Saturday, 28 June 2025
NewsFeed

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดพิธีถวายภัตตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ในโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ฯ

ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567  เวลา 09.30 น. พลเรือโท สุระศักดิ์  สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมผู้บังคับบัญชา  และกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุในโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสิริบูรพาธรรมสถาน ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

มูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ร่วมกับกองทัพเรือ จัดโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีกำลังพลของกองทัพเรือร่วมอุปสมบท จำนวน 73 นาย ซึ่งจะปฏิบัติธธรรม ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน  ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสิริบูรพาธรรมสถาน ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

#ทัพเรือภาคที่1  
#เทิดทูนสถาบัน_ ยึดมั่นระเบียบวินัย_ประชาชนภูมิใจ_ทะเลไทยมั่นคง
#Fit_For_ The_Future

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นคุ้มครองประชาชนจากภัยอาชญากรรมไซเบอร์ เดินหน้า 'ล้มคน-ล้มเสา-ล้มบัญชี'

วันนี้ (7 มิถุนายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการปฏิบัติ 3 ด้านดังต่อไปนี้

- “ล้มคน” สืบสวนจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งหลอกลงทุน เว็บพนันผิดกฎหมาย โดยในห้วง 1 ต.ค.66 ถึง 30 เม.ย.67 ได้มีการจับกุมผู้กระทำความผิดรวมกว่า 14,826 คน

- “ล้มเสา” ร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. สืบสวนการลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพที่ใช้ในการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง และสามารถยึดอุปกรณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพได้เป็นจำนวนมาก

- “ล้มบัญชี“ สืบสวนขยายผลผ่านเส้นทางการเงิน บัญชีม้า และมีการอายัดเงินอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 1 พ.ย.66 ถึง 30 เม.ย.67 อายัดเงินได้รวม 4,561,641,953 ล้านบาท และได้ร่วมมือกับ ป.ป.ง. เพื่อเฉลี่ยทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหายต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จากภัยอาชญากรรมทุกรูปแบบ และขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ โดยหากประชาชนได้รับความเสียหายจากคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th เว็บไซต์เดียวเท่านั้น และที่หมายเลขโทรศัพท์ 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

แต่งตั้ง 'สุรเกียรติ์ เสถียรไทย' นั่งนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.67) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า...

ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายภิรมย์ กมลรัตนกุล ให้ดำรงตำแหน่ง นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 นั้น

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 (1) แห่งพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 ที่ประชุมสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้งที่ 882 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ได้มีมติเห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง 'นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย' ดำรงตำแหน่ง นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไปแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งบุคคลดังกล่าว ให้ดำรงตำแหน่งนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2567

ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรี

ปรับตำแหน่งสถานีราชวิถี Missing Link ย้ายจุดเพื่อเชื่อมต่อเข้า รพ.รามา โดยตรง!!

เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.67) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ข้อความถึงความคืบหน้า โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางช่วงบางซื่อ-มักกะสัน และบางซื่อ-หัวลำโพง ในส่วนของสถานีราชวิถี ที่จะมีการปรับตำแหน่งมาเป็นสถานีโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า...

บอร์ดรถไฟ ตีกลับ #MissingLink ปรับตำแหน่งสถานีราชวิถี ทำไม? ย้ายตำแหน่งสถานีข้ามฝั่งแยก เพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร พร้อมเชื่อมต่อเข้า รพ.รามา โดยตรง!!

จากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่ การรถไฟฯ ได้เอาโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วง Missing Link บางซื่อ-หัวลำโพง-หัวหมาก เข้าที่ประชุมบอร์ด การรถไฟฯ เพื่อขออนุมัติ แต่ถูกสั่งให้กลับไปปรับแก้ตำแหน่งสถานีราชวิถี ให้เลื่อนมาทางใต้ของแยกราชวิถี เพื่อตรงกับโรงพยาบาลรามาฯ เพื่อความสะดวกของผู้โดยสารและผู้ป่วยที่เดินทางมาโรงพยาบาลฯ 

