Friday, 23 May 2025
NewsFeed

‘สุริยะ’ ลั่น!! ‘ถนนเจ็ดชั่วโคตร’ ไม่อยากโทษรัฐบาลไหน ฮึ่ม!! แต่ต้องจบปี 68 หากผู้รับเหมาทำไม่ได้เจอลดเกรด

(1 มี.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีสื่อโซเชียลมีเดียทำคลิปล้อเลียนปมสร้างถนนพระราม 2 ล่าช้า แม้กระทรวงคมนาคมจะประกาศคืนพื้นที่ให้ได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จนมีคำถามว่าจะสามารถคืนได้จริงหรือไม่ ว่า วันนี้จะเชิญผู้รับเหมาก่อนสร้างที่ก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ถนนพระราม 2 ซึ่งตามกำหนดการต้องสร้างเสร็จภายในปี 2568 เพื่อมายืนยันให้เสร็จจริง เพราะขณะนี้มีความล่าช้าไปจากกำหนดการเดิมที่ทางกรมบัญชีกลางได้เลื่อนให้ เพราะติดเรื่องสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 วันนี้คิดว่าต้องมีการพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา และต้องขอความร่วมมือ

“สิ่งนึงที่ผมคิดว่าจะเป็นไม้ตายของกระทรวงคมนาคม คือ เราจะมีสมุดพกที่ดูว่าถ้าเขาทำไม่ได้ตามเป้าหมาย เราจะไปประสานกับกรมบัญชีกลาง ท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดแล้วว่า ถ้าทำไม่ได้ต่อไปจะมีการลดระดับ จากผู้รับเหมาชั้นพิเศษลงมาเป็นผู้รับเหมาชั้นหนึ่ง ทำให้เขาไม่สามารถรับงานใหญ่ๆ ได้ และอีกอย่างอาจมีสิ่งที่รุนแรงกว่านั้น คืออาจจะไม่ให้เขาประมูลในโครงการใหม่ๆ ของกระทรวงคมนาคมเลย” นายสุริยะ ระบุ

รมว.คมนาคม กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 4 มีนาคมนี้ ตนจะลงพื้นที่ไปตรวจสภาพข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องการสร้างให้ตรงเวลา และเรื่องความปลอดภัย ซึ่งในขณะนี้เริ่มมีการยกคานขึ้นไปในที่สูง ตรงนี้ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาควบคุมดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐาน

เมื่อถามว่า ระยะเวลาได้ขยายไปถึงปี 2568 เลยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า “ถูกครับ เพราะเกิดผลกระทบมาจากช่วงโควิด-19 และย้ำว่าปี 2568 เป็นปีสุดท้ายต้องเปิดให้ได้ ส่วนที่ระบุว่าจะคืนพื้นที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ได้นั้น หมายถึงขณะนี้มีการก่อสร้างก็จะต้องไปคืนพื้นที่เพื่อให้เดินทางได้สะดวก”

เมื่อถามย้ำว่า มีโอกาสจะเสร็จเร็วกว่ากำหนดการเดิมหรือไม่ เพราะสร้างมานานแล้ว นายสุริยะ กล่าวว่า ตนคิดว่าถนนพระราม 2 เป็นถนนที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ถนนเจ็ดชั่วโคตร’ แต่ตนคิดว่าเป็นอดีตที่ผ่านมา และไม่อยากจะไปโทษรัฐบาลไหน แต่เมื่อผมเข้ามารับตำแหน่งแล้วปัญหาต่างๆ ที่กำหนดไว้ตามระยะเวลาก็จะต้องทำตามได้ ก่อนปฏิเสธว่าไม่ได้ลงพื้นที่พร้อมนายกรัฐมนตรี เพราะท่านติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ

‘รมว.ปุ้ย’ ปลดล็อก ‘Solar Rooftop’ ช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ฟาก ‘กรมโรงงานฯ’ ขานรับ!! เร่งแปลงเครื่องจักรเป็นเงินทุน

(1 มี.ค.67) นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ขานรับนโยบาย ‘อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน’ ของ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการแก้ไขกฎหมายปลดล็อกให้การติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ไม่เข้าข่ายโรงงานที่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบันมีจำนวนมาก 

