Wednesday, 7 May 2025
NewsFeed

ช่วยคนพิการพื้นที่แดงเข้ม!! รวมพลคนพิการไทยยุคใหม่​ หัวใจเดียวกัน มอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือคนพิการ และครอบครัวคนพิการ ในช่วงสถานการณ์โควิค-19

นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและด้านแรงงาน ลงพื้นที่นำถุงยังชีพที่ได้รับมาจาก อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย โดยความอนุเคราะห์จาก "คุณกัญจนา ศิลปอาชา" ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย มอบให้กับ "คนพิการ" ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล 5 จังหวัด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ บรรเทาความเดือดร้อน และดูแลคุณภาพชีวิตของคนพิการในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัส Covid-19 ที่กำลังแพร่ระบาดระลอก 3 อยู่ในขณะนี้ 

ในการนี้นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมฯ ได้ลงพื้นที่ ณ วัดจากแดง ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และได้เดินทางไปยัง "สมาคมศูนย์การเรียนรู้ฟื้นฟูคนพิการโดยครอบครัว" (ALRF) พร้อมด้วย คุณนภาพร วัฒนสิงหะ (ครูต้อย) คุณชงคา กองวงศ์ คุณสุชานันท์ ใจปราณี และ อาสาสมัครช่าวเหลือคนพิการและผู้สูงอายุ (ทีมงานครูต้อย) เพื่อมอบถุงยังชีพ ให้กับน้อง ๆ คนพิการและครอบครัวคนพิการ เพื่อใช้ดำรงชีวิตในประจำวันเบื้องต้น ตามเจตนารมณ์ของ "คุณกัญจนา ศิลปอาชา" ที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

อีกทั้งนายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ยังได้กล่าวให้กำลังใจกับ ผู้นำคนพิการ ผู้นำจิตอาสา คนพิการและครอบครัวคนพิการ ให้ต่อสู้ร่วมกันอย่างปลอดภัยในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิค-19 และยังได้แนะนำการล้างมือ การใช้เจลแอลกอฮอล์การใส่หน้ากากอนามัย หรือผ้าหน้ากากอนามัย กินร้อนช้อนกลาง เพื่อช่วยลดปัญหาการสุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับเชื้อไวรัสได้อีกทางหนึ่งด้วยความห่วง

#คนละไม้_คนละมือ

ดีอีเอส เตรียมออกร่างประกาศฯ แก้ปัญหาข้อมูลเท็จท่วมโซเชียล 

“ชัยวุฒิ” เรียกประชุม คกก.ป้องกันฯ การเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางโซเชียลนัดแรก ไฟเขียวเตรียมออกร่างประกาศกระทรวงฯ หลักเกณฑ์เก็บ Log files หนุน พรบ.คอมพ์ฯ ตามทันยุคโซเชียล 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ครั้งที่ 1/2564 โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานด้านการปรับปรุงกฎหมายลำดับรองตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพื่อปรับปรุงประกาศกระทรวงฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ใช้บังคับมานานเพื่อให้ทันสมัย สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่เป็นสากล และสามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานทั้งในโซเชียลมีเดีย และดิจิทัลแพลตฟอร์มต่าง ๆ 

โดยคณะทำงานอยู่ระหว่างการพิจารณา (ร่าง) ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่องหลักเกณฑ์การจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ. .... และแนวทางการกำกับดูแลและการลงทะเบียนผู้ใช้งาน Social Media โดยดูจากแนวทางของต่างประเทศเป็นต้นแบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ และจะรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับสรุปผลการดำเนินงานด้านการป้องกันปราบปรามของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม โดยกระทรวงดิจิทัลฯ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ศปอส.ตร. (PCT) ในช่วง 2 เดือนนี้ (เม.ย.- พ.ค. 64) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง (Verify) ทั้งหมดจำนวน 683 เรื่อง ได้รับการตรวจสอบแล้ว 348 เรื่อง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบแล้ว 160 เรื่อง แบ่งเป็น ข่าวปลอม 121 เรื่อง ข่าวจริง 15 เรื่อง บิดเบือน 24 เรื่อง

