สำนักข่าว Bloomberg ซูฮกสิงคโปร์ มาแรงเบียดแซงนิวซีแลนด์ขึ้นแท่นประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19 ได้ดีที่สุดในโลก
สำนักข่าว Bloomberg ซูฮกสิงคโปร์ มาแรงเบียดแซงนิวซีแลนด์ขึ้นแท่นประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19 ได้ดีที่สุดในโลก ที่ตอนนี้ได้ฉีดวัคซีนให้กับประชากรไปแล้วประมาณ 1 ใน 5 และสามารถสกัดการแพร่ระบาดได้ดีเยี่ยมด้วยมาตรการเฝ้าระวัง และการกักกันโรคอย่างเข้มงวด
.
นอกเหนือจากสิงคโปร์ ก็มี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อิสราเอล และไต้หวัน ตามติดมาอยู่หัวตารางของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาด Covid-19 ได้ดี ซึ่งในกลุ่มประเทศเหล่านี้มีอยู่จุดหนึ่งที่ชี้วัดความสำเร็จนอกจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศที่ลดลงจนแทบเหลือศูนย์ ก็คือปริมาณการฉีดวัคซีน ที่สามารถไล่ทันอัตราการแพร่ระบาดได้
และนั่นคือจุดชี้ขาดในการสกัดการแพร่ระบาดได้ด้วยภูมิคุ้มกันหมู่ จากการเดินหน้าโปรแกรมวัคซีน
แต่ทว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ที่การแพร่ระบาดในหลายประเทศกลับมาทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แม้ในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนแล้วเป็นจำนวนมาก อย่างตุรกี ชิลี หรือ โปแลนด์ แต่ทำไมยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับที่วางใจได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปริมาณของกลุ่มประชากรที่เข้ารับวัคซีนมีผลอย่างมากต่อการควบคุมโรคระบาด พูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งฉีดมาก ยิ่งดี ดังตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือประเทศอิสราเอล ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 57.4% ของประชากร หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ฉีดไปแล้ว 47.4% ก็มีตัวเลขการควบคุมโรคระบาด Covid-19 ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
รวมถึงประเทศมหาอำนาจด้านวัคซีนอย่างสหรัฐฯ และ อังกฤษต่างเร่งฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดจนกลายเป็นแคมเปญระดับชาติ ที่ก็ทำให้ทั้งสองประเทศกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้ หลังจากที่เคยตกอยู่ท่ามกลางพายุการระบาด Covid-19 อย่างน่ากลัวตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา
แต่สำหรับหลายประเทศในยุโรปอย่างโปแลนด์ ตุรกี ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วหลายล้านโดส ก็ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อในจำนวนที่น่าเป็นห่วง หรือชิลี ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 36.9% ของประชากร แต่ก็ยังพบการระบาดรอบ 2 ที่หนักยิ่งกว่ารอบแรกเมื่อปีที่แล้ว
แสดงว่า แค่ฉีดวัคซีนอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะพาโลกให้พ้นวิกฤติ Covid-19 ได้ในเร็ววัน อย่างที่หลายคนตั้งความหวังไว้อย่างนั้นหรือ?
จากฝันร้ายเดือนเมษายนที่พบตัวเลขการระบาดกลับมาพุ่งแรงทั่วโลก โดยเฉพาะในอินเดีย และบ้านเรา จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขมองว่า แค่เพียงการรอฉีดวัคซีนอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้ เพราะตอนนี้การตัวเลขการระบาดยังคงนำหน้าอัตราการฉีดวัคซีน
รวมถึงการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่เป็นปัญหาในการสร้างภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีน ที่ยังทำให้สถานการณ์ Covid-19 ยังไว้ใจไม่ได้แม้จะได้รับวัคซีนครบตามจำนวนไปแล้วก็ตาม
เพราะฉะนั้น ยังต้องรณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีน ควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน การปิดพรมแดนชั่วคราวเพื่อสกัดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ให้เข้าประเทศ แม้แต่การพิจารณาเปิดเมืองก็ต้องทำอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง แม้ว่าจะฉีดวัคซีนไปบ้างแล้วก็ตาม
เราไม่อาจหาสูตรสำเร็จตายตัวว่า ทำอย่างไรถึงจะช่วยให้พ้นวิกฤติ Covid-19 ได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ ได้ในตอนนี้ ในขณะที่วัคซีนยังคงขาดแคลนทั่วโลก ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต่างก็มาดักจองวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงเอาไว้ให้กับคนในประเทศก่อน ความกังวลของผู้คนเรื่องผลข้างเคียงจากวัคซีน และหลายประเทศที่ระบบสาธารณสุขกำลังล่มสลาย
แต่วิกฤติครั้งนี้ ไม่สามารถรอดได้เพียงประเทศเดียว องค์การอนามัยโลกออกมาย้ำเตือนเรื่องการกระจายวัคซีนสู่ประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศยากจนที่เข้าไม่ถึงโควตาวัคซีน เพื่อช่วยกระจายภูมิคุ้มกันหมู่ให้ครอบคลุมไปทั่วโลก
และที่สำคัญที่สุดคือการ "ตั้งการ์ด" งดกิจกรรมนอกบ้าน ทำตามกฎระเบียบ มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ลดอคติ หันหน้าช่วยเหลือกัน สร้างความเข้าใจ และรณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึง จะช่วยให้เราฝ่าวิกฤติ Covid-19 ที่น่าจะอยู่กับโลกเราไปอีกสักระยะ ได้ในที่สุด
อ้างอิง
https://www.bloomberg.com/graphics/covid-resilience-ranking/
https://www.dailysabah.com/turkey/turkey-ranks-6th-globally-in-covid-19-vaccination-numbers/news