Friday, 6 June 2025
NewsFeed

ทหารหญิงอิสราเอลเชื้อสายจีนถูกเพื่อนทหารข่มขืน ข่าวที่ไม่ปรากฏในบรรดาสื่อที่สนับสนุนอิสราเอล

ทหารหญิงอิสราเอลที่เกิดในจีนถูกเพื่อนทหารข่มขืน ข่าวเกี่ยวกับการข่มขืนทหารหญิงอิสราเอลที่มีเชื้อสายจีนโดยเพื่อนทหารของเธอระหว่างที่เธอมีส่วนร่วมในการสู้รบในฉนวนกาซาได้แพร่สะพัดใน Social media ระบุว่า ‘Abigail Weinberg’ ทหารหญิงอิสราเอลซึ่งอพยพมาจากประเทศจีน และเข้าร่วมในกองทัพอิสราเอล ในระหว่างที่เธอมีส่วนร่วมในการสู้รบในฉนวนกาซา เธอถูกเพื่อนทหารข่มขืน 

‘Watan’ หรือ เว็บไซต์ข่าวรายวันของอียิปต์ ได้ติดตามคดีนี้ที่เผยแพร่บน Social media และพบบทความที่ตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ภาษาฮีบรู ‘Yedioth Ahronoth’ เมื่อเดือนกันยายน 2023 ได้เล่าเกี่ยวกับทหารหญิงเชื้อสายจีนในกองทัพอิสราเอล โดยระบุว่าเธอชื่อ ‘Abigail Weinberg’ บทความในหนังสือพิมพ์กล่าวถึงว่า ‘Abigail Weinberg’ อพยพมาจากจีนมายังอิสราเอลตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก และตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพอิสราเอล โดยปัจจุบันเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานในกองพลทหารปืนใหญ่ที่ 215 และหน่วยของเธอได้ปฏิบัติการในที่ราบสูงโกลาน

ข่าวการข่มขืน Abigail ถูกเผยแพร่โดย Israeli Broadcasting Corporation กล่าวถึงการจับกุมและดำเนินคดีทหารจากกองกำลังสำรองของอิสราเอลในข้อหาข่มขืนเพื่อนร่วมงาน ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการร่วมกับเขาในฉนวนกาซา รายงานเสริมว่าคำฟ้องของทหารรายนี้ครอบคลุมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนดึกของช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของสงครามอิสราเอลในฉนวนกาซา เนื้อข่าวยังเปิดเผยว่าสารวัตรทหารอิสราเอลจับกุมทหารรายดังกล่าวในข้อหาข่มขืนเพื่อนร่วมงานระหว่างปฏิบัติการทางทหาร

'สุริยะ' อัปเดต!! 'สะพานข้ามคลองตำมะลัง' เมืองสตูล คืบหน้า 75%  คาดเสร็จกลางปีนี้ ช่วยหนุน 'ศก.-ขนส่งสินค้าเกษตร-ประมง' ได้มาก

(7 ก.พ.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับพระราชทานพระราชานุมัติจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปัจจุบันมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 75 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2567 โดยโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจากประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะตำมะลัง ประมาณ 2,000 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนในการเดินทาง ที่ผ่านมาการเดินทางต้องสัญจรด้วยเรือข้ามฟาก ต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที 

ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนบนเกาะตำมะลัง และประชาชนทั่วไป ให้สามารถเดินทางระหว่างเกาะตำมะลังและแผ่นดินใหญ่ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถเดินทางไปยังโรงพยาบาลเมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือการอพยพประชาชนในกรณีเกิดภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจการขนส่งสินค้าทางการเกษตรและประมงในพื้นที่อย่างยั่งยืน

สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง จังหวัดสตูล ทช. ได้ตรวจสอบสภาพพื้นที่ของตำบลตำมะลัง ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ทช. จึงได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณานำเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางบกและอากาศ 

จากนั้น ทช. จึงได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบ และได้เริ่มก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง ในปี 2563 มีจุดเริ่มต้นจากแยก ทล.406 บริเวณ กม. ที่ 93+900 ด้านขวาทาง ขนาด 2 ช่องจราจร ตรงเข้าสู่ ท่าเทียบเรือประมงเอกชนริมคลองตำมะลัง จากนั้นสะพานจะข้ามไปยังฝั่งบ้านตำมะลังเหนือ หมู่ที่ 2 ผ่านพื้นที่เกษตรกรรมและถนนดินไปสิ้นสุดที่บริเวณถนนสาธารณะของหมู่บ้าน ใช้งบประมาณ 433.190 ล้านบาท 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างงานติดตั้งโครงสร้างราวกันตก งานพื้นสะพานช่วงกลางน้ำ งานติดตั้งชิ้นส่วนสำเร็จรูปพื้นสะพานและงานถนนคอนกรีตเสริมเหล็กฝั่งเกาะตำมะลัง โดยมีรายละเอียดการก่อสร้าง ดังนี้...

