Sunday, 29 June 2025
NewsFeed

‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์’ โพสต์เฟซถึง ‘โม’ ที่ตามเทรนด์สามกีบ ไปอยู่ออสเตรเลีย เพื่อหนีลุงตู่ หลัง ‘ย้ายประเทศ’ ไปไม่สวยงาม โอด ‘ค่าครองชีพสูง-งานหายาก-มีแต่ความเครียด’

(1 มิ.ย.67) นายอัษฎางค์ ยมนาค หรือ ‘เอ็ดดี้’ นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘โม’ สาวไทยที่ตามเทรนด์ ย้ายประเทศไปอยู่ที่ ‘ออสเตรเลีย’ ตามกระแสคนรุ่นใหม่ที่อยากย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากการปลุกปั่นยุยงด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงของ ‘ขบวนการสามกีบ’ ว่าเมืองไทยมีโครงสร้างทางสังคมและการปกครองที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำ การกดขี่ โดยได้ระบุว่า ...

ย้ายภพภูมิกันเถอะ

คนธรรมดามาอยู่ออสเตรเลียได้
แต่สามกีบ ไปอยู่ที่ไหนในโลกก็ไม่ได้
เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประเทศ (ไทย, ออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นๆ) แต่อยู่ที่ทัศนคติและความเป็นคนมีปัญหาของตนเอง

โม สาวไทยที่ตามเทรนด์ย้ายประเทศไปอยู่ออสเตรเลีย โอดครวญว่า ชีวิตลำบากด้วยค่าเช่าห้องขนาดเล็กเดือนละ 38,000 บาท และต้องแชร์ห้องพักกับรูมเมทคนอื่น 

ผมขออนุญาตไม่ได้จะโอ้อวดแต่อยากเล่าเป็นข้อมูลว่า สมัยก่อนตอนผมถือวีซ่านักเรียน ผมเคยเช่าบ้านเดือนละประมาณ 8 หมื่นบาท โดยไม่ได้หารค่าเช่าหรือให้ใครมาแชร์บ้านและค่าเช่าด้วย ก็ยังมีชีวิตอยู่ในออสเตรเลียมาได้กว่า 20 ปีจนถึงปัจจุบัน

ดังนั้น ปัญหาที่น้องโมเล่ามา เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ช่วยเปิดหูเปิดตา เปิดเผยความจริงบางอย่างว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่โดนหลอกว่าเมืองไทยมีแต่ปัญหาจนต้องคิดย้ายประเทศนั้น เป็นเรื่องที่ถูกปลุกปั่นด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง 

แต่การที่จะอยู่ที่ไหนไม่ได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเท่านั้น แต่ปัญหาใหญ่นั้นอยู่ที่ทัศนคติและลักษณะนิสัยของแต่ละคนเป็นหลัก คนที่คิดว่าชีวิตมีแต่ปัญหาอยู่ที่ไหนก็มีแต่ปัญหา และอยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้

เทรนด์ ‘ย้ายประเทศกันเถอะ’ เคยสร้างกระแสคนรุ่นใหม่อยากย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ (โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) จากการปลุกปั่นยุยงด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงของขบวนการสามกีบ ว่าเมืองไทยมีโครงสร้างทางสังคมและการปกครองที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำ การกดขี่

Spring News รายงานว่า ‘โม’ พนักงานในองค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ (NGO) คือหนึ่งในคนที่ต้องการย้ายประเทศ และได้ย้ายไปออสเตรเลีย ด้วยวีซ่า Work and Holiday ในปี 2566

ออสเตรเลียในจินตนาของเธอนั้นเป็นประเทศแห่งโอกาส ใครๆ ก็สามารถเติบโตในหน้าที่การงานได้ถ้าขวนขวาย ค่าแรงขั้นต่ำของออสเตรเลียสูงที่สุดในโลก

เธอเล่าให้ SPRiNG ฟังถึงประสบการณ์ย้ายประเทศในมุมที่ไม่ได้สวยงามเหมือนที่หลายคนคิด

เมื่อไปอยู่ที่นั่น กลับต้องเจอกับอุปสรรคอื่นๆ ได้แก่ เรื่องวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ที่คนที่โน่นจะมีกำแพงในการพัฒนาความสัมพันธ์ ส่วนใหญ่จะเป็นได้แค่คนรู้จัก (Acquaintance) แต่พัฒนาเป็นเพื่อนหรือแฟนได้ยาก

