Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

"รมช.มนัญญา" ถ่ายทำเทปพิเศษเนื่องในวันดื่มนมโลก หรือ World Milk Day ประจำปี 2564 รณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคนมมากยิ่งขึ้น

วันที่ 20 พฤษภาคม 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติสัมภาษณ์และร่วมถ่ายทำเทปพิเศษเนื่องในวันดื่มนมโลก หรือ World Milk Day ประจำปี 2564 ที่จะถึงในวันที่ 1 มิถุนายน นี้ ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้กำหนดคำขวัญในปีนี้ว่า "สร้างความสุขเสริมภูมิคุ้มกัน ดื่มนมทุกวัน ดื่มได้ทุกวัย บริโภคนมได้หลากหลายเมนู" #WorldMilkDay #EnjoyDairy เพื่อรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคนมมากยิ่งขึ้น โดยเทปดังกล่าวจะทำการเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook Page : กองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป รวมไปถึงเผยแพร่ผ่านช่องทางโทรทัศน์ รายการ ณัชชา แอนด์เดอะแก๊ง ช่อง 23 (Workpoint) วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม 2564 เวลา 8.30-9.00 น. โดย รมช.มนัญญา ได้มีการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์จากนมไทย-เดนมาร์ค นมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง เป็นเมนูกล้วยหอมทอดกรอบครีมวานิลา และนายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ได้ร่วมทำเมนูสมูทตี้ 5 สี เพื่อสุขภาพ โดยการบันทึกเทปดังกล่าวได้มีการถ่ายทำ ณ บริษัท เน็กซ์เจน เอ็ดดูเคชั่น จำกัด อาคารนาริตะ ชั้น 7 เมืองทองธานี กรุงเทพฯ

เชื่อหมอ ! “อธิบดี คร.”  ชี้ วัคซีนแอสตร้าฯ แบ่งฉีดขวดละ 12 โดสได้

จากกรณีที่ฝ่ายการเมืองตั้งคำถามในกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายแบ่งฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนกา ต่อขวดให้ได้ 12 โดส ว่าอาจจะทำให้ประชาชนได้วัคซีนไม่เพียงพอ ล่าสุด 20 พฤษภาคม 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในประเด็นดังกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ใช่ประเด็นอะไร เนื่องจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ตามกลไกผลิตของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนฯ ใน 1 ขวด จะบรรจุวัคซีนในขวดเผื่อไว้ประมาณ 20-30% โดยวัคซีนแอสตร้าฯ 1 ขวด บรรจุวัคซีนมา 6.5 ซีซีแต่เวลาฉีด 1 โดส จะใช้ปริมาณ 0.5 ซีซี ดังนั้น การฉีด 10 เข็มจึงใช้วัคซีนที่ 5 ซี ยังเหลือที่ขวดอีก 1.5 ซีซี  ดังนั้น การฉีด 11-12 โดสต่อขวด จึงสามารถทำได้

วิธีการฉีดจะใช้เข็มพิเศษ เรียกว่า Low Dead Space Syringes ทำให้การสูญเสียวัคซีนในปลายหลอดลดลง โดยได้อบรมพยาบาลดึงวัคซีนเป็นอย่างดี ด้วยเทคนิคการดึงยาที่มีความแม่นยำ ซึ่งที่ผ่านมาเขาสามารถดึงยาได้ 11-12 โดสต่อขวด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ  

"องค์การอนามัยโลก ก็เห็นว่า สามารถทำได้และเกิดประโยชน์ ทั้งนี้การฉีดวัคซีนให้ได้เพิ่มเป็น 11-12 โดส จะทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น" นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า การฉีดวัคซีนให้ได้จำนวนประชากรที่มากขึ้น จะทำให้เราสร้างภูมิคุ้มกันระดับหมู่ได้เร็วขึ้น ตนมั่นใจว่าวัคซีนที่เพิ่มมา 20% ในแต่ละขวด จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมาก และขอให้ประชาชนมั่นใจในความสามารถของบุคลากรแพทย์พยาบาลผู้ฉีดวัคซีน ทุกคนผ่านการอบรมและฝึกซ้อมดึงยา มาเป็นอย่างดี

