Tuesday, 2 July 2024
NewsFeed

คนกรุง เฮ ! ใช้บัตร 30 บาทได้แล้ว รัฐบาลจัดให้ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ‘สมศักดิ์’ ปลื้มผลงานรัฐบาลนโยบาย 30 บาท

รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวขยายเป็น 46 จังหวัด  พร้อมให้บริการประชาชนกว้างขวางกว่าครึ่งประเทศแล้ว น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า จากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี มาเป็น30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว วันนี้มีความก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 นายจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้ออกประกาศ สปสช. ลงราชกิจจานุเบกษา เรื่องจังหวัดที่ดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว พ.ศ. 2567 ให้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ เป็นความภูมิใจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศ ทำทันที ผ่านมา10 เดือน รัฐบาลห่วงใยสุขภาพของประชาชน พี่น้องคนไทยสามารถรักษาพยาบาลฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้ถึง 46 จังหวัดแล้ว และภายหลังที่นายสมศักดิ์  เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาทำหน้าที่จากเดิมการใช้บัตร 30 บาทรักษาทุกที่ดัวยบัตรประชาชนใบเดียว จาก 45 จังหวัดประกาศเพิ่มอีก 1 มีกรุงเทพมหานครรวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกันกับเฟสแรก 4 จังหวัด เฟสสอง 8 จังหวัด เฟสสามอีก 33 จังหวัด รวมเป็น 45 จังหวัด เพิ่มกรุงเทพฯ 1 จังหวัด เท่ากับ 46 จังหวัด ถือว่า การให้บริการขยายเกินกว่าครึ่งประเทศแล้ว จากประกาศนำร่องเฟสแรก จังหวัดร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส  และเพิ่มเเฟสสองแงะสามตามมา รวมวันนี้ประกาศเพิ่มอีก 42 จังหวัดประกอบด้วย นครราชสีมา, นครสวรรค์, พังงา, เพชรบูรณ์, สระแก้ว, สิงห์บุรี,  หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ, เชียงใหม่,  เชียงราย, น่าน, พะเยา, ลำปาง, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, กำแพงเพชร, พิจิตร, ชัยนาท, อุทัยธานี, สระบุรี, นนทบุรี, ลพบุรี, อ่างทอง, นครนายก, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, อุดรธานี, สกลนคร,  นครพนม, เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, สงขลา, สตูล, ตรัง, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา และกรุงเทพฯ น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า  สำหรับกรุงเทพฯซึ่งเป็นเมืองหลวง มีประชากรจำนวนมาก เป็นพื้นที่ที่ยาก แต่วันนี้กระทรวงสาธารณสุขทำได้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ ให้ไปใช้บริการในคลินิกนวัตกรรมทั้ง 7 วิชาชีพได้เช่นเดียวกับต่างจังหวัดที่ประกาศไปก่นหน้านี้ เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็เข้ารับบริการทั้ง 7 วิชาชีพ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว  7 วิชาชีพได้แก่ คลินิก7 วิชาชีพ ได้แก่ คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น, คลินิกทันตแพทย์ชุมชนอบอุ่น, คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น, คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น, คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น, คลินิกกายภาพชุมชนอบอุ่น และร้านยาที่มีสัญลักษณ์นอกจากนี้ สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวสามารถทำฟันฟรีปีละ 3 ครั้ง ที่คลินิกทันตกรรมอบอุ่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ได้รับบริการ 5 รายการ คือ ขูดหินปูน, อุดฟัน, ถอนฟัน,เคลือบหลุมร่องฟันและเคลือบฟลูออไรด์ การเข้ารับบริการขอให้สังเกตุโลโก้ รูปบ้านและสัญลักษณ์ สื่อถึงแต่ละวิชาชีพในรูปหัวใจติดอยู่ที่หน้าคลินิก โฆษกกระทรวง สธ. ฝ่ายการเมืองกล่าวว่า นายสมศักดิ์ ปลื้มมากที่การทำงานของกระทรวงสาธารณสุขทำได้อย่างรวดเร็วเพื่อประชาชน ขอบคุณบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ที่ตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเเพื่อประชาชน ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่ไหน ยื่นบัตรประชาชนใบเดียวก็เข้าไปรับบริการได้ทันที ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใช้บริการได้ทั่วประเทศตามคลินิก 7 ประเภท ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเข้าไลน์ ID ของสปสช. โทร 1330 และช่องทางอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการก็เข้ารับบริการฟรีที่ร้านยาใกล้บ้าน ให้สังเกตุป้าย  ส่วนอีก 30 จังหวัดอดใจรออีกนิดเดียว ภายในสิ้นปีนี้ คนไทยได้ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวทั้งประเทศ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว” นางสาวตรีชฎากล่าว 

‘กระทรวงการคลัง’ เล็งพิจารณา ‘แพลตฟอร์มออนไลน์’ หลัง ‘Shopee-Lazada’ ขอร่วม ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ด้วย

(19 มิ.ย.67) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ อาทิ ช้อปปี้ (Shopee) ลาซาด้า (Lazada) แสดงความสนใจอยากเป็นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งแพลตฟอร์มยืนยันว่าสามารถทำได้ โดยมีกลไกการันตีว่าของส่งได้ในพื้นที่ต่างๆ ตามที่กำหนดตำแหน่งได้ และการันตีได้ว่าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นแน่นอน

ทั้งนี้ นายจุลพันธ์กล่าวว่า กระทรวงการคลังก็จะไปดูรายละเอียดในส่วนนี้ให้ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขในปัจจุบันนี้ ดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่สามารถซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ เนื่องจากมีการควบคุมโลเคชั่น และยังเป็นการใช้จ่ายรูปแบบเผชิญหน้ากัน (face to face) เท่านั้น

นายจุลพันธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับสินค้าต้องห้าม โดยเป็นห่วงเรื่องการไหลสินค้านำเข้า ขณะที่โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนเป็นสินค้าที่นำเข้า มีแต่ที่ผลิตจากต่างประเทศเท่านั้น ดังนั้นต้องดูมิติการผลิต และจ้างงานภายในประเทศ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปสรุปรายละเอียด เพื่อให้มีความชัดเจน และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะใช้ รวมทั้งต้องดูรายละเอียดว่าจะสามารถกำกับ ควบคุมการใช้จ่ายได้จริงหรือไม่

“เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ ก็ไม่สามารถระบุได้ว่า สามารถซื้อได้เฉพาะยี่ห้อที่ผลิตในไทย แต่เรื่องสมาร์ทโฟนสามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่าผลิตในต่างประเทศเท่านั้น ส่วนในเรื่องกลไกการกำหนดเรื่องร้านค้าก็มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้กำหนด” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการส่งหนังสือให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเรื่องการใช้งบประมาณเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ยังมีระยะเวลาในการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นหน่วยงานของรัฐ ฉะนั้น กลไกในการขับเคลื่อนนโยบาย หากอยู่ในกรอบหน้าที่ ก็เป็นภาระหน้าที่ที่ ธ.ก.ส.ต้องดำเนินการ เราก็ดำเนินการตามกฎหมาย ธ.ก.ส.ก็ยินดีดำเนินการ ยืนยัน ว่าสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.ไม่ได้มีปัญหา

‘เลขาฯ สหประชาชาติ’ เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมยุติ ‘การทำร้ายโลก’ หลังผืนดินทั่วโลกเสื่อมโทรมลง 40% หวั่น!! กลายเป็น ‘ทะเลทราย’

เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้หลายฝ่ายดำเนินงานเพื่อยุติการทำร้ายโลก หลังจากผืนดินทั่วโลกเสื่อมโทรมลงเกือบร้อยละ 40 และยังคงเสื่อมโทรมทุกๆ วินาที

“ผืนดินอุดมสมบูรณ์ขนาดเท่าสนามฟุตบอลราว 4 สนามจะเสื่อมโทรมลงทุกๆ วินาที” กูเตอร์เรสกล่าวข้อความผ่านวิดีโอ เนื่องในโอกาสวันต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทรายและความแห้งแล้งโลก (World Day to Combat Desertification and Drought) ซึ่งตรงกับวันที่ 17 มิ.ย. ของทุกปี

ทั้งนี้ กูเตอร์เรสยังกล่าวว่า ความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรือง และสุขภาพของผู้คนหลายพันล้านคนต้องพึ่งพาผืนดินอันเจริญงอกงามเพื่อเอื้อต่อการดำรงชีวิต การทำมาหากิน และระบบนิเวศ แต่ผู้คนกลับกำลังทำร้ายโลกที่ช่วยค้ำจุนเรา พร้อมเสริมว่าวันดังกล่าวเตือนว่าเราจะต้องร่วมมือกันเพื่อผืนดิน ทั้งภาครัฐบาล กลุ่มธุรกิจ คณะนักวิชาการ ชุมชน และกลุ่มคนอีกมากมาย

ผืนดินสุขภาพดีเป็นแหล่งอาหารสำหรับผู้คนเกือบร้อยละ 95 ทั่วโลก เป็นเสื้อผ้าและที่พักพิงให้แก่ผู้คน สร้างงานและการทำมาหากิน ตลอดจนปกป้องชุมชนจากภัยแล้ง น้ำท่วม และไฟป่าที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

กูเตอร์เรสกยังกล่าวอีกว่า พันธกิจต่างๆ ได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนในอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย (UNCCD) ที่มีอายุครบรอบ 30 ปีแล้วในปีนี้ ซึ่งนับเป็นสัญญาณว่าทั่วโลกจะต้องเร่งลงมือทำตามเป้าหมายข้างต้นอย่างรวดเร็ว

เพื่อบรรลุผลลัพธ์เหล่านี้ กูเตอร์เรสกล่าวว่าควรสร้างแรงผลักดันในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ครั้งที่ 16 (COP 16) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้น ณ กรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย ในเดือนธันวาคม 2024 และรับประกันว่าหลายฝ่ายจะรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่ในกระบวนการเจรจาหารือ พร้อมทิ้งท้ายเชิญชวนให้ผู้คนร่วมกันหว่านเมล็ดพันธุ์เพื่ออนาคตอันรุ่งเรืองของธรรมชาติและมนุษยชาติ

'ครูเป็ด' ชื่นชมครูรุ่นใหม่ ให้เด็กได้ลอง 'ขีด-เขียน-ลบ' บนกระดาษจริง หน่วงชีวิตเด็กให้ช้าลง ผ่านปลายปากกาแสนฝืด-รอยลบเตือนความผิด

(19 มิ.ย.67) ครูเป็ด-มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร นักแต่งเพลง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอธิบายเหตุผลที่ทำไมคุณครูคนรุ่นใหม่ จึงยังให้นักเรียนจดบันทึกลงบนกระดาษว่า เพื่อเป็นการให้เด็กได้เห็นและทบทวนข้อผิดพลาดในอดีตของตน ระบุว่า...

เมื่อวานผมได้ประชุมออนไลน์กับอาจารย์ของโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง เพราะผมจะต้องไปสอนเด็กนักเรียนในหัวข้อการอ่านจับใจความ

ความน่าสนใจมันอยู่ตรงนี้...

ในการสอนจำเป็นจะต้องส่งเรื่องไปให้นักเรียนอ่าน เพื่อเป็นตัวอย่างว่าเราจะจับใจความเรื่องอย่างไร...ผมก็ถามทางอาจารย์ว่า ปกติเขาใช้แพลตฟอร์มอะไรในการแจกจ่ายเอกสารแบบนี้

เพราะผมมองว่าเด็กนักเรียนรุ่นนี้ เขามีอะไรก็คงจะขีด ๆ เขียน ๆ บนแท็บเล็ตของเขา คงไม่ได้ใช้กระดาษแล้วมั้ง

ทางอาจารย์ซึ่งก็เป็นคนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่ ก็ขอว่าให้ผมส่งไฟล์ให้ทางโรงเรียน แล้วเขาจะปริ้นเป็นกระดาษออกมาให้เด็กเอง

มีอะไรก็จะให้เด็กขีดเขียนลงบนกระดาษ

เหตุผลของอาจารย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนน่าชมเชย...แกบอกว่าอยากให้เด็กได้สัมผัสกับความรู้สึกจับต้องกระดาษ ได้เขียนอะไรลงบนกระดาษ ความรู้สึกที่ปลายปากกามันฝืด ๆ นิดนึง ตอนลากไปบนกระดาษ...

