Sunday, 29 June 2025
NewsFeed

แผ่นดินไหว 5.9 แมกนิจูด เขย่าภาคกลาง ‘ญี่ปุ่น’  ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ ปลอดภัย ไม่มีเตือนภัยสึนามิ

(3 มิ.ย.67) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) เปิดเผยว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 แมกนิจูดบริเวณคาบสมุทรโนโตะ จังหวัดอิชิคาวะทางตอนกลางฝั่งตะวันตกของประเทศ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (3 มิ.ย.) รายงานระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.31 น.ตามเวลาท้องถิ่น และความรุนแรงของแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับ 5 จากทั้งหมด 7 ระดับ ซึ่งระดับ 7 เป็นระดับรุนแรงที่สุด และตามมาด้วยแผ่นดินไหวอีกครั้งขนาด 4.8 แมกนิจูด เมื่อเวลา 06.40 น.ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ดีไม่มีการเตือนภัยสึนามิ และไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

บริษัทโตเกียว อิเล็กทริกพาวเวอร์คอมพานี หรือ เทปโก (TEPCO) กล่าวว่า ไม่พบความผิดปกติใดๆ ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ ในจังหวัดนีงาตะ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง

ร้านสุดแสบ นำเนื้อปลาย้อมสี ขายเป็น ‘แซลมอน-ทูน่าดองซีอิ๊ว’ ชาวเน็ต ชี้!! ‘ปลาดอลลี่’ ไม่สามารถรับประทานสดๆ ได้

(3 มิ.ย.67) เป็นอีกเรื่องร้อน สำหรับคนที่ชอบรับประทานปลาดิบ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพในกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ ระบุข้อความว่า

ผู้บริโภครายหนึ่งแจ้งว่า มีร้านๆ หนึ่งในปราจีนบุรีย้อมปลาดอลลี่ เป็นสีแดงคล้ายทูน่า เพื่อดองขายให้กับผู้บริโภค

พร้อมแนบภาพปลาที่มีแดงคล้ายทูน่า แต่เมื่อดูเนื้อด้านในของปลาพบเป็นเนื้อปลาสีขาว คล้ายเนื้อปลาดอลลี่อย่างมาก ซึ่งเป็นปลาที่ไม่สามารถรับประทานสดๆ ได้

นอกจากนี้โพสต์ดังกล่าวยังแนบคอมเมนต์จากเพจ ‘กินไรดี ปราจีนบุรี’ ที่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์รูปดังกล่าว ที่มีย้อมปลาดอลลี่ เป็นสีแดงคล้ายทูน่า พร้อมระบุว่า 

เตือนภัย ร้านนี้เลยแฟนเราซื้อมา ย้อมแมวขาย เอาปลาดอลลี่มาชุบสีเป็นปลาทูน่ากับแซลมอน เอาเอ็นหอยจอบมาดองแทนโฮตาเตะ

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย

‘ทวี’ แจงใช้งบ 6 แสน นำตัว ‘แป้ง นาโหนด’ กลับไทย ยัน!! เป็นแนวทางที่ดีที่สุด ถูกกว่าใช้เครื่องบินพาณิชย์

(3 มิ.ย.67) ที่ท้องสนามหลวง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการรับตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุมกลับประเทศไทย ว่า การประสานงานในการรับตัวนายเชาวลิตกับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่าสามารถรับตัวได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว แต่บังเอิญขาดเรื่องเอกสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความเข้มแข็งขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โปล) นอกจากนี้ ประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่าสามารถนำตัวนายชวลิต มาส่งให้ประเทศไทยได้ตามระบบกฎหมายของอินโดนีเซีย ดังนั้นวันที่ 3 มิ.ย. ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะมีการประชุมว่าจะใช้ช่องทางไหนได้ แต่ในหลักการคือวันที่ 4 มิ.ย.นี้ นายเชาวลิตควรจะมาถึงเมืองไทยแล้ว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นกรณีแรกที่หนีการควบคุมจากเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนั้นโดยหลักการเมื่อตำรวจสอบสวนเสร็จ และแจ้งข้อหาแล้วจะต้องนำไปขัง ณ ศาลที่เกิดเหตุ เพราะขณะนี้สำนวนยังไม่ได้โอนมา และหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะพิจารณาว่าจะนำตัวนายเชาวลิตควบคุมตัวไว้ ณ ที่ใด จึงขอให้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมราชทัณฑ์ไปประชุมกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาอีก

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่หากนายเชาวลิตกลับไป จ.นครศรีธรรมราช แล้วจะเกิดปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ประเมินดู ซึ่งจากที่ลงพื้นที่ไป จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทราบว่าเจ้าหน้าที่มีการประชุมกันว่าเมื่อนายเชาวลิตเดินทางมาถึงประเทศไทยจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องของการนำตัวคนผิดมาฟ้องและลงโทษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ ที่จะนำตัวนายเชาวลิตมาดำเนินคดีในกรุงเทพมหานคร โดยไม่ไปที่ จ.นครศรีธรรมราช ตามที่นายเชาวลิตขอร้อง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตอนนี้คดียังไม่ได้โอนมาที่ส่วนกลาง ดังนั้นจะต้องมีการสอบสวนที่ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ก่อน ซึ่งที่ จ.พัทลุง จะต้องมีการอายัดตัว แต่จากการฝากขังครั้งที่ 1 ครบ 48 ชั่วโมงแล้ว เมื่อศาลอนุมัติฝากขัง ศาลฎีกามีระเบียบว่าสามารถฝากขังครั้งต่อไปให้สามารถปรากฎตัวทางออนไลน์ได้ ก็อาจจะนำไปขังที่อื่น

เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นที่จะนำตัวมาส่วนกลางที่กรุงเทพฯ มีความเป็นไปได้มากกว่าใช่หรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เดิมเป็นความคิดของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่อยากนำตัวมาไว้ที่กรุงเทพฯ แต่ตนก็บอกว่าต้องประชุมกันให้ดี ทั้งนี้อยากจะบอกว่าการนำตัวนายเชาวลิตกลับมาประเทศไทย มีบางกระแสที่บอกว่ามีการใช้งบประมาณที่ฟุ่มเฟือย ซึ่งขอชี้แจงว่าทางเรามีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะถ้ามาเครื่องบินพาณิชย์ ในเงื่อนไขเดิมจะแพงกว่าการที่มากับเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพราะคณะของอินโดนีเซียที่มาส่งก็หลายคน

ส่วนตัวเลขค่าใช้จ่ายในครั้งนี้นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เท่าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ประมาณไว้ 600,000 บาท ทั้งค่าน้ำมันและค่าจอดเครื่องบิน อย่างไรก็ตามย้ำว่าเราพิจารณาแนวทางที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องร้องและลงโทษ ซึ่งเรื่องนี้ความจริงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องน่าดีใจ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด แต่เมื่อมันเกิดแล้วเราก็ต้องไปตรวจสอบว่ามันเป็นอย่างไร หนีไปอย่างไร หรือมีความเกี่ยวข้องกับใคร มีผู้บงการ ผู้ใช้ หรือผู้ช่วยเหลืออย่างไร และกรณีที่นายชวลิตออกมา ร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสื่อแม้ว่าจะไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่เขาอ้างอิงถ้าเราไปสอบสวนแล้วมีความผิดก็จะเป็นหลักฐานใหม่ ฉะนั้นก็ขอให้ทำหน้าที่ตรงนี้ก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีการหารือถึงสถานที่ที่จะนำตัวนายชวลิตไปคุมขังหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในการไปรับตัวนายเชาวลิต จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงยุติธรรม จัดทีมไปรับตัว

‘โยมแม่’ เจอหน้า ‘เจ้าอาวาส’ หลังพลัดพรากกันมา 37 ปี สุดตื้นตัน!! ต่างคนต่างก้มกราบ สร้างความประทับใจ

(3 มิ.ย.67) เป็นอีกเหตุการณ์ที่สร้างความตื้นตันใจและสร้างความประทับใจ เมื่อผู้ใช้ติ๊กต็อก ‘siriskyblue’ โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่โยมแม่ที่พลัดพรากจากลูกชายถึง 37 ปี ก่อนมีโอกาสได้เจอหน้าลูกชายอีกครั้ง พบบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง

ความประทับใจและโมเมนต์ดีๆ ครั้งนี้ โดยคลิปดังกล่าวโยมแม่ที่ตามหาลูกชายที่พลัดพรากกันถึง 37 ปี ก่อนทราบมาบวชเป็นพระและเป็นถึงเจ้าอาวาส ทำให้โยมแม่และญาติเมื่อทราบข่าว จึงเดินทางนั่งรถมาหาที่วัด

