รับรองโดย WHO เข้าประเทศได้จริง ซึ่ง AstraZeneca อยู่ในรายชื่อวัคซีนที่รับรองโดย WHO ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ดังนั้นคำถามสำคัญคือ ผู้ที่ฉีด Sinovac จะเข้า EU ไม่ได้จริงหรือ?

สิ่งที่ข้อมูลจากเพจนี้บอกไม่หมดก็คือ การฉีดวัคซีนไม่ใช่เงื่อนไขเดียวในการเข้า EU แต่มีอีกหนึ่งเงื่อนไข นั่นก็คือการมาจากประเทศที่ "ปลอดภัย" จากโควิด

ซึ่งเงื่อนไขของการอยู่ใน Safe List นี้ก็คือ จะต้องมีอัตราส่วนของยอดผู้ติดเชื้อรวมกันในรอบ 14 วันที่ผ่านมา ต่ำกว่า 75 คนต่อแสนประชากร (ซึ่งถ้าประกาศใช้จริงๆคงจะวุ่นวายน่าดู เพราะจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา) ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้เข้า EU สำหรับ Nonessential Reasons เช่นกัน (คือการเดินทางที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน) เช่นการท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจ

คำถามต่อมาคือ ถ้ามีการประกาศมาตรการนี้จริงๆ ไทยจะอยู่ใน Safe List หรือไม่?

อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ วันที่ประกาศมาตรการ แต่สมมติว่าเรามีผู้ติดเชื้อ 2,000 คนต่อวัน ต่อเนื่องกัน 14 วัน (อันนี้ขอไม่รวมคลัสเตอร์คุกก่อนละกันนะครับ) ก็จะมียอดรวม 28,000 คน ซึ่งประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน หากคิดออกมา 28,000 ต่อ 70,000,000 ก็ได้ได้สัดส่วนอยู่ที่ 40 ต่อแสนประชากร ยังห่างจากเกณฑ์เกือบครึ่ง หรือถ้าเราจะให้ถึงเกณฑ์ 75 ต่อแสน เราต้องติดเชื้อรวม 14 วันอยู่ที่ 52,500 หรือวันละ 3,750 ต่อเนื่องกัน 14 วัน ดังนั้นจึงน่าจะค่อนข้างแน่ว่าเราจะอยู่ใน Safe List ของ EU ตามเงื่อนไขนี้ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนอะไร หรือไม่ฉีดก็ตาม

และเพื่อให้แน่ใจอีกชั้น ผมจึงได้สอบถามจากทางกรมการกงสุลแล้ว ได้รับคำตอบว่า ณ ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ใน Safe List คือคนไทยยังสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ และกฎเกณฑ์ของ EU ที่เป็นข่าวนี้ ยังเป็นเพียงข้อเสนอแนะเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าจะออกมาจริงหรือไม่ และเมื่อไหร่

อ้อ แล้ว Sinovac ไม่ใช่ WHO พิจารณาว่าไม่รับรองนะครับ แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ซึ่งส่วนตัวผมเชื่อว่าน่าจะผ่านการรับรอง เพราะผลของคณะที่ปรึกษาที่ทำการประเมินบอกว่า มีความมั่นใจในประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการป้องกันการเจ็บป่วยหนักหรือเสียชีวิต

และเอาจริงๆ คนไทยส่วนใหญ่ที่จองคิวผ่านหมอพร้อม และจะฉีดในเดือน มิย.นี้เป็นต้นไป ก็จะเป็นวัคซีนของ Astra-Zeneca อยู่แล้วครับ

ดังนั้นท่านใดจะต้องเดินทางไปในประเทศ EU ก็คงพอจะสบายใจกันได้ครับ

ปล. จริงๆมีอีกเงื่อนไขหนึ่งนะครับในมาตรการนี้ คือไม่จำเป็นต้องเป็นวัคซีนที่ WHO รับรองก็ได้ แต่เป็นวัคซีนที่ประเทศนั้นๆรับรอง

ปล 2 ซึ่งมาตรการนี้จริงๆก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาได้หรือไม่ เพราะเกณฑ์ 75 ต่อแสนประชากรนี่ มีแค่ 3 ประเทศเท่านั้นในยุโรป คือ ฟินแลนด์ มอลตา และโปรตุเกส ที่ผ่านเกณฑ์ ที่เหลืออีก 24 ประเทศเกินหมด!

