Sunday, 29 June 2025
NewsFeed

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยม รร.ชุมพลทหารเรือ นรจ.แสดงศักยภาพความเป็นทหารเรือ ในภาคสาธารณะ

ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้กำลังใจนักเรียนจ่าชั้นใหม่ ก้าวแรกในรั้วทหารเรือ สู่จ่าตรี ที่ดีของกองทัพเรือ
พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูง เดินทางมา โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมนักเรียนจ่าทหารเรือในภาคสาธาณะของนักเรียนชั้นใหม่ โดยมี พลเรือโท วสันต์ สาทรกิจ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ พร้อมด้วย นาวาเอก ยุทธนา ชูธงชัย ผู้บังคับการโรงเรียนชุมพลทหารเรือ ให้การต้อนรับ

ผู้บัญชาการทหารรเรือ ได้ให้โอวาทแก่ นักเรียนจ่าทั้ง 2 ชั้นปี เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ และดูการความเปลี่ยนแปลงของนักเรียนจ่าชั้นใหม่ ที่ต้องถูกฝึก ระยะเวลา 1 เดือน ปรับเปลี่ยนจากบุคคลพลเรือนมาเป็นชายชาติทหารเรือ  อีกทั้งยังต้องมีการฝึกหัดศึกษาหลังจากจบ ภาคสาธาณะ ตามหลักสูตร 2 ปี ตามสาขาพรรคเหล่าที่เลือก จบแล้วติดยศจ่าตรี บรรจุรับราชการในกองทัพเรือ ต่อไป

ในการนี้ ได้ตรวจเยื่ยม การสาธิตการว่ายน้ำในทะเล ของนักเรียนจ่าชั้นปีที่ 2 และตรวจเยี่ยมการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า  บุคคลท่าอาวุธ รวมถึงการสวนสนามด้วยการวิ่ง และ เดิน ของนักเรียนจ่า ซึ่งโดยรวมนักเรียนจ่าได้แสดงความเป็นทหารเรือที่ถูกฝึกเกือบ 1 เดือน ให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นถึงศักยภาพ ทั้งครูฝึกและนักเรียนที่มีความตั้งใจในการฝึกฝน จนมีความเป็นทหารเรือ ที่มีระเบียบวินัย มีความอดทน ซึ่งในอนาคตพวกเขาเหล่านนี้ จะเป็นข้าราชการที่ดีในกองทัพเรือ ต่อไป

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

นายกฯ เซ็นตั้ง ‘วิษณุ' นั่งที่ปรึกษานายกฯ 'ด้านกฎหมาย-ระเบียบราชการ' คอยตรวจสอบกลั่นกรอง กม.ก่อนเข้าครม. - ให้คำปรึกษาทางกม.แก่นายกฯ

(30 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 204/2567 เรื่อง การแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ มีเนื้อหาสรุปว่า เพื่อให้การบริหารราชการ การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้คำปรึกษา เสนอความเห็น และประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 11(6) แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน สมควรแต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)ในฐานะที่ปรึกษาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

โดยมีหน้าที่และอำนาจ ตรวจสอบและกลั่นกรองร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีร่วมกับ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายหรือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)ร้องขอ  ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นทางกฎหมายแก่นายกรัฐมนตรีตามที่มอบหมาย เชิญเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหรือให้ข้อมูลรายละเอียดหรือจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้ตามที่เห็นสมควร ให้ข่าวสารในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนได้ตามความจำเป็น ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย และ แต่งตั้งคณะทำงานหรืออนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น

โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.)สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.)สนับสนุนการดำเนินการ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ถือว่านายวิษณุ มีอำนาจหน้าที่เทียบเท่ากับรองนายกรัฐมนตรี คนหนึ่ง

‘ศาลฮ่องกง’ พิพากษา นักเคลื่อนไหว 14 คน โทษ ‘จำคุกตลอดชีวิต’ ฐาน ‘ล้มล้างการปกครอง’