นาทีแรกที่โยมแม่และพระเจอหน้ากันอีกครั้งในรอบ 37 ปี หลวงพี่ได้ลุกไปหาโยมแม่ ก่อนจะลุกเข่าแล้วก้มกราบโยมแม่ไปที่พื้น

จังหวะนั้นโยมแม่ที่อยู่ในอารมณ์ตื้นตันใจถึงกับทำตัวไม่ถูก ก่อนโยมแม่จะลุกเข่ากับพื้นเช่นกันและยกมือไหว้พระที่เป็นลูกชาย พร้อมกราบลูกชายที่เป็นพระ ถือเป็นอีกภาพความประทับใจและบีบหัวใจอย่างมาก ทำให้ญาติๆ ที่เห็นภาพนี้ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

นอกจากนี้ผู้ใช้ติ๊กต็อก siriskyblue ยังโพสต์อีกคลิป เป็นนาทีที่โยมแม่ร่ำลาพระที่เป็นลูก และขึ้นรถกลับบ้าน โดยมีพระที่เป็นลูกมายืนส่งที่รถ แต่จังหวะที่ยืนส่งโยมแม่นั้น พระที่เป็นลูกได้ยืนกอดเสา พร้อมพูดคุยร่ำลากับโยมแม่ เป็นอีกภาพความประทับใจของคนที่พลักพรากจากกันถึง 37 ปี

‘การรถไฟฯ’ จัดเดินขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยว ‘กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา’ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมฯ

(3 มิ.ย.67) การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดเดินขบวนรถจักรไอน้ำพิเศษนำเที่ยว เส้นทางกรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา - กรุงเทพ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระราชินี 3 มิถุนายน 2567 โดยมีนายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยว พร้อมด้วยผู้บริหารฯ เจ้าหน้าที่ ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมภายในงาน ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดเดินขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2567 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วยพระราชหฤทัยมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ 

ทั้งนี้ ในการจัดเดินขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยวครั้งนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้ประชาชน ได้ร่วมเดินทางในเส้นทางรถไฟประวัติศาสตร์ กรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และร่วมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางครั้งสำคัญโดยรถไฟ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 6 โอกาสพิเศษที่การรถไฟฯ ได้นำหัวรถจักรไอน้ำ รุ่นแปซิฟิก หมายเลข 824  และ 850 รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผลิตโดยบริษัท นิปปอน ชาร์เรียว จำกัด  มาเปิดให้บริการแก่ประชาชนในวันสำคัญของทุกปี ประกอบด้วย

1. วันที่ 26 มีนาคม วันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟ เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ

2. วันที่ 3 มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เส้นทางกรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ

3. วันที่ 28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ

4. วันที่ 12 สิงหาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เส้นทางกรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ

5. วันที่ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ

6. วันที่ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เส้นทางกรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ

สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสร่วมเดินทางในครั้งนี้ การรถไฟฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมนั่งรถจักรไอน้ำท่องเที่ยวขบวนประวัติศาสตร์ ทริปถัดไป ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เส้นทางกรุงเทพ -  อยุธยา - กรุงเทพ โดยจะเริ่มเปิดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป ผู้โดยสารสามารถติดตามข่าวสาร และโปรแกรมท่องเที่ยวต่าง ๆ แบบเช้าไปเย็น หรือพักค้างคืนได้ที่เพจเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย และสามารถติดต่อซื้อตั๋วและสำรองที่นั่งล่วงหน้าด้วยระบบ D-Ticket หรือสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง 

‘ไทย’ ติดอันดับ 2 ประเทศที่มีสถาปัตยกรรม สวยที่สุดในเอเชีย ชี้!! ‘บ้านจิม ทอมป์สัน-ปราสาทสัจธรรม’ เป็นสถานที่ยอดนิยม

(3 มิ.ย.67) ประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยว ตึกรามบ้านช่อง และสถาปัตยกรรมสวยๆ มากมาย ทั้งคนไทยและต่างชาติต่างก็อยากเดินทางเข้ามาชมด้วยตัวเอง ซึ่งความสวยงามของสถาปัตยกรรมในไทยนี้ ล่าสุดก็เพิ่งได้รับการจัดอันดับให้ติดอยู่ในรายชื่อ 10 อันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในเอเชีย

InsidersMonkey เว็บไซต์ด้านการเงินของสหรัฐอเมริกา มีการจัดอันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในทวีปเอเชียประจำปี 2024 โดยสถาปัตยกรรมในเอเชียนั้นมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในด้านการผสมผสานระหว่างการออกแบบร่วมสมัย และเทคนิคของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม จากการมอบรางวัลด้านสถาปัตยกรรมในหลายๆ รางวัล ก็ปรากฏว่ามีสถาปนิกชาวเอเชียได้รับรางวัลเป็นจำนวนมากในแต่ละปี รวมถึงอาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเอเชีย ก็ได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน

โดยการคัดเลือกและจัดอันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในทวีปเอเชียประจำปี 2024 ทางเว็บไซต์ InsidersMonkey มีการเก็บรวบรวมข้อมูล งานวิจัย การจัดอันดับต่างๆ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2023 ของแต่ละประเทศ จากสมมติฐานคือประเทศที่มีสถาปัตยกรรมที่ดีจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก ซึ่ง 10 อันดับประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2024 มีดังนี้

1. จีน - Wang Shu สถาปนิกชาวจีน ได้รับรางวัล Pritzker Prize ในปี 2012 นอกจากนี้ จีนยังได้รับการยอมรับอย่างล้นหลามใน International Architecture Awards ประจำปี 2023 โดยกวาดรางวัลมาแล้วกว่า 19 รางวัล สถานที่ที่ได้รับรางวัล ได้แก่ Guangzhou Julong Bay Civic Center, Radisson Collection Resort Hotel และ Zhuji Historical Memorial Hall รวมถึง พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งพระราชวังต้องห้ามเป็นอาคารสถาปัตยกรรมจีนที่ได้รับคะแนนสูงสุดใน Trip Advisor

2. ไทย - หนึ่งในประเทศในเอเชียที่มีสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด Trip Advisor มีสถานที่ติดอันดับยอดนิยมหลายแห่งในประเทศ เช่น บ้านจิม ทอมป์สัน และปราสาทสัจธรรม นอกจากนี้ พัทยา ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 7 ของ Trip Advisor ในปี 2567

3. ญี่ปุ่น - ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2024 สถาปนิกชาวญี่ปุ่นได้รับรางวัล Pritzker Prize เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ โตเกียวยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมประจำปี 2024 ใน Trip Advisor เมืองนี้ยังติดอันดับจุดหมายปลายทางด้านวัฒนธรรมสิบอันดับแรกที่จัดอันดับโดยบริษัทในญี่ปุ่น

4. มาเลเซีย - ตึกแฝดปิโตรนาสในกัวลาลัมเปอร์ มีรีวิวมากกว่า 30,000 รายการใน Trip Advisor

5. อินเดีย - ทัชมาฮาลในอินเดียเป็นหนึ่งในอาคารทางสถาปัตยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาคารสถาปัตยกรรมอันดับหนึ่งในเอเชียโดย Trip Advisor จากรีวิวและการให้คะแนน

6. ฮ่องกง - Trip Advisor ให้คะแนนพระใหญ่เทียนถาน เป็นอาคารทางสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดอันดับที่ 6 ในเอเชีย จัดอันดับตามรีวิวของนักท่องเที่ยว และยังได้รับรางวัล Travellers Choice Award ในปี 2023 อีกด้วย

7. มาเก๊า - สถาปัตยกรรมของมาเก๊าได้รับอิทธิพลจากจีนและโปรตุเกส สถานที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น ซากโบสถ์เซนต์ปอล มาเก๊าทาวเวอร์ และแกรนด์ลิสบัว

8. เวียดนาม - ได้รับการกล่าวถึงหลายครั้งในงานประกาศรางวัลสถาปัตยกรรมนานาชาติประจำปี 2023 สถานที่ชนะเลิศ ได้แก่ บ้านชุมชน Calm Casamia พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา Bat Trang และโรงเรียน Lung Vai

9. เกาหลีใต้ - เป็นจุดหมายปลายทางมาแรงดันอับสองของ Trip Advisor ในปี 2024 สถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกกล่าวถึง ได้แก่ หอคอย N Seoul พิพิธภัณฑ์พระราชวังเคียงบกกุง และพระราชวังชังด็อกกุง ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

10. ไต้หวัน - มีตึกที่โดดเด่นคือ ตึกไทเป 101 ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในไต้หวัน ได้รับรางวัล Travellers' Choice Award จาก Trip Advisor ในปี 2023

