Thursday, 29 May 2025
NewsFeed

'วราวุธ' เผย 'พม.' ส่งเสริมคนไทย 'ก้ม-กราบ-กอด' 14 ก.พ.นี้  แสดงความรักต่อผู้ใหญ่ แบบไม่ต้องสนใจสายตาต่างชาติ

(13 ก.พ.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการจัดงานวันวาเลนไทน์ในวันพรุ่งนี้ ว่า กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และสำนักงานเขตบางซื่อ จะร่วมกันจัดกิจกรรมให้คู่รักจดทะเบียบสมรส และจะมีของที่ระลึกมอบให้กับผู้มาร่วม ที่ลานกิจกรรมชั้น 1 ศูนย์การค้าเกทเวย์ บางซื่อ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ลดปัญหาความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในสตรีและเด็ก โดยเฉพาะในเด็ก เพราะการที่แต่ละคนจะมีครอบครัวนั้น ต้องมาจากความรักและการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การใช้หลักในการครองเรือนกัน ในวันนี้เราไม่ได้พูดถึงแค่ชายหญิงแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศสภาพใด การมีหลักคิดที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ พม. จะแนะนำในวันแห่งความรัก ตนขอฝากว่า ไม่ว่าจะรักใครก็แล้วแต่ต้องรักตัวเองก่อน ดูแลตัวเองให้มาก และเอื้อเฟื้อความรักเหล่านั้นให้กับคนรอบข้าง 

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เรายังมีกิจกรรมที่จัดโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ ชื่อว่า 'รักที่สื่อสารได้ในทุกวัน ด้วยการก้ม กราบ และกอด' เพราะเมื่อเวลาพูดถึงความรักเราไม่ได้พูดถึงแค่คนสองคน แต่เรายังพูดถึงการมีความรักต่อบุพการีหรือผู้ใหญ่รอบข้าง 

"การก้ม การแสดงตามวิถีไทย เวลาเด็กเดินผ่านผู้ใหญ่ ก็ต้องก้มโค้งตัวลง ซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงามของคนไทย ท่ามกลางกระแสที่เปลี่ยนไป ต่างชาติจะเป็นอย่างไร ต้องเรียนว่าผมไม่สนใจ แต่ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย เป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่นั้น เป็นสิ่งที่เราควรดำรงคงไว้คือการก้ม" นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า การกราบ เป็นอีกเรื่องที่แสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่อย่างดีที่สุด หากวันนี้ ยังมีญาติผู้ใหญ่กล่าวได้ก็อยากให้กราบท่าน เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อผู้มีพระคุณ ประเด็นสุดท้ายคือการกอด หากหลายคนยังมีคุณพ่อ คุณแม่ มีผู้ใหญ่ให้กอดได้ ขอให้กอดท่านไว้กล่าวว่าเป็นการแสดงความอบอุ่น รวมทั้งเป็นการดูแลอย่างใกล้ชิด เป็นนโยบายรักที่สื่อสารได้ทุกวัน

‘ร้านกาแฟในจีน’ เปิดตัวเมนูแปลก ‘ลาเต้ใส่พริก’ รสชาติ ‘เข้ม-หวาน-เผ็ด’ ยอดขาย 300 แก้ว/วัน

ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงซีของจีนเปิดตัวเมนู ‘กาแฟใส่พริก’ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างรสชาติกาแฟนมกับความเผ็ดนิด ๆ ของพริกแห้งและพริกป่น ปรากฏว่าได้รับความนิยมจากลูกค้าจนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ร้านกาแฟ Jingshi Coffee ในเมืองก้านโจว (Ganzhou) เริ่มมีชื่อเสียงจากเมนู ‘hot ice latte’ ที่เปิดตัวเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารพื้นถิ่นของมณฑลเจียงซีที่มีรสเผ็ดร้อน และปรากฏว่าเครื่องดื่มเมนูนี้กลายเป็นที่นิยมจนสามารถขายได้มากกว่า 300 แก้วต่อวัน