 

ที่มา : https://www.nytimes.com/.../world/europe/travel-vaccine.html

https:/www.facebook.com/story.php?story_fbid=4603906806291589&id=100000169455098&_rdc=2&_rdr


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"กรณ์-อรรถวิชช์" เปิด "ศูนย์สู้โควิด คลองสามวา" ช่วยประชาชนกทม.ตะวันออก สู้วิกฤตโควิด-19 ย้ำโครงการ "กล้าสู้โควิด-กล้าเติมอิ่ม-กล้าหางาน" ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค, นายสมัย เจริญช่าง ประธานคณะกรรมการจริยธรรมพรรค ร่วมงานเปิด "ศูนย์สู้โควิด คลองสามวา" ตั้งโดยนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. และนายมนูญ อินช่วย ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. ที่ปั๊มน้ำมัน SUSCO ถนนหทัยราษฏร์ เพื่อไปศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือรวบรวมสิ่งของ อาหาร ฉีดพ่นในพื้นที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. ตะวันออก โดยการสนับสนุนสถานที่จากนายภิมุข สิมะโรจน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท SUSCO จำกัด (มหาชน) 

นายกรณ์ กล่าวว่า แม้พรรคกล้ายังไม่มี ส.ส.ในสภาฯ แต่ได้ระดมสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนจนในเขตเมือง ระดมตัวแทนทั้ง 50 เขต นำโดยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค ตั้งแต่โครงการ "กล้าสู้โควิด" ช่วยหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อได้นับร้อยคน และส่วนใหญ่รักษาจนหายกลับไปที่บ้านแล้ว, โครงการ "กล้าเติมอิ่ม" ตั้งโรงครัว แจกข้าวกล่อง ช่วยเหลือประชาชนที่ขาดรายได้ กักตัวไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ และโครงการ "กล้าหางาน" ที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นสัปดาห์ เพื่อบรรเทาผลกระทบการว่างงานจากวิกฤตโควิด-19 ช่วยประชาชนที่ว่างงานได้มีงานทำ 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจเขตนี้ ที่ช่วยกันสร้างค่านิยมการลงมือทำ ช่วงการเมือง 10 ปีแบ่งฝั่งซ้ายฝั่งขวา แต่พรรคกล้าต้องการเปลี่ยนสังคมและวัฒนธรรมทางการเมืองด้วยการลงมือทำ ไม่ต้องมีใครมาโหนใครข้างไหนทั้งนั้น และยิ่งโควิดครั้งนี้ อันตรายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ดีใจและขอบคุณทุกคนที่มาช่วยกันวันนี้

นายสมัย เจริญช่าง ประธานคณะกรรมการจริยธรรมพรรค กล่าวว่า วันนี้คลองสามวาได้คนรุ่นใหม่อย่างนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. และนายมนูญ อินช่วย ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. มาทำงานต่อเนื่องก็อยากฝากพี่น้องประชาชนว่า นายณัฐนันท์จะมีโอกาสได้ทำงานมากกว่านี้หากมีสถานภาพเป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมาย และนายมนูญจะได้ทำงานระดับท้องที่ท้องถิ่นได้มากขึ้น 

นายสมัย ยังกล่าวถึงปัญหาการกระจายวัคซีนในพื้นที่คลองสามวา เป็นเขตที่มีประชากรกว่า 2 แสนคน แต่มีสถานที่ฉีดวัคซีนเพียงแห่งเดียวคือโรงพยาบาลคลองสามวา และเป็นโรงพยาบาลที่เพิ่งเปิดใหม่ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ และหลาย ๆ คนเข้าไปสมัครลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่าน Application หมอพร้อมไม่ได้ แม้บางรายก็ยังไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แต่โดยภาพรวมก็ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น หวังว่าพรรคกล้าจะนำบทเรียนความผิดพลาดเหล่านี้ นำไปสู่การกำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาต่อไปในอนาคต