กรอ. เตรียมผลักดันให้มีการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนจาก Solar Rooftop ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SMEs โดยผู้ประกอบการสามารถนำ Solar Rooftop เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อ อีกทั้งผู้ประกอบการที่ไม่มีทุนสำหรับติดตั้ง Solar Rooftop สามารถนำโครงการไปขอสินเชื่อสำหรับติดตั้ง Solar Rooftop จากสถาบันทางการเงิน เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โดยในปี 2566 มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนำ Solar Rooftop มาจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร จำนวน 169 ราย เพิ่มขึ้นกว่า 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในปี 2567 คาดว่าจะมีการนำ Solar Rooftop มาจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร เพิ่มขึ้นกว่า 100%

นายจุลพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรอ. ดำเนินโครงการ ‘เร่งรัดการจดทะเบียนเครื่องจักรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม’ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 มีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่ ให้ความรู้ความเข้าใจ และให้คำแนะนำที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ ทั้งในด้านการเพิ่มการผลิต การลดต้นทุนด้านพลังงาน การลดต้นทุนในการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หรือส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้นวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ทั้งในด้านการปรับปรุงเครื่องจักรเดิม หรือการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ทดแทน โดยตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2559 มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 2,998 ราย และมีเครื่องจักรที่ได้รับการตรวจสอบปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนแล้วไม่น้อยกว่า 12,500 เครื่อง

“ผมขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ นำ Solar Rooftop เครื่องจักรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือเครื่องจักรในธุรกิจอื่น อาทิ สวนสนุก ฟาร์ม โรงพยาบาล เป็นต้น มาจดทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด โดยสามารถตรวจสอบรายการเครื่องจักรที่สามารถจดทะเบียนได้ที่ https://www5.diw.go.th/mac/macregist/ หรือสอบถามสำนักงานทะเบียนเครื่องจักรกลาง โทร. 02 430 6317 ต่อ 2600 

นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มช่องทางการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรผ่านระบบจดทะเบียนเครื่องจักรออนไลน์ https://omr.diw.go.th/OMR/ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ และคาดว่าในปี 2567 จะสามารถส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs จดทะเบียนเครื่องจักร จำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 เครื่อง และมีมูลค่าการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท” อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าวปิดท้าย

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567

รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท
975  900

รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท
382  703

รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท
79

รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท
253602  253604

ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 2 จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 200,000 บาท
916831  286578  629052  883154  329008

ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 3 จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท
741595  224148  056295  125604  079194  
619022  544094  696224  587666  336549  

ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 4 จำนวน 50 รางวัล รางวัลละ 40,000 บาท
160137  773783  712724  794689  732775  
080910  866816  236305  021044  063059  
429117  502624  992232  307823  412827  
787548  853578  981305  701004  267511  
823052  276157  613975  109194  158994  
699980  015041  914093  700897  680314  
492492  664413  429032  593091  229788  
697629  961273  132070  596850  685438  
824219  689167  738961  325196  854476  
494061  289497  887183  771338  136841  

ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 5 จำนวน 100 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท
403364  606961  516340  864583  524889  
133450  938033  222183  187645  804122  
181477  283585  193138  421588  731758  
998450  713966  737691  038241  388991  
708321  354731  581380  796763  740687  
237690  936195  985962  961854  414872  
786791  251627  262372  439241  734180  
862026  929510  488751  140673  943345  
499583  320599  438533  210027  175354  
181003  206636  571973  776597  898832  
765909  772218  950089  041914  787456  
240531  986196  576070  976534  411380  
217436  071425  383414  985179  947024  
323297  375111  095780  579820  960799  
080391  026305  427431  700340  279682  
680988  562203  310154  484976  756780  
071820  712999  784599  101722  689385  
739921  001973  039430  515618  452634  
204601  159677  077730  794350  142461  
770249  022732  161258  328516  800658

'ณวัฒน์' รับมอบอำนาจจาก MGI แจ้งความเอาผิด 'ซีจีเอส' ชี้!! ทำธุรกิจเสียชื่อเสียง จากการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ

ความคืบหน้าจากเหตุการณ์ นาย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางแก้ว ต.บางแก้ว  แจ้งความเอาผิดคู่กรณี หลังได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในทางธุรกิจ จากการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จจาก บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอสอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ  CGSI ผ่านหนังสือพิมพ์รายวันทันหุ้น https://thunhoon.com/article/289136 

