Saturday, 28 June 2025
NewsFeed

‘โจ มณฑานี’ แชร์เรื่องราว ร้านอาหารไฟไหม้ 10 ชีวิตเดือดร้อนหนัก ‘ในหลวง ร.10’ ทรงเมตตา พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือทันท่วงที

(6 มิ.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'Jo Montanee' โดยคุณโจ มณฑานี ตันติสุข ดีเจ พิธีกร นักวิจารณ์ นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ไปเจอเรื่องดีงามมาใน tiktok ห้องพูดคุยเรื่อง #ชาลีกามิน ค่ะ

มีสมาชิกห้องมาส่งข่าวว่าจะคอมเมนต์ไม่ได้ไปสักพัก เนื่องจากบ้านไฟไหม้หมด รถเสียหายไปหกคัน แต่..พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาแล้ว

พี่โจเลยถามน้องว่าไหม้ชุมชนหรือว่าไหม้บ้านเราหลังเดียว? 

สาเหตุที่ถามคือถ้าไหม้ชุมชนใหญ่ออกข่าวไปทั่ว ปกติในหลวงของเราจะทรงงานช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างว่องไวอยู่แล้ว แต่ถ้าไหม้บ้านหลังเดียวแล้วพระองค์ทรงพระราชทานความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้จริง ๆ ค่ะ 🙏

น้องตอบกลับมาว่าไหม้ร้านอาหารครอบครัวที่มีญาติพี่น้องอยู่กัน 10 คนค่ะ

นี่คือเครื่องยืนยันอย่างเด่นชัดว่าในหลวงของเราทรงเห็นความทุกข์ของประชาชนทุกคนจริง ๆ

#เทิดไว้เหนือเกล้า”

‘เด็กฉนวนกาซา’ เผชิญวิกฤต ‘ขาดแคลนอาหาร’ รุนแรง เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ ที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

(6 มิ.ย.67) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ออกมาระบุว่า เด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซาไม่ได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารต่าง ๆ เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของพวกเขา

“หลายเดือนมาแล้วสงครามและข้อจำกัดด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาได้พังทลายลง ทั้งระบบอาหารและสุขภาพ ส่งผลให้เกิดหายนะต่อเด็กและครอบครัวของพวกเขา” ยูนิเซฟกล่าว

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล 5 ชุด ระหว่างเดือนธันวาคม 2023 - เมษายน 2024 และพบว่าเด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซา ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักจากการรุกรานของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน กำลังทุกข์ทรมานจากความขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยสารอาหารเพียง 2 กลุ่มหรือน้อยกว่านั้นต่อวัน

โดยยูนิเซฟระบุว่า นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงผลกระทบอันน่าสยดสยองของความขัดแย้ง และข้อจำกัดที่มีต่อความสามารถของครอบครัวในการตอบสนองต่อความต้องการอาหารของเด็กและความรวดเร็วที่ทำให้เด็กเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

ด้านอิสราเอลอ้างว่า พวกเขาไม่ได้จำกัดปริมาณสิ่งของด้านมนุษยธรรมของพลเรือนในฉนวนกาซา และกล่าวโทษสหประชาชาติว่าจัดส่งสิ่งของล่าช้า เพราะการดำเนินงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ด้วยความอดอยากมากมายที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ทำให้เด็กบางคนเสียชีวิตจากภาวะทุพโภชนาการและภาวะขาดน้ำ

กระนั้นก็ดี เพื่อให้เด็กมีความหลากหลายของโภชนาการสำหรับพัฒนาการทางสุขภาพที่ดี เด็ก ๆ จะต้องทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนอย่างน้อย 5 จาก 8 กลุ่มตามความหลากหลายของอาหารที่ยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด

ยูนิเซฟบอกด้วยว่า เด็กทั่วโลก 27% ประสบปัญหาความยากจนด้านอาหารอย่างรุนแรงในวัยเด็ก ซึ่งคิดเป็นจำนวนของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบถึง 181 ล้านคน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างชีวิต อย่างยั่งยืน แก่ชาวมหาสารคาม มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้กับโรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี

