Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุม สั่งจัดการสถานบริการผิดกฏหมาย 5 แห่ง ‘เมรีอาบอบนวด’ ในตำนานโดนด้วย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มี.ค. 67 ที่ห้องประชุม เผ่า ศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 8 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป5) (สส3) ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับสถานบริการและการใช้อำนาจสั่งปิดสถานประกอบการที่กระทำผิดกฎหมาย ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 50 ลงวันที่ 15 มี.ค.2502 ครั้งที่ 1/2567 โดยมี พล.ต.ต.คมสัน สุขมาก รอง ผบช.กมค. พร้อมด้วยผู้แทนจาก สยศ.ตร., จตร., บช.น., ผอ., กม., คด.,คพ. เข้าร่วมประชุมฯ

พล.ต.ท.อัคราเดชฯ ผู้ช่วย ผล.ตร. กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ มีการพิจารณาสั่งปิดสถานบริการและสถานประกอบการ จำนวน 5 ร้าน ประกอบด้วย ร้านเมรีอาบอบนวด พื้นที่ สน.มักกะสัน บก.น.1, ร้าน เจีย เล่อ ฮว่า เหยิน จั้ว เล่ยปุ้ (แกแลคซี่) พื้นที่ สน.บางโพงพาง บก.น.5, ร้านลาบเป็ดยโส เจ้นิ่ม พื้นที่ สน.ปทุมวัน บก.น.6, ร้านตุ๊กตาคาราโอเกะ พื้นที่ สน.บางมด บก.น.8 และร้านรีวิว 80 คาราโอเกะ พื้นที่ สน.บางบอน บก.น.9 

‘สธ.’ เตือน!! ‘คนเลี้ยงนก’ เฝ้าระวัง ‘ไข้นกแก้ว’ หลังยุโรประบาดหนัก ชี้ ติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ทำให้ปอดอักเสบรุนแรง

(8 มี.ค. 67) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพบการระบาดของโรคซิตตาโคซิส หรือ โรคไข้นกแก้ว ในหลายประเทศแถบยุโรป มีผู้เสียชีวิต 5 ราย โดยพบเชื้อในนก สัตว์ปีกในป่า และสัตว์เลี้ยงหลายชนิด ว่า โรคไข้นกแก้ว (Psittacosis) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พบได้ยาก แต่ไม่ใช่โรคติดต่ออุบัติใหม่ และมียาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาได้ เชื้อโรคนี้มักจะก่อโรคในนกที่เป็นสัตว์เลี้ยง เช่น นกแก้ว เป็นต้น

ในอดีตเคยมีการระบาดในนกแก้วในหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ คอสตาริกา ออสเตรเลีย ส่วนในประเทศไทยเคยมีการรายงานจากการวิจัยสำรวจในสัตว์ปีก ว่าพบเชื้อแบคทีเรียนี้เช่นกัน

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โรคนี้ไม่แพร่กระจายโดยการกินสัตว์ที่ติดเชื้อ การติดเชื้อในคนส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากนกที่ติดเชื้อ จัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยผ่านทางการหายใจเอาเชื้อที่ขับออกมาจากปัสสาวะ อุจจาระ หรือสิ่งคัดหลั่งที่มีการปนเปื้อนของนกที่ติดเชื้อ

ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และทำให้เกิดอาการปอดอักเสบรุนแรงได้ บางรายอาจมีอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่าพบผู้ป่วยโรคนี้ในระบบเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมควบคุมโรค ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่พบการระบาดหรือการติดเชื้อของโรคดังกล่าว และประสานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมปศุสัตว์ และเครือข่ายมหาวิทยาลัย ซึ่งมีความร่วมมือกันเรื่องสุขภาพหนึ่งเดียว (One health) เพื่อประสานข้อมูล และร่วมมือกันเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์

โดยโรคนี้อยู่ในระบบเฝ้าระวังแบบ Event base surveillance หรือการเฝ้าระวังเหตุการณ์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิดทุกวัน

“กลุ่มเสี่ยงที่ต้องให้ความสำคัญในการเฝ้าระวังการติดเชื้อ ได้แก่ ผู้เลี้ยงนก สัตวแพทย์ หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนก แม้โรคนี้จะยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่สามารถป้องกันเบื้องต้นได้ โดยเลือกซื้อนกเลี้ยงจากร้านขายสัตว์เลี้ยงที่น่าเชื่อถือและมีสุขอนามัยที่ดี

ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันการติดเชื้อในนก เช่น การรักษาความสะอาด ไม่ให้นกอยู่กันอย่างแออัด แยกสัตว์ป่วยออกจากสัตว์ปกติ เป็นต้น ส่วนประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงใกล้ชิดกับสัตว์ป่วย

หากจำเป็นต้องสัมผัสต้องป้องกันตนเอง สวมถุงมือ และหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ บุคลากรที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดกับนก ต้องหมั่นคอยสังเกตอาการตนเองและอาการของสัตว์อยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์และแจ้งประวัติเสี่ยง” นพ.ชลน่าน กล่าว