ซึ่งโพสต์ข่าวหัวข้อว่า ‘CGSI ปฏิเสธข่าว นำนักลงทุน เยี่ยมชม MGI’ โดยมีเนื้อหาในข่าวว่า #MGI #ทันหุ้น - บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอสอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ชี้แจงข่าวระบุว่า "ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อที่อ้างถึงบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ CIMB นำผู้ลงทุนจำนวน 30 ท่าน มาเยี่ยมบริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MGI) เพื่อฟังการบรรยาย และกลยุทธ์ของธุรกิจนั้น บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอสอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ขอแจ้งว่า บริษัทมิได้ดำเนินการในนามบริษัทหรือส่งเสริมการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด”

ทั้งนี้ผู้บริหาร MGI ทราบภายหลังว่าบริษัท CGSI ได้รับคำแนะนำจาก รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ที่ชี้แนะให้ CGSI ทำประกาศ โดยปราศจากการสอบถามจาก บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ในข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเสียก่อน CGSI จึงได้ทำตามคำแนะนำ ทำหนังสือประกาศดังกล่าว นำไปสู่ความเสียหายทั้งชื่อเสียงและมูลค่าของ MGI จนต้องไปแจ้งความเอาผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ร้ายให้ข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และจะให้ทางเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนเรียกทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนแล้วแจ้งความคืบหน้ากับทางผู้ถือหุ้นต่อไป

โดย ณวัฒน์ เปิดใจว่า “ซีจีเอส ทำให้ชื่อเสียง MGI เสียหายมากครับ ผมจึงต้องไปแจ้งความ และถ้าถามถึงความรู้สึก ยอมรับว่าเสียใจมาก เพราะผมเป็นคนทำงานชัดเจน ทุกอย่างมีข้อมูลและหลักฐาน ก่อนจะกระทำเรื่องใดผมได้ไตร่ตรองแล้ว แต่กลับต้องมาเจอกับวิธีการทำงานของ ตลาดหลักทรัพย์  ที่ใช้วิธีควบคุมอยู่ข้างหลัง แทนการเผชิญหน้าและสอบถามความชัดเจน แต่นี่กลับตัดสินผม ตัดสินบริษัทผมแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยการแนะนำให้บริษัทซีจีเอสออกประกาศเช่นนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ถือหุ้นและแบรนด์ MGI

ซึ่งทางบริษัทคงต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด ยอมความกันไม่ได้หรอกครับ มีหลายคนโทรมาถามผมว่า จะไปร้องศาลปกครองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมหรือไม่ เพราะเข้าข่ายอาจถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งเรื่องนี้ผมขอให้เป็นหน้าที่และกระบวนการของทีมกฏหมายบริษัท MGI ผมในฐานะผู้บริหารและบอร์ดทุกท่านไม่ได้นิ่งนอนใจ เราต้องปกป้องชื่อเสียงของบริษัทและผู้ถือหุ้นครับอย่างถึงที่สุดแน่นอนครับ”

'ตู่ นพพล' ปลื้ม!! ได้ร่วมถ่ายทอดบททหารกล้าปกป้องแผ่นดินไทย การแสดงละครประกอบเพลง รำลึกเหตุการณ์ ร.ศ.112 ตอน ปราการเวลา

(1 มี.ค.67) นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง ตู่-นพพล โกมารชุน ที่เมื่อรับงานแสดงให้เห็นหน้าจอเมื่อใดก็สร้างความประทับใจให้แฟนละครมาตลอด ล่าสุดตอบตกลงรับงานแสดงนอกจออีกครั้งในรอบหลายปี ในฐานะนักแสดงนำในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการทางด้านประวัติศาสตร์ การแสดงแสงเสียงสื่อผสมในรูปแบบมิวสิคัล รำลึกเหตุการณ์ ร.ศ.112 ตอน ปราการเวลา The Theatre จัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดสมุทรปราการ

งานนี้เจ้าตัวปลาบปลื้มใจที่ได้รับบทบาทเป็นตัวแทนทหารปกป้องแผ่นดินไทย โดย ตู่ นพพล เปิดเผยว่า “ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากๆ ครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับตัวละครที่ผมเล่นจะเกิดขึ้นในร.ศ. 112 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่หลายๆ คนรู้จักกับวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 

ผมรับบทเป็นตัวแทนทหารไทยที่ได้เข้าร่วมการรบ เพื่อปกป้องไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของชาติใด ซึ่งเรารักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ได้ด้วยพระปรีชาสามารถของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และความเสียสละของทหารปี ร.ศ. 112 จนมีสมุทรปราการทุกวันนี้ ผ่านการแสดงละครประกอบเพลง ปราการเวลา The Theatre เรามีโชว์การแสดงถึง 5 องก์ ซึ่งแต่ ละองก์ จะนำเสนอเรื่องราวเต็มครบรสชาติครับ ผมขอเชิญชวนชาวสมุทรปราการ และพี่น้องที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงมาเข้าชมกันเยอะๆ นะครับ งานนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 14-17 มีนาคมนี้ เวลา 18.00น. เป็นต้นไป ณ ป้อมพระจุล จอมเกล้า แล้วเจอกันนะครับ”

'ดาริน-นักตบสาวไทย' ปิด IG หลังเกรียนเกาหลีใต้พาทัวร์ลง เหตุพาทีมพ่าย โดนด่าแบบดุเดือด เพราะเล่นไม่ได้ดั่งใจแฟนๆ

เดือดถึงขั้นปิดIGเลย ล่าสุดแฟน ๆ ลูกยางเกาหลีใต้ ทัวร์ลงนักตบสาวไทยอย่างหนัก ด่าแบบดุเดือดมาก ๆ เพราะฟอร์มหาย เล่นไม่ได้ดั่งใจแฟน ๆ แม้จะพาทีมชนะไปถึง 2 แมตช์ แต่มาพ่าย 1 แมตช์ ✌️✌️🇹🇭🇹🇭🇹🇭

จนทำให้น้อง ดาริน ปิ่นสุวรรณ นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย และสังกัดลีกเกาหลีใต้กับทีม 'จีเอส คาลเท็กซ์' GS ถึงขั้นต้องปิด IG หลังทีมแพ้ 3-0 เซต GS VS Hundai 

สู้ ๆ นะดารินอย่าลืมว่าอันดับโลกทีมไทยอยู่อันดับที่ 13 ของโลกนะลูก กด Like เพื่อส่งกำลังใจให้น้อง

‘เศรษฐา' ประกาศตั้งเป้า ‘สุวรรณภูมิ’ ติดท็อป 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี ขอเวลา 6 เดือนจะไม่เห็นภาพผู้โดยสารต้องมารอต่อคิวอีก

(1 ม.ค.67) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงวิสัยทัศน์ ‘IGNITE THAILAND, AVIATION HUB’ เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมรวมถึง ผู้บริหารเอโอที และสายการบินต่างๆเข้าร่วม

นายเศรษฐา กล่าวว่า สัปดาห์ก่อนในการแถลงวิชั่นงาน Ignite Thailand ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางไว้ 8 ด้าน หนึ่งในนั้นคือ การทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ตนมีความเชื่อ รัฐบาลมีความเชื่อว่าศักยภาพของประเทศไทยพร้อมมากที่จะถูกระเบิดออกมา ฉายแววออกมาให้ชาวโลกรู้ว่าศักยภาพของเรามีมากขนาดไหน และก่อนที่เราจะอัปเกรด AVIATION HUB เราต้องยอมรับว่าเรามีปัญหาอะไรบ้าง 10 ปีที่แล้วสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่อยู่ในอันที่ 13 ของโลก แต่ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 68 ของโลกตกมา 55 อันดับ เพื่อนบ้านเราไม่ได้มีการลงทุนอะไรเลยอย่างมาเลเซียแต่อันดับสูงกว่าเรา ไม่ต้องพูดถึงสิงคโปร์หรือฮ่องกง

