Friday, 13 June 2025
NewsFeed

‘ธนาคารออมสิน’ มอบสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง ผู้ค้ารายย่อย หนุนอาชีพอิสระมีเงินทุน ไม่ต้องใช้หลักประกัน-ผ่อนได้ถึง 8 ปี

(20 ม.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินมอบสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย เพื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุด 100,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักประกัน ผ่อนชำระนานสูงสุด 96 งวด เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง, ผู้ขับขี่รถแท็กซี่, ผู้ขับขี่รถตู้สาธารณะ, พ่อค้าแม่ค้า หรือผู้จำหน่ายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น สำหรับเป็นเงินทุนประกอบอาชีพ โดยให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ ไม่เกินรายละ 100,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักประกัน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ต่อเดือน (Flat Rate) แต่หากอัตราผิดนัดไม่ชำระหนี้ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามสัญญา บวกร้อยละ 0.25 ต่อเดือน

นางรัดเกล้า กล่าวว่า โดยผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ประกอบการรายย่อย ต้องเป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 70 ปี และเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่หรือสถานประกอบการที่แน่นอน สามารถติดต่อได้

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจ และมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขสามารถสมัครได้ที่ ธนาคารออมสินทุกสาขาหรือสมัครออนไลน์ที่เว็บไซต์ของธนาคาร (https://www.gsb.or.th/gsb_govs/loan4idpc/#section4) โดยนำเอกสารการสมัครไปให้ครบถ้วน

“การกู้ยืมสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ประกอบการรายย่อย ดูเหมือนเป็นเรื่องยุ่งยาก ธนาคารออมสินจึงได้มอบสินเชื่อตามนโยบายรัฐบาลนี้เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ ซึ่งสินเชื่อนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่สนใจ” นางรัดเกล้า กล่าว

‘Pigkaploy’ แจงทุกประเด็นดรามา หลังทัวร์ลง ทำคลิป PR ทหาร รับ!! คิดน้อยไป ทำผู้คนตีความได้หลายแบบ ปัดฟอกขาวให้ใคร

จากกรณีกระแสดรามา ยูทูบช่อง Pigkaploy ของ ‘พลอย-พลอยไพลิน ตั้งประภาพร’ ปล่อยคลิปวิดีโอล่าสุดชื่อ ‘ทหารมีไว้ทำไม EP.1’ ตอน ลองใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนเหนือ 3 วัน 2 คืน l ไทย-เมียร์มาร์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ว่าคลิปดังกล่าวเป็นการทำขึ้นตามที่รับบรีฟจากกองทัพบกหรือไม่ ก่อนที่จะมีการลบคลิปดังกล่าวออกไป

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 67 ‘พลอย-พลอยไพลิน’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘Pigkaploy’ ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า…

“สวัสดีค่ะ พลอยขอชี้แจงประเด็นที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ อย่างแรกเลย พลอยอยากจะอธิบายเจตนาในการทำเรื่องราวของทหารชายแดน เจตนาของพลอยก็คือ อยากให้ทุกคนได้เห็นการทำงานของพี่ๆ ทหารชายแดน เพราะพลอยรู้สึกว่าน้อยคนที่จะได้เข้าไปเห็นการใช้ชีวิต พลอยทราบดีว่า ทุกคนรู้ว่าทหารชายแดนทำอะไรบ้าง แต่พลอยอยากเล่าในมุมมองที่ว่าเขากินอะไรบ้าง อยู่ยังไงบ้างและการปฏิบัติงานเขาต้องทำงานยังไง

เห็นความตั้งใจของพี่ๆ ทหารและความลำบาก ที่พี่ๆ เขาต้องใช้ชีวิตที่ตะเข็บชายแดน และให้คนตั้งคำถามถึงพี่ๆ ทหารชายแดนว่าควรได้รับการดูแลแบบไหน และการเป็นอยู่รั้วของชาติควรเป็นอยู่แบบใด โดยเล่าผ่านภาพและมุมมองที่พลอยไปเจอ และพลอยก็ได้ความร่วมมือจากกองทัพบกโดยตรง ในการช่วยประสานงานเข้าไปดูพื้นที่ในการปฏิบัติงาน เพราะเป็นพื้นที่ต้องขออนุญาต จริงๆ พลอยมีถามประเด็นที่หลายคนสงสัยไปในคลิปเช่นกัน แต่พลอยตัดออก เพราะพลอยไม่อยากให้พี่ๆ ทหารชายแดน และคนที่ช่วยประสานงานให้พลอยได้รับผลกระทบ

ในส่วนของประเด็นชื่อคลิป ‘ทหารมีไว้ทำไม?’ เป็นเพียงการนำเสนอในคลิปแรกเท่านั้น แต่ไม่ใช่ชื่อของทั้ง Project พลอยผิดจริงๆ ที่คิดน้อยไปทำให้ประโยคนี้คนตีความไปได้หลายแบบ แต่ถามว่าพลอยไม่ทราบจริงๆ เหรอ? ว่า คำถามนี้คนเขาหมายถึงใคร พลอยทราบค่ะ ว่าเขาหมายถึงคนมีอำนาจบางกลุ่มหรือนายพลยศใหญ่ แต่ประโยคนี้พลอยเลือกมาเป็นปกคลิปหรือการปูเนื้อหาเข้าวิดีโอ เพราะพลอยได้คุยกับพี่ๆ ทหารชายแดน ว่าเขาได้อ่านคอมเม้นที่ด่าว่า แบบเหมารวมทหารทั้งหมด ถึงแม้ว่าคนที่คอมเม้นท์เหล่านั้นคนจะไม่ได้หมายถึงพวกเขา

แต่พี่ๆ เขาก็น้อยใจ และเจ็บปวดกับคำถามนี้ และพลอยก็คิดว่าการตั้งประโยคนี้ เพราะหวังว่าจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ทหารจริงๆ มีไว้ทำไม? แต่พลอยลืมคิดจริงๆ ว่า คนจะตีความไปได้หลายแบบ อันนี้พลอยพลาดเองค่ะที่คิดไม่รอบคอบ พลอยต้องขอโทษจริงๆ หลังจากที่เริ่มมีประเด็นพลอยก็เริ่มเห็นคนเข้ามาคอมเม้นไปในมุมต่างๆ แต่เหตุผลที่พลอยลบคลิป หรือตั้งส่วนตัวไว้ เพราะพลอยเห็นข้อความใน X หรือทวิตเตอร์ ที่แคปมาบอกว่ามีหลายๆ หน่วยงานของรัฐนำคลิปพลอยไปใช้ ไม่ว่าจะแปะบนเว็ปไซต์ ดูดคลิปพลอยไป หรือทำภาพแปะข้อความที่ไม่ได้ตรงตามจุดประสงค์และความตั้งใจของพลอยตั้งใจแต่แรก

พลอยเลยลบคลิป และตั้ง Private ในยูทูบ เพราะไม่ต้องการให้มีใครนำไปใช้ผิดจากที่พลอยตั้งใจไว้ จริงๆ พลอยอยากให้ทุกคนได้ดูคลิปกัน และวิจารณ์พลอยได้เลย พลอยน้อมรับคำติชม และนำไปแก้ไขแน่นอนค่ะ แต่พลอยเห็นการนำไปใช้ที่ไม่ถูกต้องจึงขอลบและตั้งส่วนตัวไว้ก่อน

ทั้งนี้ พลอยยังเชื่อในประชาธิปไตยที่แท้จริงที่รัฐบาลได้มาจากเสียงของประชาชน และการทำงานที่โปร่งใส พลอยก็อยากให้ทุกๆ คน ได้เห็นการเป็นอยู่ของพี่ๆ ทหารชายแดน และช่วยตั้งคำถามว่า เราควรปฏิรูปกองทัพได้แล้วหรือไม่? เพื่อความเป็นอยู่และสวัสดิการที่ดีพอสำหรับทหารที่อยู่ในพื้นที่จริงๆ นี้ คือสิ่งที่พลอยตั้งใจให้คนเข้าใจค่ะ แต่อาจจะนำเสนอได้ไม่ถึง หรือไม่ดีทำให้คนเข้าใจผิด

