Monday, 30 June 2025
NewsFeed

‘ศธ.’ ประกาศผลการคัดเลือกเด็กและเยาวชนดีเด่น ที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2567

(22 ธ.ค. 66) กระทรวงศึกษาธิการได้เปิดเผยว่า…ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการ พิจารณาคัดเลือกเด็กและเยาวชนดีเด่น เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2567 ตามโครงการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 นั้น 

บัดนี้ ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ได้พิจารณาคัดเลือกเด็กและเยาวชนดีเด่น เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2567 เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จึงประกาศ รายชื่อเด็กและเยาวชนดีเด่น เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2567 ที่ได้รับ การคัดเลือกให้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เนื่องในงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ https://www.moe.go.th/เด็กและเยาวชน2567/

และสำหรับเด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกตามประกาศฯ จะได้รับการเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 10 มกราคม 2567 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกตอบรับการเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี โดยเข้าร่วมทาง Openchat ผ่าน QR - Code Line ภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2566

สื่อสหรัฐฯ เผย ‘สี จิ้นผิง’ บอก ‘ไบเดน’ ปักกิ่งจะรวมไต้หวันเข้ากับจีนแน่นอน ไม่สนการแทรกแซงจากภายนอก และพวกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไม่กี่คน

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 66 สำนักข่าว NBC News ของสหรัฐฯ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งระบุว่า ประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ของจีน ได้กล่าวต่อหน้าประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ แห่งสหรัฐฯ อย่างตรงไปตรงมาระหว่างการประชุมซัมมิตที่ซานฟรานซิสโก ว่า ปักกิ่งจะรวมไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่แน่นอน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำเมื่อไหร่

สี จิ้นผิง ยังกล่าวในที่ประชุมหารือซึ่งมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐฯ และจีนนั่งอยู่ด้วยกว่า 10 คน ว่า รัฐบาลจีนต้องการที่จะรวมชาติกับไต้หวัน ‘ด้วยสันติวิธี’ มากกว่าใช้กำลัง

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คน และอดีตเจ้าหน้าที่อีก 1 คน ซึ่งได้รับทราบเนื้อหาของการประชุม ยังบอกด้วยว่า สี จิ้นผิง อ้างถึงเรื่องที่นายพลระดับสูงของอเมริกาบางคนออกมาทำนาย ว่าเขามีแผนจะยึดไต้หวันภายในปี 2025 หรือ 2027 โดยเขายืนยันกับไบเดนว่า คนเหล่านั้นคาดการณ์ ‘ผิด’ เพราะเขายังไม่เคยกำหนดกรอบเวลาเรื่องนี้มาก่อน

แหล่งข่าวเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่จีนยังร้องขอก่อนการประชุมให้ ไบเดน ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชนภายหลังการประชุมว่า “สหรัฐฯ สนับสนุนเป้าหมายของจีน ในการรวมชาติกับไต้หวันอย่างสันติ และไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน” ทว่าทำเนียบขาวปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้

โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานนี้

คำเตือนที่ สี จิ้นผิง กล่าวกับ ไบเดน เป็นการส่วนตัวนั้น แม้จะไม่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้นำจีนเคยพูดต่อสาธารณชนมาแล้วหลายครั้ง เรื่องการรวมชาติกับไต้หวัน แต่ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เห็นว่าไม่ธรรมดา เพราะมีขึ้นในช่วงที่จีนหันมาใช้นโยบายก้าวร้าวกับไทเปมากขึ้น อีกทั้งไต้หวันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน ม.ค. ปี 2024 ด้วย

หลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่ออกมาในช่วงแรกๆ ‘สว.ลินด์เซย์ เกรแฮม’ จากพรรครีพับลิกัน ถึงขั้นออกคำแถลงเรียกร้องให้สมาชิกพรรครีพับลิกัน และเดโมแครตร่วมมือกันป้องปรามจีน

“เรื่องที่รายงานนี้มันยิ่งกว่าน่ากังวล” เกรแฮม กล่าว “ผมจะร่วมมือกับ สว.ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตเพื่อทำ 2 เรื่องให้เร็วที่สุด หนึ่งคือมอบการสนับสนุนด้านความมั่นคงให้ไต้หวัน และสองคือจัดทำร่างมาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษจีน หากพวกเขาเริ่มลงมือยึดเกาะไต้หวัน”

