Saturday, 28 June 2025
NewsFeed

‘บิ๊กป้อม’ แจง ‘สมรักษ์’ ลาออกจาก พปชร.แล้ว ปมปัญหาเรื่องส่วนตัว ย้ำ!! ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค

(12 ธ.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้ามาประชุมพรรค โดยบอกกับสื่อมวลชนว่าสบายดี หลังสื่อสอบถามว่าไม่เห็นหน้ากันนาน สบายดีหรือไม่

เมื่อถามว่าการลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสมรักษ์ คำสิงห์ ได้ออกจากพรรคไปนานแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ลาออกไปแล้ว เมื่อถามย้ำว่าเรื่องปัญหาส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับพรรคแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ 

พิษณุโลก-ประชุมบูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำ ประจำปี 2567 

ณ ห้องประชุม กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก เตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งและเตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนกับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมี หน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 3 , ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ, สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน), กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 1, กรมชลประทาน, กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, และ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมถ์เข้าร่วมหารือแสวงข้อตกลงใจเพื่อหาแนวทางการเตรียมแผนเผชิญเหตุระดับจังหวัดและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนชาวเหนือและลุ่มเจ้าพระยาต่อไป ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

'ท่านอ้น' ซึ้ง!! คุณลุงหนองคาย 'ขอซับเหงื่อ'  เหมือนที่เคยทำให้ท่านตอนเด็กๆ มาแล้ว

(12 ธ.ค. 66) ‘ท่านอ้น’ วัชเรศร วิวัชรวงศ์ มีโอกาสเดินทางไปร่วมกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดหนองคาย โดยได้มอบเครื่องผลิตออกซิเจน 10 ลิตร ให้กับโรงพยาบาล 5 แห่ง ในจังหวัดหนองคาย หลังจากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ได้พบปะพูดคุยและถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง โดยระหว่างพูดคุยกับชาวบ้านมีคุณลุงท่านหนึ่งได้มา ‘ขอเช็ดเหงื่อ’ ให้ท่านอ้น ซึ่งแม้จะแปลกใจแต่ท่านอ้นก็ได้เปิดโอกาสให้คุณลุงได้เช็ดเหงื่อท่านด้วยผ้าขาวม้าที่ชาวบ้านเตรียมมาอย่างดี จากการพูดคุยสอบถามจึงได้ทราบว่า สาเหตุที่คุณลุงได้มา ‘ขอเช็ดเหงื่อ’ ให้ท่านอ้น เนื่องจากตอนท่านอ้นเด็ก ๆ คุณลุงก็เคยได้เช็คเหงื่อให้ท่านอ้นมาแล้ว 

เรืออากาศโท สุริยะ ใจดี หรือ คุณลุงเช็ดเหงื่อ เดิมทำงานเป็นช่างประจำเครื่องบิน F5 ที่เคยเข้าเฝ้ารับใช้ใกล้ชิดเมื่อตอนที่ท่านอ้นยังเป็นเด็ก ๆ ทำให้มีโอกาสได้เจอกับท่านอ้นและพี่น้องที่มายังลานจอดเครื่องบิน ด้วยอากาศในลานจอดเครื่องบินที่ค่อนข้างร้อน ทำให้ท่านอ้นมักมีเหงื่อออกมาก คุณลุงสุริยะ จึงได้มีโอกาสช่วยเช็ดเหงื่อให้กับท่านและในวันนี้แม้เกษียณอายุราชการมานาน แต่การได้กลับมาพบกับท่านอ้นที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านที่ตนอยู่ ทำให้คุณลุงสุริยะ ยังคงคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านอ้นยังเป็นเด็ก ยิ่งได้มาเห็นท่านให้ความเป็นกันเอง พบปะผู้คุยกับชาวบ้านท่ามกลางอากาศที่ร้อน ทำให้คุณลุงอยากเข้าไปช่วยเช็ดเหงื่อให้ท่าน เหมือนที่เคยได้ทำตอนที่ท่านยังเด็ก ๆ 