“ปัญหาในสนามบินถ้าเราไม่มีการปรับวุ่นวายแน่นอน และจะเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าเวลาเรามีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมันบั่นทอนศักยภาพของประเทศ เรื่องของไฟล์ทที่มาต่อที่นี่ก็น้อยลงหากมีการจัดตารางบินใหม่ เครื่องบินที่มาเปลี่ยนผ่านที่นี่รู้หรือไม่ว่ามีเพียงแค่ 1% ขณะที่สิงคโปร์มีถึง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องก็สามารถเห็นสิ่งดีๆของไทยได้ หากเข้ามาอยู่ 7-8 ชั่วโมง ได้เข้าไปในเมืองกลับมาเกิดความประทับใจก็อาจมีแพลนมาประเทศไทย แต่วันนี้ถ้าไม่มีการทำอะไรอย่าว่าจะขึ้นเลย 68 ก็ตกลงไปได้” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับสุวรรณภูมิมีพื้นที่ 20,000 ไร่ เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีการเปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบิน SAT1 ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของรัฐบาลเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ที่ได้มีการวางโครงสร้างไว้ แต่ก็ยังยอมรับว่ามีปัญหาอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้จะมีการเปิดให้ครบ 100% ภายในไตรมาส 2 ของปี 2567 รองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะทำให้เครื่องบิน บินขึ้นลงได้เป็น 90 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และอนาคตก็เตรียมที่จะสร้างอาคาร SAT2 วันนี้เรามีศักยภาพเพียงแต่เราจะต้องฉายแสงออกมาให้ได้ และมั่นใจหลังจาก 6 เดือนนี้ต่อไปเราจะไม่เห็นผู้โดยสารที่รอคิวนาน สุวรรณภูมิไม่ใช่แค่เทคแคร์คนอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องของสินค้าด้วย เพราะเป็นสิ่งสำคัญ

นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมั่นใจเราจะทำให้ก้าวแรกของผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสู่สุวรรณภูมิและต่อโยงไปประเทศต่างๆ พร้อมทั้งสินค้าจะเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดอนเมืองก็เป็นอีกหนึ่งสนามบินที่สำคัญรัฐบาลจะเปลี่ยนให้สนามบินดอนเมืองเป็น Point to Point แอร์พอร์ต จุดเด่นคือสะดวกรวดเร็ว ครบครัน รับผู้โดยสารให้มากยิ่งขึ้น จะสร้างอาคาร อินเตอร์เนชั่นแนลใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารมากขึ้นปัจจุบันมีการรับผู้โดยสารอยู่ที่ 30 ล้านคน จะเพิ่มให้เป็น 50 ล้านคน และสร้างอาคารจอดรถเพิ่มให้สามารถจอดรถเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ประมาณ 7,600 คัน ส่วนมาสเตอร์แผนจะมีการสร้างสนามบินอันดามัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ต พังงา กระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง และจะมีการพัฒนาสะพานสารสินเพื่อรองรับรถได้มากขึ้นและให้เรือขนาดใหญ่สามารถผ่านได้ ส่วนทางภาคเหนือก็จะมีสนามบินล้านนา เพื่อรองรับผู้โดยสารอีก 20 ล้านคนต่อปี

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันจะมีการยกระดับสนามบินเมืองรองทั่วประเทศ เช่น สนามบินน่าน ศรีสะเกษ นครราชสีมา ให้กลายเป็นสนามบินหลักให้ได้ ควบคู่กับพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวโลก ผ่านการผลิตอาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก และระบบการทำงานภายในสนามบินก็สำคัญ จะมีการขยายอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงรักษาเป็นศูนย์กลางการบำรุงรักษา ทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินส่วนตัว ต่อยอดระบบขนส่งและคลังสินค้า รวมถึงการต่อยอดความร่วมมือทั้งจากสายการบินต่างๆ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงแรม เพื่อพัฒนาการบิน เส้นทางการบิน จำนวน และประเภทเครื่องบินส่วนตัวและการบริการ