“จตุพร” ปลุกปชช.ร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ทนระบอบประยุทธ์ เชื่อ ทันทานพลังประชาชนไม่ไหวแน่ ด้าน อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช ชี้ รัฐประหารเป็นภัยร้ายแรง 

เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จัดงานรำลึกครบรอบ 29 ปี พฤษภาทมิฬ 35 ที่ลานสวป. ลานประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยช่วงแรกเป็นส่วนของพิธีสงฆ์ เพื่ออุทิศแด่วีรชนผู้ล่วงลับจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จากนั้น เป็นการเสวนาในหัวข้อ “มองอดีต คุยอนาคต” ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช และอดีตแกนนำนักศึกษารามฯ พฤษภา 35 และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน

นายสิริวัฒน์ กล่าวว่า ทุกการรัฐประหารจะตามมาด้วยความรุนแรง ความไม่สงบ และความตกต่ำของประเทศเสมอ ขณะที่ระบอบประชาธิปไตยจะทำให้ความขัดแย้งเดินไปได้อย่างสันติ ซึ่งการทำรัฐประหารทำไม่ได้ แต่วงจรอุบาทว์เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะพวกที่ถือว่าวุธไม่เคยเรียนรู้ที่จะปรับตัว แต่หาข้ออ้างแบบเดิม ๆ มาทำรัฐประหาร หากย้อนกลับไปสังคมไทยโชคดีที่หลังเกิดเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม 35 เราได้รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่ง ผลพวงจากรัฐธรรมนูญฉบับนั้น ทำให้เกิดรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ตนเชื่อว่าไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หากเรามีรัฐธรรมนูญ และประชาชนที่ยอมรับหลักการประชาธิปไตย ปฏิเสธหลักการหรืออำนาจอื่น ๆ ประเทศจะเจริญรุ่งเรืองแน่นอน แต่สังคมไทยไม่เคยสรุปบทเรียน ว่าความขัดแย้งหรือความรุนแรงไม่สามารถยุติได้ด้วยความรุนแรง อำนาจนิยม และอำนาจปืน ซึ่งล้าสมัยไปนานแล้ว ประเทศต่าง ๆ ในโลกเขาหายไปนานแล้ว เหลือไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังตัดสินด้วยอาวุธ 

“นับจากปี 57 ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น ประชาชนยากจนเศรษฐกิจตกต่ำ คนที่รักชาติถ้าชาติหมายถึงประชาชน คนที่รักความเป็นธรรมจะไม่อาจจะยอมรับระบอบเผด็จการได้เลย เราไม่สามารถยอมรับอภิสิทธิ์ชนไม่กี่ตระกูลได้เอาอำนาจ เอาทรัพย์สิน ผลระโยชน์ทุกอย่างไป แล้วปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส เราไม่ได้ใส่ร้ายรัฐบาลนี้ แต่ตัวเลขทุกอย่างมันฟ้อง เหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา รัฐประหารเป็นภัยร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง วัฒนธรรมอำนาจนิยมเป็นภัยร้ายแรงอย่างมหาศาล วันนี้ขอชื่นชมเยาวชนคนหนุ่มสาวที่ร่วมกันค้นหาความจริง เพราะความจริงนำไปสู่ความเจริญ” นายสิริวัฒน์ กล่าว

ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เราพึงเชื่อ คือไม่มีอำนาจของผู้ปกครองที่ได้มาด้วยความไม่ถูกต้องจะชนะประชาชน บ้านเมืองนี้หากฝ่ายประชาชน ฝ่ายประชาธิปไตย ลุกขึ้นมาต่อสู้ก็ยากที่ใครจะรับมือ เราต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ถูกต้องที่เรียกว่าประชาธิปไตย เพราะหากบ้านเมืองเสียหลักการเรื่องประชาธิปไตย ย่อมเกิดกติกาที่ไม่ชอบธรรม เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เป็นปัญหา และแม้ว่าวงจรอุบาทว์ทางการเมืองของไทยจบลงแบบเดิมทุกครั้ง คือประชาชนและนักศึกษาตาย ซีกอำนาจทางการเมืองเปลี่ยน แต่ประชาชนไม่เคยเปลี่ยน 

นายจตุพร กล่าวอีกว่า สถานการณ์โควิด-19 ปีหน้าก็ไม่จบ หากประชาชนไม่คิดที่จะเปลี่ยนหรือต่อสู้ เราก็ต้องน้อมรับชะตากรรมนี้ต่อไป ตนเคยพูดหลายครั้งว่า คนไทยตื่นยากแต่เมื่อตื่นแล้วจะเอาเรื่องและชนะทุกครั้ง แต่พอชนะแล้วคนไทยจะกลับไปหลับต่อ เป็นการเปิดช่องให้ความอยุติธรรมเผด็จการกลับมา วันนี้จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนตื่นมาเอาเรื่องอีกครั้ง เพื่อให้ประเทศเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเราทนระบอบประยุทธ์ได้เราก็ทนไป แต่ถ้าเราเห็นว่าระบอบประยุทธ์ไม่ถูกต้อง สร้างความเสียหายให้ประเทศ ก็ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง ประเทศจะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยประชาชน เพียงแต่ว่าประชาชนจะพร้อมหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่มีผู้นำคนไหนจะทัดทานพลังประชาชนได้ นี่คือความหวัง และตนเชื่อว่าคนหนุ่มสาวคือจุดเปลี่ยนแปลงของประเทศนี้

นายวีระ กล่าวว่า อำนาจของประชาชนยิ่งใหญ่ที่สุด วันนี้ต้องทำให้จบในรุ่นเราคือรุ่นของเยาวชน เรายังมีความหวังเต็มเปี่ยมกับคนรุ่นปัจจุบัน ที่จะทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงในสังคมไทยแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อเรามีบทเรียนเราไม่ควรจะผิดพลาดซ้ำซาก เผด็จการพัฒนาตลอด วันนี้เขาเข้มแข็ง เพราะเขาเอาความผิดพลาดในอดีตมาปรับเปลี่ยนเสริมให้เข้มแข็งขึ้น เราก็ต้องเอาบทเรียนมาทำให้เกิดชัยชนะ เอาความผิดพลาดมาแก้ไขปรับปรุง ถ้าเราไม่เข้มแข็งเผด็จจะปราบเราแล้วขึ้นมายึดอำนาจ ประเทศไทยจะไม่ว่างเว้นจากเผด็จการ ไม่ว่างเว้นจากการยึดอำนาจ และฉีกรัฐธรรมนูญ 

“ธนาธร” ย้ำไม่เห็นด้วยแผนฟื้นฟู “การบินไทย” ล่าสุดดึงกลับเป็นรัฐวิสาหกิจ-ชี้ เสี่ยงล้มละลายอีกรอบ ประชาชนเป็นผู้แบกแต่กลุ่มทุนได้ประโยชน์

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความลงเพจเฟซบุ๊ค Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถึงกรณีแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทย ที่เจ้าหนี้เห็นชอบล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

โดยนายธนาธร โพสต์ข้อความระบุว่าตนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะแผนฟื้นฟูกิจการฉบับนี้ จะทำให้การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง และหากเกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต ภาษีประชาชนจะต้องถูกนำไปอุ้มการบินไทยอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายธนาธรระบุต่อไป ว่าการที่รัฐบาลตัดสินใจให้แผนฟื้นฟูนี้ผ่าน ทั้ง ๆ ที่ไม่สมเหตุสมผลทางธุรกิจ ไม่มีการปรับโครงสร้างงบการเงินอย่างมีนัยสำคัญ เป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกไม่มั่นคงกับสถานะทางการเมืองของตนเอง จึงไม่อยากเผชิญหน้าใครเพื่อผลักดันแนวทางที่ควรจะเป็น เพราะอาจจะเสียพันธมิตรและเสียคะแนนนิยมทางการเมือง

“ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน ที่บริษัทขนาดใหญ่จะผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยยังคงมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินถึงประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เหตุผลสำคัญที่เจ้าหนี้และผู้เกี่ยวข้อง สนับสนุนแผนฟื้นฟูนี้ คือความเชื่อที่ว่าหาก “การบินไทย” เกิดปัญหาอีกในอนาคต รัฐบาลจะเข้ามาอุ้มการบินไทยต่อไปเรื่อย ๆ ความคิดเช่นนี้จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา หรือนวัตกรรมขึ้นในการบินไทย การบินไทยจะยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต ไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองในการแข่งขันระดับโลก รอคอยการช่วยเหลือจากรัฐตลอดเวลา”

นายธนาธรยังระบุอีก ว่าแผนฟื้นฟูฉบับนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า การบินไทยที่ปรับโครงสร้างการบริหาร เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว จะสามารถทำกำไรก่อนภาษี ได้เฉลี่ยปีละ 1.8 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปีพ.ศ.2566-2578 ติดกันเป็นเวลา 13 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทล้างยอดขาดทุนสะสมได้หมด

แต่ภาวะวิกฤตอาจเกิดขึ้นได้เสมอ และเพียงมีวิกฤตใดก็ตามอีกสักครั้งในช่วง 13 ปีนี้ การบินไทย อาจต้องเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการอีกรอบ และรอบหน้า อาจต้องใช้เงินภาษีประชาชนอุ้มการบินไทยมากกว่านี้

“และอย่าลืมว่า การคาดการณ์ว่าการบินไทยจะกำไรติดต่อกัน 13 ปี ปีละเกือบ 2 หมื่นล้าน ทันทีที่พ้นวิกฤตโควิด ก็ออกจะมองโลกในแง่ดีเกินจริงไปมาก เพราะ ในช่วงปีพ.ศ. 2558-2562 ซึ่งยังไม่มีโควิด การบินไทยยังขาดทุนไปแล้ว 4.1 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 8,200 ล้านบาท”

โพสต์ของนายธนาธรยังระบุด้วยว่า การแก้ปัญหาเช่นนี้ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์กลุ่มสำคัญคือกลุ่มทุนธนาคารที่ใกล้ชิดกับคณะรัฐประหาร และเคยร่วมอยู่ในโครงการทุนประชารัฐ ส่วนคนที่เสียประโยชน์มากที่สุดคือประชาชน ที่ต้องนำเงินไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับการบินไทย

ที่สำคัญกว่านั้น การดึงการบินไทยกลับเป็นรัฐวิสาหกิจอาจส่งผลกระทบกับเสรีภาพการเดินทางของประชาชน การเปิดน่านฟ้าเสรีในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินถูกลง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทางมากขึ้น ประชาชนสามารถเดินทางค้าขายติดต่อธุรกิจได้อย่างว่องไวมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น และค่าใช้จ่ายน้อยลง

“การผลักดันให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการบิน การเปิดน่านฟ้าเสรีจึงสำคัญกว่าการปกป้องการบินไทย สถานการณ์เดินมาไกลมากแล้ว ความเห็นของผมในวันนี้คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่หากผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะอธิบายให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจว่าการยอมรับการเจ็บปวดในระยะสั้น แก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท และของประชาชนในระยะยาว ย่อมดีกว่าการเลี่ยงเผชิญหน้ากับปัญหาเช่นนี้”

จุรินทร์ นำ "พาณิชย์" จับมือ หอการค้านานาชาติ ผลักดันการส่งออก "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย"