ตามลิงก์นี้ 
https://www.thansettakij.com/business/economy/597004

ซึ่งจริงๆ เรื่องการเลื่อนตำแหน่งสถานีราชวิถีนี้ ได้เคยมีการศึกษาและออกแบบ และนำเสนอแผนในการประชุมของกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่กลางปี 2565 ซึ่งอาจจะเป็นกระบวนการ เพื่อให้บอร์ดรับทราบและตีกลับให้มาแก้ตามแผนที่ทำการศึกษาปรับตำแหน่งไป

>> รายละเอียดการย้ายตำแหน่ง สถานีราชวิถี

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ตำแหน่งสถานีราชวิถี เดิมตามการศึกษาสายสีแดง อยู่บริเวณ ด้านเหนือของแยก อุภัยเจษฎุทิศ ซึ่งจะติดกับกระทรวงพัฒนาสังคม 

แต่ในแผนการล่าสุด จะย้ายลงมาทางใต้ของแยก อุภัยเจษฎุทิศ ซึ่งจะเป็นบริเวณเดียวกับ ที่หยุดรถรพ.รามา ในปัจจุบัน

แต่ในตำแหน่งนี้มีข้อจำกัดที่ทับซ้อน กับสถานีรถไฟหลวงจิตรลดา และ ติดกับวังจิตรลดา ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมในด้านมุมมอง และความสูงของอาคารสถานี จึงทำให้ต้องมีการปรับปรุงรูปแบบสถานี และทางขึ้น-ลง ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนด

ซึ่งตามมติของ บอร์ดรถไฟ จะมีการเปลี่ยน เป็น สถานีโรงพยาบาลรามาธิบดี 

>> รูปแบบ สถานีโรงพยาบาลรามาธิบดี

จากแบบเดิม จะมีทางขึ้น-ลง 4 ด้าน แต่ตามข้อจำกัดของตำแหน่งใหม่ ทำการลดทางขึ้น-ลง ฝั่งถนนสวรรคโลก ติดกับวังจิตรลดา ออก ให้มาขึ้น-ลงฝั่ง ถนนกำแพงเพชร 5 เป็นหลัก 

พร้อมกับเชื่อมต่อกับอาคารศูนย์เชื่อมต่อใหม่ ของ โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งจะติดกับสถานี และทำ Skywalk เชื่อมไปบนถนนราชวิถี ไปยัง Skywalk บนถนนพระราม 6 

พร้อมกับการแก้ไขรูปแบบสถานีให้มีผนังบังสายตา ฝั่งที่ติดวังจิตรลดา และสะพานเชื่อมโรงพยาบาลรามาธิบดี มีการทำผนังกั้น เพื่อเป็นไปตามข้อกำหนด ของสำนักพระราชวัง

ซึ่งจากการปรับแบบต่างๆ จะต้องมีการเพิ่มงบประมาณ อีก 400 ล้านบาท พร้อมกับมีการปรับแก้แบบให้สอดคล้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ซึ่งจะเป็นคนที่ก่อสร้างทางวิ่งใต้ดินเนื่องจากใช้โครงสร้างร่วมกัน

หวังว่าการปรับแบบสถานีเสร็จจะไม่ติดขัดอะไรและเริ่มเดินหน้าโครงการได้เร็วๆ นี้ 'ซักที' ครับ!!!

3 ข้อคิดถึงพ่อแม่ ช่วยละลายพฤติกรรมคนเมืองให้หลุดจากหัวเด็ก ลดปัญหา 'วัยรุ่นโปรไฟล์ดี' ก่อเหตุร้ายแรงแบบไม่แคร์สังคม

(7 มิ.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Pathom Indraroshom' โดย คุณปฐม อินทโรดม ได้โพสต์เนื้อหาชวนคิดในหัวข้อ 'อะไรทำให้วัยรุ่น 'โปรไฟล์ดี' จากครอบครัวอบอุ่นออกมาก่อเหตุร้ายแรงจนเป็นข่าวมากมาย??' ว่า...