เรื่องราวดังกล่าว ได้สร้างความประทับใจให้กับท่านอ้นเป็นอย่างมาก จึงได้พูดคุยย้อนอดีตอย่างมีความสุขกับคุณลุงสุริยะ นับเป็นภาพประทับใจที่ชาวบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ หนองคายได้พบในวันนี้ (12 ธ.ค. 66)

'รมช.คลัง-กฤษฎา' ชง ครม.ช่วยหนี้นอกระบบ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท  พ่วงช่วยเหลือลูกหนี้รหัส 21 รับผลพวงจากโควิด-19 พ้นเครดิตบูโร

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผย 'คลัง' ชง ครม.ช่วยหนี้นอกระบบ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมช่วยเหลือลูกหนี้รหัส 21 พ้นเครดิตบูโร

(12 ธ.ค.66) นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.วันนี้ มีการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ โดยได้มีการพูดคุยธนาคารออมสินกับกระทรวงการคลังได้มีการหารือกันช่วยเหลือกันแก้หนี้นอกระบบ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการลงทะเบียนอยู่

โดยจะมีการทำมาตรการรองรับให้ธนาคารออมสินออกสินเชื่อออกมาให้รัฐรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบ ซึ่งถือเป็นโครงการใหม่

ขณะที่เกษตรกรก็จะช่วยหนี้นอกระบบผ่านทางธนาคาร ธกส.โดยวงเงินรวมที่ธนาคาร ธกส.กับธนาครออมสินนำมาใช้มีถึง 15,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายกฤษฎากล่าวว่า อีกมาตรการหนึ่งคือเงินที่เคยอนุมัติเงิน วงเงินที่เคยอนุมัติไปแล้ว และเหลือที่ยังไม่ได้ใช้ จะนำวงเงินนี้มาให้ธนาคารออมสินมาช่วยลูกหนี้รหัส 21 ที่ประสบปัญหาจากสถานการณ์ โควิด-19 ได้หลุดจากประวัติเครดิตบูโร

‘สีจิ้นผิง’ เดินทางถึง ‘เวียดนาม’ เริ่มต้นการเยือนอย่างเป็นทางการ พร้อมถกประเด็นเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านกับคณะผู้นำเวียดนาม

(12 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฮานอย รายงานว่า ทางเวียดนามได้ปูพรมแดงต้อนรับ ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน และเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเริ่มต้นการเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ด้วยเป้าหมายส่งเสริมสายสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคี

โดยก่อนหน้านี้ ‘วัง เหวินปิน’ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายจะหารือการยกระดับความสัมพันธ์ ‘จีน-เวียดนาม’ พร้อมกับทำงานเพื่อส่งเสริมและพิสูจน์ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างสองประเทศ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างการเยือนระยะสองวันนี้

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ของ สี จิ้นผิง ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก ‘ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์’ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และผู้แทนภาคส่วนต่างๆ รวมถึงประชาชนจากจีนและเวียดนามกว่า 400 คน ร่วมโบกธงของทั้งสองพรรคการเมืองและสองประเทศเพื่อต้อนรับคณะผู้นำของจีน ณ ท่าอากาศยาน รวมถึงประชาชนตลอดเส้นทางจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมที่พัก

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีน แสดงความคาดหวังจะแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกกับคณะผู้นำของเวียดนาม ในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านอันสำคัญต่อทิศทางความสัมพันธ์ของ 2 พรรคการเมืองและ 2 ประเทศ

รายงานระบุว่า สี จิ้นผิง มีกำหนดหารือกับ ‘เหงียน ฟู้ จ่อง’ เลขาธิการใหญ่คณะกรรมกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม, ‘หวอ วัน เถือง’ ประธานาธิบดีเวียดนาม รวมถึงพบปะกับ ‘ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์’ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และ ‘เวือง ดิ่งห์ เหวะ’ ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม ระหว่างการเยือนอย่างเป็นทางการ ระยะ 2 วัน

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้นับเป็นการเยือนเวียดนาม ครั้งที่ 3 ของสีจิ้นผิง นับตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานาธิบดีจีน

ทั้งนี้ ได้มีการเผยถึงสุนทรพจน์ฉบับลายลักษณ์อักษรของ สี จิ้นผิง ซึ่งเผยแพร่หลังจากเขาเดินทางถึงเวียดนามด้วยว่า คณะผู้นำของทั้งสองฝ่ายจะหารือประเด็นระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคที่มีความสนใจร่วมกัน