วันศุกร์ ที่ 21 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง การต้อนรับคณะกรรมการหอการค้านานาชาติหรือที่รู้จักในนาม ICC (International Chamber of Commerce) ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำโดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ เป็นประธาน เข้าแนะนำคณะกรรมการชุดใหม่ พร้อมกับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกระทรวงพาณิชย์ 15.30 น.วานนี้ (20 พ.ค. 2564)

หลังการหารือ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสต้อนรับคณะกรรมการหอการค้านานาชาติหรือ ICC ที่มีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำโดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ เป็นประธาน เข้าแนะนำคณะกรรมการชุดใหม่พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกระทรวงพาณิชย์ โดยหอการค้านานาชาติมีสมาชิกอยู่ทั่วโลก 130 ประเทศ มีบริษัทที่อยู่ภายใต้หอการค้านานาชาติทั้งหมด 45 ล้านบริษัท และประเทศไทยถือว่ามีหอการค้านานาชาติประจำประเทศไทยมากกว่า 20 ปีแล้ว โดยกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนและประสานงานทำหน้าที่ร่วมกันมาโดยตลอด ภารกิจสำคัญของหอการค้านานาชาติคือทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนของโลกซึ่งมีที่นั่งอยู่ใน UN ด้วย ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน และทำหน้าที่ร่วมพิจารณากฎระเบียบด้านการค้า การลงทุนต่าง ๆ ที่จะออกมาบังคับใช้ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ จะมีส่วนสำคัญในการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้ภาคเอกชนไทยที่เป็นสมาชิกได้รับทราบเพื่อเตรียมการรองรับเมื่อกฎกติกาเหล่านี้ได้รับการบังคับใช้ ว่าจะเตรียมการล่วงหน้าอย่างไรในฐานะสมาชิก และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จะออกมาในอนาคตต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง เช่น การให้ความสำคัญกับการค้าแบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น หรือให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นต้น เป็นทิศทางที่หอการค้านานาชาติจะได้ดำเนินการต่อไปภายใต้ความร่วมมือของหอการค้านานาชาติไทยด้วย

ด้าน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้านานาชาติแห่งไทย กล่าวว่า สาเหตุที่มาวันนี้เหตุการณ์ของโควิดส่งผลกระทบที่รุนแรงกับเศรษฐกิจทั่วโลกและประเทศไทย วันนี้การส่งออกเป็นเครื่องจักรสำคัญมากที่สุดของเศรษฐกิจไทยที่เห็นความชัดเจนในการเติบโต การส่งออกทั่วโลกให้ความสำคัญและอุปสรรคในการส่งออกนำเข้า ICC มีเครือข่ายสามารถเข้ามาช่วยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตการส่งออกการค้าการลงทุนและแก้ไขอุปสรรคสามารถใช้เครือข่ายของ ICC ที่มี 130 ประเทศทั่วโลกผลักดันให้เพิ่มขึ้น

รายการข่าว สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ภารกิจและบทบาทสำคัญของหอการค้านานาชาติก็คือ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนของโลก ซึ่งมีที่นั่งอยู่ใน UN ด้วย ในฐานะเป็นตัวแทนภาคเอกชน และทำหน้าที่ในการร่วมพิจารณากฎระเบียบ ทางด้านการค้า การลงทุนต่าง ๆ ที่จะออกมาบังคับใช้ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญถือเสมือนการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้ภาคเอกชนไทยที่เป็นสมาชิกได้รับทราบด้วย เพื่อเตรียมการรองรับกรณีที่กฎกติกาเหล่านี้ได้รับการบังคับใช้ นอกจากนั้นกฎระเบียบต่างๆ จะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น การให้ความสำคัญกับการค้าแบบอีคอมเมิร์ชมากขึ้น หรือการให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ก็เป็นทิศทางที่หอการค้านานาชาติจะได้ดำเนินการต่อไปภายใต้ของหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทยด้วย 

