Monday, 30 June 2025
NewsFeed

‘จีน’ เดินหน้าสร้าง ‘ศูนย์ข้อมูลใต้ทะเล’ แห่งแรกของโลก ชี้!! ประหยัดพลังงาน-ประสิทธิภาพสูง-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อไม่นานนี้ จีนปล่อย ‘คลังข้อมูลใต้ทะเล’ น้ำหนัก 1,300 ตัน ที่ทะเลลึก 35 เมตร บริเวณน่านน้ำเกาะไหหลำ ซึ่งในอีกไม่นานที่นี่จะสร้าง ‘ศูนย์ข้อมูลใต้ทะเล’ แห่งแรกของโลก

‘คลังข้อมูลใต้ทะเล’ ที่กำลังติดตั้งในครั้งนี้ มิเพียงแต่สะสมข้อมูลที่เป็นตัวเลขเท่านั้น ทั้งยังเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใต้ท้องทะเล พลังการคำนวณเท่ากับคอมพิวเตอร์ทั่วไปจำนวน 60,000 เครื่อง ที่ทำงานออนไลน์ในเวลาเดียวกัน สามารถจัดการถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงได้มากกว่า 4 ล้านภาพใน 30 วินาที

หลังโครงการศูนย์ข้อมูลเชิงพาณิชย์ใต้ทะเลแห่งแรกของโลกสร้างแล้วเสร็จ เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลภาคพื้นดินแบบดั้งเดิมที่มีขนาดเท่ากัน จะสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้รวม 122 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ประหยัดพื้นที่ 68,000 ตารางเมตร และประหยัดน้ำจืด 105,000 ตันต่อปี 

แนวคิดอันสร้างสรรค์ของวิศวกรจีนนี้ กำลังนำพาจีนก้าวไปสู่ประเทศทันสมัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต

'นายกฯ' เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.น่าน ติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบ 23 ธ.ค.นี้

(22 ธ.ค. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดน่าน ในวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 2566 เพื่อติดตามประเด็นการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน 

โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร่วมคณะตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการดังนี้

โดยเวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานน่านนคร ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เวลาประมาณ 14.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดน่าน นายกรัฐมนตรีจะติดตามประเด็นการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยนายกรัฐมนตรีจะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และร่วมรับฟังการเจรจาแก้ปัญหาหนี้ระหว่างประชาชน (ลูกหนี้) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 16.15 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

“การลงพื้นที่จังหวัดน่านของนายกฯ เพื่อติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่า นายกฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้นอกระบบที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ โดยการเร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวังและสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนคนไทย ให้มีความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงระดับมหภาค รวมทั้งยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทำให้ไม่กลับไปมีหนี้ล้นพ้นตัวอีก” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทิ้งท้าย

ศาลสั่งจำคุก 5 จำเลย คดีฟาร์มเห็ด Turtle Farm พร้อมชดใช้เหยื่อ 1.1 พันคน กว่า 614 ล้าน

จากกรณีที่ศาลจังหวัดสกลนครนัดฟังคำพิพากษาคดีที่อัยการจังหวัดสกลนครเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หจก.สถานีหลักสี่ กับพวก รวม 9 คน เป็นจำเลยใน คดีฟาร์มเห็ดทิพย์ Turtle Farm ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 แต่เนื่องจากกระบวนการตรวจร่างคำพิพากษายังไม่แล้วเสร็จ ศาลจึงขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันนี้ 21 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น.

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ศาลจังหวัดสกลนครมีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-5 ซึ่งประกอบด้วย หจก.หลักสี่ จำเลยที่ 1, บริษัท ไมน์นิ่ง มายน์ เอ็กซ์ จำกัด จำเลยที่ 2 และกรรมการอีก 3 คน (จำเลยที่ 3, ที่ 4, ที่ 5) มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตัดสินให้จำคุกกระทงละ 5 ปี ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหาย 1,117 คน รวมความผิด 1,117 กระทง รวมโทษจำคุก 5,585 ปี แต่ตามกฎหมายจำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี

และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึง 5 คืนค่าเสียหายให้ผู้เสียหายรายละ 550,000 บาท ผู้เสียหาย 1,117 คน รวมเป็นเงิน 614,350,000 บาท ขณะที่จำเลยที่ 6-9 ศาลพิพากษายกฟ้อง

