Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

นายกฯ จี้ รมต. ทุกกระทรวง เร่งรัด เบิกจ่ายงบฯ ให้เป็นไปตามเป้า ผลักดันเม็ดเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจ

วันที่ 4 พ.ค. 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงบประมาณได้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทราบถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณ ณ ไตรมาส2 ปีงบประมาณ 2564(1ต.ค.2563-31มี.ค.2564) ว่าแม้จะอยู่ระหว่างเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 เป็นต้นมาซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งมิติพื้นที่และกลุ่มธุรกิจ การลงทุน และการดำเนินชีวิตของประชาชน แต่ปรากฎว่าผลการใช้จ่าย โดยเฉพาะการก่อหนี้ผูกพันของส่วนราชการและหน่วยรับงบประมาณต่างๆในภาพรวมถือว่าสูงกว่าเป้าหมายตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)และแผนการใช้จ่ายงบประมาณกำหนดแต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในบางประเด็นเพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายและมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณนี้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีข้อสั่งการให้ส่วนราชการ และหน่วยรับประมาณทุกหน่วยดำเนินการตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด โดยให้เร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะกรณีรายจ่ายลงทุนรายการปีเดียวและรายการผูกพันใหม่ให้แล้วเสร็จ เนื่องจากขณะนี้ได้เข้าสู่ไตรมาสที่3 ของปีงบประมาณแล้ว และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีทีกำกับดูแลหรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณหรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎกมายกำกับดูแล เร่งรัด ติดตามและประเมินการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายหรือแผนที่กำหนด โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและการกระตุ้นให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

 น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงมีต่อเนื่อง ให้ทุกหน่วยรับงบประมาณพิจารณาแนวทางการใช้จ่ายที่สอดคล้องกับปริบทใหม่ที่เปลี่ยนไป(new normal)เพื่อให้การใช้จ่ายเป็นไปตามวัตถุประสงค์ เกิดประโยชน์กับประชาชน  ส่วนกรณีปัญหาที่หน่วยงานยังมีข้อติดขัดเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ให้กระทรวงการคลังเร่งสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจแก่บุคลากรของหน่วยรับงบประมาณให้ต่อเนื่องและชัดเจน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  สำหรับข้อมูลการเบิกจ่ายที่สำนักงบประมาณรายงานนั้น จากงบประมาณรายจ่ายรวม 3.28 ล้านล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่2  ส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยรับงบประมาณต่างๆ ได้เบิกจ่ายแล้ว 1.55 ล้านล้านบาท มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 1.78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 47.21% และ 54.24% ตามลำดับ แต่หากพิจารณาเฉพาะงบประมาณรายจ่ายกรณีไม่รวมงบกลาง วงเงินงบประมาณรวมจะอยู่ที่ 2.67 ล้านล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว  1.30 ล้านล้านบาท คิดเป็น 48.96% ต่ำกว่าเป้าหมาย 5.04% ก่อหนี้ผูกพันแล้ว 1.53 ล้านล้านบาท คิดเป็น 57.59% สูงกว่าเป้าหมาย 3.59%

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กรณีไม่รวมงบกลางเฉพาะรายจ่ายประจำ จากวงเงินรวม 2.08 ล้านล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 55.09% ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.91% ก่อหนี้ผูกพันแล้ว 1.16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 56.01% ต่ำกว่าเป้าหมาย 0.99%  ขณะที่รายจ่ายลงทุนจากวงเงินรวม 5.87 แสนล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1.59  แสนล้านบาท คิดเป็น 27.19% ต่ำกว่าเป้าหมาย 17.81% ก่อหนี้ผูกพันแล้ว 3.71 แสนล้านบาท คิดเป็น 63.22% สูงกว่าเป้าหมาย 18.22%

"โจ พงศ์พรหม" ชี้กระแสคนอยากย้ายประเทศ ต้องแก้ด้วยการกระจายอำนาจ - ลงทุนไปต่างจังหวัด ยกโมเดล "ขอนแก่น - อุดร" มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางภูมิภาคได้ ถามรัฐบา ลมีแผนในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือไม่ ? 

