Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

ศรีสุวรรณ เผย กสทช. รับคำร้องเพื่อสอบจริยธรรมนักเล่าข่าวตาม กม.แล้ว

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กสทช.เมื่อ 20 เม.ย.64 หลังพิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ได้หวนกลับคืนสู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง ทั้งๆที่ยังไม่พ้นโทษเพียงแต่ถูกพักโทษให้ออกจากเรือนจำ แต่ยังติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าไปอีก 14 เดือนและต้องรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติไปจนกว่าจะพ้นโทษ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อกฎหมายและหรือขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์นั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การร้องเรียนดังกล่าวสำนักงาน กสทช.ได้แจ้งมายังสมาคมฯว่า ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับจริยธรรมสื่อมวลชนนั้น สำนักงาน กสทช.มีอำนาจดำเนินการตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ม.40 ที่ระบุว่า ผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากรายการที่ออกอากาศเป็นเท็จหรือละเมิดสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการฯ ให้คณะกรรมการส่งเรื่องพร้อมความเห็นของคณะกรรมการให้องค์กรควบคุมการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพตาม ม.39 เพื่อให้ดำเนินการเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายโดยเร็ว และให้คณะกรรมการติดตามผลการดำเนินการขององค์กรควบคุมการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพตาม ม.39 เมื่อองค์กรควบคุมการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพตาม ม.39  ได้แจ้งผลการดำเนินการให้คณะกรรมการทราบแล้ว ให้แจ้งผู้ร้องเรียนทราบผลการดำเนินการโดยเร็ว ในการนี้ สำนักงาน กสทช.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทต้นสังกัดของนักเล่าข่าวชื่อดังดังกล่าว และองค์กรวิชาชีพสื่อที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พิจารณาและดำเนินการต่อข้อร้องเรียนของสมาคมฯต่อไป

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตามข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วย จริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ 2553 ประกอบธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2563 ได้กำหนดความรับผิดทางจริยธรรมไว้ว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยว่า ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในสังกัดสมาชิกละเมิดหรือประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ให้คณะกรรมการมีอำนาจแจ้งเป็นหนังสือให้ต้นสังกัดสมาชิกที่ถูกร้องเรียน ลงตีพิมพ์หรือประกาศเพื่อเผยแพร่คำวินิจฉัยหรือประกาศเพื่อเผยแพร่ข้อความคำขอโทษต่อผู้เสียหายตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ และให้ส่งคำวินิจฉัยไปยังต้นสังกัดของผู้นั้น เพื่อดำเนินการลงโทษ แล้วแจ้งผลให้สภาการสื่อมวลชนทราบโดยเร็ว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในกรณีที่เห็นสมควร สภาการสื่อมวลชนอาจตักเตือน เป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากแจ้งผลการพิจารณาให้แก่ผู้ถูกร้องเรียนทราบแล้ว ให้สภาการสื่อมวลชนเผยแพร่คำวินิจฉัยต่อสาธารณะต่อไป ส่วนความรับผิดชอบที่นอกเหนือไปจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับนักเล่าข่าวชื่อดังและต้นสังกัดจะแสดงความสำนึกมากน้อยเพียงใด ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในขั้นสุดท้ายเอง เพราะสำนึกแห่งจริยธรรมนั้นอยู่เหนือกฎหมาย ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกชั่วดีของแต่ละคน เพราะบางคนบางบริษัทอาจไม่สนใจในเรื่องเหล่านี้หวังเพียงแค่ให้มีเรตติ้งเยอะๆ มีโฆษณาเข้ามาก ๆ เท่านั้น ไม่สนใจเรื่องจริยธรรมและศีลธรรมอันดีของสังคมเลยก็ได้ 

“บิ๊กตู่” เรียกทีมเศรษฐกิจหารือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ระบาดโควิด 19 รอบที่ 3

ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจ  อาทิ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รมว.คลัง นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ที่ปรึกษานายกฯ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย  นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาสกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เข้าร่วมหารือ 