“การเดินทางไปยุโรปครั้งนี้ผมจะไปคุย โดยประเทศไทยจะอธิบายให้ฟังทั้งหมดในเรื่องดีๆว่ามีอะไรบ้าง แต่สัปดาห์หน้าที่เดินทางไปนี้เป็นแค่ออเดิร์ฟไปโฆษณาว่าปีหน้าเราจะมีอะไรบ้าง ซึ่งผมรับรองได้ว่าเขาจะต้องชอบและพอใจ และจะเดินทางมาไทยมากยิ่งขึ้น” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สำหรับสายการบินไทย สายการบินแห่งชาติ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน การพัฒนาต่อไปจะไปไม่ได้ถ้าสายการบินไทยไม่แข็งแรง ต้องมีการบริหารให้เหมาะสม ทั้งลักษณะเครื่องบิน จะต้องมีการพัฒนาระบบตั๋วที่หลายประเทศใช้ระบบออนไลน์ วันนี้เราต้องพูดตรงไปตรงมาว่าการบินไทยมีตัวแทนขายตั๋วเยอะ เขามีการกั๊กตั๋ว แต่ขึ้นเครื่องไปบางทีว่างอันนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากพูด แต่วันนี้ไม่ได้มาว่ากัน เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้น หลายสายการบินใช้ออนไลน์บุคกิ้งบริหารราคาตั๋วเพื่อกำไร ตรงนี้เราต้องให้ความสำคัญ เข้าใจอย่างตรงจุด เรื่องเหล่านี้เราคาดหวังว่าการบินไทยต้องทำได้ และการจัดตารางไฟล์ทต้องมาพูดกัน เราทราบกันดีการบินไทยอยู่ระหว่างการฟื้นฟูหลังจากเกิดโควิด19 ในวันนี้รักษาตัวเองให้ดี หากหลุดพ้นจากแผนฟื้นฟูแล้วเรามาให้น้ำใจผู้โดยสารทุกคนที่ให้ความเชื่อมั่นเรา ทั้งนี้เราต้องมีความทะเยอทะยานให้การบินไทยติดอันดับโลกอย่างน้อยต้องติดอันดับ 3 ของเอเชีย คนไทยต้องภาคภูมิใจ

“การที่ผมแอบไปตรวจ ไม่ได้จ้องจับผิด เพื่อให้เห็นการทำงาน ไม่ได้ดูแค่หน้างาน แต่ดูหลังบ้านด้วย และได้มีการพูดคุยเรื่องการบริหารคนให้เขามีจิตใจที่ดีขึ้น ให้เขาเกิดความตั้งใจในการทำงาน ผมคิดว่าความสุขเป็นอะไรที่ส่งต่อกันได้ เริ่มต้นจากผู้ให้บริการถ้ามีความสุขเวลาส่งต่อการให้บริการผู้โดยสารก็จะส่งต่อความสุขนั้นได้ ความสุขเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่ดี หลายท่านอาจถามว่าอะไรคือประโยชน์ของศูนย์การบิน สิ่งที่พูดมาทั้งหมดคิดว่าคงจะเห็นในเรื่องเศรษฐกิจที่พยายามพัฒนาอย่างก้าวกระโดด วันนี้เราจะต้องเอาชนะให้ได้ หากเราโปรโมทการท่องเที่ยวอย่างมโหฬาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยากสนับสนุนให้การบินมีเพิ่มมากขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า หลายท่านที่มาเห็นการบริการที่ประทับใจก็จะเห็นออเดิร์ฟให้กับเขาว่าในปีหน้าอาจจะอยากมาเที่ยวที่ไทย แต่ทั้งนี้จะต้องมีการสร้างความยั่งยืนดึงดูดสายการบิน และส่งเสริมการผลิตในประเทศไทย สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“ผมขอประกาศว่า 1 ปีจากนี้สนามบินสุวรรณภูมิจะต้องเป็น 1 ใน 50 ของโลก และ 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี พี่น้องที่อยู่ในฐานรากให้ความหวังเยอะมาก เรามีความฝันทุกวันอยากให้มันเป็นจริง อยากให้มันเกิดขึ้นมาได้ ผมขอประกาศวันนี้เราตื่นแล้ว ฝันดีแล้ว วันนี้ตื่นขึ้นมาร่วมกันให้ความฝันเป็นความจริง ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้จะมีส่วนร่วมทำให้เราถึงจุดมุ่งหมายนั้นได้ ขอขอบคุณและให้กำลังใจทุกคน เพื่อให้ศักยภาพที่สำคัญที่สุดคืออัปเกรด AVIATION HUB เป็นความจริง” นายเศรษฐา กล่าว

'รมว.ปุ้ย' เร่งผลักดันอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์แบบไร้รอยต่อ ลั่น!! ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการทุกด้านอย่างเต็มศักยภาพ