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 หลังจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้รับเรื่องที่มีผู้เสียหายจำนวนมากมาพบพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ และแจ้งความออนไลน์ thaipoliceonline.com ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ หจก.สถานีหลักสี่ กับพวก ที่ได้โฆษณาของ Turtle farm เชิญชวนให้มาร่วมลงทุน โดยการชักชวนให้เข้าร่วมโครงการด้วย มีการร้องทุกข์กว่า 2,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 1,970 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนำกำลังเข้าตรวจค้นและทลายเครือข่ายดังกล่าว และขออนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด 9 คน ต่อมาสามารถสืบสวนติดตามจับกุมได้ 7 คน ส่วนตัวการใหญ่ของขบวนการนี้คือ น.ส.ฐานวัฒน์ ชูเกียรติสกุลไกร และ น.ส.พลอยฐิตา นิรมิตบุญวัฒน์ ยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ

ส่อง 23 ประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมแห่งทวีปเอเชีย

ในทวีปเอเชีย มีหลายประเทศที่เป็นหมุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และหนึ่งในนั้นคือ ‘ประเทศไทย’ เนื่องด้วยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม อาหาร สถาปัตยกรรม และสถานที่ท่องเที่ยว ที่เมื่อต่างชาติได้มาเยือนแล้วก็จะติดใจ 

นอกจากนี้ยังมีหลายสถานที่ในไทยและวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้หลายอย่างที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘มรดกโลก’ ด้วย นั่นจึงทำให้ประเทศไทย ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพาไปดู เปิด 23 ประเทศที่มีอิทธิพลด้านมรดกวัฒนธรรมแห่งทวีปเอเชีย จะมีประเทศใดติดอันดับบ้าง มาดูกัน…

รมว.แรงงาน 'พิพัฒน์' จัดเต็มมอบของขวัญ 2567 ให้แรงงาน11ชิ้น ชูแคมเปญ เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้ 'อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ'

วันที่ 22 ธันวาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานแถลงข่าวของขวัญปีใหม่กระทรวงแรงงาน ปี 2567 โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ บริเวณโถงชั้นล่างอาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ฯ ได้กล่าวถึงผลงานตลอด 3 เดือน ตั้งแต่มารับตำแหน่งที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาให้กับพี่น้องแรงงานไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาทิ การช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอลให้ได้รับเงินเยียวยา ทั้งจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ จำนวนคนละ 15,000 บาท และเสนอคณะรัฐมนตรีเพิ่มเงินเยียวยาอีกคนละ 50,000 บาท รวมถึงพักหนี้ให้กับแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบรายละไม่เกิน 150,000 บาท และเสนอร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ. เพื่อส่งเสริมคุ้มครองคุณภาพชีวิตแรงงานอิสระเข้าถึงสิทธิพื้นฐานความปลอดภัยในการทำงาน ครอบคลุมถึงการสนับสนุนการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนมาตรา 40 และมาตรา 39 เพื่อสร้างรากฐานเศรษฐกิจการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงาน เป็นต้น

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคน ทุกกลุ่ม และได้สั่งการให้ทุกกระทรวงพิจารณาของขวัญที่จะมอบให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเป็นกำลังใจแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ รวมทั้งพี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ  ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานนั้นในปี 2567 นี้มีของขวัญปีใหม่ จำนวน 11 ชิ้น ในหัวข้อ “เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้” ภายใต้แคมเปญ “อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ”เพื่อมอบความสุขแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ดังนี้

ชิ้นที่ 1 “เพิ่ม”อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 6 สาขาอาชีพ 54 สาขา ตามร่างอัตราค่าจ้าง ตามมาตรฐานฝีมือ 54 สาขา ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากวันที่ประกาศแล้ว

ชิ้นที่ 2 “ปรับขึ้น”อัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการไตรภาคีได้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 และได้นำมาทบทวนอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งที่ประชุมไตรภาคีได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มติเดิม ผมเองก็จะนำมติในเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อขอความเห็นชอบให้มีผลใช้บังคับในช่วงเดือนมกราคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องแรงงาน

ชิ้นที่ 3 “ฟรี”กู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ดอกเบี้ย 0% จำนวน 24 เดือน โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียม ร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 - 24 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 25 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา คิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลยื่นคำขอกู้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มบุคคลกู้ไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลายื่นคำขอกู้ ตั้งแต่1 ธ.ค.66 - 31 ส.ค.67 กรอบวงเงิน 5,000,000 บาท ทำให้มีผู้จดทะเบียนเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านกว่า 6,000 ราย เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 16.2 ล้านบาทต่อปี

ชิ้นที่ 4 “ฟรี”ตรวจเช็คสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ก่อนเดินทาง 7 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 22 – 28 ธ.ค. 66 ในวันและเวลาราชการ ฟรี 10 รายการ ได้แก่ ล้อ/ลมยาง ระบบเบรก กรองอากาศ ระบบไฟเลี้ยว/ไฟสัญญาณ ใบปัดน้ำฝน ระบบปรับอากาศ น้ำยาฉีดกระจก แบตเตอรี่ น้ำกลั่นพวงมาลัย/แฮนด์/แตร

