เมื่อวานนี้ (14 ก.พ. 67) เรื่องนักเรียนอาชีวะยกพวกตีกัน และบางครั้งก็รุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธปืนไล่ยิงกัน กลางกรุงเทพมหานคร จนหลายครั้ง ไม่ใช่แค่เด็กอาชีวะที่ร่วมก่อเหตุที่ได้รับบาดเจ็บ-เสียชีวิต แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง พลอยโดนลูกหลง บาดเจ็บ-เสียชีวิต ก็มีให้เห็นมาแล้วหลายเหตุการณ์
ปัญหาดังกล่าว เกิดขึ้นวนเวียนซ้ำซาก มาหลายสิบปี มีให้เห็นตลอดเวลา บางช่วงก็รุนแรงจนสังคมตั้งคำถามกันว่า เหตุใดปัญหาดังกล่าว ถึงแก้ไขไม่ได้เสียที ถึงขนาด อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย อย่าง ชวน หลีกภัย ยังนำปัญหาเรื่องนักเรียนอาชีวะสองสถาบันที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นคู่อริกันมาหลายสิบปี และช่วงหลังสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย นำปัญหาดังกล่าว ไปตั้งกระทู้สดกลางสภาฯ ถามนายกรัฐมนตรีและรมว.อุดมศึกษาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อันแสดงให้เห็นได้ว่า ปัญหานักเรียนอาชีวะตีกัน ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ แน่นอน
ท่ามกลางความพยายามหาทางออก เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเพราะพบว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้ 17 ก.พ. จะมีการจัดกิจกรรม ‘การแข่งขันชกมวยสากล - อาชีวะไฟท์’ (Archeva Fight) ขึ้นโดยนำนักเรียนอาชีวะทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันจากหลายสถาบันฯ ที่สมัครเข้าแข่งขันมาชกมวยกัน อันเป็นกิจกรรมที่ผู้จัดกิจกรรมบอกว่า “เพื่อเปิดพื้นที่แสดงออกในทางสร้างสรรค์จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ลดการแบ่งแยก รวมใจเป็นหนึ่ง เพราะแม้ต่างสถาบันแต่ไม่ต่างความคิด ร่วมสร้างสรรค์สายสัมพันธ์”
ส่วนรายละเอียดกิจกรรมอาชีวะไฟท์ดังกล่าวเป็นอย่างไรเรื่องนี้ ‘ธนเดช ตุลยลักษณะ’ หรือ ‘เนศ อาชีวะ-ประธานกลุ่มอาชีวะพ่อกูวิษณุกรรม’ แกนนำหลักในการจัดกิจกรรมดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า กลุ่มพ่อกูวิษณุกรรมจัดกิจกรรม อาชีวะไฟท์ เพื่อหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นำไปสู่การช่วยลดปัญหาการตีกันของนักศึกษาอาชีวะของสถาบันต่างๆ โดยเป็นการจัดเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และสร้างสัมพันธ์ไมตรี ของน้องๆนักเรียน-นักศึกษาอาชีวะของทุกๆสถาบัน ที่เข้าร่วมกิจกรรมอาชีวะไฟท์ เพื่อทำให้นักศึกษาอาชีวะได้รู้จักกันมากขึ้น เพราะเมื่อได้มาเจอกัน ทำให้เกิดความรักความสามัคคีกัน เชื่อว่าจะเป็นอีกกิจกรรมที่ทำให้สามารถลดความรุนแรงเรื่องปัญหาการตีกันของอาชีวะได้
ส่วนที่มาที่ไปของการแข่งขันชกมวย ‘อาชีวะไฟท์’ ครั้งนี้ ทาง ‘ธนเดช-เนศ อาชีวะ-ประธานกลุ่มอาชีวะพ่อกูวิษณุกรรม’ เล่าวไว้ว่า กลุ่มอาชีวะ พ่อกูวิษณุกรรม ได้มีการพูดคุยกันว่า ปัญหาสังคมเรื่องนักเรียน-นักศึกษาอาชีวะ เกิดการเผชิญหน้า มีการตีกัน โดยบางเหตุการณ์ก็รุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธยิงกัน จนทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับลูกหลงอย่างกรณีครูเจี๊ยบ (ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ระดับชั้น ม.ต้น โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ) ที่โดนลูกหลง นักเรียนอาชีวะคู่อริไล่ยิงกัน จนเสียชีวิตบริเวณป้ายรถเมล์ย่านคลองเตยเมื่อปี 2566 และยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ได้รับลูกหลงตามไปด้วยตอนที่มีการตีกัน
