Friday, 6 June 2025
NewsFeed

‘จุรินทร์’ ถามรัฐ หากเศรษฐกิจวิกฤตจริง “ทำไมไม่เดินหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ตสักที”

(6 ก.พ. 67) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลดาหน้าออกมายืนยันว่าเศรษฐกิจกำลังวิกฤตและจำเป็นจะต้องเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องเห็นตาม ปปช. ว่า…

“ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเศรษฐกิจวิกฤตจริง แล้วจะมัวเงื้อง่า ซื้อเวลาอยู่ทำไม และถ้าเศรษฐกิจกำลังวิกฤติจริง ยิ่งรอช้าเศรษฐกิจจะไม่ยิ่งวิกฤตหนักเข้าไปอีกหรือ ยิ่งรัฐบาลบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำตามความเห็น ปปช. เสมอไป แล้วทำไมไม่ทำเสียที เพราะประชาชนรออยู่ ทำเหมือนส่อออกอาการปากกล้าขาสั่น”

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมงาน UAE SWAT Challenge 2024 เกาะขอบสนามให้กำลังใจ 3 ทีมตำรวจไทย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมงาน UAE SWAT Challenge 2024 เกาะขอบสนามให้กำลังใจ 3 ทีมตำรวจไทย แข่งขันสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษระดับโลก ที่เมืองดูไบ ผ่าน 2 สเตจ “ยุทธวิธี - การโจมตี” ตำรวจไทยทำผลงานดี ลุ้นอีก 2 สเตจ ชิงยอดทีมตำรวจสุดแกร่ง

วานนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2567) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อร่วมชมการแข่งขัน UAE SWAT Challenge 2024  เฟ้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษระดับโลก ซึ่งปีนี้มีกว่า 30 ประเทศส่งทีมหน่วยปฏิบัติการเข้าแข่งขัน รวม 73 ทีม ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจแก่ทีมตำรวจไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน  ซึ่งปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งตัวแทน 3 ทีม เข้าแข่งขัน คือ ทีม Royal Thai Police A และ B เป็นตำรวจชาย และทีม Royal Thai Police C เป็นตำรวจหญิง โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เข้าชมการแข่งขันอย่างใกล้ชิด สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ตัวแทนตำรวจไทยที่ลงแข่งขันอย่างมาก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ฯ กล่าวว่า การเข้าร่วมการแข่งขันเป็นการฝึกทักษะ ประสบการณ์และความสามารถเชิงยุทธวิธี ตลอดจนเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งวันนี้ตนเดินทางมาให้กำลังใจทีมตำรวจไทย โดยข้าราชการตำรวจที่เข้าแข่งขัน ทีมผู้ฝึกสอน ทีมพี่เลี้ยง ล้วนเป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มีความสามารถและทักษะสูง จากหลายหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ นเรศวร 261, คอมมานโด, อรินทราช 26 , หนุมาน , หน่วยปฏิบัติพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 1-9 ที่เคยผ่านการปฏิบัติงานคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตมาหลายครั้ง  ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งทีมเข้าแข่งขันรายการ UAE SWAT Challenge มาเป็นปีที่ 4 และการเข้าแข่งขันรายการนี้จะทำให้ได้ทักษะเพิ่มเติมเพื่อนำไปพัฒนา และเสริมความแข็งแกร่งให้ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนตำรวจในหลาย ๆ ประเทศ 