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งทราบรายละเอียดการหารือระบุว่า คำพูดของ สี จิ้นผิง แม้ตรงไปตรงมาก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นไปในเชิงยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ

“สำนวนภาษาของเขาไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เคยพูดมาแล้ว เขาจริงจังเรื่องไต้หวันเสมอ และมีจุดยืนแข็งกร้าวเรื่องนี้มาโดยตลอด” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งบอก

ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อปีที่แล้ว สี จิ้นผิง ประกาศชัดเจนว่าจีนจะส่งทหารบุกไต้หวัน หากไทเปกล้าประกาศเอกราชโดยมีต่างชาติให้การสนับสนุน พร้อมย้ำว่าคำขู่ใช้กำลังของจีนนั้นมุ่งป้องปราม “การแทรกแซงจากขั้วอำนาจภายนอก และพวกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไม่กี่คน” ที่ต้องการให้ไต้หวันเป็นประเทศอิสระ
 

‘ททท.’ ชู!! บิ๊กอีเวนต์ ‘เคาต์ดาวน์’ กระตุ้นท่องเที่ยว-ศก.ส่งท้ายปี 66 มุ่งดัน ‘ไทย’ สู่แลนด์มาร์กเคาต์ดาวน์โลก คาดเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นลบ.

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 66 นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดงาน ‘Amazing Thailand Countdown 2024’ ประเทศไทย ถือเป็นบิ๊กอีเวนต์สำคัญภายใต้โครงการ ‘Thailand Winter Festivals’ ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มแรงส่งกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2566

ทั้งสอดคล้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กรุงเทพมหานคร เป็นแลนด์มาร์กและ ‘Global Countdown Destination’ จุดเคาต์ดาวน์ระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องนึกถึงและมาเยือนอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า การจัดงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จะสร้างรายได้หมุนเวียนรวม 5.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565

“ททท.เชื่อมั่นว่า การจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยว ช่วยขยายเวลาการท่องเที่ยวในช่วงกลางคืน และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่องในพื้นที่ของการจัดกิจกรรม เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และผู้ให้บริการล่องเรือรับประทานอาหาร” นายอภิชัย กล่าว

นายอภิชัย กล่าวว่า ททท.ได้ร่วมจัดกิจกรรมใน จ.นครราชสีมา และสนับสนุนงาน ‘Amazing Thailand Countdown 2024’ ประเทศไทย กิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 ที่ ททท.ดำเนินการจัดกิจกรรมและร่วมจัดกิจกรรม แต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์และกิจกรรมในการจัดงานที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1.) งาน ‘Amazing Thailand Countdown 2024 วิจิตร อรุณ’ จัดงานวันที่ 31 ธันวาคม 2566-1 มกราคม 2567 พื้นที่จัดงาน สวนนาคราภิรมย์ กรุงเทพมหานคร ถือเป็นไฮไลต์ของกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม 2566 ต่อเนื่องจากงาน VIJIT CHAO PHRAYA 2023

และ 2.) งาน ‘Korat Winter Festival & Countdown 2024’ จัดงานวันที่ 22 ธันวาคม 2566-2 มกราคม 2567 พื้นที่จัดงาน บริเวณสนามหน้าศาลากลาง จ.นครราชสีมา ครบรอบ 555 ปี ในรูปแบบ ‘งานมหกรรมสวนสนุกนานาชาติ’ ภายในงานพบกับสวนสนุกขนาดใหญ่ เสิร์ฟความสุขต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2566-14 มกราคม 2567

เช็กลิสต์ 9 วัดดัง ที่สายไหว้พระขอพรห้ามพลาด ช่วยเสริมความมงคล อิ่มบุญต้อนรับปีใหม่ 2567

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาล ‘ปีใหม่ 2567’ ที่หลายคนรอคอย หนึ่งในกิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่นิยมทำคงหนีไม่พ้น ‘การเดินสายไหว้พระ อิ่มบุญต้อนรับปีใหม่’ วันนี้จึงได้รวบรวมพิกัดวัดดัง 9 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้อ่านได้เตรียมตัวไปไหว้เสริมความมงคลกัน