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความลง Facebook ส่วนตัว ถึงกระแสคนอยากย้ายประเทศว่า ช่วงนี้มีกระแสย้ายประเทศแรงๆ อยู่ ผมเลยอยากเสนอความคิดต่าง ไม่ใช่ด่ากัน แต่หาทางออก 

เมื่อ 3 ปีก่อน ผมเริ่มเสนอแนวคิดนี้กับคนรอบตัว
ทำไมเราไม่เคยใช้จุดเด่นหัวเมืองแต่ละจังหวัดในการสร้างการเติบโต “คนไทย” อย่างเท่าเทียมมากขึ้น 

“เราต้องกระจายอำนาจ” แต่กำหนดทิศทางหัวเมืองให้ชัด โดยให้เติบโตตามความถนัดของเขา อย่างเช่น ขอนแก่นมีมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับเอเชีย อุดรมีนักธุรกิจเก่งๆ มีอุดรพัฒนาเมืองที่ได้ชื่อว่ามองอนาคตเมืองได้ไกล 

2 เมืองนี้ควรเป็นพาร์ทเนอร์กันในการสร้างเมือง Biotech/Biodiversity based research and innovation แห่งอาเซียน 

มหาวิทยาลัยมีแล้ว นักธุรกิจมีแล้ว ทำเลก็แสนเยี่ยม ไปจับมือลาว เวียดนามทำวิจัย แล้วเอามาตั้งโรงงานที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตเสร็จ ก็ส่งออกทางลาว ไม่ก็ท่าเรือบกลงมา EEC 

เชิญ Pfizer อเมริกา เชิญบริษัท Anti-ageing เกาหลี บริษัทยาญี่ปุ่น-จีน มาลงทุน ให้ BOI 15 ปี พร้อม residential visa ตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมแนวนี้ให้คนไทย ใครตัวเล็กๆก็ให้ handicap เยอะหน่อย 10,000 ล้าน ไม่ใช่ตัวเลขที่มากเกินภาระการคลัง เพราะจะสร้าง 100,000 ล้าน ในอุตสาหกรรม S-curve โลก 

แล้วภาพแบบนี้จะเกิดได้ ผมเชื่อว่าการทำ GPP (Gross Provincial Product) ให้ 2 จังหวัดนี้โตแบบ 3-5 เท่าใน 10 ปีไม่ใช่เรื่องยากเลย แปลว่า Tesla, BMW จะเป็นรถยนต์ที่คนขอนแก่น-อุดรใช้กันโดยทั่วไป ไม่ถือว่าเป็น luxury car 

จะให้เกิดสิ่งนี้ แค่เปลี่ยนวิธีคิดให้แต่ละภูมิภาคเป็นศูนย์กลางตัวเอง คิดให้เค้ารวย อย่าคิดให้ระบบราชการ หรือกรุงเทพรวย 

ถ้าเป็นแบบนี้ คนไม่อยากย้ายประเทศหรอกครับ เพราะเค้าจะมีทั้ง Love and Hope อย่างที่ผมว่าไว้ ซึ่งรัฐบาลก็ควรตั้งคำถามว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหรือไม่? สำหรับผม คนอยากย้ายประเทศเป็นโอกาสในการพูดคุย และเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง 

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4251739811502791&id=100000004424101

บิ๊กป้อม สั่ง ศปฉ.พปชร. ระดม ช่วยชาวบ้าน สู้โควิด-19  เกาะติด คลัสเตอร์คลองเตย เร่ง บรรเทาความเดือดร้อน

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ  อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชาชนจะจัดตั้งศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 พปชร. หรือ ศปฉ.พปชร. เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการติดเชื้อ แต่ไม่มีเตียงในการรักษา และนำส่งโรงพยาบาลให้รวดเร็วเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนแล้ว ยังได้ระดมสรรพกำลังส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย ให้ความช่วยเหลือถึงมือพี่น้องประชาชนมากที่สุด  เช่น การมอบเครื่องอุปโภค บริโภค  อุปกรณ์ในการป้องกันตนเอง ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์  เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ  เป็นต้น  โดยกำชับให้การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ในการเว้นระยะห่างทางสังคม  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเราพูดจริง ทำจริง โดยขณะนี้ส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐได้เดินหน้าลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแล้วหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาต่างๆต่อเนื่อง   ส.ส.จักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. ในฐานะหัวหน้าภาค กทม. ผู้แทนศูนย์ช่วยประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 (ศปฉ.พปชร) ได้ร่วมกับคณะ มอบหน้ากากอนามัย จำนวน 25,000 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ ให้กับโรงพยาบาลศิริราช  น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร แจกหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ และมอบอาหารสดให้กับชุมชนคลองตาปลั่ง ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี มอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและของกินของใช้ให้กับโรงพยาบาลสนาม ที่วิทยาลัยพยาบาลพร้อมบริการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ให้กับอบต.และเทศบาลในพื้นที่ราชบุรี นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางแค ได้มอบแท่นกดเจลแอลกอฮอล์ในชุมชนนิรันดร์คอนโด นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา จัดรถเตรียมรับส่งผู้ป่วย และลงพื้นที่มอบอาหารสดอาหารแห้งชุมชนคลองอู่ตะเพา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นาย ฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ ลงพื้นที่มอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งรถฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ให้กับชุมชนอ.พระปะแดง จ.สมุทรปราการ รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช มอบเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ และหน้ากากอนามัยให้กับตัวแทนอสม. นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา ลงพื้นที่อ.ประทายมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ช่วยเหลือผู้ให้ความร่วมมือกักตัวในบ้านพักเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารสุข เป็นต้น พร้อมกันนี้บรรดาส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคยังได้ช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย

และขณะนี้พื้นที่ที่สังคมกำลังกังวลใจเป็นอย่างมากคือชุมชนคลองเตย ซึ่งมีการแพร่เชื้อติดต่อเป็นวงกว้างจากความเป็นอยู่ของชุมชนแออัดที่เป็นพื้นที่แออัดที่สุดในประเทศไทยนั้น ทาง น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ  ได้ลงพื้นที่ทั้งฉีดพ่นฆ่าเชื้อ มอบสิ่งของจำเป็นกับผู้เดือดร้อน สื่อสารข้อมูลประสานงานทุกอย่างให้พี่น้องในชุมชน พร้อมเข้าสำรวจพื้นที่บริเวณการท่าเรือ ลงพื้นที่ให้กำลังใจช่วยเหลือ ณ จุดฉีดวัคซีนโลตัสพระราม4  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

“ภาวะวิกฤติเช่นนี้ นักการเมืองมีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนการปฏิบัติของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้ ด้วยการเสริมการป้องกันให้กับพี่น้องประชาชน การอำนวยความสะดวกและการช่วยประสานงานเพื่อไม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่การนั่งเพียงนั่งอยู่ในห้องแอร์ วิจารณ์อยู่หน้าจอ ทำลายขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่  ซึ่งต้องร่วมมือกันฝ่าวิกฤติไปให้ได้ ไม่ใช่คอยฉกฉวยโอกาสฉุดรั้ง การแก้ไขปัญหาจนวิกฤติเกินแก้ไข” น.ส.ทิพานัน กล่าว

“ดีอีเอส” ตั้งทีมจับตากลุ่มย้ายประเทศฯ หลังมีร้องเรียนสร้างความแตกแยก-หมิ่นสถาบันฯ ชี้แนะแนวศึกษา-อาชีพ ตปท.เป็นเรื่องดี แต่ควรศึกษาข้อมูลรอบด้าน เตือนอาจมีมิจฉาชีพแฝงหาประโยชน์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  กล่าวถึงกรุ๊ปเฟซบุ๊ก “ย้ายประเทศกันเถอะ” ที่กำลังเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ขณะนี้ว่า กระทรวงดีอีเอสได้รับการร้องเรียนถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมาเช่นกัน โดยผู้ร้องเรียนระบุว่า มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกสร้างความเกลียดชัง และยังมีการแสดงความคิดเห็นเข้าข่ายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ติดตามเบื้องต้นพบว่า เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงแนะแนวการศึกษา และแนะนำแนวทางประกอบอาชีพในต่างประเทศ ซึ่งจริงๆก็เป็นเรื่องที่ดี และหน่วยงานภาครัฐเองก็มีการให้ข้อมูล และให้การสนับสนุนผู้ที่มีความพร้อมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ทั้งในแง่การไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงการต่างประเทศ เช่นเดียวกับการประกอบอาชีพที่มี กระทรวงแรงงาน เป็นผู้กำกับดูแล

