Wednesday, 28 May 2025
NewsFeed

‘จนท.สหรัฐฯ’ ยัน!! มีผู้เสียชีวิตจาก ‘ฝีดาษอะแลสกา’ คาด!! ได้รับเชื้อจาก ‘แมวข่วน’ และอาจเป็นพาหะนำโรค

(14 ก.พ.67) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอะแลสกา ของสหรัฐฯ รายงานว่าพบผู้ป่วยฝีดาษอะแลสกาเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตรายนี้ (ไม่มีการเปิดเผยอายุที่แน่ชัด) ซึ่งมาจากคาบสมุทรคีนาย ทางตอนใต้ของรัฐอะแลสกา ได้รับการรักษาอาการป่วยในโรงพยาบาล หลังจากติดเชื้อฝีดาษอะแลสกา และเขาได้เสียชีวิตช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ขณะที่มีรายงานว่าชายสูงอายุผู้นี้มีประวัติระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องอีกด้วย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่ตามลำพังในพื้นที่ป่าและรายงานว่าไม่มีการเดินทางและไม่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับใคร แต่มีรายงานว่า เขาเคยดูแลแมวจรจัดที่บ้านของเขา โดยแมวทดสอบไวรัสเป็นลบ แต่ก่อนหน้านี้แมวข่วนผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง แถลงการณ์ระบุ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่แมวอาจจะมีไวรัสติดอยู่ที่เล็บเมื่อมันข่วนผู้เสียชีวิต โดยพบว่า พบรอยขีดข่วนที่เห็นได้ชัดเจนใกล้บริเวณรักแร้ซึ่งเป็นจุดแรกที่ผู้เสียชีวิตแสดงอาการป่วยด้วย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานกรณีการแพร่เชื้อฝีดาษอะแลสกาจากคนสู่คน แต่แนะนำให้ผู้ที่มีอาการทางผิวหนังซึ่งอาจเกิดจากฝีดาษอะแลสกาใช้ผ้าพันแผลปิดบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ทางแพทย์ก็ยังได้แนะนำอีกว่า ประชาชนทุกคนควรล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้เสื้อผ้าที่อาจสัมผัสกับผื่นแผล

‘เอกนัฏ รทสช.’ เสนอญัตติด่วน ทบทวนถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ

(14 ก.พ. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบแผน และมาตรการ การถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมกับเกียรติยศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักชาติ เสนอโดย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 

โดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชี้แจงว่า เหตุผลที่ตนได้เสนอญัตตินี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการไปรบกวน ก่อกวนขบวนเสด็จฯ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้ประชาชนคนไทย ตนเห็นว่า กรณีนี้หากไม่มีการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน จะทำให้สถานการณ์บานปลาย กระทบต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดี โดยเฉพาะความมั่นคงของประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวตนเห็นคลิปจากสื่อมวลชน ทำให้รู้สึกตกใจ เนื่องจากชัดเจนว่าขบวนเสด็จฯที่กำลังใช้ช่องทางสัญจรเป็นขบวนที่สั้นมาก การถวายความปลอดภัยในวันนั้นดำเนินการด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระทบประชาชน นอกจากนี้ยังไม่ปรากฎว่ามีการปิดถนนเส้นนั้นเลย แต่รถผู้ก่อนเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว เจตนาชัดเจนว่าพยายามขับรถไล่ขบวนเสด็จฯ จากนั้นได้ปรากฎอีกคลิปที่ทำให้เห็นเจตนาของผู้ก่อเหตุคืออะไร

“ในขณะที่ผมรู้สึกโกรธจนเกือบถึงขีดสุดจนกระทั่งจะเกิดเป็นความรังเกียจกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น มีประโยคหนึ่งที่แว่วเข้ามาบันดาลใจให้ผมดึงสติลดความโทสะลง คือ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านได้ทรงตรัสไว้ว่า Thailand is the land of compromise ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความประนีประนอม หลังจากเกิดกรณีไปรบกวนขบวนเสด็จฯ เมื่อช่วงปลายปี 2563” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ ชี้แจงต่อว่า ตนเฝ้ารออยู่ว่า เมื่อเหตุเกิดขึ้นในวันที่ 4 ก.พ. ในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะออกมาอย่างไรบ้าง จะบังคับใช้กฎหมายอย่างไร แต่ตนรอหลังเหตุการณ์ผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ ต้องบอกว่าการแสดงท่าทีไม่ชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 10 ก.พ.ผู้ก่อเหตุเหิมเกริมไปทำโพลที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม จนกระทั่งมีการกระทบกระทั่งกับอีกฝ่ายที่ไม่พอใจ ยืนยันว่า ตนไม่อยากซ้ำเติมความร้าวฉานที่เกิดขึ้นต่อทั้ง 2 ฝั่ง แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้อีก หากเราไม่รีบบริหารจัดการสถานการณ์จะบานปลายไปสู่ความแตกแยกปะทุไปสู่ระดับประเทศ จึงขอส่งสัญญาณ และเสนอไปยังรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดดำเนินการยับยั้งไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ดังนี้…

1. ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายทันที ไม่ใช่เป็นการล่าแม่มด หรือต้องการประหัตถ์ประหารใช้ศาลเตี้ยวินิจฉัย แต่เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การใช้สิทธิเสรีภาพมีกรอบชัดเจนต้องไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่นและไม่ทำผิดกฎหมาย

2. ขอให้มีการทบทวนปรับปรุงระเบียบและแผนมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จที่ใช้มาตั้งแต่ปี2548 เนื่องจากบริบท และภัยคุกคามเปลี่ยนไป ให้มีความเข้มงวด กระชับ ชัดเจน มีเจ้าภาพ เหมาะสมทันสมัย มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ มีขอบเขตพื้นที่แบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำจนกลายเป็นแฟชั่น หรือค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้น เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่อาจกังวลว่าจะมีความเชื่อมโยงไปสู่ความยัดแย้งทางการเมือง หากปฏิบัติเข้มงวดไปจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ แต่ตนยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะตำรวจไม่ใช่เซลล์ที่ต้องมาคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้า ผู้ก่อเหตุกระทำการอย่างเหิมเกริมท้าทาย แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินการล่าช้าไป ดังนั้น เมื่อพ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 อัพเดตแล้วระเบียบและมาตการดังกล่าวต้องอัพเดตด้วย ภารกิจถวายความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องดำเนินการแบบไร้รอยต่อ

“สุดท้ายข้อเสนอที่ 3. ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชน ว่าสามารถทำอะไรบ้าง อาจมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดประชาชนจะต้องทำตัวอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่า ภารกิจการถวายความปลอดภัยไม่มีที่ไหนในโลกที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณพระเมตตา พยายามให้การปฏิบัติพระราชกรณียกิจ หรือเส้นทางการสัญจรรบกวนประชาชนให้น้อยที่สุด ผมเชื่อว่า มีประชาชนหลายคนต้องการให้ความร่วมมือ และช่วยเป็นหูเป็นตาไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะหากปล่อยปละละเลยไม่เข้มงวดเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวนำไปสู่ความวุ่นวายการปะทะให้หมู่ประชาชนจนแตกแยก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เราอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ไม่อยากเห็นค่านิยมเป็นแฟชั่นไปบั่นทอนสถาบันหลักของประเทศ จึงขอให้มีการทบทวนมาตรการต่างๆ เพื่อถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันเสาหลักของชาติ” นายเอกนัฏ ระบุ 

ทั้งนี้ สส.ฝ่ายรัฐบาล ได้มีการลุกขึ้นสนับสนุน ญัตติด่วนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ สส.ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ยังคงมองว่าต้องแก้ปัญหาจากต้นตอ ด้วยการแก้ ม.112 ต่อไป

ปรากฏการณ์ 'เสื้อสีม่วง' ฟีเวอร์!! คนแห่ซื้อกระหน่ำทั้ง 'หน้าร้าน-ออนไลน์'

(14 ก.พ. 67) สืบเนื่องจากการนัดแสดงพลัง ถวายความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขององค์กรต่างๆ รวมถึงการแสดงออกถึงความรักและห่วงใยของประชาชนไทยที่มีต่อพระองค์ทั้งในทาง Social Media แพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, TikTok ฯลฯ 

โดยบ้างก็อัปโหลดรูปลายเส้นสีขาวรูปกรมเด็จพระเทพฯ บนพื้นสีม่วง อันเป็นสีแห่งวันพระราชสมภพ ฝีมือของรองศาสตราจารย์อาวิน อินทรังษี รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร หรือบ้างก็แชร์ภาพสเก็ตสมเด็จพระชนกาธิเบศร์ ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยกรมสมเด็จพระเทพฯ บนสะพานไม้ในถิ่นทุรกันดาร โดย 'วินทร์ เลียววาริณ' ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ก็ถูกเผยแพร่ต่อๆ กันอย่างมากเช่นกัน