>>วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) จ.กรุงเทพฯ

วัดเก่าแก่ชื่อดังอันเป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้คนนิยมเดินทางมาสักการะขอพรพระ ‘แก้วมรกต’ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ซึ่งนอกจากจะได้ความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังสามารถเดินชมความงดงามของวัดพระแก้วได้อีกด้วย พิกัด https://maps.app.goo.gl/xaMWjZdKSS4W5H1U7

>>วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) จ.กรุงเทพฯ

วัดประจำรัชกาลที่ 1 มีสถาปัตยกรรมและประติมากรรมโดดเด่นมากมาย ที่สำคัญยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยักษ์ พระพุทธปฏิมากรสำคัญของไทย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพร

นอกจากนี้ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามยังเป็นหนึ่งใน 10 วัดที่เข้าร่วมกิจกรรม ‘อารามอร่าม 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ’ เปิดให้เยี่ยมชมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และชมความงดงามของวิหารที่ประดับด้วยไฟ แสง สีจัดเต็ม พิกัด https://maps.app.goo.gl/MXMPqfrrZMtcPtDX7

>>วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม

วัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอัมพวา ถือเป็นวัดดังที่มีพุทธศาสนิกชนที่หลั่งไหลกันมาไหว้พระขอพรรับปีใหม่กันเนืองแน่น ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของทางวัดที่ได้รับแรงศรัทธาอย่างล้นหลามคือ ‘องค์ท้าวเวสสุวรรณ’ พิกัด https://maps.app.goo.gl/A5UgAN78sDWXTu8X8

>>วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา

วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือที่เรียกทั่วไปว่า ‘วัดหลวงพ่อโสธร’ วัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแปดริ้วและประชาชนทั่วไป นอกจากจะไหว้เพื่อความมงคลแล้ว ยังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องขอการขอพรสมปรารถนาด้วย พิกัด https://maps.app.goo.gl/Ky9D5A9ub5zoo16k7

>>วัดบางจาก จ.นนทบุรี

วัดมอญศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ของจังหวัดนนทบุรี ประชาชนมักไหว้สักการะหลวงพ่อหนุนดวง-ค้ำดวง และพระพุทธรูปหลวงพ่อโต หรือสมเด็จพระพุทธมงคลชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตักกว้าง 19 เมตร อีกทั้งยังมี ‘รูปปั้นไอ้ไข่’ ให้ผู้คนที่นับถือเดินทางมากราบไหว้ พิกัด https://maps.app.goo.gl/jBb9CJWwMq7K8phd8

>>วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา

วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งถือเป็นวัดยอดนิยมที่มักถูกจัดอยู่ในโปรแกรมเดินสายไหว้พระในจังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ชัยมงคล สัญลักษณ์ชัยชนะแห่งยุทธหัตถีขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ สายบุญห้ามพลาด พิกัด https://maps.app.goo.gl/nCpECZNhwGTQoFGz5

>>วัดพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง

วัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีสถาปัตยกรรมล้านนาที่หาชมได้ยาก อีกทั้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู และเป็นที่ประดิษฐาน ‘พระแก้วดอนเต้า’ (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง พิกัด https://maps.app.goo.gl/bD4AovJXzoHvjWL28

>>วัดป่าเขาน้อย จ.บุรีรัมย์

วัดป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บรรยากาศสงบร่มรื่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ยังมี ‘พระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจคุณานุสรณ์’ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับปราสาทหินในสมัยขอม ภายในเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ปฏิบัติภาวนาและมีส่วนที่แสดงภาพประวัติของหลวงปู่สุวัจน์ ชั้นสองเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนและเก็บอัฐบริขารของหลวงปู่สุวัจน์ ไว้ให้ประชาชนได้สักการะ พิกัด https://maps.app.goo.gl/YYU6tGyfrYMMGLQ8A

>>วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (พระบรมธาตุเมืองนคร) จ.นครศรีธรรมราช

วัดดังแห่งภาคใต้ มีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือ ‘องค์พระบรมธาตุเจดีย์ยอดทองคำ’ ที่บรรจุพระทันตธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนได้สักการะเสริมสร้างความมงคล

นอกจากนี้ ทางวัดยังกำหนดจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี บูชาพระบรมธาตุ ตักบาตรขึ้นปีใหม่ 2567 ขึ้นในระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงวันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 อีกด้วย พิกัด https://maps.app.goo.gl/Akjouna3wURh611UA