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้ดำเนินการปิดกั้นข้อมูลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ โดยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอปิดกั้น จำนวน 16 คำร้อง 349 ยูอาร์แอล ศาลมีคำสั่งให้ระงับแล้ว 4 คำร้อง และเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล จำนวน 12 เรื่อง 256 ยูอาร์แอล อีกทั้ง ได้ดำเนินการแจ้งเตือนแพลตฟอร์มให้ปิดกั้นข้อมูลตามคำสั่งศาล 35 คำสั่ง 726 ยูอาร์แอล และแจ้งความดำเนินคดีในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ตามมาตรา 27 แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 321 ยูอาร์แอล ทวิตเตอร์ 155 ยูอาร์แอล 

ขณะที่ (ศปอส.ตร.) ได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ จำนวน 4 เรื่อง 6 รายและดำเนินการตักเตือนให้ลบโพสต์และแก้ไขข่าว โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ จำนวน 4 เรื่อง 12 ราย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ได้ดำเนินการสืบสวนพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้บัญชี Social Media ที่ใช้กระทำความผิดเกี่ยวกับข่าวปลอม เรื่อง โรงพยาบาลเมดพาร์ค เปิดให้ลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด-19 ของ Moderna จำนวน 11 กรณี ระบุตัวตนได้ 5 ราย อยู่ระหว่างสืบสวน (อวาตาร) 6 ราย และกรณีบิดเบือนวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 25 กรณี ระบุตัวตนได้ 19 ราย และอยู่ระหว่างสืบสวน 6 ราย  

นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ในวันนี้มีความพร้อมและจะเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม โดยจะมีการแต่งตั้ง โฆษกกระทรวง/ส่วนราชการ ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมฯ เพื่อประสานและดำเนินการตอบโต้ข่าวปลอมให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว  

โดยมีแนวทางให้ทุกกระทรวง จัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของกระทรวงขึ้นโดยด่วน เพื่อติดตาม ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างรวดเร็ว และเพื่อประสานการปฏิบัติกับคณะกรรมการประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมฯ กับกระทรวงดิจิทัลฯ อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อกำชับให้ กระทรวง/ส่วนราชการ ที่ได้รับความเสียหายจากการให้ข้อมูล/ข่าวสารที่เป็นเท็จ/บิดเบือน รีบดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยเร็ว รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติ เพื่อประกอบการประเมินผลการดำเนินงานตามวงรอบที่เหมาะสมต่อไป

รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจสอบคฤหาสน์หรู ก่อนเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุม ด้านทนายเผย วอนฟังข้อเท็จจริง

จากกรณีเกิดเหตุชาวจีนก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปราบปรามคนร้ายข้ามชาติภาค 2 ขณะนำหมายค้นเข้าตรวจสอบ จนได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ทราบชื่อคือ ร.ต.อ.พันเทพ ศรีบุญนาค และ ด.ต.กรีฑา ทิพย์เนตร ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาตัว เหตุเกิดที่คฤหาสน์หรู บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ในสนามกอล์ฟพื้นที่สภ.ห้วยใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐาน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา​ 13.30​ น.​ วันที่ 20​ พฤษภาคม 2564 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์​  รอง​ ผบ.ตร.​ พล.ต.ต.ชัยพต์พจน สุวรรณรักษ์​ รอง​ ผบช.ภาค​ 2​  พล.ต.ต.ธิติ​ แสงสว่าง​ รรท.​ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี​  เดินทางเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุภายบ้านเลขที่​ 113 /76  ม.9​  ต.ห้วยใหญ่​ อ.บางละมุง​ จ.ชลบุรี​  ซึ่งตั้งอยู่ภายในสนามกอล์ฟฟิกนิก​อีกครั้ง โดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปข้างในบ้าน ซึ่งใช้เวลาตรวจสอบภายในบ้านประมาณ​ 1​ ชม. ก่อนที่จะเดิน​ออกมา โดยแจ้งว่า ขอไปประชุมเพื่อฟังรายงานเรื่องดังกล่าวก่อน ที่ห้องประชุมชั้น​ 3​ ของ​ สภ.ห้วยใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้ารายงานเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าฟังแต่อย่างใด พร้อมแจ้งว่าเสร็จประชุมแล้วจะออกมาให้ข้อมูลภายหลัง

