Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

พาณิชย์สำเร็จ! นำเรือ 400 เมตรเข้าเทียบท่า "ขนตู้คอนเทนเนอร์มาได้แล้ว" ตั้งเป้าขนเพิ่มอีก 3 เที่ยวถัดจากนี้ 

วันที่ 5  พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ห้องรับรองชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์เรื่องความคืบหน้าการแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ในการส่งออกขาดแคลน 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องการแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ในการส่งออกขาดแคลน มีการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชนและกระทรวงคมนาคม ในการจับมือแก้ไขปัญหาและสถานการณ์เริ่มคลี่คลายขึ้น สาเหตุหลักสำคัญที่ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนเพราะเป็นเรื่องที่ขาดแคลนไปทั่วโลก และประเทศไทยเรามีการส่งออกมากกว่าการนำเข้าเยอะ จึงมีแต่ตู้ออกไปต่างประเทศแต่ตู้ที่กลับมามีน้อยกว่า อย่างไรก็ตามในการร่วมมือกันฝ่ายแก้ไขปัญหา ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นลดภาระให้ภาคเอกชนมากขึ้น เช่น ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม มีการช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกลดภาระค่าบริการหน้าท่าลง 1,000 บาทต่อตู้ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนของผู้เช่าออกไปได้

แต่ประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการมากคือทำอย่างไรให้เรือขนาด 400 เมตรเข้ามาเทียบท่าที่แหลมฉบังได้ เพื่อสามารถนำตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาส่งออกสินค้าคราวละมากๆโดยเรือขนาด 400 เมตร สามารถรับสินค้าส่งออกของไทยไปยังปลายทางได้เลยไม่ต้องไปถ่ายลงเรือเล็กที่สิงคโปร์อีกทอดหนึ่ง ปกติถ้าใช้เรือเล็กขนของที่แหลมฉบังจะต้องไปถ่ายสินค้าที่สิงคโปร์ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นหลายทอด ถ้าใช้เรือขนาดใหญ่จะสามารถออกจากแหลมฉบังตรงไปยังปลายทางได้ทันที

"มีข่าวดีโดยวันนี้ถือเป็นวันแรกที่จะมีเรือขนาด 399 เมตร มาเทียบท่าที่แหลมฉบังโดยจะมาเทียบท่าที่ท่า D1 เป็นเรือของบริษัทเมอร์ก โดยเรือลำนี้มาจากสหภาพยุโรป สิงคโปร์ แล้วก็มาไทยจากนั้นจะไปปลายทางที่จีนและสหรัฐอเมริกา โดยขนตู้เปล่ามาประมาณ 6,000 ทีอียู ซึ่งสามารถช่วยส่งสินค้าออกให้กับประเทศไทยในภาพรวมได้ประมาณ 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 12,000 ล้านบาทในภาพรวม โดยจะขนของของไทยออกไปในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2564 สินค้าที่ส่งออกประกอบด้วย ข้าว อาหารกระป๋อง ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น ถือว่าเป็นภาพความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน " นายจุรินทร์ กล่าว 

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่าหลังจากนี้จะมีเรือมาเทียบท่าอีก 3 ลำ วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เป็นเรือ MSC ขนาด 399 เมตร วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2564 เรือ MSC 395 เมตร และวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2564 เรือ MSC ขนาด 398 เมตร จะช่วยคลี่คลายเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนได้

"แรมโบ้" ซัดนายเก่า ขออย่าโหนกระแสตีกินบนความเดือดร้อนประชาชน “ชี้” ที่ผ่านมา 2 พี่น้อง ทำประเทศและคนไทยบอบช้ำมามากแล้ว

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซั่ม อดีตนายกรัฐมนตนี พูดผ่านรายการ CARE Talk : คิดเคลื่อนไทย พลิกฟื้นวิกฤติโควิด กับ Tony Woodsome ในคลับเฮาส์ว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ในช่วงนี้มองว่าไม่ใช่เพราะหวังดีต่อประเทศอย่างแน่นอน แต่อยากอาศัยช่องทางนี้เพื่อกล่าวโจมตี นายกรัฐมนตรี รัฐบาล มากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่านายทักษิณ คงไม่ได้มีความหวังดีต่อประเทศจริงเหมือนที่พูด เพราะการพูดไม่ใช่เป็นการชี้แนะแต่หวังผลซ้ำเติมรัฐบาลมากกว่า หากนายทักษิณ มีความหวังดีจริงและเห็นแก่ชาติบ้านเมืองที่กำลังประสบปัญหาจากการระบาดเชื้อโควิด-19 และต้องการความร่วมมือจากคนทั้งประเทศ ก็ขอร้องอย่าออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในประเทศเลย เพราะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น ที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล ได้มีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา พัฒนาชาติบ้านเมือง แม้จะไม่เป็นที่พอใจของคนที่เห็นต่าง แต่ตนเองก็ยืนยันว่านายกฯคนนี้ทุ่มเทตั้งใจ อยากทำประโยชน์ให้กับประชาชน ประเทศชาติโดยแท้จริง ไม่เคยโกงกินบ้านเมือง ไม่คิดแสวงหาผลประโยชน์เหมือนผู้นำบางคน

