Thursday, 29 May 2025
NewsFeed

'จิ๊บ ศศิกานต์' แนะ!! ‘แก๊งทะลุวัง’ ป่วนขบวนเสด็จฯ คนรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว-สร้างความขัดแย้ง

(13 ก.พ.67) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ หรือ ‘จิ๊บ’ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางแค ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ถึง น้องที่ทำการใด ๆ ลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

พี่เห็นข่าวที่น้องมีการพยายามขับรถจี้เข้ามาที่รถคันปิดท้ายในขบวนเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ รวมทั้งบีบแตรยาวใส่ จนพี่ ๆ ตำรวจต้องเข้ามาปราม โดยที่น้องอ้างสิทธิเสรีภาพของตนเองนั้น 

พี่ดูคลิปของน้องและฟังน้องพูดคำว่า "ขบวนเสด็จฯ ปิดถนนทำไมๆๆ" หลายรอบมาก ๆ จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ชุดความคิดนี้อาจอยู่ในสมองของน้องจนเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างบิดเบือนไป หรือเพราะเหตุใดน้องจึงพยายามพูดคำนี้ออกมา ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ น้องและเพื่อนขับรถเข้าไปจี้รถในขบวนเสด็จฯ เอง 

ถ้ามองในแง่ลบ พี่ก็นึกเผิน ๆ ว่าน้องพยายามอัดคลิปทำคอนเทนต์ อ้างว่าขบวนเสด็จปิดถนน แล้วนำไปขยายผลต่อในโลกโซเชียลมีเดีย เพื่อประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อส่งการบ้านให้ใคร พี่ไม่อาจทราบได้ 

พี่อ่านเฟซบุ๊กของน้อง ที่พยายามแก้ต่างให้ตัวเอง บิดเบือนประเด็นเป็นเรื่องของการออกมาขอโทษที่ขับรถเร็ว ด้วยแววตาที่ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

พี่ขอบอกว่าผ่านสื่อตรงนี้ ในฐานะพี่สาวร่วมประเทศคนนึงค่ะว่า น้องอาจเกิดไม่ทัน หรือเกิดทัน แต่ไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงสิ่งที่กรมสมเด็จพระเทพฯ ได้ทรงอุทิศพระวรกายในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชน...ซึ่งก็ไม่เป็นไร 

ชุดความคิด และความเชื่อในสมองของเรา ไม่เหมือนกัน 

แต่น้องจ๋า...การแสดงออกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว หรือก้าวล่วงนะคะ ไม่ว่าจะกับใคร ๆ ก็ตาม..การเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่ารัก กล้าคิด กล้าทำและแสดงออกแบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน และทำตัวให้เป็นที่รักของคนทุก ๆ คน น่าจะดีกว่าการพยายามสร้างความขัดแย้งและความเกลียดชังในสังคมนะ พี่ว่า…

พี่จิ๊บ ศศิกานต์

ตร. “ไม่ยืนยัน” แค่คุย 2 นาที เงินหายจากบัญชี ชี้ยังไม่พบผู้เสียหาย หากมีให้รีบแจ้งความ พร้อมนำโทรศัพท์มาด้วย

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อ กรณี อดีต “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ออกมาเผยแพร่กับสื่อมวลชน ว่ากลุ่มมิจฉาชีพมีเทคโนโลยีใหม่ในการดูดเงินจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย เพียงการหลอกล่อให้ผู้เสียหายคุยโทรศัพท์ด้วย 2 นาทีขึ้นไป โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้เสียหายกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันใด ๆ นั้น

จากการตรวจสอบข้อมูลการรับแจ้งความคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ยังไม่พบว่ามีแจ้งความร้องทุกข์ในกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด โดยกรณีของการถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารที่พบนั้น มีสาเหตุมาจากการถูกหลอกให้ส่งข้อมูลบัญชีผู้ใช้ รหัสผ่าน และ OTP หรือถูกหลอกให้กดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องระยะไกล หรือแอปดูดเงิน เพื่อควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อแล้วถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารผ่านแอปธนาคารในโทรศัพท์จนเงินหมดบัญชี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเรียนมายังพี่น้องประชาชน ว่าอย่าตื่นตระหนกและวิตกกังวลกับกรณีดังกล่าว เพราะจากการตรวจสอบจากหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังไม่พบข้อมูลว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพที่มีเทคโนโลยีในลักษณะดังกล่าว ประกอบกับยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ กรณีถูกดูดเงินจากบัญชีธนาคาร จากการคุยโทรศัพท์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกิน 2 นาที ตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจาก การคุยโทรศัพท์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกิน 2 นาที โดยไม่ได้มีการกดลิงก์กรอกข้อมูลส่วนบุคคลหรือรหัสผ่าน และไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องระยะไกล แล้วถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร ให้รีบมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว พร้อมกับนำโทรศัพท์มือถือเครื่องที่ท่านใช้งานมาด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจพิสูจน์ว่าคนร้ายใช้เทคโนโลยีใดในการก่อเหตุ เพื่อหาแนวทางการป้องกันต่อไป