ด้านนายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ทนายส่วนตัวของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับตัวผู้ก่อเหตุ แต่ได้พูดคุยบุคคลในบ้านทราบว่ายังไม่เห็นตรงนั้น ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุนั้นมีธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ทำมาแล้วประมาณ 2-3 ปี ในส่วนของยาเสพติดนั้นตนเองเท่าที่ทราบไม่มีประวัติ ตอนนี้ขอให้รอฟังขอเท็จจริงก่อน ตามที่มีการนำเสนอไปนั้นค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับผู้ต้องหา อยากให้มองว่าการเข้าตรวจค้นของตำรวจถูกต้องมั้ย วิธีการในการทำที่เกิดขึ้นโดยมีการปะทะกันเกิดเหตุอะไร ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนสำคัญของคดี ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นการซื้อในรูปแบบบริษัท ส่วนกรณีที่มีการขู่อุ้มนั้นโดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีชาวต่างประเทศถูกปล้น ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุก็เป็นชาวต่างชาติ จึงคาดว่าอาจเกิดความกลัว เมื่อมีคนเข้าบ้านไปโดยที่ไม่ทราบว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร และมาในชุดนอกเครื่องแบบ และเมื่อมีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ในส่วนของอาวุธปืนนั้นเท่าที่ทราบน่าจะถูกต้อง ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ยังอยู่ในอาการตกใจ

 

กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ยิงปืน ค.3 ลูก ตกลงพื้นที่บ้านท่าตาฝั่งของไทย สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ปลอดภัย และทำหนังสือประท้วงแจ้ง TBC ไทย-เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน

กรณีมี ได้มีการยิงกระสุนปืน ค. ตกลงมายังฝั่งไทย บ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน  3 ลูก ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของฝ่ายได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอพยพประชาชนบ้านท่าตาฝั่งไปอยู่พื้นที่ปลอดภัย ด้าน ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 แม่ฮ่องสอน เร่งส่ง ค.120 มม.เข้าพื้นที่เพื่อปกป้องอธิปไตย

พ.อ.สุจินต์ ทรัพย์สิน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหาราบ ที่ 7 เปิดเผย ว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.ได้มีการอพยพราษฎรบ้านท่าตาฝั่ง หลังจากได้มีกระสุนปืน ค. จำนวน 3 ลูก ของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ตกมายังพื้นที่ทางเหนือของบ้านท่าตาฝั่ง ประมาณ 2 กิโลเมตร  ซึ่งทาง ฉก.ร.7 ได้ทำหนังสือประท้วงไปยัง คณะกรรมการส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือ TBC เนื่องจากพื้นที่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง มีฐานทหารเมียนมา ตั้งอยู่ และยังมีกองกำลังทหารกะเหรี่ยง KNU ด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงยังต้องพิสูจน์ทราบว่าเป็นฝ่ายใด และทางการไทยต้องดูแลความเรียบร้อยพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มที่ จึงได้ให้ประชาชนบ้านท่าตาฝั่ง อพยพไปในที่ปลอดภัยแล้ว  

ขณะที่ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.แม่ฮ่องงสอน สรุปสถานการณ์เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 พ.ค.64 ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564​ เวลา 09.30 น. กองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มกะเหรี่ยง KNU มีการปฏิบัติการทางทหาร ต่อฐานด๊ากวิน ของทหารเมียนมา ด้านตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง อำเภอแม่  สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้วยการยิงเครื่องยิงลูกระเบิด  ปืนกล และปืนเล็กยาว (ไม่ทราบการสูญเสีย) และปัจจุบันยังคงไม่มีการปฏิบัติการทางอากาศในฝั่งประเทศเมียนมา เป็นระยะเวลา 20 วัน ในส่วนการพิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย เนื่องจากผู้ประกอบการส่งออกสินค้าได้ยื่นเรื่องขอให้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนพิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านแม่สามแลบซึ่งคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน  ได้ประชุมพิจารณาหารือประเด็นการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านแม่สามแลบ  โดยประเมินสถานการณ์การสู้รบรวมถึงปัจจัยต่าง ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ถึงแม้ว่าปัจจุบันไม่มีสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมาและกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง KNU ที่รุนแรง แต่เพื่อความปลอดภัย คณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทย – เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงมีมติให้ประเมินสถานการณ์การสู้รบ และปัจจัยอื่นอีกเป็นระยะเวลา 10 วัน เพื่อประกอบการพิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านแม่สามแลบ

ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ หรือไม่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะได้พิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านแม่สามแลบต่อไป ซึ่งตลอดระยะเวลาการเกิดความไม่สงบชายแดนไทย-เมียนมา ริมฝั่งลำน้ำสาละวิน ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 64 ถึง ปัจจุบันมีราษฎรชาวเมียนมาที่เดินทางข้ามมายังประเทศไทยจากเหตุความไม่สงบในเมียนมาพักในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวจำนวน 4 แห่ง รวม 1,775คน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

“ส.ส.ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ” ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคจำเป็น ให้ประชาชนในหมู่บ้านผาผึ้ง อ.วังเจ้า จ.ตาก หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สามารถหยุดการระบาดของโรคโดยเร็ว 

ตามที่นายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ออกคำสั่งล็อกดาวน์ พื้นที่หมู่ที่ 6 บ้านผาผึ้ง ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวไทยชาติพันธุ์ม้ง เนื่องจากพบชาวบ้านติดเชื้อโควิด-19 จำนวนหนึ่งและอยู่ระหว่างตรวจเชิงรุกและนำส่งรักษาในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยห้ามผู้ใดเข้าออกในพื้นที่ เว้นแต่มีเหตุจำเป็น และได้รับอนุญาตจากนายอำเภอวังเจ้าในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตั้งแต่วันที่ 17-30 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นั้น

ล่าสุด  นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส. เขต.1 จังหวัดตาก พรรคพลังประชารัฐ และคณะทีมงาน ได้มีความความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน จึงได้ลงพื้นที่เพื่อไปพบผู้ใหญ่บ้านผาผึ่ง เพื่อนำสิ่งของจำเป็นอุปโภคบริโภค เข้าไปมอบให้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้นำไปมอบบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น ประกอบด้วย ไข่ไก่ จำนวน 6,000 ฟอง หน้ากากอณามัยที่ใช้ทางการแพทย์จำนวน 2,000 ชิ้น แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่ใช้ในทางการแพทย์ จำนวน 300 ขวดใหญ่ รวมถึงบะหมี่กึ่งเร็จรูป และน้ำดื่ม เป็นต้น

นายธนัสถ์ กล่าวว่า ได้มาสอบถามว่าชาวบ้านเดือดร้อนและต้องการความช่วยหลืออย่างเร่งด่วนในเรื่องใดบ้าง เพื่อจะประสานกับทาง ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินสถานการณ์โควิด-19 (ศปฉ.พปชร.) และรัฐบาล หรือทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของจังหวัด เพื่อดำเนินการช่วยเหลืออย่างตรงจุดต่อไป

“หมู่บ้านผาผึ้ง มีจำนวนประชากร 2,892 คน ทั้งหมด 550 ครัวเรือน ที่ต้องกักตัวอยู่ในพื้นที่ตามาตรการล็อกดาวน์เพื่อตรวจสอบโรค และคัดกรองเพื่อทำการรักษา ทำให้ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของการสัญจร เรื่องการดำรงชีพ และในด้านอาชีพต่าง ๆ รวมถึงความเป็นอยู่และเรื่องอาหารการกินอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานงานกับ นายสมบูรณ์ พรหมคำ ปลัดอำเภอวังเจ้า ฝ่ายความมั่นคง และนายจักรกฤษณ์ สุขเกษม (ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงทอง) เจ้าหน้าที่ผู้ปกครองพื้นที่โดยแล้ว เพื่อรับทราบรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และลงมาตรวจเยี่ยมเเป็นขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้าน พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป” นายธนัสถ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายธนัสถ์ ยังขอขอบคุณ พ.ต.อ.ณัฐพล บุบผะศิริ ผกก.สภ.วังเจ้า เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าหน้าที่ อสม.และอาสาสมัคร ตลอดจนผู้นำหมู่บ้าน ที่ร่วมกันปฏิบัติการยุดยั้งโรคระบาดในหมู่บ้านผาผึ้ง และขอให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ที่กำลังประสบภัยโรคระบาดโควิด-19 ในครั้งนี้ด้วย และหวังว่าจะหยุดการระบาดของโรคนี้ได้อย่างรวดเร็ว เราจะไม่ทิ้งกันเราจะดูแลกัน ดุจคนในครอบครัวของเราอย่างนี้ตลอดไป