- ถนนต่อเชื่อมฝั่งแผ่นดิน บริเวณ กม. ที่ 0+000 - 0+690.500 เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร พร้อมไหล่ทาง ความยาว 660 เมตร

- สะพานข้ามคลองตำมะลัง บริเวณ กม. ที่ 0+690.500 - 1+491.500 เป็นโครงสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก มีพื้นสะพานเป็นแบบคานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่อง ขนาด 2 ช่องจราจร พร้อมทางเท้า ความยาว 801 เมตร

- ถนนต่อเชื่อมสะพานฝั่งเกาะตำมะลัง บริเวณ กม. ที่ 1+491.500 - 2+750 เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร พร้อมไหล่ทาง ความยาว 1,200 เมตร ในส่วนการก่อสร้างลานจอดรถฝั่งเกาะตำมะลัง สามารถรองรับรถยนต์ได้ประมาณ 80 คัน รถจักรยานยนต์ประมาณ 126 คัน และก่อสร้างบันไดทางลาดขึ้นลงสะพาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินข้ามคลองตำมะลังได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ระหว่างการก่อสร้าง ทช. ได้จัดประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน กลุ่มเป้าหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ผู้แทนกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการ ลักษณะโครงการ ขั้นตอนการดำเนินงาน ความคืบหน้าโครงการ พร้อมทั้งได้ตอบข้อซักถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้ที่เข้าร่วมประชุม เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด ซึ่งได้จัดประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ครั้งที่ 3 ไปเมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ลานมัสยิดบ้านตำมะลังเหนือ

‘เริงชัย ประภาษานนท์’ ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้าง ‘อินทรีแดง’ เสียชีวิตในวัย 94 ปี

(7 ก.พ. 67) นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า นายเริงชัย ประภาษานนท์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2562 ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ณ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี สิริอายุ 94 ปี โดยทางครอบครัวแจ้งว่าจะมีกำหนดรดน้ำศพ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14.00 น. และกำหนดสวดพระอภิธรรมศพ วันที่ 7, 8 กุมภาพันธ์ เวลา 18.00 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เวลา 19.00 น. ณ วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ศาลา 2 ซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และกำหนดการพิธีฌาปนกิจ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14.00 น.

อธิบดีสวธ. เปิดเผยอีกว่า นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม มอบหมายให้กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม โดยกลุ่มสวัสดิการศิลปินแห่งชาติฯ ดำเนินการจัดสวัสดิการช่วยเหลือ ดังนี้ มอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพ จำนวน 20,000 บาท ค่าเครื่องเคารพศพ 3,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท ด้วย

สำหรับประวัติของ นายเริงชัย ประภาษานนท์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2562 เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472 ที่อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ขณะศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนนันทนศึกษา เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2487 โรงเรียนปิดลง เริงชัยออกมาทำงานที่โรงไฟฟ้าสามเสน เมื่อโรงไฟฟ้าถูกระเบิดทำลาย ได้งานทำใหม่เป็น ช่างเรียงพิมพ์

และเริ่มเขียนเรื่องสั้นเรื่องแรกชื่อ ‘พรหมบันดาล’ ตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘รัตนโกสินทร์’ ใช้นามปากกา ‘สุริยา’ ต่อมาเขียนนวนิยายแนวบู๊ใช้นามปากกา ‘เศก ดุสิต’ เรื่อง ‘สี่คิงส์’ และ ‘ครุฑดำ’ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์อักษรสมิต 