และถ้าเขียนอะไรผิดก็ต้องลบ ซึ่งมันจะทิ้งร่องรอยให้เห็นว่า นั่นไงที่เราเคยผิดหรือเคยทำพลาดไว้...

คือตอนนี้อะไรที่ผ่านมาในชีวิตมันเร็วเหลือเกิน มาแล้วก็ไป ก็เลยอยากให้มีอะไรบางอย่างหน่วงชีวิตให้ช้าลงบ้าง...เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี

ผมเก๊ตความคิดนี้และชื่นชมครับ...

เด็กรุ่นนี้โตมากับเทคโนโลยี เขาอาจจะได้สัมผัสเพียงด้านเดียวคือความว่องไว ความสำเร็จรูป ความได้อย่างใจ...

จะมีอีกมุมหนึ่งที่เทคโนโลยีไม่ได้สอน...คือความอดทน การรอคอย รับมือกับความผิดพลาด รับมือกับความไม่สมหวัง...

เทคโนโลยีจะไปเร็วแค่ไหน แต่หัวใจคนก็ยังเต้นประมาณ 80 ครั้งต่อนาที...เหมือนเมื่อร้อยปีหรือพันปีที่แล้ว

ชื่นชมครับที่ครูรุ่นใหม่ ๆ เห็นคุณค่าของเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ และพยายามสอดแทรกเข้าไปในการเรียนการสอน 

เชียงใหม่-สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่รุกจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น "Chiang Mai WOW"

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่จัดงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกรฏาคม - กันยายน 2567  "Chiang Mai WOW" โดยมีนายวีระพงศ์  ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมีนายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ , ว่าที่ร้อยเอก สันติพงษ์ บุลยเลิศ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ,นายเก่ง ชัยวารินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ,นายวุฒิชัย วีระมาชา เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ และนายพงศธร เลากิตติศักดิ์ ประธานประสานงานสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย 8 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมแถลงข่าว ตั้งเป้ากระตุ้นจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวตลอดทุกเดือนและทุกปี ณ ห้องประชุมศิริโพธิ์ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่

นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567 เริ่มต้นด้วยการจัดงานเทศกาลอาหารฮาลาลเชียงใหม่ ปี 2567 ในเดือนกรกฎาคม 2567 เป็นปีที่ 2 ที่ทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมขี้น โดยในปีนี้ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ให้คำปรึกษา ถือเป็นการต่อยอดการจัดกิจกรรมเทศกาลอาหารฮาลาลจากปีที่แล้ว

ร้านอาหารฮาลาลที่เข้าร่วมกิจกรรมและจัดทำพิกัดร้านในปีนี้มีจำนวน 50 ร้าน ซึ่งจะทำการประชาสัมพันธ์พิกัดร้านในปลายเดือนมิถุนายนนี้ และในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 จะมีการจัดกิจกรรมเทศกาลอาหาร ฮาลาล ณ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่ กิจกรรมช่วงเช้าเป็นการจัดการอบรมหัวข้อ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาหาร ฮาลาล ให้กับสมาชิกของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, สมาคมร้านอาหาร สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ทุกท่านที่ผ่านการอบรมจะได้รับใบ certificate การฝึกอบรม  และกิจกรรมช่วงบ่ายเป็นพิธีมอบใบประกาศนียบัตร   สำหรับร้านอาหารที่เข้าร่วมกิจกรรมเทศกาลอาหารฮาลาลเชียงใหม่ ปี 2567 และหลังจากนั้นจะมีบูธอาหารฮาลาลหลากหลายชนิดที่มาร่วมกิจกรรมให้ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันดังกล่าวได้ทดลองชิมกัน

นายศุภมิตร กล่าวต่อว่า โครงการถัดมาที่จะจัดขึ้นคือ โครงการฟ้าม่วน (โครงการการบูรณาพัฒนาและต่อยอดอากาศสะอาดภาคเหนือ) ด้วยการผนึกพลังของหลายเครือข่าย "เพื่อสร้างความร่วมมือและเครือข่ายในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5" ประกอบด้วย โครงการฟ้าม่วน ร่วมกันระหว่าง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดภาคเหนือตอนบน, สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่, วสท.สาขาภาคเหนือ 1, สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไข และบรรเทา ปัญหาฝุ่น pm 2.5 จึงได้จัดตั้งโครงการสาธารณประโยชน์นี้ขึ้น มีแนวทางการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก พร้อมทั้งการสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนในการรับมือ และป้องกันดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากฝุ่น pm2.5  ซึ่งโครงการฟ้าม่วนได้ดำเนินโครงการมาแล้วตั้งแต่ปี 2566 และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในจังหวังเชียงใหม่ และจะขยายพื้นที่เครือข่ายไปยังจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย ปาย แม่ฮ่องสอน และพะเยา ต่อไป

ทั้งนี้โครงการฟ้าม่วนได้จัดกิจกรรมกอล์ฟการกุศลฟ้าม่วน ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567 เวลา 11:00 – 20:00 น. ณ สนาม Alpine Golf Resort Chiang Mai ชิงถ้วยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รายได้จากการทำกิจกรรมจะนำมาทำห้องปลอดภัยให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 72 ที่ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6 รอบ โดยร่วมทำบุญ ผ่านบัญชี โครงการฟ้าม่วน (วสท.สาขาภาคเหนือ1) ธนาคารออมสิน สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า  และติดตามรายละเอียดกิจกรรมโครงการ ได้ที่เพจเฟสบุ๊คฟ้าม่วน