จนท.ตรวจพื้นที่อนุญาตดูดทรายแม่น้ำโขง พบคลาดเคลื่อนผิดเงื่อนไขทั้งหมด ซ้ำใช้ไม้ไผ่ปักหลักเล็ง

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม2564 นายปิติพัฒน์ สุธีรัตน์วัฒนา เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดมุกดาหาร ดาบตำรวจพร้อมพงษ์ มาพงษ์ รองหัวหน้ากลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. จังหวัดมุกดาหาร และองค์การบริหารส่วนตำบลบางทรายน้อย ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบการดูดทรายของผู้ประกอบการท่าทรายที่ได้รับอนุญาตให้ดูดทรายในพื้นที่ตำบลบางทรายน้อย อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าผู้ประกอบการท่าทรายได้ทำการดูดทรายนอกพื้นที่ได้รับอนุญาต จนทำให้ระบบนิเวศน์เสียหาย ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงเดือดร้อน และก่อให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากมายมหาศาล   

โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดมุกดาหาร ได้ทำการนำเครื่องมือรับสัญญาณดาวเทียมแบบจลน์โดยโครงข่ายดาวเทียม RTK GNSS Network ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยมีค่าความผิดเพี้ยนน้อยมาก มาใช้หาค่าพิกัดพื้นที่ได้อนุญาตให้ดูดทรายของผู้ประกอบการรวม 4 ราย ประกอบด้วย  หจก.เอ พี แมชชีนเนอรี่ คอนสตั้คชั่น หจก.ท่าทรายโชคบริบูรณ์ หจก.ป.มุกดาหาร และ น.ส.วาสนา กำยาน

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นพบว่าผู้ประกอบการบางรายไม่ได้จัดทำหมุดหลักฐานแผนที่ด้วยการปักหลักคอนกรีตบนฝั่งพื้นดินด้านซ้ายและขวาให้มีความคงทนถาวรโดยใช้เพียงลำไม้ไผ่มาปัก และมีการเคลื่อนย้ายจากตำแหน่งเดิมไปปักที่ใหม่ เมื่อเจ้าหน้าที่นำเครื่องมือรับสัญญาณดาวเทียมตรวจสอบค่าพิกัดปรากฏว่าไม่ตรงกับค่าพิกัดตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตให้ดูดทรายของผู้ประกอบการทั้ง 4 ราย โดยมีค่าพิกัดที่ทำการตรวจสอบกับหลักหมุดในเบื้องต้นผิดเพี้ยนไปจากตำแหน่งที่ได้รับอนุญาตประมาณ 20 ถึง 600 เมตร ซึ่งอาจส่งผลทำให้มีผู้ประกอบการดูดทรายนอกพื้นที่ได้รับอนุญาต อันเป็นการผิดเงื่อนไขการอนุญาตให้ดูดทรายเนื่องจากไม่ได้ดูดทรายแต่เฉพาะในบริเวณพื้นที่ได้รับอนุญาต อันอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้ทันที

นายปิติพัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งหลักเล็งพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ดูดทรายของผู้ประกอบการทั้ง 4 ราย พบว่ามีความคลาดเคลื่อนลงมาทางทิศใต้ในแนวทางเดียวกันทุกแปลง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะนำค่าพิกัดที่วัดได้ในวันนี้ไปดำเนินการหาค่าความคลาดเคลื่อนโดยละเอียดบนแผนที่อีกครั้ง โดยหากพบว่ามีการคลาดเคลื่อนหรือหลุดไปจากพื้นที่ได้รับอนุญาตมาก ก็จะต้องสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดดูดทรายเป็นเวลา 3 วัน โดยจะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารออกคำสั่งให้ผู้ประกอบการจัดทำหลักเล็งใหม่ให้ถูกต้องตรงกับพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ดูดทรายทุกหลักต่อไป