ทั้งนี้ จากการค้นหาข้อมูลออนไลน์ พบว่าตลอด 2 วันที่ผ่านมา ร้านค้าออนไลน์มีการจัดโปรโมชันขายเสื้อสีม่วง อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม e-Commerce ยอดฮิต อย่างช้อปปี้ หรือลาซาด้า ก็เกาะกระแส 'ปรากฏการณ์เสื้อม่วง' ครั้งนี้ ด้วยโปรโมชันลดราคา พร้อมส่งถึงมือลูกค้าฟรี

ด้านร้าน 'ภูฟ้า' ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของโครงการพัฒนาต่างๆ เพื่อส่งเสริมอาชีพประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยใช้ตราสัญลักษณ์ 'ภูฟ้า' เป็นเครื่องหมายการค้า หนึ่งในโครงการตามพระราชดำริ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็มีรายงานว่า ทางหน้าร้านขายเสื้อสีม่วงรุ่นที่มีภาพวาดฝีพระหัตถ์บนอกเสื้อถูกจำหน่ายแทบหมดสต็อกสินค้า ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา โดยยังเหลืออีกเพียงจำนวนหนึ่งใน phufa.org ไม่มากนัก

นี่คือปรากฏการณ์ ที่คงไม่ต้องพูดอะไรมากอีกแล้วว่า คนไทย #เรารักกรมสมเด็จพระเทพฯ มากแค่ไหน?

และพรุ่งนี้ (15 ก.พ. 67) คงได้ประจักษ์ด้วยสายตาตนเอง...

‘จีน’ เตรียมดึง ‘ครูเกษียณ’ กลับมาทำงาน หวังช่วยพัฒนาการศึกษาโรงเรียนเอกชน

(14 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนังสือเวียนจากกระทรวงศึกษาธิการของจีนเผยว่าจีนกำลังพยายามปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนเอกชน ด้วยการส่งเสริมให้ครูเกษียณอายุที่มีประสบการณ์เข้ามาสนับสนุนการทำงาน

หนังสือเวียนระบุว่าจะมีการเปิดตัวโครงการรณรงค์พิเศษเพื่อส่งเสริมให้ครูเกษียณอายุมีส่วนร่วมสนับสนุนการสอนและการวิจัยในโรงเรียนเอกชน ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดตัวโครงการดังกล่าวจะมีการคัดเลือกครูเกษียณอายุราว 20,000 คนทุกๆ ปี

โดยครูเกษียณอายุได้รับการส่งเสริมให้ช่วยทำงานในโรงเรียนเอกชนในภูมิภาคทางตะวันตกของจีนและภูมิภาคของกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย โดยระหว่างนี้คาดการณ์ว่าบรรดาโรงเรียนเอกชนจะพัฒนาระบบพี่เลี้ยงสำหรับครูเกษียณอายุ เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับเพื่อนร่วมอาชีพรุ่นใหม่

“คุณากร” เผยผลสอบข้อเท็จจริง “โคบาลชายแดนใต้” ยังไม่ยุติ เดินหน้าเยี่ยวยาเกษตรกรทุกกรณี

“คุณากร” ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจงผลสอบ “โคบาลชายแดนใต้” พบสารพัดปัญหา แม่โคน้ำหนักน้อยไม่สมบูรณ์ ป่วย ไม่มีเอกสารประจำตัว พร้อมเดินหน้าประชุมหาข้อยุติแก้ไขเยี่ยวยาเต็มที่

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจาก นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเกษตรกรในจังหวัดทางาคใต้ ที่ได้รับโคไม่ตรงตามคุณลักษณะจากโครงการโคบาลชายแดนใต้ ร่วมกับกรมปศุสัตว์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 ประจำจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี รวมถึงผู้แทนหน่วยงานส่วนจังหวัดจังหวัดนราธิวาส ยะลาและจังหวัดปัตตานี ผ่านการประชุมทางไกล (Zoom Meeting เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567)  

นายคุณากร กล่าวว่า หลังจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการโคบาลชายแดนใต้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน พบว่า เกษตรกรประสบปัญหาได้รับโคแม่พันธุ์ที่น้ำหนักต่ำกว่า 160 กิโลกรัม มีอาการป่วย ไม่สมบูรณ์ ซึ่งโคบางตัวล้มตาย อีกทั้ง  โคไม่มีเอกสารประจำตัว 