(30 พ.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลสูงฮ่องกงนัดอ่านคำพิพากษา ‘คดีล้มล้างการปกครอง’ ในวันนี้ กรณีที่อัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนักเคลื่อนไหว ชุดแรกจำนวน 16 คน ศาลใช้เวลาไต่สวนกว่า 1 ปี นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่านักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย 14 คน มีความผิดล้มล้างการปกครอง ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2563 มีโทษจำคุกตลอดชีวิต เช่น นายลัม ชูค-ติง นางเฮเลนา หว่อง 2 อดีต สส. และนายกอร์ดอน อึ้ง นักเคลื่อนไหวที่จัดการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้สมัครจากฝ่ายค้าน สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนกรกฎาคม 2564

ส่วนนักเคลื่อนไหวอีก 2 คน ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง คือ นายลอเรนซ์ เลา นักกฎหมาย และ นายลี ยูเอะ ชุน อดีตสมาชิกสภาเขต ทำให้ทั้งสองคนพ้นมลทินจากข้อหาล้มล้างการปกครอง ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 31 คน รวมถึงนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชื่อดังของฮ่องกง ซึ่งให้การรับสารภาพ ศาล จะนัดอ่านคำพิพากษาต่อไป

ทั้งนี้ ทางการฮ่องกงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาล เพื่อให้การอ่านคำพิพากษาของศาลดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่กลุ่มนักวิจารณ์ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนของฮ่องกง วิจารณ์ว่า คำพิพากษาเช่นนี้อาจจะกระทบต่อการจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาธิปไตยของนักการเมืองฝ่ายค้านและกระทบต่อภาพลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับโลก และคดีที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากบรรดานักการทูต นักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มธุรกิจในฮ่องกง

'บอนชอน' เลิกเก็บเซอร์วิสชาร์จ หลังผู้บริโภคเรียกร้องมานาน

(30 พ.ค. 67) จากเพจ 'Bonchon Chicken Thailand' ได้โพสต์ข้อความ ประกาศยกเลิกเก็บค่าเซอร์วิสชาร์จ ผ่านกราฟิกรูปป้ายบริเวณบีทีเอสสยามที่กำลังเป็นเทรนด์ฮิต (ป้าย Bangkok)

สำหรับประกาศยกเลิกเก็บค่าเซอร์วิสชาร์จของ ‘บอนชอน‘ ร้านไก่ทอดเกาหลีเจ้าดัง เกิดขึ้นจากการที่ลูกค้าเรียกร้องให้งดเก็บค่าเซอร์วิสชาร์จ 10% มาโดยตลอด

เท่ากับว่า ต่อจากนี้ลูกค้าบอนชอนจะได้กินไก่เกาหลีในราคาบิลรวมที่ถูกลงนั่นเอง

'กองการบินทหารเรือ' ซ้อมแผนการปฏิบัติ 'อากาศยานเกิดเหตุฉุกเฉิน' ตอกย้ำความรู้ความเข้าใจ และเพิ่มความชำนาญ ในหน่วยปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง

(30 พ.ค. 67) กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร.กร.) จัดการฝึกซ้อมแผนการปฏิบัติเมื่ออากาศยานเกิดเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ (Pre Accident Plan : PAP) ของสนามบินอู่ตะเภา ประจำปี งป.67 ระหว่างวันที่ 24 - 30 พ.ค. 67 โดยมีการเปิดการฝึกฯ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา

โดยในการครั้งนี้ใช้ชื่อการฝึกว่า 'การฝึกซ้อมแผนการปฏิบัติเมื่ออากาศยานเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ สนามบินอู่ตะเภา (U-TAPAO EMEX 2024)' เป็นการฝึกตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ที่กำหนดให้สนามบินที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ จะต้องมีการฝึกซ้อมแผนการปฏิบัติเมื่ออากาศยานเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ แบบเต็มรูปแบบ 2 ปี ต่อ 1 ครั้ง 

โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ความเข้าใจ และเพิ่มความชำนาญ ในแผนการปฏิบัติฯ อันจะเป็นการเสริมสร้างความพร้อม และลดความเสียหายที่เกิดขึ้น จากอากาศยานเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการบินสนามบินที่มาตรฐานด้านการรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

อีกทั้งยังสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นช่วงที่เกิดสภาพอากาศแปรปรวนบ่อยครั้ง โดยการฝึกจะช่วยให้ทุกหน่วยงานมีความเข้าใจ สามารถทำงานประสานสอดคล้องกัน และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติงานรวมถึงประชาชนผู้ใช้บริการสนามบินอู่ตะเภา ด้วยการจัดการจำลองการฝึกซ้อมแผน ณ กองบังคับการ (CPX) เวลา 10.00-12.00 น. และทำการฝึกภาคสนาม (FTX) ณ ลานจอด สนบ.กบร.กร. เวลา 13.00-16.00 น.

ในการฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกแบบเต็มรูปแบบ (Full Scale) ตามที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กำหนดให้สนามบินที่มีเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศ ซึ่งการฝึกครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภายในกองทัพเรือ กับ หน่วยงานต่างๆ ที่อยู่โดยรอบสนามบินอู่ตะเภา ประกอบด้วย...

1.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
2.รพ.อาภากรเกียรติวงศ์
3.รพ. สัตหีบ กม.10
4.รพ.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ระยอง
5.สภ.บ้านฉาง

6.สภ.พลูตาหลวง
7.ฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม ฝูงบิน 106 อู่ตะเภา (กองทัพอากาศ)
8.เทศบาลเมืองสัตหีบ
9.เทศบาลเมืองบ้านฉาง
10.อบต. พลูตาหลวง

11.เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว
12.เทศบาลตำบลพลา
13.เทศบาลตำบลสำนักท้อน
14.มูลนิธิพุทธธรรม
15.มูลนิธิสยามรวมใจ

16.มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน
17.บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
18.บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
19.บริษัท Pattaya Ground Handling จำกัด
20.บริษัท ไทยไลอ้อน เมนทารี จำกัด

21.บริษัท แบ๊กบริการภาคพื้น จำกัด
22.บริษัท พัทยาเอวิเอชั่น จำกัด
23.บริษัท เอสเอฟเอส จำกัด
24.บริษัท อู่ตะเภา แอร์ เซอร์วิส จำกัด
25.บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด

26.บริษัท HS Aviation จำกัด
27.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
28.บริษัท เดลต้า กอล์ฟ โกบัล เซอร์วิสเซส จำกัด

‘รร.นครนายกวิทยาคม’ โชว์งานศิลปะฝีมือ ‘นักเรียนม.ปลาย’ หลังเนรมิตกล่องกระดาษ ประดิษฐ์เป็น ‘หุ่นทศกัณฐ์’

(30 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘ประชาสัมพันธ์โรงเรียนนครนายกวิทยาคม’ โพสต์รูปภาพงานศิลปะจากกล่องกระดาษที่จัดทำขึ้นเป็นหุ่น ‘ทศกัณฐ์’ ตัวละครจากวรรณคดีดังเรื่อง ‘รามเกียรติ์’ พร้อมระบุข้อความว่า

“ชื่นชมผลงานการสร้างสรรค์ ‘ทศกัณฐ์’ #ศิลปะจากกล่องกระดาษของนักเรียนโรงเรียนนครนายกวิทยาคม จัดแสดง ณ ระเบียงหน้าบันไดทางขึ้นอาคารนาครส่ำฯ ผลงานสร้างสรรค์โดย : นายนันทิพัฒน์ จันนา M.6/2”

เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้คนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นชื่นชมนักเรียน ผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ

- “ชื่นชมผลงานรุ่นหลาน ๆ นะครับ สุดยอดจริง ๆ “
- “สวยค่ะ วันนี้ไปส่งลูกสาวหน้าอาคารเรียนพอดี”
- “สวยงามมากค่ะ นักเรียนเก่งมากเลยค่ะ”
- “มีของครับแบบนี้ ชื่นชมน้องครับ”
- “ชื่นชม ๆ ทำได้ยอดเยี่ยม”

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนันทิพัฒน์ นักเรียนชั้น ม.6 เจ้าของผลงาน ยังได้เปิดเผยกับ โหนกระแส ว่า ตนผมเริ่มจากความชอบ โดยตนเป็นคนที่ชอบสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ รวมถึงงานประติมากรรมอยู่แล้ว เคยมีโอกาสไปร่วมงานแข่งสร้างสรรค์ประติมากรรม ในกิจกรรมศิลปหัตถกรรมนักเรียน ทำให้มีแนวคิดว่างานประติมากรรม ก็น่าสนใจดี อีกทั้งตนก็มีความสนใจและชื่นชอบเรื่องราวของรามเกียรติ์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ในการลงมือทำประดิษฐ์ หัวโขนชิ้นแรก ชิ้นที่สองและชิ้นที่สาม

นายนันทิพัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า พอมีคนให้ความสนใจและชื่นชอบ ตนจึงเกิดความคิดอยากลองทำอะไรที่ยังไม่เคยลองทำ ด้วยการสร้างหุ่นนี้ขึ้นมา ในช่วงเวลาปิดภาคเรียนจากวัสดุที่หาได้ทั่วไปอย่างกล่องกระดาษ นับว่าเป็นการท้าทายความสามารถตัวเองไปในตัวด้วย และยังเป็นวิธีการบริหารเวลาว่างให้มีความสุข

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567

วันนี้ (30 พฤษภาคม 2567) พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี และการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567 โดยมี พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับ ณ สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความพร้อมขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ ทดสอบความพร้อมรบและขีดความสามารถขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธีในการฝึกยิงอาวุธประจำหน่วย รวมทั้ง ทดสอบการปฏิบัติทางยุทธวิธี ระหว่างหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กับ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในการยิงเป้าหมายทางทะเลเป็นการฝึกตามแผนงานประจำปี พ.ศ.2567 ซึ่งหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้จัดปืนใหญ่กลางกระสุนวิธีราบ ขนาด 130 มิลลิเมตร ปืนใหญ่รักษาฝั่งกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37/70 มิลลิเมตร และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S เข้าร่วมการฝึก จะยิง 2 แบบ โดยการยิงจากรถ และการยิงแบบประทับบ่าที่ระยะ 1,800 เมตร

สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถี IGLA-S เป็นอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ มีหลักการจับเป้าหมายโดยอาศัยการตรวจจับและรับรังสีอินฟราเรดที่แพร่ออกมาจากแหล่งความร้อนของตัวอากาศยาน อาวุธจะล็อคเป้าหมาย และพร้อมให้พลยิงปล่อยตัวจรวดออกมาเพื่อติดตามและทำลายเป้าหมายต่อไป และเมื่อจรวดแล่นออกจากท่อยิงการทำงานจะเป็นไปในลักษณะ Fire and Forget ซึ่งลูกอาวุธนำวิถีที่ใช้ในการฝึกยิงในครั้งนี้เป็นลูกอาวุธวิถีแบบ 9M342 มีคุณลักษณะที่สำคัญคือมีความเร็วโคจรคงที่โดยเฉลี่ย 600 เมตร/วินาที เส้นผ่านศูนย์กลาง 72.2 มิลลิเมตรน้ำหนัก 16.7 กิโลกรัม

ซึ่งการฝึก ได้กำหนดสถานการณ์ฝึกในการป้องกันพื้นที่สำคัญทางทหารตามที่ทัพเรือภาค 1 มอบหมาย ประกอบกำลังเป็น หน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ 1 มีกำลังรบประกอบด้วย กองพันต่อสู้อากาศยาน กองพันรักษาฝั่ง ศูนย์ต่อสู้อากาศยาน และส่วนสนับสนุนส่วนแยก ประกอบกำลังในการป้องกันภัยทางอากาศและป้องกันภัยจากกำลังทางเรือของฝ่ายข้าศึก 