โดยเป็นการหารือถึงแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การประเมินผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และการพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ ลูกจ้าง และประชาชนที่ได้รับกระทบจากการยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐ เช่น จากคำสั่งปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะและสถานประกอบการอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการหยิบยกประเด็นข้อเรียกร้อง ของสมาคมภัตตาคารไทย ที่ขอให้รัฐบาลทบทวนคำสั่งห้ามมีการให้บริการนั่งรับประทานอาหารในร้านเป็นเวลา 14 วัน ในร้าน พื้นที่ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวดขึ้นมาหารือ ภายหลังจากสมาคมภัตตาคารไทยเสนอ 2 ข้อต่อพล.อ.ประยุทธ์ ได้แก่ 1.อนุญาตให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ ไม่เกิน 21.00 น. และงดนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน โดยย้ำว่าภาคธุรกิจร้านอาหารยึดมาตรฐาน SHA ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านสาธารณสุข ที่อยู่ในระดับเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมยึดมาตรการด้านสาธารณสุขตามที่ ศบค.กำหนด และ2.เรียกร้องให้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่รอบแรกจนถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เร่งประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการยกระดับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เพื่อกำหนดแนวทางการเยียวยาผู้ที่ได้รับกระทบ ทั้งผู้ประกอบการ ลูกจ้าง และประชาชน รวมถึงแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่ โดยให้เตรียมความพร้อมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบศ.ซึ่งจะมีขึ้นในเร็วๆนี้

ธุรกิจโรงแรมเจอพิษโควิดเล็งปิดกิจการ 80% 

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า จากการสอบถามสมาชิกอย่างไม่เป็นทางการ เกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ในระลอกเดือนเม.ย.64 ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยลดลงจากเดือนมี.ค.ที่มีอัตราอยู่ที่ 30% ลดลงเหลือเพียง 5% โดยโรงแรมกว่า 80% ที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ อาจงดให้บริการชั่วคราวไปจนถึงเดือนต.ค. หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือรัฐบาลมีการกระจายวัคซีนฉีดให้กับประชาชนคนไทยได้จำนวนมากพอสมควรแล้ว  ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้ว 

ทั้งนี้ สมาคมฯ ยังร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนมี.ค.2564  ก่อนการระบาดระลอกเดือนเม.ย. โดยสำรวจโรงแรม 128 แห่ง พบมี การเปิดกิจการ 48% เปิดให้บริการบางส่วน 41% และปิดกิจการ 11% ส่วนมากที่ยังเปิดให้บริการอยู่จะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่สายป่านยาวเท่านั้น ส่วนโรงแรมที่ปกติรับเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติขณะนี้ปิดกิจการแล้วทั้งหมด 

“ตลอดเดือนมี.ค.อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ยกเว้นภาคตะวันออกมีอัตราการพักเฉลี่ยสูงกว่า ที่อัตรา 30% ยกเว้นจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้ เช่น พังงา สุราษฎร์ธานี และกระบี่มีอัตราการจองห้องพัก 30% เมื่อสำรวจสภาพคล่องของโรงแรมในเดือนมี.ค.โรงแรมส่วนใหญ่ระบุว่ามีสภาพคล่องดำเนินธุรกิจไม่เกิน 3 เดือนหรือหากเปิดดำเนินการ จะมีเงินจ่ายพนักงานแค่ถึงเดือนพ.ค.นี้” 

พาณิชย์ตีทะเบียน 11 สินค้าจีไอเพิ่ม 4 ประเทศกันเจอแอบอ้าง

นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า  กรมฯ ได้เร่งยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ของไทยในต่างแดนเพิ่ม 4 ประเทศ จำนวน 11 สินค้า โดยสาเหตุที่ต้องขอขึ้นทะเบียนในต่างประเทศ เพราะสินค้าจีไอ เป็นสินค้าที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้สินค้าเป็นที่สนใจของผู้บริโภคชาวไทยและต่างประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องยื่นขอขึ้นทะเบียน เพื่อคุ้มครองชื่อสินค้าให้เป็นสิทธิของชุมชนอยู่เช่นเดิม ไม่ให้ใครแอบอ้างเอาชื่อสินค้าจีไอของไทยไปใช้ประชาสัมพันธ์สินค้าอื่น ที่ไม่ใช่สินค้าจีไอ อีกทั้งยังช่วยทำให้สินค้าจีไอเป็นที่รู้จัก และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าด้วย  

สำหรับสินค้า 11 รายการที่ยื่นขอขึ้นทะเบียนนั้น แบ่งเป็น ประเทศจีน คือ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ มะขามหวานเพชรบูรณ์ และส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ประเทศญี่ปุ่น คือ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง และสับปะรดห้วยมุ่น ประเทศเวียดนาม คือ มะขามหวานเพชรบูรณ์ และลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน และ ประเทศมาเลเซีย คือ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ และส้มโอทับทิมสยามปากพนัง โดยทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา คาดว่าจะได้รับอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจรีไอเร็ว ๆ นี้ 