“ทั้งนี้ ศอ.บต. ได้สรุปประเด็นความต้องการของเกษตรกร  จะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยฟื้นฟูสภาพโคที่ไม่สมบูรณ์ ดูแลการเปลี่ยนโค พร้อมทั้ง เยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงขอให้จัดทำเอกสารสิทธิ์ของที่ตั้งคอกกลางกักกันโคปลายทาง เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของโค และสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรเมื่อได้รับโคแม่พันธุ์ ซึ่งกรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของเกษตรกร อย่างไรก็ตามเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ที่ประชุมมีมติเห็นควรให้มีการจัดประชุมหารือแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้เชิญตัวแทนเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมการประชุมในครั้งถัดไป อีกด้วย” นายคุณากร กล่าวในที่สุด

📌สถาบันพระปกเกล้า จัดอบรมโครงการผู้นำเยาวชนพลเมืองดี พื้นที่ภาคเหนือ📌

14 ก.พ.67 : สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จัดอบรมโครงการผู้นำเยาวชนพลเมืองดี จ.เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง โดยพิธีเปิด ได้รับเกียรติจาก อ.วิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า บรรยายเรื่อง “พลเมืองดี วิถีประชาธิปไตย” 

📍นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเยาวชนสัมพันธ์ Team Building และการบรรยายเรื่อง “ดิจิทัลกับการพัฒนาสังคมและมรดกทางวัฒนธรรม” โดย อาจารย์กู้เกียรติ ภูมิรัตน์ ที่ปรึกษาเลขาธิการด้านการส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง 

📍การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้า  เข้าร่วมสังเกตการณ์ และร่วมให้คำแนะนำ สร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงชื่นชมน้อง ๆเยาวชน ที่เป็นพลเมืองมีส่วนร่วมพัฒนาโครงการเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น และศูนย์ ฯ จะร่วมเป็นเครือข่ายเผยแพร่ผลงานของน้อง ๆ ต่อไป

🎯โครงการผู้นำเยาวชนพลเมืองดี มีกลุ่มเป้าหมายนักเรียน 67 คน ครูที่ปรึกษา 11 คน จาก 11 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดลำปาง กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ทั้งการบรรยายเกี่ยวกับ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเมืองภาคพลเมือง การเขียนโครงการเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในพื้นที่ รวมทั้งกิจกรรมการระดมความคิดเห็นเพื่อให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมและขยายผลต่อยอดความเป็นพลเมืองในพื้นที่ด้วย

'โรม' แซะ!! 'ชาดา' อย่าให้เขาหาว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลังปลุกผี ด้าน 'ชาดา' ไม่ทน ซัดกลับอย่าโยงมั่ว พร้อมแฉขบวนการล้มเจ้า

(14 ก.พ. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายญัตติด่วนเพื่อขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการถวายความปลอดภัยของขบวนเสด็จฯ ตอนหนึ่ง โดยได้นำภาพประกอบขึ้นสไลด์เป็นภาพแกนนำกลุ่มอาชีวะราชภักดีถ่ายร่วมกับ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และมีข้อความระบุพร้อมเซ็นเซอร์ข้อความบางส่วนในภาพว่า "พรุ่งนี้เจอปะทะไม่เจรจา ถ้า...ไม่พร้อม ทำดีไม่ได้ อย่าเนรคุณ เจอกันพรุ่งนี้ทะลุวัง ผู้ใหญ่ที่รู้จักของดนะครับ" และอภิปรายว่า วันนี้เราเห็นสัญญาณที่ชัดเจนในการสร้างความหวาดกลัว กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) มีการโพสต์ข้อความในโซเชียล ระบุว่า จะเชือดไก่ให้ลิงดูเก็บคุณตะวัน (น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ แกนนำกลุ่มทะลุวัง) เป็นคนแรก ขู่ฆ่าน้องหยก (ธนลภย์ ผลัญชัย สมาชิกกลุ่มทะลุวัง) ที่อายุ 15 ปี หรือกลุ่มอาชีวะราชภักดีที่ขู่ว่าจะจัดการนายสายน้ำ นี่คือกลุ่มคนที่จะนำความรุนแรง ความหวาดกลัวเข้ามาสู่สังคม ผ่านบุคคลสำคัญคือ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ที่มีการพูดถึงการเนรคุณแผ่นดินการปลุกปั่นแบบนี้ เป็นการปลุกปั่นให้สถานการณ์มันร้ายแรงกว่าความเป็นจริงมาก การปลุกปั่นแบบนี้จะทำให้คนทั้งสังคมไม่รู้สึกปลอดภัยแล้วท่านจะสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยในเมื่อสุดท้ายผีที่ท่านสร้างขึ้นมาก็มาจากพวกท่านเอง