ผมเชื่อว่าเหตุร้ายแบบนี้จะไม่เกิดถ้าพ่อแม่ชนชั้นกลางไม่เลี้ยงลูกเป็น 'เทวดา' เหมือนทุกวันนี้ที่ยิ่งได้เรียนโรงเรียนดี ๆ แล้วเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำแทบจะเห็นโลกแค่มิติเดียว ซึ่งเป็นมิติที่พ่อแม่อยากให้เห็น คือ ได้อยู่ในสังคมที่ดี เพื่อน ๆ ฐานะร่ำรวย ใช้ชีวิตหรูหราสบาย ๆ เพราะคิดว่าเด็กจะได้ดีถ้าไม่ต้องสัมผัสกับมิติอื่นที่อาจเจอสิ่งเลวร้ายอย่างยาเสพติด เซ็กซ์ การทะเลาะวิวาท ฯลฯ เหมือนลูกคนจนที่ตัวเองรังเกียจ

ผลที่ได้คือ ลูกรู้จักแค่โลกกลวง ๆ มิติเดียว และคิดว่านั่นคือโลกทั้งใบ เมื่อเจอกับความผิดหวังก็รับไม่ได้ เพราะคิดว่าโลกนี้มีแค่นั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่!

ลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ผมเองขอสนับสนุนให้...

1. ทำงานหาเงินด้วยตัวเองในช่วงปิดเทอม อันนี้ทำได้ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม เลิกคิดได้แล้วว่าลูกฉันเป็นคนชั้นสูงจะต้องไม่ทำงานใช้แรงงาน เพราะยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งส่งเสริมให้เขาอยู่ในโลกแคบ ๆ การทำงานจะล้างจานหรือเป็นเด็กเสิร์ฟจะทำให้เขารู้จักค่าของเงินและทำให้เขาได้สัมผัสคลุกคลีกับเพื่อนร่วมงานที่มาจากครอบครัวที่แตกต่างหลากหลาย ทำให้เขามองโลกได้หลายมิติมากขึ้น

พ่อแม่ต้องไม่อายที่บอกว่า 'ลูกฉันเป็นเด็กเสิร์ฟ' แต่ต้องพูดให้ลูกภูมิใจว่าลูกฉันรู้จักรับผิดชอบและเปิดโลกหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง

อย่า! ส่งเสริมให้ลูกทำงานฉาบฉวยที่ไม่ได้สร้างความรู้ใด ๆ แต่ได้เงินง่าย ๆ เพราะเก็งกำไร เช่นเอาเงินเก็บไปลงทุนคริปโตตามกระแส หรือการขายของออนไลน์ที่แค่หาของถูกมาขายแพง ๆ โดยไม่ได้พัฒนาความรู้ใด ๆ เพราะทำแบบนี้อาจได้เงินง่ายแต่ไม่ยั่งยืนและเขาจะเมินงานทั่วไปที่สร้างความมั่นคงระยะยาวแต่เขาจะดูถูกว่าได้เงินน้อย

2. หาที่ฝึกงาน จะบริษัทเล็กใหญ่ไม่ต้องเลือกมาก ยิ่งได้ทำงานที่ตรงกับสาขาที่เรียนก็ยิ่งดี และต้องไม่เกี่ยงแม้เขาจะใช้เราแค่ไปชงกาแฟก็ตาม การฝึกงานเป็นการได้คลุกคลีกับคนที่ทำงานในสายเดียวกัน ได้รู้จักทำงานเป็นทีม

ไม่ต้องรอให้ถึงชั้นปี 3 ค่อยไปฝึกงานตามระเบียบมหาวิทยาลัย แต่ไปได้เร็วเท่าไรยิ่งดี เดี๋ยวนี้เด็กปี 1 ก็เริ่มมาฝึกงานกันแล้ว

3. ไปออกค่ายอาสาสมัคร ไปเป็นครูอาสา ใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสัก 1-2 เดือนช่วงปิดเทอม ได้สัมผัสกับวิถีชาวบ้าน ได้เห็นว่าเพื่อนวัยเดียวกันเขาไม่ได้แค่เรียนหนังสือ แต่เขาทำงานเก็บเงินสร้างบ้าน บางคนเป็นหัวหน้าครอบครัวเพราะพ่อตายตั้งแต่ยังเด็ก เขาจะหันมานับถือคนเหล่านี้ ว่าเป็น 'คนจริง' ไม่ใช่นับถือลูกคนรวยขับซูเปอร์คาร์ที่ได้มาจากธุรกิจสีเทา 