ตามมาด้วยเรื่องในชุด ‘อินทรีแดง’ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น มีชื่อเสียงเป็นที่นิยม จนต้องนำตัวละครจากทั้ง 2 เรื่อง คือ ‘คมน์ พยัคฆราช’ และ ‘โรม ฤทธิไกร’ มามีบทบาทร่วมกันในเรื่อง ‘จ้าวนักเลง’ ต่อมาเรื่อง ‘พยัคฆ์ร้ายไทยถีบ’ ตีพิมพ์ในนิตยสารอาทิตย์รายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์อักษรโสภณ เริงชัยใช้นามปากกา เศก ดุสิต, เกศ โกญจนาศ, ศิรษา, ดุสิตา, สุริยา และลุงเฉื่อย

ในสมัยสื่อสิ่งพิมพ์ เฟื่องฟู ผลงานของเริงชัยเป็นที่ต้องการของหนังสือต่าง ๆ ในสัปดาห์หนึ่งจึงต้องเขียนนวนิยายส่งนิตยสารถึง 5 เล่ม ผลงานมีทั้งหมดกว่า 50 เล่ม ส่วนใหญ่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เริงชัยได้รับรางวัลนราธิป จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2552 ผลงานชุด ‘อินทรีแดง’ เป็นหมุดหมายของอาชญนิยายไทย เริงชัยสามารถสร้างตัวละคร ‘อินทรีแดง’ ให้เป็นบุคคลในอุดมคติเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเยียวยาจิตใจของผู้คนในสังคมให้มีพลังและแกร่งกล้า เพื่อต่อสู้กับอำนาจ ความชั่วร้าย อินทรีแดงเป็นวีรบุรุษในหัวใจนักอ่าน เป็นคนดี คนเก่งที่ช่วยแก้ปัญหา ไม่เพียงแต่ในสังคมเล็ก ๆ หรือ ชุมชน หากหมายรวมถึงปัญหาของบ้านเมืองด้วย เป็นตัวแทนของคนไทยในการปราบปรามความชั่วร้ายในสังคม

ผลงานของเริงชัยมีพลังทางวรรณศิลป์ ผ่านโครงสร้างนวนิยายอันซับซ้อน และด้วยภาษาอันทรงประสิทธิภาพ ผลงานจึงได้รับความนิยม และยืนยงข้ามกาลเวลา อยู่ในความทรงจำของนักอ่านมาทุกยุคทุกสมัย นายเริงชัย ประภาษานนท์ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2562

ผู้อาวุโสสูงสุด 'ตระกูลอภัยวงศ์' ชี้ชัด!! 'พิธา-ก้าวไกล' ไม่ใช่ญาติ-คนในตระกูล

(7 ก.พ. 67) จากกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกขุดคุ้ยที่เคยโพสต์รูปตึกจวนของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในจังหวัดพระตะบอง กัมพูชา ว่า เป็นบ้านของคุณยาย เคยอยู่อาศัยเมื่อร้อยปีก่อน ทำคนสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘ตระกูลอภัยวงศ์’ หรือไม่อย่างไร จนกระทั่งนายพิธา ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไปจากอินสตาแกรมเรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เกาะติดเรื่องดังกล่าว โดยเผยแพร่ภาพที่ระบุว่าเป็นแชทของ นายคฑา อภัยวงศ์ หรือคุณต๊ะ ปัจจุบันอายุ 88 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของนายควง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์ประจำตระกูลที่มีสมาชิก 97 คน โดย ผศ.ดร.อานนท์ โพสต์ข้อความระบุว่า…

ผู้อาวุโสสูงสุดในตระกูลอภัยวงศ์ แหก ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ไม่ใช่ญาติ

เข้าใจว่า คุณคฑา อภัยวงศ์ บุตรชายของคุณควง อภัยวงศ์ อายุ 88 ปี น่าจะเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุดในตระกูลอภัยวงศ์ในเวลานี้นะครับ

เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นบิดาของนายควง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และนายควง อภัยวงศ์ เป็นบิดาของคุณคฑา อภัยวงศ์

ไลน์ของคุณคฑา อภัยวงศ์ที่ส่งถึงลูกหลานในห้องไลน์ของตระกูลอภัยวงศ์ กรณีของนาย Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อ้างว่าคุณยายเคยอาศัยในจวนของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เมืองพระตะบอง มีดังนี้ครับ