‘อ.ไชยันต์’ กล่าวถึง ‘ศ.ดร.สมบัติ จันทรวงศ์’ คนแรกที่สะดุดตา ปม ‘ผู้สำเร็จราชการฯ’

จากจุดเริ่มต้นในการทำวิจัยเรื่อง ‘การเมืองในรัชสมัย ร.9’ เพื่อบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วง 70 ปีแห่งการครองราชย์ ทำให้ อาจารย์ไชยันต์ กับ คณะต้องสำรวจวรรณกรรมเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เมื่อปี 2560 ณ ห้อง 102 อาคาร 2 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ถูกใช้เป็นประชุม-อ่านหนังสือของ 3 นักวิจัย ประกอบด้วย ศ.ดร.ไชยันต์, ศ.ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ และ รศ.ดร.ศุภมิตร ปิติพัฒน์ รวมถึงผู้ช่วยวิจัย

ในระหว่างที่นั่งอ่านหนังสือด้วยกัน ศาสตราจารย์ผู้มีอาวุโสสูงสุดด้วยวัย 70 ปีเศษ ต้องสะดุดตา-สะดุดใจกับข้อความ 6 บรรทัดที่ปรากฏในหน้า 124 ของหนังสือ ‘ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ’ เขียนโดย ผศ.ดร. ณัฐพล ใจจริง (สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน, 2556)

ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า…

“ผู้สำเร็จราชการฯ ได้เสด็จเข้ามานั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ประหนึ่งกษัตริย์เป็นประธานประชุมคณะเสนาบดีในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์...”

ศ.ดร.ไชยันต์ กล่าวในครั้งนั้นว่า “อาจารย์สมบัติเป็นคนปิ๊ง ท่านก็สงสัย มันไม่น่า ในฐานะที่ท่านอายุเยอะ ท่านไม่เคยได้ยิน พอไม่เคยได้ยิน ผมก็เลยมีหน้าที่ต้องรับไปสืบค้น” 

และจากวันนั้นถึงวันนี้ก็นำมาสู่ปฏิบัติการพิสูจน์ความจริง-สืบสาวความผิดพลาด ดังที่ปรากฏเป็นข่าวตามหน้าสื่อในปัจจุบัน

เครือข่ายผู้ใช้ฯ เข้าให้ข้อมูลคณะกรรมาธิการวิสามัญบุหรี่ไฟฟ้า เผยบทลงโทษรุนแรงกว่าเสพยาบ้า

หนุนรัฐมนตรี 'พวงเพ็ชร' ปกป้องเด็กและเยาวชน เสนอแนวทางบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพจผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “มนุษย์ควัน” เข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมยกกรณี อย.สหรัฐฯอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อนและบุหรี่ไฟฟ้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย เผยบทลงโทษจากการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อนรุนแรงกว่าการเสพยาบ้า ทั้งที่ในกว่า 87 ประเทศทั่วโลกให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย

นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ 'มนุษย์ควัน' ที่มีผู้ติดตามกว่า 20,000 ราย รวมทั้งเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้เข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญบุหรี่ไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร พร้อมเสนอข้อมูลผลวิจัยและการศึกษาจากหน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำ เช่น องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์อังกฤษ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา “หน่วยงานสาธารณสุขของหลายประเทศทั่วโลกต่างชี้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อนมีระดับสารพิษที่เป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายังได้ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้านั้นมีศักยภาพที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สูบบุหรี่หากนำมาทดแทนบุหรี่มวน ข้อมูลเหล่านี้คนไทยไม่เคยได้ทราบเลย แถมมีโทษรุนแรงกว่าเสพยาบ้า” นายสาริษฏ์กล่าว

“องค์การอนามัยโลกไม่ได้บังคับให้ทุกประเทศแบนบุหรี่ไฟฟ้า แต่ให้แต่ละประเทศเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศนั้นๆ ขณะนี้กว่า 87 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และนิวซีแลนด์ ล้วนอนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อนถูกกฎหมาย ส่งผลให้ปัญหาในเรื่องของตลาดใต้ดินลดลง และตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนที่ลดลงในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอย.สหรัฐนั้นเข้มงวดเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้แบนเบ็ดเสร็จ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้เข้าถึงและสามารถปกป้องเด็กและเยาวชนไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อน ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากเด็กและเยาวชนเท่าใดนัก”

“ผมเห็นด้วยกับท่านรัฐมนตรีพวงเพ็ชรฯ ที่ประสานกับกระทรวงดีอีเอสเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้า แต่การแบนนั้นไม่สามารถทำได้จริง หากจะปิดร้านออนไลน์ 1,300 ร้านค้า วันรุ่งขึ้นก็จะมีการเปิดเพจออนไลน์ใหม่วนไปไม่รู้จบ ผมจึงขอเสนอให้ศึกษาแนวทางของอีก 87 ประเทศทั่วโลกที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ขณะที่ 30 กว่าประเทศ เช่น สิงคโปร์ อินเดีย ออสเตรเลีย รวมถึงไทยที่แบนบุหรี่ไฟฟ้ามายาวนานกว่า 10 ปีนั้นล้วนเจอกับประเด็นปัญหามากมาย เช่นการลักลอบซื้อขายและนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า การเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือการสูญเสียรายได้ภาษีของรัฐบาล หากจะแบนต่อไปก็คงไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ดีขึ้นอีกแล้วเพราะมีผู้ใช้เกือบ 1 ล้านคนในปัจจุบัน”