'ปตท.' แจง!! หลังโซเชียลแชร์ปม ลูกค้าเติมน้ำมันได้ไม่เต็ม 5 ลิตร ยัน!! อยู่ในเกณฑ์คู่มือการตรวจสอบฯ ปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งได้เผยคลิป เข้าไปเติมน้ำมันดีเซลที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยลูกค้าสังเกตว่าเกจ์วัดน้ำมันไม่ได้ขึ้นตามที่ต้องการ จนทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโลกโซเชียล

ล่าสุด พีพีที สเตชั่น ได้ออกหนังสือชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า ตามที่มีการเผยแพร่คลิปทางโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ระบุว่ามีลูกค้ามาเติมน้ำมันดีเซล จำนวน 1,000 บาท ที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และรู้สึกว่าเกจ์วัดน้ำมันรถขึ้นไม่เป็นปกติ จึงแจ้งขอให้ทางสถานีบริการตรวจสอบนั้น จากการตรวจสอบพบว่า

สถานีบริการที่เกิดเหตุคือ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สระบุรี โดยลูกค้าได้เข้ามาเติม น้ำมันเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา และรู้สึกว่าเกจ์น้ำมันขึ้นไม่เป็นปกติ จึงขอให้ทางสถานีบริการดำเนินการตรวจสอบตามคลิปที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย โดยเมื่อบีบมือจ่าย 5 ลิตร 2 ครั้ง ได้ปริมาตรน้ำมันขาดไปประมาณ 25-30 มิลลิลิตร (หรือ 0.025 - 0.030 ลิตรต่อปริมาณน้ำมันที่ทดสอบ 5 ลิตร) ซึ่งพนักงานหน้าลานได้ชี้แจงว่ายังเป็นไปตามเกณฑ์ ใน ‘คู่มือการตรวจสอบและให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง’ ของสำนักงานชั่งตวงวัด ที่กำหนดให้มี ‘อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด’ หรือค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ได้สูงสุดของมาตรวัดนั้น ๆ ในการตรวจสอบระหว่างใช้งานสำหรับเชื้อเพลิงปริมาณ 5 ลิตรให้มีความคลาดเคลื่อนบวกลบได้ไม่เกิน 50 มิลลิลิตร (หรือ 0.050 ลิตรต่อน้ำมันที่ทดสอบ 5 ลิตร)

พีทีที สเตชั่น ใครขอชี้แจงว่า มาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการน้ำมันทุกแห่งต้องผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองจากสำนักงานชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์ โดยที่ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถปรับแต่งมาตรวัดเองได้ และสถานีบริการน้ำมันจะต้องดำเนินการตรวจวัดปริมาตรน้ำมัน และนำส่งสำนักงานกลางชั่งตวงวัดเป็นประจำทุกเดือน โดยผลการตรวจวัดปริมาตรน้ำมันของ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สระบุรี ล่าสุด ยังคงเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานชั่งตวงวัดกำหนด ทั้งนี้ พีทีที สเตชั่น ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องดังกล่าว

โดยในวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค. 66) จะประสานงานให้สำนักงานชั่งตวงวัดเข้ามาตรวจสอบและยืนยันว่ามาตรวัดของ พีทีที สเตชั่น เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคต่อไป พีทีที สเตชั่น ขอยืนยันว่า เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานให้แก่ผู้บริโภครวมถึงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นไปตามหลักกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานกลอนปีใหม่รับปีงูใหญ่ 2567 ขอความสมบูรณ์พูนสุขเกิดแก่ประชาชาวไทยทุกผู้ทุกนาม

เมื่อไม่นานมานี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพรปีใหม่ 2567 แด่พสกนิกรชาวไทยทุกคนเพื่อเป็นสิริมงคลของชีวิตใหม่ในปี ‘มะโรงงูใหญ่’ 2567 ความว่า

สวัสดีปีใหม่ 2567 ปีมะโรงงูใหญ่

“ปีมะโรงไทยว่าเป็นงูใหญ่ ฉันสงสัยว่าเป็นงูเหลือม งูหลาม
อาจจะเป็นพญานาคน่าครั่นคร้าม เป็นเรื่องตามเทพนิยายที่อ่านมา
คนจีนว่ามะโรงนี้ปีมังกร มีฤทธิอาจบินจรขึ้นเวหา
ขออำนาจนาคมังกรช่วยพารา ให้ฝนฟ้าสมบูรณ์พูนสุขเอย”