ชิ้นที่ 5 “ฟรี” ฝึกอบรมออนไลน์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ภาษาจีน การตลาดออนไลน์ และดิจิทัล ฟรีจำนวน 10,000 สิทธิ์ เพื่อแรงงานไทยได้ Up skill ตนเอง ทุกที่ ทุกเวลา ตั้งแต่วันที่ 22 – 28 ธ.ค.66 หรือจนกว่าจะครบ 

ชิ้นที่ 6 “ช่วยปลดหนี้” ผ่านโครงการเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ ในวงเงินไม่เกินคนละ 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ใช้แรงงานที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์หรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ นำไปปลดหนี้สิน หรือลงทุนประกอบอาชีพเสริม ในวงเงินโครงการ จำนวน 50,000,000 บาท เพื่อพัฒนารายได้แก่ตนเองและครอบครัวให้แรงงานได้รับสวัสดิการที่ดีสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม 

ชิ้นที่ 7 “ฟรี”อบรม Safety 10,000 คน เพื่อให้นายจ้างปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ลดอุบัติเหตุ อุบัติภัยจากการทำงาน ทำให้ลูกจ้างได้รับการดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัย 
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน จำนวน 1,000,000 คน 

ชิ้นที่ 8 “ฟรี”ตรวจสุขภาพ 14 รายการ ผู้ประกันตนสุขภาพดีถ้วนหน้า อาทิ มะเร็งปากมดลูก ตรวจคัดกรอกมะเร็งลำไส้ ตรวจเต้านม ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เชื้อไวรัสตับอักเสบ ตรวจไขมันในเลือด เริ่ม 1 มกราคม 2567

ชิ้นที่ 9 “สะดวก”ผู้ประกันตนฟันดีด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ณ สถานประกอบการ (SSO Mobile e-Dent) วงเงิน 900 บาท/คน/ปี  โดยผู้ประกันตนเข้ารับบริการทันตกรรมด้วยรถ Mobile Service สะดวก ไม่ต้องสำรองจ่าย มอบสิทธิประโยชน์ทำฟันสะดวก อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน และผ่าตัดฟันคุด ที่สถานประกอบการ ด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ประกันสังคม ผู้ประกันตนสะดวก ทำฟันสะดวก ที่สถานประกอบการ ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องเดินทาง เริ่ม 1 ม.ค. – 31 มี.ค.67

ชิ้นที่ 10 “ฟรี”บริการประกันสังคมครบจบใน APP เดียว “SSO plus+”ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล กลางเชื่อมต่อบริการประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนอย่างเฉพาะเจาะจง และแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรวมศูนย์การบริการตามภารกิจหลักของกองทุนเงินทดแทน เพื่อความสะดวกให้ผู้ประกันตน เริ่ม 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป 

ชิ้นที่ 11 “ฟรี”ติดตั้งระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตรายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และประเมิน ความเสี่ยงขั้นต้น เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ม.ค.67 สถานประกอบกิจการมีระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตราย และประเมินความเสี่ยงขั้นต้นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน 

ต่อจากนั้น รมว.แรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานและหน่วยงานภาคเอกชนที่เข้าร่วมที่ให้บริการตรวจสุขภาพในเบื้องต้น โดยแพทย์เฉพาะทางได้แก่ บริการประกันสังคมครบจบในแอพเดียว SSO Plus+ ตรวจสุขภาพฟรี 14 รายการ ผู้ประกันตนสุขภาพดีถ้วนหน้า และผู้ประกันตนทำฟันฟรีด้วยรถ ทันตกรรมเคลื่อนที่ ณ สถานประกอบการ จากสำนักงานประกันสังคม อบรม Safety 10,000 คน และเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้านดอกเบี้ย 0 % จากกรมการจัดหางาน T-OSH Application : ระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตราย จาก สถาบันส่งเสริม ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 6 สาขาอาชีพ จากสำนักงาน ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นต้น

‘ต้มยำกุ้งหม้อไฟ’ สุดยอดเมนูคลายหนาว ขายดีในยูนนาน แถมชาวจีนที่เคยทาน เริ่มหัด ‘ทำกินเองที่บ้าน’ แล้วด้วย

(21 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, คุนหมิง ห้วงยามฤดูหนาวที่อากาศเย็นเยือก ‘ฟ่าน จื้อเหวิน’ เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้ออกเมนู ‘ต้มยำกุ้งหม้อไฟ’ ที่มีเครื่องต้มยำกุ้งของไทยเป็นส่วนประกอบหลัก เสิร์ฟพร้อมเนื้อสัตว์ อาหารทะเล และผักสด กลายเป็นที่โปรดปรานของลูกค้าจำนวนไม่น้อย