...ทางกลุ่มเรา คุยกันว่าจะมีทางใดที่แก้ไขปัญหาได้ จนทางกลุ่มเกิดไอเดียขึ้นมาว่า น่าจะมีการจัดกิจกรรมต่อยมวยน่าจะดี เพราะที่ผ่านมา อาจจะเคยมีการจัดกิจกรรมเช่น เตะฟุตบอล แต่ก็พบว่ายังไม่ตรงจุดเพราะมีเสียงสะท้อนว่า จัดเตะฟุตบอลของนักศึกษาอาชีวะ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ก็พบว่า คนที่เกเร ที่ชอบก่อเรื่อง ตีกัน-ยิงกัน เขาก็ไม่เล่นฟุตบอลอีก เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว แต่น้องๆนักเรียนอาชีวะ ที่ชอบตีกัน เขาไม่ได้มีความสามารถเรื่องการเตะฟุตบอล ก็อาจแค่ไปเชียร์ แต่ไม่ได้ร่วมลงเตะด้วย ก็ทำให้ไม่รู้สึกว่าเขามีตัวตน แล้วก็ยังพบว่า มีการจัดเตะฟุตบอล แต่กลายเป็นว่า มีการตีกันอีก แทนที่จะได้เชื่อมความสัมพันธ์ โดยบางคนก็ทำเพราะต้องการสร้างตัวตน จะได้ดัง ดูเท่ห์ เพราะเขามีความเชื่อมั่น เลยทำให้กิจกรรมเตะฟุตบอลของอาชีวะ เลยไม่ค่อยตอบโจทย์
“ธนเดช-เนศ’ กล่าวต่อไปว่า แต่สำหรับการจัดแข่งขันชกมวย อาชีวะไฟท์ เราคิดกันว่า กิจกรรมต่อยมวยอาชีวะไฟท์ ทำให้เด็กอาชีวะที่อาจดูแสบ ๆ แต่เล่นฟุตบอลไม่ได้ แต่ต่อยมวยกันได้ ก็เลยทำให้คิดว่าน่าจะจัดกิจกรรมให้เด็กอาชีวะมาชกมวยกันดีกว่า เพราะใช้ความสามารถแค่คนที่จะต่อยคนเดียวและยังเป็นการสร้างตัวตนได้ด้วย ที่น่าจะช่วยแก้ปัญหา ได้ตรงจุดมากกว่า
..สำหรับการเตรียมงานในครั้งนี้ หลังได้ข้อสรุปการจัดกิจกรรมอาชีวะไฟท์แล้ว ทางผู้จัดได้ทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ่านช่องทางต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ทราบว่าจะมีการจัดกิจกรรมต่อยมวยอาชีวะไฟท์ โดยจะเป็นศิษย์เก่าหรือศิษย์ปัจจุบันก็สามารถร่วมกิจกรรมได้หมด พบว่า มีกระแสตอบรับที่ดี คนให้ความสนใจ มีน้อง ๆ นักเรียนอาชีวะ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมจนครบตามจำนวนที่ตั้งไว้ คือ 10 คู่ชก
‘ธนเดช เนศ’ กล่าวถึงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นวันเสาร์ที่ 17 ก.พ.นี้ว่า จะเริ่มกิจกรรมการชกกันเวลา 18.00 น. จนถึง 20.00 น. และพอกิจกรรมเสร็จในช่วงค่ำจะมีการเปิดเพลง ร่วมกันร้องเพลง สร้างบรรยากาศแบบเป็นพี่เป็นน้องกัน เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี
..โดยอาชีวะไฟท์จะจัดกันที่ บริเวณด้านหน้าของอาคารชื่นฤทัยในธรรม ถนน ประชาราษฎร์ อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่โล่ง เวทีจะมีขนาด 5x5 เมตร และจะมีการวางเบาะที่เป็นเบาะหนาไว้ที่พื้น การชกจะเป็นมวยสากล ชกกันคู่ละหนึ่งยก เป็นเวลา 3 นาที โดยจะมีการใส่นวม-ใส่ฟันยาง และมีกรรมการฯ ที่เป็นกรรมการมืออาชีพมาทำหน้าที่กรรมการบนเวที อีกทั้งยังมีการจัดเตรียมรถพยาบาล Ambulance มาเตรียมพร้อมไว้ด้วย รวมถึงมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความสงบเรียบร้อย-ความปลอดภัยตลอดกิจกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้จัดให้ความสำคัญมาก ส่วนกองเชียร์เราก็จะให้มีการยืนคล้องแขนกันรอบเวทีเพื่อร่วมกันเชียร์ขณะที่มีการต่อยกัน
‘ธนเดช เนศ’ ย้ำว่า ทางผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า จะจัดอาชีวะไฟท์แบบนี้อีกหลายครั้ง ไม่ได้จัดแค่รอบนี้รอบเดียว เพราะเมื่อมีการจัดไปเรื่อย ๆ จนคนรับรู้กิจกรรมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เชื่อว่าจะช่วยลดความรุนแรงของปัญหาเด็กอาชีวะตีกันได้ คือ หากใครอยากจะเจ๋ง อยากจะเก๋าส์ ก็มาร่วมกิจกรรมได้ในการจัดครั้งต่อ ๆ ไปชองอาชีวะไฟท์ได้
“เพราะนี้คือเวทีที่ตอบโจทย์ความต้องการในการสร้างตัวตนได้ นี้คือสิ่งที่ผู้จัดกิจกรรมอาชีวะไฟท์คาดหวัง ที่เราเชื่อว่าหากกิจกรรมนี้เข้าถึงเด็กอาชีวะได้ในวงกว้าง มันจะทำให้ช่วยแก้ปัญหาช่วยลดการตีกันของเด็กอาชีวะได้”
สุดท้าย กิจกรรมแข่งขันชกมวย อาชีวะไฟท์ จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่จะช่วยลดปัญหานักเรียนอาชีวะตีกันได้หรือไม่ คงต้องรอดูกันไป เพราะปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาที่ต้องแก้แบบระยะยาว ที่คงต้องหาวิธีการแก้ปัญหาหลายอย่างควบคู่กันไปด้วย