ทั้งนี้ในปัจจุบัน มีสินค้าจีไอของไทย ได้ขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแล้ว 5 ประเทศ จำนวน 8 สินค้า ได้แก่ สหภาพยุโรป ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง และข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง, เวียดนาม เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน, กัมพูชา กาแฟดอยตุง, อินโดนีเซีย ผ้าไหมยกดอกลำพูน และอินเดีย ผ้าไหมยกดอกลำพูน ส่วนความคืบหน้าการรับขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอในไทย ล่าสุดกรมฯ ได้รับขึ้นทะเบียนเพิ่มอีก 2 รายการ คือ ข้าวหอมเจ๊กเชยชัยนาท และถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน ทำให้มีสินค้าจีไอไทยขึ้นทะเบียนแล้ว 136 รายการ จาก 76 จังหวัด 

‘กรณ์’ แนะคลัง พื้นฟูการบินไทย โจทย์ใหญ่ต้องไม่ให้มีฝ่ายการเมือง หรือราชการครอบงำ ค้านใช้เงินภาษี 50,000 ล้าน อุ้มการบินไทย ให้เป็นองค์กรแบบเดิม ๆ ลั่นใช้เงินไปอุ้ม SME ยังดีกว่า 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อแสดงความคิดเห็นกรณีการบินไทย โดยระบุว่า อาจมีการประชุมครม.เร็วๆ นี้ว่าด้วยเรื่อง "การบินไทย" จึงขอเปิดพื้นที่แสดงความคิด และขอความเห็นที่สร้างสรรค์ เพราะเป็นเรื่องของ ภาษี 5 หมื่นล้านกับการตัดสินใจกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ 

ตอนที่รัฐบาลตัดสินใจนำการบินไทยเข้าสู่กระบวนการการฟื้นฟูตามพรบ. ล้มละลาย หลายคนที่ติดตามเรื่องนี้ล้วนเห็นด้วย ด้วยความหวังว่าเมื่อผ่านกระบวนการฟื้นฟูแล้ว การบินไทยจะบริหารแบบมืออาชีพ มีกำไร มีการเงินที่มั่นคง และที่สำคัญคือ มีสภาพเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัว ปลดแอกจากการแทรกแซงโดยรัฐ โดยนักการเมือง และโดยกองทัพเหมือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าผิดหวัง 

เมื่อเห็น 2 ทางเลือกที่กระทรวงการคลัง เสนอให้รัฐบาล คือ 1. ให้รัฐใส่ทุนด้วยเงินภาษี (อีกแล้ว) 25,000 ล้านบาท และค้ำประกันหนี้ใหม่ อีก 25,000 ล้านบาท รวม 50,000 ล้านบาท และ 2. หากรัฐไม่ใส่ทุนก็ต้องค้ำประกันหนี้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งรัฐค้ำด้วยเงินของรัฐ ก็หมายความว่าการบินไทยต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ หากบริษัทไปได้ดี มีกำไรในอนาคต  รัฐแทบไม่มีโอกาสได้ส่วนแบ่ง เพราะต้องคืนเจ้าหนี้เก่า ในขณะที่เจ้าหนี้ใหม่ สามารถเปลี่ยนหนี้มาเป็นทุนได้สูงถึง 90% ของทุนทั้งหมด สิ่งที่ควรได้เห็นแต่ผู้เสนอแผนไม่ได้ทำ คือ การยืนยันกับเจ้าหนี้เพื่อลดหนี้เดิม ซึ่งหนี้ที่ไม่ได้ลดลงคือสาเหตุหลักที่ทำให้การบินไทยไม่สามารถระดมทุนจากนักลงทุนใหม่ได้เลย ต้องกลับมาขอเงินรัฐ ก็คือเงินภาษีของประชาชน