“เท่าที่ติดตามหลายๆโพสต์ก็เป็นเรื่องแนะแนวการศึกษา และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ที่แฝงด้วยประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มบางคนที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศก็มีพฤติกรรมชังชาติอยู่แล้ว ก็มีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อสร้างความแตกแยก และหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กระทรวงดีอีเอสมีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามการกระทำความผิดในสังคมออนไลน์อยู่แล้ว ก็ได้กำชับไปให้ตรวจสอบดูว่ามีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด” นายชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า หากเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการศึกษาหรืออาชีพในต่างประเทศ รัฐบาลคงไม่ปิดกั้น เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีความเป็นห่วงในบางข้อความที่ไม่เหมาะสม อาทิ การแนะนำวิธีลักลอบเข้าเมือง หรือการอาศัยอยู่เกินกำหนดอย่างผิดกฎหมายหรือที่เรียกว่าโดดวีซ่า ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการพิจารณาให้วีซ่าคนไทยของประเทศปลายทางในอนาคตด้วย ที่สำคัญยังเป็นห่วงว่า กลุ่มดังกล่าวอาจเป็นช่องทางของขบวนการมิจฉาชีพที่ใช้สังคมออนไลน์หลอกลวงให้มีการไปทำงานต่างประเทศที่ระบาดอย่างหนักในระยะหลัง โดยทราบจากสถิติของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ว่าช่วงปี 2561-2563 ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศแล้วมากกว่า 1,500 เรื่อง ดังนั้นผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่หลงเชื่อขบวนการเหล่านี้

รมต.อนุชา เผย มติมส.ชี้ พฤติกรรม พระมหาสมปอง ไม่ใช่กิจสงฆ์ ให้พศ. ดำเนินการสอบด่วน

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่พระมหาสมปอง ตาลปุตโต วัดสร้อยทอง แสดงความคิดเห็นการทำงานของรัฐบาลช่วงสถานการณ์โควิด-19 ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ อีกทั้งมีการทำการประชาสัมพันธ์โฆษณาขายสินค้า (ปุ๋ยน้ำ) ออกสื่อสังคมออนไลน์  ว่า ตนได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาความเห็นต่อการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว ซึ่งถือว่าไม่เป็นกิจของสงฆ์

นายอนุชา กล่าวว่า ล่าสุด ที่ประชุมมาหาเถระสมาคม ครั้งที่ 11/2564 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 มีมติเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของพระมหาสมปอง เข้าข่ายการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และเป็นการแสดงที่ไม่เหมาะสม และมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานพระสังฆาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

นายอนุชา กล่าวว่า ตนกำชับให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคมโดยด่วน โดยให้ประสานเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัด รวมถึงเจ้าคณะปกครองสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจสอบพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่มีการกระทำที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เพื่อมิให้เกิดความเสื่อมเสียวงการสงฆ์และพระพุทธศาสนา

ดับฝันฝากเงินสหกรณ์ได้ดอกเบี้ยบาน รัฐกำหนด 1 ก.ค.นี้ ได้ไม่เกิน 4%

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของสหกรณ์ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทของสหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ทุกประเภทให้ไม่เกิน 4% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564 เป็นต้นไป เว้นแต่กรณีการรับฝากเงินประเภทประจำที่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยแน่นอนแล้วให้สามารถจ่ายอัตราดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดสำหรับบัญชีที่ได้เปิดไว้ก่อนมีประกาศฉบับนี้

สำหรับเหตุผลของการออกประกาศครั้งนี้ กรมฯ ประเมินว่า จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นอกภาคเกษตรบางแห่งที่กำหนดไว้สูงถึง 5-7% ทำให้สหกรณ์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง เพื่อช่วยเหลือสมาชิกได้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อการช่วยลดรายจ่ายของสมาชิกลงได้ 

ขณะเดียวกันการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี ยังไม่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของสมาชิกที่จะได้รับ เนื่องจากอัตราดังกล่าวยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินอื่น เช่น ธนาคารพาณิชย์ที่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยไม่ถึง 0.50 บาท ซึ่งที่ผ่านมา กรมฯ เคยมีการออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ในเรื่องกำหนดอัตราดอกเบี้ยในลักษณะนี้มาแล้ว เช่น ในปี 2543 กำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 7% และในปี 60 สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้ไม่เกิน 4.5%\

เกษตรทันสมัย!! 'ก.เกษตรฯ'​ ปั้นสินค้าเกษตรทันสมัย​ ยกระดับภาคส่งออก ภายใต้​ '5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย'​ ฝ่าวิกฤติโควิด19

'กระทรวงเกษตรฯ'​ ร่วม​ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย​ เพิ่มศักยภาพใหม่การส่งออกสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์และสมาร์ทแพ็กกิ้งยืดอายุผลไม้และสินค้าเกษตร​ ด้าน​ 'อลงกรณ์'​ ชี้!! ตั้งเป้าต้นปีหน้าเริ่มใช้นวัตกรรมใหม่ ผนึก 'พาณิชย์'​ บุกตลาดจีน, รัสเซีย, ตะวันออกกลาง, เอเซียกลางและยุโรป โดยรถไฟสาย 'อีต้าอีลู่'​ (เส้นทางสายไหม)

นายอลงกรณ์ พลบุตรที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีเกษตร​ 4.0  และประธานคณะกรรมการบริหาร​ AIC (Agritech and Innovation Center) เปิดเผยว่า

ตนและคณะจะประชุมกับศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและทีมวิจัยในวันพรุ่งนี้​ (5 พ.ค.)  13.00 น. ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นศูนย์​ AIC ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล​ โดยเฉพาะ​ 3​ โครงการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำการวิจัยและพัฒนาได้แก่...

1.​ โครงการพัฒนาวัคซีนโควิดจากพืชโดยจะเริ่มผลิตวัคซีนโควิดได้ปลายปีนี้ 
2.​ โครงการพัฒนาการยืดอายุผลไม้ด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์
3.​ โครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยืดอายุและความสดของผัก ผลไม้และสินค้าเกษตร
4.​ โครงการเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมด้านอื่นๆ​ เช่นโคนมและผลิตภัณฑ์นมเป็นต้น

นายอลงกรณ์​ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการพัฒนาการยืดอายุผลไม้ด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์และโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์​ (Smart Packing) ยืดอายุและความสดของผัก ผลไม้และสินค้าเกษตร​นั้น จะมีการนำนวัตกรรมใหม่นี้​ มาใช้กับแผนโลจิสติกส์เกษตรทางเลือกใหม่ในยุคโควิด​ เช่น​ การขนส่งระบบรางจากไทยผ่านจีนไปทุกมณฑลของจีน เกาหลี ภูมิภาคเอเชียกลางภูมิภาคตะวันออกกลาง รัสเซีย สแกนดิเนเวีย ยุโรปและอังกฤษภายใต้ขบวนรถไฟอีต้าอีลู่​ (เส้นทางสายไหม) บนความร่วมมือระหว่างไทย-จีน-ลาว-เวียดนามเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย

“มาตรการปัองกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของแต่ละประเทศทำให้ต้นทุนการขนส่งโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นทั้งทางบกทางต้ำและและใช้เวลานานขึ้นในการข้ามแดนตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ ทาง​ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ จึงสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาและวางแนวทางโลจิสติกส์ทางเลือกใหม่ๆ​ ภายใต้​ '5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย'​ และประกอบกับเส้นทางรถไฟสายจีน-ลาวจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้นั้น​ เราจึงต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการขนส่งสินค้าทางรางด้วยเส้นทางนี้ โดยใช้โลจิสติกส์ฮับที่อุดรธานีและหนองคาย ตั้งเป้าเริ่มคิดออฟต้นปีหน้า อีกเส้นทางคือการขนส่งระบบรางผ่านด่านผิงเสียงบริเวณพรมแดนเวียดนามกับเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงของจีน 

"เราหวังว่า​ ถ้าสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ยืดอายุผลไม้สด เช่น ทุเรียน, มะม่วง, มังคุด, ลำไย, เงาะ, ลองกอง, ขนุน, ผัก, สมุนไพร เป็นต้น จะทำให้มีทางเลือกในการขนส่งที่ถูกลงมีเวลาแน่นอนจากต้นทางถึงปลายทางและใช้เวลาน้อยลง แต่มีช่วงเวลาขายยาวขึ้นเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกที่เป็นลูกค้าของไทยทั้งขายแบบออนไลน์และออฟไลน์​ และนี่คือการสร้างศักยภาพใหม่ในการส่งออกของเรา”

สาวไทยผู้สวนกระแสในเมียนมา!! The Icebreaker - Thaitown Supermarket ผู้เปิดทางสินค้า OTOP เจาะหัวใจคนพม่า

ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยเขียนหลายครั้งว่า SMEs ไทย 90% ของอุปสรรคในการนำเสนอธุรกิจและสินค้ามาขายในพม่าคือการค้นหา Partner หรือ Distributor ที่ดีและจริงใจ ผมและอาจารย์จิได้คุยกันเรื่องนี้เยอะมาก เพื่อสรรหา Distributor ที่ดีเพื่อต่อ Jigsaw การค้าในพม่าให้สมบูรณ์ Distributor บางรายใหญ่เกินไปจนไม่สนใจสินค้า SMEs บางรายเล็กเกินไปจนไม่มีกำลังกระจายสินค้าให้ ส่วนผสมนี้เป็นสมการที่แก้ยากมาก โดยเฉพาะช่วงที่เหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง

เมื่อ 3 ปีที่แล้วมีบริษัทสัญชาติไทย บริหารงานโดยสาวไทยใจแกร่ง มาทำธุรกิจออนไลน์ นำเข้าสินค้า SMEs จากเชียงใหม่มาขายที่พม่า ผมมองอยู่ห่าง ๆ แบบติดกระแสว่าจะเป็นยังไง นางเป็น “แกะดำ” อีกตัวที่อ้าแขนให้สินค้าไทยเข้ามาขายที่พม่าด้วยความท้าทาย นางบอก SMEs ไทยต้องมีที่ยืน “ลูกค้าสั่งสินค้าไทยออนไลน์แค่ 20 บาท นางก็ส่งให้ฟรี” อย่างน้อยนางก็ทำให้สินค้าไทยเราได้เข้าปากคนพม่าแล้ว ครั้งต่อไปถ้าลูกค้าซื้อซ้ำ ก็เป็นเพราะคุณภาพสินค้าล้วน ๆ และตอนนี้ผมก็เห็นจริงตามนั้น หลาย ๆ สินค้าไทยได้เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าพม่าเรียบร้อยแล้ว จนห้างดัง ๆ ในพม่ามีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เป็นวันที่นางได้เปิดห้างสรรพสินค้าใช้ชื่อ “Thaitown Supermarket” แนวคิดเรียบง่ายมากครับ ห้างที่ขายสินค้า SMEs และ OTOPs ไทย สินค้าไทยที่นางนำเข้ามาตลอด 3 ปีนับได้ เกือบ 2,000 รายการ ผมเฝ้ามองและพูดคุยกับนางมาตลอด ผมรู้ทันทีว่านางคือ Jigsaw ตัวสุดท้ายที่เติมเต็ม Supply Chain ให้สมบูรณ์ นางคือ Icebreaker ของวงการค้าขายต่างประเทศ และผมคนนึงที่ติดสินค้า SMEs ไทยที่นางเอามาขายมากครับ รสชาติและคุณภาพดี ที่สำคัญราคาจับต้องได้จริง ผมและอาจารย์จิยินดีที่จะเป็นสะพานให้ SMEs ไทยเราได้สยายปีกและมีที่ยืนในต่างประเทศครับ

AEC ภาคปฎิบัติ เป็นเพจแรกและเพจเดียวที่จะพาคุณไปขายของโดยไม่เสียตังค์


ที่มา: อ.จิรวัฒน์​ เดชาเสถียร

ผู้บุกเบิกการตลาด อินโดจีน พม่า อาเซียนให้บริษัทยักษ์ใหญ่ ตั้งแต่ยุคที่อาเซียนยังไม่ได้รวมตัวกัน เอาประสบการณ์ตรงมาเล่าแบ่งปัน ในวันที่โควิด-19 ล็อคประตูเพื่อนบ้าน เรายิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น

สำนักข่าว Bloomberg ซูฮกสิงคโปร์ มาแรงเบียดแซงนิวซีแลนด์ขึ้นแท่นประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19 ได้ดีที่สุดในโลก

สำนักข่าว Bloomberg ซูฮกสิงคโปร์ มาแรงเบียดแซงนิวซีแลนด์ขึ้นแท่นประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19 ได้ดีที่สุดในโลก ที่ตอนนี้ได้ฉีดวัคซีนให้กับประชากรไปแล้วประมาณ 1 ใน 5 และสามารถสกัดการแพร่ระบาดได้ดีเยี่ยมด้วยมาตรการเฝ้าระวัง และการกักกันโรคอย่างเข้มงวด 
.
นอกเหนือจากสิงคโปร์ ก็มี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อิสราเอล และไต้หวัน ตามติดมาอยู่หัวตารางของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาด Covid-19 ได้ดี ซึ่งในกลุ่มประเทศเหล่านี้มีอยู่จุดหนึ่งที่ชี้วัดความสำเร็จนอกจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศที่ลดลงจนแทบเหลือศูนย์ ก็คือปริมาณการฉีดวัคซีน ที่สามารถไล่ทันอัตราการแพร่ระบาดได้ 

และนั่นคือจุดชี้ขาดในการสกัดการแพร่ระบาดได้ด้วยภูมิคุ้มกันหมู่ จากการเดินหน้าโปรแกรมวัคซีน 