‘จีน’ ส่ง ‘ฉางเอ๋อ 6’ ยานอวกาศไร้ลูกเรือ ลงจอดบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ได้สำเร็จ ชี้!! นี่คือภารกิจครั้งสำคัญ เพื่อเก็บ ‘หิน-ดิน’ จาก ‘ซีกมืดของดวงจันทร์’ เป็นครั้งแรก

(3 มิ.ย.67) จีนนำยานอวกาศไร้ลูกเรือลงจอดบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ได้สำเร็จในวันอาทิตย์ (2 มิ.ย.) ก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญในภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขา สำหรับเก็บตัวอย่างหินและดินจากซีกมืดของดวงจันทร์กลับมายังโลกเป็นครั้งแรก

การลงจอดครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับสถานะมหาอำนาจด้านอวกาศของจีนขึ้นไปอีกขั้น ในความพยายามของโลกในการมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ ในขณะที่ประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐฯ หวังว่าการสำรวจแร่ต่างๆ บนดวงจันทร์จะสนับสนุนภารกิจของมนุษย์อวกาศในระยะยาวและจัดตั้งฐานบนดวงจันทร์ภายในทศวรรษหน้า

ยานฉางเอ๋อ 6 ของจีน ติดตั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ และแท่นปล่อยตัวเองลงแตะพื้นในแอ่งขั้วใต้-เอตเคน (South Pole-Aitken Basin) ตอนเวลา 6.23 น.(ตามเวลาปักกิ่ง) จากข้อมูลของสำนักงานอวกาศแห่งชาติจีน

ภารกิจที่ประสบความสำเร็จนี้ถือเป็นภารกิจครั้งที่ 2 ของจีนในบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ ดินแดนที่ยังไม่มีประเทศอื่นๆ ไปถึง ด้านนี้ของดวงจันทร์หันหน้าหนีโลกอยู่ตลอด มันเต็มไปด้วยแอ่งลึกและมืดมิด ทำให้การสื่อสารและปฏิบัติการลงจอดหุ่นยนต์เจองานท้าทายกว่าเดิม

ยานสำรวจฉางเอ๋อ 6 ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศโดยจรวดลองมาร์ช 5 ของจีนเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมเหวินฉาง บนเกาะไห่หนาน ทางใต้ของประเทศ มันเข้าบริเวณใกล้เคียงกับดวงจันทร์ในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ก่อนกระชับวงโคจรเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เพื่อเตรียมการลงจอด

ฉางเอ๋อ 6 ถือเป็นยานอวกาศลำที่ 3 ของโลกที่ลงจอดบนดวงจันทร์ในปีนี้ เริ่มจากยานแลนเดอร์ SLIM ของญี่ปุ่นในเดือนมกราคม ตามด้วยยานแลนเดอร์ของ Intuitive Machines บริษัทสตาร์ปอัปสัญชาติสหรัฐฯ ในเดือนต่อมา

จนถึงตอนนี้สหรัฐฯ ยังเป็นชาติเดียวของโลกที่ส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบบนดาวจันทร์ในปี 1969

ด้วยการตักและขุดเจาะ ยานฉางเอ๋อ 6 จะมีเป้าหมายเก็บรวมรวบวัตถุดวงจันทร์น้ำหนัก 2 กิโลกรัม ในระยะเวลา 2 วัน และนำมันกลับมายังโลก

ตัวอย่างเหล่านี้จะถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตัวบูทเตอร์จรวดที่อยู่ด้านบนสุดของยานแลนเดอร์ ที่จะถูกปล่อยกลับสู่อวกาศ และประกอบร่างเข้ากับยานอวกาศอีกลำในวงโคจรของดวงจันทร์ และเดินทางกลับโลก ทั้งนี้คาดหมายว่ามันจะกลับสู่โลก ลงจอดแถวๆ ภูมิภาคเขตปกครองตนเองมองโกเลียในของจีน ประมาณวันที่ 25 มิถุนายน

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ภารกิจนี้จะมอบร่องรอยสำคัญแก่จีน ในประวัติศาสตร์ 4,500 ปีของดาวจันทร์ และให้เงื่อนงำใหม่ๆ เกี่ยวกับรูปแบบระบบสุริยะ และเปิดทางสำหรับการเปรียบเทียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างด้านมืด ภูมิภาคที่ยังไม่เคยมีการสำรวจ กับด้านที่หันหน้ามายังโลกของดวงจันทร์

