Sunday, 29 June 2025
NewsFeed

‘สว.กมธ.’ ชี้ จ่อพิจารณา ‘กม.สมรสเท่าเทียม’ 18 มิ.ย.นี้ ยืนยัน!! สาระสำคัญไม่ได้หายไป พร้อมทันใช้ปีนี้แน่นอน

(31 พ.ค. 67) ที่รัฐสภา น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม สว.ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม วุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (กฎหมายสมรสเท่าเทียม) ว่า พิจารณาครบหมดแล้วทั้ง 69 มาตรา ซึ่งในชั้นกมธ.ฯ ไม่ได้มีการแก้ไขมาตราใด แต่มีผู้แปรญัตติเพียง 2 คน คือ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สว. ที่มีการเสนอแปรญัตติขอให้กฎหมายมีผลบังคับใช้วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วน พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร สว.ของแปรญัตติแก้ไข ถ้อยคำเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้ทำให้สาระสำคัญหายไป

“กมธ.ฯ ส่วนใหญ่ยังเห็นว่าควรบังคับใช้หลังจาก 120 วัน นับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เนื่องด้วยเป็นช่วงเวลาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ได้มีเวลาเตรียมการ เช่น เตรียมทะเบียนสมรสที่จะใช้ และออกระเบียบให้สอดคล้องกับ หลักศาสนาของเจ้าหน้าที่ที่เป็นมุสลิมเพื่อง่ายต่อการปฏิบัติหน้าที่ เป็นต้น” น.ส.ปิยฉัฏฐ์ กล่าว

น.ส.ปิยฉัฏฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาเบื้องต้นจะมีการบรรจุระเบียบวาระในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญ ซึ่งในประเด็นที่มีการแปรญัตติ ก็ให้ที่ประชุมลงมติชี้ขาด ทั้งนี้ยืนยันว่า กฎหมายฉบับนี้พร้อมบังคับใช้ภายในปีนี้แน่นอน

ครูสาวตามนักเรียนตัวแสบกลับ หลังแอบหนีเรียนไปจีบสาวรุ่นพี่ ลั่น!! มีความรักไม่ว่า แต่อย่าทิ้งการเรียน ชาวเน็ตแห่ชื่นชม

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) เกิดคลิปไวรัลในโลกโซเชียล ครูสาวเดินไปตามนักเรียนตัวแสบ แอบหนีเรียนไปจีบสาวรุ่นพี่ ถึงขั้นต้องจูงมือกลับ พร้อมติเตียน มีความรักไม่ว่า แต่ต้องเข้าเรียนด้วย

เหตุการณ์น่าชื่นชมนี้ เกิดที่โรงเรียนหนองแค (สรกิจพิยา) โดยครูสาวในคลิป ชื่อ น.ส.ปรียาพร โพธิธินทร์ เป็น ครูชำนาญการพิเศษ ได้ทำการสอนอยู่ที่ห้องเรียน แต่ไร้วี่แววของลูกศิษย์ตัวแสบ ด้านเพื่อนในห้องบอก ‘เพื่อนคนนี้โดดเรียนมาแล้วหลายวิชา’ พอได้ฟังดังนั้น ครูจึงตัดสินใจไปตามให้กลับมาเรียน โดยได้ให้นักเรียนอีกคนบันทึกภาพเหตุการณ์เก็บไว้ 

หลังจากเดินตามหาลูกศิษย์ตัวแสบจนไปพบว่ากำลังนั่งจีบสาวอยู่ ครูก็รีบเดินไปถาม ว่าทำไมถึงไม่เข้าเรียน แถมยังติติงรุ่นพี่แฟนสาวของนักเรียนคนนี้อีกด้วยว่า ‘ทำไมไม่บอกให้น้องไปเข้าเรียน จะไม่มีแฟนไม่ว่า แต่เวลาเรียนต้องเข้าเรียน’ สุดท้ายต้องดึงมือเด็กนักเรียนชายให้กลับไปเรียน พอถึงห้อง เพื่อนๆ พากันเฮ ที่คุณครูทำสำเร็จ 