ซึ่งการฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกยิงอาวุธปืนทางยุทธวิธีด้วยกระสุนจริง โดยใช้ศูนย์อำนวยการยิงร่วมกัน ของกองพันรักษาฝั่ง (สอ.รฝ) และกองพันทหารปืนใหญ่ (นย.) พร้อมทั้งการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S ด้วยลูกจรวดจริง และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประจำพื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2567 สำหรับขั้นการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเลในห้วงเป็นการฝึกสนธิกำลังระหว่างหน่วย ทำการฝึกตามขีดความสามารถการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ ทั้งในระดับยุทธการและยุทธวิธี การฝึกควบคุมบังคับบัญชาและการอำนวยการยุทธ์ของศูนย์ปฏิบัติการ (FTX) โดยมีรายการฝึกสำคัญ ประกอบด้วย การฝึกยุทธวิธีร่วมกองเรือ การฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างกำลังทางเรือและอากาศยาน การฝึกป้องกันพื้นที่ของทัพเรือภาค การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบกและส่งผ่านกำลังทางบก รวมทั้ง การฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง โดยเป็นการฝึกตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ คือ “ฝึกฝนให้ชำนาญ เพื่อพร้อมปกป้องอธิปไตยให้น่านน้ำไทย”

'วีระพล จงจอหอ' ชนะน็อก ‘คีร์กีซฯ’ ใน 2 ยก ผ่านฉลุย!! เข้ารอบ 8 คน เตรียมคว้าตั๋ว ‘โอลิมปิก’

(30 พ.ค.67) การแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก เลค 2 หรือ 2nd World Qualifying Tournament Boxing Road To Paris - Bangkok ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของการแข่งขัน มีนักชกไทยขึ้นทำการแข่งขัน 2 ราย โดยรอบบ่าย เริ่มคู่แรกเวลา13.00 น. รุ่น 80 กก. ‘เกม’ วีระพล จงจอหอ นักชกไทย เจอกับ โอมูร์เบค เบคไซด์ อูลู นักชกชาวคีร์กีซสถาน วัย 24 ปี ซึ่งเคยชนะวีระพลมาแล้วในการแข่งขันคัดเลือกโอลิมปิก สนามแรก ที่อิตาลี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา นัดนี้จึงถือเป็นนัดล้างตาก็ว่าได้  

ยกแรก วีระพลช่วงยาวกว่า พยายามใช้หมัดแย็บซ้ายให้เป็นประโยชน์ ขณะที่ โอมูร์เบค เดินเข้าหามีซ้ายนำเช่นกัน แต่ช่วงสั้นกว่า วีระพลซ้ายเข้าเป้าออกได้ดีกว่ามีขวาตามเน้นๆ กองเชียร์เฮลั่น โอมูร์เบคเดินเร็วขึ้น เน้นซ้ายตอบโต้สูสีวีระพลดึงตัวออกแล้วทิ้งซ้ายได้อีก หมดยกนี้ วีระพลนำ 5 - 0

ยกสอง โอมูร์เบค เน้นมากขึ้นแต่โดนหมัดขวาของวีระพลเข้าไปอีก ทำให้นักชกคีร์กีซสถานต้องเร่งเกมมากขึ้น วีระพลชกได้ผ่อนคลายมากขึ้น วงนอกทำได้ดีกว่าชัดเจน ก่อนที่วีระพลต่อยขวาเต็มๆ เข้ากกหูโอมูร์เบคร่วงลงไปฟังกรรมการนับ 8 พอขึ้นมา วีระพลไม่รอช้าตามไปรัวหมัดชุดจนโอมูร์เบคมีอาการ โดนกรรมการนับ 8 อีกหน ก่อนที่จะยุติการชก และตัดสินให้ วีระพล ชนะอาร์เอสซี ผ่านเข้ารอบ 8 คนไปอย่างสวยงาม 