"ผู้นำของประเทศต้องห้ามปราม ไม่ให้คนฆ่าฟันกัน ตนพยายามดึงสติ หากความรุนแรงมันเกิดขึ้น สุดท้ายผู้ที่ใช้ความรุนแรงซึ่งวันนี้รู้สึกว่าใช้ความรุนแรงโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร คนเขาจะหาว่ารัฐบาล คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเหล่านี้อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลย" นายรังสิมันต์ กล่าว

ทำให้นายชาดา ลุกขึ้นตอบโต้นายรังสิมันต์ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ว่า ส่อเจตนาที่ไม่ดีไม่ดีอย่างมาก สร้างความแตกแยกและคุณกำลังจะนำตนไปสู่สิ่งที่ไม่ถูกต้องและสร้างความเข้าใจผิดกับพี่น้องประชาชน ตนไม่ได้คิดจะอภิปรายแต่สิ่งที่ผู้แต่งเสียหาย เป็นการชี้จูงทางความคิดที่ท่านให้เด็กทำอยู่นั่น คือ ความรู้สึกของคนอกตัญญู มันไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่ดี การกระทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่ลักษณะการอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ ปากพูดบอกว่า ต้องการความสงบ ให้มองตั้งอยู่ตรงกลางแต่พฤติกรรมไม่ใช่ ตนอยู่ฟังตลอดเวลา เป็นการกระทำที่เสียหาย ประธานที่ประชุมอนุญาตได้อย่างไร มีบุคคลแบบนี้ เสนอแบบนี้ อนุญาตได้อย่างไร ถ้าตนจะเสนอแบบนี้จะมีปัญหาหรือไม่

"ผมไม่อยากพูดว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และไม่เกี่ยวกับญัตติ ประธานอนุญาตได้อย่างไร ประธานต้องมาขอโทษผมว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นกลาง การที่ท่านเอารูปบุคคลใดออกมาแล้วมีผม ผมไม่ฟ้องญัตตินี้เป็นเรื่องของขบวนเสด็จที่ทำร้ายจิตใจประชาชน แต่ท่านกำลังเอาเรื่องนอกประเด็นเอาเรื่องผลของกระทำมาผมจะพูดให้ฟังเด็กกระทำผิดกฎหมายกี่ครั้งแล้ว ถ้าเป็นการแสดงออกด้วยหัวใจของคนไทยไม่มีปัญหาแต่มันมีขบวนการในประเทศนี้ที่จะล้มล้างบั่นทอน อย่าพูดว่าไม่มี ถ้าพูดแบบนี้ ทำกับผมแบบนี้ เดี๋ยวผมจะพูดให้หมด ผมไม่อยากจะพูด เพราะวันนี้หัวใจรักชาติของผมมันเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่ท่านทำมันไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์ แต่ปากบอกสร้างสรรค์ ปากบอกพัฒนา แต่สิ่งทำเมื่อกี๊นี้ ผมขออนุญาตบอกว่าเลวทรามมาก ในความรู้สึกผม" นายชาดา กล่าว

นายชาดา กล่าวต่อว่า ใครเป็นคนปล่อยภาพนี้ออกมา ตนขอถามประธาน อภิปรายอยู่ดีๆ สร้างปัญหาเอง อย่าพูดว่าไม่มีขบวนการล้มเจ้า มันมี ตนพร้อมไปพูดกับทุกคนที่ปกป้องสถาบัน แต่เขาจะเอาไปทำอะไร ตนไม่รู้ ตนไม่เกี่ยว มันคนละเรื่อง มันต้องมีสามัญสำนึกในการกระทำ อย่ามาพูดูดีแต่ปฏิบัติไม่ดี เดี๋ยวตนจะลุกโต้ทุกคนที่พูด อย่ามาขัดแย้งและทำในสิ่งไม่ถูกต้องกับตน อย่ามาเล่นใต้ดินกับตน และเรียกร้องไม่ให้คนอื่นเล่นใต้ดิน ดังนั้นประธานต้องบอกว่าใครอนุญาตให้นำรูปขึ้นสไลด์ ประธานในที่ประชุม หรือประธานรัฐสภา หรือเจ้าหน้าที่มีวิจารณญาณ มีสมองหรือไม่เราชอบพอกัน ความคิดเห็นย่อมแตกต่าง ตนเข้าใจเมื่อวันที่ท่านไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ตนไม่เคยสร้างความขัดแย้งกับพรรคการเมือง หรือนักการเมือง คิดต่างไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำมือถือสากปากถือศีล

ทำให้ นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งมารับช่วงทำหน้าที่ประธานที่ประชุมต่อจาก นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ชี้แจงว่า ตนไม่ได้ดูจริงๆ ว่ามีการพาดพิง และมีการนำเสนอไปแบบนั้น แต่ตนจะหาคำตอบให้ว่าอนุญาตได้อย่างไร ก็ขอให้นายรังสิมันต์ อย่าตอบโต้ เพราะเขาคือผู้เสียหายต้องให้ชี้แจง

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายชาดามีสิทธิ์ชี้แจง แต่ขอให้ใจเย็นๆ นิดหนึ่ง เพราะถ้าฟังการอภิปรายตนขึ้นรูป เราไม่ได้ปรักปรำว่านายชาดาไปอยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งที่ต้องบันทึกไว้ แน่นอนว่านายชาดาไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ผู้ที่เขานำไปกระทำความรุนแรงต่างๆ ล่ะ โดยนายรังสิมันต์ได้ขอให้ประธานที่ประชุมนำภาพดังกล่าวขึ้นสไลด์อีกครั้ง พร้อมระบุว่า ประโยคที่อยู่ในภาพไม่ใช่คำพูดของนายชาดา แต่เป็นประโยคของผู้ที่กระทำความรุนแรง ซึ่งเขาอาจคิดด้วยซ้ำว่าเขาได้รับแบ็คอัพ ทั้งที่ความเป็นจริงอาจไม่มีคนอยู่เบื้องหลังก็ได้ ดังนั้น เรานักการเมืองทั้งหลายถูกโยงกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ จึงอยากให้มีสติ

ทำให้ นายชาดา ลุกขึ้นกล่าวโต้อีกครั้งว่า การกระทำมันบ่งบอกถึงเจตนาชัดเจน แต่คนที่พิจารณากฎหมายก็มีอยู่ คาดตา ปิดหน้าก็ได้ แต่อย่ามาบอกว่านักการเมืองถูกโยง เจตนาท่านบอกว่าตนอยู่เบื้องหลัง ถ้าตนอยู่เบื้องหลังสนุกกว่านี้เยอะ อย่าให้มีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในสภาฯ อีก ตนถือว่านายรังสิมันต์ไม่ใช้สติในการพิจารณาการกระทำ ถ้ารับไม่ได้ก็ไปอยู่ประเทศอื่น คนไทยทุกคนยอมรับได้ จะรอซักเท่าไหร่ มีแผ่นดินอยู่ มีแผ่นดินคุ้มกะลาหัว

‘วัดหมื่นเกลา’ แจกข้าวสาร-อาหารแห้ง รับวันวาเลนไทน์ ตามโครงการเปลี่ยนพวงหรีดเป็นข้าวสารเพื่อ ‘ผู้ยากไร้’

(14 ก.พ.67) ที่วัดหมื่นเกลา ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง นายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานแจกข้าวสาร อาหารแห้ง ในวันวาเลนไทน์ ตามโครงการเปลี่ยนพวงหรีดเป็นข้าวสารเพื่อผู้ยากไร้

ซึ่งทางวัดหมื่นเกลาได้ดำเนินโครงการเปลี่ยนพวงหรีดเป็นข้าวสารเพื่อผู้ยากไร้ มาตั้งแต่ปี 2565 โดยพระครูวิเทศธรรมวิรัช เจ้าอาวาสวัดหมื่นเกลา ได้มีแนวคิดเปลี่ยนพวงหรีดดอกไม้สดเป็นพวงหรีดข้าวสาร เพื่อไว้อาลัยครั้งสุดท้าย หลังจากเสร็จงานแล้วทางญาติโยมได้นำข้าวสาร อาหารแห้ง ถวายวัด และทางวัดได้ร่วมกับทางผู้นำท้องถิ่นในหมู่บ้าน นำข้าวสาร อาหารแห้งไปแจกให้แก่ผู้ด้อยโอกาสในหมู่บ้าน คนที่ได้รับก็สุขใจ คนที่ให้ก็อิ่มใจ เป็นบุญกุศลของผู้ที่ล่วงลับ เป็นการช่วยเหลือสังคมและผู้ด้อยโอกาส ต่อไป