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตม.สงขลา ผนึกกำลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ สกัดจับเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ลักลอบเข้าประเทศช่วงเทศกาลตรุษจีน

วันนี้ (13 ก.พ. 67) พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.ตม.สงขลา เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ให้อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวซึ่งมีการเดินทางเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมทั้งเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลเดินทางเข้า-ออก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดลักลอบเข้าประเทศ อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ประสานข้อมูลบุคคลตามหมายจับเฝ้าระวังของกรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบทราบว่าจะมีบุคคลในขบวนการค้ามนุษย์ลักลอบเข้าเมืองทางช่องทางชายแดนมาเลเซีย จึงได้เฝ้าระวัง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2567 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ได้ตรวจพบบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญา ความผิดฐาน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 1 ราย คือ นางสาวพิมพา กำลังเดินทางผ่านช่องทางด่าน ตม.สะเดา จึงได้ทำการจับกุมตัวพร้อมประสานไปทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ออกหมายจับ ให้มารับตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ชินวุฒิ ฯ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล  ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.ที่มีนโยบายเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลในการผ่านเข้าออกประเทศ โดยการตัดไฟแต่ต้นลม ในการให้ด่านชายแดนเป็นพื้นที่คัดกรองตรวจสอบประวัติบุคคล  ไม่ให้มีผู้กระทำความผิดกฎหมาย  เข้ามาสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยได้  จึงขอฝากข้อมูลถึงประชาชน หากพบเบาะแสสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สตม.1178

ASEAN Foundation ผนึกกำลัง 'TikTok-SAP' เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ 'ASEAN Social Enterprises Development Programme: SEDP 3.0'

(13 ก.พ. 67) รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงโครงการที่น่าสนใจเพื่อ SME ระบุว่า...

โอกาสสำหรับการพัฒนา SME สู่ SE: Social Enterprises

ASEAN Foundation ร่วมกับ TikTok และ SAP เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ 'ASEAN Social Enterprises Development Programme: SEDP 3.0'

20 ผู้ประกอบการจาก 10 ประเทศอาเซียน

ร่วม อบรมทั้ง Online และ On-site, ร่วมเรียนรู้จาก Mentors โดย SAP และ TikTok, เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ และแหล่งเงินทุน  รวมทั้งการประกวดโครงการวิสาหกิจเพื่อสังคมชิงเงินทุนเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจกว่า 40,000 USD (1.43 ล้านบาท)

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ bit.ly/SEDP3_Info
สมัครเข้าร่วมโครงการที่ bit.ly/ASEANSEDP3

Calling all social enterprises in ASEAN to join the ASEAN Social Enterprise Development Programme 3.0 🥳 Embark on a transformative journey of your social enterprise’s growth by participating in tailored training and mentorship with experts, networking with investors and government and standing a chance to win seed grants of up to 40,000 USD 💸💰 

30 social enterprises from ASEAN countries will be selected to participate in this transformative programme. Secure your spot by applying through bit.ly/ASEANSEDP3 by 31 March 2024. 