แต่ทว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ที่การแพร่ระบาดในหลายประเทศกลับมาทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แม้ในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนแล้วเป็นจำนวนมาก อย่างตุรกี ชิลี หรือ โปแลนด์ แต่ทำไมยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับที่วางใจได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปริมาณของกลุ่มประชากรที่เข้ารับวัคซีนมีผลอย่างมากต่อการควบคุมโรคระบาด พูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งฉีดมาก ยิ่งดี ดังตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือประเทศอิสราเอล ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 57.4% ของประชากร หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ฉีดไปแล้ว 47.4% ก็มีตัวเลขการควบคุมโรคระบาด Covid-19 ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด

รวมถึงประเทศมหาอำนาจด้านวัคซีนอย่างสหรัฐฯ และ อังกฤษต่างเร่งฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดจนกลายเป็นแคมเปญระดับชาติ ที่ก็ทำให้ทั้งสองประเทศกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้ หลังจากที่เคยตกอยู่ท่ามกลางพายุการระบาด Covid-19 อย่างน่ากลัวตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา

แต่สำหรับหลายประเทศในยุโรปอย่างโปแลนด์ ตุรกี ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วหลายล้านโดส ก็ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อในจำนวนที่น่าเป็นห่วง หรือชิลี ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 36.9% ของประชากร แต่ก็ยังพบการระบาดรอบ 2 ที่หนักยิ่งกว่ารอบแรกเมื่อปีที่แล้ว

แสดงว่า แค่ฉีดวัคซีนอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะพาโลกให้พ้นวิกฤติ Covid-19 ได้ในเร็ววัน อย่างที่หลายคนตั้งความหวังไว้อย่างนั้นหรือ? 

จากฝันร้ายเดือนเมษายนที่พบตัวเลขการระบาดกลับมาพุ่งแรงทั่วโลก โดยเฉพาะในอินเดีย และบ้านเรา จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขมองว่า แค่เพียงการรอฉีดวัคซีนอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้ เพราะตอนนี้การตัวเลขการระบาดยังคงนำหน้าอัตราการฉีดวัคซีน 

รวมถึงการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่เป็นปัญหาในการสร้างภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีน ที่ยังทำให้สถานการณ์ Covid-19 ยังไว้ใจไม่ได้แม้จะได้รับวัคซีนครบตามจำนวนไปแล้วก็ตาม 

เพราะฉะนั้น ยังต้องรณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีน ควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน การปิดพรมแดนชั่วคราวเพื่อสกัดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ให้เข้าประเทศ แม้แต่การพิจารณาเปิดเมืองก็ต้องทำอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง แม้ว่าจะฉีดวัคซีนไปบ้างแล้วก็ตาม 

เราไม่อาจหาสูตรสำเร็จตายตัวว่า ทำอย่างไรถึงจะช่วยให้พ้นวิกฤติ Covid-19 ได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ ได้ในตอนนี้ ในขณะที่วัคซีนยังคงขาดแคลนทั่วโลก ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต่างก็มาดักจองวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงเอาไว้ให้กับคนในประเทศก่อน ความกังวลของผู้คนเรื่องผลข้างเคียงจากวัคซีน และหลายประเทศที่ระบบสาธารณสุขกำลังล่มสลาย

แต่วิกฤติครั้งนี้ ไม่สามารถรอดได้เพียงประเทศเดียว  องค์การอนามัยโลกออกมาย้ำเตือนเรื่องการกระจายวัคซีนสู่ประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศยากจนที่เข้าไม่ถึงโควตาวัคซีน เพื่อช่วยกระจายภูมิคุ้มกันหมู่ให้ครอบคลุมไปทั่วโลก

และที่สำคัญที่สุดคือการ "ตั้งการ์ด" งดกิจกรรมนอกบ้าน ทำตามกฎระเบียบ มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ลดอคติ  หันหน้าช่วยเหลือกัน สร้างความเข้าใจ และรณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึง จะช่วยให้เราฝ่าวิกฤติ Covid-19 ที่น่าจะอยู่กับโลกเราไปอีกสักระยะ ได้ในที่สุด


อ้างอิง

https://www.bloomberg.com/graphics/covid-resilience-ranking/

https://www.straitstimes.com/asia/the-best-and-worst-places-to-be-in-the-world-as-covid-19-variants-outrace-vaccinations

https://www.dailysabah.com/turkey/turkey-ranks-6th-globally-in-covid-19-vaccination-numbers/news

โซเชียลเมียนมา ลือ หนึ่งในสาเหตุที่ทางกองทัพตัดสินใจทำรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนนั้น เป็นเหตุผลที่ไม่ได้บอกออกมาตรง ๆ แต่มีแค่เสียงเมาท์กันในวงการว่า 'อเมริกาได้ขอเช่าเกาะโคโค เพื่อทำฐานทัพ'