จริงๆ แล้วครั้งนี้ การบินไทยมีโอกาสที่จะรอดมากที่สุด เพราะมีการปรับลดค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการจ้างพนักงาน (พนักงานมีทั้งเสียสละลาออก ทั้งยอมลดเงินเดือนตัวเอง) ค่าเช่าเครื่องบิน ค่าน้ำมันหรือค่าการตลาดลงโดยรวมถึงเกือบ 50,000 ล้านบาทต่อปี แต่ด้วยโครงสร้างหนี้จึงทำให้ไม่มีใครพร้อมใส่ทุน ดังนั้นรัฐบาลต้องมีคำตอบว่าการอุ้มการบินไทยรอบใหม่นี้ คนเสียภาษีได้อะไร ถ้าไม่อุ้มล่ะ ถ้าเจ้าหนี้ยอมที่จะปล่อยให้บริษัทต้องล้มละลาย (ซึ่งในกรณีนี้เจ้าหนี้อาจจะได้เงินคืนเพียง 10% ของวงเงินสินเชื่อเดิม) จะส่งผลยังไงต่อประชาชนคนไทย

เราสามารถสร้างบริษัทการบินไทยขึ้นมาใหม่ ด้วยโครงสร้างองค์กร โครงสร้างทุนและการบริหารที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่ มีคำถามอีกมากมายที่ตนคิดว่าคนไทยที่เสียภาษีไปอุ้มการบินไทยรอบแล้วรอบเล่าควรได้รับคำตอบที่ตรงไปตรงมาโดยสรุปผมมองว่า "รัฐบาลต้องยืนยันว่าจะไม่ให้ฝ่ายการเมืองหรือราชการเข้าไปครอบงำการบินไทยอีก" นี่คือโจทย์สำคัญ รัฐต้องยืนกรานว่าเจ้าหนี้เดิมต้องรับสภาพตามสถานะที่แท้จริงของบริษัท หากรัฐต้องใส่เงินเพิ่ม ต้องมีเงินจากนักลงทุนเอกชนในสัดส่วนที่มากกว่า  ส่วนผลกระทบที่อาจจะเกิดกับเจ้าหนี้บางประเภทเช่นสหกรณ์ออมทรัพย์ควรมีมาตรการต่างหากที่จะเยียวยาตามความจำเป็น ครั้งนี้เรามีโอกาสที่จะฟื้นฟูการบินไทยและปลดแอกจากทุกภาระที่หนักอึ้ง อย่าใช้เงินภาษีประชาชนเพียงเพื่อรักษาองค์กรไว้ในรูปแบบเดิม

หากรัฐไม่เจรจาเงื่อนไขที่ดีกว่านี้ เราเอาเงิน 50,000 ล้านไปทำประโยชน์เรื่องอื่นดีกว่า ไม่ว่าจะช่วย SME ให้รอดจากพิษเศรษฐกิจโควิด หรือแม้แต่เอาไปเร่งเยียวยาประชาชนในรูปแบบต่างๆ ยามวิกฤตเช่นนี้

ทีมา : https://web.facebook.com/KornGoThailand/photos/a.10151851815469740/10159600233394740/

“บิ๊กบี้” สั่ง ตั้ง “ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 ทบ.” สื่อกลางช่วยผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาของรัฐ

พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก และโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่นั้น มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และมีการแพร่กระจายของโรคไปยังหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล ทำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ป่วยที่มีผลตรวจเป็นบวกมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อบางส่วนยังคงอยู่ระหว่างการรอเรียกเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลซึ่งก่อให้เกิดความกังวลใจต่อตัวผู้ป่วยและญาติที่เกี่ยวข้อง

พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ทราบถึงปัญหาและมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดได้สั่งการให้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด ทบ.” ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก ในการเป็นสื่อกลางรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อประสานไปยังศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ของรัฐบาล (อาคารนิมิบุตร) หรือสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าดำเนินการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ตกค้างหรืออยู่ระหว่างการรอเรียกจากสถานพยาบาลให้ได้เข้าสู่กระบวนรักษา รวมถึงการประสานศูนย์ควบคุมการเคลื่อนย้าย ศปม.ทบ. ในกรณีที่โรงพยาบาลต้องการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรงไปยังโรงพยาบาลสนามที่จัดเตรียมไว้  ตลอดจนให้การสนับสนุนการเคลื่อนย้ายของประชาชนในทุกกรณีเมื่อได้รับการร้องขอ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกข้อมูลของผู้ติดเชื้อ พร้อมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าผู้ติดเชื้อจะได้รับการรักษาตามกระบวนการสาธารณสุข 

ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด ทบ. ดังกล่าว จะทำหน้าที่เป็นช่องทางหนึ่งในการสนับสนุนรัฐบาลสำหรับการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงเป็นการช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาจากแพทย์ได้อย่างทันท่วงที โดยสามารถประสานขอรับการช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 02-2705685-9 ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 64 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย 

“การจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ดังกล่าว เป็นการระดมศักยภาพของบุคลากร และยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่มาปรับใช้เพื่อควบคุมและป้องกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ไม่ให้ขยายเป็นวงกว้างรวมถึงเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ติดเชื้อ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายและกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว   

รัฐบาลย้ำดูแลประชาชนทุกกลุ่มและกลุ่มเปราะบาง “ผู้พิการ”  ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง 

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมห่วงใยประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด 19 รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจพร้อมให้ความช่วยเหลือ ดูแล ผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม โดยทุกหน่วยงานทยอยออกมาตรการเพื่อดูแลประชาชนในส่วนการรับผิดชอบแล้ว และจะมีการออกมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม 

รองโฆษกฯ  ชี้แจงเพิ่มเติมในส่วนของมาตรการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจตราราคาสินค้าและบริการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาเอาเปรียบผู้บริโภค กำชับให้มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน และบางสินค้าหากจะมีการขึ้นราคา ต้องขออนุญาตที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้มีการปรับขึ้นราคาใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้ กระทรวงพาณิชย์มีคำสั่งให้ควบคุมอัตราค่าบริการในส่วนของธุรกิจจัดส่งสินค้ามากเป็นพิเศษ เนื่องจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศใช้บริการสั่งสินค้า สั่งอาหารแบบส่งถึงบ้าน (Delivery) มากขึ้น จึงต้องกำกับดูแลอัตราค่าขนส่งเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับพี่น้องประชาชน เพื่อสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนทำงานที่บ้าน WFH และอยู่กับบ้านเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ คนไร้ที่พึ่ง คนไร้บ้าน และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  พร้อมตั้งคณะทำงานช่วยเหลือผู้พิการที่ติดเชื้อโควิด-19  เป็นการเฉพาะ ทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัดภายใต้ “ทีมเรามีเรา”  ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่ 1.มอนิเตอร์   ติดตามว่ามีคนพิการที่โพสต์/โทรขอความช่วยเหลือหรือไม่  คัดกรอง ประสานเครือข่ายเพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลทั้งโรงพยาบาลหรือ รพ.สนาม และ ประเมินและติดตามผลการช่วยเหลือ โดยผู้พิการสามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือมายังสายด่วน 1300 ครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศและสายด่วน 1479 ตั้งแต่ขณะนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ รองโฆษกฯ รัชดาฯ ย้ำแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่พยายามดูแลผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม ส่วนมาตรการดูแลผู้ประกอบการร้านอาหาร และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีมาตรการให้การช่วยเหลือออกมาเร็วๆนี้ 

'ลุงป้อม' สั่ง 'รมว.เฮ้ง' ประสานช่วยหารถพยาบาล เตียง และ รพ.ประกันสังคมรองรับคลัสเตอร์ลูกจ้างบริษัทเหล็กติดโควิด 128 ราย เร่งด่วน 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยผู้ประกันตนและพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ผมเร่งประสานให้การช่วยเหลือกรณีลูกจ้างบริษัทซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ติดเชื้อโควิด -19 จำนวน 128 คน ให้จัดหารถพยาบาลมารับ จัดหาเตียง และโรงพยาบาลรองรับ เบื้องต้นเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.64) กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการประสานจัดหารถพยาบาลของโรงพยาบาลจุฬารัตน์มารับแล้ว 23 คน และเมื่อเช้าวันนี้ (4 พ.ค.64) ได้ดำเนินการประสานจัดหารถพยาบาลของโรงพยายาลจุฬารัตน์มารับอีก 27 คน ส่วนที่เหลือจะดำเนินการภายในบ่ายวันนี้ เพื่อนำพนักงานที่ติดเชื้อทั้งหมดเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม และ Hospitel ต่อไป 