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่จีนเริ่มภารกิจเก็บตัวอย่างจากดวงจันทร์ในปี 2020 โดยครั้งแรกยานฉางเอ๋อ-5 นำวัตถุหนัก 1.7 กิโลกรัมกลับมาจากพื้นที่ที่เรียกว่า มหาสมุทรแห่งพายุ (Oceanus Procellarum) ซึ่งอยู่บนด้านใกล้ของดวงจันทร์ซึ่งเผชิญหน้ากับโลกตลอดเวลา

จีนกำลังวางแผนภารกิจยานอวกาศไร้คนขับอีก 3 ภารกิจในทศวรรษนี้ เนื่องจากจีนกำลังค้นหาน้ำบนดวงจันทร์ และสืบเสาะการตั้งฐานถาวรที่นั่น

ยุทธศาสตร์ที่กว้างขวางของรัฐบาลจีน ตั้งเป้าที่จะเห็นนักบินอวกาศจีนเดินบนดวงจันทร์ภายในปี 2030 ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ตั้งเป้าจะนำนักบินอวกาศกลับไปเหยียบดวงจันทร์เช่นกัน โดยนาซาตั้งเป้าที่จะเปิดตัวภารกิจชื่อว่า อาร์เทมิส 3 (Artemis 3) ภายในปี 2026

‘นักท่องเที่ยว’ หอบลูกหลาน เดินช้อป ‘ตลาดไนท์บาซ่า’  สร้างความคึกคักให้ ‘เบตง’ ในช่วงปิดภาคเรียนของ ‘มาเลเซีย’

(3 มิ.ย.67) บรรยากาศที่ด่านพรมแดนอำเภอเบตง จ.ยะลา คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่พาบุตรหลานเข้ามาท่องเที่ยวช่วงปิดภาคเรียนทำให้บรรยากาศในตัวเมืองเบตงคึกคัก สถานประกอบการร้านค้า ตลอดจน ตลาดไนท์บาซ่าเบตง ซึ่งเป็นตลาดถนนคนเดินในยามค่ำคืนของเมืองเบตงในช่วงวันหยุดปิดภาคเรียนและช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย พาบุตร หลาน เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากโรงเรียนในประเทศมาเลเซียปิดกลางภาคเรียน  1 สัปดาห์ 

โดยชาวมาเลเซียจะพาครอบครัวมาพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวอำเภอเบตง เดินชอปปิ้ง ตามร้านค้า ร้านสตรีทฟู้ด เลือกซื้ออาหารไทย ขนมพื้นบ้าน อาทิ ยำทะเล ข้าวเหนียวไก่ทอด โรตีนมน้ำตาล ขนมรางไข่ หมึกย่าง เนื้อย่าง ลูกชิ้น ข้าวเหนียวมะม่วง  ข้าวยำ ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยว น้ำชา กาแฟ  เป็นต้น  ต่างมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาอุดหนุนกันอย่างเนือง เพราะรสชาติของอาหารพื้นถิ่นที่มีความอร่อยเมื่อเดินทางกลับมาไม่พลาดที่จะมากิน เที่ยว ที่เบตง

นายพงศกร  ขุนทองผล พ่อค้าขนมในตลาดไนท์บาซ่าเบตง กล่าวว่า ในช่วงปิดเทอมของโรงเรียนในประเทศมาเลเซีย บรรดาผู้ปกครอง ต่างนำบุตรหลาน มาเที่ยว ชิม ช้อป ที่ตลาดไนท์บาซ่าเบตงทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก  ทำให้พ่อค้า แม่ค้า มีรายได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจในพื้นที่ก็ดีขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียออกมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์วันศุกร์เสาร์และวันอาทิตย์ จะจัดทัวร์เข้ามาเพียง 3 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียสามารถมาท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก โดยมาจับจ่ายซื้อของทั้งของกินและของฝาก ทำให้ในช่วงนี้เศรษฐกิจในอำเภอเบตง จังหวัดยะลาดีขึ้นตามลำดับคาดในแต่ละสัปดาห์มีเงินสะพัดในอำเภอเบตงกว่า 10 ล้านบาท

‘สสว.’ เผย ผลสำรวจความคิดเห็นของ SME ต่อ ‘โครงการเงินดิจิทัล’ มีลดน้อยลง ชี้!! มีความกังวลต่อ ‘เงื่อนไขการใช้สิทธิ-การเบิกจ่ายเงิน-กลัวโดนภาษีย้อนหลัง’