ดาบตำรวจพร้อมพงษ์ กล่าวว่า ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหารได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบว่าผู้ประกอบการได้ทำการดูดทรายนอกพื้นที่ได้รับอนุญาตตามที่ถูกร้องเรียนจริงหรือไม่ ในเบื้องต้นเมื่อผู้ประกอบการทราบว่าหลักเล็งพื้นที่ดูดทรายมีความคลาดไปจากพื้นที่ได้รับอนุญาตก็ได้รับปากที่จะไปดำเนินการของรังวัดสอบเขตเพื่อปักหลักเล็งใหม่ให้มีความถูกต้องตรงตามพิกัด ขณะที่ผู้นำหมู่บ้านก็จะช่วยทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งหากมีการจัดทำหลักเล็งพื้นที่อนุญาตดูดทรายใหม่ถูกต้องก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย ทั้งยังสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยง่ายอีกด้วย ทั้งนี้ ความคลาดเคลื่อนของหลักเล็งอาจเกิดจากความผิดพลาดทางด้านเทคนิคหรือการรางวัดในขณะที่ดำเนินการปักหลักโดยอาจเป็นการทำโดยไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิด ซึ่งเมื่อตรวจพบว่ามีความบกพร่องก็ต้องดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป

อนึ่ง ที่ผ่านมามีชาวบ้านออกมาร้องเรียนทั้งเป็นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร หน่วยงานราชการและผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่ามีการลักลอบดูดทรายในแม่น้ำโขงและดูดทรายนอกพื้นที่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนมากแต่แทบจะไม่มีเจ้าหน้าที่ออกมาตรวจสอบหรือจับกุมดำเนินคดี โดยมักจะอ้างว่าอาจเป็นการดูดในเขตประเทศลาวทั้งที่ยังไม่ได้ออกมาตรวจสอบ จนทำให้มีนายทุนนำเรือมาดูดทรายในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในจังหวัดอื่นที่มีพื้นติดแม่น้ำโขงมีการตรวจสอบจับกุมดำเนินคดีอย่างเข้มงวด


ภาพ/ข่าว  ชุดฉก.พญาอินทรีย์ / เดวิท โชคชัย

‘พล.ต.อ.อดุลย์’ ปธ.กมธ.แรงงาน วุฒิสภา มอบเงิน หน้ากากอนามัยแก่จังหวัดนครพนม สู้โควิด-19

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภาในนามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) และ มูลนิธิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว มอบเงินและหน้ากากอนามัยแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำไปส่งมอบแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันโควิด-19

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ในนาม โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) และ มูลนิธิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้มอบเงิน หน้ากากอนามัย ให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครพนม เพื่อใช้ป้องกันไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย เงินสด จำนวน 135,000 บาท หน้ากากอนามัย จำนวน 75,000 ชิ้น มูลค่า 150,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 285,000 บาท

โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ต.สามารถ จินตสมิทธ์ ผบ.มทบ.210 พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบช.นรข. พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม นายแพทย์สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม นายจรูญ เหง่าลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครพนม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำชุมชน เป็นผู้แทนรับมอบเพื่อแจกจ่ายตามวัตถุประสงค์ต่อไป

“บิ๊กป้อม” ประชุมกนภ. ย้ำ ทส.ขับเคลื่อน ลดก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่อง ตามกรอบ UN เน้นสร้างการรับรู้-ปชช. มีส่วนร่วม เห็นชอบ มาตรการทดแทนปูนเม็ด และแถลงการณ์ร่วม ไทย-สวิส สานความสัมพันธ์ มุ่ง ปก.ภาวะโลกร้อน ทั้งภายในประเทศ และของโลก

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุม 301  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ การดำเนินงานที่สำคัญ และผลการประชุมระดับรัฐมนตรีระหว่างผู้นำสหรัฐ และผู้นำจากประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับสูง รวมทั้งผู้นำจากประเทศที่มีการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างโดดเด่น และได้เตรียมการประชุมครั้งต่อไป ณ สหราชอาณาจักรในเดือน พ.ย.2564 โดยมี รมว.ทส.ของไทยได้รับเชิญเข้าร่วมประชุม ในหัวข้อ "Climate Adaptation and Resilience" 