ทั้งนี้ พลอยต้องขออภัยที่ทำประเด็นนี้ขึ้นมา จนหลายคนมองว่าเป็นการช่วยฟอกขาว พลอยไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นจริงๆ ค่ะ สุดท้ายนี้พลอยขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เป็นประเด็น เกิดการเข้าใจผิด และหลายคนผิดหวัง ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งค่ะ

นอกจากนั้น พลอย ยังเขียนเพิ่มเติมในช่องคอมเมนต์ พร้อมแนบคลิปวิดีโอด้วยว่า…

“พลอยเปิดคลิปเป็นสาธารณะแล้วนะคะ สามารถคอมเมนต์ติชมได้เลย พลอยน้อมรับปรับเพื่อนำไปแก้ไข”

‘มิตซูบิชิ อีเล็คทริค’ ผุด ‘XY Series’ ผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มอินเวอร์เตอร์ พร้อมรุกธุรกิจ B2B ครบวงจร ตั้งเป้ารักษาแชมป์ตลาดเครื่องปรับอากาศ

(20 ม.ค. 67) มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา เดินหน้ารักษาแชมป์อันดับ 1 ผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน จัดหนักแคมเปญส่งเสริมการตลาด พร้อมขยายฐานผู้บริโภคต่อเนื่อง คว้า ‘นนท์ - ธนนท์ จำเริญ’ พรีเซนเตอร์ปีที่ 2 สานต่อปรากฏการณ์ความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาด้วยกลยุทธ์ Music Marketing เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตอกย้ำ จุดแข็งแบรนด์คุณภาพ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ ‘XY Series’ ที่สุดของเทคโนโลยี ‘Fast Cooling Plus’ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ลงตัว และตู้เย็นกลุ่ม ‘Premium Series’ คุณภาพสูง โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีถนอมอาหาร พร้อมเร่งขับเคลื่อนธุรกิจ B2B มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายชินจิ คามิยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า “ปี 2566 ที่ผ่านมา วงการธุรกิจเครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ต้องประสบปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้าไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่อย่างไรก็ตาม จากภาวะอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้ประมาณการได้ว่า บริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายโดยรวมทั้งปีงบประมาณ 2566 (เมษายน 2566 - มีนาคม 2567) ได้เติบโตสูงกว่าปีก่อนหน้าที่ 10%”

“ในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เช่น เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ปั๊มน้ำ และพัดลมระบายอากาศ เรายังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้สูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อน รวมทั้งผลการดำเนินกิจกรรมการสร้างแบรนด์ยังได้รับผลตอบรับในความไว้วางใจ โดยนิตยสารทางธุรกิจที่มีชื่อเสียง เช่น นิตยสาร Marketeer และ BrandAge ได้จัดอันดับให้ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศภายในบ้านและปั๊มน้ำมิตซูบิชิ อีเล็คทริค เป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ได้รับความเชื่อถือสูงสุดในประเทศไทยต่อเนื่องจากปีก่อนเช่นกัน”

“สำหรับปี 2567 นี้ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นแนวทางหลักในการดำเนินธุรกิจ ผ่านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและงานบริการ ตามพันธกิจองค์กรที่วางไว้ โดยมุ่งให้ผลิตภัณฑ์และการบริการ รวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทฯ มอบประโยชน์ด้านการสร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทย รวมทั้งสร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางสังคมไทยได้มากยิ่ง ๆ ขึ้น”

“และในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายโดยรวมไว้ให้ได้มากกว่า 10% โดยมุ่งเน้นดำเนินการหลัก ๆ 4 ประการ เพื่อบรรลุเป้าหมาย ได้แก่

1.) กิจกรรมด้านผลิตภัณฑ์ โดยพัฒนาในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้มีฟังก์ชันการทำงานที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความหลากหลายหรือเพิ่ม Line Up ในแต่ละตัวผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ซึ่งจะพัฒนายกระดับประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานให้สอดรับกับมาตรฐานประหยัดพลังงานฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ในปัจจุบัน 

2.) ในปีนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมงบทางการตลาดไว้ ประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยมุ่งยกระดับคุณค่าแบรนด์ เพื่อสร้างการจดจำและรับรู้ในแบรนด์ ตลอดจนมุ่งเน้นกิจกรรมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับร้านค้าให้มากยิ่งขึ้น

3.) ด้านธุรกิจเชิงพาณิชย์ บริษัทฯ ตระหนักว่าธุรกิจในกลุ่มนี้จะเป็นรากฐานการสร้างความเจริญเติบโตให้บริษัทฯ ในอนาคตได้ ดังนั้น จึงกำหนดการสร้างเสริมระบบงานการตลาดการขายที่มีความพร้อม ช่วยสนับสนุนการเจรจาการค้าในส่วนภูมิภาค ควบคู่กับการพัฒนาการนำเสนองาน ให้เป็นที่ยอมรับในการตอบโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ หรือโซลูชันในธุรกิจระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ ซึ่งเป็นความชำนาญการพิเศษของเรา เพื่อขยายการจัดจำหน่ายในส่วนนี้ให้ได้มากยิ่งขึ้น

4.) งานบริการหลังการขาย เน้นการยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า และพัฒนาระบบงานที่จะรับส่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น งานซ่อมจากลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งพัฒนาการเพิ่มทักษะฝีมือของช่างบริการ เพื่อให้สามารถส่งมอบงาน บริการหลังการขายที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น

จากกิจกรรมทางธุรกิจที่ได้กล่าวไปนั้น บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าธุรกิจจะยังคงได้รับความไว้วางใจในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในปีนี้เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคชาวไทยทุกคนต้องการอย่างแท้จริง”

นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า “สำหรับกลยุทธ์ด้านบริการหลังการขายในปี 2567 นี้ บริษัทฯ วางแผนลงทุนเพิ่มเติมทรัพยากรที่จำเป็น ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีระบบ Online Service เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริการ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สามารถรองรับการบริการให้กับลูกค้ามิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทั้งกลุ่ม B2C และ B2B ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการลงทุนในส่วนของเครื่องมือที่ทันสมัยและอุปกรณ์ อาทิ การสำรองชิ้นส่วนอะไหล่สินค้าทั้งในส่วนของสำนักงานใหญ่ และศูนย์จำหน่ายอะไหล่แต่งตั้งที่มีอยู่กว่า 40 แห่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ว่ามีอะไหล่พร้อมบริการ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของศูนย์บริการแต่งตั้งที่มีอยู่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อรองรับการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานให้กับลูกค้ามิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีช่องทางที่หลากหลายให้ลูกค้าได้ติดต่อกับทางศูนย์บริการ ไม่ว่าจะเป็น Hot Line 1325 รวมถึง Facebook และ Line Official Account : มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เป็นต้น”

“ขณะเดียวกันได้เตรียมแผนพัฒนาบุคลากรช่างเทคนิคให้มีความรู้ความสามารถ ผ่านการรับรองในสาขาช่างเครื่องปรับอากาศและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 1 ซึ่งปัจจุบันช่างเทคนิคของศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค สำนักงานใหญ่ ได้ผ่านการทดสอบหลักสูตรดังกล่าวทั้งหมด และในปีนี้ ยังคงเดินหน้ายกระดับความสามารถของช่างเทคนิค ศูนย์บริการแต่งตั้งทั่วประเทศให้มีศักยภาพและมาตรฐานเดียวกัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทยสู่มาตรฐานสากล สานต่อ ‘โครงการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาไฟฟ้ากำลัง สาขาเครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ (ระบบทวิภาคี)’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำต่าง ๆ โดยมีช่างผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี ด้านเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ ให้กับนักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิค ให้มีความรู้และทักษะวิชาชีพ เมื่อจบหลักสูตรแล้วสามารถนำความรู้ไปประกอบวิชาชีพได้ต่อไป