"ถ้าคนอย่างแรมโบ้เป็นนายทักษิณเสียเองคงต้องตอบไปใน คลับเฮ้าส์ว่าถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง จะออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือคนกลุ่มใดอีกบ้าง จะเสนอโครงการอภิมหาโปรเจ็คอีกหลายล้านล้านบาทแล้ว ให้คนมาตั้งโต๊ะเรียกบริษัทฯรับเหมารายใหญ่ที่ผูกขาดมาเขกกระบาล เอาเงินทอนส่วนต่างเข้ากระเป๋าส่วนตัว โดยอ้างว่าเตรียมค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้กับพรรคตนเอง หรือจะออกแบบโครงการรับจำนำข้าวแบบจีทูเจี๊ยะ ยอมเสียสละให้ลูกน้องที่เป็น รมต.ติดคุก 48 ปี แต่นายทักษิณกับน้องสาวหนีไปสุขสบายอยู่ต่างประเทศ นี่คือตัวอย่างวีรกรรมที่เคยสร้างไว้ ทำไมไม่คิดถึงเรื่องเก่า ๆ บ้าง อย่าคิดเพียงแค่โหนกระกระแสตีกิน ซ้ำเติมในยามที่ประเทศชาติ ประชาชนกำลังเจอมรสุม หวังเพื่อเหยียบย่ำซ้ำเติมให้จมดิ่งลงทะเลอย่างนั้นหรือ นี่หรือคือความหวังดีต่อบ้านเมือง หรือคิดได้เพียงแค่ประเทศนี้ข้าฯเคยเป็นผู้นำ ผลประโยชน์ของข้าและครอบครัวต้องมาก่อนประชาชนเสมอ ผู้นำอย่างข้าฯต้องคิดถึงประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ข้าต้องมาก่อน ประชาชนต้องมาทีหลัง ถ้าถูกจับผิดได้ ข้าฯจะหนีไปก่อน ส่วนลูกน้องจะให้ติดคุกแทนข้าฯ น่าอัปยศอดสูที่สุด ถ้ามีผู้นำมีพฤติกรรมและแนวความคิดเช่นนี้ ตนคิดว่าอย่าว่าแต่จะดิ่งลงเหวลงทะเลเลย ประเทศไทยอาจจะดิ่งลงมหาสมุทรสุดลึกอย่างแน่นอนด้วยซ้ำ ถ้ามีผู้นำแบบนายทักษิณและน้องสาวกลับมาเป็นนายกฯอีก” นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอถามถึงกลุ่มแคร์ ที่เป็นสมุนเก่านายทักษิณว่า ต้องการซ้ำเติมทำลายประเทศร่วมกับนายทักษิณใช่ไหม ถึงได้เชิญคนที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศมาร่วมกิจกรรม และให้มากล่าวโจมตีคนในประเทศตัวเอง ตนเองจึงเรียกร้องไปยังกลุ่มแคร์ ที่มีสมาชิกเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีวุฒิภาวะ เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ไม่ควรที่จะจัดกิจกรรมใดๆแบบนี้ ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมได้ ควรมีจิตสำนึกต่อชาติบ้านเมืองมากกว่านี้

“สิระ” บุก สน.บางขุนเทียน จี้ถามหาความยุติธรรมให้พริตตี้สาว เหยื่อบ้ากาม โมเดลลิ่ง ลวงโลก  ด้าน ผกก.รับปาก จับ “เด่นชัย” ให้ได้ใน 7 วัน

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนเทียน ในคดีที่พริตตี้สาว ถูกล่อลวงไปขืนใจ ให้เสพยาและถ่ายคลิป ซึ่งมีการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้แล้ว แต่มีการปล่อยให้หลบหนีไป โดยก่อนหน้านี้พริตตี้คนดังกล่าว ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางขุนเทียน ว่าถูกนายเด่นชัย วัฒนโชติภิญโญ อายุ 39 ปี ชาว จ.นนทบุรี อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่ง ล่อลวงไปบังคับเสพยาและข่มขืนกระทำชำเรา ในห้องเช่าเลขที่ 157 อาคาร c3 ชั้น 7 อาคารเมโทรพาร์คสาทร ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ โดยผู้เสียหายที่มาทวงถามคดีในวันนี้ ระบุว่า มีความสงสัยว่า ทำไมสน.บางขุนเทียน ได้ปล่อยตัวนายเด่นชัยไป ทั้งที่วันที่ตนมาแจ้งความที่โรงพัก ยืนยันว่าถูกข่มขืน ซึ่งตำรวจได้พาตัวนายเด่นชัยมาคุยที่โรงพักแล้ว พอถามตำรวจกลับได้รับคำตอบว่า ปล่อยตัวนายเด่นชัยไปเติมเงินโทรศัพท์มือถือ โดยอ้างว่า การถูกข่มขืนยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ไม่มีสิทธิคุมตัวนายเด่นชัย

โดยนายสิระ กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่ ส.ส. เนื่องจากมีประชาชนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมาร้องเรียนว่า ถูกล่วงละเมิดทางเพศและกักขังหน่วงเหนี่ยว ถูกบังคับข่มขืนโดยไม่ได้มีการป้องกัน และบังคับให้เสพยาเสพติด แถมยังขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายไปด้วย โดยบางรายโดนเอาอาวุธปลายแหลมเสียบเข้าไปในอวัยวะเพศด้วย ซึ่งนายเด่นชัยถือว่าเป็นบุคคลอันตรายในสังคม ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ จะทำให้คนในสังคมไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งจับกุมบุคคลคน ๆ นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สังคมคลายข้อสงสัยว่า ตำรวจมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาคนนี้หรือไม่ 

“วันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมมาขอคำชี้แจงว่า เหตุใดถึงมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาไป ผู้เสียหายที่มาแจ้งความเป็นเพศหญิงที่ถูกกระทำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ดำเนินการใด ๆ เพราะว่าเขาไม่ใช่ภรรยาหรือลูกของตัวเองใช่หรือไม่ หรือต้องเป็นเพียงลูกคนมีชื่อเสียง เงินทอง ถึงจะดำเนินคดีได้ ทั้งนี้หากผู้เสียหายรายอื่นไม่กล้าออกมาเปิดเผยขอให้ติดต่อมาที่ตน จากนี้ตนจะเดินทางไป สน.ประชาชื่น เพื่อทวงถามความคืบหน้าของคดีอีก 1 คดีที่ได้มีการแจ้งความนายเด่นชัยไปแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า”นายสิระ กล่าว 

ด้านพ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเขียน กล่าวว่ากรณีนี้ในวันที่ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความนั้น ผู้ที่กระทำความผิดยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาและยังไม่ได้มีการจับกุม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่สามารถไปกักขังหน่วงเหนี่ยวตัวไว้ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีความผิดเสียเอง จึงต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย และหลังจากนี้เมื่อผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องดำเนินการติดตามตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวบรวมหลักฐานและขอออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว 

“ยืนยันว่าไม่มีการแลกเงิน 20,000 บาทกับการปล่อยตัวไปอย่างแน่นอน และกรณีนี้เพื่อให้คลายข้อสงสัยของประชาชนก็ได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเพื่อให้เกิดความกระจ่าง และหากมีความผิดจริงก็จะดำเนินการโดยจะไม่มีการปกป้อง แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”พ.ต.อ.วิศิษฐ์ กล่าว 

จากนั้นเวลา 10.45 น.นายสิระได้พาผู้เสียหายทั้งหมดขึ้นไปสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี โดยนายสิระ เปิดเผยว่า ผบ.ตร.ได้รับทราบเรื่องนี้แล้วและสั่งให้ติดตามคดีนี้ให้ถึงที่สุด ด้านผู้กำกับได้รับปากจะดำเนินจับกุมนายเด่นชัยให้เร็วที่สุด จะทำอย่างสุดความสามารถ ภายใน 7 วัน จะจับกุมให้ได้

'กรณิศ' ปูด ผู้มีอิทธิพล มีตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ฮุบบัตรคิวตรวจโควิดชาวคลองเตย แจกให้พรรคพวก แฉ เตรียมลงสมัคร ส.ก. หวังหาคะแนนนิยม ข้องใจ ย้าย 5 จุดสถานที่ตรวจ-เพิ่มความเสี่ยงปชช.ต้องเดินทาง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564  นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อร้องเรียนของชาวคลองเตยที่พบว่ามีการเล่นพรรคเล่นพวก แจกบัตรคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งมีการย้ายสถานที่รถตรวจโควิด-19 ในชุมชนแออัดคลองเตย ว่า วันแรกที่มีการฉีดวัคซีนและตรวจหาเชิงรุกผู้ติดเชื้อโดยมีการแจกบัตรคิว ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าไม่เป็นธรรมโดยประชาชนและผู้นำชุมชนแจ้งเรื่องมาที่ตน และร้องเรียนเรื่องการยกเลิกจุดที่เป็นสถานที่ตรวจหาเชื้อโควิดกระทันหัน โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบดีว่าจุดใดเหมาะสมที่จะตั้งเป็นจุดตรวจ และกำหนดมาเรียบร้อยพร้อมหมดแล้ว แต่มายกเลิกกระทันหัน 5 จุดเดิมและย้ายไปยัง 5 จุดใหม่ ที่ไกลกว่าเดิม ไม่ได้อยู่ในชุมชน ทั้งที่ประธานชุมชน เตรียมการไว้แล้วว่าให้มีจุดตรวจใกล้กับชุมชน ชาวบ้านสามารถเดินมาตรวจได้ ไม่ต้องมีการเคลื่อนย้ายไปไกลถึงวัดสะพาน แต่เมื่อยกเลิกจุดตรวจเดิมชาวบ้านต้องนั่งรถสองแถวรวมตัวกันไปเกือบ 20 คนต่อคัน เพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ จึงเกิดข้อสงสัยว่าทำไมไม่ใช้พื้นที่ซึ่งใกล้บ้านมากกว่าและอยากได้คำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะตอบประชาชนได้ถูก
 
นางกรณิศ กล่าวว่า ส่วนเรื่องแจกบัตรคิว ทางสำนักงานเขตไม่ได้แจกด้วยตัวเอง และไม่ได้ให้ประธานชุมชนเป็นผู้ดำเนินการมารับด้วยตัวเอง แต่ให้ตัวแทนของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มารับไปเพื่อจ่ายให้กับผู้นำชุมชน มีการเล่นพรรคเล่นพวกกลายเป็นการไปสร้างคะแนนเสียงให้กับตัวเอง ในสถานการณ์ช่วงเวลานี้ไม่ควรเอาชีวิตของคนมาทำเช่นนี้ ทั้งที่นโยบายของนายกรัฐมนตรีต้องการตรวจเชิงรุกให้ได้จำนวนมากที่สุด เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดในพื้นที่เขตคลองเตย แต่ตอนนี้จะเกิดปัญหาในพื้นที่ เนื่องจากเกิดความไม่เป็นธรรมกับการจัดระบบ