(3 มิ.ย.67) นางสาวปณิตา  ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการ SME ที่มีต่อนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยการสำรวจดังกล่าวเป็นการสำรวจครั้งที่ 2 หลังจากการสำรวจครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2566 เพื่อเจาะลึกความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME สำหรับความพร้อมและความสนใจเข้าร่วมโครงการ รวมถึงแผนการใช้จ่ายเงินดิจิทัล โดยการสำรวจครั้งนี้เป็นการสอบถามจากผู้ประกอบการ SME จำนวน 2,704 ราย ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 19 – 30 เมษายน 2567 พบว่า สัดส่วนความสนใจในการเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการ SME อยู่ที่ร้อยละ 75.2 ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่มีสัดส่วนความสนใจในการเข้าร่วมมากถึงร้อยละ 82.9 มีสาเหตุมาจากความกังวลเรื่องการใช้สิทธิและการเบิกจ่ายเงิน เงื่อนไขของโครงการที่ให้ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่สามารถเข้าร่วมได้ ทำให้ธุรกิจรายเล็กมีความกังวลต่อยอดผู้ที่จะมาใช้บริการ และบางกลุ่มธุรกิจประเมินว่าธุรกิจของตนไม่เหมาะกับโครงการ รวมถึงการขาดความพร้อมด้านอุปกรณ์/เครื่องมือหรือทักษะความรู้ในการใช้งาน Super App

สำหรับแผนการใช้จ่ายเงินดิจิทัลของผู้ประกอบการ SME พบว่า ผู้ประกอบการ SME มีแผนการใช้จ่ายเงินปรับเปลี่ยนไปเมื่อเทียบจากผลสำรวจครั้งก่อน โดยผู้ประกอบการ SME ร้อยละ 77 ประเมินว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายในหมวดสินค้าในชีวิตประจำวัน ร้อยละ 22.7 มีแผนนำเงินไปลงทุนต่อยอดทางธุรกิจ ขณะที่ผลสำรวจครั้งก่อนพบว่า ผู้ประกอบการ SME จะนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ร้อยละ 69.6 และร้อยละ 30.4 จะนำไปลงทุนในธุรกิจ นอกจากนี้เงื่อนไขของโครงการที่กำหนดว่าต้องใช้ในร้านค้าขนาดเล็กก่อน 2 รอบ ถึงเบิกเป็นเงินสดได้ ผลสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการ SME ร้อยละ 54.4 ที่สนใจเข้าร่วมโครงการมีแผนการนำเงินดิจิทัลไปใช้จ่ายสินค้าในครัวเรือนมากที่สุดสำหรับการใช้จ่ายเงินรอบที่ 1 แต่สำหรับการใช้จ่ายครั้งที่ 2 ผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ต้องการเบิกถอนเป็นเงินสดออกมาเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและนำเงินไปต่อยอดในการทำธุรกิจ

นอกจากนี้ ในการสำรวจได้ให้ผู้ประกอบการ SME ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ประเมินแนวโน้มด้านยอดขายและ/หรือบริการของตนจากการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งผู้ประกอบการ SME ประเมินว่า ธุรกิจของตนจะมียอดขายและ/หรือบริการเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 21 – 40 ตลอดระยะเวลาจนสิ้นสุดโครงการ เพราะคาดการณ์ว่าผู้ที่มีสิทธิจะทยอยใช้งานอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ผู้ประกอบการ SME เคยประเมินว่าธุรกิจของตนจะมียอดขายและ/หรือบริการเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 จากการเข้าร่วมโครงการและระยะเวลาที่ยอดขายและ/หรือบริการเพิ่มขึ้นน่าจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจระบุว่า ผู้ประกอบการ SME ยังคงมีความกังวลในด้านระบบและขั้นตอนรองรับ รวมถึงเสถียรภาพของการใช้งานในแอปพลิเคชั่นใหม่มากที่สุด รองลงมาคือ เงื่อนไขและการใช้สิทธิ เนื่องจากกลุ่มธุรกิจรายเล็กและธุรกิจขนาดย่อม กังวลว่าไม่มีร้านค้าที่ตรงตามความต้องการในพื้นที่ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ไปใช้จ่ายร้านสะดวกซื้อรายย่อย เช่น 7-11 สำหรับด้านอื่น ๆ คือ การกลัวโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ในด้านข้อเสนอแนะ ผู้ประกอบการ SME ต้องการให้มีการปรับรูปแบบการเบิกจ่ายเป็นเงินสดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจของตนเอง เช่น กลุ่มธุรกิจร้านอาหารที่ต้องการหมุนเงินแบบวันต่อวัน เป็นต้น รองลงมาคืออยากให้มีการใช้สิทธิในแอปเป๋าตังเหมือนเดิม เนื่องจากมีความกังวลต่อการเรียนรู้การใช้งาน Super App ของโครงการ และผู้ประกอบการ SME ยังเสนอให้ลดเงื่อนไขในการจำกัดพื้นที่การใช้งาน ให้สามารถใช้งานได้ทั่วประเทศ เนื่องจากผู้ประกอบการ SME ต้องการความหลากหลายของสินค้าที่ให้บริการ จึงมีความต้องการซื้อสินค้า/วัตถุดิบทั้งจากตลาด/ร้านค้าภายในและนอกอำเภอ 