นายสาริษฏ์ได้ให้ความเห็นทิ้งท้ายว่า “ผู้สูบบุหรี่ไทยกว่า 10 ล้านคนกำลังคาดหวังกับคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่กำลังดำเนินการศึกษาเรื่องการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อน เราหวังว่าจะได้เห็นกฎหมายการควบคุมยาสูบของไทยที่ใช้ผลวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้ง มีความเป็นสากล และหาจุดสมดุลให้ได้บนความเป็นจริงในสังคมปัจจุบัน”

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.นครนายก และกลุ่มไทยสมายล์ ลงพื้นที่ เติมกำลังใจ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

วันที่ 7 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.นครนายก พร้อมทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ และ รายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ ต.พรหมณี อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.นครนายก  ทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ และ รายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ประกอบไปด้วย รถเข็นวีลแชร์ 2คันซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานจาก นางสาวทิพวรรณ ธงศรี จัดหางานจังหวัดนครนายก จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายสน ฉิมพลี (อายุ 80 ปี) อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ที่ 17 และ น.ส.ชัยชนะ บุญมาถึง (อายุ 78 ปี) อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 63/2 หมู่ที่ 15 ซึ่งทั้งสองราย เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ 

เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวย
ความสะดวกเป็นลำดับแรก

‘มัธยมวัดธาตุทอง’ สุ่มสอบปากเปล่าเด็กด้วย ‘คีย์เวิร์ด’ พบคำ ‘112-ขบวนเสด็จ’ และหลากคำคุ้นจากกลุ่มการเมือง

(8 มี.ค. 67) หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นครู สอนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า…

‘การศึกษา’ คือ อาวุธที่ทรงพลังที่สุด ที่เราจะนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงโลก

- เนลสัน แมนเดลา -
“ห้องเรียนต้องสนุกเป็นพื้นที่ถกเถียงทางวิชาการ”
“ครู ต้องเป็นผู้สนับสนุนให้นักเรียน กล้าคิด พูด ทำ”
“อภิปราย โต้แย้ง ด้วยเหตุผล หลักฐาน และข้อเท็จจริง”
“ช่วยกันทำให้ ‘สังคมศึกษา’ ไม่เป็นวิชาที่น่าเบื่ออีกต่อไป”
“ขอให้พี่ ม.6 โชคดี”

พร้อมกับแนบภาพ ‘ข้อสอบปลายภาค’ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชาสาระร่วมสมัย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีคำชี้แจงเบื้องต้น เช่น…

1. ข้อสอบฉบับนี้เป็นข้อสอบพูดปากเปล่า ในรูปแบบคีย์เวิร์ด มีจำนวนทั้งสิ้น 50 
2. นักเรียนจะเป็นผู้สุ่มเลือกข้อสอบเอง (โดยการจับฉลาก) นักเรียนมีเวลาอธิบายคีย์เวิร์ดที่จับฉลากได้ 3 นาที และหลังจากพูดจบ จะมีคำถามจากครูผู้สอน 2 คำถาม และมีเวลาในการตอบอีก 2 นาที
3. คีย์เวิร์ด จะมีความเกี่ยวข้องกับข่าวสาร ข้อมูล เหตุการณ์ที่เป็นประเด็นในประเทศไทย ในสังคมโลก ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2565-2566 และเป็นเรื่องรางที่ครอบคลุมเกี่ยวกับทุกสาระการเรียนรู้ในวิชาสังคมศึกษา
4. ครูผู้สอนจะแจ้งข้อสอบในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2567 เวลา 09.00 น.และ สอบวันที่ 11-12 มีนาคม พ.ศ.2567 เวลา 9.00 - 15.00 น. นักเรียนจะเลือกมาสอบวันไหนเวลาไหนก็ได้ตามลำดับคิว และ นักเรียนมีโอกาส 2 รอบในการตอบคำถาม
5. กรุณาแต่งกายและปฏิบัติตนตามระเบียบเครื่องแต่งกายและทรงผมโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง (ชุดนักเรียน)

ทั้งนี้ จะพบคีย์เวิร์ด ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากมาย เพียงแต่คำเหล่านั้น ก็ถูกโลกโซเชียลตั้งข้อสังเกตว่า คำต่างๆ ที่ทางโรงเรียนนำมาใช้นั้น ทำไมช่างเหมือนกับเป็นการรวมคีย์เวิร์ดของ ‘คณะก้าวหน้า’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ มาไว้ในที่เดียว

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคำถามถึงอาจารย์ผู้สอน วิชาสาระร่วมสมัย ว่ามีความรู้ ‘จริง’ แค่ไหนกับสถานการณ์ที่จะถูกอธิบายจากเด็กผ่านคีย์เวิร์ดต่างๆ แล้วการสอบจะมีการเอนเอียงหรือชี้นำด้วยหรือไม่ อย่างไร เช่นเดียวกันหากคำตอบถ้าไม่ตรงใจผู้สอน จะผ่านหรือไม่ผ่านหรือไม่ โดยคีย์เวิร์ดที่ว่า ประกอบไปด้วย...