การแข่งขัน UAE SWAT Challenge 2024 นั้น จัดขึ้นวันที่ 3 – 7 กุมภาพันธ์ 2567 โดยการแข่งขันแบ่งเป็น 5 สเตจ หรือสถานการณ์  ได้แก่ สเตจ 1 ยุทธวิธี (Tactical) , สเตจ 2 การโจมตี (Assault Event) , สเตจ 3 การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ (Officer Rescue) , สเตจ 4 การโจมตีตึกสูง (Tower Assault) และสเตจ 5 เครื่องกีดขวาง (Obstacle Course) โดยผลการแข่งขันทีมตำรวจไทยทั้ง 3 ทีม ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยสเตจที่ 1 ยุทธวิธี ทีม A ได้ลำดับที่ 8, ทีม B ได้ลำดับที่ 17  ส่วน ทีม C ได้ลำดับที่ 39 , สเตจ 2 การโจมตี ทีม A ได้ลำดับที่ 14, ทีม B ได้ลำดับที่ 8 ทีม C ได้ลำดับที่  28 , และวานนี้ สเตจที่ 3 การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ทีม A ได้ลำดับที่ 14, ทีม B ได้ลำดับที่ 30 ส่วน ทีม C ได้ลำดับที่ 42 สำหรับคะแนนรวม 3 วัน ผ่านการทดสอบ 3 สเตจ ทีม A อยู่ในอันดับที่ 8, ทีม B อยู่ในอันดับที่ 11 และทีม C อยู่ในอันดับที่ 39 จากทีมที่เข้าแข่งขันจากทั่วโลกทั้งหมด 73 ทีม ซึ่งถือได้ว่าผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจ 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะได้พบปะกับตำรวจดูไบ และ NYPD พร้อมกล่าวว่า ในวันนี้ (6 ก.พ.67) เป็นการแข่งขันในสเตจที่ 4️ การโจมตีตึกสูง (Tower Assault) และวันพรุ่งนี้ เป็นการแข่งขันสเตจสุดท้าย คือ เครื่องกีดขวาง (Obstacle Course) ซึ่งทีมตำรวจไทยมีความพร้อมและกำลังใจดีในการลงแข่งขัน พร้อมขอเชิญชวนพี่น้องข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชน ร่วมลงใจเชียร์ทีมตำรวจไทยได้ที่ https://m.youtube.com/@dubaipolicehq/streams

สาวถามชาวเน็ต มีแฟนดีมาก 'ไม่ดื่มเหล้า-ไม่สูบบุหรี่' แต่รายได้ต่ำ ดูไม่มีอนาคต ไม่ปรับตัว ควรไปต่อมั้ย

(6 ก.พ. 67) ผู้ใช้พันทิปรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้ถามว่า แฟนเป็นคนดีมากแต่ไม่มีอนาคตควรไปต่อไหมคะ โดยได้เขียนทิ้งไว้เมื่อวันที่ 31 มกราคม 

โดยในข้อความ เธอเล่าว่า ได้คบหากับแฟนมาเกือบ 6 ปี เขาเป็นคนดี ไม่สูบบุหรี่ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืน แต่พอได้ลองใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว เขากลับดูไม่มีอนาคตเสียเลย เหมือนเธอคนเดียวที่คิดไปเองวางแผนชีวิตวางแผนครอบครัวอยู่คนเดียว เขาเองไม่เคยพูดสักครั้งว่าจะวางแผนชีวิตคู่ยังไงบ้าง

โดยเธอทำธุรกิจส่วนตัว มีรายได้มากกว่าแฟนหลายเท่า เวลาที่เขามาช่วยงาน เธอต้องจ่ายค่าเหนื่อยให้ และเวลาไปเที่ยว เธอเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายให้แทบจะทุกอย่าง มีบ้างที่เขาช่วยออกค่าน้ำมัน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เธอไม่สามารถไปเที่ยวระยะทางไกล ๆ หรือต่างประเทศได้บ่อย เพราะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง

ซึ่งเธอบอกอีกว่าแทบจะเป็นผู้นำในทุกเรื่อง ทั้ง ๆ ที่เธออายุน้อยกว่าเขา 5 ปี อยู่กันทุกวันนี้เหมือนอยู่ไปวัน ๆ ไม่มีคิดสักนิดว่าจะวางแผนดำเนินไปอย่างไร เหมือนมีเธอเพียงคนเดียวที่วางแผนครอบครัว

เธอไม่กล้าเลิกกับแฟน เพราะคบกันมานานและไม่ค่อยทะเลาะกัน ซึ่งหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เขาไม่ปรับปรุงตัวเลย และเธอยังเครียดเรื่องเศรษฐกิจย่ำแย่ หาเงินคนเดียว จ่ายเงินคนเดียว 

หลังจากกระทู้นี้ถูกเผยแพร่ออกไปชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเมนต์ โดยส่วนใหญ่บอกว่า การไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ใช่เกณฑ์วัดความดีเสมอไป สิ่งที่แฟนเจ้าของกระทู้ทำเรียกว่าเอาเปรียบ เพราะเขาไม่สามารถดูแลคนรักได้ ถ้าคบกันแล้วไม่โอเคก็แยกย้าย อย่าไปเสียดาย