กนภ. ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) กรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ.2564 เพื่อใช้ในการเจรจาการประชุมองค์กรย่อยต่อไป และเห็นชอบ ข้อเสนอตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : มาตรการทดแทนปูนเม็ด อาทิ ให้ เร่งรัดปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ประเภทผลิตภัณฑ์คอนกรีต ให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นวัตถุดิบได้ เป็นต้น รวมถึงได้มีการเห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วม (joint statement) ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยกับกรมสิ่งแวดล้อมของสวิส ในความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 90 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้ง 2 ประเทศ

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งได้มีความพยายามแก้ปัญหา มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในประเทศ และของโลก ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ พร้อมกำชับ ทส.ให้เร่งสร้างการรับรู้/ความเข้าใจให้แก่ประชาชน และมีส่วนร่วมสนับสนุนภาครัฐ รวมถึงรณรงค์ขอให้ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันภาวะโลกร้อน ไปด้วยกัน

หึงโหด จ่อยิงสาวดับคาที่นอน ก่อนจ่อยิงขมับตัวเองดับตาม

เมื่อเวลา 18.00น.​ วันที่  20 พฤษภาคม 2564​ พ.ต.ท. ปริญญา กุลรัตน์ สว.(สอบสวน) สภ. พระนครศรีอยุธยา​ รับแจ้งมีเหตุผู้ใช้อาวุธปืนยิงมีผู้เสียชีวิต 2 รายภายในห้องเช่าเลขที่7/17 ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา​จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ก่อนประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และมูลนิธิร่วมกตัญญูอยุธยาสนับสนุน​ในจุดเกิดเหตุ​แล้วรีบรุดไปตรวจสอบ

ภายในจุดเกิดเหตุ​ที่ห้องเช่าห้องที่ 1พบว่าบนที่นอนมีศพน.ส.โรจนี สืบพงษ์เดช อายุ 47 ปี  มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธ​ปืนที่ศีรษะด้านซ้ายและ​มีผ้าห่มคลุม​ร่างกายอยู่ และบนร่างของหญิงสาวพบร่างของนายพงษ์ ไม่ทราบนามสกุลอายุประมาณ 40-50 ปี  มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่ศีรษะด้านขวาในมือขวา มีอาวุธปืนแบบไทยประดิษฐ์ ขนาด 38 จำนวน 1 กระบอก พบในรังเพลิงมีปลอกกระสุนปืน 1 ปลอก ที่พื้นห้องพบกระสุนปืนอีก1นัดยังไม่ใช้งานที่บริเวณ​พื้นห้องพบเลือดไหลนองสภาพแห้ง ผู้เสียชีวิตน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วันภายในห้องยังเปิดแอร์อยู่ตรวจสอบในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือค้นหาสิ่งของใด ๆ

สอบถามเพื่อนผู้​ตายบอกว่าฝ่ายหญิงทำงานเป็นพนักงานนวดแผนไทยอยู่แถวเจดีย์​นักเลง​ ปกติเพื่อน​จะไปทำงานทุกวันแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเห็น​ว่า​ไม่ไปทำงานตนจึงได้เดินทางมาหาผู้​ตายแต่ห้องถูก​ปิดอยู่ตนคิดว่าไม่มีคนอยู่​ในห้องแต่สงสัยว่าทำไมแอร์​ภายในห้องยังทำงานอยู่จึงได้แจ้งให้เจ้าของห้องทราบเพื่อนำกุญแจ​สำรองมาเปิดดู​ก็ผบว่ามีผู้ถูกยิง2รายจึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่​ตำรว​จ​ให้มาตรวจสอบโดยเพื่อนของตนนั้นได้คบหากับฝ่ายชายมาประมาณ​เกือบ​2ปีแล้วแต่อยู่​กันคนละพื้นที่ปกติฝ่ายชายมาหาผู้หญิง​เป็น​ประจำแต่ช่วงหลังเพื่อนเล่าให้ฟังว่าฝ่ายชายชอบหึงหวงว่าจะมีคนมาติดพันตนจึงทะเลาะ​กัน​บ่อยจนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาฝ่ายชายก็มาหาอีกและอาจเคลียร์​ปัญหา​กัน​ไม่​ได้​ฝ่ายชายจึงใช้อาวุธ​ปืน​ยิง​แฟนตัวเองก่อนใช้ปืนกระบอกเดียว​กันจ่อยิงขมับตัวเองดับตามเพื่อจบปัญหา​ในครั้งนี้