จากคลิปวิดีโอที่มีคนแชร์ลงใน Douyin จะเห็นว่าพนักงานร้านเทกาแฟนมใส่แก้วพลาสติก ก่อนจะผสมพริกแห้งและโรยหน้าด้วยผงพริกป่น ซึ่งลูกค้าที่ใจกล้าสั่งเมนูนี้บอกตรงกันว่า มันมีรสชาติเผ็ดกว่ากาแฟลาเต้ทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็นับว่า ‘ไม่เลว’

“ผมว่ามันก็ไม่ได้เผ็ดมากนะครับ ออกจะอร่อยดีด้วยซ้ำ” พนักงานร้าน Jingshi Coffee คนหนึ่งให้สัมภาษณ์

“รสชาติกาแฟแก้วนี้ไม่ได้แปลกประหลาดอย่างที่คนทั่วไปกลัว” เขายืนยัน

ลูกค้ารายหนึ่งรีวิวตรงกันว่า กาแฟลาเต้ใส่พริกของร้าน Jingshi Coffee “ไม่เลวเลย รสชาติออกหวานนิด ๆ มีเผ็ดปะแล่ม ๆ”

มณฑลเจียงซีได้ชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่นิยมอาหารรสเผ็ดที่สุดแห่งหนึ่งในจีน ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจว่ากาแฟลาเต้ใส่พริกจะได้กระแสตอบรับที่ดี แต่ยังมีคนท้องถิ่นบางรายที่ไม่กล้าลองเมนูนี้ เพราะกลัวว่าจะทำให้ปวดท้อง

“มันก็สร้างสรรค์ดีอยู่หรอกนะ แต่ผมไม่เอาดีกว่า กลัวปวดท้องน่ะ” ชาวบ้านคนหนึ่งให้สัมภาษณ์

สำหรับเมนู ‘hot ice latte’ นี้มีสนนราคาเพียงแก้วละ 20 หยวน และคาดว่าจะกลายเป็นเมนูเด่นประจำร้านที่เปิดขายอย่างถาวร

‘วาเลนไทน์’ เริ่มแล้ว!! ‘จ.ตรัง’ จัดงานวิวาห์ใต้สมุทร 2024 บ่าวสาว 11 คู่ เตรียมดำน้ำจดทะเบียนสมรส วันแห่งความรัก

(13 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ตรัง เริ่มงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2024 หรือ งานแต่งงานใต้ทะเล ต้อนรับวันวาเลนไทน์ ระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 27 แล้ว

เริ่มด้วยขบวนรถตุ๊กตุ๊กหัวกบจำนวน 12 คัน แห่คู่บ่าวสาวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศรวม 12 คู่ เป็นชาวไทย 9 คู่ ชาวจีน 1 คู่ ชาวมาเลเซีย 1 คู่ และไทย-อินโดนีเซีย 1 คู่ โดยแห่ไปรอบตลาดสดเทศบาลนครตรัง เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้ชมวิถีชีวิตชาวเมืองตรัง โดยการนั่งรถตุ๊ก ๆ หัวกบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตรัง และเป็นรถประจำทางที่ไม่เหมือนใครหนึ่งเดียวในประเทศ

ก่อนเดินทางไปร่วมพิธีแห่ขบวนขันหมาก ที่อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ในเขตเทศบาลนครตรัง โดยนำสินสอด ทองหมั้น และแหวนเพชรไปสู่ขอเจ้าสาวด้วย จากนั้นจึงมีการให้คู่บ่าวสาวลอดซุ้มประตูวิวาห์และลั่นระฆังรัก ก่อนจะพาคู่บ่าวสาวไปสักการะอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) อดีตเจ้าเมืองตรัง เพื่อความเป็นสิริมงคล

นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำสังข์ (น้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 แห่ง จ.ตรัง) ให้ คู่บ่าวสาวที่เข้าร่วมพิธีวิวาห์ใต้สมุทรทั้ง 12 คู่