ด้านกลุ่มธุรกิจ B2B เรามีความพร้อมทั้งในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ และระบบปรับอากาศที่เหมาะสมสำหรับที่อยู่อาศัย และกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่แบบครบวงจร มีทีมงานวิศวกรโครงการและช่างเทคนิคมืออาชีพ รวมถึงสำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตีมัลติ (CMS) เพื่อให้บริการทั้งก่อนและหลังการขายในพื้นที่ต่าง ๆ และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงส่งมอบงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกัน”

นายชิซุโอะ นาคาสึคาสะ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า “ด้านยอดขายเครื่องปรับอากาศภายในบ้านของบริษัทฯ ในปีงบประมาณ 2566 เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ถึง 30% สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2567 นี้ เรายังคงมุ่งมั่นดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่าง แข็งขันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขาย สำหรับกลุ่ม B2C ได้กำหนดกลยุทธ์การขายเป็นรายผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน โดยกลุ่มเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน เน้นเสนอเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย ที่เย็นเร็ว รู้ใจ ประหยัดไฟยิ่งขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ในกลุ่มตู้เย็นจะเน้นส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ที่สูงด้วยคุณภาพและเสริมสร้างการรับรู้ ความน่าสนใจในคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับสูงขึ้นในตู้เย็นกลุ่ม ‘Premium Series’

นอกจากนี้ ในธุรกิจ B2B จะมุ่งเน้นไปที่ระบบงานหลัก ๆ เพื่อให้บรรลุการเติบโตของธุรกิจส่วนนี้ต่อไป ได้แก่ ทำการขยายขอบเขตธุรกิจ (ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์) และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยอดขายในช่องทางจัดจำหน่าย CAD (City-Multi Sales Authorized Dealer) โดยบริษัทฯ พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการนำเสนอโซลูชันต่าง ๆ ที่เหมาะสมให้กับลูกค้าได้ต่อไป”

“ในปีนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนสื่อสารการตลาดครบวงจร ทั้งการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ผ่านพรีเซนเตอร์ปีที่ 2 ‘นนท์ - ธนนท์ จำเริญ’ พร้อมสานต่อกลยุทธ์ Music Marketing ที่ประสบความสำเร็จในด้านการสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ยังคงเน้นทำกิจกรรมกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานถึงกลุ่มลูกค้า ผู้มีรายได้ระดับปานกลางเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเน้นสร้างคอนเทนต์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันได้ทำการสื่อสารผ่านช่องทางทั้ง Offline และ Online Media ควบคู่กันไป พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งทางการขายโดยร่วมจัดแคมเปญ กิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ ร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายควบคู่ต่อเนื่องต่อไปด้วยเช่นกัน”

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในการพัฒนายกระดับความสุขสบายในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ผ่านผลิตภัณฑ์ที่สูงด้วยคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ ความทนทาน พร้อมนวัตกรรม และการประหยัดพลังงาน ได้ตามค่ามาตรฐานใหม่ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกำหนดขึ้น โดยผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ที่เปิดตัวในปีนี้ ได้แก่

• เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ ในรุ่น XY Series ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ‘Fast Cooling Plus’ ที่ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็วเมื่อเครื่องปรับอากาศทำงาน มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับโดยคำนวนจากอุณหภูมิภายในห้องนั้น เพื่อปรับความเย็นและลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความสบายสูงสุดและเหมาะกับสภาพในขณะนั้นได้อย่างอัตโนมัติ รวมทั้งรุ่น GY Series ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีดีไซน์หรูหราขึ้น และมีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่สูงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ทุกรุ่น ได้พัฒนาให้คุณภาพอากาศภายในห้องดียิ่งขึ้นด้วยการเพิ่ม ‘V-Air Filter’ และ ‘PM2.5 Filter’ แผ่นกรองฝุ่นที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะ สามารถกำจัดไวรัส แบคทีเรีย และดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างดี ซึ่งล้วนเป็นฟังก์ชันที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อความใส่ใจในสุขภาพของผู้ใช้เป็นสำคัญ

• ตู้เย็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ‘Premium Series’ คุณภาพสูง ทนทาน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีถนอมอาหาร มีให้เลือกถึง 7 รุ่น ใน 5 ซีรีส์ อาทิ ตู้เย็นแบบ 2 ประตูรุ่นใหม่ ‘HS Series’ โดดเด่นด้วยช่องแช่แข็งที่มีขนาดความจุใหญ่ขึ้น และเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยการออกแบบให้ช่องแช่อเนกประสงค์พิเศษและช่องแช่ผักอยู่ในตำแหน่งส่วนกลางของตัวตู้เย็น ทำให้ผู้ใช้หยิบจับอาหารในช่องชั้นต่าง ๆ ได้สะดวก นอกจากนี้ ที่ช่องแช่อเนกประสงค์พิเศษในตู้เย็น ‘Premium Series’ ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ยังออกแบบให้สามารถปรับตั้งค่าอุณหภูมิได้ (โดยเลือกโหมด Chill หรือ Soft Freezing) ซึ่งเป็นฟังก์ชันพิเศษที่สามารถลดเวลาทำละลายเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาได้อย่างมาก สามารถนำออกไปปรุงอาหารได้ในทันที ถือว่าเป็นตู้เย็นที่ถนอมอาหารได้ยาวนานขึ้น และในตู้เย็นแบบ 4 ประตู ได้เพิ่มสีใหม่ ‘Glass Dark Silver’ ดูหรูหราและสวยงามมากยิ่งขึ้น

• พัดลมมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ตั้งพื้นกึ่งตั้งโต๊ะ รุ่นใหม่ เพิ่มสองสีใหม่ คือ ฟ้าพาสเทล และเขียวพาสเทล พร้อมดีไซน์ตะแกรงหน้าแบบเรียบ สามารถส่งลมได้แรงขึ้น ไกลขึ้น และพัดลมรุ่น R12-MC มีใบพัดที่ออกแบบใหม่ สามารถถอดและทำความสะอาดได้ง่าย เพียงคลิกเดียว นอกจากนี้ พัดลมมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทุกรุ่น ยังมีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐาน Premium Safety พร้อมรับประกันมอเตอร์ 5 ปี

• ปั๊มน้ำ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ยกระดับความน่าเชื่อถือไปอีกขั้น ด้วยการขยายระยะเวลาการรับประกันมอเตอร์ถึง 11 ปี พร้อมประสิทธิภาพการกระจายความร้อนสูงด้วยโครงสร้างมอเตอร์อะลูมิเนียมที่ทนทานและมีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐาน Premium Safety

“อีกกลยุทธ์หนึ่งที่เรามุ่งเน้น คือ การสร้างการรับรู้ในแบรนด์ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค อย่างต่อเนื่อง โดยต่อยอดแนวคิดจากปี 2566 ‘ไม่หยุดทำ แค่คำว่าดี’ โดยในปีนี้ เราจะนำเสนอแนวคิดใหม่ คือ ‘แอร์ที่ใช่ ใส่ใจทุกรายละเอียด’ ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียดและเสริมสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จากแนวคิดดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ขึ้นใหม่ 3 เรื่อง ผ่านการนำเสนอโดยพรีเซนเตอร์ คุณนนท์ ธนนท์ ที่สื่อให้เห็นถึงเจตนารมย์ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่จะมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งแนะนำจุดเด่นต่าง ๆ ด้วยเนื้อหาที่ง่ายต่อการจดจำในผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ให้แก่ผู้บริโภค”

“จากกลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะช่วยสานต่อความสำเร็จในการทำตลาดของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค และผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย รวมถึงผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ได้เข้าสู่ตลาดอย่างกว้างขวาง เพื่อนำเสนอให้ผู้บริโภคได้ใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่า สิ่งนี้จะยังประโยชน์สู่สังคมโดยรวมในที่สุดได้” นายชิซุโอะ นาคาสึคาสะ กล่าวทิ้งท้าย