นอกจากนี้ค่าครองชีพก็สูง ราคาอาหารอย่างต่ำมื้อละ 400 บาท ค่าเช่าห้องขนาดเล็กเดือนละ 38,000 บาท และต้องแชร์ห้องพักกับรูมเมทคนอื่น 

ขณะเดียวกันการหางานในออสเตรเลียก็ยาก ประกอบกับค่าครองชีพที่สูงทำให้คนส่วนใหญ่ต้องมีงานมากกว่า 2 งานถึงจะอยู่รอด และสำหรับผู้อพยพ การได้งานประจำเป็นเรื่องยาก 

ยิ่งไปกว่านั้น การต่อวีซ่า ขอสถานะผู้พำนักถาวร และการขอสถานะพลเมืองก็มีเงื่อนไขที่ยากขึ้นกว่าอดีต เพราะพลเมืองในออสเตรเลียที่มากขึ้นจนทำให้ค่าครองชีพขึ้นสูง รัฐบาลจึงเพิ่มเงื่อนไขมากขึ้น

โม กล่าวว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศน่าเที่ยว แต่ตอนนี้ถ้าให้ไปอยู่ใช้ชีวิต คงไม่เอา เพราะภาวะความเครียดเคยทำให้หลายคนอยากจบชีวิตตัวเองที่นั่น รวมทั้งตัวเธอด้วย

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เตือนขับขี่จักรยานยนต์ยกล้อซิ่ง ผิดกฎหมาย ล่าสุดศาลสั่งปรับหนักและริบรถบิ๊กไบค์ยกแก๊ง

วันนี้ (1 มิ.ย.67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะทำงานฯ ได้วางแนวทางการดำเนินคดีอย่างเข้มงวดในกรณีขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งของตนเองและผู้อื่น และขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย รวมทั้งการโพสต์ชักชวน เชิญชวนบนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ และการรวมตัวกันบนท้องถนนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

ล่าสุดมีกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจงานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี-รังสิต/ทางพิเศษ ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีการเผยแพร่ในโลกโซเชียล เป็นคลิปคนขับชี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์พร้อมคนซ้อนท้ายในลักษณะการยกล้อ ซึ่งเป็นการขับรถในลักษณะประมาทหวาดเสียวและไม่คำนึงถึงความปลอดภัย บนถนนวิภาวดี ซึ่งเป็นถนนสาธารณะเส้นหลักในการเข้าออกกรุงเทพมหานคร ที่มีรถปริมาณมากตลอดเวลา อาจจะเกิดอันตรายแก่ผู้ร่วมใช้ทางคนอื่นได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่รับผิดชอบ พบว่าหลังจากเลิกรวมกลุ่มจักรยานยนต์ กลุ่มนี้ได้ขับขี่เข้าถนนวิภาวดี บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งมีผู้ใช้ทางจำนวนมาก จากนั้นได้มีรถจักรยานยนต์จำนวน 3 คัน ขับขี่ในลักษณะยกล้อ ส่วนบางคันที่ไม่ได้ขับขี่ยกล้อ จะทำหน้าที่ถ่ายคลิปวิดีโอรถจักรยานยนต์คันที่ยกล้อ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจงานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี-รังสิต/ทางพิเศษ ได้ออกหมายเรียกผู้ขับขี่ ผู้ซ้อนท้าย พร้อมรถจักรยานยนต์ในวันเกิดเหตุของกลุ่มรถจักรยานยนต์ดังกล่าว มาแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือ โดยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะยกล้อ 3 คน คือ นายธีระพงษ์ฯ , นายทศพรฯ และนายวันชัยฯ มีความผิดฐาน “ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน, ขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น” ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาจำคุก 1 เดือน 15 วัน ปรับคนละ 3,000 บาท โทษจำรอ 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี รายงานตัว 4 ครั้ง พักใบขับขี่ 6 เดือน บริการสังคม 24 ชั่วโมง

ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คน คือ นางสาวสุภาภรณ์ฯ , นายมนตรีฯ และนางสาวเจนจิราฯ มีความผิดฐาน “สนับสนุน ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น” ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาจำคุก 1 เดือน ปรับคนละ 2,000 บาท โทษจำรอ 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี รายงานตัว 4 ครั้ง บริการสังคม 24 ชั่วโมง พร้อมริบรถของกลางรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ จำนวน 4 คัน รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สำราญฯ ย้ำว่า การขับขี่ยกล้อ ประมาทหวาดเสียว โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งของตนเองและผู้อื่น ในลักษณะดังกรณีข้างต้น เป็นอันตรายและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นเป็นอย่างมาก และศาลมีแนวทางคำพิพากษาลงโทษหนัก ทั้งผู้ขับขี่และเจ้าของรถ ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเหตุได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ - กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป จับมือ มูลนิธิยังมีเรา สานฝันมอบทุน เยาวชน นครปฐมและกาญจนบุรี

1 มิถุนายน 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ และทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ ลงพื้นที่มอบทุนการศึกษาให้กับกลุ่มนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดโอกาส และมีฐานะทางครอบครัวยากจน ผ่านโครงการ สานฝันการศึกษา ประจำปี 2567 ของมูลนิธิยังมีเรา สถานีข่าวท็อปนิวส์ ณ จ.นครปฐม และจ.กาญจนบุรี

​นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ปและ มูลนิธิยังมีเรา 
ได้ร่วมกันมอบทุนการศึกษา ทุนละ 6,000 บาท จำนวน 2 ทุน ซึ่งนักเรียนจะต้องยังเรียนอยู่ในระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า และอุดมศึกษา  โดยจะต้องเขียนเรียงความของเรื่องราวของตนเอง และการเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มาที่มูลนิธิยังมีเราผ่านโครงการสานฝันการศึกษา ประจำปี 2567 ของมูลนิธิยังมีเรา สถานีข่าวท็อปนิวส์ สำหรับวันนี้ ได้มามอบทุนการศึกษา ให้แก่ ด.ช.ธันวา เครืออยู่ ที่อยู่ 37 ม.5 ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และด.ช.วันชัย เลี้ยงฤทัย ที่อยู่ 96/9 หมู่ 6 ต.ดอนขมิ้น อ.ท่ามะกา 
จ.กาญจนบุรี 

ทั้งนี้ ได้สร้างความปลาบปลื้มให้กับเด็กนักเรียนทั้งสองที่ได้พิจารณารับทุนการศึกษา รวมถึงครอบครัวเป็นอย่างมาก การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษา ผ่านโครงการสานฝันการศึกษา 2567 ในครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับเด็กนักเรียนและเยาวชน 

ซึ่งเขาเหล่านี้จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

สมุทรปราการ- อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ร่วมกับ บริษัท VSPO และ PUBG MOBILE ประเทศไทย จัดแข่งขัน PUBG MOBILE Super League SEA Summer 2024 มีผู้ชมผ่านระบบ กว่า 50 ล้าน คนทั่วโลก

เมื่อเวลา 17.00 น.ของ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ที่ Convention Hall ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ร่วมมือกับ บริษัท VSPO และ PUBG MOBILE ประเทศไทย จัดการแข่งขัน PUBG MOBILE Super League SEA Summer 2024 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 7,300,000 บาท (200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เป็นการแข่งขัน Esports ระดับ South East Asia ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพ การแข่งขัน PMSL มีการถ่ายทอดสดแบบ Streaming มีผู้ชมทั่วโลกประมาณ 65-70 ล้านคน และ ผู้ชมในประเทศไทยประมาณ 15-20 ล้านคน ต่อ Season กีฬา Esports เป็นกีฬาที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก และได้รับการบรรจุเข้าเป็นกีฬาโอลิมปิค จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศไทย และสำหรับประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะได้ร่วมมือร่วมใจกันส่งเสริมกีฬานี้ให้เป็นกีฬาที่ได้มาตรฐาน เป็นกีฬาระดับสากลที่จะยังประโยชน์ให้กับเยาวชนและนักกีฬาต่อไป