- ลี้ภัยทางการเมือง
- เสรีทรงผม
- เสรีเครื่องแบบนักเรียน
- ทลายทุนผูกขาด
- Al คือ ภัยคุกคาม
- นิติสงคราม
- การบังคับบุคคลสูญหาย
- Stop Teen Mom
- ไม่นับถือศาสนา
- ค่าแรงขั้นต่ำ
- คนเท่ากัน หรือ คนไม่เท่ากัน
- ประชาธิปไตยแบบไทยไทย
- อำนาจนิยมในโรงเรียน
- Digital Wallet
- สังคมไร้เงินสด
- สถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย
- Content Creator
- วิกฤติภูมีอากาศ
- Digital Footprint
- เสียงของประชาชน
- การเมืองเป็นเรื่องของใคร
- Digital Wallet
- สถานศึกษาปลอดภัย
- ขบวนเสด็จ
- การสมรสเท่าเทียม
- กัญชาเสรี
- นักเรียน หรือ นักเลง
- สุราเสรี
- อิสราเอล vs ปาเลสไตน์
- มิจฉาชีพยุคดิจิทัล
- ภาวะสมองไหล
- ยูเครน vs รัสเซีย
- Fast Fashion
- ความกดดันของคน Gen Z
- พุทธพาณิชย์
- เกมสร้างพฤติกรรมรุนแรง ?
- Soft Power
- เมืองโบราณศรีเทพ
- PM 2.5 ฝุ่นพิษ ข้ามพรมแดน
- Social Bullying
- Mental Health
- กู้ยืมเพื่อการศึกษา ทำไมการศึกษาต้องเป็นหนี้
- พลเมืองโลก
- โลกหลายใบ
- มีลูกเมื่อพร้อม
- สิทธิมนุษยชนผู้ต้องขัง
- คุกมีไว้ขังคนจน
- ประเทศโลกที่สาม
- Role Model

ขอนแก่น-เทศบาลนครขอนแก่นปลื้มหลังคัดแยกขยะหอพักพบขยะลด

เทศบาลนครขอนแก่นปลื้ม หลังร่วมโครงการคัดแยกขยะหอพักอพาร์ทเมนต์ร่วมกับชมรมหอพักฯและโครงการสปาร์คยูปลุกเปลี่ยนเมือง พบปริมาณขยะในหอพักลดฯ ประกาศพร้อมลดการจัดเก็บค่าขยะหากหอพักแยกขยะจนเหลือน้อยลง 

ชมรมหอพักอพาร์ทเมนต์ จ.ขอนแก่น ร่วมกับโครงการสปาร์คยู ปลุกเปลี่ยนเมือง และเทศบาลนครขอนแก่นได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปการดำเนินการจัดการคัดแยกขยะในหอพักภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นำร่อง 12 หอพัก เพื่อแยกขยะออกเป็น 4 ประเภทคือ ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป และขยะอันตราย โดยดำเนินการเพื่อเก็บข้อมูลเป็นเวลา 2  เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยมี ผศ.ดร.นิภา มิลินทวิสมัย ประธานโครงการจัดการคัดแยกขยะหอพักฯ เป็นผู้นำเสนอ 

โดยผลการดำเนินการพบว่า  หลังดำเนินโครงการปริมาณขยะทั่วไปลดลงประมาณ 8.4% และสามารถจัดอันดับปริมาณขององค์ประกอบขยะทั่วไปมากที่สุด 5 อันดับได้แก่ ก่อนประชาสัมพันธ์พบขยะอื่นๆ 38% มากกว่าขยะรีไซเคิลไม่ได้ 22% และมากกว่าเศษอาหารที่มีอยู่ 19.2% กระดาษทั่วไป 5% ขยะรีไซเคิลได้มีแค่ 5%

แต่หลังจากประชาสัมพันธ์และจัดโครงการคัดแยกขยะพบว่ามีขยะรีไซเคิลไม่ได้จำนวน 45% ขยะรีไซเคิลได้เพิ่มขึ้นเป็น 18% มีเศษอาหารเพียง  17% กระดาษ 5% และทิชชู่ 4% แสดงให้เห็นว่าขยะทั่วไปของหอพักมีขยะพลาสติกมากที่สุดถึง 60% รองลงมาเป็นเศษอาหาร กระดาษ ซึ่งเกิดจากการซื้ออาหารมาบริโภคเป็นส่วนใหญ่รวมถึงการสั่งพัสดุและสินค้าออนไลน์ 