จากกลอนพระราชทาน ปีมะโรงงูใหญ่ จะเห็นตามคติความเชื่อของคนไทยคนจีน คำว่า งูใหญ่ อาจหมายรวมถึง พญานาค และ มังกร ที่มีอิทธิฤทธิ์ มีอำนาจ และสามารถดลบันดาลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลยังความสมบูรณ์พูนสุขให้เกิดแก่ประชาชาวไทยทุกผู้ทุกนาม จนมีแต่ความสุข สนุกสนานตลอดปีมะโรงงูใหญ่ พุทธศักราช 2567

นอกจากนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานให้ร้านภูฟ้า อัญเชิญภาพวาดฝีพระหัตถ์ ‘มังกรบิน’ จัดทำผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นของขวัญของฝาก ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 อาทิ กระเป๋า เสื้อผ้า กระบอกน้ำ

ช่อง 5 พลิกโฉมผังใหม่ 67 อัดแน่น ‘ข่าวสาร-สาระ-บันเทิง’ ดึงพันธมิตรคุณภาพร่วมลุย มั่นใจกรุยทางมัดใจคนทุกกลุ่ม

ช่อง 5 เดินหน้าปรับผังรายการใหม่ ปี 2567 ชูรายการข่าวสาร สาระความรู้ ครบครัน พร้อมคัดสรรบันเทิงวาไรตี้เปี่ยมประโยชน์ เพิ่มเติมรายการสร้างสรรค์สังคม รวมทั้งกีฬา เข้าถึงทุกกลุ่มทุกวัย

(22 ธ.ค.66) พลเอก นิรันดร ศรีคชา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พร้อมด้วยผู้บริหาร ผู้ร่วมผลิตรายการ และพันธมิตร ร่วมแถลงผังรายการ 2024 ทีวีสาธารณะเพื่อความมั่นคงแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย นำคุณค่าสู่สังคมไทย โดยผู้ชมสามารถเกาะติดความเคลื่อนไหวข้อมูลข่าวสารได้ตลอดทั้งวันไปพร้อมกับรายการข่าวคุณภาพเนื้อหาครอบคลุมทุกมิติจากทางสถานีตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ด้วยการนำเสนอที่ถูกต้อง รวดเร็ว เป็นกลาง และสร้างสรรค์ เข้าใจ เข้าถึง ทุกสถานการณ์ 

***วันจันทร์ถึงศุกร์…
>> เวลา 05.30-08.00 น. ข่าวเด่นเช้านี้, วงจรกีฬา, เช้านี้ประเทศไทย เตรียมพบรายการใหม่ที่ให้ข่าวสาร บันเทิง และไลฟ์สไตล์ ในทุกแวดวงติดตามไปกับ ‘ประเทศไทยวาไรตี้’ 
>> เวลา 09.00 น. จากนั้นช่วงเที่ยงติดตามได้กับ เที่ยงวัน- ทันข่าว 
>> เวลา 18.00 น. พบกับ ข่าวเด่นทันสถานการณ์ โดยในช่วงเดือนมกราคมปีหน้าเพิ่มเติมด้วยช่วง ‘360 องศา Go Green’ ที่จะทำให้ทันโลกทุกการเปลี่ยนแปลง และติดตามข่าวด่วนทุกเหตุการณ์ใน ‘News Alert’ 

***ส่วนวันหยุดเสาร์และอาทิตย์...
>> 08.00 น. ข่าวเด่นเช้านี้ และทุกวันอาทิตย์ เวลา 21.00 น. ติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ วิเคราะห์และเปรียบเทียบผลกระทบที่มีต่อประเทศไทยในรูปแบบสารคดีเชิงข่าวกับรายการ Connect the world ชิบเชื่อมโลก โดย ชิบ จิตนิยม อัปเดตข่าวรอบสัปดาห์ไปกับ ประเด็นเด่นสุดสัปดาห์ ในเวลา 22.00 น. นอกจากนี้ยังมีรายการเล่าข่าวเช้าวันเสาร์ 07.00 น. เดอะพีเพิลโชว์ และวันอาทิตย์ 20.30 น. เรื่องเล่าข่าวดีกับสายสวรรค์