"ประธานชุมชนร้องเรียน เพราะอยากได้ความชัดเจนว่าจะได้สัดส่วนเท่าไหร่ ไม่ใช่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ จัดสถานที่รองรับ แล้วอยู่ดีๆมายกเลิกกระทันหัน บางชุมชนมีประชาชนมาลงทะเบียนเกือบ 1,000 คน แต่พอถึงเวลายกเลิกไปหมด ก็ตอบชาวบ้านไม่ได้ เรื่องนี้ก็จะตกเป็นภาระกับผู้นำชุมชน ซึ่งเราขอความชัดเจนเท่านั้น อย่าเอาความเป็นความตายของประชาชนมาใช้วิธีการเล่นพรรคเล่นพวกแบบนี้" นางกรณิศ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตว่าปัญหาดังกล่าวมีสาเหตุมาจากความไม่ลงรอยกันในเรื่องตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ก.ในเขตคลองเตย หรือไม่ นางกรณิศ กล่าวว่า “เขาประกาศตัวว่าจะลง และตอนนี้ก็ไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. แล้วใช้อำนาจของตัวเองมาบังคับข้าราชการ เอาคนของตัวเองมารับบัตรคิว อย่างนี้ไม่แฟร์กับชาวบ้าน ถึงได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ก็ใจเย็นแล้ว เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ผู้นำชุมชนได้โควตาบัตรคิว 450 คน แต่อยู่ดี ๆ คนของผู้มีอิทธิพลก็ไปรับบัตรคิวจากเขต ได้รับไป 450 บัตรคิว แต่เอาไปให้เขาแค่ 150 ใบ ประธานชุมชนก็โวยว่าทำไมทำแบบนี้ ทำให้เห็นว่าส่อทุจริต ไม่ตรงไปตรงมา จึงมีปัญหาว่าแจกบัตรคิวไปที่ไหนบ้าง ช่วยประชาสัมพันธ์และประกาศให้ชัดเจนได้หรือไม่ว่าชุมชนไหนได้บ้างและส่วนที่เหลือไปอยู่กับใคร บางชุมชนเป็นชุมชนขนาดใหญ่ แต่ได้จำนวนบัตรคิวน้อยกว่าบางชุมชนที่ขนาดเล็ก" 

เมื่อถามว่าที่ผู้มีอิทธิพลมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีบทบาทในพื้นที่อย่างไร นางกรณิศ กล่าวว่า “มีบทบาทมาก ฝั่งข้าราชการต้องซ้ายหันขวาหัน จึงอยากให้ความจริงปรากฏว่าคนที่เอาบัตรไปแจกคือใคร เป็นลูกน้องของใคร ไปถามประธานชุมชนได้ว่าเป็นคนของใคร ที่แน่ๆ ไม่ใช่ข้าราชการ ไม่ใช่สำนักงานเขต นี่คือข้อเท็จจริง ทำไมเขตไม่แจกเองหรือให้ผู้นำชุมชนไปรับบัตรคิวมาแจก”

เมื่อถามว่า ผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าวเป็นคนที่ใกล้ชิดกับแกนนำระดับรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ นางกรณิศ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัคร ส.ก.ในเขตคลองเตยก็มีคนจากหลายพรรค ในส่วนของพลังประชารัฐ ยังไม่ทราบว่าจะมีการส่งผู้สมัครในนามพรรคหรือไม่อย่างไร เพราะฉะนั้นทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอตัวได้ทั้งนั้น ในเรื่องของการเมืองท้องถิ่นจะสังกัดพรรคหรือไม่ก็ได้ และในพื้นที่ก็มีหลายพรรคการเมืองที่ลงพื้นที่อยู่ในขณะนี้ 

หนุ่มไทยในแดนทิวลิป สละสิทธิ์ไม่รับวัคซีนจากภาษีคนไทย เหตุเบียดเบียนประเทศชาติ หลังตัวเองทำงานเสียภาษีให้เนเธอร์แลนด์

ไม่นานมานี้ คุณธามม์ ประวัติตรี เจ้าของเพจ Tham Prawattree เจ้าของร้านปลาร้าเด้อ และร้าน pad thai หนึ่งในคนไทยที่ประกอบธุรกิจและเสียภาษีให้ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้โพสต์ถึงเรื่องราวของตน หลังได้กลับมาเมืองไทย และเลือกปฏิเสธที่จะได้รับการฉีดวัคซีนในประเทศไทย เพราะตัวเองทำงานเสียภาษีให้ต่างประเทศ ไม่ต้องการเบียดเบียนภาษีคนไทยว่า...

ในที่สุด Finally Home!!