ส่วนความหนาแน่นของขยะมูลฝอยมีค่าค่อนข้างต่ำก่อนและหลังการประชาสัมพันธ์พบว่ายังมีขยะประเภทพลาสติกมากที่สุดในขณะที่สัดส่วนองค์ประกอบของขยะ 4 ประเภท พบว่ามีปริมาณขยะน้อยลงตามลำดับหลังจากมีการประชาสัมพันธ์ซึ่งปริมาณขยะที่พบ พบว่ามีขยะทั่วไปประมาณ 70-80% ขยะรีไซเคิล 11-21% ขยะอินทรีย์ 7-8% ขยะพิษมีแค่ 1% ซึ่งหากเทียบกับบ้านเรือนทั่วไปจะพบว่าขยะหอพักมีปริมาณขยะอินทรีย์น้อยกว่าขยะทั่วไป ในขณะที่บ้านเรือนที่พักอาศัยจะมีขยะอินทรีย์จำนวนมากกว่าขยะอื่นๆ

ส่วนผลการวิเคราะห์แบบสอบถามความรู้ความเข้าใจพฤติกรรมและทัศนคติต่อการคัดแยกขยะของหอพัก พบว่าพฤติกรรมต่อการลดขยะและคัดแยกส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลางถึงระดับมากส่วนทัศนคติต่อการคัดแยกขยะผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดอยู่ในระดับเห็นด้วย

ในขณะที่ นายทัศนัย ประจวบมอญ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งดูแลการจัดการขยะ บอกว่า จากการร่วมมือกันของโครงการสปาร์คยู กับชมรมหอพักอพาร์ทเมนต์ในการคัดแยกขยะพบว่าเป็นโครงการที่ดีและเป็นครั้งแรกของเทศบาลนครขอนแก่นที่ได้รณรงค์เรื่องคัดแยกขยะกับกลุ่มหอพักอพาร์ทเมนต์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เน้นทำในชุมชน ครัวเรือนเป็นส่วนใหญ่ และผลที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และนับจากนี้หากหอพักไหนมีการคัดแยกขยะได้ดีและมีปริมาณขยะลดลง ทางเทศบาลยินดีที่จะเข้าไปประเมินปริมาณขยะและปรับลดค่าจัดการขยะของหอพักให้เพื่อเป็นการจูงใจให้หอพักอพาร์ทเมนต์หันมาจัดการขยะด้วยการคัดแยกก่อนทิ้ง 

โดยทุกวันนี้เทศบาลนครขอนแก่น ต้องใช้เงินปีละกว่า 100 ล้านบาทในการจัดการขยะ แต่สามารถจัดเก็บค่าจัดการขยะได้เพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น หากทุกครัวเรือน ทุกพื้นที่ช่วยกันคัดแยกขยะออกจากระบบก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะลดลง เพราะขยะที่มีประโยชน์คือขยะรีไซเคิลเอาไปจำหน่ายได้ และขยะอินทรีย์เอาไปทำปุ๋ยและเทศบาลมีโรงงานทำปุ๋ยที่สามารถเอาปุ๋ยไปใช้ประโยชน์ต่อได้ 

และในการประชุมวันนี้ ได้มี อาจารย์นิศราวรรณ ไพบูลย์พรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเครือข่ายและกิจกรรมพิเศษ สำนักงานส่งเสริมอัจริยภาพ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น ได้เข้าร่วมรับฟังและพร้อมเป็นเครือข่ายคัดแยกขยะและจัดการขยะในมหาวิทยาลัยเพื่อร่วมทำให้ขอนแก่นเป็นเมืองน่าอยู่และไร้มลพิษด้วย

‘สาว’ ไม่ทน!! โร่แจ้งความ ‘ลิงลพบุรี’ หลังชิงถุงของกิน แถมเสียหลักล้มจนสะโพก-เข่าหลุด เตือน!! ปชช.ให้ระวัง

(8 มี.ค.67) จากกรณีเพจ ‘จ่าไอซ์ ทัพฟ้า’ โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ลิงลพบุรีสุดท้ายก็เกิดกับครอบครัวผมทั้งที่ระวังสุดๆ แล้ว “ลิงตัวใหญ่กระชากของจากมือจนล้มลงสะโพกกับเข่าน่าจะหลุด” จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์นั้น

ทางผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ น.ส.อริย์กันตา หรืออ้อม กาญจนสินเมธา อายุ 37 ปี ชาวบ้านตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี ที่มาขายของตลาดนัดคนเดินสวนราชานุสรณ์ผู้ที่ถูกลิงทำร้ายช่วงค่ำของวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงหัวค่ำก่อนกลับบ้านได้เดินไปซื้อกับข้าว ขณะที่หิ้วของเดินกลับมาที่รถได้ถูกกระแทกกระชากอย่างแรง แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไรก็มีเสียงร้องโวยวายจากชาวบ้านว่าถูกลิงตัวใหญ่ 2 ตัวเข้ามากระชากถุงของกินกับข้าวและได้ยื้อแย่งของกินจนล้มกระแทกได้รับบาดเจ็บ จนทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้มาช่วยนำส่งโรงพยาบาล