นอกจากนี้ ช่อง 5 พร้อมส่งเสริมและผลักดัน Soft Power ของไทยให้แพร่หลายผ่านทางรายการต่างๆ ที่นำเสนอเนื้อหาสอดรับกับการเชื่อมโยงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน ทั้งด้านอาหาร, การท่องเที่ยว, ศิลปะ, วัฒนธรรม อาทิ ล่องสราญจานสง่า, ตี๋อ้วนชวนหิว, วาไรตี้ 4 ภาค, บันทึกท่องเที่ยว, วีลเจอร์นี, จอยเดย์ถนนแห่งการเดินทาง, เดอะไดอารี่ มีดีที่เดินทาง 

อีกทั้งยังมีรายการส่งเสริมด้านการเกษตรกับ เกษตรช่อง 5 พัฒนาชุมชน ไม่ตกเทรนด์เรื่องยานยนต์กับรายการ ‘SPEEDTALK’ ดำเนินรายการโดย โบ๊ต บูลย์นันท, ฐานพงษ์ พรรณรังสี, ระพี มาประสพ, บอม วิบูลย์นันท์  ที่จะมาร่วมพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ติดตามชมได้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 10.40 น. 

พร้อมกันนี้ยังมีรายการที่สร้างพลังใจ ได้แก่ คนเปลี่ยนโลก, คนกีฬาต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจ, คนไทยหัวใจไม่ท้อ  ส่วนรายการเพื่อเด็กและเยาวชน ช่วงวันอาทิตย์  07.00 น. โชว์ มี ยัวร์ คิดส์ ต่อด้วย ซุปตาร์คิดส์ติดดาว 

สำหรับคอกีฬา ช่อง 5 พร้อมเอาใจแฟนกีฬามวยไทยหนึ่งในกีฬาที่เป็น Soft Powerของไทย ทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เวลา 20.30 น. รับชมการถ่ายทอดสด “มวยไทย” วันอาทิตย์ 18.00 น. มันส์ไปกับมวยไทยตัวจริงในรายการ ‘ศึกท่อน้ำไทย’ สดตรงจากสนามมวยราชดำเนิน และติดตามการ แข่งขันกีฬาที่กำลังเป็นที่นิยม E-Sport ได้ในช่วงเดือนมีนาคม 2567

นอกจากนี้ติดตามรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ สะท้อนเรื่องราวของสังคม ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 14.55 น. ติดตามได้กับ ‘สนามเป้าบรรเทาทุกข์’ รายการที่จะเป็นสื่อกลาง ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ รับแจ้งเบาะแสปัญหาในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายแก้ไขปัญหา โดย 3 ผู้ดำเนินรายการ ปิยะฉัตร กรุณานนท์, อรอุมา เกษตรพืชผล, ศุภรัตน์ นาคบุญนำ และอีกหลายรายการ อาทิ เดินหน้าปฏิรูป, ที่นี่ชายแดนใต้, เพื่อประชาชน รวมถึงรายการเชิงอัตลักษณ์ในช่วงเวลา 19.30 น. กับ วีอาร์โซลเยอร์ ภารกิจของสุภาพบุรุษนักรบไทย และทุกวันศุกร์ เวลา 21.00 น. คุยดีมีสาระกับรายการแต้มต่อ

อย่างไรก็ตามภายหลังงานแถลงข่าวเปิดตัวผังรายการในครั้งนี้ พลเอก นิรันดรฯ ได้จัดให้มี Business Talk ร่วมพูดคุยกับทุกภาคส่วนที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตรกับทางสถานี ทั้งด้านการผลิตรายการและ การจัดกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดคอนเทนต์หรือกิจกรรมดีๆ ที่เสริมสร้างให้เกิดองค์ความรู้ เกิดการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาสังคม และความมั่นคงในด้านต่างๆ ที่ดีขึ้น นับเป็นมิติใหม่ โปร่งใส เปิดกว้าง และรับฟัง ตามแนวทางการเป็นทีวีสาธารณะเพื่อความมั่นคงแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย 

ติดตามชมรายการที่น่าสนใจและข้อมูลข่าวสารของทาง ช่อง 5 ได้ทุกแพลตฟอร์ม ทางออนแอร์ช่อง 5 กดหมายเลข 5 ทางออนไลน์ TV5HD Online : Facebook, Youtube, X, Instagram, Tiktok และเว็บไซต์ www.thaitv5hd.com