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือกรณีลูกจ้างของบริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ติดเชื้อโควิด -19 จำนวน 128 คน
ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานให้การช่วยเหลือจัดหารถพยาบาลมารับ จัดหาเตียง และโรงพยาบาลรองรับ เบื้องต้นเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.64) กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการประสานจัดหารถพยาบาลของโรงพยายาลจุฬารัตน์มารับแล้ว 23 คน และเมื่อเช้าวันนี้ (4 พ.ค.64) ได้ดำเนินการประสานจัดหารถพยาบาลของโรงพยายาลจุฬารัตน์มารับอีก 27 คน ส่วนที่เหลือจะดำเนินการภายในบ่ายวันนี้ เพื่อนำพนักงานที่ติดเชื้อทั้งหมดเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม และ Hospitel ต่อไป 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยผู้ประกันตนและพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ผมดูแลพี่น้องแรงงานดุจคนในครอบครัว ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการตรวจโควิด -19 เชิงรุก ตลอดจัดหาเตียงรองรับให้เพียงพอ กรณีที่ผู้ประกันตนหรือพี่น้องประชาชนรายใดต้องการขอความช่วยเหลือให้กระทรวงแรงงานจัดหาเตียง สถานที่ตรวจโควิด-19 หรือต้องการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม สำนักงานประกันสังคมได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เพื่อประสาน Hospitel ให้แก่ผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตนสามารถโทรศัพท์ติดต่อได้ที่เบอร์ 1506 กด 6 เพื่อเป็นช่องทางติดต่อให้กับผู้ประกันตน ที่ไม่สามารถหาสถานที่ตรวจและสถานพยาบาลเข้ารับการรักษาในกรณีติดเชื้อได้ โดยให้บริการทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการทั้งสิ้น 10 คู่สาย ช่วยเหลือผู้ประกันตนและประชาชนที่เดือดร้อนจากการตรวจโควิด-19 ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอีกทางหนึ่งด้วย

พาณิชย์หนุน "ข้าวมันไก่ประตูน้ำ" บุกตลาดฮ่องกง

นางชณันภัสร์ พิศาลอภิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มอบตราสัญลักษณ์ ไทย ซีเล็คท์ แคชชวล ให้กับร้านข้าวมันไก่ประตูน้ำ หรือชื่อภาษาอังกฤษ Water Gate Chicken Rice ในฮ่องกง หลังพิจารณาแล้วว่าเป็นร้านอาหารไทยที่มีมาตรฐานตามกำหนด คือ ร้านค้ามีคุณภาพ มีมาตรฐาน และรสชาติมีความเป็นไทยแท้ โดยเฉพาะรสชาติของไก่และน้ำจิ้มไก่ เหมือนกับที่บริโภคที่ประเทศไทย ขณะที่เมนูอื่นๆ ทั้งกุ้งแช่น้ำปลา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ หมูทอด ลูกชิ้นปิ้ง และข้าวเหนียวมะม่วง ก็มีรสชาติไทยแท้ 

สำหรับตราสัญลักษณ์ ไทย ซีเล็คท์ แคชชวล เป็นตราสัญลักษณ์ใหม่ ที่มอบให้ร้านอาหารไทยที่ให้บริการอาหารที่มีรสชาติไทย แต่มีข้อจำกัดในด้านบริการ อาจจะเป็นร้านที่มีขนาดเล็ก มีความเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสะดวกสบายในการใช้บริการ เช่น ร้านอาหารไทยในฟู้ดคอร์ท ร้านฟาสฟู้ด ร้านอาหารที่มีที่นั่งจำกัดหรือไม่มีที่นั่งหน้าร้านฟู้ดทรัค หรือร้านอาหารไทยที่มีเมนูไม่มาก แต่ล้วนเป็นอาหารไทยที่มีรสชาติตามต้นตำรับไทย หรือเป็นร้านที่ให้บริการอาหารไทยแนวสตรีท ฟู้ด 

ปัจจุบันร้านข้าวมันไก่ประตูน้ำที่ฮ่องกงมี  4 สาขา ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวฮ่องกงอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานที่เคยเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย และได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก เป็น 8 สาขา ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยรูปแบบของร้าน มีการออกแบบตกแต่งร้านเหมือนร้านข้าวมันไก่และร้านก๋วยเตี๋ยวในไทย ซึ่งชาวฮ่องกงชื่นชอบ และมีการวางแผนขยายธุรกิจข้าวมันไก่ โดยออกแบบตกแต่งร้านและเมนูอาหารเหมือนกันทุกสาขา และจะมีการพัฒนาระบบครัวกลาง เพื่อควบคุมมาตรฐานของอาหารและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกันทุกสาขาด้วย