ท่านสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จึงเล็งเห็นความสำคัญทางด้านการศึกษา และการสร้างอาชีพจากกีฬา Esports ซึ่งก่อให้เกิดหลากหลายอาชีพกลายเป็นอุตสาหกรรม Esports ตั้งแต่ด้านกีฬา ด้านการทำสื่อ การทำการตลาด การใช้เทคโนโลยี การสร้างบุคลิกภาพสำหรับผู้ประกาศ, ผู้บรรยายเกม, ผู้วิเคราะห์ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ที่ผ่านมาคนไทยเราทำได้ดีหากสามารถสร้างความสนใจมากขึ้น มีความนิยมมากขึ้น ก็จะกลายเป็น Soft Power ที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง จากงานที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง และคณะผู้จัดงาน จึงได้ต่อยอดในเรื่อง “โอกาสทางการศึกษา” ที่กีฬานี้สามารถนำไปสร้างอาชีพใหม่ๆในอุตสาหกรรม Esports โดยมีการจัดการบรรยาย และการทัศนศึกษาสถานที่จัดงานให้ความรู้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ในช่วงวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา อันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการขับเคลื่อนวงการอุตสาหกรรม Esports ในประเทศไทย ให้มีการพัฒนาทักษะ ทันกับวิวัฒนาการในยุคดิจิทัล 

โดยการแข่งขัน PUBG MOBILE Super League SEA Summer 2024 มีทีมนักกีฬา Esports เข้าร่วมทั้งหมด 24 ทีม จาก 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ไทย โดยมีนักกีฬา Esports จากไทย 5 ทีม คือ FaZe Clan, The Infinity, Vampire Esports, Xerxia Esports และ Team NKT การแข่งขัน แบ่งเป็น 2 รอบ รอบแบ่งกลุ่ม ทุกวันพุธ-อาทิตย์ ระหว่างวันที่ 8-26 พฤษภาคม 2567 ถ่ายทอดสดแบบ Streaming รอบสุดท้าย วันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2567 โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี ณ Convention Hall ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณ วราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขึ้นกล่าวและกดปุ่มเปิดงาน เป็นตัวแทนของรัฐบาลไทยขอบคุณคณะผู้จัดงาน VSPO และ PUBG MOBILE ที่ได้คัดเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่แข่งขัน Tournament ที่สำคัญระดับ South East Asia และประเทศไทยยินดีที่จะสร้างความร่วมมือในการจัดงานระดับสากล เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม Esportsในประเทศไทยให้เป็นSoft Powerในอนาคต ต่อไป

เลย -ประกวด Miss Universe Loei 2024 สาวงามเมืองเลยสู่ระดับนางงามโลก

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 31 พ.ค.67 ณ หอประชุมโรงเรียน เลยอนุกูลวิทยา บ้านฟากนา ต.นาอาน อ.เมืองเลย จ.เลย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย  เป็นประธานเปิดการประกวด Miss Universe Thailand 2024 ถือลิขสิทธิ์โดย บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด และ Miss Universe Loei 2024 มีนาย กิตติคุณ บุตรคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ร่วมเป็นเกียรติ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมด้วยจำนวนมากซึ่งเป็นกองประกวดที่จัดเวทีการประกวดเพื่อเฟ้นหาสาวงามตัวแทนประเทศไทยและตัวแทนจังหวัดเลย สู่การเป็นตัวแทนประเทศไทยในการประกวด Miss Universe ซึ่งเป็นเวทีระดับโลก ในปี 2567 นี้