Explore bit.ly/SEDP3_Info for further details ✅ 
Stay connected with us to follow the journey of #ASEANSEDP3  
#BeAsean #TikTokForGood #SAP4Good #ASEANSocialEnterprise #WeAreASEAN

‘อัครเดช’ เผยวิปรัฐบาลมีมติให้ รทสช. เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯ พิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ

เมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จพระราชดำเนินของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ให้มีความปลอดภัย เพื่อป้องปรามพฤติกรรมขัดขวางขบวนเสด็จอันก่อให้เกิดอันตราย หรือเสื่อมเสียพระเกียรติยศจะเสนอโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 โดยจะขอที่ประชุมพิจารณาญัตติดังกล่าวเป็นเรื่องแรกก่อนพิจารณาพรบ.อีก 2 ฉบับ

นายอัครเดช กล่าวว่า จุดประสงค์ที่เสนอญัตติด่วนในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาสังคมเกิดความไม่สบายใจ ที่มีกลุ่มคนเพียงไม่กี่คนไปกระทำการอันไม่บังควรต่อขบวนเสด็จของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนเกิดความไม่สบายใจและขุ่นข้องหมองใจอย่างกว้างขวาง พวกเราเองในฐานะสส.ฝั่งรัฐบาล จะได้ใช้กลไกของสภาฯ เพื่อพิจารณาทบทวนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จะได้เพิ่มมาตรการให้มีความเข้มงวดเกี่ยวกับการถวายความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนมีมาตรการที่ชัดเจนดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวาง ก่อกวนขบวนเสด็จ

“จะมีการใช้เวทีของสภาฯ อภิปรายเพื่อหาทางออก เพื่อลดความไม่สบายใจและความวิตกกังวลของพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคนที่แสดงพฤติกรรมขัดขวางหรือก่อกวนขบวนเสด็จพระราชดำเนินซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่บังควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง”นายอัครเดชกล่าว

‘เกาหลี’ ปลื้ม!! ยอดส่งออก ‘โซจู’ ทะลัก 100 ล้านดอลลาร์ฯ ‘ญี่ปุ่น’ ขึ้นแท่นนำเข้าอันดับ 1 หลังรับอานิสงส์วงการ K-Pop

เมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 67) กรมศุลกากรเกาหลีใต้ เปิดเผยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เกาหลีใต้ได้ส่งออก ‘โซจู’ ทะลุหลัก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยยอดการส่งออกโซจูไปต่างประเทศสูงแตะ 101.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 8.7% จากปี 2565 ซึ่งเกาหลีใต้เคยส่งออกโซจูทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2556

สำนักข่าวยอนฮับรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวงการว่า ที่ผ่านมานั้น โซจูที่ขายในต่างประเทศส่วนใหญ่บริโภคโดยชาวเกาหลีใต้ แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่ขาย ตามกระแสวัฒนธรรมเคป็อป (K-Pop)

เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดการส่งออกโซจูลดลงจาก 97.6 ล้านดอลลาร์ เหลือ 89.7 ล้านดอลลาร์ ในปี 2562 และลดลงแตะ 82.4 ล้านดอลลาร์ ในปี 2564

อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกโซจูไปต่างประเทศกลับมาแตะที่ระดับ 93.3 ล้านดอลลาร์ ในปี 2565 และมีแนวโน้มสูงขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ เป็นผู้นำเข้าโซจูเกาหลีใต้รายใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่ามากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย ‘สหรัฐ’ ที่ 23.6 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ‘นี่ไม่ใช่ครั้งแรก’ ที่เกาหลีสามารถสร้างสถิติใหม่ด้านการค้าที่มาจาก K-Pop

>> ปี 66 ทำสถิติส่งออก 'กิมจิ' ไป 93 ประเทศ

ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะคุ้นลิ้นถูกปากรสชาติอาหารแบบเอเชีย และไม่ใช่ทุกประเทศที่มีวัฒนธรรมการกินผักดอง แต่ถึงอย่างนั้น เกาหลีใต้ก็สามารถทำสถิติส่งออก ‘กิมจิ’ ทะลุหลัก 90 ประเทศ ได้เป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว  

ข้อมูลจากกรมศุลกากรเกาหลีใต้ระบุว่า มีการส่งออกกิมจิ ไปยัง 93 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจทั่วโลก ระหว่างเดือนม.ค.-ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่เคยทำได้จากเดิม 61 ประเทศ เมื่อ 10 ปีก่อน

‘ญี่ปุ่น’ คือ ตลาดนำเข้ากิมจิเบอร์ 1 ด้วยมูลค่า 52.84 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย สหรัฐ เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และฮ่องกง โดยที่ 5 ใน 10 ของประเทศที่นำเข้ากิมจิมากที่สุดล้วนเป็นประเทศตะวันตก