‘ฟ่าน’ วัย 35 ปี เผยว่า ต้มยำกุ้งถือเป็นเมนูยอดนิยมที่สั่งกันทุกโต๊ะ ส่วนต้มยำกุ้งหม้อไฟเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีลูกค้าสั่งกันเยอะในฤดูหนาว โดยร้านอาหารกลุ่มชาติพันธุ์ไต-อาหารไทยของเขา มักออกสารพัดเมนูตามฤดูและเทศกาล เช่น ฤดูร้อนมีเมนูรสชาติเผ็ดเปรี้ยว ฤดูหนาวมีเมนูหม้อไฟ และมีเมนูพิเศษต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ด้วย

ทั้งนี้ ฟ่านผู้เริ่มต้นทำธุรกิจร้านอาหารไทยมาตั้งแต่ปี 2015 มองว่า ชาวอวิ๋นหนานชื่นชอบต้มยำกุ้งหม้อไฟกันไม่น้อย หลายคนหาซื้อวัตถุดิบกลับไปทำกินเองที่บ้าน ทำให้เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้สำหรับร้านอาหารไทยในคุนหมิง

เมนูต้มยำกุ้งหม้อไฟที่มีน้ำซุปอุ่นร้อนให้ซดนั้น เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอีกในช่วงอากาศหนาวเย็นจัด โดยข้อมูลจากเหม่ยถวน (Meituan) และเตี่ยนผิง (Dianping) พบว่าช่วงวันที่ 1-13 ธ.ค. ร้านอาหารในอวิ๋นหนานออกเมนู ‘ต้มยำกุ้งหม้อไฟ’ หรือ ‘หม้อไฟไทย’ เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบปีต่อปี และยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 74

ขณะที่การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมระหว่างจีน-ไทย ที่พัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แปรเปลี่ยนแนวทางรับประทานอาหารไทยของผู้บริโภคชาวจีนจาก ‘หากินที่ร้าน’ เป็น ‘ทำกินเองที่บ้าน’

ข้อมูลจากเหม่ยถวน ระบุว่า ปริมาณการค้นหาคำว่า “หม้อไฟไทย” และ “ต้มยำกุ้งหม้อไฟ” บนแอปพลิเคชันสั่งอาหารในอวิ๋นหนานเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เข้าสู่เดือนธันวาคม โดยการค้นหาคำว่า “หม้อไฟไทย” เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 ส่วนคำว่า “ต้มยำกุ้งหม้อไฟ” เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 912.7

ด้านจำนวนร้านอาหารที่มีเมนูหม้อไฟไทยบนแพลตฟอร์มของเหม่ยถวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 ยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 170.4 และยอดการซื้อขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.6

'เทย์เลอร์ สวิฟต์' อาจครองแชมป์คนดัง ที่ปล่อย CO2 มากสุดในโลก 2 ปีซ้อน

(22 ธ.ค.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ ศิลปินสาวชื่อดังก้องโลก อาจรั้งที่ 1 ถึง 2 ปีซ้อนคนดังปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ มากที่สุดในโลก จากการขึ้นเจ็ทส่วนตัว หลังจากที่สื่อนอกรายงานว่าที่ผ่านมานั้นเธอบินไปหาแฟนหนุ่มดีกรีนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลอย่าง'ทราวิส เคลซี' จากทีม Kansus City Chiefs ถึง 12 ครั้งในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา

สื่อนอกรายงานว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนของนักร้องดังแห่งยุคอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ เกิดขึ้นจากการที่เธอนั้นได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวเพื่อนบินไปเชียร์แฟนหนุ่มนักกีฬาแบบติดขอบสนามทั้งหมด 12 ครั้ง ในช่วงเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น

สำหรับ เทย์เลอร์ นั้น เธอได้ครอบครองเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวถึง 2 ลำ คือ Dassault Falcon 7x จดทะเบียนในชื่อ N621MM ภายใต้บริษัทIsland Jet Inc. และ Dassault Falcon 900 จดทะเบียนในชื่อ N898TS ภายใต้บริษัท SATA LLFC การเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของเทย์เลอร์ ผลาญเชื้อเพลิงไปแล้วประมาณ 12,622 แกลลอน ตีเป็นเงิน 70,779 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,471,602 บาท 

โดยข้อมูลจาก Jets รายงานว่า นักร้องสาวชื่อดังได้ปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนถึง 138 ตัน หากตัวเธอนั้นต้องการที่จะชดเชยปริมาณก๊าซคาร์บอนที่เธอปล่อยออกไปจากการนั่งเจ็ทส่วนตัว เธอจะต้องปลูกต้นไม้ถึง 2,282 ต้น และต้องรอให้ต้นไม้เหล่านั้นเติบโตระยะเวลาถึง 10 ปีถึงจะชดเชยได้