'มช.' ร่วมมือ 'เจริญชัย' ประสบความสำเร็จ วิจัยหม้อแปลง IoT และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage

ด้วยโปรแกรม Sustainable Green Energy Management System ของคนไทยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA ภายใต้โครงการ 'Low Carbon Transformer ระบบจัดการหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้พลังงานสะอาด อย่างมั่นคง Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Response'

ด้วยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบริษัท เจริญชัย หม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ได้ร่วมวิจัยและได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินงานวิจัยหม้อแปลง IoT และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Sustainable Green Energy Management System ภายใต้โครงการ “Low Carbon Transformer ระบบจัดการหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อรองรับพลังงานสะอาดอย่างมั่นคง Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Response” ซึ่งจากการดำเนินงานพบว่าหม้อแปลงที่ใช้ในการดำเนินโครงการ ที่กล่าวในข้างต้น ตอบโจทย์ ด้านการประหยัดพลังงาน ในภาคอุตสาหกรรม Smart Factory, Smart Building ในด้าน Net Zero & Near Zero, Peak Demand และ Demand Response และการประหยัดพลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และมีระยะเวลาคืนทุนภายในเวลา 2 – 5  ปี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม ประชาชนและผู้ประกอบการ ด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า 

นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด กล่าวขอขอบคุณ ศ.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล  อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ. ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.ดร. สิริชัย คุณภาพดีเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์, ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี และดร. ณัฐวุฒิ จารุวสุพันธุ์  ที่ได้ร่วมวิจัยในครั้งนี้ ทำให้การวิจัยในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ หม้อแปลง Low Carbon และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Sustainable Green Energy Management System เพิ่มอายุการใช้งานให้กับ Energy Storage มากถึง 20 ปี ทำให้ระบบไฟฟ้าเกิดความเสถียรภาพ เกิดความมั่นคง Net Zero, Near Zero, Peak Demand และ Demand Response ตอบโจทย์การประหยัดพลังงาน ของภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ อาคารสถานที่ ที่สามารถลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และลดคาร์บอน เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม และประชาชน ด้านความปลอดภัย, ด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า 

'สส.ศาสตรา-รทสช.' ยิ้มแก้มปริ!! กลายเป็นขวัญใจเด็ก หลังนักเรียน ป.2 ยกเป็น สส.ที่อยู่เคียงข้างประชาชน

(6 ก.พ. 67) นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณหลานนักเรียน ป.2 โรงเรียนในพื้นที่ที่ทำการบ้านส่งครูใน 'แบบบันทึกบุคคลที่มีผลงานเป็นประโยชน์แก่ชุมชนและท้องถิ่น'

ทั้งนี้ ในแบบเรียนดังกล่าวได้มีการตั้งคำถามว่า 'ผลงานที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนและท้องถิ่น' ซึ่งนักเรียนได้เขียนข้อความส่งถึงครูโดยนึกถึงนายศาสตรา ระบุว่า...

"เป็น สส.มาแล้ว 2 สมัยช่วยเหลือประชาชนและอยู่เคียงข้างประชาชนและฟังเสียงของประชาชนเมื่อประชาชนเดือดร้อน" 

ในแบบเรียนถามอีกว่า นักเรียนได้ข้อคิดจากการศึกษาอย่างไร? นักเรียนป.2 คนเดิมตอบว่า... "ชอบผู้นำมีจิตใจโอบอ้อมอารีย์ มีวิธีการทำงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบความเป็นผู้นำ"

เจอหลานป.2 เขียนถึงคุณครูแบบนี้ลุงศาสตราคงยิ้มหน้าบาน!!!

 ผบช.สตม. ประชุมเตรียมพร้อมรับมือคลื่นนักท่องเที่ยวเทศกาลตรุษจีน 2567

ตามนโยบายสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ซึ่งตระหนักเห็นความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 
สอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของนายกรัฐมนตรี และมาตรการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีนโดยรัฐบาลไทย - จีน ได้ร่วมกันลงนาม “ความตกลง” ยกเว้นวีซ่าไทย-จีน” หรือฟรีวีซ่า มีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2567