วานนี้ (วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 23 ครัวเรือน พร้อมทั้งมอบรถจักรยานในโครงการ “จักรยานเพื่อน้องสัญจร” จำนวน 50 คัน กระบอกน้ำ จำนวน 250 ใบ  ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน รวม 5 แห่ง เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน ร่วมกัน รวมมูลค่าสิ่งของที่มอบในครั้งนี้ทั้งสิ้น 658,430 บาท (หกแสนห้าหมื่นแปดพันสี่ร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวปราณี วงศ์บุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นางนวลจันทร์ ศรีมงคล ผู้ตรวจราชการ กรมการพัฒนาชุมชน นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์  คณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล คณะสมาคมชาวจังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ บริเวณวัดขุนพรหมดำริ (บ้านอุปราช) ตำบลท่าสองคอน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ  แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น  และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมากกว่า 600 คน

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 11 จังหวัด

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

'รัฐบาล' ปลื้ม!! 5 เดือน ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ ‘14 ล้านคน’ สูงกว่าปีก่อน 38% ตอกย้ำ!! IGNITE Thailand ศูนย์กลางท่องเที่ยวแห่งภูมิภาค สัมฤทธิ์ผล

(6 มิ.ย. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้เข้าประเทศ พร้อมพัฒนาศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ต่อยอดการผลักดันไทยตามวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand ให้เป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) ของภูมิภาค และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ยืนยันด้วยสถิติ 5 เดือน 1 ม.ค. - 31 พ.ค.ชาวต่างชาติเดินทางมาไทยแล้ว กว่า 14 ล้าน 7 แสนคน 

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวและเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวไทย หรือ IGNITE TOURISM THAILAND: TAT Skill Factory ในวันที่ 15 - 16 มิ.ย.นี้ ครอบคลุมเนื้อหาด้านการให้บริการด้วยความเป็นไทย การใช้ภาษาอังกฤษในงานบริการ และการจัดการความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ แรงงานด้านการให้บริการในภาคการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และทักษะด้านความเป็นเลิศในการบริการให้ได้มาตรฐานระดับสากล 

นายชัย กล่าวว่า สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรก ระหว่าง 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2567 พบว่า 5 เดือนแรกของปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 14,760,911 คน สร้างรายได้ 701,429 ล้านบาท หรือเมื่อคำนวณเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (2566) เท่ากับมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 จีน 2,911,370 คน อันดับ 2 มาเลเซีย 2,012,406 คน อันดับ 3 รัสเซีย 848,473 คน อันดับ 4 อินเดีย 842,580 คน และอันดับ 5 เกาหลีใต้ 803,574 คน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือตลอดทั้งปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมรวมกว่า 35 ล้านคน

‘นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่ารัฐบาลสามารถดึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของไทยได้เพิ่มอีก ทั้งจากการประเมินสถานการณ์ การทำงาน และกำหนด พัฒนาแผนการทำงานที่ดีขึ้น รวมทั้ง การร่วมกันจัดอบรมพัฒนาบุคลากร ซึ่งล้วนเป็นความมุ่งมั่น ตั้งใจ ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่พร้อมขับเคลื่อนไทยให้เป็น Tourism Hub และจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยยังมีแผนจะจัดกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้และปีหน้าเพื่อเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยว’ นายชัย กล่าว

‘ดร.มานะ’ แฉวงจรโกง ‘รุกป่า-ฮุบที่ ส.ป.ก.’ ลุกลาม นายทุนอยากได้ ขบวนการสมคบคิดช่วย ‘ออกโฉนด’

(6 มิ.ย. 67) ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์เฟซบุ๊กในรูปบทความเรื่อง ‘รุกป่า โกงที่ ส.ป.ก. : โกงยังไง’ ระบุว่า...