สำหรับพิธีวิวาห์ใต้สมุทรปีนี้ มีคู่บ่าวสาวร่วมดำน้ำจดทะเบียนสมรสใต้ทะเลในวันวาเลนไทน์ ในวันพรุ่งนี้ 14 ก.พ. ที่บริเวณหินก้อนเดียว หน้าเกาะมุกด์ อ.กันตัง จ.ตรังจำนวน 11 คู่ จากทั้งหมด 12 คู่ และมีการจดทะเบียนสมรสจริง ที่เกาะกระดาน อ.กันตัง จ.ตรัง

‘ยูเครน’ โวย!! Starlink ให้กองทัพรัสเซียใช้ได้ไง ด้าน ‘อีลอน มัสก์’ แจง!! “มันเป็นแค่ข่าวปลอม”

สำนักหน่วยข่าวกรองของยูเครน ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Telegram ว่า ตอนนี้กองทัพรัสเซียกำลังใช้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ของ อีลอน มัสก์ ในเขตพื้นที่ยึดครองของรัสเซียในยูเครน พร้อมแนบหลักฐานเป็นคลิปสนทนาสั้น ๆ ที่ระบุว่าเป็นทหารรัสเซียที่คุยกันว่า ‘พวกเขากำลังใช้อินเทอร์เน็ตของ Starlink อยู่’ 

ด้าน อังเดรย์ ยูซอฟ ตัวแทนจากหน่วยข่าวกรองของยูเครนออกมากล่าวว่า ทางยูเครนมีหลักฐานการแอบใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ของกองทัพรัสเซียเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ปัญหาในเชิงระบบในไม่ช้า อีกทั้งยังเปิดเผยด้วยว่า กองกำลังฝ่ายรัสเซีย และพื้นที่ที่พบการใช้งาน ก็คือ กองพลจู่โจมทางอากาศที่ 83 ที่ปักหลักโจมตีในเมือง Klishchiivka และ Andriivka ในเขตแคว้นโดเนตสค์ ซึ่งตอนนี้อยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย

Starlink เป็นบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของอีลอน มัสก์ ปัจจุบันมีดาวเทียมส่งสัญญาณมากถึง 5,289 ดวง ครอบคลุมการใช้งานถึง 70 ประเทศในทุกทวีปทั่วโลก โดยอีลอน มัสก์ ได้เปิดให้ยูเครนใช้บริการ Starlink เป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่ช่วงเริ่มสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพื่อสนับสนุนการตอบโต้ของกองทัพยูเครน 

แต่ทว่า ต่อมาความสัมพันธ์ของอีลอน มัสก์ และ รัฐบาลยูเครนเริ่มเย็นชาต่อกัน ตั้งแต่ที่อีลอน มัสก์ สั่งให้ระงับสัญญาณในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทางคาบสมุทรไครเมีย ทำให้กองทัพยูเครนต้องพับแผนการโจมตีไครเมียด้วยโดรนพิฆาตไป โดยอีลอน อ้างว่า การโจมตีของฝ่ายยูเครนในพื้นที่ไครเมียอาจทำให้สงครามเข้าสู่จุดที่เลวร้ายมากกว่าเดิม จนถึงขั้นสงครามนิวเคลียร์ได้ 

จนกระทั่งวันนี้ที่หน่วยข่าวกรองยูเครนออกมาแถลงว่า พบหลักฐานว่ากองทัพรัสเซียสามารถเข้าถึงบริการ Starlink ของอีลอน มัสก์ ได้แล้ว พร้อมข่าวลือแพร่สะพัดว่า รัสเซียซื้ออุปกรณ์สัญญาณถูกลิขสิทธิ์ของ Starlink ผ่านทางรัฐบาลดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เป็นเหตุให้อีลอน มัสก์ ต้องออกมาโพสต์ผ่าน X ว่า “มีการปล่อยข่าวปลอมมากมายว่า SpaceX กำลังจะเปิดสัญญาณ Starlink ให้รัสเซีย ซึ่งมันเป็นแค่ข่าวปลอม สิ่งที่พวกคุณควรรู้ไว้คือ เราไม่เคยขาย Starlink ให้รัสเซีย ไม่ว่าจะทางตรง หรือ ทางอ้อม ใด ๆ ทั้งสิ้น”