ด้านคุณครูเผย ทำไปเพราะหวังดี พร้อมยกตัวอย่างคู่รักวัยเรียนคู่อื่นให้เห็นว่า คบกันก็พากันเรียนได้ ไม่ใช่ว่ามีความรักแล้วต้องเสียการเรียน จะมีความรักไม่ว่า ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องไม่ทิ้งการเรียน อยากให้นึกถึงพ่อแม่ที่ส่งเรียน และอนาคตของตัวเองมาก ๆ

‘คนจีน’ ไม่ปลื้ม!! แลนด์มาร์ก Bangkok ใหม่ ลั่น!! อันเดิมดีอยู่แล้ว วอนเปลี่ยนกลับได้ไหม

(31 พ.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘MCOT News FM 100.5’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของคนจีนต่อแลนด์มาร์ก Bangkok ใหม่ โดยระบุว่า…

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก สำหรับการเปิดตัว ‘ป้าย Bangkok’ โฉมใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่มีการใช้ฟอนต์เสาชิงช้าแทนฟอนต์เดิมนั้น

ล่าสุดเพจดังที่แชร์เรื่องราวต่าง ๆ ของจีน ได้ออกมาโพสต์ภาพการแสดงความคิดเห็นของคนจีนต่อการเปลี่ยนป้าย Bangkok พร้อมระบุข้อความว่า

"เห็นว่าตอนนี้มีประเด็นเรื่องการเปลี่ยนป้ายจุดเช็กอินกรุงเทพ มาดูความเห็นคนจีนกันว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกันกับป้ายใหม่นี้ 1.อันเดิมสวยอยู่แล้ว, 2.โชคดีที่ได้ถ่ายเอาไว้, 3.อันก่อนดีกว่านะ, 4.อันเดิมดีอยู่แล้วอ่ะ, 5.จุดเช็กอินหายไปแล้ว 1, 6.เปลี่ยนกลับได้ไหม, 7.อันเดิมดูมีคลาส, 8.ฉันก็จะไปถ่ายเหมือนกัน

‘แม่เด็ก 8 ขวบ’ แชร์อุทาหรณ์ ‘ลูกสาว’ เคราะห์ร้ายป่วยสมองอักเสบ เหตุโดน ‘จุ๊บปาก’ หลังเกิดได้ 2 วัน จากพิษของน้ำลายที่แทรกซึม

(31 พ.ค. 67) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า เด็กหญิง 8 ขวบ สมองพิการ หลังโดนจุ๊บปากตอนอายุได้ 2 วัน โดย เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายมีชื่อว่า ‘บริลิน’ ซึ่งแม่ของเธอเล่าว่า ในเวลานั้นระบบภูมิคุ้มกันของลูกสาวยังไม่ได้รับการพัฒนา ไวรัสได้สร้างความเสียหายต่อสมองทำให้โรคไข้สมองอักเสบแพร่กระจาย

แม่ของบริลิน เผยต่อว่า ในตอนแรกลูกสาวเกิดมามีสุขภาพดี และสบายดี เมื่ออายุได้ 2 วัน ก็มีคนตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นเธอ และพวกเขาจุ๊บเธอที่ปาก แต่แล้ว 2 สัปดาห์ต่อมา ลูกก็เริ่มมีอาการชัก

อาการชักเกิดจากการที่สมองถูกทำลายอย่างมาก หรือที่เรียกว่า ‘ภาวะสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส’ ซึ่งจัดว่าเป็นโรคที่หาได้ยาก และเป็นเคสที่เกิดขึ้นได้ใน 1 ต่อ 5 แสนคนต่อปีเท่านั้น

“การจูบปากส่งผลให้น้ำลาย หรือของเหลวแทรกซึมเข้าไปยังสมองของเธอ และติดเชื้อเป็นเวลาต่อมา โดยเชื้อโจมตีสมองซีกซ้ายเป็นส่วนใหญ่ (60%) พอเราเริ่มรักษา เชื้อมันก็เริ่มลามไปยังสมองซีกขวา (10%)” แม่ของบริลิน กล่าว

ทั้งนี้ แม่ของบริลิน เปิดใจต่อว่า แม้ว่าลูกสาวจะได้ได้รับบาดเจ็บจากการจูบ แต่เธอก็ให้อภัยกับคนเหล่านั้นแล้ว เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ และพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