ต่อด้วยการ จัดกิจกรรมตักบาตรโชติกา เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์-สามเถร 99 รูป ในวันเสารที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 7:00 น. ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เพื่อถวายพระราชกุศลในช่วงวันเฉลิมพระชนมาพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กิจกรรมตักบาตรโชติกาเป็นการทำบุญตักบาตรรอบพระเจดีย์โบราณ อายุกว่า 600 ปี ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จัดเป็นประจำทุกวันเสาร์ เวลา 7:00 น. ซึ่งกิจกรรมนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทางสมาคมได้เตรียมอาหารแห้ง  นมถั่วเหลือง และน้ำดื่มไว้จำหน่าย รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว แบ่งถวายวัดเจดีย์หลวง, บริจาคให้โรงพยาบาลนครพิงค์ และสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนเวียงพิงค์

สุดท้ายเป็นการจัดมหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง,พระบูชาเหรียญคณาจารย์, เครื่องรางยอดนิยมทั่วประเทศ โดยสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันที่ 14-15 กันยายน 2567 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า"สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ต้องการให้มีกิจกรรมทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ตลอดทุกเดือนตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นช่วงไฮซีซั่นหรือช่วงโลว์ซีซั่น เราอยากให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมกิจกรรมทางการท่องเที่ยวกระตุ้นเงินสะพัดในทุกธุรกิจ ทั้งภาคบริการ การท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านของฝาก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ"

นภาพร  / เชียงใหม่ 

‘อรรถวิชช์’ ชี้!! รัฐบาลจัดงบฯ ขาดดุลเต็มพิกัด เข็น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แต่คุ้มไหมกับหนี้สาธารณะ?

(19 มิ.ย.67) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง’ ทางช่องยูทูบ ‘แนวหน้าออนไลน์’ ในประเด็น (ร่าง) พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่มีข้อสังเกตเรื่องการจัดสรรงบฯ สำหรับโครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ หรือการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ไว้เป็นพิเศษ ว่าเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว เพราะการจัดงบฯ ครั้งนี้หัวใจจะไปอยู่ที่โครงการดังกล่าว ในขณะที่เรื่องอื่น ๆ ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไร จะคล้ายกับที่ทุก ๆ รัฐบาลทำกันมา เช่น โครงสร้างพื้นฐานก็เดินต่อในกรอบเดิม

ทั้งนี้ ต้องเริ่มต้นจากการอธิบายก่อนว่า การจัดทำงบประมาณมี 3 รูปแบบ คือ 1.สมดุล หมายถึงรายรับ-รายจ่ายอยู่เท่ากัน 2.เกินดุล หมายถึงรายจ่ายจะน้อยกว่ารายรับ และ 3.ขาดดุล หมายถึงรายรับน้อยกว่ารายจ่าย ซึ่งโดยทั่วไปประเทศไทยจัดทำงบประมาณขาดดุลกันมาตลอด แต่การขาดดุลก็มีการจำกัดไว้ กำหนดเส้นว่าห้ามขาดดุลเกินเท่าไร โดยมีกฎหมายกำหนดว่าห้ามเกินร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่าย บวกกับอีกร้อยละ 80 ของการชำระคืนเงินต้น ซึ่งล่าสุดรัฐบาลใช้โควตาแบบเต็มแม็กซ์ คือราว 8 แสนล้านบาท

“ปกติรัฐบาลอื่น ๆ เขาจะเกือบ ๆ เพราะเขาจะเว้นช่องไว้หน่อย ถ้าเกิดระหว่างปีมันมีเรื่องโน้นเรื่องนี้เกิดขึ้น เขาอาจจะของบประมาณเพิ่มเติมเข้าสภา เขาเรียกงบประมาณประจำปีฉบับเพิ่มเติม แต่เที่ยวนี้รัฐบาล งบ’68 กดเต็มแม็กซ์เลย คือต้องการขาดดุลแบบเต็มเพดาน เพราะเขาต้องการเอาทำเงินดิจิทัล ผมถึงบอกว่าดิจิทัลแจกใช้เงิน 5 แสนกว่าล้าน ในขณะที่ขาดดุลงบประมาณเต็มปีได้แค่ 8 แสนกว่า แต่ 8 แสนกว่าก็ต้องเอาไปจ่ายพวกเงินเดือนประจำ โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เลยทำให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะต้องใช้เงิน 3-4 แหล่งที่มาด้วยกัน” นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อไปว่า แหล่งเงินที่จะนำมาใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไล่ตั้งแต่งบประมาณฯ 2568 นอกจากนั้นยังดึงงบกลางที่นายกฯ สามารถใช้ได้ ของปีงบประมาณ 2567 มาใช้ด้วย อีกทั้งยังจะออก พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ฉบับเพิ่มเติม โดยก่อนหน้านั้น ร่างงบฯ’67 ทำค้างไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งยังขาดดุลไม่เต็มโควตา ก็จะจัดให้เต็มในช่วงปลายปีงบประมาณ สุดท้ายคือไปดึงเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยจะรวม ๆ จากแหล่งเหล่านี้มาให้ครบ 5 แสนล้านบาท

ส่วนที่บางคนไม่เชื่อว่าจะดึงเงิน ธ.ก.ส. มาได้ ก็ต้องบอกว่ามีช่องทางให้ทำได้ เช่น จัดโปรแกรมช่วยเหลือเกษตรกร โดยการแจกเงินดิจิทัล หากเป็นประชาชนทั่วไปก็แจกได้เลย แต่สำหรับเกษตรกรซึ่งลงทะเบียนไว้กับ ธ.ก.ส. ก็แจกโดยให้เข้ากับกรอบกฎหมาย ธ.ก.ส. อาทิ การใช้เงิน 1 หมื่นบาทของเกษตรกร อาจไปใช้พัฒนาพันธุ์ข้าว หรือไปใช้ซื้อปุ๋ย ซื้อยาฆ่าแมลง ฯลฯ เป็นการลากผลสู่เหตุ-ลากเหตุสู่ผล เพื่อให้ใช้เงินได้ในกรอบของ ธ.ก.ส. เพราะหากจะใช้เงินของ ธ.ก.ส. ก็ต้องเขียนให้เชื่อมโยงกัน นักกฎหมายก็ต้องแฉลบให้มันลง