วันที่ 6 ก.พ.67 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม. ได้มาเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 
โดยมี พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้อง ศปก.บก.ตม.2 
ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้จัดทำมาตรการในการรองรับการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง
ภายใต้หลักความมั่นคง ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแผนอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 โดยจะมีการปฏิบัติในช่วงวันที่ 8 – 14 ก.พ.67 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว จำนวนวันละกว่า 80,000 คน และมีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 
และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่สำคัญ ดังนี้
1. มีการจัดกำลังพลเต็มอัตราทุกช่องตรวจในช่วงที่มีเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อเร่งระบายผู้โดยสารที่สะสม
ในโถงพักคอยให้ได้ภายในเวลา 30 นาที
2. กรณีเกิดระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองขัดข้อง ให้ ด่าน ตม.ทอ.ในสังกัด บก.ตม.2 ถือปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ (COMDOWN 67)
3. เพิ่มศักยภาพในการระบายผู้โดยสารโดยมีการเปิดใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Automatic channel นำร่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
4. เตรียมความพร้อมโดยให้ ศท.ตม. เตรียมเจ้าหน้าที่พร้อมรองรับการแก้ปัญหาในกรณีฉุกเฉินเมื่อเกิดสถานการณ์ระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองขัดข้อง
นอกจากนั้นยังให้ ศท.ตม. และ บริษัทผู้ดูแลระบบ Biometrics ยืนยันและรับรองความเชื่อมั่นในการป้องกันระบบขัดข้องเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเหมือนที่เกิดสถานการณ์ช่วงปลาย ม.ค.67 ที่ผ่านมาอีก โดย ศท.ตม. และบริษัทผู้ดูแลระบบให้การรับประกัน

หลังจากนี้วันที่ 8 - 9 ก.พ.67 ทาง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต และ ด่าน ตม.ทอ.เชียงใหม่ เพื่อกำชับการปฏิบัติตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อไป

สมาคมแม่บ้านตํารวจจับมือนมตรามะลิแบรนด์ยอดขายอันดับ 1 ทําโครงการ สร้างอาชีพให้กับครอบครัวตำรวจ มีอาชีพที่ยั่งยืนและมีรายได้ช่วยเหลือ ครอบครัวเพิ่มมากขึ้นผ่านแฟรนไชส์ “อาซ้อคาเฟ่”

เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.67) สมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมมือกับ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด เจ้าของแบรนด์นมตรามะลิ ได้จัดทำ โครงการสร้างอาชีพให้กับครอบครัวตำรวจเพื่อให้ครอบครัวตำรวจมีอาชีพที่ยั่งยืนและมีรายได้ช่วยเหลือครอบครัวเพิ่มมากขึ้นผ่านแฟรนไชส์ "อาซ้อคาเฟ่“ คาดลุย 77 จังหวัดใน 1 ปีโดยมีพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) โครงการสร้างอาชีพให้กับครอบครัวตำรวจ ระหว่างสมาคมแม่บ้าน และบริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด เจ้าของแบรนด์นมตรามะลิ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมตรามะลิที่ครองใจคนไทยมากว่า 60 ปีมอบแฟรนไซส์ “อาซ้อคาเฟ่” Kiosk พร้อมทั้งจัดการฝึกอบรมการชงกาแฟขั้นพื้นฐาน