กองประกวด Miss Universe Loei 2024 มีวัตถุประสงค์จัดการประกวดฯ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับรู้คุณค่าและความสำคัญของ สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ผลิตภัณฑ์ชุมชน และ Soft Power อื่นๆ ณ จังหวัดเลย โดยกำหนดการประกวด วันที่ 28 – 31 พ.ค.67 นี้ โดยมีกิจกรรม 4 วันด้วยกันเริ่มจากวันที่ 28 พ.ค.67 ผู้เข้าประกวดฯ ถ่ายภาพโปรไฟล์ และ VTR แนะนำตัว ถ่าย VTR โปรโมท โรงแรม Sponsor เดินทางไป เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองเลย ถ่ายภาพสวนสาธารณะกุดป่อง สักการะศาลหลักเมืองเจ้าพ่อกุดป่อง ซ้อม บล็อกกิ้ง ไปลานพญานาค ปู่ไหลคำมา กิจกรรม ใส่บาตร ณ ลานพญานาค ปู่ไหลคำมา เดินทางไปยัง พระธาตุศรีสองรัก กราบสักการะพระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย เดินทางต่อไปยัง วัดโพนชัย พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนกิจกรรมเทศกาลผีตาโขนจำลอง  ต่อไปกราบสักการะ “วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง” อ.ภูเรือ ไปที่ถนนคนเดินเชียงคาน  ทำผาสาดลอยเคราะห์ เดินแบบแฟชั่นโชว์ เปิดตัวผู้เข้าประกวด และกิจกรรม Shopping ถนนคนเดิน และไป วนอุทยานภูบ่อบิด อ.เมืองเลย 06.50 - 08.30 น. มีสาวงาม 12 คนเข้าประกวดครั้งนี้ มีรอบ 12 คน รอบ 7 คน รอบ 3 คนและรอง 2 คน  ผู้เข้าประกวดได้รับรางวัลทุกคน ผลการประกวด ชนะเลิศได้รับรางวัลเงิน 100,000  บาท พร้อมมงกุฎและสายสะพายMiss Universe Thailand Loei 2024 รอบ Final Competition เพื่อค้นหาผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศอันดับ 1 เพื่อเป็นตัวแทนจากจังหวัดเลย เข้าไปประกวดในเวที ระดับประเทศ และเป็นทูตทางวัฒนธรรมจังหวัดเลย โดยมีสาวงามเข้าประกวดความงาม และ ความสามารถ มากกว่า 12 คน และมีสาวงามที่ได้รับตำแหน่งและรางวัลต่างๆ ดังนี้

ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 และ ได้เป็นตัวแทนนางงามจากจังหวัดเลยเข้าไปกวดในเวที Miss Universe Thailand  ในปีนี้คือ MUT L04 พลอย นพรัตน์ กาวิโล
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 และ รางวัลนางงามมิตรภาพ ได้แก่  MUT L12 เอยเอิง ศุภิสรา แสงอร่ามเรือง
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่  MUT L03 กวางตุ้ง อภิญญา กันสา
รางวัลขวัญใจไทเลย ได้แก่  MUT L11 มิล มิรา ไชยปะ
รางวัล นางงามขัวญใจช่างภาพ และ นางงามผิวสวย ได้แก่ MUT L02 รวงข้าว มุทิตา จันเต็ม
รางวัล นางงามสายมู ได้แก่ MUT L06 โรส ฐานิตา สีกวนชา

‘กฟผ.’ จับมือ ‘กรมพัฒนาพลังงานฯ’ ร่วมสร้างมาตรฐาน ฉลากแสดงประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการติดฉลาก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’

เมื่อไม่นานมานี้ นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือยกระดับประสิทธิภาพพลังงานของโรงงานและอาคารที่มีอยู่เดิม ด้วยการติดฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงาน โดยมีผู้บริหาร พพ. และ กฟผ. ร่วมพิธี ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดี พพ. กล่าวว่า พพ. ได้ส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ผ่านการกำกับและบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ.2552 ความร่วมมือในครั้งนี้ พพ. และ กฟผ. จะร่วมกันกำหนดเกณฑ์มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานของโรงงานและอาคาร ส่งเสริมกระบวนการติดฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงานเบอร์ 5 ให้แก่โรงงานและอาคารที่สามารถผ่านเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงาน ได้ 500 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) ต่อปี ช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 5,864 ล้านหน่วย ลดการปล่อยคาร์บอนได้ 3.2 ล้านตัน ภายในปี 2580

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวเสริมว่า กฟผ. ได้ดำเนินงานบริหารจัดการด้านการใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นระยะเวลากว่า 30 ปี ติดฉลาก ฯ แล้วกว่า 470 ล้านดวง ลดการใช้ไฟฟ้ากว่า 37,000 ล้านหน่วย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 20 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้ดำเนินโครงการที่ปรึกษาพลังงาน มุ่งเน้นการให้คำปรึกษาในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอาคารและโรงงาน

การร่วมมือกับ พพ. ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงผลลัพธ์ของการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานที่มีอยู่เดิมผ่านการกำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงาน เตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการภาคอาคารและโรงงานสำหรับการบังคับใช้กฎหมายประหยัดพลังงานของประเทศไทยและการบังคับใช้มาตรการระดับสากลที่มีผลต่อธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้งบูรณาการระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของการใช้พลังงานในภาคอาคารและโรงงาน เพื่อการตัดสินใจเชิงนโยบายหรือดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานของประเทศไทยในอนาคต 

ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการร่วมกันสร้างกลไกที่สำคัญและเป็นแนวทางที่มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานสูง สร้างผลลัพธ์เชิงบวกด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเศรษฐกิจระดับมหภาคของประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อไป

‘นิด้าโพล’ เผย ‘คนกรุงเทพฯ’ พอใจผลงานของ ‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’ ชี้!! หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ก็ยังกาให้ทำหน้าที่ต่อไป

(2 มิ.ย.67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘2 ปี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1. การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.05 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.20 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

2. การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ ตัวอย่าง ร้อยละ 45.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.60 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.30 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

3. การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า เช่น หาบเร่แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.60 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

4. การสนับสนุนการกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 41.80 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.45 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 9.50 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 8.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย

5. การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย ตัวอย่าง ร้อยละ 44.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 25.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.25 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

6. การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ตัวอย่าง ร้อยละ 46.90 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.60 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.85 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.20 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

7. การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.15 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 22.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.05 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

8. การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่าง ร้อยละ 43.35 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.15 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.10 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.25 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

9. การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ตัวอย่าง ร้อยละ 37.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.05 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 13.95 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 4.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

10. การจัดระเบียบการชุมนุม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.50 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 24.90 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.70 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 9.75 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

11. การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เรือ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.10 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.80 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.40 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

12. การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 41.25 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.65 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.45 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

13. การพัฒนาการศึกษา แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ตัวอย่าง ร้อยละ 36.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 11.80 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 11.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

14. การแก้ไขปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 30.95 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 27.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 18.35 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 12.85 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 10.50 ระบุว่า ดีมาก

15. การจัดระเบียบคนเร่ร่อน คนจรจัด ขอทาน ตัวอย่าง ร้อยละ 35.70 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 33.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 10.35 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 5.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

16. การแก้ไขปัญหาจราจรและรถติด ตัวอย่าง ร้อยละ 37.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 34.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 9.00 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 1.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

17. การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง ตัวอย่าง ร้อยละ 38.70 ระบุว่า ไม่ค่อยดี รองลงมา ร้อยละ 24.70 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 24.55 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 7.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 4.90 ระบุว่า ดีมาก

ด้านความพึงพอใจของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.25 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 20.35 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.45 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 10.60 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.35 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือก ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.75 ระบุว่า เลือก รองลงมา ร้อยละ 34.50 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ร้อยละ 21.35 ระบุว่า ไม่เลือก และร้อยละ 0.40 ระบุว่า ไม่ตอบ

‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากสเปน ครองเจ้ายุโรปสมัยที่ 15 เอาชนะ ‘เสือเหลือง’ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากเยอรมนี 2-0

(2 มิ.ย.67) เกมที่สนามนิว เวมบลีย์ มหานครลอนดอน อังกฤษ ‘ดอร์ทมุนด์’ ต้องเจ็บปวดที่สนามแห่งนี้เป็นคำรบที่ 2 หลังจากเคยแพ้ บาเยิร์น 1-2 เมื่อปี 2013 มาในครั้งนี้พวกเขามีโอกาสมากกว่าบานตะไทในครึ่งแรก โดยเฉพาะการเล่นหนามยอกเอาหนามบ่ง

บอลทะลุไลน์ที่เป็นจุดเด่นของ เรอัล มาดริด วันนี้โดน ดอร์ทมุนด์ ดักได้ดีและมีวินัยสูงมาก แค่ครึ่งชั่วโมงแรก โดน ดอร์ทมุนด์ แทงตัดขั้วหัวใจไปแล้ว 3 ที ดีที่ไม่เสียประตู

มาดริด ครองบอลมากกว่าแต่ ‘ตัวทำ’ อย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม ไร้บทบาท และ ‘ตัวจ่าย’ อย่าง โทนี่ โครส ไม่มีโอกาส

ดอร์ทมุนด์ เล่นได้ดีมากกับแผนการปิดพื้นที่ได้เหนียวแน่น ทุกคนวินัยสูงมาก และมีโอกาสทำประตูจะแจ้งกว่าโดยเฉพาะบอลทะลุถึง 4 ครั้ง แต่เมื่อทำไม่ได้ ทุกคนเห็นภาพซ้ำเดิม ๆ ในครึ่งหลัง เปิดครึ่งหลังมา 15 นาทีแรก