เช่นเดียวกับทางรัสเซีย ดมิตริ เพสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบเครมลิน ก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนที่ว่า กองทัพรัสเซียแอบมาขโมยเสาสัญญาณ Starlink ไปใช้ หรือได้ใช้อินเทอร์เน็ต Starlink ในเขตยึดครองโดเนตสค์

แต่ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่ฝ่ายกองทัพรัสเซียจะเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตของ Starlink ได้ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ส่งสัญญาณตามขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ทหารรัสเซียก็มีโอกาสเข้าถึง Starlink ในพื้นที่ของยูเครน และอาจทำการปลอมแปลงข้อมูลเขตภูมิศาสตร์ให้แสดงว่ากำลังใช้งานอยู่ในพื้นที่ที่ถูกบล็อก หรืออยู่นอกเขตบริการ Starlink ก็ทำได้เช่นกัน

ในยุค Internet of Things ทุกอย่างเสกสรรได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ไม่เว้นแต่ความได้เปรียบในการทำศึกสงครามที่ไม่ได้วัดด้วยปริมาณกำลังพลเสมอไป ดังนั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสมอกันของฝั่งศัตรู ไม่ว่าจะซื้อใช้เอง ขอยืมใช้ หรือแอบใช้ ก็สร้างความระแวงได้เหมือนกัน

‘จีน’ เฮ!! อุตสาหกรรม ‘โลจิสติกส์’ ปี 2023 โตต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศรวม 66 ล้านล้านบาท

เมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อแห่งประเทศจีน รายงานว่าภาคโลจิสติกส์ของจีนมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2023

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของจีนทำรายได้ในปี 2023 รวม 13.2 ล้านล้านหยวน (ราว 66 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบปีต่อปี

ขณะเดียวกันภาคโลจิสติกส์ของจีนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023 โดยอัตราส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ทางสังคมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) อยู่ที่ร้อยละ 14.4 ลดลงจากปีก่อนหน้า 0.3 จุด

ส่วนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางโลจิสติกส์ของจีนก้าวหน้ามั่นคงในปี 2023 โดยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเกี่ยวกับโลจิสติกส์ตลอดปี เช่น การขนส่ง คลังสินค้า และการบริการทางไปรษณีย์ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบปีต่อปี

ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมภาคีเครือข่าย มอบรางวัลพลเมืองดีส่งคลิปขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม 'โครงการอาสาตาจราจร'

(13 ก.พ. 67) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน , นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ , คุณพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ รักษาการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) , คุณนิตยา ลีธีระกุล ผู้บริหารสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ คุณอัจฉรา บัวสมบูรณ์ ผู้บริหารสถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตรโครงการอาสาตาจราจร โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ ประจำเดือนธันวาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 20 รางวัล เงินรางวัลสูงสุด 20,000 บาท รวมเงินรางวัลที่มอบในวันนี้ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาท โดยบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า นับแต่เริ่มโครงการมาจนถึงปัจจุบัน สังคมมีความตื่นตัว มีคลิปการกระทำผิดกฎจราจรจากภาคประชาชนส่งมาให้คณะทำงานพิจารณาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเบาะแสเหล่านี้แสดงถึงความสนใจ ใส่ใจกับปัญหาการจราจร และจะเป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาการจราจร เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนให้กับผู้ใช้ทาง สำหรับผู้กระทำผิดที่ถูกบันทึกคลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปตรวจสอบและติดตามมาดำเนินคดี โครงการนี้มุ่งหวังให้ผู้ขับขี่ยับยั้งชั่งใจในการกระทำผิด เพื่อมุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม สามารถส่งคลิปการกระทำผิดกฎจราจรมายังช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ เพจอาสาตาจราจร เพจตำรวจทางหลวง เพจกองบังคับการตำรวจจราจร รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 และ จส.100 คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจผ่านการคัดเลือก นอกจากได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน 

ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้างการตระหนักรู้ในการขับขี่ปลอดภัย ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร การมีส่วนร่วมดังกล่าวเป็นการสร้างมาตรฐานทางสังคมให้เกิดความยับยั้งชั่งใจในการกระทำผิด

ในการแถลงข่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติฝากย้ำเตือนไปยังผู้ขับขี่รถทุกคน สำหรับรถทุกชนิด ต้องได้รับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย เนื่องจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลอุบัติเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(PRS) พบว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 (29 ธ.ค.66 – 4 ม.ค.67) มีผู้ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุสูงถึง 78 % ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากการได้รับใบอนุญาตขับรถถือเป็นมาตรฐานที่แสดงว่าผู้ขับขี่มีความรู้ด้านกฎหมายจราจร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ทาง รวมถึงทักษะในการขับขี่รถอย่างปลอดภัย ตลอดช่วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กวดขันดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต และไม่พกพาใบอนุญาตมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่ จึงขอรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนเข้ารับการทดสอบ จนได้รับใบอนุญาตขับรถก่อนขับรถในทาง สำหรับผู้กระทำผิดฐานขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตนั้นมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 เดือน 

'เชียงราย' เปิดอยู่ก็จับ!! พ่อเมืองเชียงรายจับต่อ 2 ร้านน้ำกระท่อมพบเด็กต่ำกว่า 18 นั่งดื่มภายในร้าน

(13 ก.พ.67) เวลา 22.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงรายได้สั่งการให้ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วย หน.ศอ.ปส.จ.ชร. สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 นายพิสิษฐ์ สันติวงษ์สกุล ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายน้ำกระท่อม

1. ร้าน กินยำป่าว 20 บาท (ชื่อเดิม มิตรภาพน้ำท่อม หวานฉ่ำ) โดยภายในร้านมีลักษณะการประกอบกิจการตบตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ทางร้านขึ้นป้ายขายยำ แต่แอบแฝงขายน้ำกระท่อม ปรุงแต่งด้วยน้ำหวาน ซึ่งจะรู้กันในหมู่เด็ก เยาวชน วัยรุ่น ว่าภายในร้านมีการจำหน่ายน้ำกระท่อมปรุง เป็นหลัก โดยมีเงินหมุนเวียนจากการขายน้ำกระท่อมหลักหลายพันบาท และเปิดโดยไม่มีเวลาปิด ตามแต่ลูกค้าจะนั่ง จากการตรวจสอบพบบางวันเปิดถึงเช้า โดยลักษณะร้าน ตั้งอยู่หลังสถานศึกษา อยู่ใกล้หอพัก และแหล่งชุมชน และจากการตรวจสอบยังพบว่าเมื่อวัยรุ่นนั่งดื่มกินที่ร้านเสร็จแล้ว จะมีการขับรถมอเตอร์ไซค์แต่งเสียงดัง ออกจากร้านในตอนดึก ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับคนในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก

จากการเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าวพบ มีผู้ใช้บริการกว่า 20 คน นั่งดื่มกินน้ำกระท่อมปรุงทุกโต๊ะ มีบางโต๊ะพรางด้วยการดื่มกินในแก้วเยติ และจากการตรวจสอบผู้ใช้บริการภายในร้าน พบมีอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน และส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 18 - 20 ปี จากการตรวจค้นภายในร้าน ยังพบอุปกรณ์แต่งรถ ทั้ง ท่อ โช๊ค และชิ้นส่วนอื่นที่ใช้ในการแต่งรถอีกเป็นจำนวนมาก และตรวจสอบภายนอกร้านพบรถจักรยานยนต์ที่มีการดัดแปลงอีกกว่า 10 คัน