รุกป่า โกงที่ ส.ป.ก. : โกงยังไง

ผืนป่าจำนวนมากถูกบุกรุกกลายเป็นโรงแรม รีสอร์ท โรงงาน บ้านพักตากอากาศ ตกเป็นคดีครึกโครมระดับชาติจำนวนมาก เช่น ที่ดินรถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ สนามกอล์ฟและสนามแข่งรถที่เขาใหญ่ ฟาร์มเป็ดที่ราชบุรี การออก ส.ป.ก. ทับที่เขาใหญ่ เป็นต้น

ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในปี 2567 มีคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ 1,513 เรื่อง เฉพาะที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต 30 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนพฤติกรรมของผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามด้วยเจ้าหน้าที่ที่ดิน และ ส.ป.ก.

โกงยังไง!! วันนี้จะเล่าเรื่องบุกรุกผืนป่าในทำเลทอง โดยนำเหตุการณ์จริงในคดีออกโฉนดทับที่ป่าสงวนริมหาดยามู จ.ภูเก็ต มาอธิบาย และคอร์รัปชันเกี่ยวกับที่ดิน ส.ป.ก.

โกงเป็นเครือข่ายใหญ่..

เริ่มจากกลุ่มนายทุน (1) (ดูภาพประกอบ) เมื่ออยากได้ที่ดินป่าสงวนในทำเลทองก็ชี้เป้าที่ดินผืนที่ต้องการและมอบเงินค่าดำเนินการก้อนใหญ่ให้กลุ่มผู้ดำเนินการหรือผู้ประสานงาน (2) ไปหาทางออกโฉนดที่ดินแปลงนั้น แล้วขบวนการสมคบคิดก็เริ่มต้นโดยทุกคนที่เกี่ยวข้องต่อไปนี้ต้องมาวางแผนรับรู้ร่วมกัน

ขั้นต่อไปเมื่อมีการยื่นเรื่องขอออกโฉนดที่ดิน เจ้าหน้าที่ที่ดิน (4) จะออกทำรังวัดและแจ้งให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงมารับรองแนวเขต ในกรณีนี้เป็นที่ป่าสงวน เจ้าหน้าที่ ‘ป่าไม้’ (3) ที่รับผิดชอบเขตดังกล่าวได้ออกจดหมายแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่ดินด้วยข้อมูลเท็จว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวน จดหมายนี้กลายเป็นสารตั้งต้นไปจนจบกระบวนการออกโฉนด

ขั้นตอนนี้มักมีการสอบยืนยันข้อมูลการใช้ที่ดินจากฝ่ายปกครองในท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านด้วย

ในการออกสำรวจรังวัดในสถานที่ เจ้าหน้าที่ที่ดิน (4) และนายช่างรังวัดพร้อมแผนที่และอุปกรณ์ ย่อมต้องเห็นสภาพแท้จริง แต่ก็ไม่บันทึกข้อมูลหรือตั้งข้อสังเกตว่าที่ดินแปลงนั้นอาจอยู่ในเขตป่าสงวนหรือไม่  แล้วจัดทำเอกสารตามขั้นตอนในสำนักงานที่ดิน ก่อนส่งเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัด (5) เพื่อพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นที่ดินไม่มีเอกสารแจ้งการครอบครอง (เช่น ส.ค.1 - น.ส.3)

เมื่อผู้ว่าฯ ลงนามอนุมัติแล้ว ส่งเรื่องกลับไปยังเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อออกโฉนด ขั้นตอนมากมายนี้กลุ่มผู้ดำเนินการเป็นผู้เดินเรื่องทั้งสิ้น ในขณะที่กลุ่มนายทุนมีหน้าที่จ่ายเงิน ลงนามทำนิติกรรมแล้วรอรับโฉนดสกปรกไปนอนกอด

แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่กล่าวถึงนี้ต่างได้รับเงินใต้โต๊ะก้อนใหญ่ทุกครั้ง โดยรับรู้กันว่างานใหญ่มูลค่าสูงมักมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ร่วมรับผลประโยชน์ด้วย

ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

ปรกติแล้วกลุ่มนายทุนมีหลากหลายทั้งชาวไทยและต่างชาติ พวกเขาไม่ชอบลงทุนคนเดียวแต่ร่วมมือเป็นเครือข่าย เพื่อช่วยเหลือกันและกระจายความเสี่ยงในหลายโครงการที่ลงทุนอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ดำเนินการที่มีอยู่จำนวนมากและพร้อมรับงานจากนายทุนทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ ในแต่ละกลุ่มจะแบ่งงานกันทำและพึ่งพาเครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกัน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามคดีด้านนี้กล่าวว่า กลุ่มนายทุนและกลุ่มผู้ดำเนินการต่างทำงานเป็นเครือข่ายอาชญากรรม (Organized Crime) แบ่งงานกันวิ่งเต้นติดสินบนอย่างต่อเนื่องด้วยความชำนาญ รอบรู้กฎหมาย ช่องทางราชการและตัวเจ้าหน้าที่ทุกระดับ จึงเป็นงานหนักและยากที่จะปราบปราม

คอร์รัปชัน ที่ดิน ส.ป.ก. ..

การครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. เกิดเป็นคดีความ 3 รูปแบบหลัก ๆ

รูปแบบแรก เป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือผู้ครอบครอง ส.ป.ก. จากเกษตรกรรายเดิม แต่ผู้ซื้อผิดคุณสมบัติ ผิดเงื่อนไขของกฎหมาย เช่น ไม่ใช่เกษตรกรจริง หรือบุคคลเดียวถือครองที่ดินหลายแปลง

รูปแบบที่สอง การออกเอกสาร ส.ป.ก. ใหม่ให้ผู้ขอ แต่ผิดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้รับ หรือที่ดินแปลงนั้นยังเป็นป่าสมบูรณ์ หรือไม่เหมาะกับการเกษตรเช่น ที่ลาดเชิงเขา

รูปแบบที่สาม เกิดการบุกรุกป่าและเร่งออก ส.ป.ก. ใหม่จำนวนมากอย่างรวดเร็วผิดปรกติ หลายกรณีเข้าข่ายผิดกฎหมาย อันเป็นผลมาจากรัฐบาลมีนโยบายเปลี่ยนให้สิทธิ์ครอบครอง ส.ป.ก. สามารถซื้อขายได้ จำนองได้ ใช้ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ก็ได้ จนเกิดเหตุการณ์ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ แสดงความกล้าหาญเปิดวิวาทะกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ หลังการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ผู้ออกเอกสาร ส.ป.ก. ทับที่ป่าเขาใหญ่จำนวนมาก

ในโพสต์หน้าจะกล่าวถึงสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้การรุกป่า โกงที่ ส.ป.ก. บานปลายทั่วประเทศ

ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
6 มิถุนายน 2567

เปิดภาพ 'ธงชาติจีน' จากยานฉางเอ๋อ-6 บนด้านลึกลับของดวงจันทร์ หนักแค่ 11 กรัม ทอจากเส้นใยหินบะซอลต์ ทนทานนานนับหมื่นปี

(6 มิ.ย. 67) ChinaReport รายงานว่า ธงชาติจีนผืนนี้ ผืนที่กางออกจากยานฉางเอ๋อ-6 บน 'ด้านไกล' ด้านลึกลับของดวงจันทร์

- ยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ-6 ของจีน คลี่ธงชาติจีนเมื่อภารกิจเก็บตัวอย่างบนดวงจันทร์ด้านไกลเสร็จสิ้น ธงชาติจีนผืนนี้ไม่ธรรมดา มีความพิเศษ หนักเพียง 11 กรัม ทอจากเส้นใยหินบะซอลต์ เส้นใยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/3 ของเส้นผม

- โจว ฉางอี้ หัวหน้าผู้ออกแบบและนักวิจัยของศูนย์วิทยาศาสตร์อวกาศแห่งชาติ สถาบันวิทยาศาสตร์จีน ระบุว่า ธงชาติจีนผืนนี้ สามารถคงทนบนดวงจันทร์นาน 10,000 ปี เพราะทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน ความร้อน และความเย็น ในสภาวะอวกาศ

- ธงชาติจีนถูกกางออกจากยานอวกาศฉางเอ๋อ-6 ซึ่งทะยานขึ้นจากพื้นผิวดวงจันทร์แล้วช่วงเช้าวันอังคารที่ 4 มิ.ย. พร้อมตัวอย่างที่เก็บจากด้านไกลของดวงจันทร์นำกลับสู่โลก เป็นความสำเร็จอันมิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การสำรวจดวงจันทร์ของมนุษย์

- ยานอวกาศฉางเอ๋อ-6 เดินทางจากโลกสู่อวกาศเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ลงจอดที่แอ่งขั้วใต้-เอตเคน ด้านไกลของดวงจันทร์เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.