กระทรวงพาณิชย์ มีกลไกสำคัญในการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ในรูปแบบ กรอ. พาณิชย์ ตลอดรวมถึงหอการค้านานาชาติ ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ที่จะร่วมกันผลักดันการค้าการส่งออก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมมือกันเป็นอย่างดี และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคโควิด เพื่อให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์นี้ สามารถเดินหน้าด้านการส่งออก ขณะนี้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของการส่งออกที่ตัวเลขติดลบมาแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 โดยการส่งออกเริ่มกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นมา และคาดว่าตัวเลขจะกลับมาเป็นบวกอย่างต่อเนื่องในปี 2564 ซึ่งสะท้อนให้เห็นความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และเอกชนที่ทำให้การส่งออกยังเป็นพระเอกดัน GDP ของประเทศให้เป็นบวกในปี 2564 นี้ต่อไป
 

ประกันสังคม ยันพร้อมกระจายวัคซีน ให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 นำร่องในเขตพื้นที่ กทม. 45 จุด ดีเดย์เริ่มฉีด มิ.ย.นี้ พร้อมเผยมีผู้ประกันตนลงทะเบียนฉีดวัคซีนกว่า 80%

รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายให้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงานที่มีความสำคัญกลุ่มหนึ่ง และมีความเสี่ยงในอาชีพที่ต้องสัมผัส ต้องเจอคนจำนวนมาก อีกทั้งเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เตรียมการฉีดวัคซีนให้กับ กลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยให้บูรณาการร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และภาคเอกชน โดยจะพร้อมเริ่มต้นฉีดตั้งแต่ ต้นเดือน มิ.ย. 64 เป็นต้นไป

ด้าน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ได้เตรียมความพร้อมเร่งกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้ทั่วถึงอย่างเร่งด่วน โดยให้สำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับภาคเอกชนทุกภาคส่วน และ สปสช. กลุ่มผู้ประกันตนเสี่ยงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ส่งขอมูลให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวได้ลงทะเบียนหมอพร้อมไปแล้ว

สำหรับในด้านการบริหารจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระยะแรก โดยจะเริ่มดำเนินงานฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตน ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน ในต้นเดือนมิถุนายน 2564 สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง ได้ประสานไปยังสถานประกอบการให้ส่งข้อมูลรายชื่อผู้ประกันตนที่ต้องการฉีดวัคซีน ผ่านระบบ Web-Service โดยมีผู้ประสงค์ฉีดทั้งหมดมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ พร้อมจัดหาสถานที่เพื่อฉีดวัคซีน ในขณะนี้ 45 แห่ง โดยจัดเตรียมอุปกรณ์ในการฉีดวัคซีน พร้อมแพทย์ พยาบาลในสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว ในระยะถัดไปในเดือนกรกฎาคม 2564 จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจ อีก 22 แห่ง จากนั้นจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงานประกันสังคม พร้อมร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งมั่นในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเต็มความสามารถ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและควบคุมโรคด้วยการฉีดวัคซีน ให้กับผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบได้กลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว ประกอบกิจการและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ผู้การแต้ม-ดรุณวรรณ ปชป. มอบกล่องยังชีพ รพ.จุฬาภรณ์ ช่วยคนเดือดร้อนโควิด

พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตหลักสี่-จตุจักร พร้อมด้วย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะฯ ร่วมบริจาคกล่องยังชีพที่ประกอบไปด้วยข้าวสาร 5 กก. ปลากระป๋อง ขนมขบเคี้ยว หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ พร้อมถ้วยและจานกระดาษให้กับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยมี พล.อ.ต.นพ.สันติ. ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นตัวแทนรับมอบเพื่อช่วยแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 