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ กลุ่มไทยสมายล์ มอบเครื่องอุปโภคบริโภคแบ่งปันนักเรียน ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง ร.9

วันที่ 22 ธันวาคม 2566 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) ลงพื้นที่เพื่อบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับโรงเรียนกลุ่มนักข่าวหญิง 2 บ้านบ่อหวี ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้ร่วมมือกับ กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง และอุปกรณ์เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬา  ขนมขบเคี้ยวมามอบให้กับโรงเรียนกลุ่มนักข่าวหญิง 2 อยู่ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้เป็นเครือข่ายคุณธรรมของโรงเรียนในโครงการในกองทุนการศึกษา ปัจจุบันมีนักเรียน 245 คน เนื่องจากโรงเรียนแห่งนี้ได้ทำอาหารเลี้ยงนักเรียนเป็นประจำทุกวันวันละ 2 มื้อ การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้กับโรงเรียนในครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม 2566 ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เป็นประโยชน์ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาอีกด้วย 

สำหรับกลุ่มไทยสมายล์ นอกจากจะร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์มาอย่างต่อเนื่องแล้ว ไทยสมายล์ ยังมีนโยบายองค์กรในการขับเคลื่อนแนวคิด BCG Model โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ รวมทั้งกิจกรรมการลงพื้นที่เพื่อนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้กับโรงเรียนที่จังหวัดราชบุรีในวันนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่เราใส่ใจและทำงานใกล้ชิดกับชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ทางไทยสมายล์บัสได้นำข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 500 ถุง และอุปกรณ์เครื่องเขียน จำนวน 100 ชุด มาร่วมบริจาคให้กับโรงเรียนกลุ่มนักข่าวหญิง 2 บ้านบ่อหวี เพื่อเป็นการแบ่งปันและจุนเจือค่าใช้จ่ายให้กับโรงเรียน และที่สำคัญให้เด็กนักเรียนได้รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ มีสุขอนามัยที่ดี เพราะเด็กเหล่านี้จะเติบโตเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

สลด!! ‘2 พิตบูล’ ลอดรั้วกระโจนขย้ำคุณลุงพิการเสียชีวิต ทั้งซอยผวา ไม่กล้าออกจากบ้าน ชี้!! ไก่ที่เลี้ยงโดนกัดประจำ

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 66 ที่บ้านป่าเหมือดรุ่งเจริญ ซอย 23 หมู่ 5 ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เกิดเหตุสุนัขพันธุ์พิตบูลกัดนายทอง (นามสมมติ) อายุ 64 ปี นอนจมกองเลือด ที่ลำคอทั้ง 2 ข้าง มีแผลเหวอะหวะ เสียชีวิต

โดย นางคำ มูลแก้ว อายุ 73 ปี เป็นคนเห็นเหตุการณ์คนแรก และบ้านยังติดกับบ้านที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์พิตบูล 2 ตัว เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนอยู่ในบ้าน เห็นนายทอง (ผู้เสียชีวิต) เดินถือไม้เท้าทั้ง 2 ข้าง เดินออกจากซอย เนื่องจากนายทองพิการขาขวา จึงต้องใช้ไม้เท้า ระหว่างที่นายทองเดินผ่านหน้าบ้านที่เลี้ยงพิตบูล สุนัขทั้ง 2 ตัว ลอดออกจากประตูรั้วหน้าบ้าน พุ่งกระโจนฟัดนายทองอย่างบ้าคลั่ง เข้ากัดต้นคอนายทอง จนเนื้อคอหลุดเป็นแผลเหวอะหวะเปิดกว้างทั้ง 2 ข้าง จึงตะโกนเรียกเจ้าของสุนัขให้ออกมาช่วยเหลือ ใช้เวลาเกือบประมาณ 3 นาที จึงสามารถเอาสุนัขเก็บเข้ากรงได้

ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เนื่องจากกลัวสุนัขกัด จนเจ้าของนำเข้ากรง จึงช่วยกันนำตัวนายทองส่งโรงพยาบาลแม่สายทันที แต่นายทองเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า บ้านที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์พิตบูลอยู่ปากซอย เวลาที่เจ้าของปล่อย สุนัขมักจะไปกัดไก่ของชาวบ้านเป็นประจำ แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไร เพียงแต่บอกให้เจ้าของคอยดูแลสุนัขให้ดี เนื่องจากเห็นเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่อยากมีปัญหา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็เริ่มผวา ไม่กล้าออกจากซอยหรือเดินผ่านบ้านหลังดังกล่าว