“ปกติโครงการจำนำข้าวก็ดี ประกันรายได้ก็ดี ไม่ว่าของเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ มันคือการแจกเงินทั้งสิ้น ประกันก็แจก จำนำก็แจก แจกอยู่รอบหนึ่งก็ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี ต่อ Crop (การปลูก) ละกัน เขากะว่าก็เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ทำจำนำ ทำน้อยหน่อย หรือทำประกันน้อยหน่อย แต่เอาเงินมาจ่ายตรงนี้แทน คือมันเป็นการ Frame (วางกรอบ) นโยบายใหม่ แต่แจกเหมือนเดิม” นายอรรถวิชช์ ระบุ

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับตนการทำอย่างอื่นคุ้มกว่าโครงการนี้ แต่หากไม่ทำพรรคเพื่อไทยก็เสียคน ดังนั้นก็ต้องดันกันสุดลิ่มทิ่มประตูเพื่อให้ออกมา โดยในทางเศรษฐศาสตร์ ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) การทำให้เจริญเติบโต มีเครื่องยนต์ 4 ตัว คือ 1.การบริโภคภายในประเทศ ยิ่งบริโภคเยอะ เงินหมุนเยอะ GDP ก็โต 2.การลงทุน หากมีต่างชาติเข้ามาลงทุน เกิดการลงทุนใหม่ ๆ 3.รายจ่ายภาครัฐ ยิ่งเยอะ GDP ก็โต และ 4.ดุลการค้า ต้องส่งออกมากกว่านำเข้า ทั้ง 4 ตัวนี้ หากโตพร้อมกัน GDP ก็ขึ้น

แต่สิ่งที่ทำง่ายที่สุดคือการแจกเงิน หรือการจ้างคนเดินงบหลวงไปขุดดิน ขุดแล้วก็ฝัง ทำเท่านี้ GDP ก็ขึ้นแล้ว เพราะเกิดการจ้างงาน เป็นการนำงบประมาณลงไป ซึ่งก็ทำกันบ่อย ๆ มาหลายรัฐบาล ไม่ต้องคิดอะไรมาก ดัมพ์เงินแจกเงินลงไป เงินก็หมุน แต่ที่ชั่วหนักคือ หากมีการโกงเกิดขึ้น เพราะเงินจะไปอยู่ในกระเป๋าคนอื่น เงินไม่ได้ไปหมุน การบริโภคในประเทศก็จะไม่เกิด แต่หากแจกตรง ๆ ไม่มีการโกง รายจ่ายภาครัฐก็จะเกิด การบริโภคหมุน ดังนั้นโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็จะคิดอยู่ใน 2 มุมเท่านั้น คือภาครัฐจ่ายเงินลงไปแล้วเกิดการบริโภคภายในประเทศ

“มันง่ายไปไหม? แต่เขาก็คิดแบบนั้น แล้วเขาคงต้องทำเดินไปแบบนั้น สิ่งที่ตามมาก็คือหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มมากขึ้น แล้วก็ภาระที่เราต้องจ่าย รัฐบาลต้องมีการจ่ายรายปีในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย คราวนี้เวลาหนี้สาธารณะมัน อันนี้ผมพูดแย้งกันในคนเดียวกันนะเพื่อให้เห็นภาพมุมลบและมุมบวก คือรัฐบาลเขาบอกว่าหนี้สาธารณะต่อ GDP มันอาจจะน้อยก็ได้ เพราะอะไร? เพราะถ้าเกิดผมอัดเงินลงไปแล้ว GDP มันก็ต้องขึ้น พอขึ้นตัวหารมันก็ทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP อาจจะลดลงก็ได้นะ เขาก็พูดในมุมนั้น แต่ถ้าพูดถึงในมุมยอดหนี้มันขึ้น ให้เห็นภาพว่าเขาคิดกันแบบนี้” นายอรรถวิชช์ กล่าว

‘เกาหลีใต้’ ชี้!! 4 เดือนแรก ยอดนักท่องเที่ยวไทยมาเยือน ลดฮวบ 21% หลังปัญหา 'ตม.เลือกปฏิบัติ' พ่นพิษ และไร้เงาไทยติดลิสต์ K-ETA

(19 มิ.ย.67) องค์การการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ออกมาเผยกับสื่อต่างประเทศ ถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาถึงเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นในปี 2024

แต่กลับกันตัวเลขนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่เคยเป็นแชมป์อันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียกลับลดลง ไปอยู่ที่ อันดับ 3 ตามหลังนักท่องเที่ยวจากเวียดนาม และฟิลิปปินส์

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวเกาหลีใต้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน มีจำนวน 119,000 คน ลดลง 21.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ขณะที่ นักท่องเที่ยวจากจีน เพิ่มขึ้น 470% และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 86% และจากข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ฟิลิปปินส์ (76%) อินโดนีเซีย (51%) มาเลเซีย (35%) เวียดนาม (29%) และสิงคโปร์ (11%)

และแม้จะเทียบกับช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19 แต่อัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวไทยก็ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายนของปีนี้ พบว่านักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนเพียง 59% ของจำนวนนักท่องเที่ยวไทยในช่วงเวลาเดียวกันของปี 62 ซึ่งต่ำกว่าอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยรวมที่ 88%

โดยในปี 62 ประเทศไทยอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาหลีใต้มากที่สุด กว่า 572,000 คน ตามด้วย เวียดนาม 554,000 คน และฟิลิปปินส์ 504,000 บาท

อย่างไรก็ตามในปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรมเกาหลี เชื่อว่าเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวนลดลง เนื่องจากมีความรู้สึกเชิงลบกับการถูกปฏิเสธการเข้าประเทศ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)

โดยเฉพาะภายหลังจากที่มีการเปิดใช้ระบบ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorisation) ซึ่งกำหนดให้นักเดินทางจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า 112 จะต้องลงทะเบียน และขออนุมัติการเข้าประเทศทางออนไลน์ ก่อนออกเดินทางไปเกาหลีใต้เป็นปัจจัยสำคัญ ด้วยแม้ว่าจะมีการยกเว้น K-ETA ชั่วคราวสำหรับประเทศต้นทาง 22 แห่ง เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ฮ่องกง และสิงคโปร์ แต่ประเทศไทยกลับไม่รวมอยู่ด้วย