ตม.จว.กระบี่ ตรวจเข้ม สนองนโยบาย ผบ.ตร. และ ผบช.สตม. บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ สร้างความมั่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 13-22 ก.พ. 67 โดยให้ระดมตรวจสอบและการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.กันตวัฒน์  พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.สรธรรศจ์  เอี่ยมละออ ผกก.ตม.จว.กระบี่ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุเมธ  กนกเหมพันธ์  รอง ผกก.ตม.จว.กระบี่ ,พ.ต.ต.วิรัตน์ อินทร์ยอด สว.ตม.จว.กระบี่ , พ.ต.ต.วิโรจน์ ศรีสภา สว.ตม.จว.กระบี่  จัดกำลังชุดสืบสวนตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 , เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ส.รน.1 กก.9 บก.รน. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ บูรณาการออกตรวจสอบพื้นที่รับผิดชอบ ได้ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด 4 ราย ดังนี้

1.นายซิน (สัญชาติเมียนมา) โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” ของกลางยาบ้า จำนวน 16 เม็ด
2. นายมิน (สัญชาติเมียนมา) โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” ของกลางยาบ้า จำนวน 10 เม็ด
3. นายเซ (สัญชาติเมียนมา) โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
4.นายฤทธิ์ธี (สัญชาติไทย) โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” ของกลางยาบ้า จำนวน 50 เม็ด

นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 13 ก.พ.67 ตม.จว.กระบี่ ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

-จับกุมผู้กระทำผิด พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จำนวน 41 ราย
-จับกุมผู้กระทำผิด พรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 จำนวน 2 ราย
-จับกุมผู้กระทำผิด พรบ.ยาเสพติด จำนวน 3 ราย

ด้วยในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตม.จว.กระบี่ จึงได้มีมาตรการออกตรวจพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และหากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำผิด กรุณาแจ้งมายัง ตม.จว.กระบี่ โทร 075 611097 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘บุญถาวร’ เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ยื่นไฟลิ่งขายหุ้น IPO ชูศักยภาพผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุ - อุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร

เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.67) บมจ.บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น (บริษัทฯ หรือ ‘BOON’) ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขาย IPO ไม่เกิน 320 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ชูศักยภาพผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร ทั้งร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ของกลุ่มบริษัทฯ รวมทั้งรูปแบบแฟรนไชส์ที่ร่วมทุนกับกลุ่ม SCG รวม 50 สาขาในประเทศไทย เวียดนามและกัมพูชา รวมถึงการขายสินค้าโดยตรงแก่ลูกค้าผู้ประกอบการ และช่องทางออนไลน์

นายสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BOON เปิดเผยว่า ได้เตรียมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งแก่การดำเนินธุรกิจ โดยกลุ่มบริษัทฯ เป็น ‘ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร’ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีร้านค้าปลีกสมัยใหม่รวมทั้งสิ้น 50 สาขา ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ (Strategic Location) และมีโอกาสในการเติบโตในอนาคต ประกอบด้วย

1.) ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ 15 สาขา แบ่งเป็น ร้านบุญถาวรที่เป็นรูปแบบ Stand-alone จำนวน 11 สาขา ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย มีสินค้าที่หลากหลาย และแบ่งแยกเป็นโซนต่าง ๆ และโครงการ Design Village ซึ่งเป็น Community Living Mall  จำนวน 4 สาขาโดยตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ช่วยยกระดับการบริการของบุญถาวรให้เป็นมากกว่าร้านค้าวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ผสานจุดเด่นของร้านค้าปลีกและพื้นที่ให้เช่าภายใต้แนวคิด ‘One Stop Happiness ครบจบในที่เดียว’ และ 2.) ร้านค้าปลีกสมัยใหม่รูปแบบแฟรนไชส์ที่ร่วมทุนกับ บริษัทเอสซีจี รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (กลุ่ม SCG) ภายใต้ชื่อ ‘SCG HOME’ และ ‘SCG Home บุญถาวร’ จำนวน 35 สาขา ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย 33 สาขา และต่างประเทศอีก 2 สาขา ได้แก่ เวียดนามและกัมพูชา