ถึงการเดินทางทริปนี้ ออกจะ สนุกสนาน วุ่นวายนิดๆ ตั้งแต่ ตั๋ว ไฟท์ เอกสาร วันเดินทาง

แต่ก็ดีใจที่ได้กลับบ้าน ถึงแม้ว่า อากาศที่ กทม. จะร้อนมาก จนแสบจมูก ตอนอยากจะจามก็กลัวคนมอง เดี๋ยวเค้าคิดว่าเราจะติดเชื้อ

จริงๆ ผมตรวจโควิด 2 รอบ ในรอบ 2 วัน

#คืองี้ครับ

ความเข้มงวด และระเบียบของแต่ละประเทศในยุโรปไม่เหมือนกัน ไม่มีใครบอกได้ สวิตเซอร์แลนด์อีกแบบ เนเธอร์แลนด์อีกอย่างหนึ่งเยอรมันนีอีกวิธี พูดละก็ขำ อะนะ ประเทศใครก็เลือกเอา ผมนี่ วิ่งตรวจโควิดตรงสนามบินนั่นเลย เพราะออกระเบียบใหม่ แบบ ใจระทึก

ในบรรดา 3 ประเทศที่ว่ามา เนเธอร์แลนด์นี่แหละสบายๆ ผ่อนคลายมากที่สุด

#คำถาม

ฉีดวัคซีนมารึยัง? = ยังครับ กำหนดฉีดตามตารางคือ เดือนนี้ (พฤษภาคม) เพราะเกิดปี 1971 เดี๋ยวค่อยไปฉีด เพราะกลับมาไทยก่อน อ้าว!! จะฉีดที่ไทยมั้ย (ถูกถาม)

คำตอบชัดเจนมาก “ไม่ครับ” ผมเป็น Dutch Taxpayer เสียภาษีให้ทางโน้นเต็มๆ ผมเสียภาษีที่โน่นเดือนละเกือบ €7000 ใช่ครับ (ไม่ผิด!!) "ผมจะใช้สิทธิ์ที่นั่น ผมไม่เอาเปรียบ เพราะผมไม่ได้ Contribute หรือ เสียภาษี ที่ไทย แม้แต่ บาทเดียว"

อย่าว่าแต่วัคซีนเลยครับ แม้กระทั่ง โรงแรมที่กักตัวผมก็เลือกที่จะเสียตังเอง

"เอาสิทธิ์นี้ ให้คนไทยที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับไทย เพราะวีซ่าหมด เลิกจ้าง หรือลำบากกว่าเรามาพักดีกว่า"

ภาษีก็ไม่ได้เสียซักบาท จะมาอยู่ฟรี กินฟรี ฉีดวัคซีนฟรี อันนี้ "ผมไม่นิยม ไม่ใช่ถือพาสปอร์ตไทย จะมาใช้สิทธิ์คนไทย แต่ภาษีไปเสียบำรุงประเทศอื่น"

#มาเรื่องของกินดีกว่า

Welcome home ด้วยอาหารพื้นเมืองคนอุบล คือส้มตำปลาร้า ลาบหมู และข้าวเหนียว ของโปรดที่ขาดไม่ได้

เออ ทริปนนี้มีน้องที่ Amsterdam ฝากกระเป๋าสะพายมา เจอสุ่มตรวจ ต้องเสียภาษี ตามระเบียบ 10,800 บาทไทยไป ก็โอเคครับ เค้ามีระบบ ระเบียบ น้อง ๆ เจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ทำงานดี น่ารัก และดูท่าทางคล่องแคล่ว

น้องผู้หญิงคนนึง มาเรียกผมว่า “น้อง คะ กระเป๋าสวยและแพง ตีราคาให้ ใบละ 40,000 บาทนะคะ เสียภาษีเรทนี้ นะคะน้อง” ผมละดีใจมาก

ผมบอกไปว่า “น้องครับ พี่อายุ 50 ละ พี่ว่า น้องน่าจะอายุน้อยกว่าพี่นะ” น้องบอก หน้าพี่ดูเด็กมาก (อันนี้ขอชื่นชม น้องจะจริงใจมั้ยพี่ไม่ทราบ แต่พี่ชอบ)


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4087697224586825&id=100000397626019

ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ มอบเงิน 1 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนภารกิจโควิด-19 ของจังหวัดฉะเชิงเทรา

วันนี้ (4 พ.ค. 64) ที่โรงครัวลูกหลวงพ่อโสธรห่วงใยช่วยผู้ประสบภัยโควิด นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหารโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ มอบเงิน จำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) เพื่อสนับสนุนภารกิจ โควิด-19 ของจังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยมีนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นผู้แทนรับมอบ และในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ โชว์ฝีมือประกอบอาหารกล่อง เพื่อแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และเสริมสร้างกำลังใจการดำเนินชีวิตในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ด้วย

รุ่นพี่ฮ่องกง มาแชร์ประสบการณ์ถึงรุ่นน้องที่กำลังจะยกทีมย้ายประเทศจากฮ่องกง มาลงอังกฤษตามสิทธิ์การถือพาสปอร์ต British National (Overseas) หรือ BN(O) ว่า...

รุ่นพี่ฮ่องกง มาแชร์ประสบการณ์ถึงรุ่นน้องที่กำลังจะยกทีมย้ายประเทศจากฮ่องกง มาลงอังกฤษตามสิทธิ์การถือพาสปอร์ต British National (Overseas) หรือ BN(O) ว่า...