จังหวะบอลของ เรอัล มาดริด เร็วขึ้นและแรงขึ้น บีบพื้นที่ขึ้นมาสูงขึ้น และฟรีคิกของ โทนี่ โครส เกือบเสียบตาข่าย แต่ ดอร์ทมุนด์ ยังคงอยู่ในแผนที่ดี โดยเฉพาะการเล่นเป็นกลุ่ม กระทั่ง คาริม อเดเยมี่ วิ่งจนหมดถูกปรับทัพคนแรก ด้วยการส่ง  มาร์โก้ รอยส์ อดีตกัปตันทีมลงสนาม
แต่แค่ไม่ถึงสองนาที นาฬิกาเดินมา นาทีที่ 73.14 เรอัล มาดริด นำจนได้ 1-0 จากลูกเตะมุม

ดานี่ คาร์บาฆาล ขึ้นไปโหม่งที่เสาแรกเสียบตาข่าย เป็นประตูแรกของเขาในการเตะยูซีแอลตลอด 9 ปีที่่ผ่านมา แต่เป็นประตูทองจริง ๆ ต้นครึ่งหลัง เขามีโอกาสได้โหม่งจุดเดิมจุดเดียวแบบนี้มาแล้ว แต่ข้ามคาน และหนนี้ฉีกมาอยู่จุดมาร์กจุดเดิม ซึ่งไม่พลาด

แล้วไม่กี่นาทีต่อมา หลังจาก ดอร์ทมุนด์ ตัดสินใจเกหมดหน้าตัก ก็มาพลาดเองเมื่อ มาตเซ่น ที่เล่นได้เด่นตลอดครึ่งซีซั่นหลัง ไปจ่ายบอลขวางสนาม ทำให้พวกเขาสังเวียประตูที่ 2 ให้กับ วินิซิอุส นาทีที่ 83

ปีกแซมบ้า วัย 23 ปี 325 วัน ทำสถิติเป็นนักฟุตบอลอยู่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยิงในแชมเปียนส์ลีกสองสมัย แซงหน้า ลีโอเนล เมสซี่ ไปแล้ว โดยทำไว้ 23 ปี 338 วัน

ดอร์ทมุนด์ ดีที่สุดเกมนี้คือ ความวูบวาบ และปิดโอกาสของอดีตเด็กเก่าอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม ได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขาทิ้งโอกาสสำคัญ ซึ่งเกมใหญ่ขนาดนี้มันพลาดไม่ได้

ติบอร์ กูร์กตัวส์ นายประตูเรอัล มาดริด โชว์เกมใหญ่อีกครั้ง หลังจากไม่ได้เล่นเลยด้วยซ้ำในปีนี้ถ้วยนี้ แต่กลายเป็นฮีโร่ เซฟให้ทีมจะ ๆ อย่างน้อย 4 ครั้ง ก่อนทำให้ทีมอยู่ในเกมและก้าวไปสู่ชัยชนะ ไม่รู้ว่าใครจะเบื่อขั้นไหน แต่นี่คือความสำเร็จที่น่ายกย่องอีกครั้งของ เรอัล มาดริด กับแชมป์สมัยที่ 15

‘คนขับแกร็บ’ วอน ‘ผู้โดยสาร’ ไม่ต้องทาครีมเผื่อชาวบ้าน ทำเลอะเต็มเบาะ เช็ดยาก ชี้!! เจอแบบนี้ 3 รอบแล้ว

(2 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อได้โพสต์ลงในกลุ่ม ‘Grab Car Drivers Club Thailand’ ระบุข้อความว่า ... 

"เรียนลูกค้าที่เคารพรักนะครับ ทาแป้งทาครีมไม่ต้องเผื่อชาวบ้านด้วยก็ได้นะครับเข้าใจว่าอยากสวยอยากขาว ติดเบาะแล้วเช็ดออกยากชิบ รูดตั้งแต่เบาะฝั่งขวายันฝั่งซ้ายเลย ผ้าชุบน้ำเช็ดลงแว๊กยังไม่อยากจะออก เจอแบบนี้ 3 รอบแล้วหมดคำสิเว้ารอบนี้หนักสุด"