ทั้งนี้ เมื่อย้อนกลับไปปีที่ผ่านมานั้น เทย์เลอร์ สวิฟต์ ขึ้นแท่นอันดับ 1 คนดังที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุดในโลกอยู่ที่ประมาณ 8,293 ตัน แซงหน้า'ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์'ที่ตามมาติดๆ ถึงประมาณ 7,076 ตัน จากการนั่งเครื่อบินเจ็ทส่วนตัวเช่นกัน ซึ่งข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนนั้นเมื่อเทียบง่ายๆ จะมีปริมาณเทียบเท่ากับการใช้พลังงานไฟฟ้าของบ้านเรือนประมาณ 26 หลังในรอบ 1 ปี

อย่างไรก็ตาม ทางด้านเทย์เลอร์ สวิฟต์ เอง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเธอได้ส่งโฆษกส่วนตัว ออกมาเทคแอคชันถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งทางโฆษกส่วนตัวของเธอระบุว่า กำลังเร่งดำเนินการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากเครื่องบินส่วนตัวให้ได้มากที่สุด ด้วยการเดินทางให้น้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า ก่อนที่คอนเสิร์ต Eras Tour 2023 จะเริ่มต้นขึ้น เทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้ควักกระเป๋าซื้อคาร์บอนเครดิตมากกว่าปกติถึง 2 เท่า เพื่อชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซ Co2 ระหว่างที่เธอได้ทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้อีกด้วย

‘ยุทธการใต้พิภพ’ ปฏิบัติการลับทางทหาร ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ ต้องร่วมมือกับ ‘มาเฟีย’ เพื่อต่อกรกับฝ่ายอักษะ

‘ยุทธการใต้พิภพ’ (Operation Underworld)
เมื่อกองทัพสหรัฐฯ ต้องร่วมมือกับมาเฟียในการทำสงคราม

‘ยุทธการใต้พิภพ’ (Operation Underworld) เป็นชื่อรหัสลับของปฏิบัติการทางทหาร โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ร่วมมือกับกลุ่มมาเฟีย (อิตาเลียน-อเมริกัน) และกลุ่มอาชญากรชาวยิว ตั้งแต่ปี 1942 – 1945 ปฏิบัติการนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบโต้สายลับและนักก่อวินาศกรรมของฝ่ายอักษะ ที่ปฏิบัติการตามท่าเรือชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา เพื่อหลีกเลี่ยงการนัดหยุดงานของสหภาพแรงงานในภาวะสงคราม และเพื่อจำกัดการขโมยเสบียงและอุปกรณ์สงครามที่สำคัญโดยกลุ่มพ่อค้าในตลาดมืด

ความสงสัยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการก่อวินาศกรรมของกลุ่มมาเฟีย นำไปสู่ปฏิบัติการ ‘Underworld’ ด้วยในช่วง 3 เดือนแรกหลังการโจมตีของญี่ปุ่นที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 สหรัฐฯ ต้องสูญเสียเรือสินค้า 120 ลำ จากเรือดำน้ำและเรือผิวน้ำของเยอรมันในสมรภูมิทางทะเล ในมหาสมุทรแอตแลนติก

ต่อมา ในช่วงบ่ายของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1942 เรือเดินสมุทร ‘SS Normandie’ ซึ่งเป็นเรือเดินสมุทรของ ‘ฝรั่งเศส’ ที่ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรยึดได้และดัดแปลงเป็นเรือลำเลียงทหารอเมริกัน ซึ่งถูกระบุว่า มีการวินาศกรรมและจมลงด้วยการลอบวางเพลิงในท่าเรือนิวยอร์ก โดย Albert ‘Mad Hatter’ Anastasia หัวหน้ามาเฟีย เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบต่อการก่อวินาศกรรมครั้งนี้

สภาพของเรือเดินสมุทร ‘SS Normandie’ หลังจากไฟไหม้และจมลง

รัฐบาลสหรัฐฯ ออกข่าวว่า การสูญเสียเรือเดินสมุทร SS Normandie เป็นอุบัติเหตุ และไม่มีหลักฐานใดที่เชื่อมโยงสายลับฝ่ายอักษะกับการสูญเสียเรือเดินสมุทร SS Normandie บันทึกของฝ่ายอักษะหลังสงครามอ้างว่า “ไม่เคยมีปฏิบัติการก่อวินาศกรรมเรือเดินสมุทร SS Normandie เกิดขึ้น และฝ่ายสัมพันธมิตรเองก็ไม่เคยมีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า มีการก่อวินาศกรรมเรือเดินสมุทร SS Normandie ในปี 1954” รายงานการติดต่อระหว่างหน่วยข่าวกรองกองทัพเรือสหรัฐฯ และกลุ่มมาเฟียนิวยอร์ก โดย ‘William B. Herlands’ ก็ไม่ได้กล่าวถึงบทบาทของ Anastasia ในการก่อวินาศกรรมครั้งนั้นแต่อย่างใด