‘มาดามแป้ง’ เผย ‘นักเตะทีมชาติไทย’ ไร้ปัญหาการปรับตัวที่ ‘จีน’ ดูแลอย่างดี!! ‘ที่พัก-อาหาร-การเดินทาง’ เพื่อพร้อมลุยบอลโลก

(3 มิ.ย.67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่าในส่วนของเรื่องนอกสนาม ทีมชาติไทย มีความพร้อมเต็มที่ โดยไม่มีปัญหาต้องปรับตัวที่ประเทศจีน ทั้งในแง่สภาพอากาศ และ อาหารการกิน เพราะมีเชฟคนไทยคอยประจำทุกวัน ก่อนเกมสำคัญ เตรียมพบกับ ทีมชาติจีน ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 5

มาดามแป้ง นายกสมาคมฯ มีนโยบายให้ความสำคัญเรื่องนอกสนามเต็มที่ โดยก่อนหน้านี้ ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทีมชาติ เดินทางมาตรวจเช็คความพร้อม ที่พัก , สนามซ้อม และ สนามแข่งขัน ล่วงหน้า ส่วนการบินมาที่ เมืองเสิ่นหยาง ครั้งนี้ ยังได้ประสานกับทาง TOA ช่วยอำนวยความสะดวก เดินทางแบบเช่าเหมาลำ ทั้งไปและกลับด้วย

มาดามแป้ง กล่าวว่า เรื่องนอกสนาม เป็นสิ่งที่ พูดอยู่เสมอว่าเราให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะเชื่อว่าถ้านอกสนามเราพร้อมเต็มที่ ก็จะส่งผลดีต่อฟอร์มการเล่นในสนาม และ ช่วยให้ทีมโค้ชอิชิอิ เค้นศักยภาพ และ ทำงานร่วมกับนักเตะได้ง่ายขึ้น
 
“ทีมชาติไทย เดินทางถึงเมืองเสิ่นหยาง เป็นที่เรียบร้อย ในฐานะนายกสมาคมฯ ต้องขอบคุณ TOA อีกครั้ง ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ ส่วนในแง่การปรับตัวด้านอื่น ๆ เท่าที่ แป้ง พูดคุยกับโค้ชอิชิอิ ก็ไม่มีปัญหา เพราะสภาพอากาศ ไม่ต่างจากที่ไทย , เวลาต่างกันแค่ 1 ชั่วโมง และ สนามซ้อมก็อยู่ในสภาพที่ดี รวมถึง ที่พัก ก็มีเชฟไทยคอยประจำทุกวัน ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเราส่งเจ้าหน้าที่ มาเช็คล่วงหน้า ยืนยันว่าทุกคนแฮปปี้ กินอิ่มหลับนอนได้เต็มที่ ก่อนเกมสำคัญ ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้“ มาดามแป้ง กล่าวปิดท้าย

สำหรับ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ มีโปรแกรมต้องทำการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 5 พบกับ ทีมชาติจีน ที่ เสิ่นหยาง โอลิมปิก เซ็นเตอร์ สเตเดียม ประเทศจีน วันที่ 6 มิถุนายน 2567 เวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ต่อด้วยเปิดบ้านพบกับทีมชาติสิงคโปร์ ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 11 มิถุนายน เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสด ไทยรัฐ ทีวี ทั้งสองนัด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top