ราคา ‘ยางพารา’ พุ่งแตะ 100 บาทต่อกิโลกรัม หลังไทยลุยเปิดตลาดยางในสหภาพยุโรป

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) ที่สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการประมูลยางพาราประจำวัน ปรากฏว่า ผลประมูลยางแผ่นรมควัน RSS (EUDR) ชั้น 3 ได้ราคาสูงสุด 96.66 บาทต่อกิโลกรัม โดย บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประมูลได้และสูงกว่าราคากลางเปิดตลาด 8.09 บาท จากตั้งไว้ที่ 88.57 บาทต่อกิโลกรัม ปริมาณยางน้ำหนัก 480,743 กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2555  

ส่วนยางก้อนถ้วย (DRC100%) EUDR บริษัท เอ็นเทคโพลิเมอร์ จำกัด เป็นผู้ประมูลได้ให้ราคาสูงสุด 80.35 บาทต่อกิโลกรัม ได้สูงกว่าราคากลางเปิดตลาด 8 บาท จากตั้งไว้ที่ 72.35 บาทต่อกิโลกรัม ปริมาณน้ำหนัก 240,643 กิโลกรัมและได้ราคาสูงกว่าตลาดยางอื่น ๆ กว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม

นายญาณกิตติ์ ฮารุดีน ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ราคายางแผ่นรมควันเพิ่มสูงขึ้นมาจากการที่รัฐบาล นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าเปิดตลาดยางสหภาพยุโรป (EU) ตามกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) โดยได้เริ่มนำร่องที่ตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานีเป็นที่แรกเมื่อเดือนเมษายน 2567 

นายญาณกิตติ์ กล่าวว่า เดิมยางพาราส่งไปตลาดจีน 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือไปตลาดอื่น ๆ แต่หลังจากรัฐบาลเปิดตลาดอียู ได้ตามมาตรฐาน EUDR สามารถรองรับการตรวจสอบย้อนหลังผลผลิตยางพาราที่ตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานีทำสำเร็จ เป็นผลให้เกิดความเชื่อมั่นราคาพุ่ง 96.66 บาทและคาดว่าอีกไม่กี่วันจะแตะถึง 100 บาทแน่ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากความทุ่มเทของรัฐบาล นายกฯ เศรษฐา ที่ทำเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง

เพจเฟซบุ๊ก ‘กทม.’ โพสต์รูประบุข้อความ ‘ใช้หนี้ BTS แล้ว’ ด้านเพจ ‘รถไฟฟ้าบีทีเอส’ ช็อตแรง!! ‘หนี้ยังใช้ไม่หมด’

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘กรุงเทพมหานคร’ โพสต์ข้อความพร้อมรูปประกอบ เรื่องการใช้งาน ‘ฟอนต์ Sao Chingcha’ พร้อมรูปที่นำมาโพสต์ประกอบมีข้อความต่าง ๆ ที่ระบุเป็นนโยบายที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และคณะ ได้ทำมา 2 ปี ของการดำรงตำแหน่ง เช่น ไล่ออกข้าราชการทุจริต 29 ราย, มีสวน 15 นาทีใกล้บ้าน 100+ แห่ง, มี Pride Clinic 31 แห่ง, ปลูกต้นไม้แล้ว 9.4 แสนต้น, ฟองดูว์แก้แล้ว 4.7 แสนเรื่อง, ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV ฟรี, แจกผ้าอนามัยฟรี 341 โรงเรียน

ซึ่งหนึ่งในรูปที่นำมาโพสต์นั้นมีข้อความระบุว่า ‘ใช้หนี้ BTS แล้ว’ ต่อมาทางเพจ ‘รถไฟฟ้าบีทีเอส’ ได้แชร์รูปนั้นพร้อมข้อความประกอบว่า

‘หนี้ยังไม่หมดนะครั้บบบผม😁😆😅😂 #หยอกน๊าคุณน้าา’

ทั้งนี้ชาวโซเชียลได้เมนต์แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘แรงมากก’ / ‘แรงเกินคุณน้า5555’ / ‘ช๊อตแรงจัด’

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อย้อนกลับไปวันที่ 4 เมษายน 2567 นายชัชชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า การชำระหนี้ให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ในงานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้า และเครื่องกล หรือ E&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2

นายชัชชาติกล่าวว่า กทม.ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ก็ถือว่า มีการกลั่นกรองอย่างละเอียด โดยสภา กทม.มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาจนออกเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร รวมถึงตนยังได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนที่จะมีการจ่ายเงิน เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน

‘ก็หวังว่า จะสร้างความมั่นใจ จริง ๆ แล้วภาคเอกชนมีความสำคัญในการพัฒนาเมือง อนาคตจะมีผู้มาลงทุนทำโครงการต่าง ๆ เพราะงบประมาณของ กทม.อาจจะไม่เพียงพอ การสร้างความร่วมมือ การสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ เป็นเรื่องสำคัญ’ นายชัชชาติกล่าว

โดยจำนวนเงินที่ชำระคืนให้กับบีทีเอส เป็นจำนวน 23,312,577,476.49 บาท

ทั้งนี้ ยังเหลือการชำระหนี้อีก 1 ก้อนคือ ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ ค่า O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่ - คูคต) ที่ทางบีทีเอสซีได้ยื่นฟ้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาชั้นศาลปกครองสูงสุด วงเงินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย

โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การฟ้องครั้งที่ 1 วงเงิน 11,755.06 ล้านบาท ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กทม. และเคที ร่วมกันจ่ายหนี้ให้กับบีทีเอสซี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ส่วนการฟ้องครั้งที่ 2 วงเงิน 11,068.5 ล้านบาท ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565

นอกจากนี้ กทม.อยู่ระหว่างดำเนินการรับโอนทรัพย์สินและหนี้สิน ในส่วนของงานโครงสร้างพื้นฐาน หรืองานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 วงเงินรวม 65,307.08 ล้านบาท แบ่งเป็น ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 20,967.48 ล้านบาท และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 44,339.60 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเดือน พ.ย. 2561ที่กำหนดให้ กทม.รับโอนทั้งหนี้สินและทรัพย์สินจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้ทางบัญชี และเป็นหนี้ระหว่างรัฐกับรัฐ มีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ

โดยนายชัชชาติเคยออกมาระบุว่า ได้ทำหนังสือตอบกลับกระทรวงมหาดไทย ขอให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือ สนับสนุนค่าโครงสร้างพื้นฐานกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท

‘การรถไฟฯ’ ทยอยทุบตึก ในพื้นที่พิพาท เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ‘โคราช’

โดยบริเวณห้องแถวด้านข้างโรงแรมสีมาธานี ทางการรถไฟได้นำเครื่องจักรเข้าไปทุบ และเริ่มเคลียร์พื้นที่ในบริเวณดังกล่าวเป็นบางส่วนแล้ว ในขณะเดียวกันอาคารพาณิชย์ที่บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟนครราชสีมา ริมถนนมุขมนตรีนั้น ทางการรถไฟได้เริ่มทุบอาคารพาณิชย์ในบริเวณดังกล่าวแล้วเกือบหมดทุกคูหา เหลือเพียง 1 คูหา ที่ยังไม่ได้เข้าไปดำเนินการ เนื่องจากทางผู้เช่านั้นต้องการเรียกค่าชดเชยจากทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาล

ขณะที่ความคืบหน้าของประชาชน ที่ได้มีการเรียกร้องให้การรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ได้มีการเปลี่ยนแบบแปลนของโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง บริเวณพื้นที่ตำบลโคกกรวดตลอดจนมาถึงตำบลบ้านใหม่ในพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งจากเดิมนั้นจะเป็นการยกระดับโดยใช้คันดิน แต่ทางประชาชนในพื้นที่นั้นเห็นว่าถ้าหากเป็นแบบคันดินนั้นจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ทั้งเรื่องของปัญหาน้ำท่วมและปัญหาด้านการเดินทางไปมาในพื้นที่ดังกล่าว

ซึ่งล่าสุดทาง นายประพจน์ ธรรมประทีป ตัวแทนชาวต.บ้านใหม่ อำเภอเมืองนครราชสีมา แกนนำคัดค้านการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงแบบยกคันดินสูง 5 เมตร ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ยอมปรับแก้แบบแปลนจากทางยกระดับแบบคันดินมาเป็นยกระดับแบบใช้ตอม่อแล้ว หลังจากที่ตนและชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันต่อสู้เรียกร้องมาตั้งแต่ปี 62 ซึ่งตนทราบมาว่า ขณะนี้งบประมาณที่จะสร้างต่อม่อนั้น กำลังเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งตนมั่นใจว่าทางการรถไฟจะไม่บิดพลิ้ว หรือมีการปรับแก้แบบแปลนอีกหลังจากนี้