ทั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ผู้ประสบภัยโควิด-19 ของมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.ปชป.) ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งการช่วยจัดหาเตียงให้กับผู้ติดเชื้อ การแจกหน้ากากอนามัย 2 ล้านชิ้นที่ได้กระจายผ่านภาคส่วนต่าง ๆ ทั้ง ส.ส. ของพรรค สาขาพรรค อดีต ส.ส. อดีต ส.ก. ส.ข. และโครงการข้าวกล่องเดลิเวอรี 40,000 กล่อง ส่งตรงถึงบ้าน ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัวอยู่บ้านและโครงการถุงยังชีพเดลิเวอรีผ่านเคอรี่ส่งตรงถึงบ้าน ที่มีพล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ เป็นผู้บริหารจัดการ

“บิ๊กบี้” ส่งหน่วยทหารลงพท. รณรงค์ “ฉีดวัคซีนป้องโควิด” สร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อชาติ

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก ในฐานะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าสถานการณ์โควิด-19 ของไทยในขณะนี้ได้เริ่มเข้าสู่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนตามการบริหารจัดการวัคซีนของ ศบค. และ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ทั้งนี้ที่ผ่านมา กองทัพบกได้ให้หน่วยทหารและชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน มวลชนเครือข่าย เข้าพบปะให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันโรคและการปฏิบัติตนให้กับประชาชนในทุกพื้นที่และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้หน่วยทหารทุกกองทัพภาคจัดชุดรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในแนวทางการให้วัคซีนโควิด-19 ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ โดยหน่วยทหารของกองทัพบกจะสื่อสารทุกช่องทางทั้งภายในองค์กรและการสื่อสารกับประชาชนให้มีความรู้ความเข้าใจทันต่อข้อมูลข่าวสาร สามารถเข้าร่วมและได้รับประโยชน์จากโครงการฉีดวัคซีนของรัฐบาลอย่างเต็มที่ เน้นการให้คำแนะนำช่องทางที่ประชาชนจะเข้าถึงการฉีดวัคซีน และช่วยอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม”

สำหรับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์จะเป็นไปในลักษณะ การจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนออกรณรงค์ตามชุมชน สถานที่สาธารณะ แหล่งที่มีผู้คนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งข้อมูลถึงระดับบุคคล รวมถึงการใช้สื่อ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อสังคมออนไลน์ในเครือข่ายกองทัพบกกระจายข้อมูลข่าวสารและเชิญชวนประชาชนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง ส่วนโรงพยาบาลค่ายในสังกัดกองทัพบก จะเน้นให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด รวมทั้งร่วมกับสาธารณสุขในพื้นที่ออกให้คำแนะนำและบริการประชาชน

พล.ท.สันติพงษ์ กล่าวอีกว่า การรณรงค์ดังกล่าว ผู้บัญชาการทหารบกมีเจตนารมย์เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลข่าวสารและเข้าถึงบริการสาธารณสุข ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดความรุนแรงเมื่อมีการติดเชื้อ และป้องกันการเสียชีวิต การฉีดวัคซีนนอกจากจะเป็นการป้องกันตนเอง ครอบครัว ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ที่สำคัญจะช่วยให้ประเทศไทยผ่านสถานการณ์วิกฤติโควิด และกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ 

ก.แรงงาน ประกาศพร้อมจัดฝึกทักษะฟรี! ทั่วประเทศ สร้างอาชีพให้ประชาชน ลดปัญหาว่างงานจากโควิด-19