ทางนายประดิษฐ์ เกลี้ยงเกลา อายุ 66 ปี ได้เปิดเผยว่า เห็นลิงลพบุรีมาตั้งแต่เกิดและเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยไล่ลิง เล่าว่าเมื่อก่อนมันไม่เป็นเช่นนี้ลิงน่ารักไม่มากมายขนาดนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด เกิดขึ้นมานานนับไม่ถ้วนแทบทุกวันยิ่งที่มีตลาดนัดคนเดินลิงที่อาศัยอยู่ตามตึกกลางเมืองลพบุรีหลายร้อยตัวจะออกมาจ้องมองตามมุมตึกต่าง ๆ โดยอาศัยจังหวะที่คนเดินถือของกินเพลินๆ ก็จะกรูกันออกมาแย่งชิง จนเป็นเรื่องชินตา ครั้งนี้ก้าวร้าวมากคงเป็นจ่าฝูงตัวใหญ่ 2 กลุ่มที่เข้ามาแย่งกระชากจนน้องล้มบาดเจ็บ ซึ่งตนเองมองว่าคงไม่มีหน่วยงานใดทำให้ลิงลดน้อยถอยลงได้เพราะว่าแม่ลิงบางตัวอุ้มลูกน้อย 2-3 ตัว และก็ผสมพันธุ์กันออกลูกทุกวัน เจ้าหน้าที่ฯ ที่เข้ามาจับกรงใหญ่จับลิงได้แค่เพียง 2-3 ตัวจะไปลดลงได้อย่างไร โดยเรื่องนี้ถึงอดีตนายกรัฐมนตรีมาหลายคนและคนปัจจุบันก็รับปากว่าจะช่วยเหลือก็ได้แต่คอยครับ

ทางวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างข้างจุดเกิดเหตุ เล่าว่า เดี๋ยวนี้ลิงฉลาดมากไม่ได้นั่งดักรอคนตามทาง ตามซอกตึกแล้ว มันจะคอยซุ่มอยู่ใต้ท้องรถยนต์คอยวิ่งแย่งของกินจากทางด้านหลัง ส่วนวันธรรมดาที่ไม่มีตลาดนัดลิงจะอาศัยช่วงตอนเย็นแย่งของกินจากนักเรียนที่เดินอยู่ริมฟุตบาท ทุกวันลิงบริเวณนี้จะลงจากตึกมาหาของกันกินตั้งแต่เช้ามืดจนถึง 8 โมงเช้าแล้ว จะกลับไปหาหลบนอนกันที่ร่มเย็นบนตึกพอเวลาประมาณ 4 โมงเย็นช่วงนักเรียนเลิกเรียนจะออกมาหากินแย่งของกินจากเด็กนักเรียน ชาวบ้าน คนต่างถิ่น ที่จะเป็นอาหารพวกเครื่องดื่มที่เดินถือมาไม่ระวังตัว

ด้านแม่ค้าขายลอตเตอรี่ที่คลุกคลีอยู่กับลิงกลุ่มคนรักลิงลพบุรี เล่าว่า ทำไงได้ลิงเขามาอยู่ลพบุรีก่อนคนเมือง โดยที่ไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบใด ๆ เข้ามาบริหารจัดการดำเนินการแต่เนิ่น ๆ จนลิงแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม จนเกิดปัญหารบกวนชาวบ้านร้านค้า ซึ่งต้องปิดตัวลง ขายกิจการหนีลิงไปหลายราย แต่ตนมองว่าลิงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอย่างหลายคนอ้าง ที่สำคัญคือหลายร้านหมดสัญญาการเช่าตึกต่างหาก จากเจ้าของขอขึ้นค่าเช่าเพราะจุดที่ลิงอยู่จำนวนมากเช่นหน้าปรางค์สามยอดเขาย้ายออกไปเพราะลิงเยอะจริง แต่เจ้าของตึกเจ้าของร้านจะมาขอขึ้นค่าเช่าจากจุดบริเวณนี้จนเขาทนไม่ไหวต่างหาก ไม่ใช่เพราะลิง เป็นเพราะค่าเช่าที่แพงลิ่วเขารับไม่ไหวย้ายหนี จนดูเหมือนเมืองร้างไป และลิงที่ตรงนี้ไม่ได้ก้าวร้าวทุกตัวขายของตรงนี้มานานกว่า 20 ปี ไม่เคยถูกลิงทำร้ายแม้แต่ครั้งเดียวจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้าน น้องอ้อม ผู้บาดเจ็บจากลิงที่เพิ่งเดินทางกลับมาจาก รพ.พระนารายณ์มหาราช  กล่าวว่า ตกใจมากไม่คิดว่าจะเกิดกับตนเอง เพราะระมัดระวังอย่างดี ครอบครัวมาขายเสื้อผ้าตลาดนัดคนเดินแทบทุกนัด ก่อนกลับบ้านเดินไปซื้อของกิน ขนม ส้มตำ เมื่อฝ่าความมืดมาจะถึงรถที่น้องชายจอดรอ ตนเองคล้ายถูกกระแทก กระชาก คิดว่าถูกชิงทรัพย์ แต่ที่ไหนได้ลิงตัวใหญ่ 2 ตัว รุมกระชากของกิน ซึ่งดูมีพละกำลังมากจนตนเองล้มไม่เป็นท่า ก่อนที่หลายคนจะเข้ามาช่วยเหลือ โดยลิงอาศัยจังหวะความเร็วแย่งของกินไปจนหมดทุกห่อ ก่อนที่กู้ภัยฯ จะเข้ามาช่วยเหลือส่ง รพ.