เป็นอีกข่าวที่โผล่ขึ้นมาในสื่อโซเชียลของเมียนมา หลังจากมีเสียงลือมาว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทางกองทัพตัดสินใจทำรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนนั้น เป็นเหตุผลที่ไม่ได้บอกออกมาตรง ๆ แต่มีแค่เสียงเมาท์กันในวงการว่า 'อเมริกาได้ขอเช่าเกาะโคโค เพื่อทำฐานทัพ' เช่นเดียวกันกับที่อเมริกาเคยใช้อู่ตะเภาเป็นที่มั่นในการทำสงครามอินโดจีนในครั้งอดีต

หมู่เกาะโคโค เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าวเบงกอล เป็นส่วนหนึ่งของเขตย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา หมู่เกาะตั้งอยู่ทางทิศใต้ของย่างกุ้งราว 414 กิโลเมตร โดยเกาะโคโคมี 5 เกาะ มีเกาะพรีแพริสของพม่าอยู่ทางเหนือของหมู่เกาะ และมีเกาะแลนด์ฟอลล์อยู่ทางทิศใต้

คำถามคือทำไมอเมริกาถึงสนใจหมู่เกาะโคโค?

เรื่องนี้คาดการณ์ได้จากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้

1.) หมู่เกาะนี้มีสนามบินอยู่ ซึ่งน่าจะถูกสร้างไว้เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นในแง่งบประมาณในการปรับปรุงเพื่อนำมาใช้ย่อมประหยัดกว่าการเช่าพื้นที่เปล่ามาสร้าง

2.) หมู่เกาะโคโคอยู่ไม่ไกลจากหมู่เกาะนิโคบาร์ ที่มีกองทัพเรือของอินเดียอยู่ที่ Port Blair ซึ่งถือว่าเป็นจุดแนวกันชนระหว่างทะเลอันดามันกับมหาสมุทรอินเดีย

3.) ไม่มีฐานทัพสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณคาบสมุทรอินเดียกับฝั่งทะเลอันดามันเลย ในขณะที่ฝั่งตะวันออก มีฐานทัพสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แล้ว

แล้วเหตุใดเรื่องนี้ จึงถูกนำมาโยงกับเรื่องการรัฐประหาร แล้วทางกองทัพเมียนมามองเห็นอะไรกันแน่?

เหตุผลข้อแรก คือ ระยะทางจากหมู่เกาะโคโคถึงแผ่นดินใหญ่มีระยะทางเพียง 400 กว่ากิโลเมตร หากวันใดวันหนึ่งอเมริกาต้องการจะโจมตีเมียนมาแล้วละก็ สามารถยิงอาวุธพิสัยกลางสามารถถล่มเมืองย่างกุ้ง มัณฑะเลย์และเนปิดอว์ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงหากต้องการล่วงล้ำอธิปไตยของเมียนมาด้วยแล้วละก็ การส่งฝูงบินรบจากหมู่เกาะโคโคถึงแผ่นดินใหญ่จะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที

ดังนั้นหากวันใดวันหนึ่งเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนขึ้นแล้วละก็ เมียนมาจะกลายเป็นสมรภูมิระหว่างทั้งสองประเทศแน่นอนในการยกพลขึ้นบกเข้าจีนจากทางใต้ ซึ่งหากไปถึงจุดนั้นจริง ๆ แล้ว ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเมียนมาจะมหาศาล ทั้ง ๆ ที่เมียนมาไม่ได้เป็นคู่รบในสงครามครั้งนี้เลย

ความมั่นคงของชาติน่าจะเป็นเหตุผลหลักเหตุหนึ่งที่เป็นปัจจัยให้กังวล ซึ่งหากนางอองซาน ซูจี ให้เช่าหมู่เกาะโคโคจริง ก็ไม่ต่างกับการชักศึกเข้าบ้านและตอนนั้นต่อให้เมียนมามีแสงยานุภาพทางการทหารมากเพียงไหน ก็ไม่สามารถต้านทานแสงยานุภาพทางทหารของสหรัฐอเมริกาได้เลย

และนี่เป็นเรื่องที่แม้แต่คนเมียนมาผู้เรียกร้องประชาธิปไตยไม่เคยสนใจ เพราะคงมองว่าทุกสิ่งที่กล่าวมามันยังไม่เกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้นมันก็จะสายเกินแก้ไปเสียแล้ว


ที่มา: AYA IRRAWADEE


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top