ตลาดปลา Fulton นครนิวยอร์ก ในปี 1936

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ หรือการหยุดชะงักของการทำงานในพื้นที่ท่าเรือ ทำให้นาวาเอก ‘Charles R. Haffenden’ จากสำนักงานข่าวกรองของกองทัพเรือสหรัฐฯ (ONI) เขตกองทัพเรือที่ 3 ในมหานครนิวยอร์ก ต้องจัดตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ เขาจึงได้ขอความช่วยเหลือจาก ‘Joseph Lanza’ ผู้ดูแลตลาดปลา Fulton เพื่อขอรับข่าวกรองต่างๆ เกี่ยวกับบริเวณพื้นที่ท่าเรือนิวยอร์ก เพราะ Lanza ต้องการควบคุมสหภาพแรงงาน และสามารถระบุการดำเนินการเติมเชื้อเพลิงรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการแอบสนับสนุนเรือดำน้ำเยอรมันด้วยความช่วยเหลือจากอุตสาหกรรมประมงตามแนวชายฝั่งแอตแลนติก

‘Meyer Lansky’

เพื่อให้ครอบคลุมกิจกรรมของ Lanza นาวาเอก Haffenden ยังได้เข้าไปพบ ‘Meyer Lansky’ เจ้าของฉายา ‘Mob's Accountant’ หนึ่งในแกนนำของกลุ่ม ‘Jewish Mob’ กลุ่มอาชญากรอเมริกันเชื้อสายยิวของนครนิวยอร์ก ซึ่งก่อนหน้านี้ Lansky เป็นผู้นำการต่อต้านกระทั่งเกิดการปะทะจนสามารถสลายการชุมนุมของ ‘สมาพันธ์เยอรมัน-อเมริกัน’ (German American Bund) ที่สนับสนุนนาซีได้สำเร็จ ซึ่งรวมถึงการชุมนุมครั้งหนึ่งในย่าน Yorkville ถิ่นที่อยู่ของชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมันในเขตแมนฮัตตัน ที่เขาดำเนินการก่อกวนด้วยตัวเอง ร่วมกับผู้ร่วมอุดมการณ์อีก 14 คน

นาวาเอก Haffenden ขอความช่วยเหลือจาก Lansky ในการเข้าถึงตัว ‘Charles ‘Lucky’ Luciano’ แกนนำกลุ่มมาเฟียคนสำคัญ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Lansky อีกด้วย โดย ‘Lucky’ Luciano ถูกพิจารณาและตัดสินลงโทษในปี 1936 ในข้อหาบังคับหญิงให้ค้าประเวณีและจัดให้มีการค้าประเวณี หลังจากที่ ‘Thomas E. Dewey’ อัยการเขตได้ติดตามและสอบสวนคดีของ Luciano มาหลายปี ทำให้ Luciano ต้องได้รับโทษจำคุก 30 – 50 ปี ในเรือนจำที่เมือง Dannemora

‘Lucky’ Luciano ตกลงที่จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยความหวังว่า จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำก่อนกำหนด นอกจาก Lansky และพวกแก๊งชาวยิวที่ต้องการแก้แค้นการกดขี่ชาวยิวของนาซีแล้ว ‘Lucky’ Luciano และกลุ่มมาเฟียยังต้องการแก้แค้น ‘Benito Mussolini’ และระบอบฟาสซิสต์ในอิตาลี หลังจากที่ Mussolini สั่งการให้ ‘Cesare Mori’ ผู้ว่าการเมืองปาแลร์โม กำจัดกลุ่มมาเฟียซิซิลีให้สิ้นซาก ภายในปี 1928 พวกฟาสซิสต์ได้จับกุมสมาชิกกลุ่มมาเฟียที่ต้องสงสัยได้กว่า 11,000 คน และขับไล่กลุ่มมาเฟียให้ออกจากซิซิลีอีกเป็นจำนวนมาก รวมถึง ‘Joseph Bonnano’ และ ‘Carlo Gambino’ 2 นายใหญ่ของ 5 ตระกูลมาเฟียด้วย

‘ปฏิบัติการ Husky’ (Operation Husky) ยกพลขึ้นบกซิซิลีของกองกำลังพันธมิตร ในปี 1943