>> ส่งออก 'รามยอน' ทะลุ 1 ล้านล้านวอนครั้งแรก

ซอฟต์พาวเวอร์เกาหลีใต้ยังสามารถทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองในชื่อ ‘รามยอน’ โดดเด่นขึ้นมาได้ จนสามารถส่งออกรามยอนได้ทะลุหลัก 1 ล้านล้านวอน (ราว 2.7 หมื่นล้านบาท) ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อปีที่แล้ว 

ตัวเลขการส่งออกรามยอน 10 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1.097 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 24.7% และถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของเกาหลีใต้นับตั้งแต่มีการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเวอร์ชั่นของตนเองขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1963 

สำหรับประเทศที่นำเข้ารามยอนมากที่สุดนำโดย ‘จีน’ มีมูลค่าอยู่ที่ 174.45 ล้านดอลลาร์ โดยจีนยังถือเป็นประเทศที่มีการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากที่สุดในโลก ตามมาด้วย สหรัฐ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย

‘ชาวพิษณุโลก’ จัด!! ออเดอร์สุดแปลกรับ ‘วันวาเลนไทน์’  ชุด 'บายศรีบูชาผัว-ช่อดอกบัวบูชาเมีย' สื่อถึงความเคารพรัก

(12 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิษณุโลกได้รับแจ้งร้านจัดดอกไม้รับออเดอร์สุดแปลกจากลูกค้าต้อนรับวันวาเลนไทน์ที่ร้านดอกไม้ ลาเฟลอร์ เลขที่ 43/11 ถ.บรมไตรโลกนาถ ต.ในเมือง จ.พิษณุโลก โดยมีนางสาวภัทรวิภา สุดเกตุ อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของร้าน

นางสาวภัทรวิภา สุดเกตุ กล่าวว่า วันวาเลนไทน์ปีนี้ทางร้านได้รับออเดอร์จากลูกค้า โดยลูกค้ามีโจทย์ว่า ให้หาดอกไม้ที่มีคุณค่าที่สุด เพื่อให้สามีและภรรยา ซึ่งสองช่อนี้ที่ทางร้านได้ทำเป็นสองออเดอร์ ออเดอร์แรกเป็นภรรยาสั่งเพื่อมอบให้สามี อีกหนึ่งออเดอร์เป็นของสามีเพื่อจะมอบให้ภรรยา ในวันแห่งความรัก

นายนฤเบส กลิ่นเกษร อายุ 34 ปี ผู้ออกแบบตามโจทย์ที่ได้รับจากลูกค้า กล่าวว่า การทำช่อดอกไม้ครั้งนี้เน้นความแปลก แต่มีคุณค่าในการแสดงออกเพื่อเคารพรัก ช่อดอกไม้บายศรีบูชาผัว เปรียบเทียบเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ทำงานดูแลภรรยาเป็นอย่างดี ภรรยากราบไหว้สามีแล้วจะมีความเจริญก้าวหน้า ส่วนช่อดอกบัวบูชาเมีย ภรรยาเปรียบเสมือนเป็นแม่ทัพ ดูแลครอบครัวให้กำลังใจสามี ทำงานบ้านให้สามี ก็สมควรนำดอกไม้มากราบไหว้ แต่เปลี่ยนจากดอกกุหลาบเป็นดอกบัว

นางสาวภัทรวิภา สุดเกตุ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันวันวาเลนไทน์ลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่เน้นมอบดอกกุหลาบ จะเน้นดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ที่มีความแปลกใหม่ และสุดเซอร์ไพรส์ที่ให้ผู้รับไม่คาดคิด ซึ่งทางร้านทำตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง โดยแค่มอบโจทย์ทางร้านจะออกแบบให้ไม่ซ้ำใคร

วันวาเลนไทน์ปีนี้ ร้านดอกไม้ ลาเฟลอร์ จำหน่ายช่อดอกกุหลาบเริ่มต้นที่ 100 บาท ขึ้นไปดอกไม้มีทั้งจากในประเทศไทย และสั่งจากต่างประเทศ นอกจากกุหลาบ ยังมีดอกไม้หลากหลายรูปแบบ ทิวลิป ไฮเดรนเยีย ยิปโซ ยิปซี ทานตะวัน และชนิดอี่น ๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งช่อดอกไม้ที่ร้าน ดอกไม้ ลาเฟลอร์  ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0817121652

ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลตรุษจีน (ชิวสี่) ประจำปี 2567 สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) เฮง เฮง เฮง ตลอดปีมังกรทอง