สลด พระชาวเมียนมาร์ ผูกคอตัวเองมรณะภาพใต้ต้นไม้ในวัด

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 21 พ.ค.64 พ.ต.ต.วันชัย แสงอ่วม สว.(สอบสวน)สภ.บ้านบึง ได้รับแจ้งมีเหตุพระสงฆ์ผูกคอตัวเองมรณะภาพภายในวัดเจริญธรรม เลขที่ 186 ซอยหมู่บ้านบึงทองธานี ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี หลังได้รับแจ้งจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง ในที่เกิดเหตุพบเป็นป่าบริเวณหลังวัด พบเข้าตรวจสอบพบพระ ซ้อ ปิตะ( ชาวพม่า) อายุ 31 ปีสภาพใช้ จีวร ทำเป็นเชือกผูกคอตัวเองที่ต้นไม้มรณะภาพ กู้ภัยจึงรีบแกะจีวรนำร่างของพระซ้อ ปิตะ ลงมาจากต้นไม้

จากการสอบถาม นางลักคณา วงศ์ษารุทสิโรจ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ชอบมาถือศีลที่วัดนี้เป็นประจำได้เล่าว่าพระซ้อ ปิตะ รูปนี้เป็นพระที่ไม่ค่อยพูดจา ดูนิ่งเฉยไม่ค่อยคุยกับใคร แต่ช่วงสองสามวันมานี้ ตนสังเกตดูว่าเหมือนพระรูปนี้ มีเรื่องอะไรอยู่ในใจ ก็เลยคุยกับพระรูปนี้แต่พระก็ไม่ได้บอกอะไร พอเช้าวันนี้ก็ได้รู้ว่า พระดังกล่าวได้ผูกคอมรณะภาพไปแล้ว

ทางด้านพระเอก เป็นพระลูกวัดได้เปิดเผยว่าพระซ้อ ปิตะ ได้บวชตั้งแต่เด็กเป็นเณร พอโตมาก็มาบวชพระตอนอายุ 20 ปี ก็มาจำวัดที่ไทยอยู่หลายวัดไม่มีญาติที่ใหน โดยมาอยู่คนเดียวเพื่อบวชเรียน จนมาอยู่ที่วัดนี้ โดยมาจำพรรษาอยู่ช่วงหลังสงกรานต์ปีนี้ พระซ้อ ปิตะ เป็นพระเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครและไม่ค่อยคุยกับใครไม่มีใครรู้เรื่องสาเหตุว่าเครียดเรื่องอะไร จึงได้มาผูกคอตัวเองมรณะภาพแบบนี้

ทางด้านตำรวจ จึงให้กู้ภัยฯ นำร่างของพระซ้อ ปิตะ ไปชันสูตรเพิ่มเติมและจะได้ติดต่อทางญาติมารับร่างไปบำเพ็ญพิธีตามศาสนาต่อไป  


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ผบ.ฉก.ร.7 เปิดเผยว่า ได้มีการปะทะในเมียนมา ระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ทำให้มี ‘กระสุน ค.’ ตกเข้าในไทยด้านทิศเหนือของบ้านท่าตาฝั่ง 3 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปเคลียร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พ.อ.สุจินต์ ทรัพย์สิน ผบ.ฉก.ร.7 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 10.00 น. ได้มีการปะทะในเมียนมา ระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ทำให้มี ‘กระสุน ค.’ ตกเข้าในไทยด้านทิศเหนือของบ้านท่าตาฝั่ง 3 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปเคลียร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ทาง ฉก.ร.7 ได้แจ้งไปยังศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ทำหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือ TBC เนื่องจากพื้นที่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง มีฐานทหารเมียนมาตั้งอยู่ และยังมีกองกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูด้วย

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงต้องพิสูจน์ทราบว่าเป็นฝ่ายใด และทางการไทยต้องดูแลความเรียบร้อยพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มที่ จึงได้ให้ประชาชนบ้านท่าตาฝั่ง อพยพไปในที่ปลอดภัยแล้ว