และวิธีการบริหารจัดการร้านกาแฟ โดยใช้ศักยภาพความเป็นมืออาชีพในการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ วัตถุดิบที่มีมาตรฐานสูงจาก นมตรามะลิ ให้กับครอบครัวตำรวจที่มีบุตรข้าราชการตำรวจที่เป็นเด็กพิเศษ และครอบครัวตำรวจที่เกิดอุบัติเหตุ ทุพพลภาพ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ความสามารถในการหาเลี้ยงชีพหรือดูแลครอบครัวลดลง โดยเน้นการลงทุนแบบครั้งเดียวจบ ไม่มีค่าแฟรนไชส์ ไม่เก็บเปอร์เซนต์จากยอดขายรายเดือน สร้างอาชีพอย่างยั่งยืน พร้อมเอาใจคนยุคใหม่ที่รักกาแฟ ได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟรสชาติดีแก้วโปรด โดยเฉพาะเมนูอาซ้อคอฟฟี่ ที่เป็นแก้วซิกเนเจอร์ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพจากนมตรามะลิ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เป็นโครงการที่ทำต่อเนื่องจากโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” สร้างอาชีพเพื่อเด็กพิเศษอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการที่ทำตามแผน
กลยุทธ์ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2567 ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัวตำรวจ โดยมีการช่วยเหลือและสนับสนุนบุตรข้าราชการตำรวจที่เป็นเด็กพิเศษช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจที่มีบุตรเป็นเด็กพิเศษ โดยส่งเสริมให้เด็กพิเศษมีโอกาสประกอบอาชีพ มีรายได้ประจำที่มั่นคงตามศักยภาพและความสามารถ รวมถึงครอบครัวตำรวจที่เกิดอุบัติเหตุ ทุพพลภาพ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ความสามารถในการหาเลี้ยงชีพหรือดูแลครอบครัวลดลง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ได้ประกอบอาชีพที่มีรายได้ประจำ สร้างขวัญกำลังใจบรรเทาทุกข์ให้ครอบครัวข้าราชการตำรวจและช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้สมาคมแม่บ้านตำรวจยังได้มีแนวคิดพัฒนาและต่อยอดจากโครงการปันรักษ์ คาเฟ่ ซึ่งมีรูปแบบเป็นร้านค้า
ขนาดเล็ก หรือร้านค้าที่เป็นลักษณะเคาน์เตอร์ หรือคีออส (Kiosk) จำหน่ายกาแฟสด พร้อมเครื่องดื่มชง ประเภทต่าง ๆ ราคาย่อมเยา แต่ยังคงคุณภาพและมาตรฐานไว้ สมาคมแม่บ้านตำรวจ จึงได้มีแนวคิด ช่วงแรกจะมีการสนับสนุน ตู้คีออส (Kiosk) ให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว ที่มีความประสงค์จะดำเนินธุรกิจแฟรนไซส์กาแฟแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะพิจารณาจากเหตุผลและความจำเป็นรวมไปถึงทำเลที่ตั้งในการขาย และประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่มีความสนใจธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟ ในราคาสวัสดิการตามขนาดของตู้คืออส (Kiosk) นอกจากนั้นยังมีการสอนวิธีการชงกาแฟขั้นพื้นฐาน และวิธีการบริหารจัดการร้านกาแฟอีกด้วย
นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก อย่างนมตรามะลิเข้ามาช่วยดูแลโครงการแฟรนไชส์ อาซ้อคาเฟ่ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่มาต่อยอดจากร้านกาแฟปันรักษ์คาเฟ่ เราอยากให้ครอบครัวตำรวจอยู่แบบช่วยเหลือกันช่วยสร้างอาชีพให้กับกลุ่มแม่บ้านตำรวจเพิ่มเติม โดยที่แน่นอนต้องไม่ต้องเสียเงินค่าแฟรนไชส์ โดยมีเงื่อนไขง่าย ๆ มีเพียงอย่างเดียวคือ ให้ทางครอบครัวตำรวจเข้ามานำเสนอแผนธุรกิจกับสมาคม ทำเลที่ตั้งเป็นอย่างไร ตั้งใจทำมากน้อยแค่ไหน เราก็ยินดีส่งเสริม อยากให้เกิดรายได้ช่วยเหลือครอบครัวตำรวจจริงๆ โดย 10 แฟรนไชส์แรก ต้องขอบคุณทางนมตรามะลิที่สนับสนุนมาให้เพื่อให้แฟรนไซส์เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมภายในสิ้นปี 2567 นี้โดยเปิดอบรมการชงกาแฟรุ่น 1 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มาในวันนี้ซึ่งเป็นการอบรมรุ่นที่ 2 แล้ว