"จะมาแต่ตัว เสื่อผืนหมอนใบไม่ได้ ต้องมีทุนมาด้วย" โดยอย่างน้อย ๆ ก็ต้องพอที่จะสามารถจ่ายค่าเช่าบ้านล่วงหน้าได้ 1 ปี และรวมถึงค่าใช้จ่ายช่วงที่ต้องหางานทำ มิฉะนั้นคงหนีไม่พ้นที่จะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแบบหมดตัวได้!!

เรื่องนี้ เริ่มต้นจาก รัฐบาลอังกฤษ ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ได้ออกมาประกาศขยายสิทธิ์ให้ชาวฮ่องกง และครอบครัวที่เคยถือพาสปอร์ตรุ่น BN(O) หรือชาวฮ่องกงที่เกิดก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1997 ก่อนวันคืนเกาะให้จีน มากถึง 3 ล้านสิทธิ์ สามารถเดินทางมาอยู่ ทำงานในอังกฤษได้ 1 ปีเต็ม แล้วค่อยเปลี่ยนสถานะจาก BN(O) มาเป็นพลเมืองได้ในภายหลัง

โดย นายบอริส จอห์นสัน สัญญาว่าจะอัดฉีดงบให้ถึง 43 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มสวัสดิการจัดที่อยู่ ที่ทำงาน และที่เรียนไว้รองรับครอบครัวชาว BN(O) สู่เกาะอังกฤษได้อย่างสะดวกสบาย

หลังเปิดแคมเปญย้ายประเทศให้ชาวฮ่องกงมาอยู่อังกฤษตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 คาดกันว่าน่าจะมีหนุ่ม-สาวฮ่องกง แห่อพยพหนีฮ่องกง ที่เข้าสู่ยุคกฏหมายความมั่นคงใหม่ของจีน มาอังกฤษไม่น้อยกว่า 3 แสนคน

แต่ในความเป็นจริง หลังจากที่มีชาวฮ่องกงรุ่นบุกเบิกย้ายมาอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ก็เจออุปสรรคที่ต้องออกปากเตือนรุ่นน้องที่กำลังจะตามมาว่า จะมาแต่ตัวไม่ได้ ต้องมีทุนสำรองติดตัวมาด้วยเผื่อไว้ 1 ปีจะดีกว่า

เนื่องจากธรรมเนียมการหาผู้เช่าบ้านของชาวอังกฤษ ค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องการตรวจสอบประวัติผู้เช่า ต้องไม่มีคดี ต้องมีผู้รับรองที่คนอังกฤษ ต้องเคยมีที่อยู่เดิมที่เป็นหลักแหล่งแน่นอนในอังกฤษมาก่อน พอที่จะย้อนสืบประวัติได้ แต่หากไม่มีเพราะเพิ่งย้ายประเทศมาอยู่ แล้วยังเป็นบุคคลว่างงาน หรือไม่มีงานประจำทำ ผู้เช่าก็จะลังเลที่จะให้เช่าบ้าน และมีจำนวนไม่น้อยที่ปฏิเสธ หรือ ไม่ก็ขอเรียกเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าก่อนเลยตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปีเต็ม

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าอพาร์ตเม้นท์เล็ก ๆ 1 ห้องนอนในลอนดอน เริ่มต้นที่ประมาณเดือนละ 1,100 ปอนด์ เท่ากับว่าต้องจ่ายล่วงหน้ารวมค่าประกันอย่างน้อย 7,000 ปอนด์สำหรับ 6 เดือน หรือ 14,000 ปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 560,000 บาท ที่เป็นงบเฉพาะค่าบ้านเพียงอย่างเดียว

แล้วหากไม่มีงบขนาดนั้น ยังหางานที่ถูกใจไม่ได้ อยากจ่ายค่าเช่าแค่เดือนต่อเดือนก่อนทำได้หรือไม่

หนึ่งในรุ่นพี่ผู้บุกเบิกอย่าง 'ทอม เลา' ได้มาแชร์ประสบการณ์ผ่านสื่อฮ่องกงว่า ตัวเขา และเพื่อนชาวฮ่องกงหลายคนเจอเหตุการณ์อย่างเดียวกันคือ หาบ้านเช่าดี ๆ ไม่ได้ และการหาบ้านเช่าระยะยาวไม่ได้ก็จะทำให้มีปัญหาอื่นตามมาก็คือ เปิดบัญชีธนาคารไม่ได้ การหางานประจำ หรือหาโรงเรียนให้ลูกที่ติดตามมาก็จะลำบากตามไปด้วย

แต่ในช่วงที่ยังหางานไม่ได้ และเขามีงบติดตัวเป็นเงินสดในบัญชีเงินฝากที่ฮ่องกงเพียง 65,000 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 2.6 แสนบาท) ไม่พอจ่ายค่าเช่า และค่ากินอยู่ได้นานเกิน 6 เดือน เขาก็จำเป็นต้องเช่าบ้านในอพาร์ตเมนท์แบ่งเช่า ที่ยอมให้จ่ายเป็นรายเดือนโดยไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาเช่า หรือซักถามประวัติใด ๆ