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทางราษฎรบ้านท่าตาฝั่ง ได้ระบุว่า ชาวบ้านท่าตาฝั่งทุกคนเห็นทหารเมียนมาฐานด๊ากวิน ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง เป็นฝ่ายยิง ค. เข้ามาในเขตไทยอย่างชัดเจน นอกจากการยิง ค. แล้ว ยังตามด้วยการยิงปืนกลหนักเข้ามาในหมู่บ้านท่าตาฝั่ง และกระสุนได้ทะลุฝาบ้านพักของโรงเรียนบ้านท่าตาฝั่งอีกด้วย ลักษณะการกระทำของทหารเมียนมา เป็นไปตามที่พม่าได้ข่มขู่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยว่าหากให้การช่วยเหลือกลุ่มกะเหรี่ยงเคเอ็นยู จะทำการยิงโจมตีบ้านท่าตาฝั่งทันที และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงตามที่ขู่ไว้

ฉะนั้นความเคลื่อนไหวพื้นที่ชุมชนบ้านท่าตาฝั่งในตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งให้การช่วยเหลืออพยพชาวบ้านไปในแหล่งที่ปลอดภัยและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยชาวบ้านอพยพไปยังสวนนา และกางเต็นท์สร้างที่พักชั่วคราวในป่า ส่วนบางคนหลบเข้ามาข้างในหมู่บ้าน บางคนย้ายไปพึ่งพิงอาศัยญาติที่อยู่ใน อ.แม่สะเรียง ในขณะเดียวกันยังมีบางคนที่ยังนอนเฝ้าบ้านเพราะเป็นห่วงบ้านเรือนและทรัพย์สิน เช่น สัตว์เลี้ยง รถ เรือ เป็นต้น ชาวบ้านที่อพยพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ บางคนมีโรคประจำตัวหวาดผวากับเสียงปืนจนต้องหาที่หลบไกลจากพื้นที่ชุมชนชายแดน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในพื้นที่แจ้งเตือนให้อพยพไปยังที่ปลอดภัย โดยสถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งรายงานข่าวในเมียนมา พบว่า อาจมีความเป็นไปได้สูงที่ทางทหารเมียนมาจะตั้งปืนใหญ่จาก ‘ฐานเหล่อโต’ พิกัดเยื้องกับฐานเมียนมาใกล้บ้านท่าตาฝั่ง เพราะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการโจมตีทางอากาศยาน และหากเป็นไปตามนั้นจริงชุมชนต้องอพยพทั้งหมด เพราะตำแหน่งตั้งปืนใหญ่หันมายังชุมชนอาจโดนลูกหลงได้

 

ที่มา: https://www.naewna.com/local/574581


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสมีผลบังคับใช้แล้ว หลังคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งอิสราเอลเห็นชอบการหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ หลังต่อสู้กันมานาน 11 วัน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 244 ราย

ทำเนียบนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลออกแถลงการณ์ว่า คณะรัฐมนตรีความมั่นคงเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ต่อข้อเสนอแนะของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกคน...ให้ยอมรับความริเริ่มของอียิปต์ให้หยุดยิงร่วมกันโดยไม่มีเงื่อนไข

ขณะที่ คาลิล อัล-เฮย์ยา บุคคลระดับสูงของกลุ่มฮามาสยืนยันข้อตกลงหยุดยิงและประกาศว่า “นี่คือความอิ่มอกอิ่มใจของชัยชนะ”

ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว AFP รายงานว่า หลังจากประกาศหยุดยิงมีการเฉลิมฉลองด้วยการบีบแตรรถยนต์และยิงปืนขึ้นฟ้าในฉนวนกาซา ส่วนในเขตเวสต์แบงก์ประชาชนพากันออกมาฉลองบนท้องถนน

ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เอ่ยถึงการหยุดยิงว่า “ผมเชื่อว่าเรามีโอกาสที่จะทำให้เกิดความคืบหน้า และผมสัญญาว่าจะทำให้มันเกิดขึ้น” และยังชมอียิปต์ที่เป็นคนกลาง

ส่วน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า จะเตรียมตัวเดินทางไปอิสราเอลและตะวันออกกลางเร็ว ๆ นี้ หากนั่นจะช่วยยุติความขัดแย้งและพัฒนาชีวิตของชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์

การตกลงหยุดยิงที่มีอียิปต์เป็นตัวกลางเกิดขึ้นหลังจากนานาชาติพากันกดดันเพื่อให้ยุติการสู้รบที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.

อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดเวลาหยุดยิงที่แน่ชัด

 

ที่มา: https://www.posttoday.com/world/653494


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

นรข.เข้มชายแดน กันลักลอบเข้าเมือง หลังคิงส์โรมันโควิดระบาด ด้าน ฉก.ม.3 สกัดลักลอบเข้าเมืองต่อเนื่อง

ค่ำวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา นายประจญ  ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง น.อ.จิรัฐ ผูกทอง ผบ.นรข.เขตเชียงราย ร่วมกับปกครอง ตำรวจ และทหาร ออกตรวจตราตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าออกเมือง โดยทาง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง หรือ นรข.เขต เชียงราย ได้มีการลาดตระเวณ ทั้งทางบก และทางน้ำเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง จาก สปป.ลาว โดยเฉพาะทางแม่น้ำโขง

ซึ่งที่ผ่านมามีการพบการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส โควิด -19 ในพื้นที่คิงส์โรมัน ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เกาะดอนซาว เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเกือบ 300 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีส่วนหนึ่งที่เป็นคนไทย ซึ่งอาจจะมีการลักลอบเดินทางเข้ามาในเขตประเทศไทยได้

ในส่วนของ ชายแดนด้าน อ.แม่สาย ทางเจ้าหน้าที่่ ทหารร้อย ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบคนไทยจำนวน 4 คน เดินอยู่บนถนนทางขึ้นวัดถ้ำผาจม หมู่ 1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ติดชายแดนไทย-เมียนมา จึงได้เข้าทำการควบคุมตัวเอาไว้ จากการตรวจสอบทราบว่าชื่อ น.ส.ทาลิธา  เรือนงาม อายุ  47 ปี  ชาว ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี น.ส.กนกพร สิทธิยอดปรีชา อายุ 35 ปีชาว ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นายนัทที บุญนาวา อายุ 35 ปี ชาว ต.จริม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ และนายสมใจ สัมพันแพร อายุ  31 ปี ชาว ถ.นครถุง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ

การสอบถามทั้ง 4 คน ก็สารภาพว่าเดินทางมาจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา หลังจากได้ลักลอบข้ามไปฝั่งประเทศเมียนมาเพื่อหางานทำและเยี่ยมญาติ และเมื่อจะเดินทางกลับได้เสียค่าจ้างให้คนนำพาหัวละ 10,000-13,000 บาท  เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดี เป็นบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เดินทางเข้ามาตามช่องทาง  ด่านตรวจคนเข้าเมือง  เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลาฯ ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดารบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  พ.ศ.2548 และข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบ คุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คำสั่ง จ.เชียงรายที่ 1380/2563ฯ ) จากนั้นควบคุมตัวดำเนินคดีและกักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามกฎหมาย  อีกราย เจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจบริเวณท่าข้ามหลังวัดถ้ำผาจมใกล้เคียงกับจุดเดิม พบชายทราบชื่อภายหลังคือ นายซออะแว อู อายุ 29 ปีชาวสัญชาติอินเดีย  ได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย อ้างว่าจะเดินทางไปกรุงเทพฯ  สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าไม่มีงานทำที่แน่นอน และอาศัยอยู่ในฝั่ง ท่าขี้เหล็กมาหลายปัแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ผลักดันเพื่อกลับไปยังประเทศเมียนมา


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

ศบค. ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน ถึง 31 ก.ค.