ร้าน กินยำป่าว 20 บาท (ชื่อเดิม มิตรภาพน้ำท่อม หวานฉ่ำ) ตั้งอยู่ที่อาคารไม่มีเลขที่ บ้านป่าก๊อ หมู่ที่ 6 ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จากการตรวจสอบภายในร้านพบมีบุคคลแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน
จำนวน 1 คน 

2. ต่อเนื่องเวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายน้ำกระท่อม ชื่อเดิม ร้านนั่งยันท่อมกัน By หลังเซ็น ตั้งอยู่เลขที่ 248 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้มีคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวไม่มีกำหนดระยะเวลา เนื่องจากมีการจับกุมมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งมีการปล่อยปละให้เยาวชนเข้าไปนั่งดื่มกินน้ำกระท่อม ซึ่งจากการตรวจสอบอายุต่ำที่สุดมีอายุ 12 ปี โดยมีการจับกุมมาแล้วในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และครั้งที่ 3 ในวันที่ 24 มกราคม 2567 ซึ่งการจับกุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 

จากการเข้าตรวจสอบ พบร้านยังคงเปิดให้บริการโดยฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และมีผู้ใช้บริการในร้านอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งร้านดังกล่าวยังคงเปิดให้มีการนั่งดื่มกินน้ำกระท่อมปรุงภายในร้านได้ และมีการเพิ่มการให้บริการในการจำหน่ายกลับบ้านโดยบรรจุขวด ในราคาขวดละ 50 บาท และยังตรวจสอบพบยาแก้ไอเด็กอีกเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบภายในร้านพบมีบุคคลแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน
จำนวน 1 คน

ซึ่งจากการตรวจสอบ ทั้ง 2 ร้านไม่พบใบอนุญาตในทุกประเภทและไม่พบหนังสือรับรองการแจ้งการสะสมอาหาร ตามพรบ.การสาธารณสุข และมีการจำหน่ายน้ำกระท่อม โดยฝ่าฝืน พรบ.อาหารฯ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจร้านดังกล่าวยังไม่มีการตรวจความปลอดภัยของอาหารและไม่ได้ส่งมอบสลากให้สำนักงานอาหารและยาตรวจอนุมัติก่อนนำไปใช้ตามเงื่อนไขของประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาหารใหม่หรือที่ผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

‘มิ้นท์’ I Roam Alone ประกาศแยกทางแฟนหนุ่มต่างชาติ ลั่น!! ไม่มีความสุขอีกแล้ว ขอแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตดีกว่า

(14 ก.พ. 67) เพิ่งประกาศข่าวดี หลังถูกแฟนหนุ่มชาวต่างชาติคุกเข่าขอแต่งงานที่ Gateway to Hell ประเทศเติร์กเมนิสถาน พร้อมระบุว่าได้เข้าพิธีวิวาห์กันแล้วแบบแอมะซอนสไตล์ ในป่าแอมะซอนไปเมื่อปีที่ผ่านมา

แต่ล่าสุดทางด้านของ ‘มิ้นท์ มณฑล กสานติกุล’ ยูทูบเบอร์เจ้าของช่องท่องเที่ยว I Roam Alone ก็เผยข่าวเศร้าว่าได้เลิกรากับอีกฝ่ายแล้วโดยระบุข้อความว่า...

สวัสดีค่ะทุกคน

มิ้นท์มีเรื่องจะบอกนะ ตอนนี้มิ้นท์กับโจแยกกันแล้วนะคะ ด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง

จริงๆ ไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้เลย แต่เราอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขอีกแล้ว เลยดีกว่าที่ต่างคนต่างแยกไปใช้ชีวิตของตัวเองค่ะ

จริงๆ การเปลี่ยนแปลงมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แค่เราจะรับมือยังไงในวันที่การเปลี่ยนแปลงมาถึง ยังดีน้าที่เรายังมีครอบครัว มีเพื่อน มีพี่ๆ น้องที่ยังอยู่กับมิ้นท์ อยู่ไปด้วยกันนานๆ นะคะ