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 09.00 น. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  คณะกรรมการฯ ผู้ช่วยกรรมการฯ และผู้บริหารมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2567 ในวันชิวสี่ หรือวันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน  ซึ่งเป็นวันที่ประกอบพิธีอัญเชิญ (รับ) เทพเจ้าลงจากสวรรค์ และเริ่มประกอบพิธีสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) สะเดาะเคราะห์ แก้ปีชง เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตา โดยคณะสงฆ์ฝ่ายอนัมนิกาย ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

เทศกาลตรุษจีน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่  9 - 18 กุมภาพันธ์ 2567 โดยขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์ และสาธุชนทุกท่าน  “สักการะหลวงปู่ไต้ฮง” ขอพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีนเพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ ลงชื่อสวดชัยมงคลคาถา หรือ “พะเก่ง” เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้ครอบครัวมีสุข เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตา เสริมความมั่นคงสถาพร ตลอดปี พร้อมรับประทาน สาคูสิริมงคล  เพื่อความกลมเกลียวและอยู่เย็นเป็นสุข  รับฮู้ (ยันต์) ของหลวงปู่ไต้ฮง  ติดหน้าบ้าน หรือพกติดตัวเพื่อคุ้มครอง  เคาะระฆังทอง ให้ก้องกังวานเพื่อให้ชีวิตสดใส การงานรุ่งเรืองระบือไกล และร่วมขอพรเทพยดาฟ้าดินเนื่องในวันประสูติ (ทีกงแซ)  ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 17 ก.พ. 2567 ขออำนาจฟ้าดินเป็นที่พึ่ง ขอให้หลวงปู่ไต้ฮง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ  ช่วยดลบันดาลให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่ (โดยในวันที่ 9 และ 17กุมภาพันธ์ 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดบริการโต้รุ่ง)

เทศกาลตรุษจีน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เฮง ๆ ๆ  ต้อนรับปีมังกรทอง  มูลนิธิฯ เปิดให้มีการทำบุญพะเก่งออนไลน์ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ facebook.com/atpohtecktung

** เนื่องจากขณะนี้ ประเทศไทย เกิดสถานการณ์ค่าฝุ่น P.M 2.5 เกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังคงมีอยู่ในขณะนี้ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใย และเพื่อความปลอดภัยของผู้มีจิตศรัทธา มูลนิธิฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร คอยอำนวยความสะดวกผู้มีจิตศรัทธา รวมทั้งจัดตั้งหน่วยพยาบาลสำหรับการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน และจัดให้มีป้ายประชาสัมพันธ์ค่าฝุ่นละออง P.M 2.5 แบบ Realtime เพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้มีจิตศรัทธาอีกทางหนึ่ง รวมถึงจัดให้มีมาตรการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสทุกวันหลังปิดทำการในแต่ละวัน รวมทั้ง ขอความร่วมมือประชาชนผู้มีจิตศรัทธาสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และใช้บริการเจลแอลกอฮอล์ที่มูลนิธิฯ ที่จัดบริการแก่ทุกท่านทั่วทุกบริเวณงาน รวมทั้งจัดให้มีบูธปฐมพยาบาลเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมงาน **

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟชบุ๊ก แฟนเพจ facebook.com/atpohtecktung หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

### ซินเจียยู่อี่   ซินนี้ฮวดไช้.. เฮง เฮง เฮง ต้อนรับปีมังกรทอง 
## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
****

ย้อนดูจุดยืน ‘รวมไทยสร้างชาติ.’ และ ‘ไทยสร้างไทย’ ต่อประเด็น ‘คนรุ่นใหม่กับสถาบันพระมหากษัตริย์’

กาลครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้เอง!!

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 66 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า “พรรค รทสช. ไม่ได้เป็นพรรคที่จัดตั้งใหม่ แต่เป็นพรรคที่เติบโตเร็วที่สุด พรรคการเมืองมีเกิด มีอยู่ มีดับ แต่รวมไทยสร้างชาติจะอยู่ตลอดไปภายใต้แนวทางและนโยบายของลุงตู่ และหัวใจของพรรคคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน มีคนฝากส่งมาเรื่องหนึ่งบอกว่าอย่าลืมเรื่องประเทศไทย คนไทย 70 กว่าล้านคน แต่ทำไมวันนี้เห็นคนไม่กี่คน หยิบมือหนึ่ง สร้างความวุ่นวายปั่นป่วน ทำไมคนไทยไม่รักชาติ ทำไมชังชาติ ทำไมไม่รักสถาบัน ทำไมจะล้มสถาบัน”