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลได้มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่รัฐบาลได้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการส่งเสริม อาทิ การลดอัตราอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูป และการลดอัตราภาษีสรรพสามิต เป็นต้น โดยในขณะนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV มีการเติบโตขึ้นเป็นลำดับ มีนักลงทุนมากมายให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศ 

แต่ในขณะเดียวกันการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าก็ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป หรือ ICE ปรับตัวลดลง ส่งผลต่อยอดขายของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนตกลงเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนที่เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน และมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ประสบปัญหาดังที่กล่าวถึง กระทรวงอุตสาหกรรม จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เร่งหารือและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับทราบถึงประเด็นปัญหาความต้องการจากภาคเอกชนในส่วนของอุตสาหกรรมสนับสนุน รวมทั้งเป็นแนวทางการช่วยเหลือและสนับสนุนที่ตรงจุดและตรงต่อความต้องการ

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวต่อว่า จากการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ พบว่า ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์และผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ได้ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจในด้านต่าง ๆ อาทิ ปัญหาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ปัญหาการปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ปัญหาต้นทุนการเงินที่สูง ปัญหาจากมาตรการความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 

รวมถึงมาตรการและนโยบายอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ อาทิ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) มาตรการต่ออายุสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตภายในประเทศ (CKD) และการกำหนดคำนิยามของวัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content : LC) ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น Local Content ในระบบราง เป็นต้น ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้สังกัดเร่งดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนใน 3 ประเด็นหลัก ตามข้อเสนอแนะจากกลุ่มผู้ประกอบการ ประกอบด้วย...

1) การพัฒนาและส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการเพิ่มทักษะและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรภาคอุตสาหกรรม รวมถึงสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในการลดการปล่อย CO2 เพื่อรองรับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 

2) การส่งเสริม สนับสนุน และปรับตัวเพื่อปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมอื่นตามที่ผู้ประกอบการได้เสนอมา เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เครื่องมือแพทย์และเครื่องมือแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องจักรกลการเกษตร ชิ้นส่วน Aftermarket การผลิตชิ้นส่วนทดแทน (REM) อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการบิน และระบบราง เป็นต้น

3) การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านทาง SME D Bank และกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ และสนับสนุนการค้ำประกันผ่านโครงการติดปีก SMEs ไม่มีหลักทรัพย์ดีพร้อมค้ำประกันให้ 

ทั้งนี้ ในเรื่องของมาตรการและนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบการ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะทำการศึกษาและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอของผู้ประกอบการต่อไป

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้มีการหารือกับทางกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทางการคิดอัตราอากรขาเข้าของอุตสาหกรรมส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมสนับสนุน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีโอกาสร่วมหารือ นายไซโตะ เคน รัฐมนตรีว่าการกับการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่น โดยมีแนวทางความร่วมมือและแลกเปลี่ยนกรอบการทำงานร่วมกัน เพื่อการพัฒนากลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อุตสาหกรรมสนับสนุน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 4 ประเด็น...

1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจากยานยนต์ 
2) การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรมการผลิต 
3) การลดปริมาณของเสียหรือชิ้นส่วนจากยานยนต์ (End-of –Life Vehicle) 
และ 4) การพัฒนาพลังงานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมทั้ง เสนอให้ทางญี่ปุ่นพิจารณาให้ไทยเป็นแหล่งสุดท้ายในการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (Last man standing) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งนายไซโตะ เคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง METI มีความเห็นพ้องกับแนวทางนี้เช่นกัน 

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ร่วมกับ กลุ่มไทยสมายล์ สนับสนุนเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค เพื่อช่วยบรรเทามลพิษทางอากาศ ให้กับสถาบันการแพทย์แผนไทย