ไม่ต้องเป็นห่วงน้า มิ้นท์จัดการความรู้สึกได้สะอาดเอี่ยมมากเลยครั้งนี้ เพราะเราเต็มที่แล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง และไม่มีอะไรเสียดายเลยค่ะ

รวมใจร่วมโพสต์ภาพ 'สรรเสริญ-ปกป้อง' พระเกียรติ 'กรมสมเด็จพระเทพฯ' แสดงออกถึงความรัก และพร้อมยืนเคียงข้างพระองค์อย่างมีอริยะ

(14 ก.พ.67) จากกรณีที่คนกลุ่มหนึ่งแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้วยการขับรถจี้ท้าย บีบแตรป่วนใส่ขบวนเสด็จ กรมสมเด็จพระเทพฯ จนสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศ และกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เหล่าคนวงการบันเทิงรุ่นต่างๆ ต่างก็ออกมาเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็น พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค, เจ เจตริน, เกลือ เป็นต่อ, แพนเค้ก เขมนิจ, ท็อป ดารณีนุช, บอย พิษณุ, ฝ้าย เอเอฟ, น็อต วรฤทธิ์, พิม พิมพ์มาดา, นก สินจัย , นก จริยา แอนโฟเน่, หมอก้อง สรวิชญ์, เบนซ์ พรชิตา, มิค บรมวุฒิ, วี วีรภาพ, กิ๊ฟ ทีสเกิร์ต, ธัญญ่า ธัญญาเรศ, ตั๊ก บงกช, เบนซ์ ปุณยาพร เป็นต้น

โดยได้มีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์ 'สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี' มาโพสต์ลงในโลกออนไลน์ พร้อมกับการถวายกำลังใจแด่พระองค์ท่านเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ คนไทยที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่างก็ออกมาแสดงพลังอย่างมีอริยะในลักษณะเดียวกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความรักและพร้อมยืนเคียงข้างพระองค์โดยพร้อมเพรียง

#น้อมถวายกำลังใจกรมสมเด็จพระเทพฯ
#เรารักกรมสมเด็จพระเทพ

สำรวจค่าฝุ่น 'วันวาเลนไทน์' กรุงเทพฯ ระดับสีแดง 17 พื้นที่ สีส้ม 50 พื้นที่

(14 ก.พ.67) เพจกรุงเทพมหานคร โพสต์กราฟฟิคพร้อมเนื้อหาระบุว่า ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 67 เวลา 05.00-07.00 น. ตรวจวัดได้ 54.3-82.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานจำนวน 67 พื้นที่ เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 75.1 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 17 พื้นที่ ระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพจำนวน 50 พื้นที่ ดังนี้

อยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 75.1 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 17 พื้นที่ คือ

1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ : มีค่าเท่ากับ 82.9 มคก./ลบ.ม.
2.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 82.1 มคก./ลบ.ม.
3.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 79.9 มคก./ลบ.ม.
4.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 79.8 มคก./ลบ.ม.
5.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 79.7 มคก./ลบ.ม.
6.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 79.4 มคก./ลบ.ม.
7.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 78.8 มคก./ลบ.ม.
8.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 78.2 มคก./ลบ.ม.
9.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 77.6 มคก./ลบ.ม.
10.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 77.4 มคก./ลบ.ม.
11.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 76.9 มคก./ลบ.ม.
12.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 76.2 มคก./ลบ.ม
13.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 75.8 มคก./ลบ.ม.
14.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 75.7 มคก./ลบ.ม.
15.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 75.7 มคก./ลบ.ม.
16.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 75.4 มคก./ลบ.ม.
17.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 75.3 มคก./ลบ.ม.

อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 50 พื้นที่ คือ

18.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 74.8 มคก./ลบ.ม.
19.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 74.8 มคก./ลบ.ม.
20.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 73.9 มคก./ลบ.ม.
21.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 72.1 มคก./ลบ.ม.
22.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 72.0 มคก./ลบ.ม.
23.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 71.2 มคก./ลบ.ม.
24.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 70.8 มคก./ลบ.ม.
25.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 70.7 มคก./ลบ.ม.
26.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 70.4 มคก./ลบ.ม.
27.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 70.0 มคก./ลบ.ม.
28.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 69.5 มคก./ลบ.ม.
29.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 69.2 มคก./ลบ.ม.
30.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 68.8 มคก./ลบ.ม.

31.เขตดินแดง ริมถนนวิภาวดีรังสิต : มีค่าเท่ากับ 68.3 มคก./ลบ.ม.
32.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 68.2 มคก./ลบ.ม.
33.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 68.1 มคก./ลบ.ม.
34.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 67.9 มคก./ลบ.ม.
35.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 67.8 มคก./ลบ.ม.
36.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 67.6 มคก./ลบ.ม.
37.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 67.6 มคก./ลบ.ม.
38.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 67.0 มคก./ลบ.ม.
39.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 67.0 มคก./ลบ.ม.

40.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 66.8 มคก./ลบ.ม.
41.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 66.2 มคก./ลบ.ม.
42.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 66.1 มคก./ลบ.ม.
43.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 65.0 มคก./ลบ.ม.
44.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 65.0 มคก./ลบ.ม.
45.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 64.9 มคก./ลบ.ม.
46.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 64.8 มคก./ลบ.ม.
47.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 64.4 มคก./ลบ.ม.
48.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 64.4 มคก./ลบ.ม.
49.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 64.0 มคก./ลบ.ม.

50.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 63.7 มคก./ลบ.ม.
51.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 63.6 มคก./ลบ.ม.
52.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 62.2 มคก./ลบ.ม.
53.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 62.2 มคก./ลบ.ม.
54.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 61.3 มคก./ลบ.ม.
55.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 61.0 มคก./ลบ.ม.
56.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 60.9 มคก./ลบ.ม.
57.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 60.9 มคก./ลบ.ม.
58.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 60.3 มคก./ลบ.ม.
59.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 60.1 มคก./ลบ.ม.
60.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 59.6 มคก./ลบ.ม.

61.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 59.4 มคก./ลบ.ม.
62.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 59.4 มคก./ลบ.ม.
63.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 58.0 มคก./ลบ.ม.
64.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 56.7 มคก./ลบ.ม.
65.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 55.9 มคก./ลบ.ม.
66.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 55.5 มคก./ลบ.ม.
67.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 54.3 มคก./ลบ.ม.

>> สำหรับข้อแนะนำสุขภาพ :

- คุณภาพอากาศระดับสีแดง : มีผลกระทบต่อสุขภาพ
ประชาชนทุกคน : งดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

- คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)

ช่วงวันที่ 14-15 ก.พ. 67 การระบายอากาศอ่อน ประกอบกับอากาศใกล้ผิวพื้นมีลักษณะปิด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงเพิ่มขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 16-22 ก.พ. 67 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี อากาศใกล้ผิวพื้นมีลักษณะค่อนข้างเปิดสลับปิด ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง และคาดการณ์วันนี้ มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส

จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 3 จุด ดังนี้ จุดที่ 1 เวลา 13.26 น. แขวงแขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว จุดที่ 2-3 เวลา 13.26 น. แขวงลำผักชี เขตหนองจอก (อยู่ระหว่างประสานตรวจสอบจุดความร้อนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)

สำนักสิ่งแวดล้อมได้ประสานแจ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง เพื่อเป็นการบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และขอเชิญชวนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วน โดยช่วยกันปรับเปลี่ยน พฤติกรรมและลดกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละออง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ ‘5 วิธีลดฝุ่น คุณก็ทําได้’ 1. หมั่นทําความสะอาดบ้านด้วยวิธีเช็ดฝุ่น 2. งดเผาขยะ งดจุดธูป 3. ปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับมลพิษดักจับฝุ่นละออง 4. เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และ 5. ดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ ตรวจสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดํา เกินมาตรฐาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top