จีนถือว่าความสัมพันธ์กับเวียดนามเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตประเทศเพื่อนบ้านของจีน และสีจิ้นผิงคาดหวังว่าการเยือนครั้งนี้จะเป็นโอกาสส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับใหม่

จีนและเวียดนามที่เชื่อมต่อด้วยภูเขาและแม่น้ำมีมิตรภาพเก่าแก่ยาวนาน ซึ่งสั่งสมและบ่มเพาะร่วมกันโดยคณะผู้นำรุ่นเก่าก่อนของ 2 ประเทศ และถือเป็นสมบัติล้ำค่าของประชาชน 2 ประเทศ

สีจิ้นผิงในนามพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐบาลจีน และประชาชนชาวจีน ขอกล่าวทักทายและอวยพรให้กับพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม รัฐบาลเวียดนาม และประชาชนชาวเวียดนามอย่างจริงใจ

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศสำคัญในเอเชียและสมาชิกสำคัญของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประชาชนชาวเวียดนามได้ก้าวสู่วิถีทางการพัฒนาอันเหมาะสมกับเงื่อนไขของประเทศ และเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านทุกด้านตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีอิทธิพลในระดับโลกและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น

เปิดใจ ‘กัมพล ตันสัจจา’ ผู้อุทิศทั้ง ‘กาย-ใจ’ ให้ ‘สวนนงนุช’ พัทยา ชลบุรี ปัดตก!! แม้ถูกยื่นซื้อ 5 หมื่นล้าน เพราะหวังอยากให้ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้ของคนทุกวัย

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 66 วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ของ ‘กัมพล ตันสัจจา’ หรือ ‘คุณโต้ง’ ประธานกรรมการบริหารสวนนงนุช พัทยา จังหวัดชลบุรี วัย 76 ปี ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุว่า…

“นี่ ท่านประธานฯ ตัวจริง!!

“ไอ้ บ้านนอก”!!!

ถ้าไม่เคยอ่านข่าว ‘คุณโต้ง’ กัมพล ตันสัจจา ถ้าเจอคุณโต้ง วัย 76 ปี ที่แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ใส่เสื้อยืด ‘AI Baan Nawk’ ฉายาตัวเอง เราก็คงไม่คิดว่านี่คือ ‘ประธานบริษัท’ ตัวจริง แห่งสวนนงนุช พัทยา ชลบุรี รีสอร์ท และสวนที่ติด Top 10 ของโลก บนเนื้อที่ 1,700 ไร่ ที่ไม่ได้มีแค่สวน ต้นไม้ สัตว์ แต่มีทั้ง สวนพฤกษศาสตร์ที่เป็นเอกชน มีพิพิธภัณฑ์ สวนลอยฟ้า สวนผีเสื้อ สวนเฟิร์น Cactus บอนสี ไม้แปลก หายาก บ้านมด หินทุกชนิด รถเก่า รถหรู รถโบราณ ทะเบียน 8888 ทุกคัน นับร้อยคัน

และหลังโควิด-19 ก็ปรับปรุงใหม่ มีทั้งพิพิธภัณฑ์ โขน พระเครื่อง และสร้าง ‘จูราสสิค พาร์ค’ ไดโนเสาร์เป็นพันตัว ทุกสายพันธุ์ รวมทั้ง ศิลปะการเรียงหินเป็นรูปร่างต่างๆ

เพราะช่วงโควิด-19 ท่านประธานโต้ง ไม่ได้ปลดพนักงาน ตอนนั้นให้อยู่แต่ในสวนนงนุชเพื่อกักโรคตามนโยบายรัฐบาล แม้ไม่มีนักท่องเที่ยว แต่มีงานทำ ผมให้พนักงานเรียงสวนหิน โดยที่ผมวาดแล้วให้เขาวางตาม ทางสวนต้องดูแลพนักงาน ราว 2 พันชีวิต และช้างราว 100 เชือก รวมถึงการดูแลต้นไม้ ปรับปรุงสวน ให้เตรียมพร้อมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