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดปัญหาการว่างงาน และการถูกเลิกจ้างของพนักงานในสถานประกอบกิจการเป็นจำนวนมาก และมีความมั่นใจว่าสถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะดีขึ้นตามลำดับหลังจากการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในทุกพื้นที่ของประเทศ กระทรวงแรงงานโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการประทรวงแรงงาน มีนโยบายเน้นย้ำว่าแรงงานยังคงต้องได้รับการพัฒนายกระดับทักษะฝีมือแรงงานเป็นแรงงานคุณภาพเพิ่มโอกาสในการมีงานทำหรือเป็นผู้ประกอบการอิสระได้ทันทีเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นและเศรษฐกิจฟื้นตัว มีทักษะที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีและตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงเพื่อสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ กพร. กระทรวงแรงงาน ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) ที่มีอยู่ทุกจังหวัดจัดฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมเข้าทำงานเพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า หลักสูตรเตรียมเข้าทำงานใช้ระยะเวลาการฝึกอบรมระหว่าง 3-8 เดือน แบ่งเป็นฝึกอบรมในสพร. สนพ. และฝากฝึกในสถานประกอบกิจการเพื่อเรียนรู้สร้างประสบการณ์ในการทำงาน ในแต่ละจังหวัดจะมีหลักสูตรการฝึกอบรมที่แตกต่างกันตามความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่ เช่น ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ช่างควบคุมเครื่องกัดและเครื่องกลึง CNC ช่างเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ช่างเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร สาขาเทคโนโลยีการควบคุมระบบอัตโนมัติในงานอุตสาหกรรม ช่างแต่งผมสตรี ผู้ประกอบอาหารไทย เป็นต้น ทุกหลักสูตรฟรี มีบริการหอพักให้สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางไป-กลับ ซึ่งแต่ละหลักสูตรรับจำนวนจำกัดเพื่อให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแรงงานใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา ผู้ถูกเลิกจ้างหรือว่างงาน และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ต้องการพัฒนาตนเองและพร้อมกลับสู่การทำงานเริ่มต้นอาชีพใหม่ คุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาที่สมัครหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้อง

“ซึ่งขณะนี้สพร.และสนพ. เปิดรับสมัครหลักสูตรเตรียมการเข้าทำงานแล้ว และมีความพร้อมจัดการฝึก
ตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 จึงเชิญชวนผู้สนใจเข้าฝึกอบรม ติดตามรายละเอียดการฝึกอบรมได้ที่ www.dsd.go.th Facebook : กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือโทรสอบถามสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือกองสื่อสารองค์กร กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 02-245-4035” อธิบดีกพร. กล่าว

“บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะถก ศบค.ชุดใหญ่ จับตาพิจารณาต่อขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน ถึง 31 ก.ค.นี้ หลังพบคลัสเตอร์ใหม่ทำยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตยังพุ่งไม่หยุด

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564  ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะ ผู้อำนวนการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 7/2564 ผ่านระบบ Video Conference

ทั้งนี้คาดว่า ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) จะเสนอให้ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาขยายระยะเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่ 1 มิ.ย.-31 ก.ค. โดยยึดตามเหตุผลของกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้มีการประเมินสถานการณ์ไว้ว่า ต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 2 เดือน ในการควบคุมการการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากต่อเพียง 1 เดือน หรือ 30 วัน เหมือนเดิม อาจจะไม่เพียงพอ พร้อมทั้งจะพิจารณาถึงแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ตามที่ที่ประชุมอีโอซีกระทรวงสาธารณสุขเสนอด้วย

นอกจากนี้คาดการณ์ด้วยว่าจะมีการรายงานถึงมาตรการควบคุมเข้มงวดเฝ้าระวังและสกัดกั้นชายแดนป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายยาเสพติดและการค้ามนุษย์ที่อาจเข้ามาพร้อมโควิดสายพันธุ์ใหม่ และตั้งด่านจุดสกัดการลักลอบเข้าเมืองทางน้ำซึ่งถือว่ายังเป็นอีกหนึ่งจุดที่ยังคงมีปัญหา หลังพบผู้ติดเชื้อลอยลำในน่านน้ำ

นอกจากนี้ที่ประชุม อาจมีการหารือ การกระจายวัคซีนแบบ on-site รวมไปถึงกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากพบการแพร่ระบาดของคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มมากขึ้น อย่างในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งขณะนี้พบผู้ติดเชื้อกว่า 600 คน รวมไปถึงพื้นที่ชุมชนแออัด ที่จะต้องนำวัคซีนเข้าไปเสริม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อย่างเร่งด่วน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top