ทั้งนี้ การแข่งขันสนามสุดท้ายที่ไทย ในรอบ 8 คน นักมวยที่ชนะก็จะเข้ารอบรองฯ ซึ่งก็จะได้โควตาโอลิมปิกแน่นอน ส่วนคนที่แพ้ 4 คน ก็จะต้องชกรอบบ็อกออฟ (BOX OFF) เพื่อหา 1 คน ไปโอลิมปิกต่อไป

>> สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน 

วันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ค. รอบ 18.30 น. Ring B คู่ที่ 8 (เวลาขึ้นชก 20.15 น. โดยประมาณ) รุ่น 57 กก. หญิง รอบ 2 (รอบ 32 คน)
นิลาวัลย์ เตชะสืบ (มุมแดง) พบ นิโคลิน่า คาซิซ (Nikolina Cacic) จากโครเอเชีย

วันศุกร์ที่ 31 พ.ค. รอบ 18.30 น. Bout 450 (รอประกาศตารางการแข่งขัน)
รุ่น 80 กก. ชาย รอบ 4 (รอบ 8 คน)  
วีระพล จงจอหอ พบ Jakub Straszewski จากโปแลนด์

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน รอบ 13.00 น. Bout 461 (รอประกาศตารางการแข่งขัน)
รุ่น 75 กก. หญิง รอบ 2 (รอบ 16 คน)
ใบสน มณีก้อน พบ ซอง ซูยอน (Seong Suyeon) จากเกาหลีใต้

ร่วมส่งใจเชียร์นักกีฬามวยสากลไทย คว้าตั๋วไปโอลิมปิก 2024 พร้อมส่งเสียงเชียร์ให้ดังกระหึ่มได้ที่สนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก สามารถเข้าชมฟรีทุกคู่ หรือสามารถรับชมการถ่ายทอดสดนักชกไทยได้ทางช่อง 7HD กด 35 และทางเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่น BUGABOO.TV

มุกดาหาร​ -​ สถานีเรือมุกดาหาร แถลงผลการตรวจยึดยาบ้า 42,000 เม็ด ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลนาสีนวน

(30 พ.ค 67) เวลา 10:30 น ที่สถานีเรือมุกดาหาร ตามนโยบายของ พลเรือเอก อะดุง​ พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า เพลงเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 เวลาประมาณ 13.00 น ภายใต้การอำนวยการของ พลเรือตรีนรินทร์ ขาวเจริญ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นาวาเอกวรรณะ เกื้อทิพย์​ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม โดยนาวาโท ศิริพงษ์ นพไธสง หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับ ฝ้าในห้องวันนี้จะมีกลุ่มบุคคลต้องสงสัย เตรียมการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประชุมวางแผนเตรียมการ 

จากนั้นจึงสั่งการให้ชุดสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สน.เรือมุกดาหาร​ เข้าพื้นที่ซุ่มตรวจ จะได้ประสาน ร้อย​ ทพ.2110 เพื่อบูรณาการปฏิบัติร่วมกัน โดยจัดกำลัง 3 ชุดปฏิบัติการดักซุ่มอยู่ตามบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านนาสีนวล เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.15 น ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือต้องสงสัย เพิ่งเข้ามาในพื้นที่ริมตลิ่ง ห่างจากชุดซุ้มประมาณ 200 เมตร พร้อมสังเกตเห็นว่ามีการลำเลียงถุงกระสอบขึ้นมาริมตลิ่งแม่น้ำโขง แล้วทำการแล่นเรือออกจากพื้นที่ริมตลิ่งไปในทันที เมื่อเห็นดังนั้นชุดเข้าตรวจและเฝ้าดูในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ไม่พบผู้ต้องสงสัยเข้ามารับถุงกระสอบแต่อย่างใด จึงเข้าทำการตรวจสอบวัตถุสงสัยดังกล่าว ภายในถุงพบห่อกระดาษสีน้ำตาล พันด้วยเทปกาวอย่างหนาแน่นจำนวน 7 มัด ประทับตราตัวอักษร Y 1 คาดว่าเป็นยาบ้า และตรวจสอบโดยรอบบริเวณ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นใด จึงนำมาตรวจสอบโดยละเอียดที่สถานีเรือมุกดาหาร ตรวจนับได้ยาบ้าจำนวนประมาณ 42,000 เม็ด จึงเตรียมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘สวนสัตว์เชียงใหม่’ แถลงปมพบศพ ‘จิงโจ้แดง’ เบื้องต้นพบบาดแผล แต่ไม่พบรอยกัดจากสัตว์อื่น