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ที่ศบค. ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ครั้งที่ 7 / 2564 ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศบค. เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่มีข้อสรุปให้ขยายเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 12 โดยเห็นชอบให้ขยายตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 โดยเหตุผลเพื่อการควบคุมโรคระบาด โควิด-19 เป็นหลัก
 

ทอ. ส่งเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ทำความสะอาด ตลาดยิ่งเจริญก่อนเปิดบริการ

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพลเรือน-ทหาร ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ นำคณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ นิวเคลียร์ ชีวะ เคมี กองทัพอากาศ จากศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศ กองทัพอากาศ ทำการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เพื่อทำความสะอาดภายในตลาดยิ่งเจริญ หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จำนวนมาก จากการตรวจหาเชิงรุก แก่ผู้ค้า ผู้ช่วยค้า แรงงานข้ามชาติ และชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคมเป็นต้นมา

โดยเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศ ได้ทำการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ตั้งแต่บริเวณโซนปลาน้ำจืดถึงโซนอาหารทะเล, โซนอาคารยาว ตลาดท้ายเพชร, เต็นท์ยักษ์ ลานจอดรถที่ 3, โซนพลาซ่า, อาคาร 60 ปี, อาคาร 800 ตารางเมตร และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงตลาดยิ่งเจริญ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการต่อไป

ทั้งนี้ กองทัพอากาศ ยังคงดำเนินการตามมาตรการบรรเทาและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง อีกทั้งยังดำรงความพร้อมของทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในการรับมือกับสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรค เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว

แจงแทน “แรมโบ้” ออกโรงยืนยันผลงานรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2 ปีมีมากมาย ขอประชาชนเชื่อมั่น “บิ๊กตู่” ทำงานเพื่อประชาชน

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ว่าตั้งแต่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผลงานหลายอย่างและปฏิรูปประเทศไปแล้วในหลายด้าน ทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน มอเตอร์เวย์ ทางด่วน วงแหวน อุโมงค์  การขนส่งทางราง ที่มีสถานีกลางบางซื่อ การเชื่อมโยงรถ-เรือ-ราง เร่งสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และเรือ Smart ferry เจ้าพระยา เรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ รวมถึงการปฏิรูปคุณภาพชีวิตชาวชุมชน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แนวทางแก้ปัญหาเมืองหลวง แก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อย ปฏิรูปสู่ยุคดิจิทัล ปฏิรูปกฎหมายปลดล็อกประเด็นสังคม และระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงการปฏิรูประบบสวัสดิการแห่งรัฐ การศึกษา ระบบบำนาญเพื่อทุกคน ปฏิรูปภาคการเกษตร จัดสรรที่ดินทำกินเกษตรกร และปฏิรูปประเทศด้วย “นวัตกรรม” โดยผลักดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้าง EEC ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งและโทรคมนาคม เป็นต้น

นายเสกสกล กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ปฏิรูปเยียวยายามวิกฤตในช่วงที่ประเทศเกิดสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชน รวมถึงการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มีการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ควบคู่ไปกับการหามาตรการมาเยียวยาด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้เร่งจัดหาวัคซีน เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุดและให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนทุกคนโดยประกาศ การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติด้วย ที่ผ่านมาตั้งแต่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน นายกฯ มีความตั้งใจและทำงานอย่างเต็มที่ในการที่แก้ไขปัญหาที่สะสมมานานรวมถึงการพัฒนาประเทศในทุกด้าน จึงอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตลอดการทำงานนั้นทำเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ

"ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าในช่วง 2 ปีหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา รัฐบาลนี้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และมากกว่ารัฐบาลในอดีตมากมาย ดังนั้นฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามที่พูดจาใส่ความนายกฯ และรัฐบาลว่าไม่มีผลงานใด ๆ ก็ขอให้ประชาชน อย่าได้เชื่อข้อมูล เพราะฝ่ายค้านต้องการโจมตีรัฐบาลเพื่อกลับมามีอำนาจเป็นรัฐบาลเสียเองโดยไม่เอาข้อมูลความจริงมาพูด เพราะเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องทำหน้าที่ค้าน ซึ่งบางคนก็ค้านอย่างไร้เหตุผล" นายเสกสกล กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top