​วันที่ 1 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) ลงพื้นที่เพื่อมอบเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค ให้กับสถาบันการแพทย์แผนไทย ณ อาคารพิพิธภัณฑ์การสาธารณสุขและการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งมอบให้กับ สถาบันการแพทย์แผนไทย โดยมี นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ ​นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้นำเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค จำนวน 3 เครื่อง (เป็นจำนวนเงิน 78,000 บาท) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปส่งต่อให้กับสถาบันการแพทย์แผนไทย สำหรับสถาบันการแพทย์แผนไทย มีหน้าที่ในการ พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก และสมุนไพร พร้อมทั้งให้บริการในระบบบริการสุขภาพที่เป็นเลิศ เพียงพอ และครอบคลุม รวมถึงส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาการแพทย์แผนไทย นวดไทย สมุนไพรไทย การแพทย์ทางเลือก เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ เสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน และคุณภาพชีวิตประชาชน โดยภายในสถาบันฯ ยังมีบุคคลากรทำงานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน 

และมีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก นับว่ามีปัจจัยเสี่ยงในด้านของคุณภาพอากาศและเชื้อโรคที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ ​นางเธียรรัตน์ กล่าวต่อว่า การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการมอบอากาศ “บริสุทธิ์” บรรเทาปัญหาในด้านคุณภาพอากาศและฆ่าเชื้อโรค ให้กับบุคลากรภายในสถาบันฯ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั่วไปที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ในด้านการสนับสนุนช่วยเหลือด้านการแพทย์ และสาธารณสุข รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสาธารณประโยชน์ ต่อชุมชน ทำนุบำรุงศาสนา และช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมภาคีเครือข่าย มอบรางวัล พลเมืองดีส่งคลิปขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมายตาม “โครงการอาสาตาจราจร”

วันนี้ (1มี.ค. 67) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการ ประจำ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  คุณพิศเพลิน วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คุณนิตยา ลีธีระกุล ผู้บริหารสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ คุณอัจฉรา  บัวสมบูรณ์ ผู้บริหารสถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตรโครงการอาสาตาจราจร โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ ประจำเดือน ม.ค.2567 รวมรางวัลทั้งสิ้น20 รางวัล เงินรางวัลสูงสุด 20,000 บาท รวมเงินรางวัลที่จะมอบในวันนี้ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาทโดยบริษัท วิริยะประกันภัย และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า นับแต่เริ่มโครงการมาจนถึงปัจจุบัน สังคมมีความตื่นตัว มีคลิปการกระทำผิดกฎจราจรจากภาคประชาชนส่งมาให้คณะทำงานพิจารณาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเบาะแสเหล่านี้ แสดงถึงความสนใจ ใส่ใจกับปัญหาการจราจร และจะเป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาการจราจร เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนให้กับผู้ใช้ทาง  สำหรับผู้กระทำผิดที่ถูกบันทึกคลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปตรวจสอบและติดตามมาดำเนินคดี  โครงการนี้มุ่งหวังให้ผู้ขับขี่ ยับยั้งชั่งใจในการกระทำผิด เพื่อมุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น  สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม สามารถส่งคลิปการกระทำผิดกฎจราจรมายังช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ เพจอาสาตาจราจร เพจตำรวจทางหลวง  เพจกองบังคับการตำรวจจราจร  รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 และ จส.100  คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจผ่านการคัดเลือก นอกจากได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน 

ทางด้าน นพ.แท้จริง  ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้างการตระหนักรู้ในการขับขี่ปลอดภัย ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร การมีส่วนร่วมดังกล่าวเป็นการสร้างมาตรฐานทางสังคมให้เกิดความยับยั้งชั่งใจในการกระทำผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม เรื่องใบสั่งจราจร ตามกฎหมายใหม่ เมื่อทำผิดกฎจราจรแล้วได้รับใบสั่งหากไม่ชำระตามเวลาที่กำหนด จะต้องถูกฟ้องต่อศาลทุกราย ตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ขั้นตอนหลังจากได้รับใบสั่งจะมีกำหนดเวลาให้ชำระค่าปรับระบุไว้ในใบสั่ง หากพ้นกำหนดเวลาเจ้าหน้าที่จะส่งหนังสือเตือนให้ไปชำระตามเวลาที่กำหนดอีก 1 ครั้ง ถ้ายังไม่ไปชำระอีก เจ้าหน้าที่จราจรจะสรุปข้อเท็จจริงเป็นสำนวนส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องศาลทุกราย โดยเริ่มมีผลกับใบสั่งที่ออกตั้งแต่ 25 ต.ค.2565 เป็นต้นมา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top