‘อ.พงษ์ภาณุ’ วิเคราะห์!! ปัญหาหนี้สินกับนโยบายการคลัง ชี้!! ยังดีที่รัฐกล้าหยิบปัญหาหนี้ครัวเรือนยกเป็นวาระแห่งชาติ

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'ปัญหาหนี้สินกับนโยบายการคลัง' เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.66 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ปัญหาหนี้สินไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่และไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นปัญหาในทุกประเทศทั่วโลก ทั้งประเทศร่ำรวยและยากจน โดยเฉพาะหลังวิกฤตโควิด 2020-2022 ระดับหนี้รวมทั้งโลกได้กระโดดขึ้นมาอยู่ที่ 350% ของ GDP และเมื่อธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งไทย ปรับดอกเบี้ยขึ้นแบบไม่ลืมหูลืมตา ระหว่างปี 2022-2023 ภาระการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้น จึงกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ ของทั้งภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาล

ต้องขอชื่นชมรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ประกาศให้การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นวาระแห่งชาติ หนี้ครัวเรือน ซึ่งมีจำนวนสูงกว่า 16 ล้านล้านบาท หรือกว่า 90% ของ GDP เป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน และกำลังเป็นตัวฉุดรั้งการเจริญเติบโตของประเทศอย่างแรง หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุดและทันการ อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบสถาบันการเงินอีกด้วย 

ดังนั้น การที่รัฐบาลเข้าไปดูแลหนี้ครัวเรือน ทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบครั้งนี้ จึงมีความเหมาะสม แต่จะต้องทำอย่างรอบคอบและระมัดระวัง มิให้เกิดผลกระทบต่อวัฒนธรรมการชำระหนี้ และเป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินมากจนเกินไป ตลอดจนต้องระวังมิให้กระทบต่อฐานะการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน, ธกส., ธอส. เป็นต้น ที่จะใช้เป็นกลไกหลักในการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ เพราะเมื่อธนาคารเหล่านี้อ่อนแอลงก็จะยังความจำเป็นให้รัฐบาลต้องเติมเงินเพิ่มทุนให้ในอนาคต

ปี 2567 ที่กำลังจะมาถึงนี้จึงถือเป็นปีที่มีความท้าทายต่อนโยบายการคลังค่อนข้างมาก นอกจากภาระจากการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและการเตรียมออกมาตรการ Digital Wallet เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เหตุการณ์หลายอย่างที่กำลังเกิดขึ้นล้วนสร้างแรงกดดันต่อฐานะการคลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาระหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นจากนโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย สังคมสูงอายุก่อให้เกิดรายจ่ายบำเหน็จบำนาญและการรักษาพยาบาลมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ยังความจำเป็นให้รัฐบาลต้องใช้จ่ายเพื่อเยียวยาแก้ไขผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ตลอดจนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้พลังงานทดแทน การใช้จ่ายด้านการทหารก็มีแนวโน้มสูงขึ้นจากความตึงเครียดที่น่าจะมีมากขึ้นในปีหน้า

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันเหมาะสมที่รัฐบาลจะทำการปฏิรูปทางการคลังขนานใหญ่ เพื่อให้ภาคการคลังมีความสมดุลมากขึ้น ไม่เพียงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐเท่านั้น ในด้านรายได้ก็มีความจำเป็นต้องปฏิรูปภาษีอากรทั้งระบบ โครงสร้างภาษีของไทย นับจากการปฏิรูปครั้งใหญ่เมื่อปี 2535 ก็ไม่ได้มีการปรับปรุงอย่างจริงจังอีกเลย จนขณะนี้รายได้รัฐบาลคิดเป็นเพียง 13% ของ GDP และไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของรัฐ และอาจถือได้ว่าระบบภาษีไทยล้าหลังและไม่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพฤติกรรมทางธุรกิจ

ถือเป็นความกล้าหาญชาญชัยของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลกล้าที่จะจัดการปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบเบ็ดเสร็จ กล้าที่จะใช้มาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นจากปากเหว ก็ควรที่จะต้องกล้าที่จะปฏิรูปการคลังให้กลับสู่สมดุลด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top