(30 พ.ค. 67) ตามที่จิงโจ้แดงเพศเมียได้หลุดออกจากส่วนแสดงโซนสัตว์ออสเตรเลีย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา สวนสัตว์เชียงใหม่และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้เดินเท้าเข้าปฏิบัติหน้าที่จากฝั่งทิศเหนือไปยังฝั่งทิศใต้ และจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออกจนถึงเวลา 18.30 น. ไม่พบจิงโจ้แดงจึงดำเนินการปฏิบัติการค้นหาอย่างต่อเนื่อง

เช้าวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยได้จัดเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กับเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ รวมจำนวน 70 คน เข้าสำรวจบริเวณห้วยช่างเคี่ยนฝั่งทิศใต้ติดวังบัวบาน และทิศตะวันตกฝั่งพระธาตุดอยสุเทพ ตลอดจนถึงทิศเหนือฝั่งห้วยแม่หยวกน้อย และพื้นที่ใกล้เคียง ประกอบด้วย บริเวณค่ายลูกเสือสุเทพ ห้วยตึงเฒ่า รวมพื้นที่มากกว่า 6 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 3,950 ไร่ ในการเข้าพื้นที่ในครั้งนี้ได้มีหน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุน ได้แก่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ มณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ

ช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. สวนสัตว์เชียงใหม่ และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อปฏิบัติการค้นหาอย่างต่อเนื่องและขยายพื้นที่การติดตามค้นหาให้มากยิ่งขึ้น
โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามค้นหาในเส้นทางเดิมช้ำ เนื่องจากพบร่องรอยในบริเวณใกล้เคียง และในเวลา 13.30 น. ทีมค้นหาได้ค้นพบร่างจิงโจ้แดงบริเวณด้านล่างน้ำตกของลำห้วย ช่างเคี่ยน ห่างจากสวนสัตว์เชียงใหม่เป็นระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร ลักษณะพื้นที่เป็นโขดหินขนาดใหญ่และมีร่องน้ำลึกโดยประมาณ ปกคลุมไปด้วยพงหญ้าและต้นไม้ใหญ่หนาทึบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานได้รายงานไปยังนายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ และนายภูพิชิตช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เพื่อวางแผนในการขนย้ายร่างจิงโจ้แดงออกจากพื้นที่แล้ว

เสร็จในเวลา 15.30 น. ต่อจากนั้นได้นำร่างจิงโจ้แดงเข้าสู่กระบวนการชันสูตรซาก ต่อไปการสันนิษฐาน จากการพบร่างเบื้องต้น พบบาดแผลเล็กน้อยจากการขีดข่วน ไม่มีร่องรอยของการถูกกัดจากสัตว์อื่น

ทั้งนี้ ทางทีมสัตวแพทย์จะทำการชันสูตรซากและสวนสัตว์เชียงใหม่จะรายงานผลให้ทราบต่อไป ในการนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ขอขอบพระคุณองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่ให้คำแนะนำ สนับสนุน ในการปฏิบัติงานค้นหาจิงโจ้แดงครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top