แน่นอนว่าบ้านเช่าลักษณะนี้มีอยู่ในอังกฤษ ที่ทอม เลา บอกว่าเหมือนกับหาบ้านเช่าในตลาดมืด ที่ไม่มีการสกรีนประวัติผู้เช่าใด ๆ และตัวเขาเองก็อาศัยหาเช่าบ้านลักษณะนี้ไปก่อน และชาวฮ่องกงย้ายถิ่นหลายคน ก็มักเลือกที่พักลักษณะนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่เดือนละ 585 ปอนด์ (ประมาณ 26,000 บาท) จะได้ห้องพัก 1 ห้องในอพาร์ตเมนท์ขนาด 3 ห้องนอน ที่แบ่งซอยออกเป็น 6 ห้องนอน แชร์อยู่รวมกับผู้เช่ารายอื่น ที่มาจากหลากหลายประเทศ บ้างเป็นชาวฮ่องกง บางคนก็เป็นผู้อพยพ บางคนก็เป็นผู้ลี้ภัย หรือลักลอบเข้าเมือง

และที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ เจ้าของห้องพักเป็นครอบครัวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มาอยู่ทำธุรกิจบ้าน (แบ่งซอย) ให้เช่า และตอนนี้กำลังทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากหนุ่ม-สาวชาวฮ่องกงที่ตัดสินใจย้ายถิ่นมาอยู่อังกฤษ

ทอม เลา จึงเตือนว่า หากใครจะย้ายมา ให้เตรียมทุนสำรองมาด้วย ให้อยู่ให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน และตัดใจเรื่องความสะดวกสบายที่เคยหาได้ในฮ่องกง เพราะที่นี่คืออังกฤษ ที่ไม่มีอะไรเหมือนฮ่องกง ซึ่งชาวฮ่องกงจำเป็นต้องอยู่ด้วยวีซ่า BN(O) ที่ให้สิทธิ์พำนักชั่วคราว 5 ปีก่อน แต่ก่อนที่จะได้วีซ่า 5 ปี ต้องถือวีซ่ารอชั่วคราวก่อน 6 เดือนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐบาลอังกฤษได้

แล้วหลังจากอยู่ด้วยวีซ่า BN(O) 5 ปี มีงานทำมั่นคงแล้ว จึงได้สิทธิ์ยืนขอเป็นพลเมืองอังกฤษได้

แต่สำหรับ ทอม เลา เขามีเวลาเพียง 6 เดือนด้วยเงินทุนส่วนตัวของเขาในตอนนี้ที่ก็ต้องภาวนาให้เขาหางานประจำให้ได้ และกำลังมองหาเพื่อนชาวฮ่องกงมาช่วยแชร์อพาร์ตเมนท์ด้วยกัน

ส่วนกลุ่มชุมชนชาวฮ่องกงในอังกฤษ ก็เปิดเพจรวบรวมข้อมูลเรื่องที่พัก และงานไว้สำหรับชาวฮ่องกงที่กำลังย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ที่มีชาวฮ่องกงจำนวนมากเข้ามาสอบถาม ซึ่งมากกว่า 3 ใน 4 รู้สึกกังวลเรื่องที่พักมากที่สุด และอยากให้รัฐบาลอังกฤษเข้ามาช่วยเหลือ

แต่ด้วยสังคมอนุรักษ์นิยมของชาวอังกฤษ ซึ่งหลายคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานะของพาสปอร์ต BN(O) ของชาวฮ่องกงสักเท่าไหร่ หรือพูดง่าย ๆ คือ ตราบใดที่ยังไม่ได้มีสถานะเป็นพลเมือง ไม่มีเอกสารรับรอง ไม่มีบุคคลอ้างอิง ไม่มีบัญชีธนาคาร และยังไม่มีงาน ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาเช่าที่พักดี ๆ ที่สามารถผ่อนจ่ายรายเดือนได้เหมือนชาวอังกฤษทั่วไปนั่นเอง

ก็เป็นหนึ่งในคำแนะนำของรุ่นพี่ทีมย้ายประเทศรุ่นบุกเบิกของชาวฮ่องกงที่ยังต้องไปผจญภัยในอังกฤษอีกหลายปี กว่าจะกรุยทางสะดวกให้รุ่นน้องที่จะเดินทางตามไปได้ แต่ถ้าอยากได้ทิปดี ๆ ลองปรึกษากลุ่มรุ่นพี่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไปตั้งรกรากก่อนหน้านั้น จนตั้งตัวได้เป็นเจ้าของกิจการ และบ้านเช่าดู ก็อาจช่วยเปิดมุมมองใหม่ได้เร็วขึ้นก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://www.scmp.com/news/hong-kong/society/article/3131795/house-hunting-hongkongers-hit-brick-wall-britain-landlords

https://securykid.com/new-arrivals-from-the-hong-kong-struggle-to-jobs-in-the-uk-and-rentals-without-a-bank-account/

'นายแพทย์ยง' โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ โดยระบุว่า...

นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ โดยระบุว่า โควิด 19 ในหลายประเทศ ยืดระยะเวลาในการให้ Vaccine เข็มที่ 2 เพราะผลศึกษาพบคนอายุน้อยกว่า 60 รับ ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ เข็มแรก ภูมิต้านทานตอบสนองได้ดีกว่าผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5629636767078894&id=100000978797641

สนค.เผย  ปัจจัยสินค้ากลุ่มพลังงาน ทำเงินเฟ้อเพิ่มสูงสุดในรอบ 8 ปี

วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเมษายน 2564 สูงขึ้น 3.41% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อน เป็นการกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 14 เดือน และขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 ปี 4 เดือน (100 เดือน) สาเหตุสำคัญจากสินค้ากลุ่มพลังงานขยายตัวก้าวกระโดด 36.38% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานราคาน้ำมันที่ต่ำมากในปีก่อน และระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตามราคาตลาดโลก ประกอบกับมาตรการลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาของรัฐได้สิ้นสุดลง 

นอกจากนั้น สินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะ เนื้อสุกร ผักและผลไม้ ขยายตัว 0.11% ผลจากสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง สำหรับสินค้าในหมวดอื่นๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ สอดคล้องกับผลผลิต การส่งเสริมการขายและความต้องการ โดยในเดือนมีนาคม สินค้าที่ใช้ในการคำนวณเงินเฟ้อ ที่ราคาสูงขึ้น 224 รายการ ลดลง 140 รายการ สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักอาหารสดและพลังงาน) ขยายตัว 0.30%เป็นการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 0.09%

“เดิมนั้นคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อมีทิศทางเป็นขาขึ้น จนถึงเดือนสิงหาคมจะทยอยลดลง เนื่องจากการอ่อนตัวของราคาอาหารสด และรัฐไม่ต่อมาตรการลดค่าครองชีพด้านสาธาณูปโภค แต่มีราคาพลังงานที่มีทิศทางสูงขึ้นเป็นการดันเงินเฟ้ออยู่ ขณะเดียวกันต้องติดตามแพคเกจมาตรการที่รัฐบาลจะออกมาเพื่อเยียวยาและลดค่าครองชีพอย่างไร หากมีการต่อมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งมีน้ำหนักที่สูงในเงินเฟ้อ จากที่คาดการณ์ว่าพฤษภาคม เงินเฟ้อสูง 3% ก็จะหายไป 2% เหลือ 1-1.5% เท่านั้น อีกทั้งหากต่อมาตรการยาวถึงครึ่งปีหลัง สนค.ก็จะทบทวนตัวเลขเงินเฟ้อใหม่” นายวิชานัน กล่าว

สำหรับคาดการณ์เงินเฟ้อ ณ เดือนเมษายน ไว้ว่า ไตรมาส 2 เงินเฟ้อจะขยายตัว 2.95% ไตรมาส 3 ขยายตัว 1.31% ไตรมาส 4 ขยายตัว 0.92% กรณีไม่มีมาตรการลดค่าสาธารณูปโภคเพิ่มเติมจากรัฐ และคาดเงินเฟ้อทั้งปี 2564 เคลื่อนไหวระหว่าง 0.7-1.7% ค่ากลางขยายตัว 1.2% แต่หากรัฐบาลขยายแพคเกจช่วยลดค่าครองชีพด้านสาธาณูปโภคยาวหลายเดือน ก็จะต้องทบทวนตัวเลขคาดการณ์ทั้งปีใหม่ ที่อาจลดลง 

“เทพไท” หนุน ฉีดวัคซีนคนละ 1 เข็มแบบปูพรม ดีกว่ารอฉีดคนละ 2 เข็มจนครบ ชี้ ตราบใด รบ.ไม่สร้างความเชื่อมั่น ทำคะแนนนิยม “บิ๊กตู่” ลด  คะแน ”แม้ว” จะเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ เฟสบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า กรณีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส โควิด-19 นั้น จากข้อมูลของ นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ พูดถึงการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทุกคน คนละ1เข็ม โดยไม่จำเป็นต้องฉีดเข็มที่ 2 ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ พ.ท.นายแพทย์ เอนก ยมจินดา อดีตผู้อำนวยการสำนักนิติวิทยาศาสตร์ ต่างก็เห็นว่า การฉีดวัคซีนให้กับคนไทยแบบปูพรมคนละ 1 เข็มก่อน ย่อมมีผลในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในประเทศ และสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ระดับหนึ่ง เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในยามที่เชื้อไวรัส โควิด-19 กำลังแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงอยากสนับสนุนแนวความคิดเสนอให้รัฐบาล นำวัคซีนที่ได้มาในตอนนี้ ฉีดให้กับคนไทยทุกคน คนละ1เข็ม และถ้าหากมีวัคซีนเพิ่ม ก็ค่อยฉีดเข็มที่ 2 ให้กับคนไทยในภายหลัง ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่า การรอฉีดวัคซีนคนละ 2 เข็ม ตามแผนที่กำหนดไว้  

“ถ้ารัฐบาลไม่มีความคืบหน้า ในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ก็จะทำให้คนไทยขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และกลับไปให้ความสำคัญกับแนวความคิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาพูดคุยผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouse บ่อย ๆ โดยเสนอแนวความคิดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่น่าเชื่อถือ ตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน หรือล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิด-19 ก็จะทำให้คนไทยส่วนหนึ่ง หันไปเรียกหานายทักษิณอีก และการขายฝันให้กับคนไทยต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลโดยตรง ยิ่งความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ลดน้อยลงไปเท่าไหร่ คะแนนนิยมในตัวนายทักษิณ ก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้กองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนกัน เป็นการทำให้สังคม ก้าวสู่การเมืองเลือกข้างอีกครั้งหนึ่ง และจะเป็นความขัดแย้งทางสังคมที่ไม่มีวันจบสิ้น” นายเทพไท กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top