"นายกฯ" ชี้ แผนคุมระบาดคลองเตย  เร่งตรวจเชิงรุก-ฉีดวัคซีน 5 หมื่นคนใน 2 สัปดาห์-ช่วยเหลือปชช.ทั้งอาหารและยา บอก พร้อมปรับแผนหากมีความจำเป็น 

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสงความคิดเห็นในเพจเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ข้อความระบุ ว่า กรณีการแพร่ระบาดของโควิดที่เขตคลองเตย ผมได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด โดยมีผู้ติดเชื้อไปแล้วเป็นจำนวนมาก หลายรายอยู่ในชุมชนแออัดที่แพร่ระบาดในครอบครัว และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เมื่อวานนี้ในช่วงบ่าย ผมจึงได้เรียกประชุมกับทีมแพทย์ที่ปรึกษา กรุงเทพมหานคร รวมทั้ง ศูนย์ปฏิบัติการ ศบค. อย่างเร่งด่วน เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์ดังนี้ครับ 

1. ให้มีการตรวจเชิงรุกในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน ทั้ง 39 ชุมชน เน้นไปที่ที่ 20 ชุมชนที่เกิดการระบาด โดยเร่งตรวจชุมชนที่มีการติดเชื้อ ให้ได้อย่างน้อย 1,000-1,500 คนต่อวัน โดยหน่วยเคลื่อนที่ และรถเก็บตัวอย่างชีวะนิรภัยพระราชทาน โดยจะตรวจเชิงรุกให้ได้อย่างน้อยทั้งหมด 20,000 คน ซึ่งได้ดำเนินการทันทีตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

2. หากพบผู้ติดเชื้อ ให้มีการแยกผู้ป่วยออกจากชุมชนตามระดับอาการ เขียว เหลือง แดง เพื่อให้ศูนย์เอราวัณส่งตัวต่อเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลสำหรับกลุ่มนั้นๆ โดยเบื้องต้นจะถูกส่งตัวไปที่ศูนย์แรกรับ-ส่งต่อ ที่สนามกีฬานิมิบุตร หรือศูนย์พักคอยการส่งตัว ที่วัดสะพาน เขตพระโขนง หรือโรงพยาบาลสนาม ที่ จ.สมุทรสาคร

3. กลุ่มสีแดง หรือกลุ่มติดเชื้อและมีอาการหนัก จะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลของ กทม. ทันที ซึ่งผมมีความเป็นห่วงผู้ป่วยในกลุ่มนี้มากที่สุด จึงได้เร่งรัดให้มีการเตรียมโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยหนักเพิ่มเติมให้เร็วที่สุด เมื่อวานนี้ ได้มีการเปิดโรงพยาบาลสนาม ICU ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นอีก 432 เตียง และเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้ผู้ป่วยหนักได้รับการรักษาได้อย่างทันการณ์ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้

4. ส่วนกลุ่มผู้เสี่ยงสูงที่ยังไม่พบว่าติดเชื้อ จะต้องกักตัวในบ้านจนกว่าจะได้รับการแจ้งผล และให้ผู้นำชุมชนช่วยเป็นผู้ประสานงาน ส่งอาหารให้ผู้กักตัว 

5. วันนี้จะมีการระดมกำลัง 10-20 จุด เพื่อฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด วันละ 1,000-3,000 คน รวมให้ได้อย่างน้อย 50,000 คน ภายใน 2 สัปดาห์ และจะฉีดต่อไปให้ได้ถึง 60% ของประชาชนในชุมชนแออัดคลองเตย หรือประมาณ 80,000 คน 

6. นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่เพิ่มเติม โดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงกลาโหม ที่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

7. ให้มีการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนในการส่งอุปกรณ์ป้องกันโรค อาหาร ยา และสิ่งของจำเป็นอื่นๆให้หน่วยงานที่ต้องลงพื้นที่

8. ให้ทุกเขตใน กทม. เตรียมการเชิงรุก โดยใช้รูปแบบ Model คลองเตยนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคต 

ทั้งหมดนี้ได้ทำไปแล้ว โดยผมได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการขยายวงของการแพร่ระบาด และให้รายงานความคืบหน้ากับผมโดยตรง ผมจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความจำเป็นในการปรับแผนการควบคุมสถานการณ์หากมีความจำเป็น เป้าหมายคือการจำกัดวงการแพร่ระบาดให้เล็กที่สุดและควบคุมให้ได้เร็วที่สุด เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคนครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top