กลุ่มบริษัทฯ คัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพจากทั้งในและต่างประเทศที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ทั้งประเภท ดีไซน์ และคุณภาพที่เจาะกลุ่มลูกค้าทุกระดับและไลฟ์สไตล์ โดยปัจจุบันมีกลุ่มสินค้าที่จำหน่ายใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กระเบื้องและวัสดุปิดผิว เครื่องสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำที่เกี่ยวข้อง เครื่องครัว โคมไฟและอุปกรณ์ส่องสว่าง และสินค้าอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ที่จำหน่ายภายใต้ร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัทฯ กว่า 90,000 SKUs ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ (Private Brand) ที่กลุ่มบริษัทฯ ผลิตเอง และว่าจ้างผู้ผลิตภายนอก และสินค้าภายใต้แบรนด์อื่น ๆ (Market Brand) ทำให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การตกแต่งที่อยู่อาศัยอันหลากหลายของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ทั้งลูกค้ารายย่อย (B2C) และลูกค้าผู้ประกอบการ (B2B) นอกจากนี้ ยังมีโรงงานผลิตชุดครัวสั่งทำและตู้ชุดครัวสำเร็จรูปของกลุ่มบริษัทฯ มีกำลังการผลิตชุดครัวสั่งทำ 425 ยูนิตต่อเดือน และตู้ชุดครัวสำเร็จรูป 7,000 ตู้ต่อเดือน รวมถึงมีศูนย์กระจายสินค้าทั้งหมด 7 อาคาร ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อรับและกระจายสินค้าสู่ร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัทฯ ทั่วประเทศ สามารถจัดเก็บสินค้าได้มากกว่า 1 แสนตำแหน่ง บนเนื้อที่มากกว่า 90 ไร่

ขณะเดียวกัน ได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จากการเล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่จะมีแนวโน้มที่จะมีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ เว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ และแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส อาทิ Shopee, Lazada, NocNoc ฯลฯ โดย ณ 30 กันยายน 2566 มีสมาชิก “บุญถาวร แฟมิลี่” มากกว่า 1,000,000 ราย และมีบริการลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดส่งสินค้า การออกแบบสามมิติ รวมถึงบริการติดตั้ง และซ่อมแซม เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อสินค้าแบบครบวงจร (One-stop Service) ให้แก่ลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มุ่งสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและการเติบโตอย่างมั่นคง โดยใช้จุดแข็งจากการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านระดับพรีเมียมที่มีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายกระเบื้อง ร้อยละ 22.11 และส่วนแบ่งการตลาดยอดขายสุขภัณฑ์ ร้อยละ 33.51 ของประเทศไทยในปี 2565 พร้อมมุ่งเน้นในการขยายสาขาร้านบุญถาวร และปรับปรุงพื้นที่สาขาเชิงกลยุทธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และความสามารถที่จะคว้าโอกาสทางธุรกิจจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและเมกะเทรนด์ที่สำคัญ พร้อมทั้งประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนสินค้าและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงาน และประสบการณ์ของทีมผู้บริหารมืออาชีพในธุรกิจวัสดุอุปกรณ์และของตกแต่งบ้านแบบครบวงจร

“เรามีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจกว่า 40 ปี พร้อมพนักงานและผู้บริหารมืออาชีพ ทำให้สามารถจัดหาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าภายใต้แนวคิด ‘Ideas Come Alive’ และมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็น ‘Live Good Ecosystem’ มุ่งพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านสินค้าและนวัตกรรมการอยู่อาศัยเพื่อโลกที่ดีขึ้นและสังคมที่ยั่งยืน ส่งผลให้เราเป็นหนึ่งในผู้นำ และศูนย์รวมสินค้าวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรอันดับต้น ๆ ในใจของลูกค้า โดยมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายกระเบื้อง 22.1%  และมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายสุขภัณฑ์ 33.5%1 ในปี 2565 ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญหลักของกลุ่มบริษัทฯ” นายสิทธิศักดิ์ กล่าว

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า บริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,280,000,000 บาท คิดเป็นจำนวน 1,280,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.0 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 320,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ ตลอดจนเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า บริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจรที่มีศักยภาพเติบโตสูง จากจุดเด่นด้านความหลากหลายของสินค้าและบริการ มีช่องทางจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งหน้าร้านค้าปลีกทั่วทุกภาคของประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา รวมทั้งการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ครอบคลุมแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงมีกลุ่ม SCG เป็นพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งแก่การดำเนินธุรกิจและแผนงานเติบโตในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top