ที่นี่ประเมินมูลค่ามหาศาล เคยมีข่าวว่า ‘ญี่ปุ่น’ ขอซื้อ 5 หมื่นล้าน แต่ไม่ขาย เพราะประธานโต้ง บอกว่า อยากทำให้ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้ของเด็กๆ มานอนที่นี่ แล้วท่องเที่ยวในแต่ละส่วนให้ครบ เพราะความตั้งใจคือทำยังไงให้เด็กๆ ชอบที่นี่ และตอนนี้ก็ต้องการให้เป็นสถานที่ที่ผู้สูงอายุสามารถมาท่องเที่ยวได้ รวมถึงคนพิการที่นั่งวีลแชร์ ก็มีที่พักที่อำนวยความสะดวกสำหรับวีลแชร์โดยเฉพาะ

คุณโต้ง จึงยังคงดูแลสวนเอง ยังคงเดินวันละหลายกิโลฯ สลับกับขับรถโฟร์วิลด์ เพราะไม่ชอบห้องแอร์ หรืออยู่แต่ในห้องแอร์ ชอบตากแดด อยู่ในที่อากาศร้อนได้ยาวนานและยังคงแข็งแรง”

โดยในคลิปคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ดังกล่าวนั้น คุณโต้งได้ระบุว่า…

“แรกๆ เราสร้างเพื่อหาเงินให้พออยู่ได้ แต่เมื่อเราอยู่ได้แล้ว เราต้องเริ่มคิดเลยว่าหน้าที่จริงๆ ของเรานั้นคืออะไร หน้าที่ของเราคืออบรมเยาวชนรุ่นใหม่ให้ ‘ชอบ’ ไม่ใช่ ‘รัก’ เหมือนกับเราตอนเด็กๆ เราชอบอะไรในตอนนั้น ตอนนี้เราก็ยังชอบอยู่ ตอนเด็กๆ คุณแม่ให้ทานอะไร ตอนนี้เราก็ยังชอบอยู่ หรืออย่างแต่ก่อนที่โรงเรียนพาไปเขาดิน เด็กทุกคนก็ชอบสัตว์กันทั้งนั้น แต่ตอนนั้นที่นี่ยังไม่มีส่วนนี้ ผมก็เลยทําส่วนขึ้นมาเพื่อให้เด็กเกิดความชอบให้ได้ คิดหลายร้อยวิธี ลองทําสวนสัตว์เล็กๆ สัตว์ก็ตายไปเรื่อยๆ ลองปั้นเป็นรูปปั้นสัตว์ไปร้อยกว่าชนิดเด็กก็ยังไม่มา ลูกน้องบอกให้ลองปั้น ‘ไดโนเสาร์’ ผมก็ลองปั้น ปรากฏว่าเด็กก็เริ่มมากัน จนทุกวันนี้ก็ยังปั้นอยู่ มีอยู่เกือบๆ 1,400 ตัวแล้ว มีครบหมดทุกสายพันธุ์

ทีนี้เมื่อเด็กมาแล้ว ผมก็ต้องคิดต่อว่าจะทํายังไงให้เขารักทั้ง 3 อย่าง คือ สวนสัตว์, พุทธศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งตอนนี้ผมเพิ่มเข้ามาอีก คือ เรื่องของศาสนา, อาหารไทย และความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาวะโลกร้อน เราจึงจัดทำโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และผมเข้าใจคนที่มาศึกษาดูงานเหล่านี้ เขาก็ต้องดูเรื่องพวกนี้ทั้งนั้น

ถ้าหากว่ามีสถานที่นึง ที่มีครบทุกอย่าง หรือเกือบครบทุกอย่าง เขามา เขาก็จะได้ประโยชน์สูงสุด เวลาเขามาเป็นกรุ๊ป เราก็ให้เขาเข้าไปสัมผัสเรื่องของ ‘โขน’ หรือเรื่องต่างๆ ซึ่งผมก็เห็นแล้วว่า ประเทศไทยของเรานั้น ต้องมีโขนให้ครบทุกชนิด ผมก็เลยทําจนครบ ทั้งหมด 500 กว่าชนิด และตัวองค์ประกอบของโขนนั้น ยังไม่เคยเห็นมีใครทําครบสักที ผมก็เลยสั่งให้ทํา ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 3 ปี ผมคาดว่าน่าจะครบ ‘สัตว์หิมพานต์’ 150 กว่าชนิด ตอนนี้เท่าที่เห็นก็เริ่มทําไปเยอะแล้ว แต่ผมคิดว่าจะทําให้ครบทั้งหมด ‘พญานาค’ ตอนนี้มีอยู่ 9 องค์ เราก็ให้ทําครบ