คำสารภาพจากลูก ผู้เคยประพฤติร้ายต่อผู้เป็นแม่ แต่ในวันที่กำลังแพ้ ‘ผู้หญิงคนนี้’ ไม่เคยจากไปไหน

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อ ‘kcbarseub’ โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับคำสารภาพของชายหนุ่มท่านหนึ่งชื่อ ‘นายชัยเวศ เสถียรโชติ’ อดีตนักเรียนที่เคยติดยา ก่อนจะกลับตัวกลับใจได้ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนคณะนักร้องประสานเสียงได้ในที่สุด โดยนายชัยเวศ ได้เล่าเรื่องราวในอดีตสมัยวัยรุ่นของตนเอง ที่เคยหลงเลือกทางเดินที่ผิดพลาด จนเป็นเหตุทำให้ ‘แม่’ ผู้ให้กำเนิดต้องทุกข์ใจ ไว้ว่า…

“ชีวิตของผม ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ผมมีความสุขมาก วันๆ ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดเพียงอย่างเดียวว่า วันนี้แม่จะทำกับข้าวอะไรให้กิน แม่จะให้เงินไปโรงเรียนเท่าไร

สมัยเด็กๆ แม่เคยถามผมว่า “โตขึ้น ลูกของแม่อยากจะเป็นอะไร?”

ผมตอบแม่ไปว่า “โตขึ้น ผมอยากจะเป็นตำรวจ อยากจะช่วยเหลือสังคม”

แม่รับปากผมว่าจะส่งผมเรียนให้ได้สูงๆ…

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2538 ผมเรียนถึงระดับอนุปริญญา เรียนสูงมาก ก็มีเพื่อนมาก แต่ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เพื่อนคนไหนบ้างที่จริงใจกับผม…

ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่า ปีนี้เป็นปีสุดท้าย ผมจะต้องเรียนให้จบ ได้เกรดเฉลี่ยนสูงๆ ทำให้แม่ภาคภูมิใจ

และในปีนั้นเอง แม่ของผมโชคร้าย แม่ล้มป่วย ผมพาแม่ไปหาหมอ หมอบอกว่าแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจ แม่จะต้องหยุดทำงาน แม่ไม่สามารถไปทำงานได้ แม้กระทั่งขึ้นสะพานลอย แม่ยังบอกว่า “แม่เหนื่อย ขอพักก่อนได้ไหมลูก…”

ตอนนั้นผมสับสนมาก เรียนก็อยากเรียนในจบ สงสารก็สงสารแม่ และในที่สุด เพื่อนที่เคยคบกัน เรียนมาด้วยกัน แนะนำผมว่า เขามียาอยู่ชนิดหนึ่ง ถ้าผมได้ลองใช้แล้ว มันจะทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น จะทำให้ผมเรียนเก่ง มีร่างกายที่แข็งแรง ผมหลงเชื่อเพื่อน มาลองใช้ยาตัวนี้ดู…

แรกๆ ก็ใช้น้อย แต่ความต้องการยามีมากขึ้น งานการที่เคยช่วยแบ่งเบาแม่ ผมกลับปล่อยปละละเลย ไม่สนใจ กลับถึงบ้านก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง คิดอยู่อย่างเดียวว่า จะหาเงินที่ไหนไปซื้อยามาเสพ

ในที่สุด แม่ก็จับได้ว่าผมติดยาเสพติด ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมกลัวมาก กลัวว่าแม่จะไล่ผมออกจากบ้าน กลัวว่าแม่จะไม่ให้ผมเรียนต่อ แต่แม่ไม่เคยพูดคำนั้น แม่นั่งร้องไห้ เรียกผมเข้าไปหา ถามผมว่า “ลูกติดมานานหรือยัง เลิกได้ไหม? ไหนลูกเคยสัญญากับแม่ ว่าลูกอยากเป็นตำรวจ”

ผมรับปากแม่ว่าผมจะเลิก แต่ผมก็ไม่เคยปฏิบัติตามคำพูดของผมเลย แต่กลับหนักขึ้นกว่าเก่า… ถ้าวันไหนแม่ไม่อยู่บ้าน ผมจะแอบกลับเข้าไปขโมยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เอาไปขาย แล้วบอกแม่ว่าพี่เป็นคนเอาไป

บ้านมีแต่เรื่อง… แต่ในที่สุดวันที่ 19 มิถุนายน 2538 ผมยังจําได้จนถึงทุกวันนี้และจะไม่ขอลืม วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมต้องการยามาก ผมบอกแม่ว่า “แม่ครับ ผมขอเงิน 200 บาท จะไปซื้ออุปกรณ์จัดการเรียน” แม่บอกผมว่า “พรุ่งนี้ได้ไหมลูก เพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวแม่จะหาให้ ตอนนี้แม่เหลือเงินแค่ 300 บาท แม่ต้องไปหาหมอ”

ผมไม่ฟังคําพูดของแม่ ผมเข้าไปแย่งเงินจากแม่ ผลักแม่จนล้มลง เข้าไปแย่งเงินเอา เงิน 200 บาท ไปซื้อยามาเสพกับเพื่อนอย่างมีความสุข

แต่เวรกรรมมีจริง…

ในวันนั้นช่วงเย็น ผมกลับเข้าบ้าน มีผู้ชาย 2 คนเดินเข้ามาหาผม เขาจับผมเอาหน้าคว่ำลงกับพื้น เอาเท้าเหยียบที่หลังผม ใส่กุญแจมือ พาผมไปที่โรงพักและตั้งข้อหาว่า ‘มียาเสพติดไว้ในครอบครอง’

ระหว่างที่อยู่ในโรงพัก ผมคิดเสมอว่าเดี๋ยวเพื่อนก็ต้องมาเยี่ยมผม เพื่อนต้องไม่ทิ้งผม แต่ความคิดของผมผิดทั้งหมด… คนที่มาเยี่ยมผม คือ น้องของผม

น้องบอกว่า “แม่ไม่มาเยี่ยมพี่หรอก พี่ทําแขนแม่หัก”

ตอนนั้นผมคิดว่า ผมอยากตาย…

แต่ในคืนนั้นเอง ตอน 4 ทุ่ม แม่ที่ในขณะนั้น แขนข้างนึงเข้าเฝือก อีกข้างหนึ่งหิ้วถุงใส่ข้าวมันไก่กับน้ำอัดลมกระป๋อง เดินมาหาผม คําพูดแรกที่แม่พูดกับผม แม่ถามว่า “ลูกหิวข้าวไหม? ไม่ต้องกลัว แม่ซื้อข้าวมันไก่กับน้ำอัดลมกระป๋องที่ลูกชอบมาฝาก แม่จะหาทางช่วยลูก แม่ไม่ทิ้งลูก”

คืนนั้นแม่ทําทุกทาง ทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยผม แม้กระทั่งก้มกราบเท้าตํารวจ แม่ก็ทํา…

เรื่องราวทั้งหมดหยุดชะงักลงเพียงเท่านี้ เพราะในขณะที่นายชัยเวศกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดอยู่นั้นเอง แม่ของเขาก็ได้เดินเข้ามาสวมกอดเขาอย่างอบอุ่น ทำให้นายชัยเวศถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมคุกเข่าก้มลงไปกราบแทบเท้าของแม่ผู้ให้กำเนิด และกล่าวขอโทษแม่ซ้ำไปซ้ำมา สร้างความซาบซึ้งและความประทับใจแก่ทุกคนเป็นอย่างมาก จนเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม

‘จีน’ เดินหน้ายกระดับภาคธุรกิจ ‘NEV’ พร้อมเร่งพัฒนาเต็มสูบ หวังเสริมประสิทธิภาพ-เพิ่มขีดความสามารถทางการค้าตลาด EV

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า ‘จิน เซียนตง’ เจ้าหน้าที่คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน แถลงข่าวว่า จีนจะยกระดับความพยายามเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายต่างๆ กระตุ้นการบริโภค และเดินหน้าการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของภาคยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV)