‘อิสราเอล’ เล็งเป้า ‘เลบานอน’ หลังจบศึกทำลายล้างกาซา เมินเสียงเตือน ‘ผู้นำสหรัฐฯ’ ที่หวั่นเหตุลุกลาม-สูญเสีย

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุในวันพุธ (5 มิ.ย.) อิสราเอลเตรียมพร้อมยกระดับปฏิบัติการเข้มข้นขึ้นตามแนวชายแดนติดกับเลบานอน บริเวณที่ทหารอิสราเอลยิงตอบโต้กับพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์แทบทุกวัน เมินเสียงทัดทานจาก โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เตือนว่าสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายจะก่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงแก่อิสราเอลเอง

(6 มิ.ย.67) เกือบ 8 เดือนแห่งการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและเป็นพันธมิตรของฮามาส การยิงตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่ายได้ทวีความรุนแรงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่อิสราเอลโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของเลบานอน

"เราเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการที่เข้มข้นอย่างมากในทางเหนือ เราจะกอบกู้ความมั่นคงสู่ทางเหนือของเรา" เนทันยาฮูกล่าวระหว่างเดินทางเยือนพื้นที่ตามแนวชายแดน

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ฮิซบอลเลาะห์ เปิดฉากโจมตีหลายระลอกใส่ฐานที่มั่นต่าง ๆ ของอิสราเอลในวันเดียวกัน ในนั้นรวมถึงยิงขีปนาวุธนำวิถีเข้าใส่ฐานปล่อยไอรอนโดม ในค่ายทหารรามอต นาฟตาลี

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้ยกระดับโจมตีเล่นงานเป้าหมายพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์และพันธมิตรอย่างพวกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์และกลุ่มติดอาวุธเลบานอน ที่อยู่ในรถยนต์และกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ในเลบานอน

อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พันธมิตรในรัฐบาลผสมขวาจัดของเนทันยาฮู และเบซาเกล สโมทริช รัฐมนตรีคลัง ต่างเรียกร้องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ให้ปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูความมั่นคงทางเหนือของอิสราเอล "พวกเขาเผาผลาญเรา ป้อมปราการของฮิซบอลเลาะห์ทั้งหมดต้องถูกเผาผลาญและทำลาย สงคราม!" เบน กาวีร์ เขียนบนเทเลแกรมในวันอังคาร (4 มิ.ย.)

ความรุนแรงที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 455 รายในฝั่งเลบานอน ส่วนใหญ่เป็นนักรบ แต่ก็มีพลเรือนรวมอยู่ด้วย 88 ราย ส่วนฝั่งอิสราเอลมีทหารอย่างน้อย 14 นาย และพลเรือน 11 คนเสียชีวิต

การเตรียมพร้อมยกระดับปฏิบัติการของอิสราเอล มีขึ้นแม้สหรัฐฯ พันธมิตรสำคัญส่งเสียงเตือนเนทันยาฮูในวันพุธ (5 มิ.ย.) ว่าสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในเลบานอน อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอิสราเอลเอง

"เราไม่ต้องการเห็นสถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย ซึ่งรั้งแต่จะนำมาซึ่งการเสียชีวิตเพิ่มเติมจากทั้งประชาชนอิสราเอลและประชาชนเลบานอน และจะก่ออันตรายใหญ่หลวงแก่ความมั่นคงโดยรวมของอิสราเอลและเสถียรภาพในภูมิภาค" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว

อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าสงครามกับเลบานอนใกล้เข้ามาแล้ว "ถ้อยแถลงต่าง ๆ จากรัฐบาลอิสราเอล บอกว่าพวกเขาพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหารถ้าจำเป็น ซึ่งมันมีความแตกต่างจากที่พวกเขาเคยบอกว่าได้ตัดสินใจดำเนินการปฏิบัติการทางทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรายังคงอยู่ในขั้นที่เชื่อว่า พวกเขาอยากหาทางออกทางการทูตมากกว่า"