เมื่อโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปทำให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ ติดทุกอย่างยกเว้นผิว, แป้งหรือสี toa, เบาะหนังยังทิ้งรอยขนาดนี้ คันไหนเป็นเบาะผ้านี่ สงสารเจ้าของรถเลย, ความลับนางฟ้า, ผิวลูกคุณหนู 100%, เช็ดออกยากมาก, เจอเหมือนกันแบบนี้ เช็ดยังออกไม่หมดเลย ยังมีรอยจางๆอยู่, เบื่อมากเจอเพื่อนขึ้นเเบบนี้เลย, ถ้าเบาะผ้า มีร้องอะเจ้าของรถ ค่าซักแพง เป็นต้น

‘โฆษกรัฐบาล’ เผย ‘นทท.อินเดีย’ จองเที่ยวไทยบนแพลต์ฟอร์ม Airbnb เพิ่มขึ้นกว่า 60%  ชี้!! เป็นผลจากมาตรการขยายระยะเวลา Visa Free ของนายกฯ ที่ขยายออกไปอีก 6 เดือน 

(2 มิ.ย.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงผลสำเร็จของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ Visa Free ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม - 11 พฤศจิกายน 2567 นั้น ล่าสุด แพลตฟอร์ม Airbnb ได้เปิดเผยข้อมูลการจองที่พักในช่วงปี 2565 - 2566 พบว่า นักท่องเที่ยวชาวอินเดียจองที่พักในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 60% โดยในปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว เช่น เทศกาลโฮลี (Holi Festival) และเทศกาลอีสเตอร์ (Easter) มีชาวอินเดียค้นหาที่พักในประเทศไทยบนแพลตฟอร์ม Airbnb เพิ่มขึ้นมากกว่า 200% โดยมีจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ และเกาะสมุย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากข้อมูล Airbnb พบว่าชาวอินเดียมีความชื่นชอบและสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดย Airbnb อธิบายว่า เทรนด์การท่องเที่ยวไทยของชาวอินเดียส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ (New Gen) โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่จองที่พักบน Airbnb มากถึง 80% ของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียทั้งหมด เนื่องจากอินเดียมีประชากรกลุ่ม Gen Z และ Gen Y มากที่สุดในโลก โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศไทยของนักเดินทาง Airbnb ชาวอินเดีย 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ และเกาะสมุย ส่วนประเภทที่พัก Airbnb ในไทยที่มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเลือกจองมากที่สุด ได้แก่ สระว่ายน้ำ เขตร้อน ชายหาด อุทยานแห่งชาติ และเมืองดัง อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางแบบกลุ่มขนาดเล็ก (3 - 5 คน) และกลุ่มขนาดกลาง (5 คนขึ้นไป) มีการเติบโตเร็วที่สุด โดยนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดเล็ก เดินทางเพิ่มขึ้น 67% และนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดกลาง เดินทางเพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน

นอกจากนี้ นายอมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไปประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเริ่มให้ความสนใจในการเดินทางไปยังสถานที่ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น และยังเป็นการช่วยกระจายเศรษฐกิจไปยังชุมชนต่างๆ ไม่เพียงแค่เมืองใหญ่เท่านั้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการเเละเเนวทางการตรวจลงตรา ทั้งหมด 3 ระยะ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีมาตรการที่สำคัญเเละจะเริ่มใช้ต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน 2567 นี้ เช่น

- การให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Free) สามารถพำนักในประเทศไทย ไม่เกิน 60 วัน เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้น จำนวน รวม 93 ประเทศ/ดินแดน ประกอบด้วย (1) ประเทศที่ได้รับสิทธิ ผ.30 เดิม 57 ประเทศ/ดินแดน และ (2) เพิ่มประเทศที่ได้รับสิทธิ ผ.30 ใหม่ 36 ประเทศ/ดินแดน

- การให้สิทธิ Visa on Arrival (VOA) จากเดิม 19 ประเทศ เพิ่มรวมเป็น 31 ประเทศ

- การเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand Visa (DTV) เพื่อให้คนต่างด้าวที่มีทักษะและทำงานทางไกลผ่านระบบดิจิทัล (Remote worker หรือ Digital nomad) ที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทย สามารถมาทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกันได้ เป็นต้น

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นการดำเนินมาตรการเชิงรุกของไทยในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ Visa Free สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ประกอบกับมาตรการสนับสนุนอื่นๆ ของรัฐบาล ทั้งนี้ เห็นได้ชัดจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอีกกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” นายชัย กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top