‘Lucky’ Luciano มีส่วนช่วยใน ‘ปฏิบัติการ Husky’ (Operation Husky) การยกพลขึ้นบกซิซิลีของกองกำลังพันธมิตร ในคืนวันที่ 9 กรกฎาคม 1943 โดยกลุ่มมาเฟียซิซิลีได้มีการจัดทำแผนที่ท่าเรือของเกาะ ภาพถ่ายแนวชายฝั่ง และรายชื่อของผู้ติดต่อที่เชื่อถือได้ ภายในกลุ่มมาเฟียซิซิลี ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่ต้องการจะเห็น Mussolini ถูกโค่นล้ม ‘Lucky’ Luciano จึงสั่งให้ ‘Calogero Vizzini’ ช่วยเหลือฝ่ายสัมพันธมิตรในการบุกอิตาลีอย่างเต็มที่

Calogero Vizzini จึงกลายเป็นตัวหลักในประวัติศาสตร์ของการสนับสนุนมาเฟียโดยตรงต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ระหว่างปฏิบัติการ Husky นั้น Vizzini ใช้เวลา 6 วันบนรถถังอเมริกัน เพื่อนำทางกองกำลังพันธมิตรผ่านภูเขา และสั่งการให้บรรดากลุ่มมาเฟียซิซิลีของเขาจัดการกำจัดสไนเปอร์ทหารอิตาลีบนภูเขา เพียง 2 สัปดาห์หลังจากปฏิบัติการ Husky เริ่มขึ้น Mussolini ก็ถูกขับออกจากตำแหน่งในวันที่ 25 กรกฎาคม 1943

Charles ‘Lucky’ Luciano ถูกเนรเทศกลับไปยังอิตาลี

และสำหรับความร่วมมือของ ‘Lucky’ Luciano เขาถูกย้ายไปที่เรือนจำ Great Meadow ที่สะดวกและสะดวกสบายมากขึ้น ในเดือนพฤษภาคม 1942 แม้ว่าอิทธิพลของ ‘Lucky’ Luciano ในการหยุดการก่อวินาศกรรมยังไม่มีความชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ของ ONI สังเกตว่า การนัดหยุดงานที่ท่าเทียบเรือหยุดลงหลังจากที่ ‘Moses Polakoff’ ทนายความของ ‘Lucky’ Luciano ได้ติดต่อกับบุคคลลึกลับบางคนที่เชื่อว่า มีอิทธิพลเหนือสหภาพแรงงาน

แม้ว่า Charles ‘Lucky’ Luciano และเหล่ามาเฟียให้การสนับสนุนกองทัพสหรัฐฯ แต่ผลการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ กลับทำให้นักประวัติศาสตร์บางส่วนต้องละทิ้งตำนานบทบาทของ ‘Lucky’ Luciano ในการบุกซิซิลี ตามที่นักประวัติศาสตร์ ‘Salvatore Lupo’ สรุปว่า…

“เรื่องราวเกี่ยวกับมาเฟียที่สนับสนุนกองทัพสัมพันธมิตรในการรุกรานซิซิลี เป็นเพียงตำนานที่ไม่มีรากฐานใด ๆ ในทางตรงกันข้ามมีเอกสารของอังกฤษและอเมริกา เกี่ยวกับการเตรียมการบุกที่สามารถหักล้างการคาดเดานี้ ด้วยอำนาจทางการทหารของกองทัพสัมพันธมิตร ที่มากจนไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการดังกล่าว” นั้นก็เพราะว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ทำการเผาทำลายหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความร่วมมือกับกลุ่มอาชญากรทันที

และในวันเดียวกับวันที่สงครามยุติลง Charles ‘Lucky’ Luciano ได้ยื่นขอผ่อนผันโทษต่อรัฐบาลสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากความร่วมมือของเขากับกองทัพเรือสหรัฐฯ และคำขอของเขาได้รับอนุมัติ และในวันที่ 9 มกราคม 1946 อาชญากรวัยชราคนนี้ ก็ได้รับการปล่อยตัวและถูกเนรเทศออกสหรัฐฯ กลับไปยังอิตาลี และเสียชีวิตลงในปี 1962 ที่เมืองเนเปิลส์

เรื่อง : ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล
ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ

‘มังกรฟ้า’ แจ้งยุติให้บริการ ‘ซื้อ-ขาย’ ลอตเตอรี่ออนไลน์ ดีเดย์งวดสุดท้าย 30 ธ.ค.นี้ แย้ม!! ฝากติดตามโปรเจกต์ต่อไป

(22 ธ.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘มังกรฟ้า’ ออกหนังสือประกาศ ยุติการให้บริการ ‘ระบบซื้อ-ขายลอตเตอรี่ออนไลน์’ โดยจะเปิดให้บริการในส่วนของระบบซื้อ-ขายลอตเตอรี่ออนไลน์งวดวันที่ 30 ธันวาคม 2566 เป็นงวดสุดท้าย โดยระบุว่า…