“…เรื่องคุณพิธา ถ้ามีใครถาม ตอบได้เลยว่า

1. ไม่ใช่บุคคลในตระกูลอภัยวงศ์
2. การแอบอ้างว่าเคยอยู่ในตึกในภาพ เป็นการโอ้อวดสร้างภาพฐานะ ตามปกตินิสัยเขมร เพราะแม้แต่เคยอยู่ในบริเวณจวนเจ้าเมืองก็ยังไม่มี
3. ตึกที่พระตะบอง เป็นที่ทำการของฝรั่งเศส มากว่า 120 ปี คุณยายเกิดแล้วหรือยัง…”

ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะได้ข้อยุติแล้วในระดับหนึ่งนะครับ ถ้าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลอภัยวงศ์ท่านออกมาสั่งลูกหลานเองเช่นนี้ครับ

โปรดช่วยกันแชร์ต่อไปให้ถึงมวลชนคอนด้อมส้มสามกีบด้วยนะครับ

อีกทั้ง ผศ.ดร.อานนท์ ยังเผยแพร่โพสต์ของ ‘ตรีดาว อภัยวงศ์’ ที่ระบุว่า...

เรื่องคุณพิธา กับคำกล่าวที่ว่า #บ้านเก่าคุณยาย “My grandmother used to live in this house almost 1 century ago” และถ่ายภาพตึกที่เป็นของ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ต้นตระกูล ‘อภัยวงศ์’ ทำเอา 2 วันนี้ ตรีดาวและญาติๆ ชุลมุนกันมากว่าจะตอบคำถามที่มีคนมาถามว่า “เป็นญาติกันหรอ อย่างไร สายไหน”

เลยขออธิบายแบบนี้นะคะ

1. คุณยายคุณพิธา ชื่ออะไร นามสกุลเดิมอะไร ถ้าทราบก็พอจะเชื่อมโยงได้ เนื่องจากตอนนี้หากัน (ยัง) ไม่เจอ ไม่มีใครรู้จักคุณพิธา
2. คุณยายเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้เมื่อไหร่ ด้วยสถานะอะไร
3. เนื่องจากตึกนี้ถูกรัฐบาลกัมพูชา ในปกครองของฝรั่งเศสยึดไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนไทยต้องยอมเสียมณฑลบูรพา อันได้แก่ พระตะบอง เสียมราช ศรีโสภณ ให้ฝรั่งเศสในสงคราม รศ 112 (พ.ศ. 2436)
4. เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) อพยพครอบครัวกลับมาอาศัยที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2450 โดยยังไม่มีโอกาสได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น ท่านยอมกลับมาเพราะไม่ต้องการเป็นข้ารับใช้ฝรั่งเศส คนในตระกูลอภัยวงศ์ ได้รับการสั่งสอน อบรม ให้จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์มาทุกชั่วอายุคน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและวางพระราชหฤทัยส่งให้บรรพบุรุษของตระกูลไปปกครองเมืองพระตะบองจนถึงสมัยที่ไทยต้องเสียดินแดนส่วนนี้ไป

5. ช่วงสงครามอินโดจีน (ระหว่างปี 2484-2489) ไทยได้ดินแดนส่วนนี้ คืนมานายควง อภัยวงศ์ บุตรชายของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย นำธงชาติไทยกลับไปชักขึ้นเหนือดินแดนแห่งนี้ด้วยตัวเอง จากนั่นรัฐบาลไทยส่งนายเชียด อภัยวงศ์ หลานของเจ้าพระยาฯ ไปเป็นผู้แทน ซึ่งระหว่างนั้น นายเชียด และครอบครัว ได้กลับไปใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่ทำการอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ทรุดโทรมมาก (ภายหลังได้รับการบูรณะจากรัฐบาลกัมพูชา และเปิดใช้สำหรับต้อนรับแขกเมืองเท่านั้น)
6. สมัยสงครามอินโดจีน เรามีผู้แทนราษฎร จังหวัดพระตะบอง ชื่อนายชวลิต อภัยวงศ์ และนายประยูร อภัยวงศ์ เป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดพิบูลสงคราม (เสียมราชในปัจจุบัน) ทั้งสองจังหวัด อยู่ในประเทศไทย
7. ถ้าคุณยายคุณพิธา อาศัยในบ้านหลังนี้ช่วง 100 ปีที่แล้ว น่าจะรู้จักกับญาติๆ อภัยวงศ์ ที่ไปเป็นผู้แทน และทำงานให้บ้านเมืองในเวลานั้น
8. แม้คนในตระกูลจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น ก็ไม่ใช่ในฐานะเจ้าของ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า คุณยายของคุณพิธา จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
9. หากคุณยายของคุณพิธา เคยอยู่ที่นี่ และเรียกว่าเป็นบ้านของคุณยาย เราก็มีเหตุให้สงสัยว่า คุณยายเป็นใครกัน หรือพวกเราจะไม่รู้เอง คงต้องรอให้คุณพิธามาอธิบายเชื่อมโยงให้คนในตระกูลฟังซะแล้ว