มิลเลอร์ บอกว่าสหรัฐฯ เข้าใจดีถึงสถานการณ์ที่ควบคุมไม่อยู่สำหรับอิสราเอล ตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ "พลเมืองอิสราเอลหลายแสนคนไม่อาจกลับสู่บ้านพักทางเหนือของอิสราเอล เพราะว่ามันไม่ปลอดภัย เพราะว่าพวกฮิซบอลเลาะห์ยังคงยิงปืนใหญ่ และโจมตีด้วยโดรนเล่นงานพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง"

ชาวเน็ตพากันโล่งใจ แห่ขอบคุณแทนน้องหมา หลัง ‘บูม เทยกะทะ’ รับดูแล เพื่อนน้องหมวยเล็ก

(ุ6 มิ.ย. 67) กลายเป็นข่าวสะเทือนใจคนรักสุนัข อย่างมาก หลังมีคลิปวิดีโอ สาวโปรไฟล์ดี ลงโทษสุนัขที่เลี้ยงไว้ โดยการผูกเชือกไว้ในห้องน้ำ ก่อนใช้น้ำร้อนราดไปบนตัวสุนัข สร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุดให้กับน้องหมวยเล็ก สุนัขตัวดังกล่าว

โดยต่อมา สามีของหญิงสาวคนดังกล่าว ได้หาบ้านใหม่เพื่อดูแลเจ้าหมวยเล็กได้แล้ว โดยเจ้าของใหม่ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า เล็กเล็ก ทั้งนี้ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เข้าแจ้งความเอาผิดกับหญิงสาวอดีตเจ้าของหมวยเล็กแล้วที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนเป็นห่วง เพราะในบ้านหลังดังกล่าวนี้ หญิงสาวกับสามี ยังเลี้ยงสุนัขเอาไว้อีก 3 ตัว ซึ่งหลายคนกลัวว่า สุนัขที่เหลืออยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จะโดนทำร้ายแบบเจ้าหมวยเล็กอีกนั้น

ล่าสุด วันที่ 6 มิถุนายน บูม หมูทะ อินฟลูเอนเซอร์ เจ้าของร้านหมูกะทะชื่อดัง และเจ้าของสุนัขที่เก็บมาเลี้ยงซึ่งเป็นที่รู้จักกันในโลกโซเชียล 2 ตัว คือ เจ้าเป้บซี่ และเจ้าหมูทะ โดยก่อนหน้า บูมได้ออกมาต่อว่าหญิงสาวคนที่เอาน้ำร้อนลวก เจ้าหมวยเล็กอย่างหนักนั้น วันนี้ บูมได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

‘น้องหมาที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกับน้องหมวยเล็ก
น้องหมาที่โดนน้ำร้อนลวก
ไม่ต้อง เป็นห่วงแล้วนะคะตอนนี้บูมได้รับน้องมาดูแลต่อแล้วค่ะ’

โดยมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความยินดี และขอบคุณแทนน้องหมาทั้งหมดอย่างมากที่บูมทำเช่นนี้

‘กัมพูชา’ ฟื้นฟู ‘ยุทธกรมขอม’ ศิลปะการต่อสู้ใหม่ ดึงดูดหนุ่มสาวเขมร หลัง ‘กุนขแมร์-โบกาตอร์’ แป๊ก

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘The Better’ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้อีกแบบของกัมพูชา หรือที่เรียกกันว่า ‘ยุทธกรมขอม’ โดยระบุว่า… 

สำนักข่าว AFP รายงานจากเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของกัมพูชาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้โบราณของชาวเขมร ที่นั่น นักศึกษากฎหมายที่ชื่อ เอิน บุนธาว เกร็งลำตัวที่เรียวเล็กและทำตัวเองให้แข็งเหมือนเหล็กตัวเอง เพื่อรับการฟาดศอกเข้าที่ศีรษะ