รายงานระบุว่า จีนจะเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการซื้อขายยานยนต์พลังงานใหม่ โดยคณะกรรมการฯ จะสนับสนุนการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ในชนบทและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาครัฐควบคู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จีนจะกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี ในภาคยานยนต์พลังงานใหม่ พร้อมกับสนับสนุนบทบาทนำของกลุ่มบริษัทยานยนต์ของจีน ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่

คณะกรรมการฯ จะมุ่งเดินหน้าการจัดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่มีคุณภาพสูง พร้อมด้วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริการ

อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน ระบุว่า ยอดการผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนในปี 2023 สูงเกิน 9.58 ล้านคัน และ 9.49 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.8 และร้อยละ 37.9 เมื่อเทียบปีต่อปี

ส่วนการส่งออกยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนในปี 2023 สูงเกิน 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.6 เมื่อเทียบปีต่อปี

รู้จัก ‘มูลนิธิพระราหู’ สัญลักษณ์แห่งการ ‘ช่วยเหลือสังคม-ธำรงพระพุทธศาสนา’ แรงขับเคลื่อนจาก ‘ดร.หิมาลัย’ คนจริงที่อยากช่วยสังคมไทยทุกมิติเท่าที่ไหว

ความเลื่อมใส ความศรัทธา ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่เพียงจะเป็นที่พึ่งให้กับชีวิต หรือใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจเท่านั้น แต่เมื่อความเชื่อและความศรัทธายังเป็นส่วนสำคัญ ที่มาสร้างแรงผลักดันให้คน ๆ หนึ่งได้กลายเป็นผู้ให้ จนก่อให้เกิดสาธารณกุศล สำหรับช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือแม้แต่การช่วยเหลือสังคม ยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤตภัยต่างๆ ก่อนจะคลี่คลาย และกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุขอีกครั้ง

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ตลอดจนมีความศรัทธาต่อองค์พระราหู ซึ่งถือเป็นที่พึ่งและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนทั่วไป จึงก่อให้เกิดการจัดสร้าง ‘มูนิธิพระราหู’ ขึ้นมา

“เราเริ่มจากพื้นที่ 2 ไร่ อยู่ในตำบลบัวลอย อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี สำหรับใช้เป็นสถานที่ดำเนินงานของสำนักงานมูลนิธิพระราหูในปัจจุบัน รวมทั้งเรายังได้จัดสร้างสำนักปฏิบัติธรรมภายในพื้นที่ติดกันอีก 50 ไร่ ใช้ชื่อว่า สถานปฏิบัติธรรมหิวัณย์พัฒน์ หลวงพ่อแหลม (จำลอง) และพระราหู เพื่อให้ศาสนิกชน ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ใช้สำหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรม ตลอดจนเพื่อบำเพ็ญตนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา”

ปฐมบทมูลนิธิพระราหู
ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของมูลนิธิด้วยว่า ต้องการส่งเสริมสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนเพื่อถวายเป็นกุศลต่อองค์พระราหู และส่งเสริมสนับสนุน ขณะเดียวกัน ยังเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวิถีชีวิตของคนไทย ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น มูลนิธฯ แห่งนี้ ยังจะมาช่วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้เป็นไปตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือแม้แต่การส่งเสริมและสนับสนุน ช่วยเหลือ การศึกษา การกีฬา แก่นักเรียนยากจน และสาธารณกุศล รามทั้งดำเนินการ

เพื่อสาธารณประโยชน์ และร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่น ๆ เพื่อสร้างสาธารณประโยชน์ให้กับสังคม ที่สำคัญมากกว่านั้น ยังจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาสำคัญ ในจังหวัดสระบุรี
อีกด้วย โดยการดำเนินงานทั้งหมดของมูลนิธิพระราหูนั้น ประธานที่ปรึกษาฯ ได้ย้ำว่า จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการเมืองแม้แต่น้อย

หัวใจหลักคือ สาธารณกุศลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางมูลนิธิพระราหู ได้ดำเนินงานเพื่อสาธารณกุศล ในหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่มี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) ให้การสนับสนุน “เราได้ทำงานร่วมกับทาง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รวมทั้ง เล็ก-ฝันเด่น จรรยาธนากร กลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชน ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน ทำกิจกรรมและโครงการที่เกี่ยวกับการกุศลมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นโครงการมอบทุนการศึกษาให้เด็กเรียนดีแต่ยากจน โครงการ ‘ใจถึงใจ ปันน้ำใจ’ มอบทุนการศึกษาพร้อมถุงยังชีพ ให้กับบุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจ โครงการสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ โครงการมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย อัคคีภัย อุทกภัยน้ำท่วมทั่วทุกภาค

นอกจากนี้ ยังมีโครงการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โครงการมอบรถชีพกู้ภัยและเครื่องตัดถ่างให้หน่วยกู้ภัยต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในกรณีฉุกเฉินให้ทันท่วงที โครงการรับซื้อข้าวเปลือกนำมาแปรรูปบรรจุถุง เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกโอกาส โครงการอุปสมบทหมู่ตามรอยพระศาสดา สู่ดินแดนพุทธภูมิ แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดีย-เนปาล และ โครงการส่งเสริมคนดี มูลนิธิพระราหู โดยมีพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจ์น์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร) ให้การสนับสนุนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง

ความรัก คือ พลังศรัทธา
ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้าที่จะมีการก่อตั้งมูลนิธิพระราหู ในช่วงระหว่างปี 2558 และ 2559 นั้น ก็มีการช่วยเหลือด้านสาธารณกุศล มาอย่างต่อเนื่อง

“ด้วยตัวของผมมีความศรัทธาในองค์พระราหู ทั้งในเรื่องของการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ผมเคยขอพรจากท่านในเรื่องของการทำงาน เมื่อผมประสบความสำเร็จ ผมก็จะทำบุญถวายท่านมาตลอด จนกระทั่งปี 2558 ผมก็เลยจัดตั้ง และจดทะเบียนมูลนิพระราหูขึ้นมา และดำเนินงานในเรื่องของการทำสาธรณกุศล ในนามมูลนิธิพระราหูต่อเนื่องมาทุกปี”

“ในส่วนของงานด้านการกุศล ผมไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมุ่งเน้นไปในทางใดทางหนึ่ง ผมจะช่วยตามกำลังทรัพย์ที่มี รวมถึงบางครั้งก็มีเพื่อนฝูงหรือคนรู้จัก เข้ามาช่วยในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทุนการศึกษากับนักเรียน นักศึกษา หรือการดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อสังคม และประเทศชาติ อย่างในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 ทางมูลนิธิพระราหูก็เข้าไปมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับคนป่วย ซึ่งทุกครั้ง เมื่อใครรู้ก็จะเข้ามาช่วยเพื่อให้กิจกรรมที่ทำอยู่นั้นลุล่วงไปด้วยดีอยู่ตลอด จนเรียกได้ว่าสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ” ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู กล่าว

นอกจากโครงการต่าง 1 ด้านสาธารณกุศล ที่ทางมูลนิธิฯ เข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว อีกหนึ่งโครงการหลัก คือ โครงการอุปสมบทหมู่ตามรอยพระศาสดา สู่ดินแดนพุทธภูมิ แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดีย-เนปาล ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มูลนิธิพระราหูทำมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

“เรามีการจัดอุปสมบทหมู่เป็นประจำทุกปี โดยจะทำพิธีปลงผมจากประเทศไทย จากนั้นจะนำคณะไปทำพิธีบรรพชาใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์และทำพิธีอุปสมบทหมู่ ณ พระอุโบสถ วัดไทยพุทธคยา ในประเทศอินเดีย ซึ่งพระทุกรูปที่อุปสมบท จะต้องปฏิบัติธรรมอยู่ที่ประเทศอินเดียประมาณ 15 วัน รวมถึงต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และเข้มข้นในทุกวัน รวมถึงต้องมีความตั้งใจในการปฏิบัติ เพราะเราอยากให้พระทุกรูป ปฏิบัติอย่างเต็มที่ รวมถึงต้องเดินทางไปให้ครบ 4 สังเวชนียสถาน จนถึงวันนี้ ผมได้ดำเนินโครงการดังกล่าวไปแล้ว 5 รุ่นด้วยกัน และก็ยังจะมีการจัดต่อไป
เรื่อยๆ”