คุณหนึ่ง- สุดถนอม กรรณสูต กรรมการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด เจ้าของ แบรนด์นมตรามะลิ กล่าวว่า “ทางนมตรามะลิ ดีใจที่ได้เป็นผู้ช่วยขับเคลื่อน แฟรนไชส์ อาซ้อคาเฟ่ กับสมาคมแม่บ้านตำราจได้ ซึ่งภายในสิ้นปี พ.ศ. 2567 เราจะนำร่อง 10 สาขาทั่วประเทศ โดยนมตรามะลิสนับสนุนมอบชุดธุรกิจ อาซ้อคาเฟ่ จำนวน 10 ชุด ผ่านสมาคมแม่บ้านตำรวจ เพื่อเป็นการสร้างอาชีพให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นกับครอบครัวตำรวจกำลังพลที่ประสบอุบัติเหตุในระหว่างปฎิบัติราชการ โดย เริ่มจาก จังหวัดสงขลา ราชบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยชุดธุรกิจแฟรนไชส์อาซ้อคาเฟ่ ราคาเริ่มต้นเพียง 35,000 บาท เท่านั้น ที่มุ่งเป้าการขายกาแฟในราคาที่เข้าถึงง่าย เริ่มต้นเพียง 45 บาท แต่เต็มไปด้วยคุณภาพจากวัตถุดิบนมตรามะลิ เน้นพัฒนาและต่อยอดสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์นมตรามะลิที่เป็นวัตถุดิบสำคัญของร้าน ในโอกาสนี้ ทางนมตรามะลิยังร่วมมอบผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์สนับสนุนในทุกๆ ชุดธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อสร้างอาชีพที่ยั่งยืนอีกด้วย”

โฆษกเกษตรฯ เคลียร์ชัด เลิกโยงการเมือง ปมไฟไหม้เจ้าหน้าที่สรุป ”ไฟฟ้าลัดวงจร“

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ ชั้น 2 ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนักเคมี-ฟิสิกส์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและเก็บพยานหลักฐานหลังเกิดเหตุ ประกอบกับกล้องวงจรปิดบันทึกภาพตรงกันกับคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุไฟฟ้าลัดวงจรจากรางเก็บสายไฟ ภายในห้องครัว ชั้น 2 ไม่มีการลอบวางเพลิง หรือ มีประเด็น “ลับลวงพราง” ทางการเมืองแต่อย่างใด วอนสังคมหยุดโยงประเด็นทางการเมือง และอยากให้เปิดพื้นที่ด้านผลงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ที่กำลังดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลเพื่อพี่น้องเกษตรกรแทนจะดีกว่า ส่วนเอกสารสำคัญอื่นๆ ไม่ได้รับความเสียหาย มีเพียงแค่เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในจุดเกิดเหตุ รวมไปถึงกลิ่นควันไฟไหม้ที่ยังคงรุนแรง  ส่วนระยะเวลาในการปรับปรุงพื้นที่คาดการณ์ว่าประมาณ 2-3 เดือน จะปรับปรุงแล้วเสร็จ สามารถกลับเข้ามาทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะทำรายงานสรุปผล มอบให้กับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีต่อไป

'มส.16' รับผิดชอบต่อสังคม เติมความสุข-ปันรัก นักเรียนชายขอบ ตชด.บ้านโป่งลึก

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ ได้มีพิธีมอบเงินสนับสนุนงบประมาณและสิ่งของเพื่อสนับสนุนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโป่งลึก อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี นำโดย พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ประธานมูลนิธิการจัดการเพื่อความมั่นคง และประธานหลักสูตรการบริหารจัดการด้านความมั่นคงขั้นสูง (มส.) พล.อ.ดร.มารุต ปัชโชตะสิงห์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการบริหารจัดการด้านความมั่นคง ขั้นสูง (มส.) ผศ.พล.อ.ต.หญิง ดร.พัชรี พิพิธสุขสันต์ รองผู้อำนวยการฯ ดร.วรวุฒิ ไชยศร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ พล.ต.ต.ดร.ภาดล  ประภานนท์ อาจารย์ประจำหลักสูตร พร้อมนักศึกษาหลักสูตรการบริหารจัดการด้านความมั่นคงขั้นสูง (มส.) รุ่น 16 โดยมี พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ตชด. และคณะครู ให้การต้อนรับ พร้อมนำนักเรียนบ้านโป่งลึก มาร่วมรับมอบ

พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรม CSR ครั้งนี้ เป็นวิสัยทัศน์ของหลักสูตร มส. 4 สร้าง คือ สร้างความมั่นคงแห่งชาติ สร้างความมั่นคงของมนุษย์ สร้างความรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อมุ่งส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร มส. แต่ละรุ่น ได้เห็นความสำคัญ รวมพลังทั้ง ความรัก ความสามัคคี และการให้ ในการแบ่งปันต่อสังคม โดยเฉพาะเยาวชนในระบบการศึกษา ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล อย่างเช่น รร.ตชด.บ้านโป่งลึก จ.เพชรบุรี ในครั้งนี้ 