บุนธาวเป็นหนึ่งในเยาวชนชาวกัมพูชา 20 คนที่เป็นสมาชิกของสโมสรกลางแจ้งใน ‘กรุงอริยะกษัตริย์’ สถานฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้แบบเขมรโบราณที่เรียกว่า ‘ยุทธกรมขอม’ (Yutkromkhorm หรือ យុទ្ធក្រមខម)

ศิลปะการต่อสู้แบบนี้ส่วนใหญ่ถูกลืมเลือนไปแล้วหลังจากที่อาจารย์หลายคนถูกสังหารในการกวาดล้างปัญญาชนภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์เขมรแดงระหว่างปี 1975 ถึง 1979 แต่บุนธาวและเพื่อนนักเรียนของเขามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้เทคนิคและรักษามรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขาให้คงอยู่

นักเรียนวิชานี้จะสวมผ้าคาดผมและผูกแขน ส่วนการฝึกอบรมจะรวมถึงการเรียนรู้ที่จะชกแบบน็อกเอาต์ด้วยหมัด การเตะที่แม่นยำด้วยพลังสูง และการโจมตีด้วยข้อศอกและเข่าอย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ด้วยไม้ ดาบ และหอกก็อยู่ในหลักสูตรเช่นกัน

“ผมจะพยายามฝึกมันให้ดีที่สุด เพื่อจะได้รู้เรื่องนี้ได้ชัดเจน และพยายามรักษาศิลปะการต่อสู้นี้ไว้สำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป” บุนธาว บอกกับ AFP

>>เกิดจากสงคราม 
ยุทธกรมขอม ซึ่งแปลว่า ‘ศิลปะแห่งสงคราม’ ในภาษาเขมร ถือกำเนิดมาจากสงครามหลายครั้งหลายหนในสมัยอาณาจักรเขมรโบราณ

ยุทธกรมขอมมีองค์ประกอบสามส่วน ได้แก่ ศิลปะแห่งสงคราม เวทมนตร์คาถา และกลยุทธ์ทางทหาร

“สมัยโบราณพวกเขาไม่มีอาวุธสมัยใหม่เหมือนทุกวันนี้” นัก รินดา อาจารย์วัย 25 ปี ผู้นำชั้นเรียนของสถาบันกรุงอริยะกษัตริย์ กล่าว

“ในสมัยโบราณผู้คนใช้ศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ เช่น ต่อย ศอก เตะ เข่า ดาบ หอก และลูกธนู เพื่อปกป้องประเทศของเราจากการรุกรานของศัตรู” เขากล่าวเสริม โดยอธิบายว่าเทคนิคของศิลปะนี้ได้รับการขัดเกลาและสมบูรณ์แบบโดยเหล่านักรบในอดีตตามกาลเวลาที่ผ่านไป 

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ปรมาจารย์ยุทธกรมขอมบางคนโผล่ออกมาจากเงามืดและเริ่มแสดงศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

ยุทธกรมขอมได้รับการแนะนำให้รู้จักในหน่วยงานของกองทัพกัมพูชาและมหาวิทยาลัยบางแห่ง แต่ส่วนใหญ่ยังคงไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชน ซึ่งคุ้นเคยกับมวยเขมร หรือ กุนแขมร์ และศิลปะการต่อสู้โบราณอีกประเภทหนึ่งอย่าง คือ โบกกะโต มากกว่า

“ศิลปะการต่อสู้เขมรโบราณ คือ ยุทธกรมขอม เกือบจะหายไปแล้ว” รินดา กล่าว

“เราสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ไปจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญญาชนที่เสียชีวิตระหว่างการปกครองของเขมรแดง

“ยุทธกรมขอมก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน

“แต่ตอนนี้เยาวชนของเรากำลังพยายามนำมันกลับมาเพื่อแสดงให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนเห็นว่าเรามีศิลปะการต่อสู้แบบโบราณอีกแบบหนึ่งคือยุทธกรมขอม”

>> 'เทคนิคมฤตยู' 
นักศึกษาที่ชื่อ เมา ริดา วัย 18 ปี ซึ่งฝึกฝนมาประมาณ 2 ปี หวังว่าจะใช้ทักษะของเธอเพื่อปกป้องตัวเองจาก ‘คนเลว’