“เรียน ผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มมังกรฟ้าลอตเตอรี่ออนไลน์ทุกท่าน

เรื่อง ประกาศยุติการให้บริการระบบซื้อ-ขายลอตเตอรี่ออนไลน์

เนื่องในวันสิ้นปีนี้ มังกรฟ้าขอถือโอกาสประกาศแจ้งให้ทุกท่านที่คอยสนับสนุนกันเสมอมา ให้ทราบโดยทั่วกัน ว่า ในระยะเวลาเส้นทาง 3 ปีที่ผ่านมา กับโปรเจกต์การเริ่มนำความสุขจากสลากกินแบ่งรัฐบาลมาสู่โลกออนไลน์ ให้เข้าถึงทุกคนได้ง่ายขึ้นตามยุคดิจิทัล จนเกิดคำว่า ‘ลอตเตอรี่ออนไลน์’ ที่ทุกคนรู้จักอย่างทั่วถึงในทุกวันนี้ มังกรฟ้าได้เริ่มสร้าง สอนการเรียนรู้ให้ผู้ใช้งาน และพัฒนามาอย่างเต็มที่ จนลอตเตอรี่ออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงวงการสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยมาแล้ว

จนกระทั่งวันนี้ มังกรฟ้าขอประกาศแจ้งว่า ถึงเวลาแล้วที่มังกรฟ้าจะปิดระบบซื้อ-ขายลอตเตอรี่ออนไลน์ และส่งต่อการพัฒนาต่างๆ ในสินค้าที่เป็นของรัฐบาล ให้ดำเนินการโดยรัฐบาล และถูกควบคุมโดยรัฐบาลอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างแท้จริง ที่จะได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างสะดวก ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ ในราคาที่ควรจะเป็นมาอย่างช้านาน โดยจะเปิดให้บริการในส่วนของระบบซื้อ-ขายลอตเตอรี่ออนไลน์ งวด 30 ธันวาคม 2566 เป็นงวดสุดท้าย

หลังจากนี้ มังกรฟ้าจะมุ่งหน้าสร้างสรรค์และพัฒนาความหวัง ความสุข ความสนุก ผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสังคม และสร้างรายได้ให้ผู้คนอีกมากมาย มังกรฟ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางอยู่ในเส้นทางตำนานโปรเจกต์ ‘ลอตเตอรี่ออนไลน์’ ของมังกรฟ้า ส่วนเส้นทางแห่งความหวังและความสุขในโปรเจกต์ต่อไปของมังกรฟ้าจะเป็นอะไรนั้น จะประกาศแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันเร็วๆ นี้ ขอให้ทุกท่านโปรดติดตามด้วยนะครับ

ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้ปีใหม่ปี 2567 นี้ นำพาความหวังใหม่ โอกาสใหม่ และความสำเร็จมาให้แก่ทุกท่านด้วยเทอญ

ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2566
(นายพชรล์ เมสสิยาห์พร)
กรรมการบริษัท มังกรฟ้า ลอตเตอรี่ จำกัด”

ไชยาให้คำมั่นพาเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูอีสานฝ่าวิกฤติหมูเถื่อน

ไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาการเลี้ยงหมูหรือสุกร ปัญหาการลักลอบนำหมูเถื่อนเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ และแนะแนวทางแก้ไขต้นทุนการเลี้ยงสุกรในปัจจุบันและในอนาคต

วันที่ 22 ธันวาคม 2566 ที่ห้องประชุมโรงแรมเพชรรัตน์การ์เดนท์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่รับฟังปัญหาการเลี้ยงสุกร ของเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน โดยมีนายไพโรจน์ จิตจักร ปลัดจ.ร้อยเอ็ด นายเดือนเพ็ญ ยิ้มแย้ม ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคอีสาน และเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูร่วมงาน และร่วมเสนอปัญหา ที่กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร กำลังประสบ โดยเฉพาะเนื้อหมูเถื่อนตีตลาด แย่งลูกค้า และต้นทุนการผลิตด้านอาหารสุกร ที่สูงขึ้น

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ นับตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ได้ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกวาดล้าง จับกุมเนื้อหมูเถื่อนทั่วประเทศ หลายแห่ง หลายราย ควบคู่กับการหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยตลอดมา

นายไชยากล่าวอีกว่า ปัญหาเนื้อหมูเถื่อน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศพัง เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อย ต้องแบกรับปัญหานานัปการ ทั้งนี้  รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาทั้งระยะสั้น และระยะยาวต่อไป โดยหาเงินชดเชย และด้านการผลิตอาหารสุกรต้นทุนต่ำ มีคุณภาพ ยืนยันว่าจะนำพาเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อยภาคอีสานและทั่วประเทศ เดินหน้าแก้ไขปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเร็ว ๆ นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top