'ปิยบุตร' ปลุกนักการเมือง เลิกทำตัวเป็น 'ไก่ในเล้า'  ร่วมกันจับมือต้าน 'ยุบพรรค' หยุดเอาใจชนชั้นนำดั้งเดิม

(20 มิ.ย.67) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “เมื่อครั้งพรรคไทยรักษาชาติถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคด้วยข้อหากระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากกรณีเสนอชื่อทูลกระหม่อมอุบลรัตน์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ครั้งนั้น ผมเป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะขอแถลงต่อสาธารณะ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญ”

“มีผู้หวังดีกับพรรคบอกมาว่า อย่าไปยุ่งเลย แต่สุดท้าย เรายืนยันว่าต้องแถลง ผมอธิบายผู้หวังดีไปว่า ผมมีจุดยืนคัดค้านการยุบพรรคมาโดยตลอด สมัยเป็นอาจารย์ นิติ มธ.ก็ออกแถลงการณ์กับเพื่อนๆ คัดค้านการยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ชาติไทย มัชฌิมาธิปไตย”

นายปิยบุตร ระบุต่ออีกว่า “แม้วันนี้ มาเป็นนักการเมือง ผมก็ยังอยากเห็นพรรคการเมืองทั้งหมด แม้จะเห็นไม่ตรงกัน อยู่กันคนละฝ่าย ควรจับมือร่วมกันต่อสู้กับการยุบพรรคแบบไทยๆ ที่ใช้กันมาตั้งแต่ 49/50”

“ผมแถลงข่าวไป พร้อมเผยแพร่เอกสาร”

“จากนั้น บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีผมในข้อหา ดูหมิ่นศาล ผมตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาครั้งแรกในชีวิต มีข้อหาพะรุงพะรัง เสียเวลากับคดีความไปพอสมควร ผ่านไปปีเศษอัยการสั่งไม่ฟ้อง…”

“นักการเมืองต้องเป็นผู้นำทางความคิด ชี้นำความคิดที่ถูกต้องให้สังคม”

“นักการเมืองไม่ควรทำตนเป็น “ไก่ในเล้า” ตีกันในกรงขังทางกฎหมายที่พวก ‘ชนชั้นนำดั้งเดิม’ สร้างเพื่อล้อมคอกนักการเมือง แทนที่จะสะใจ เยาะเย้ย ถากถาง กับพรรคที่อาจโดนยุบหรือพรรคที่โดนยุบ ควรร่วมกันต่อสู้เรื่องการยุบพรรคดีกว่า หยุดเอาใจ แสดงตนเป็นเด็กดี ของชนชั้นนำดั้งเดิม ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

'จุติ' กระตุกรัฐ เจียดงบ 68 หนุนกองทุนความเสมอภาคทางการศึกษา หวังช่วยคนจนที่อยู่นอกระบบการศึกษาอีกนับล้านคน

เมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.67) ที่รัฐสภา นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ว่า ตนขอสนับสนุนพระราชบัญญัติงบประมาณ ปี 2568 หลังจากฟังการอภิปราย ได้ตั้งข้อสังเกตมากมายเกี่ยวกับนโยบายของกระทรวงการคลัง เมื่อได้ฟังท่านสมาชิกสภาฯ รวมถึงคำชี้แจงของรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงการคลังทั้ง 3 ท่านแล้ว นับเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ตนขอติดตามว่าหลังจากนี้จะทําตามที่ได้พูดไว้ในสภาฯ แห่งนี้หรือไม่ 

ขณะเดียวกัน ยังขอชื่นชมรัฐบาลชุดนี้ในเรื่องการปราบปรามบ่อนพนันและยาเสพติด แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องการให้ทํามากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเริ่มเห็นการระบาดเข้าไปสู่ระดับโรงเรียน ถือว่าเป็นภัยต่อเด็กนักเรียนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง แน่นอนว่าเด็กยังขาดวุฒิภาวะในการแยกแยะ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนในสังคมจะช่วยสอดส่องดูแล ซึ่งเรามีแอปพลิเคชัน ESS Help Me เอาไว้แจ้งเหตุให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางสํานักงานตํารวจแห่งชาติ, กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, อัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการดูแลความปลอดภัยของเด็กต่อไป 

นายจุติ ยังกล่าวด้วยว่า ทุกวันนี้เราพูดถึงเรื่องการสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์อย่างกว้างขวาง แต่ตนขอยกตัวอย่างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยที่เห็นได้ชัดเจน นั่นคือประวัติศาสตร์ไทย, วัฒนธรรมไทย และยิ้มสยาม รวมถึงคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อประเทศไทย นับเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่สามารถนำเสนอต่อชาวโลกได้เช่นกัน จึงอยากจะเสนอแนะให้ใช้งบประมาณด้านซอฟต์พาวเวอร์ในส่วนนี้ให้มากขึ้น และขอชมท่านนายกรัฐมนตรีด้วยว่า ท่านเป็นนักการเมืองที่ไหว้สวยที่สุดคนหนึ่ง น่าที่จะเอาไปเป็นแบบอย่าง

“วันนี้ต้องขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีที่มาตอบเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยนั้นเทียบชั้นได้ไม่แพ้ประเทศอิตาลีที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกมากที่สุดประเทศหนึ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเตือนใจท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีช่วยทั้งสองท่านว่า รวยแล้วอย่าลืมคนจน เพราะวันนี้ผมยังไม่เห็นว่า ในฐานะที่ท่านจะเป็นรองประธานกรรมาธิการงบประมาณฉบับนี้ เงินกองทุนความเสมอภาคทางการศึกษา คนจนหนึ่งล้านคนที่อยู่นอกระบบการศึกษากำลังยังรอท่านอยู่ หวังว่าท่านจะเติมให้ไม่น้อยกว่างบประมาณด้านซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งนี้ สาเหตุที่เด็กนักเรียนหนึ่งล้านคนต้องออกจากระบบการศึกษาสาเหตุนั้นมาจากความยากจน 47% มาจากปัญหาครอบครัว 16% มาจากปัญหาไม่ได้รับสวัสดิการจากรัฐเพียงพอ 8.88% รวมถึงปัญหาสุขภาพ ปัญหาถูกผลักจากระบบการศึกษา และอยู่ในคุกอีก 5% ดังนั้น หากมีการจัดสรรให้กองทุนความเสมอภาคทางด้านการศึกษา จะทำให้คนอีกหลายล้านคนจะได้ประโยชน์มากขึ้นครับ” 