ทั้งหมดคือ การละลายพฤติกรรมคนเมือง ซึ่งพ่อแม่ชนชั้นกลางพยายามทำสิ่งที่ตรงกันข้ามมาโดยตลอด ผมเชื่อว่าผลจากการประคบประหงมลูกเกินความจำเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กยุคนี้มีปัญหาครับ

‘จูราสสิค เวิลด์’ เตรียมยกกองมาถ่ายทำที่ ‘ไทย’ 13 มิ.ย.-16 ก.ค.นี้ เผย!! แม้มีไม่กี่ฉาก แต่เกิดการจ้างงาน ส่งเสริมท่องเที่ยวไทยได้แน่

(7 มิ.ย.67) ความคืบหน้ากองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ บริษัท เปสตัน ฟิล์ม จำกัด ยื่นเรื่องขอถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เรื่อง ‘จูราสสิค เวิลด์’

โดยใช้พื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย หาดซันเซ็ท เกาะกระดาน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทำที่ น้ำตกห้วยโต้ อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จ.กระบี่ และ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย. - 16 ก.ค. 2567

ด้าน นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าฯ ตรัง เปิดเผยว่า เบื้องต้นทีมงานได้มาดูสถานที่จริง จากนั้นเจ้าของพื้นที่คือ กรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะควบคุมดูแลในรายละเอียดต่อไป ว่าการมาถ่ายทำภาพยนตร์จะกระทบสิ่งแวดล้อม มีการขุดต้นไม้ ทลายดินหรือไม่

เบื้องต้นทีมงานแจ้งว่า จะไม่มีการทำลายหรือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด พร้อมแจ้งคร่าว ๆ ว่า ซีนที่จะมาถ่ายทำ เป็นฉากเรือล่มและคนมาติดเกาะ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา

จริง ๆ เขามาถ่ายทำหลายจังหวัด แต่จะอยู่ที่ตรัง 3 สัปดาห์ การถ่ายภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูด แม้จะถ่ายไม่กี่ฉาก แต่เขาจะถ่ายหลายมุมและเลือกมุมที่ดีที่สุดมาตัดต่อเป็นฉากในภาพยนตร์ คนใน จ.ตรัง ที่ได้ไปร่วมงานกับเขาย่อมได้รับค่าจ้างที่ดี มีสวัสดิการที่ดี ตนเชื่อว่าการมาถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ครั้งนี้ จะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ตรัง อีกด้วย

สำหรับ ‘เกาะกระดาน’ ได้รับเลือกให้เป็นชายหาดที่ดีที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน (2566-2567) จากเว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวชายหาด World Beach Guide ประเทศอังกฤษ

'รวมไทยสร้างชาติ' ย้ำจุดยืนชัด หนุนร่าง พ.ร.บ. เสริมสร้างสังคมสันติสุข เตือน!! ดันทุรังนิรโทษเหมาเข่ง ม.112 จะยิ่งซ้ำเติมความขัดแย้งรอบใหม่

(7 มิ.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนหลายกลุ่มได้ยื่นข้อเรียกร้องคัดค้านการรวมคดีที่ทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมอยู่ใน 25 เงื่อนไขแรงจูงใจทางการเมืองในร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม ว่า การจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ประเทศออกจากความขัดแย้ง สร้างความปรองดองทุกฝ่ายถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเสนอให้รวมผู้ทำผิดคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้ได้รับการนิรโทษกรรมด้วย และย้ำจุดยืนมาโดยตลอด เพราะการชุมนุมทางการเมือง รวมถึง ความขัดแย้งความเห็นต่างทางการเมืองมีระหว่าง กลุ่มประชาชนและมวลชนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด แต่การที่จะนำคดีมาตรา112 เข้ามารวมในคดีการเมืองด้วยนั้น เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแน่นอน มากกว่านั้น อาจส่งผลทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมขึ้นใหม่ด้วยซ้ำ 