ตอนนี้ก็ทํา ‘กวนเกษียรสมุทร’ อยู่ เพื่อสร้างเข้าใจในวัฒนธรรมของเราให้ต่างชาติเขาได้รับรู้ ผมสร้าง ‘สวนฝรั่งเศส’ เพื่อเป็นสวนสวยงาม แต่ก็กลัวว่าเวลาถ่ายภาพออกมาแล้วจะบอกว่าอยู่ในยุโรป ผมก็เลยสร้างเจดีย์ไว้รอบๆ ถ่ายภาพออกมายังไงก็ต้องถ่ายเจดีย์ติดแน่นอน ไม่ใช่ในยุโรปแน่ และผมก็ยังทําต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ใจเด็กให้มากที่สุด ตรงไหนไม่ดีก็รื้อทําใหม่

ส่วนเรื่องของ ‘หิน’ ประเภทต่างๆ ก็รวมอยู่ที่นี่หมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไปพบกับคนที่เก็บหินมา ผมก็บอกให้เขาไปช่วยเก็บหินในประเทศไทยทั้งหมด ตอนนี้ก็ได้เยอะมาก เลยสร้างเริ่มพิพิธภัณฑ์หินและกระถางเครื่องปั้นดิน ซึ่งปั้นโดยศิลปดินท่านหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ชื่อ ‘คุณดู๋’ กระทางเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เหมือนกับในยุโรป และมีคําอธิบายแต่ละเรื่องว่ามีความหมายยังไง

และตอนนี้อะไรที่เราเห็นว่าไม่เหมาะสม เราก็จะรื้อแล้วทําใหม่ เราก็ปรับตามนิสัยของผู้คนในยุคปัจจุบัน เพราะสวนนงนุช ถูกออกแบบขึ้นมาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว สําหรับคนในยุคนั้นที่ชอบเดินดูสวน แต่ตอนนี้ คนไทย เอเชีย หรือแม้แต่ต่างชาติที่เริ่มไม่ชอบก็มีเลย ผมก็เลยแก้ไข้คำข้างหน้า โดยใช้คําว่า ‘Pocket Park’ หรือ ‘Inter Park’ ซึ่งเราก็เอาทุกอย่างไปอยู่ข้างหน้า นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทั้งโชว์รูมรถ, กระบองเพชร, โดนลอยฟ้า, สวนผีเสื้อ และพิพิธภัณฑ์พระ รวมถึงจุดพักทานข้าว ก็จะอยู่ข้างหน้าทั้งหมดเลย อยากจะดูสวนหลักที่เคยสร้างไว้ก็สามารถนั่งรถชมวิวได้ และจะเห็นสัตว์ตลอดทาง ผู้ปกครองก็จะได้อธิบายสิ่งต่างๆ ให้ลูกฟังได้

การเปิดให้เข้าสวนของเนอร์สเซอรีนั้น ผมคิดว่าเป็นสวนต้นๆ ของโลก ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเบื้องหลังของการผลิตต้นไม้ หรือเบื้องหลังของต้นไม้ ทําให้คนที่รักต้นไม้เห็นแล้วก็มีความรู้สึกอยากได้ต้นไม้ไปปลูกที่บ้าน นักท่องเที่ยวที่เป็นฝรั่งมาก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

จริงแล้วๆ ทั้งหมดมันก็เป็นตัวในตัวของมันเองอยู่แล้ว เข้าสวนไหนก็จะเจอต้นไม้ พันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ สีต่างๆ ที่เมืองนอกเขาก็เขาดีใจ เพราะว่าเป็นไอเดียที่ดีที่เขาควรจะต้องนับไปปรับปรุงสวนของประเทศเขา