นายจุติ กล่าวอีกว่า อยากจะเสนอแนะให้รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน กองทุนจากทั่วโลกได้เห็น รวมถึงรับฟังมืออาชีพที่เป็นนักบริหารความเสี่ยงจากต่างประเทศ เขามองประเทศไทยอย่างไร ซึ่งการแก้ปัญหาความเชื่อมั่นโดยไม่ต้องใช้งบประมาณเลยนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องเอาใจใส่ 3 ประการ 

ข้อที่หนึ่ง เรื่องวินัยการคลัง เพราะการกู้เงินจำนวนมากก็จะทำให้เกิดความกังวลว่า ถ้ามีหนี้มาก ภาระดอกเบี้ยก็จะมากตามด้วย ซึ่งจะทําให้เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยนั้นมีปัญหาหรือไม่ วันนี้ค่าเงินบาทยังมีศักยภาพอยู่ วันไหนที่ประเทศไทยมีปัญหาทั้งค่าเงิน ทั้งการนําเข้า พลังงานที่แพง วันนั้นเราจะนึกถึงว่าเสถียรภาพนั้นมีค่ายิ่ง ดังนั้นศักยภาพของเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการคลังจึงเป็นสิ่งสําคัญ 

ข้อที่สอง เรื่องวินัยในธรรมาภิบาล ตนเห็นรัฐบาลชุดนี้มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล แต่เมื่อผิดแล้วรีบแก้ไขถือว่าเป็นเรื่องดี อย่าให้ไฟลาม แต่ในขณะเดียวกัน ในอนาคตจะตั้งใครเข้ามาทำงานก็ตามขอให้ดูประวัติให้ดี ๆ ขอให้คนที่มองอยู่วันนั้นเกิดความเชื่อมั่นว่า คนจะมาคุมกติกาการลงทุน คนจะมาคุมกติกาตลาดนั้น มือต้องไม่เปื้อนเลือด เสื้อผ้าต้องไม่คลุกโคลน ต้องขาวสะอาด ข้อเสนอแนะนี้หวังว่าท่านคงเข้าใจ ดังนั้น วินัยในเรื่องธรรมาภิบาลนั่นคือ ลงโทษบุคคลที่ควรลงโทษ แล้วให้รางวัลคนดีที่ทําเพื่อบ้านเมือง 

ส่วนข้อสุดท้าย เรื่องวินัยข้าราชการ ซึ่งเป็นคนที่ทําตามกติกาและทำให้สำเร็จตามนโยบายรัฐบาล ข้าราชการดี ๆ มีอยู่เยอะ ต้องขอขอบคุณตํารวจทหารที่ปราบปรามยาเสพติดตามชายแดน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ขอประณามความเชี่ยวชาญของตํารวจทหารที่หากินกับยาเสพติด ขอชื่นชมกับตํารวจที่ปราบบ่อนพนันออนไลน์ แต่ในขณะเดียวกันขอประณามคนที่หากินกับบ่อนพนันออนไลน์เช่นกัน นอกจากนี้ ยังพบการละเลยที่ปล่อยให้บุหรี่ไฟฟ้าระบาดในประเทศไทย ทั้งที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกห้ามขายประเทศไทยมาขายมา 10 ปีแล้ว แต่ในวันนี้จีนมีสถิติส่งบุหรี่ไฟฟ้ามาประเทศไทยถึงหนึ่งพันหกร้อยล้านบาท ซึ่งคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ รวมไปถึงการปล่อยให้ ‘แป้ง นาโหนด’ หนีไปได้ แม้ว่าตอนนี้จะจับตัวกลับมาได้แล้วก็ตาม ดังนั้น หากรัฐบาลนี้จะอยู่หรือจะไป ขึ้นอยู่กับ 3 วินัยที่กล่าวมานี้เอง 

พร้อมอภิปรายทิ้งท้ายว่า “ผมขอเป็นกําลังใจทุกท่านที่ตั้งใจทํางาน และอยากให้พวกเราช่วยกันทําให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และขออนุญาตว่า เมื่อผมผ่านงบประมาณนี้ให้ในวาระแรก ผมจะขอติดตามท่านรัฐมนตรีทั้งหลายที่ให้คํามั่นกับสภาไว้นะครับและขอขอบคุณท่านสมาชิกทุกท่านที่ให้คําแนะนําที่เป็นประโยชน์ทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ผมเชื่อว่ารัฐบาลจดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ และนําไปปรับปรุง เพื่อให้ออกมาดีที่สุดสําหรับประเทศไทยครับ”

ชวนรู้จักเรื่องราว ‘เจ้าบัตตันส์’ อดีตสุนัขจรสายพันธุ์ไทย สวยถูกใจ ‘เลียม กัลลาเกอร์’ จนขอรับไปเลี้ยงในลอนดอน

จากกรณีจังหวัดตราดได้ยกระดับ ‘สุนัขพันธ์ุไทยหลังอาน’ ขึ้นเป็นอัตลักษณ์ประจำจังหวัดตราด พร้อมทั้งวางแผนต่อยอด เพิ่มมูลค่าด้วยการขับเคลื่อนให้เกิดเป็น Soft Power ผ่านการผลิตเป็นสินค้า เช่น เสื้อ กางเกง และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

นอกจากนี้ ยังได้ประกาศให้ ‘สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน’ เป็นรายการเบื้องต้นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดตราด เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย

สำหรับสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน ก็ถือเป็นสุนัขที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย และคนไทยก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้น สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานยังเป็นที่รู้จักในด้านความฉลาด รักอิสระ ซื่อสัตย์ เชื่อมั่นในตัวเอง มีความกระตือรือร้น พร้อมผจญภัยได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังต้องการความเป็นผู้นำจากเจ้าของ เพื่อเขาจะได้เป็นผู้ตามที่ดีได้ ทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้สามารถเป็นได้ทั้งเพื่อน คู่หูผู้ซื่อสัตย์ และที่สำคัญสุนัขสายพันธุ์นี้ถือเป็นพันธุ์ที่เป็นที่นิยมเลี้ยงอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ

เมื่อพูดถึงสุนัขสายพันธุ์ไทยแล้ว วันนี้ THE STATES TIMES ก็มีเรื่องราวของสุนัขสายพันธุ์ไทยที่แสนน่าประทับใจเรื่องหนึ่งมาเล่าสู่กันฟัง นั่นก็คือเรื่องของ ‘เจ้าบัตตันส์’ อดีตสุนัขจรพันธุ์ไทย เพศเมีย จากศูนย์พักพิงในเกาะสมุย ที่ถูกรับเลี้ยงโดยอดีตนักร้องชื่อดังอย่าง ‘เลียม กัลลาเกอร์’ 

ต้องย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว (2566) สื่อต่างประเทศได้รายงานข่าวระบุว่า อดีตนักร้องนำวง ‘โอเอซิส’ หรือ ‘เลียม กัลลาเกอร์’ หนึ่งในเซเลบริตีที่เป็นทาสสุนัขตัวจริงเสียงจริง ได้เผยสมาชิกใหม่ของบ้านให้กับแฟน ๆ รู้จักผ่านทางอินสตาแกรมของเขา โดยเขียนแคปชั่นว่า “Buttons” หรือแปลเป็นไทยก็คือ ‘กระดุม’ 

ซึ่งเจ้าบัตตันส์ ก็เป็นสุนัขขนสั้นสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ทางจากประเทศไทย (โดยหลาย ๆ คนระบุว่านี่คือสุนัขสายพันธุ์ไทยหลังอาน ‘Thai Ridgeback’) ที่เขาได้รับอุปการะ การเปิดตัวสุนัขจากเมืองไทยในตอนนั้นทำเอากระแส ‘Adopt, don’t shop’ หรือการรณรงค์ไม่ให้ซื้อสัตว์เลี้ยง แต่ช่วยกันรับเลี้ยงดูเหล่าสัตว์จรจัดที่ต้องการบ้าน ได้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

‘เจ้าบัตตันส์’ เป็นสุนัขจรจัดในศูนย์ช่วยเหลือบนเกาะสมุย ที่ ‘ไนล์ ฮาร์บิสัน’ หนุ่มชาวไอริชได้จัดทำขึ้น เพื่อดูแลเหล่าสุนัขที่เจ็บป่วย ไม่มีเจ้าของ ซึ่งมีสุนัขที่ต้องดูแลอยู่หลายร้อยตัว พร้อมทั้งพยายามหาบ้านให้กับเหล่าสุนัขเหล่านั้น 

‘ไนล์ ฮาร์บิสัน’ มีผู้สนับสนุนที่ติดตามการทำงานของเขาอยู่ทั่วโลก และได้ทำการจัดส่งสุนัขจรจัดเหล่านี้ ไปให้คนรักสัตว์ใจบุญในหลาย ๆ ประเทศ ที่ขอรับเลี้ยงมาแล้วหลายครั้ง ซึ่ง ‘เลียม กัลลาเกอร์’ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน

‘เลียม’ หลงรักเจ้าบัตตันส์ สุนัขวัย 5 เดือน ที่ถูกเจ้าของเดิมทอดทิ้ง (ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ยิ่งโต ยิ่งไม่น่ารัก’) และได้เข้ามาอยู่ในศูนย์ช่วยเหลือได้ไม่นานนัก เขากรอกแบบฟอร์มขอรับเลี้ยงสุนัข ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง โดยไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

ในตอนแรกที่ไนล์เห็นชื่อก็คิดว่าเป็นตัวปลอม หรือโดนเพื่อน ๆ แกล้ง แต่เมื่อได้ติดต่อขอสัมภาษณ์เพื่อคัดกรองผู้รับเลี้ยง ถึงได้รู้ว่าเป็นเลียม กัลลาเกอร์ตัวจริง 

ซึ่งกว่าเจ้าบัตตันส์จะไปถึงมือหนุ่มเลียมได้ ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือน และผ่านหลากหลายขั้นตอน ทั้งทำเอกสาร เตรียมตัว การจัดการเรื่องสุขภาพ และต้องเดินทางทั้งทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน รวมเป็นระยะทางกว่า 10,000 กม.

และเมื่อถึงบ้านที่จะเป็น ‘forever home’ บัตตันส์ก็ดูจะเข้ากับเจ้าของใหม่ และบรรดาแมวที่เลียมเลี้ยงอยู่แล้วได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าปัจจุบันนี้เจ้าบัตตันส์ อดีตสุนัขจรจากประเทศไทย ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกัลลาเกอร์ และมีชื่อสกุลต่อท้ายเรียบร้อยแล้ว โดยเลียมได้โพสต์รูปพร้อมระบุข้อความว่า “BUTTONS GALLAGHER” เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมานี้เอง

สำหรับ ‘เลียม กัลลาเกอร์’ นั้น เหล่าแฟน ๆ รู้จักกันดีถึงความรักในสุนัข โดยก่อนหน้าที่จะรับเลี้ยงเจ้าบัตตันส์ เขาเพิ่งสูญเสียสุนัขสุดที่รักพันธุ์ไส้กรอกที่ชื่อ ‘รูบี้’ ไป ซึ่งเขาเศร้าโศกเสียใจมาก และดูเหมือนจะว่าไม่ได้เลี้ยงสุนัขตัวไหนอีกเลย จนมาถึงเจ้าบัตตันส์ สุนัขพันธุ์ไทยตัวนี้

การโพสต์ภาพสมาชิกใหม่ของบ้านนี้ ทำเอาแฟน ๆ และสื่อมวลชนจากทั่วโลกจับตามอง และทำให้ศูนย์ช่วยเหลือของไนล์ได้รับความสนใจ และสุนัขจรจัดจากเมืองไทยก็ได้รับความรัก และช่วยเพิ่มการติดต่อขออุปการะมากยิ่งขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top