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าต่อไปจะทำอย่างไร และมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง น้องอ้อม น้องไอซ์ ซึ่งเป็นน้องชายและเป็นคนโพสต์ลงโซเชียล กล่าวว่า ต่อก็ต้องระวังตัวกันมากขึ้นทุกคน ความก้าวร้าวของลิงจุดนี้นับวันยิ่งอันตราย อยากจะไปแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐานแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นแจ้งอย่างไรเพราะเขาเป็นลิง ส่วนความรับผิดชอบไม่ต้องพูดถึงไม่รู้ว่าจะไปร้องเรียกเอาผิด เอาความกับใคร จึงอยากจะฝากเตือนพี่น้องประชาชนคนเดินตลาดนัดวันพุธและทุก ๆ วันให้ระมัดระวังการแย่งชิงของกินจากลิง ที่นับวันยิ่งดุร้าย ก้าวร้าวมากขึ้น อาจเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ประกอบกับเขาหิวโซเพราะไม่มีจุดให้อาหาร เขาก็ต้องออกมาหากิน ส่วนตัวเองต้องพักรักษาตัวไปก่อนตามหมอสั่งอีก 15 วัน

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘จ่าไอซ์ ทัพฟ้า’ โพสต์ข้อความระบุว่า “นี่เรามาถึงจุดที่ต้องแจ้งความลิงกันแล้วเหรอเนี่ย โถชีวิต”

รมว.แรงงาน“พิพัฒน์”เยือนถิ่นอีสาน นำทัพกระทรวงแรงงานพบชาวศรีษะเกษ เตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงาน ส่งเสริมอาชีพนอกระบบ ลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงาน

วันที่ 8 มีนาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เปิดโครงการ “กระทรวงแรงงานพบประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ” สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กลุ่มนักเรียนอาชีวะ พร้อมมอบใบอนุญาตศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ให้แก่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษณ์ สาขา พนักงานแผนกบริการอาหารและเครื่องดื่มในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ระดับ 1 โดยมี นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุรศักดิ์ พันเจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชัยยงค์ เมธาสุรวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมให้การต้อนรับ ณ วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบปะกับทุกท่านที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ในวันนี้ โดยเฉพาะน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษา และพ่อแม่ผู้ปกครอง กระทรวงแรงงานที่ผมรับผิดชอบดูแลนี้เราทำงานต่อเนื่องเชื่อมโยงกับกระทรวงศึกษาธิการเหมือนต้นน้ำกับปลายน้ำโดยกระทรวงศึกษาธิการผลิตบุคลากรที่มีความรู้และทักษะ ส่วนกระทรวงแรงงานจะต่อยอดทักษะ จัดหาอาชีพตามความต้องการของตลาดแรงงาน และดูแลสวัสดิการให้กับแรงงาน กระทรวงแรงงานมีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือในการผลิตกำลังคนในภาคการศึกษาและภาคแรงงาน หรือ Up - Skill for More Earn เพื่อการมีงานทำรองรับเศรษฐกิจใหม่ และพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกำลังแรงงานรุ่นใหม่ อย่างเช่นการเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนตลาดแรงงานที่สำคัญ เพราะความรู้และทักษะที่น้อง ๆ ได้รับนั้นสามารถนำไปใช้งานได้จริง ช่วยสร้างบุคลากรเฉพาะทางในสายอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ ไม่ว่าจะเป็นช่างเชื่อม ช่างยนต์ ช่างก่อสร้าง บัญชี การตลาด คอมพิวเตอร์ธุรกิจ หรือหากยกระดับต่อไปได้ก็สามารถก้าวไปสู่อาชีพที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมใหม่ หรือ New S-curve เช่น หุ่นยนต์ ดิจิทัล หรือโลจิสติกส์ เป็นต้น