ส่วนการช่วยเหลือทั่วไป ทางประธานที่ปรึกษามูสนิธิพระราหูก็ย้ำด้วยว่า ยังคงให้ความช่วยเหลืออยู่เหมือนเดิม ตามที่มีการแจ้งขอความช่วยเหลือมา ไม่ว่าจะเป็นการขอรถพยาบาล
หรือรถกู้ภัย ในพื้นที่ซึ่งมีความจำเป็น รวมถึงการจัดหาเครื่องช่วยชีวิต อาทิ เครื่องตัดถ่าง สำหรับช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติเหตุ

‘ปาฏิหาริย์’...ที่หาคำตอบไม่ได้
“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมมองว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเลย เคยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่งติดต่อมาขอเครื่องตัดถ่างจากทางมูลนิธิฯ ของเรา และไม่น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ดังกล่าว จะเป็นเครื่องมือที่มาช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่คนนั้นจากอุบัติเหตุภายหลังเช่นกัน และทำให้เขารอดชีวิตมาได้ในที่สุด ซึ่งผมถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ของการให้จริงๆ”

เรื่องปาฏิหาริย์ อีกเรื่องหนึ่งที่ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ เล่าให้ฟังก็คือ การรอดพ้นจากภยันตราย ที่อยู่ตรงหน้า “ทุกครั้งในสมัยก่อน เวลาที่ผมเดินทางไปที่ไหนก็ตาม แล้วเจอกับรถเสียผมก็จะลงไปให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ หรือหากครั้งไหนผมขับรถแล้วไปเจอพระภิกษุกำลังเดินทาง ผมก็จะเข้าไปบริจาคปัจจัยตามกำลังที่ผมมี เพื่อให้ท่านได้ใช้ขึ้นรถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง และนั่นก็เป็นเรื่องแปลกที่ทำให้ผมและครอบครัวไม่ค่อยติดขัดเรื่องการเดินทางเลย แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะมีคนเข้าให้ความช่วยเหลือและแก้ไข ให้ผมเดินทางต่อไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งผมเชื่อว่าตรงนี้เป็นผลมาจากบุญกุศลที่ผมทำมาตลอด ขณะที่เราเองก็เป็นคนยึดมั่นในการทำความดีมาตลอด ผมตอบไม่ได้หรอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า แต่ชีวิตของผมก็เจอกับเรื่องบังเอิญแบบนี้มาหลายครั้งเหมือนกัน”

รอดพ้นจากกยันอันตราย
ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู เล่าด้วยว่า “สมัยก่อน ตอนที่ผมและครอบครัว เดินทางไปเที่ยวแถวจังหวัดสระแก้ว หรือปราจีนบุรี และในขณะที่รถของเรากำลังแล่นไปด้วยความเร็วค่อนข้างมาก สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นเต่าตัวหนึ่งที่กำลังคลานต้วมเตี้ยมอยู่ข้างถนน เหมือนกำลังจะข้ามไปที่บึงน้ำอีกฝั่งของถนน ผมก็เลยให้คนขับรถชิดช้ายเพื่อเข้าข้างทาง ซึ่งเวลานั้นก็มีรถอีกคันหนึ่งตีคู่รถเรามา พอเราชิดช้ายรถอีกคันก็แชงหน้าขึ้นไป ผมให้คนขับรถไปอุ้มเต่าตัวดังกล่าว แล้วพาเขาไปไว้ที่บึงน้ำ เพราะหากปล่อยให้เขาคลานข้ามไปเอง เขาก็อาจโดนรถคันอื่น เหยียบได้”

“หลังจากที่เราช่วยเหลือเต่าตัวดังกล่าวแล้วก็กลับมาที่รถ แล้วขับไปต่อ พอขับมาออกมาได้ไม่เท่าไร เราก็เห็นรถคันที่แขงหน้าเราไป เกิดอุบัติเหตุอยู่ข้างหน้า ซึ่งทำให้ผมกลับมาคิดว่า หากตอนนั้น เราไม่ได้ลงไปช่วยเหลือเต่าตัวนั้น รถคันที่เกิดอุบัติเหตุ น่าจะเป็นรถคันของผมแน่ๆ เพราะด้วยอัตราความเร็ว และจังหวะในช่วงนั้น ก็พอๆ กับรถคันที่เกิดอุบัติเหตุเลย” เป็นอีกเรื่องจริงที่ ดร.หิมาลัย เจอมากับตัว “ผมว่านี่อาจเป็นเพราะบุญกุศลที่ผมได้ช่วยเหลือเต่าตัวนั้น”

เป้าหมายที่แน่วแน่นไร้แอบแฟง
ว่าถึงเรื่องหลักการ และหลักเกณฑ์การช่วยเหลือของทางมูลนิธิพระราหู ประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ ยอมรับว่า ทางมูลนิธิอาจไม่สามารถให้ความช่วยเหลือคนได้ทั้งหมด “ทางคณะกรรมการมูลนิธิฯ จะมีการพิจารณาในแต่ละราย หรือแต่ละกรณีว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และเราสามารถเข้าไปช่วยสนับสนุนอะไรได้บ้าง อาทิ โครงการส่วนตัวของท่าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ที่ท่านมีแนวคิดเรื่องของการไปเยี่ยมเยียนบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นฮีโร่ ที่ต้องได้รับบาดเจ็บจากการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งบางท่านอาจถูกลืมไปแล้ว ตรงนี้เราก็จะทำงานร่วมกับท่าน ด้วยการไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้น พร้อมกับมอบสิ่งของที่จำเป็น เป็นการให้กำลังใจกับเหล่าฮีโร่ ตลอดจนเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลครอบครัว และประสานงาน เพื่อให้ตำรวจเหล่านั้นให้ได้รับความช่วยเหลือในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่”

ไม่ใช่แค่โครงการดังกล่าวเท่านั้น ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู ยังมีโครงการอีกหนึ่งโครงการ ภายใต้ชื่อ โครงการพาวีรบุรุษกลับบ้าน “ตอนนี้ เรากำลังทำงานร่วมกับทาง องค์การ
สงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชปถัมภ์ รวมถึงได้ปรึกษากับทาง พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ด้วย ซึ่งโครงการนี้ มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากในสมัยอดีต ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราเกิดสงคราม ทำให้เราต้องส่งกองกำลังของเราเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปฏิบัติภารกิจ ผลักดัน และปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย และนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของเราได้รับบาดเจ็บ ขณะที่บงส่วนก็เสียชีวิต และไม่สามารถนำร่างเจ้าหน้าที่กลับมาแผ่นดินเกิดได้ และคาดว่าน่าจะมีมากว่า 400-500 นาย”

สู่ความตั้งใจที่กำลังเป็นจริง
ในส่วนนี้ ทางประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู มองว่า “เป็นการให้เกียรติกับผู้เสียชีวิต ที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย และเราก็เห็นว่า การได้พาดวงวิญญาณของผู้สละชีพเหล่านั้นกลับบ้าน ก็เป็นหน้าที่สำคัญที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน ในฐานะที่ผมเป็นลูกหลานคนไทยและเป็นนักเรียนนายร้อย จปร. ผมก็อยากจะช่วยนำพาท่านเหล่านั้นกลับคืนสู่ญาติพี่น้องที่รอคอย และทำพิธีทางศาสนาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ดวงวิญญาณของท่านผู้ปกป้องผืนแผ่นดินไทย ได้ไปสู่
ภพภูมิที่ดี ถือเป็นอีกโครงการที่เราตั้งใจอยากทำ และมองว่าภายในปีนี้ เราจะได้ดำเนินงานให้เป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การพูดคุยกันเท่านั้น”

“ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่คิดนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่ผมมีความตั้งใจที่จะต้องทำให้ได้ เพื่อให้ผู้พลีชีพเหล่านั้นได้กลับมาแผ่นดินเกิด และเราก็โชคดีที่ทาง พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ที่เข้าใจ และให้การสนับสนุนกับโครงการที่จะเกิดขึ้นนี้ รวมถึง เรายังได้รับการสนับสนุนจาก พล.ต.เจริญ เตชะวณิช นายกสมาคมนักรบนิรนาม ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นในการทำงาน เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นจริง เราอาจจะไมใช่มูลนิธิที่ร่ำรวยหรือมีเงินมากมาย แต่เมื่อเรามีความตั้งใจจริง ผมก็เชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น และมีคนเข้ามาให้การช่วยเหลือ ให้เราประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ตั้งใจทำได้ในที่สุด”

ความดีที่ไม่ต้องการผลตอบแทน
เรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตในประเด็นที่ว่า ทำสาธารณกุศลแล้วได้อะไร ซึ่งทาง ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ยังคงเน้นย้ำว่า ชีวิตของคนเราทุกคน ไม่มีทางรู้เลยว่า เราจะจากโลกนี้ไปในวันไหน บางคนเห็นหน้ากัน คุยกันในตอนเช้า พอตกเย็นก็จากกันไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลาเลยก็มี “ผมเอง ด้วยอาชีพที่เคยปฏิบัติในการปกป้องแผ่นดินไทย เราเองก็เคยเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาแล้ว ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ถามว่าในการมาทำสาธารณกุศลแล้วได้อะไร ผมก็อยากบอกว่า เป็นความสุขทางใจของผมมากกว่า ในวันที่เราเองต้องจากโลกนี้ไป ผมก็อยากให้ช่วงนั้นผมได้นึกถึงเรื่องของบุญกุศลที่ผมเคยทำมาบ้างก็เท่านั้น”

“ผมมองว่า การทำบุญก็เป็นเหมือนการแบ่งปันความดี และเราก็สามารถแบ่งให้ทุกคนได้ หลายคนอาจคิดว่าทำบุญแล้วได้อะไร สำหรับผมแล้ว ความสุขและความสบายใจ คือคำตอบที่ดีที่สุด และผมเอง ก็ไม่เคยตั้งเป้าอะไรกับการจัดตั้งมูลนิธิพระราหูเลย ผมมองว่าในเมื่อเรายังมีแรงอยู่ เราก็อยากตั้งใจทำสิ่งดีๆ ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิพระราหู หรือแม้แต่สถานปฏิบัติธรรมหิรัณย์พัฒน์ ที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ส่วนนี้เราก็ตั้งใจสร้างขึ้นมา โดยใช้ชื่อคุณพ่อหิรัณย์ และชื่อคุณแม่พัฒน์ โดยที่ไม่ได้คิดว่าต่อไปข้างหน้า ทั้งมูลนิธิฯ และสถานปฏิบัติธรรมจะมีใครมาสานต่อหรือไม่ เราทำเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเท่านั้น”

อานิสงส์แห่งบุญกุศล
ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ยังบอกด้วยว่า “เราเป็นพุทธศาสนิกชน บุญแรกเลยที่เราจะได้รับคือ การทำให้สังคมเป็นปกติสุข และทำให้เรามีสุขภาพกายและจิตใจที่ดี ขณะเดียวกันตัวของเราเอง ยังเหมือนได้ฝึกฝนตัวของเราให้เป็นคนที่รู้จักการให้อภัยคนอื่นได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม รวมไปถึงยังช่วยปรับทัศนคติและอารมณ์ของตัวเอง จากที่เคยเป็นคนที่โมโหหรือโกรธง่าย ให้ใจเย็นลงและมีสติมากขึ้นด้วย บางครั้งเมื่อเราต้องเจอกับอะไรร้ายๆ หรือไม่ดี ก็จะเหมือนมีเทวดามาคอยบอก คอยเตือนเรา ทำให้เรารอดพ้นจากเคราะห์กรรม หรือภยันอันตรายต่างๆ ไปได้”

“...ผมว่า การทำบุญ หรือสร้างสาธารณกุศล เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองอะไรเลยก็ได้ เราแค่มีใช้แรงกายหรือบางครั้งใช้ใจ รวมถึงให้กำลังใจกับคนที่กำลังเดือนร้อน หรือมีความทุกข์ เราก็ได้บุญเหมือนกัน และการสร้างบุญทำกุศล ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้ผมกลายเป็นคนที่ใจเย็น ไม่โกรธ หรือโมโหใครง่าย เหมือนแต่ก่อนอีกเลย” ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู พูดทิ้งท้าย พร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้า แสดงให้เห็นถึงความสุข และความสบายใจ ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้... ดร.หิมาลัย กล่าวทิ้งท้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม… ที่อิ่มบุญ

‘รร.นานาชาติแห่งกรุงเวียนนา’ เปิดออดิชั่นตามหาอัจฉริยะศิลปะ-ดนตรี-เต้น เด็กไทยมากความสามารถห้ามพลาด!! ลุ้นรับทุนเรียนฟรี 1 ปี ที่ออสเตรีย

(20 ม.ค. 67) โอกาสดี ๆ มาถึงแล้วสำหรับเด็กไทยที่มีความฝันและหลงใหลในศิลปะดนตรี ‘AMADEUS International School Vienna’ โรงเรียนนานาชาติแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เปิดออดิชั่นตามหาผู้ที่มีความสามารถทางวิชาการ ดนตรี ศิลปะ และการเต้น ร่วมออดิชั่นเพื่อรับทุนแบบ Full Scholarship สนับสนุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายระหว่างการศึกษา (Full Scholarship) สำหรับปีการศึกษา 2024 - 2025 มูลค่ากว่า 1.9 ล้านบาท (ต่อทุน) เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ – วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 สัมภาษณ์และออดิชั่นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567

AMADEUS International School Vienna (อะมาเดอุส อินเตอร์เนชั่นแนล สคูล เวียนา) โรงเรียนเอกชนชั้นนำที่ดีที่สุดอันดับ 15 ของยุโรป โดดเด่นด้านหลักสูตรวิชาการคุณภาพสูง รวมถึงหลักสูตรดนตรีและศิลปะระดับเวิลด์คลาส เปิดรับสมัครเยาวชนไทยที่มีความรู้ความสามารถทั้งด้านวิชาการ ดนตรี ศิลปะ และการเต้น ร่วมส่งผลงานและออดิชั่นเพื่อชิงทุน AMADEUS Music and Arts Academy (AMAA) ที่ AMADEUS International School Vienna ประเทศออสเตรีย ระหว่างปีการศึกษา 2024-2025 แบบเต็มจำนวน ครอบคลุมค่าเล่าเรียน ที่พัก อาหารทุกมื้อระหว่างการศึกษา เป็นเวลา 1 ปี มูลค่ากว่า 1.9 ล้านบาทต่อคน (50,000 EURO) และทุน Diversity Scholarships สนับสนุนค่าเล่าเรียน 10 % เป็นเวลา 1 ปี ทั้งนี้ นักเรียนมีโอกาสสมัครขอรับทุนเพิ่มเติมจากโรงเรียนได้ในปีการศึกษาต่อ ๆ ไป หากมีผลการเรียนดี มีความสามารถโดดเด่น  โดยทางโรงเรียนไม่มีกำหนดจำนวนผู้มีสิทธิ์ได้รับทุน ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความสามารถของผู้สมัครในรอบออดิชั่น