นายพีระพันธฺุ์กล่าวต่อว่า “เขาถามผมว่า ถ้ามาดูแลบ้านเมืองจะทำอย่างไร ผมตอบไปว่า คำตอบง่ายมาก แผ่นดินไทยประเทศไทยมีไว้เพื่อคนรักชาติ แผ่นดินประเทศไทยเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักชัยของประเทศ ถ้าคุณไม่ชอบคุณไม่มีสิทธิเปลี่ยน เพราะคนไทยทั้งชาติเขาเอา ถ้าคุณไม่ชอบเชิญไปอยู่ที่อื่น ไม่ห้าม ไปได้เลย ท่านชอบประเทศไหนไปเลย แต่ประเทศไทยต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป ภายใต้รวมไทยสร้างชาติเราจะไม่เปลี่ยนแปลง ถ้ารวมไทยสร้างชาติเป็นแกนนำรัฐบาลเราจะจัดการกับพวกชังชาติ พวกล้มสถาบันโดยเด็ดขาด”

ต่อมาวันที่ 27 เม.ย. 66 น.ต.ศิธา ทิวารี กล่าวขณะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตอนหนึ่งว่า “สิ่งที่ผู้ใหญ่รู้เมื่อก่อน ทุกวันนี้เสิร์ชหาในกูเกิลแปปเดียวก็เจอ แต่สิ่งที่เด็กรู้วันนี้ ผู้ใหญ่เสิร์ชหาที่ไหนก็ไม่เจอ ดังนั้น ผู้ใหญ่ต้องฟังเด็ก เพราะผู้ใหญ่อีก 20-30 ปีก็ลงโลงกันหมด แล้วประเทศนี้ก็จะกลายเป็นของเด็ก เราต้องรับฟัง แลกเปลี่ยนความเห็น และหาทางออกร่วมกัน และนี่คือสาเหตุว่าทำไมผมกับคุณหญิงสุดารัตน์ และผู้ร่วมอุดมการณ์ จึงออกมาก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนรุ่นเก่ามากประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ไฟแรงเก่ง ๆ เพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุด” 

‘ลิซ่า’ คอนเฟิร์ม!! เตรียมปรากฏตัวใน ‘The White Lotus’ ซีรีส์ชื่อดังของ HBO จ่อบินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่เมืองไทย

(13 ก.พ.67) หลังจากปล่อยให้แฟนชาวไทยรอลุ้นอยู่นาน ในที่สุดก็มีการคอนเฟิร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าซีรีส์ตลกร้าย เสียดสีประเด็นสังคมอย่าง The White Lotus ซีรีส์จาก HBO จะมาถ่ายทำที่ประเทศไทย

ล่าสุดวันนี้ก็เซอร์ไพรส์คอซีรีส์และแฟน K-pop อีกครั้ง เพราะมีการยืนยันผ่านทางค่าย LLOUD เผยว่า ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล จะร่วมแสดงในซีรีส์ The White Lotus ในซีซั่น 3 ด้วย

นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น สาวลิซ่า โลดแล่นในวงการซีรีส์ ท่ามกลางแฟน ๆ ที่ตั้งตารอชมบทบาทใหม่ในอุตสาหกรรมบันเทิงของเธอ

สำหรับซีรีส์ The White Lotus เป็นออริจินัลซีรีส์ของ HBO ฝีมือการเขียนบทและกำกับโดย Mike White ซึ่งกวาดรางวัลมากมาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนที่เข้าพักในโรงแรมหรู ก่อนจะเจอเหตุการณ์สุดอลเวงที่คาดไม่ถึง

ตัวซีรีส์เต็มเปี่ยมไปด้วยการจิกกัด เสียดสีประเด็นในสังคม ผ่านตัวละครที่มีความหลากหลาย ทั้ง เพศ เชื้อชาติ ชนชั้น และความเชื่อ

โดยในซีซั่น 3 นี้ มีการเปิดเผยรายชื่อนักแสดง มีนักแสดงไทยมาโชว์ฝีมือ ได้แก่ ‘ดอม เหตระกูล’ ‘เมธี ทับทิมทอง’ มีกำหนดเริ่มถ่ายทำในเดือนกุมภาพันธ์ที่กรุงเทพฯ, ภูเก็ต และเกาะสมุย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top