(หากมีอะไรคลาดเคลื่อนไปก็คงเป็นความเขลาหรือไม่รู้ของอีชั้นเองค่ะ)

'นักวิชาการ' ฟาดสื่อไทยเลือกปฏิบัติ พอ 'พิธา' โกหกสารพัด ไม่ถูกเล่นงาน

(7 ก.พ.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

ความอยุติธรรมของสื่อมวลชนไทย การเลือกปฏิบัติกรณีพี่เอ้กับทิมพิธาโป๊ะแตก

พี่เอ้ ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อาจจะขี้โม้สักหน่อย พูดว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ของหลานอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ครั้งเดียว แล้วทุกคนจับโป๊ะได้ว่าไม่เป็นความจริง พี่เอ้ โดนสื่อทุกช่องทางเล่นข่าวนี้จนพี่เอ้ไม่ได้ผุดได้เกิดในทางการเมืองเลยจนบัดนี้

ส่วนกรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกจับโป๊ะแตกว่าขี้โม้โกหกสารพัด แต่สื่อส่วนใหญ่เลือกปฏิบัติไม่นำเสนอเล่นงานนายพิธา ไม่เหมือนกับกรณีของพี่เอ้ โป๊ะแตกของนายพิธามีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

1. กลับจากเมืองนอกมางานศพพ่อไม่ทัน
2. บ้านของคุณยายเป็นจวนของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่พระตะบอง ในกัมพูชา
3. ติดสติ๊กเกอร์ยกเลิก 112 แต่บอกว่าไม่ต้องการยกเลิก 112 แค่ต้องการแก้ไข
4. ถูกส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ตอนอายุ 11
5. จบปริญญาตรีสองใบจากธรรมศาสตร์ และ University of Texas at Austin
6. เคยขึ้นสแตนด์เชียร์ รร.กรุงเทพคริสเตียน ในงานฟุตบอลจตุรมิตร
7. ไม่เคยสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์
8. ภาพวาดลอกเลียนแบบงานของโมเนต์
9. เขียนอีเมลหารุ่นพี่ MIT เจ้าของไฟเซอร์ที่ตายไปแล้วเกือบร้อยปี
ฯลฯ อะไรอีกก็ไม่รู้

ทั้งหมดนี้แค่จะบอกว่าสื่อไทยไม่ยุติธรรม เล่นงานพี่เอ้จนแหลกเละทางการเมือง แต่ไม่เล่นงานพิธา ทั้งๆ ที่โป๊ะแตกกว่าพี่เอ้มากมาย

ไม่อยากจะเชื่อ!! ขับรถไล่-บีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ ในวันที่สถาบันฯ ปรับตัวอย่างสูงกับการใช้ 'รถ-ถนน'

(7 ก.พ.67) ช่องติ๊กต็อก ‘Spark Update’ โพสต์คลิปวิดีโอแสดงความคิดเห็น จากกรณี ‘THE STATES TIMES’ โพสต์ข้อมูลประเด็น น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และพวก ช่วงขณะที่นั่งอยู่ในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มีพฤติการณ์บีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนกรมสมเด็จพระเทพฯ กำลังเสด็จบนทางร่วมของต่างระดับมักกะสัน และขับรถยนต์ด้วยความเร็วเพื่อไปให้ทันขบวน แต่เมื่อมาถึงบริเวณทางลงด่วนพหลโยธิน 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่รถปิดท้ายสกัดกั้นไม่ให้รถยนต์คันดังกล่าวลงไปร่วมกับขบวนได้ โดยระบุว่า…

“จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยหรืออะไรก็ตาม แบบนี้ไม่ควรทํา…ซึ่งเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยหรืออะไรก็ตามแต่เกี่ยวกับเรื่องของขบวนเสด็จ อย่างไรก็ต้องขับเคลื่อนด้วยวิธีการอื่น แล้วเรื่องแรกคือเส้นทางในการปิด ไม่ได้ปิดทุกเลน ส่วนเรื่องที่สองเรามองว่าสถาบันปรับพระองค์ท่านเยอะมากแล้ว ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ซึ่งเขาปิดเพียง 30 วิ ไม่ใช่ 1 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง 5 ชั่วโมง แต่มันคือ 30 วิ…

ดังนั้นจึงรู้สึกว่าการที่ไปบีบแตร หรืออะไรก็ตาม มันคือการคุกคามในมุมของเรา ซึ่งการดํารงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์เราคิดว่าจําเป็นมาก ๆ ในสถานการณ์ที่บนโลกนี้เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะประเทศเรา ซึ่งก็ไม่ต้องไปพูดถึงขนบวัฒนธรรม สถาบันกษัตริย์ในเชิงการทูตเอยหรืออะไรเอยมีหลายมิติ เราอาจจะรู้สึกว่าทําแบบนี้ไม่ควร เราขับเคลื่อนด้านอื่น นําเสนอแนวคิดอย่างงี้ได้ แต่ว่าการทําในลักษณะดังกล่าวนี้มองว่ามันไม่เหมาะสมด้วยประการและทั้งปวง

ซึ่งไม่คิดว่าจะได้เห็นสิ่งอะไรพวกนี้ แล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นการขับเคลื่อนที่ดูแล้วมันไม่ได้สร้างอะไรเลย แล้วพอจะมีการไปแจ้งความดําเนินคดีมันก็กลายเป็นเหมือนกลั่นแกล้งอีก แต่สุดท้ายแล้วต้นสายปลายเหตุของเรื่องดังกล่าวมันก็ถูกจัดขึ้นรึเปล่า ถูกวางแผนหรือเปล่า… การติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านก็ไม่ได้ติดตามยาก และในขณะเดียวกันนี้กฎหมายประมวล กฎหมายอาญามาตรา 112 ก็คุ้มครองเพียงแค่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี ผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ และมกุฎราชกุมารเท่านั้น…”

ลำดับเหตุการณ์สำคัญ JKN ก่อน ตลท. สั่งแจงขาย ‘หุ้นนางงาม’

จากกรณีที่ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ได้ทำการขายและโอนหุ้น ใน JKN Legacy ในสัดส่วนร้อยละ 100% ของหุ้นทั้งหมด ให้กับ JKN Global Content ก่อนที่จะขายกิจการองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe Organization : MUO) ในสัดส่วน 50% ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวมีข้อน่าสังเกตหลายจุด

ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ชี้แจงข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญกรณีบริษัทปรับโครงสร้างการถือหุ้น JKN Legacy ก่อนขายหุ้น และต่อมายื่นขอฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งกรณีเปิดเผยสารสนเทศเมื่อปรากฏข่าวลือ เพื่อให้เกิดความชัดเจนภายในวันที่ 6 ก.พ. 67 และสำหรับความเห็นของคณะกรรมการบริษัทภายในวันที่ 15 ก.พ. 67

‘หมอวรงค์’ โพสต์เฟซแสดงตน #saveขบวนเสด็จ  หลังแก๊ง 3 นิ้วหน้าเดิมๆ ออกป่วน ทำคนเข้าใจผิด

(7 ก.พ.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #saveขบวนเสด็จ การที่มีการป่วนขบวนเสด็จ ของสามนิ้วหน้าเดิม ที่สำคัญพยายามสร้าง content พูดย้ำ ๆ ว่า “ปิดทำไม ปิดทำไม” เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการปิดถนน แถมตนเองเป็นคนขับรถ ที่จะแซงขบวนเสด็จ และมีการบีบแตรใส่ขบวน

ผมถึงอยากบอกว่า สันดานคนพวกนี้ใช้วิธีการ พูดสื่อสารให้ร้าย ไม่ตรงกับความจริง ทั้ง ๆ ที่ความจริงนั้นคนละเรื่อง เพราะเขาต้องการขาย content ให้คนเข้าใจผิด เหมือนที่ผมเคยเจอ ในเวทีดีเบตแห่งหนึ่ง