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเข้าร่วมชิงทุนดังกล่าว ต้องมีอายุระหว่าง 11 – 18 ปี กรอกใบสมัครพร้อมแนบผลงานที่โดดเด่น (YouTube links, portfolio หรือเอกสารอ้างอิง) ผ่านทาง https://forms.gle/GFXMSd8MqLACj6gS6 ได้ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 โดยคณะกรรมการจะคัดเลือกผู้เข้ารอบ โดยพิจารณาจากผู้ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นที่สุดจากผลงานที่แนบมาพร้อมใบสมัครจำนวน 16 คน เพื่อเข้าสู่รอบสัมภาษณ์และการออดิชั่นสด ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ระหว่างเวลา 09.30 – 18.00 น. ณ โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ, วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น ซึ่งจะใช้เวลาทั้งสิ้น 30 นาที แบ่งออกเป็นการสัมภาษณ์นักเรียนผู้สมัคร 5 นาที ออดิชั่นโชว์ผลงานและความสามารถ 15 นาที และสัมภาษณ์ผู้ปกครองจำนวน 10 นาที

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ MAC International Education Consultant Agency หรือ ‘MIECA’ โทร. 098-670-1238 และ AMADEUS International School Vienna ประเทศออสเตรีย โทร +43-147-030-3727 E-mail : [email protected] หรือดูข้อมูลเพิ่มเติม www.amadeus-vienna.com คลิกที่แบนเนอร์ AMADEUS AUDITION และเลือก Audition in Bangkok

”รองต่าย“ยืนยันภายในวันนี้ สามารถคืนร่างผูัเสียชีวิตให้ญาติครบถ้วนทั้งหมด ล่าสุดพบ“ชิ้นส่วนท่อนขา+ถังเคมี“ในบ่อน้ำใกล้ที่เกิดเหตุ

วันที่  20 ม.ค 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป) พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู่้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะได้ด้เดินทางไปที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 18 มค 67 และได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิตผบช.ภ.7 พร้อมทั้ง พล.ต.ต.วัชรินทร์  ประสพดี ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยทีมีการเกี่ยวข้องในการประชุมที่ ศปก.สน.สภ.เมืองสุพรรณบุรี (วัดโรงช้าง) ให้สูบน้ำในบ่อ ในคู ข้างที่เกิดเหตุออกให้หมด เพื่อให้สิ้นสงสัยว่า อาจมีชิ้นส่วนร่างกายผู้เสียชีวิต หรือวัตถุพยาน กระเด็นไปตกอยู่ในน้ำ เพื่อจะได้เกิดความสมบูรณ์ในการค้นหาชิ้นส่วนของร่างผู้เสียชีวิต มาพิสูจน์อัตลักณ์ แม่นยำครบถ้วนตามหลักนักวิทยาศาสตร์ วิชาชีพสากล 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่าล่าสุด วันนี้ 20 ม.ค 2567 67 (เวลา 11.40 น.) ได้ดำเนินการสูบน้ำในคู ในบ่อ ออกหมด ผลการสูบน้ำออก พบ ชิ้นส่วนท่อนขา 1 ท่อน และถังสารเคมี 1 ถัง ถือว่า การค้นหาชิ้นส่วนร่างกายผู้เสียชีวิตและการเก็บพยานหลักฐาน ครบถ้วนแล้ว และจะได้นำไปตรวจพิสูจน์ต่อไป อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ตำรวจเราก็ทำอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ชิ้นส่วนใด ชิ้นส่วนหนึ่งของร่างที่ไร้วิญญาณ ขาดหายไป 

โดยได้รับการยืนยันว่า การตรวจพิสูจน์ร่างผู้เสียชีวิต ด้วยการตรวจลายนิ้วมือ และ DNA ซึ่งได้ดำเนินการด้วยความทุ่มเท โดยทีมงานของตำรวจนิติเวช และ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สามารถตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบ จนทราบแล้วว่า ร่างผู้เสียชีวิตเป็นใคร และเป็นญาติของใคร ครบทั้ง 23 ราย ทำให้ในช่วงบ่ายนี้ คณะกรรมการพิจารณาการคืนศพ จะเร่งรัดพิจารณาคืนและมอบศพให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลได้ภายในวันนี้ครบทุกราย

นราธิวาส-พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรมด้านการบังคับคดี พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

(20 มกราคม 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก โรงแรมอิมพีเรียล จังหวัดนราธิวาส ว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมากล่าวเปิดงานโครงการส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรมด้านการบังคับคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จัดโดย กรมบังคับคดี โดยมี นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี ให้การต้อนรับ

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ประเทศไทยเผชิญภาวะหนี้สินครัวเรือนสูงกว่า ร้อยละ 90.70 รัฐบาลจึงได้ประกาศนโยบายเร่งด่วนประการแรกคือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ลดปัญหาอาชญากรรม สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงความเป็นธรรมในสังคม”

“ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญของกระทรวงยุติธรรม ในการยกระดับหลักนิติธรรมทั้งการออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย การแก้ไขหนี้สินครัวเรือน หนี้ กยศ. เป็นหนึ่งโครงการสำคัญ (Quick Win) ของกระทรวงยุติธรรม” พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้กล่าวขอบคุณ กรมบังคับคดี กองทุนเงินให้ยืมเพื่อการศึกษา และหน่วยงานเครือข่ายสถาบันการเงินต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือจัดงานโครงการส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรมด้านการบังคับคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จัดงานขึ้นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจในการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนของทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนที่มาร่วมงานจะได้รับความช่วยเหลือให้มีการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ ให้ลูกหนี้ เจ้าหนี้ เจรจายุติข้อพิพาทด้วยความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย โดยเสร็จสิ้นภารกิจในเวลา 13.00 น. 

ข่าว.แวดาโอ๊ะ​ จ.นราธิวาส
นราธิวาส​

ฐานทัพเรือสัตหีบ สนับสนุนการจัดพิธีสวนสนามและกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลประจำปี 2567

พลเรือโท ชยุต นาเวศภูติกร ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา ให้การรับรอง พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานในพิธี ตลอดทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ  หน่วยงานราชการ และภาคเอกชนในพื้นที่สัตหีบ ณ พื้นที่ปะรำพิธี ลานอเนกประสงค์ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

ในการนี้เป็นไปตามที่กองทัพเรือ มอบหมายให้ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นหน่วยอำนวยการประกอบพิธีสวนสนามและกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล โดยมีหน่วยในกองทัพเรือจำนวน 8 หน่วย ได้จัดกำลังพลสวนสนามจำนวน ทั้งสิ้น 12 กองพัน ทั้งนี้วัตถุประสงค์ ของการกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เพื่อให้ทหารใหม่ ที่เพิ่งได้รับการบรรจุแต่งตั้งยศ ได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตน แสดงความเป็นทหาร ต่อธงชัยเฉลิมพล

อนึ่ง ธงชัยเฉลิมพล เป็นธงประจำหน่วยทหารทุกหน่วย มีลักษณะเหมือนธงชาติ หรือธงไตรรงค์ ตรงกลาง มีตราเครื่องหมายประจำหน่วย บนยอดสุดของด้ามธง ทำเป็นโลหะสีทองรูปต่างๆ โดย ธงชัยเฉลิมพลได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เป็นธงประจำหน่วยทหารของทุกหน่วย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานธงด้วยพระองค์เอง  ดังนั้น ธงชัยเฉลิมพลจึงเป็นเสมือนตัวแทนของชาติ ศาสนา  และพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะประจำอยู่กับหน่วยทหารเป็นเกียรติยศมิ่งขวัญของทหาร และสิ่งที่ทหารทุกคนจะต้องเคารพ และรักษาด้วยชีวิต
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี 0909535645

#เทิดทูนสถาบันยึดมั่นระเบียบวินัยประชาชนภูมิใจทะเลไทยมั่นคง
#Fit_for_the_Future
#I_will_do_my_best
#ฐานทัพเรือสัตหีบ
#สนับสนุนกำลังรบทางเรือ_ช่วยเหลือประชาชน_ดูแลกำลังพลและครอบครัว
#กองกิจการพลเรือนฐานทัพเรือสัตหีบกองทัพเรือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top