ทั้งนี้ แม้ว่าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร จะยังไม่ได้สรุปออกมา ว่าจะรวมคดีมาตรา 112 เข้าด้วยหรือไม่ก็ตาม ตนจึงขอเรียกร้องให้ถอดการกระทำความผิดในคดีนี้ออกจากการพิจารณาว่ามาจากแรงจูงใจทางการเมืองทันที ไม่จำเป็นต้องเสี่ยง หรือ ลังเลที่จะพิจารณากันหลายรอบ เพราะตามหลักการทางกฎหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว 

พร้อมกันนี้ สนับสนุนร่างพ.ร.บ.เสริมสร้างสังคมสันติสุขของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ได้เสนอกฎหมายแนวทางสร้างสันติสุขความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศ โดยไม่รวมคดีมาตรา 112 ที่ยื่นต่อสภาไว้แล้ว

"ผมในฐานะสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำจุดยืนชัดเจนมาตลอด ว่า ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำมาตรา 112 เนื่องจากเป็นคดีความมั่นคงของชาติ เป็นกฎหมายที่มีไว้ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ประมุขแห่งรัฐ ใครจะละเมิดไม่ได้ ไม่ใช่ คดีการแสดงความเห็นทางการเมืองแต่อย่างใด  ซึ่งสิทธิและเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย สามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล นายกฯ อดีตนายกฯ นักการเมืองโดยสุภาพสามารถทำได้ เพราะถือเป็นฝ่ายการเมืองโดยตรง แต่การอาฆาตมาดร้ายการแสดงออกที่ดูหมิ่นก้าวล่วง ทั้งด้วยวาจาและการกระทำต่างๆ ต่อสถาบันฯเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะสถาบันฯไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ หรือความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งยอมรับว่ามีขบวนการ บางพรรคการเมืองต้องการที่จะดึงให้มายุ่งเกี่ยวกัน และยังปลุกมวลชนออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้จนเกิดคดีถูกจับกุม  โดยปกติคนทั่วไปไม่ได้มีปัญหากับมาตรา 112 เลย จึงขอเรียกร้องกลุ่มคน พรรคการเมืองบางพรรค หยุดบิดเบือนข้อมูลโน้มน้าวทำให้ประชาชนสับสนเสียที" นายธนกร ย้ำ

'เพจดัง' ไขข้อกระจ่าง หลัง 'สส.ทวิวงศ์ ก้าวไกล' เข้าใจผิดเรื่องโฮปเวลล์ เกิดขึ้นในยุค 'พล.อ.ชาติชาย' ส่วนยุค 'ลุงตู่' ไล่เคลียร์จนหลุดค่าโง่

(7 มิ.ย.67) เพจ 'Bangkok I Love You' ได้โพสต์ข้อความชี้แจงเพื่อสร้างความกระจ่างแก่ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ จากพรรคก้าวไกล ที่ได้ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนถึงโครงการ โฮปเวลล์ ไว้ว่า...

กราบเรียนท่าน สส. Tawiwong Totawiwong ท่านอาจจะเข้าใจผิด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้เป็นคนอนุมัติโครงการ โฮปเวลล์ และที่สำคัญ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เจรจา และสู้คดีในชั้นศาลจนกระทั่งประเทศไทยไม่ต้องจ่ายค่าโง่ ให้กับโฮปเวลล์ ถึง 24,000 กว่าล้าน

ปล. ปัจจุบันซากของโฮปเวลล์ได้เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าสายสีแดง และอีกไม่นานก็คงจะมีการอนุมัติโดยรัฐบาลของนายกเศรษฐา ทวีสิน ไปถึง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของท่าน (สส.ทวิวงศ์)

ปล.2 เผื่อท่านไม่ทราบ โครงการโฮปเวลล์อนุมัติในรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ (คุณปู่ของ สส.ธิษะณา ชุณหะวัณ จากพรรคก้าวไกล) เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว

ปล.3 พัฒนาการที่เปลี่ยนไป จากแท่งปูนผุพัง อนุสาวรีย์ และมหากาพย์ค่าโง่โฮปเวลล์เกือบสามหมื่นล้าน (รัฐบาลไทย ชนะคดีไม่ต้องจ่ายค่าโง่) พลิกฟื้นมาเป็นรถไฟฟ้าสายสีแดง หนึ่งในโครงสร้างหลักระบบขนส่งมวลชนทางรางที่มีความทันสมัยที่สุดของกรุงเทพมหานคร ก็ได้ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พาไทยชนะคดีนี้ สิ้นสุดมหากาพย์อภิมหาโครงการด้านคมนาคมยาวนานถึง 33 ปี 

‘เทพไท’ เชื่อ!! หากการเมืองพลิกขั้ว 'ก้าวไกล' ไม่จับ ‘เพื่อไทย’ เพราะหวังแบ่งขั้วชัด และมั่นใจได้เปรียบในศึก ‘เลือกตั้ง’

(7 มิ.ย. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ก้าวไกล” ประกาศไม่จับมือ “เพื่อไทย” เป็นรัฐบาล มีแต่ได้กับได้

การที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลประกาศชัดว่า ถ้านายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีโอกาสพลิกขั้ว พรรคก้าวไกลจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นการประกาศท่าทีการเมืองที่ชัดเจนมาก เพราะการแสดงจุดยืนไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลดีต่อพรรคก้าวไกล หลายประการ คือ

1.เป็นการตอกย้ำจุดยืนที่ชัดเจน นับว่าเป็นจุดแข็งของพรรคก้าวไกล ที่ไม่เคยตระบัดสัตย์ ซึ่งเป็นการกระทบไปยังพรรคเพื่อไทย ที่ไม่รักษาสัญญาประชาคมตอนหาเสียง ที่ให้ไว้กับประชาชน

2.การประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ทำให้เกมต่อรองอำนาจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมชัดเจนขึ้น โดยพรรคเพื่อไทยไม่สามารถนำไปต่อรองกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมได้ ถ้าดีลล่ม พรรคเพื่อไทยจะอ้างไปจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้

3.การประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ถ้าหากการเมืองถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ พรรคก้าวไกลมีความพร้อม และได้เปรียบมากกว่าพรรคการเมืองทุกพรรค เพราะการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคก้าวไกลใช้เงินทุนในการหาเสียงน้อยที่สุด ในขณะที่พรรคการเมืองอื่น ใช้เงินทุนมหาศาล ระดับหลัก 1,000 ล้านบาท ถึง10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อเสียง

4.กระแสทางการเมืองในตอนนี้ ถ้าประเมินจากผลโพลของสำนักต่างๆ พรรคก้าวไกลมีกระแสความนิยมสูงลิ่ว นำพรรคการเมืองอื่นหลายช่วงตัว ถ้าเลือกตั้งเร็วขึ้นเท่าไหร่ พรรคก้าวไกลได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น

5.ถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ มีมติยุบพรรคก้าวไกลจริง ถ้ามีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ขึ้นมา คะแนนสงสาร คะแนนความเห็นใจที่ถูกรังแกทางการเมือง จะเทให้พรรคการเมืองใหม่ ที่มาจากพรรคก้าวไกลแบบแลนด์สไลด์

6.เป็นการตอบข้อสงสัยของสังคมที่เข้าใจว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ค้านไม่จริง แต่เป็นพรรคฝ่ายคอย เพื่อรอร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย มีดีลฮ่องกงกับนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อประกาศชัดเช่นนี้ เป็นการตอบคำถามกับข้อสงสัยกับสังคมได้ชัดเจน

“ผมคิดว่าแกนนำของพรรคก้าวไกล ได้คิดอย่างรอบคอบแล้วว่า การประกาศจุดยืนไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล มีแต่ได้กับได้ เป็นการตอกย้ำการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ชัดเจน ได้ประกาศเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมือง ในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป” นายเทพไท ระบุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top