‘ตร.ท่องเที่ยวธนบุรี’ รุดช่วยเหลือ ‘ชาวจีน’ พลัดตกบันไดวัดอรุณฯ เร่งประสานกู้ชีพฯ นำตัวส่งรพ. ญาติผู้บาดเจ็บต่างเข้ามาขอบคุณ

(31 พ.ค.67) พ.ต.ท.จิรพัฒน์ เขียวศิริ รอง ผกก.1ฯ รรท.สวญ.สถานีตำรวจท่องเที่ยวธนบุรี พร้อมตำรวจชุดชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C.ส.ทท.3ฯ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีน ชื่อ Mrs. XUN XIAOHANG อายุ 50 ปี พลัดตกบันได จึงเข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมด้วย ร.ต.ท.สมโภชน์ พรมวงศ์ รอง สว.จร.บางกอกใหญ่ ประสานรถกู้ชีพวิชัยเวช นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน 1 เพื่อดูอาการ ภายหลังนำส่งโรงพยาบาล นักท่องเที่ยวและญาตินักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์ต่างเข้าขอบคุณ

พ.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทางตำรวจท่องเที่ยวถือปฏิบัติตามนโยบาย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท., พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 และ พ.ต.อ.กรฤวิศวร์ ทองศรีวานิช ผกก.1 ที่เน้นย้ำเรื่องการดูแลความปลอดภัย และช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยตั้งแต่ก้าวแรกจนก้าวสุดท้าย พบเห็นการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวสามารถแจ้งได้ทางสายด่วน 1155 ตลอด 24 ชม.

'ลุงป้อม-พปชร.' ค้านสุดตัว นิรโทษฯ เหมาเข่งคดี 112 ยัน!! จุดยืนสำคัญของพรรค คือ การปกป้องสถาบันฯ

(31 พ.ค. 67) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ในการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะรวมมาตรา 112 ด้วยหรือไม่นั้น ว่า “จุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ตั้งแต่ต้นคือเราไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขมาตรา 112 และไม่สนับสนุนให้มีการนำมาตรา 112 มาอยู่ในการนิรโทษกรรม เพราะหลักการที่สำคัญที่สุดของพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประวิตร คือ การปกป้องสถาบัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

‘ในหลวง-พระราชินี’ โปรดเกล้าฯ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ มอบถุงพระราชทาน ช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย จ.อุบลราชธานี

(31 พ.ค. 67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 789 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนราษฎร เพื่อเชิญไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบวาตภัยในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีต่อไป และมอบแก่ราษฎรอำเภอม่วงสามสิบ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อช่วยบรรเทา ความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจ

ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบวาตภัย และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ในการนี้ องคมนตรีได้ลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบวาตภัยในพื้นที่ตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จำนวน 3 ครอบครัว ซึ่งเป็นผู้สูงอายุต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณา ทั้งนี้ องคมนตรี ได้พูดคุยให้กำลังใจและขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจิตอาสาพระราชทานในการปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

ในการนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ได้ร่วมประชุมติดตามการแก้ไขสถานการณ์การเกิดวาตภัยในพื้นที่อุบลราชธานี ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม และรายงานการเกิดวาตภัย รวมทั้ง รายงานการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบวาตภัย โดย องคมนตรี ได้กล่าวให้ทุกส่วนราชการ ยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และน้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการให้ความช่วยเหลือราษฎรให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และทั่วถึง

จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลจากพายุฤดูร้อน และร่องมรสุมพัดผ่านในพื้นที่อำเภอม่วงสามสิบ ในระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2567 ทำให้บ้านเรือนราษฎร สิ่งสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายและได้รับผลกระทบใน 9 อำเภอ 32 ตำบล 103 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 789 ครัวเรือน โดยจังหวัดอุบลราชธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดำเนินการสำรวจและให้ความช่วยเหลือราษฎร จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ที่พักอาศัยชั่วคราวให้แก่ประชาชนผู้ประสบวาตภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น เพื่อให้ราษฎรสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขโดยเร็ว ด้วยแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top