เขาเอาคลิปที่หยกทิ้งตัวลงกับพื้นให้ผมดู แล้วตำรวจหญิงไปอุ้ม คนเหล่านี้ก็จะพูดออกสื่อตลอดว่า เห็นไหม “ตำรวจทำร้ายประชาชน” และพูดซ้ำให้คนเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่ในคลิปจริงไม่ใช่สิ่งที่เขาพูด เป็นภาพการทิ้งตัวลงไปกับพื้น และมีตำรวจหญิงช่วยอุ้มขึ้นมา

นี่คือชุดในตัวละคร ของขบวนการล้มล้างการปกครอง ที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง และ ngo ต่างประเทศ ถ้าหากเขาถูกดำเนินคดี พวกพรรคการเมืองและ ngo ต่างชาติ ก็จะออกมาว่า รังแกเยาวชน

ผมอยากจะบอกว่า จัดการทั้งที ต้องตัดเส้นทางการเงินให้ได้ นั่นคือตัวแม่ที่เป็น ngo ต่างชาติ ที่เอาเงินมาสนับสนุน อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ ถ้าจัดการไล่ ngo ต่างชาติได้ คนไทยด้วยกันเองจัดการไม่ยาก

‘รมว.พีระพันธุ์’ เล็งแก้ กม. สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศไทยและประชาชน

(7 ก.พ. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซ เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ โดยมีนางสาวอรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนา และผู้บริหาร พร้อมผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมประชุม

นายพีระพันธุ์ฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แปลกที่ประเทศไทยมีการสำรองและควบคุมราคาน้ำมันและก๊าซโดยเอกชนมากว่า 40 ปี และราคาขึ้นลงเหมือนหุ้น ทำให้ไม่มีความมั่นคงด้านพลังงานกับประเทศและประชาชน จากนี้ไป คกก.ชุดนี้จะเร่งศึกษาและเร่งทำงานเพื่อแก้ไขกฎหมายที่เป็นธรรมให้ทุกฝ่าย เช่น เปิดการค้าน้ำมันเสรี การสำรองน้ำมันด้วยน้ำมัน และแก้ไขกฎหมายที่ล้าหลัง เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน

‘ซาอุฯ’ เสียงแข็ง!! ไม่เปิดสัมพันธ์การทูตอิสราเอล  จนกว่าจะยอมให้มีการตั้ง ‘รัฐปาเลสไตน์’

(7 ก.พ.67) กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียแถลงวันนี้ว่า รัฐบาลได้แสดงจุดยืนให้สหรัฐฯ ทราบแล้วว่าจะไม่เดินหน้าสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล จนกว่าจะมีการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ตามเส้นพรมแดนปี 1967 ที่มีเยรูซาเลมตะวันออกรวมอยู่ด้วย และจนกว่าอิสราเอลจะยุติความรุนแรงในฉนวนกาซา

คำแถลงจากกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียมีขึ้น หลังจากที่ จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร (6 ก.พ.) ว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้รับ ‘ฟีดแบคที่ดี’ จากทั้งซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลเกี่ยวกับการพูดคุยเพื่อปรับความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติ

ทางกระทรวงย้ำว่า ถ้อยแถลงที่ออกมานี้ก็เพื่อแสดงถึงจุดยืนที่หนักแน่นของซาอุดีอาระเบียในเรื่องปัญหาปาเลสไตน์ และเป็นการตอบโต้สิ่งที่ เคอร์บีย์ ออกมาพูดก่อนหน้า

แนวคิดในการผลักดันให้อิสราเอลและซาอุดีอาระเบียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเริ่มถูกนำมาหารืออย่างจริงจัง หลังจากริยาดไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านเมื่อเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซียอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และบาห์เรนหันไปสถาปนาความสัมพันธ์กับอิสราเอลในปี 2020

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวที่เข้าถึงมุมมองของผู้นำริยาดเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2023 ว่า
สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไปแล้วกว่า 20,000 คน ทำให้ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจ ‘เบรก’ การเจรจากับอิสราเอลแบบไม่มีกำหนด

กองทัพอิสราเอลเริ่มเปิดปฏิบัติการทางทหารโจมตีฉนวนกาซาทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน หลังจากพวกฮามาสที่ปกครองกาซาบุกจู่โจมภาคใต้ของรัฐยิวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และสังหารประชาชนไปราว 1,200 คน อีกทั้งยังจับพลเมืองอิสราเอลและต่างชาติไปเป็นตัวประกันอีก 253 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top