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานกับกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกันทำงานจนเกิดความสำเร็จ เช่น การส่งเสริมการเรียนอาชีวศึกษาแบบทวิภาคีให้สถานประกอบการได้ร่วมออกแบบหลักสูตรและสนับสนุนการเรียนการสอนแบบลงมือทำจริง รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น สำหรับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคตนั้น หากต้องการฝึกทักษะอาชีพ กระทรวงแรงงานมีหลักสูตรฝึกอบรมที่เรียนจบแล้วมีประกาศนียบัตรรับรอง ตัวอย่างหลักสูตรฝึกอาชีพที่ตลาดต้องการอย่างมากในขณะนี้ก็คือ การบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์แห่งนี้ก็มีสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรมอยู่ด้วย โดยผมได้ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานของบประมาณจากรัฐบาลเพื่อมาฝึกอบรมในด้านนี้ให้ได้ 100,000 ราย และป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น พนักงานแคชเชียร์ พนักงานต้อนรับ และเชฟ รวมทั้งยังมีหลักสูตรอื่น ๆ อีกมากมาย 
ซึ่งน้อง ๆ สามารถจะต่อยอดความรู้และทักษะที่ได้รับจากวิทยาลัยเทคนิคนี้ในระดับที่สูงขึ้นได้

“ส่วนใครที่ต้องการฝึกงานในต่างประเทศ กระทรวงแรงงานมีโครงการความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ให้ไปฝึกงาน เช่น งานหล่อแบบ งานกลึงและเชื่อมโลหะ งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ งานแปรรูปอาหาร งานก่อสร้างโครงเหล็ก งานเดินท่อ ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกก็จะได้รับเบี้ยเลี้ยง ค่าจ้าง ค่าอาหารและที่พัก เมื่อฝึกงานจบแล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรรับรอง ทำให้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ง่ายขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากทักษะอาชีพหรือว่า Hard Skills แล้ว เราต้องพัฒนาทักษะ Soft Skills เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การสื่อสาร การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงความพร้อมด้านภาษาและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้เราได้เปรียบคนอื่น และทำให้นายจ้างมั่นใจที่จะจ้างงานเรามากขึ้น” นายพิพัฒน์ กล่าว

จากนั้น นายพิพัฒน์ฯ และคณะ ได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานตามโครงการกระทรวงแรงงานพบประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ อาทิ กิจกรรมนัดพบแรงงาน ซึ่งเป็นการเปิดรับสมัครงานและสัมภาษณ์โดยตรงจากสถานประกอบการชั้นนำ มีตำแหน่งงานว่างมากกว่า 500 อัตรา อาทิ  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด บริษัท สยามโกลบอลเฮาส์ จำกัด (สาขาศรีสะเกษ) บริษัท ชนะชัย ขาเข้าขาออก จำกัด บริษัท โมเดิร์น เอ สตีล จำกัด (สาขากันทรลักษ์)  และบริษัท เอี่ยมศิริแป้งมัน จำกัด การแนะแนวอาชีพ การสาธิตอาชีพอิสระ หลักสูตรหมอพราหมณ์ พิธีผูกข้อต่อแขนเพื่อความสิริมงคล นิทรรศการความปลอดภัยในการทำงาน โดย บริษัท เอี่ยมศิริแป้งมัน จำกัด การรับสมัครผู้ประกันตนรับชำระเงินสมทบประกันสังคมตามมาตรา 40 และการให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 จากสำนักงานประกันสังคม และกิจกรรมทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 3 สาขา ได้แก่ ช่างซ่อมรถยนต์ ช่างไฟฟ้า พนักงานบริการอาหารเครื่องดื่ม จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นอกจากนี้ ยังได้ มอบใบอนุญาตศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน สาขา พนักงานแผนกบริการอาหารและเครื่องดื่มในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ระดับ 1 ด้วย

‘พีระพันธุ์’ เข้ม!! กฟผ. ร้อนนี้ไฟฟ้าห้ามดับ พร้อมรณรงค์ชวนคนไทยร่วมยึดหลัก 5 ป.

8 มี.ค. 67 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ได้มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปี 2567 เมื่อเวลา 19.47 น. ที่ 32,704 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากฤดูร้อนที่เริ่มต้นเร็วกว่าปกติ และคาดว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอุณหภูมิเฉลี่ยอาจจะสูงถึง 45 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้มีการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้เกิด Peak เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เวลา 21.41 น. ที่ 34,826 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตรวจสอบและดูแลระบบการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อมิให้กระทบต่อประชาชนและการดำเนินธุรกิจ

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้เตรียมออกนโยบาย 5 ป. ได้แก่ ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน ปลูก ซึ่งประกอบด้วย…

1. ปิด : การปิดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน
2. ปรับ : ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศา
3. ปลด : ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังการใช้งาน
4. เปลี่ยน : หากมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5
5. ปลูก : ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน

“ผมได้สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เตรียมความพร้อมในการดูแลเรื่องการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในทุกภาคส่วน และจะต้องไม่มีเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเกิดขึ้น

ในปีนี้ คาดว่าอุณหภูมิจะร้อนมากกว่าปีที่แล้ว จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าผ่านนโยบาย 5 ป. เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าลง ซึ่งนอกจากจะสามารถลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าในภาพรวมได้แล้ว ยังสามารถลดค่าไฟฟ้าของประชาชนได้อีกด้วย

และในช่วงหน้าร้อนนี้ ขอเชิญชวนให้ทุกบ้านล้างแอร์ เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ก็จะสามารถลดค่าไฟไปได้อีกทาง” นายพีระพันธุ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top