ทั้งนี้เพื่อให้ครู นักเรียน ได้มีกำลังใจ มีโอกาส ในการเข้าถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานต่อการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพต่อไปในอนาคต ในนามมูลนิธิการจัดการเพื่อความมั่นคง และหลักสูตรการบริหารจัดการด้านความมั่นคงขั้นสูง( มส.) ขอขอบคุณรองผู้บัญชาการ และครูใหญ่ นักเรียน ที่ได้ให้โอกาส อำนวยความสะดวก ให้พี่ๆ มส.16 ได้มาจัดกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ 

ด้าน น.พ.ไพศาล รัมณีย์ธร ประธาน มส.16 กล่าวว่า กิจกรรม CSR ครั้งนี้เป็นกิจกรรมแรกของรุ่น และเป็นการสานต่อจากรุ่นพี่ที่ดำเนินกิจกรรมดีๆต่อสังคมมาแล้วในหลายพื้นที่ ซึ่ง มส.รุ่น 16 ได้สำรวจและเลือกโรงเรียนตชด.บ้านโป่งลึก เนื่องจากเป็นโรงเรียนชายขอบอยู่ห่างไกลความเจริญ แล้วยังขัดสนสิ่งอำนวยความสะดวกทางการศึกษา จึงได้ระดมทุนทรัพย์จากพี่ๆชาว มส.16 นำมาเติมเต็มให้กับอนาคตของชาติ พร้อมสนับสนุนงบประมาณ 140,000 บาท เพื่อนำไปสร้างทางเชื่อมอาคารและป้องกันดินสไลด์ นอกจากนี้ยังได้บริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น มูลค่า 334,565 บาท ร่วมมอบให้กับเด็กและโรงเรียน

ทางด้าน ด.ต.รัฐพล ศุภางค์กูล ครูใหญ่ รร.ตชด.บ้านโป่งลึก กล่าวว่า ในนามบุคลากรของโรงเรียน ขอขอบพระคุณพี่ๆ มส.16 ทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่เสียสละเงิน และสิ่งของ บริจาคให้เกิดประโยชน์กับโรงเรียนชายขอบ ตามวัตถุประสงค์ครั้งนี้

‘รทสช.’ ดัน ‘กฎหมายประมง’ เข้าสภาฯ สัปดาห์นี้ หวังพลิกฟื้นประมงพื้นบ้าน-อุตสาหกรรมประมง

เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงภายหลังประชุมพรรคว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ประมงเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในสัปดาห์นี้ จุดประสงค์เพื่อพลิกฟื้นการทำอาชีพประมง โดยเฉพาะประมงพื้นบ้าน และอุตสาหกรรมประมง ให้กลับมาเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศ

นายอัครเดช กล่าวว่า "ที่ผ่านมาเรามีกฎหมายประมงที่ทำให้ชาวประมงเจอปัญหาและอุปสรรคในการประกอบอาชีพประมงเป็นอย่างมาก ทางพรรครวมไทยสร้างชาติจึงต้องการเสนอกฎหมายนี้เพื่อแก้ปัญหาให้อาชีพประมงกลับมาเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศอีกครั้ง ดังนั้นการเสนอ พ.ร.บ.ประมงในครั้งนี้จะทำให้สามารถพลิกฟื้นอุตสาหกรรมประมงและอาชีพของชาวประมงให้กลับมาเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ"

ทั้งนี้ การมีกฎหมายฉบับดังกล่าว ก็เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพประมงได้เข้าถึงการทำประมง ที่ถูกกฎหมาย เป็นกฎหมายที่สามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบอาชีพประมง ลดอุปสรรคต่าง ๆ 

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำอีกว่า การประชุมสภาฯ ครั้งที่ผ่านมามีการยื่น พ.ร.บ.ประมงเข้าสภาฯ มาแล้ว แต่ไม่ผ่าน เนื่องจากยื่นในช่วงปลายของรัฐบาล ทำให้มีปัญหาและอุปสรรคในเรื่องระยะเวลาในการพิจารณา แต่ครั้งนี้ยื่นให้พิจารณาต้นอายุของสภาผู้แทนราษฎร คิดว่า กฎหมายฉบับนี้จะสำเร็จภายในรัฐบาลนี้แน่นอน ขอให้พี่น้องชาวประมงสบายใจได้เพราะเป็นกฎหมายที่ชาวประมงรอคอย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top