ทางด้านเจ้าหน้าที่​ตำรวจสอบสวนเบื่องต้นพบว่าฝ่ายชายเป็น​คนชอบหึงหวงฝ่ายหญิง​ระแวงว่าจะปัญใจให้ชายอื่นก่อนมาพบฝ่ายหญิง​เพื่อเคลียร์​ปัญหา​หัวใจ​ก่อนใช้อาวุธ​ปืนที่พกติดตัวมาจ่อยิงขมับของแฟนสาวและยังขมับของตัวเองตายตามเพื่อจบปัญหา​ความรักในครั้งนี้ซิ่งเจ้าหน้าที่​ตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิด​ใกล้เคียงอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว​  สุนทร​ สอนแสนสุข ผู้​สื่อข่าว​จังหวัด​พระนคร​ศรี​อยุธยา​

"ศรีสุวรรณ" หอบหลักฐาน ร้อง กกต.วินิจฉัยให้เลือกตั้ง อบจ.นนทบุรีใหม่ หลังพบทำผิดซื้อเสียง-ฝ่าฝืนหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์-สัญญาว่าจะให้เงินเด็ก

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย เพราะมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี มีผู้สมัครรับเลือกตั้งทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างมากมาย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก กกต. ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิก อบจ. และนายก อบจ.ทั่วประเทศเมื่อ 20 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ จ.นนทบุรี มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา65 (1) อย่างโจ๋งครึ่ม อาทิ มีการซื้อสิทธิ-ขายเสียง โดยมีการแจกเงินหัวละ 300 บาท โดยมีพยานหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ซึ่งมีการนำมาโพสต์แพร่หลายในโซเชียลมีเดีย กระทั่งมีความพยายามวิ่งเต้นเพื่อเบี่ยงเบนหลักฐานดังกล่าวที่แพร่หลาย โดยอ้างว่าเป็นการชำระหนี้กันแทน แต่ทว่าหลักฐานของการโทรศัพท์มาเคลียร์ของฝ่ายซื้อเสียงเป็นประจักษ์พยานที่ปฏิเสธไม่ได้

นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานการโฆษณาในโซเชียลฯต่าง ๆ ที่สามารถชี้ชัดถึงผู้สมัครนายก อบจ.บางรายเกี่ยวกับการให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สิน โดยเฉพาะการให้เงินเดือนของตนกับเด็กประพฤติดีแต่ยากจนตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งถ้าบวกค่าตอบแทนประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนพิเศษเข้าไปอีกจะตกประมาณ 75,530 บาทต่อเดือน หรือ 906,360 บาทต่อปี หรือกว่า 18 ล้านบาทตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งกว่า 16 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดต่อประกาศผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำ จ.นนทบุรี เรื่อง กำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของนายก อบจ. ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 7 ล้านบาทเท่านั้น

อีกทั้งยังมีหลักฐานที่ชี้ว่าการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีการฝ่าฝืนระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2563 มากมาย ทั้งการนำเด็กๆมาใช้ในการทำแผ่นป้ายหาเสียง ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรา 27 ประกอบ มาตรา79 แห่ง พ.ร.บ.การคุ้มครองเด็ก 2546 อีกด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า แม้ กกต.จะได้ประกาศผลการเลือกตั้ง สมาชิก อบจ.และนายก อบจ.นนทบุรีไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าตาม มาตรา17 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 บัญญัติไว้ว่า “การประกาศผลการเลือกตั้ง ไม่เป็นการตัดหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม” ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงนำพยานหลักฐานที่ชี้ชัดเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อบจ.นนทบุรี มาร้อง กกต. เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดและหรือร้องต่อศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top