“ในตอนแรก ฉันอยากจะฝึกการใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิง เพื่อที่จะไม่มีใครทำอันตรายฉันได้” ริดา บอกกับ AFP

“เนื่องจากฉันได้เรียนรู้ว่ามันเป็นศิลปะการต่อสู้แบบเขมรโบราณ ฉันจึงอยากได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้ฝึกหัดที่ดี เพื่อช่วยรักษาวัฒนธรรมนี้” เธอกล่าว พร้อมดึงดูดคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ให้ยอมรับศิลปะการป้องกันตัวแนวนี้

“การฟาดศอกนั้นรุนแรงมาก... อาจทำให้ศีรษะได้รับบาดเจ็บได้” เธอเตือน

ที่สโมสร คู่ต่อสู้ของบุนธาวพุ่งไปข้างหน้าและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกันในคราวเดียว กระโดดขึ้นและโจมตีจำลองอย่างโหดเหี้ยม

บุนธาว ซึ่งกำลังศึกษาด้านกฎหมายอยู่ชั้นปีที่สาม ฝึกยุทธกรมขอมได้เพียงสองเดือนเท่านั้น แต่การฝึกอบรมได้ช่วยลดระดับความเครียดและทำให้เขามีสุขภาพดีขึ้นแล้ว

“สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือศิลปะการกระโดดและฟาดด้วยศอก” เขากล่าวกับ AFP

“หากเรามีส่วนร่วมในการต่อสู้ การฟาดศอกครั้งนี้ถือเป็นเทคนิคที่อันตรายถึงชีวิต”

'โกมล' ยืนยัน!! คนไทยได้ดูฟรีฟุตบอลยูโรครบทุกแมตช์  ปัดตอบมูลค่าลิขสิทธิ์ แต่แง้ม!! มากกว่าคราวที่แล้ว

(6 มิ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด (Aerosoft) ให้สัมภาษณ์ว่า การเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรครั้งนี้ สืบเนื่องจากเห็นว่าถ้าประเทศไทยไม่มีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลดังกล่าว จะทำให้เราเสียโอกาสในเรื่องการท่องเที่ยว เพราะในช่วงที่มีการแข่งขันตรงกับช่วงที่มีนักท่องเที่ยวที่มาจากทวีปยุโรปที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมาก ตนจึงมีความยินดีและจริงใจอย่างยิ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล 

ส่วนสถานีโทรทัศน์ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันนั้น เบื้องต้นกำหนดไว้ว่าจะมีสามช่อง โดยช่องหลักคือสถานีโทรทัศน์ PPTV ช่อง 36 เพราะเป็นช่องที่ถ่ายทอดด้วยระบบ HD ภาพมีความคมชัดสูง ส่วนจะมีสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นใดเข้ามาร่วมถ่ายทอดด้วยนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยหารือกันเกี่ยวกับเรื่องระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอด ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 7 มิ.ย. นี้ และขอยืนยันว่าประชาชนจะได้ดูการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้ผ่านฟรีทีวีครบทุกนัดแน่นอน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีอยากให้สถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9) ร่วมถ่ายทอดสดด้วยนั้น นายโกมล กล่าวว่า นายกฯ มีความปรารถนาดี อยากให้สถานีโทรทัศน์ของรัฐได้ร่วมถ่ายทอดด้วย แต่ว่าอย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับแต่ละช่อง ซึ่งจะได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.) และจะมีตารางการถ่ายทอดสดออกมาให้ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามถึงมูลค่าการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรครั้งนี้ นายโกมลกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ เพราะว่าเป็นความลับระหว่างลับระหว่างทางภาคเอกชนกับทางสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) แต่บอกได้เพียงว่ามูลค่ามากกว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโรคราวที่แล้ว

เมื่อถามว่า เพลงที่จะใช้ในการโปรโมทการถ่ายทอดสดครั้งนี้จะยังคงใช้เพลงที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งที่แล้วหรือไม่ นายโกมล กล่าวว่า กำลังทาบทามศิลปินนักร้องหลายคน แต่ยังอยากให้เป็นเพลงที่มีความสนุกสนานแบบเดิม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top