ผมเตือนเขาว่า เป้าหมายหลักของเราคือ ‘เด็ก’ อย่าลืมในส่วนนี้นะ และผมก็เติมผู้สูงอายุเข้าไปด้วย เพราะคนไทยบางส่วนก็เที่ยวไม่เป็น เพราะบางครั้งลูกๆ ก็ไม่กล้าปล่อยให้คุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวกันเอง ลูกๆ เขาอยากเป็นคนพามา แต่บางทีกว่าลูกๆ จะมีเวลาก็ยาก…

แต่ถ้าเผื่อ ‘ไทยเที่ยวไทย’ ได้ ก็จะทำให้ ‘เมืองรอง’ เกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นเร็วด้วย ตอนนี้เมืองรองนั่งรอแขกต่างชาติ เพราะเขาไม่มาหรือเขามากันน้อยมาก เพราะนักท่องเที่ยวแต่ละคนมีเวลาไม่กี่วันในการมาเที่ยวประเทศไทย ทำให้ต้องท่องเที่ยวกลางวัน กลางคืนให้มากที่สุด มา 4 วันก็ต้องเห็นอะไรให้เยอะที่สุด ทำให้เขาไม่มีไปเที่ยวที่เมืองรอง นอกจากว่า เมืองรองจะมีอะไรที่พิเศษมากๆ เขาถึงจะไปกัน แต่ระหว่างทางก็ควรต้องมีอะไรที่น่าสนใจด้วย

ผมจึงคิดว่า การท่องเที่ยวนั้น ต้องเน้นเมืองหลัก เมืองใหญ่ของเรา สวนเมืองรองก็ต้องเป็น ‘ไทยเที่ยวไทย’ ช่วยกันสนับสนุน ตอนนี้คนไทยเริ่มเที่ยวเป็นบ้าง แต่ก็เที่ยวกันแค่เสาร์อาทิตย์นะ วันธรรมดาก็เที่ยวไม่ได้อีก

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการพัฒนา ‘สวนนงนุช’ ที่ผมจะทํา ผมจะไม่หยุด ผมอยากทําตลอดไป ตราบเท่าที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมก็จะทําให้เต็มที่ เพราะเราทําจนเราเข้าใจมันแล้ว และมันเป็นโอกาส เพราะคนที่มีโอกาสอย่างผมนั้นมีน้อยมาก แล้วผมจะทิ้งทุกอย่างไปเพื่อความสุขส่วนตัวได้ยังไง เพราะนี่คือความสุขของผม ผมเห็นเด็กๆ มากันทุกวัน ผมดีใจจะตาย”

‘on-ion’ จับมือ ‘เกทเวย์ แอท บางซื่อ’ เปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ 66 พร้อมจัดโปรโมชั่นสุดคุ้มส่งท้ายปี 2566 เอาใจผู้เข้าใช้บริการ

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) พร้อมด้วย นางณัฐสุดา สกุลไพสิฐ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และสนับสนุนองค์กร บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) นางสาวเอกกฤตา แก้วพูลศรี General Manager ศูนย์การค้า เกทเวย์ แอท บางซื่อ และนายนนทวรรษ เรืองจันทร์ Retail Sales and Tenant Services Team Lead ศูนย์การค้า เกทเวย์ แอท บางซื่อ ร่วมเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า on-ion (ออน-ไอออน) เกทเวย์ แอท บางซื่อ ด้วยเครื่องอัดประจุไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ (AC Charger) และเครื่องอัดประจุไฟฟ้าชนิดกระแสตรง (DC Charger) ขนาดกำลังไฟสูงสุด 40 กิโลวัตต์ รวมทั้งหมด 8 ช่องจอด 

ด้วยประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้าใช้บริการง่ายยิ่งขึ้น มาพร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มส่งท้ายปีให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการภายในศูนย์การค้าครบ 500 บาทต่อวัน รับส่วนลดเครดิตชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฟรี มูลค่าสูงสุด 50 บาท ตั้งแต่ วันนี้ - 31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ 

นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษส่วนลดค่าบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC Charger พิเศษเพียง 8.5 บาทต่อหน่วย (จากปกติค่าบริการ 9.5 บาทต่อหน่วย) มาที่นี่ทุกอย่างครบจบไว ได้ทั้งชอปปิ้ง และยังได้ชาร์จไฟรถอีกด้วย โดยกลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ on-ion ให้ทั่วประเทศภายในปี 2567 พร้อมสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและขับเคลื่อนสังคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้ก้าวไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ความธรรมดาของลูก!! รางวัลที่สุดพิเศษของ ‘เช็ค สุทธิพงษ์’ เมื่อเธอผู้จบเกียรตินิยมอันดับ 1 รักในงานธรรมดาที่แสนสุข

ไม่นานมานี้ ‘เช็ค-สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ’ พิธีกร และผู้ผลิตสื่อชื่อดัง แห่งทีวีบูรพา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suthipong Thamawuit’ ระบุว่า...

ผมพบว่า ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งพิเศษเหนือความคาดหมายอะไรมามอบให้ เพียงแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากลูก ก็นำความสุขมาให้คนเป็นพ่อแม่ได้มากมาย

พี่เช็คเล่าว่า ลูกสาวคนเล็กที่ทำงานเป็นผู้ช่วยช่างทำผมในร้านซาลอน เอามือที่สากและลอกเป็นขุยของเธอมาให้ดู จับมือพ่อไปเทียบกันแล้วบอกว่า “ดูสิ ตอนนี้มือพ่อนุ่มกว่ามือหนูอีก”

พี่เช็ค ถามว่าเป็นเพราะสารเคมีหรือเปล่า เพราะงานของเธอเกี่ยวกับการย้อมสีผม เธอบอกว่าไม่ เพราะตอนใช้สารเคมีเธอใส่ถุงมือ

เธอไม่ได้กังวลกับมือที่สากและลอกเป็นขุยนั้น แต่เหมือนจะอวดว่านั่นคือ ร่องรอยของความเอาจริงเอาจังจากการทำงาน 

งานของเธอเป็นลูกจ้างเล็กๆ เด็กฝึกหัดอยู่ในร้านทำผมขนาดย่อม ที่เธอรู้สึกว่าเธอโชคดีที่ได้ทำงานในร้านนี้ 
เธอตื่นไปทำงานอย่างกระตือรือร้น มีวินัยและกลับจากทำงานด้วยความสุขทุกวัน 

แม้ว่าบางวันจะ ‘ยม’ จนแทบไร้วิญญาณ 

อย่างวันที่ผ่านมานี้ เนื่องจากลูกค้าที่มาอุดหนุนร้าน กับจำนวนพนักงานที่มีลากิจบ้าง ลาป่วยบ้าง สร้างความชุลมุนในการทำงานไม่น้อย และกว่าจะเสร็จก็ค่ำมืด เธอยืนทำงานทั้งวันจน ‘ยม’

แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ทุกครั้งสิ่งที่เธอนำกลับมาให้พ่อเห็น ก็คือความภาคภูมิใจที่ทำภารกิจลุล่วงจนได้ ผมพบว่านี่เป็นโบนัสที่เธอได้รับจากการทำงานแทบทุกวัน และทุกคืนที่นั่งคุยกัน ผมก็จะพลอยมีความสุขกับเธอไปด้วย

เมื่อคืนเธอพูดกับผมในสิ่งที่ไม่เคยพูดมาก่อน เธอบอกว่า เธอเป็นพนักงานฝึกหัดที่ถูกตั้งคำถามว่า ทำไมถึงมาทำงานเป็นลูกจ้างร้านทำผม ผมถามว่าทำไม?

เธอบอกว่า “พ่อนึกออกไหม สังคมจะมีเกรดหรือภาพของเด็กลูกจ้างในร้านทำผมแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เด็กจบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเกี่ยวกับโซเชียลเอนเตอร์ไพรซ์ ด้วยเกรดเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างเธอ ซึ่งน่าจะไปทำงานสตาร์ตอัป หรือไม่ก็งานสื่อสารองค์กรในบริษัทชั้นนำ ที่น่าจะมีรายได้และอนาคตมากกว่าการดัดย้อมผมหลายเท่า”

แต่เธอไม่เคยมองว่าเธอเป็นคนเกรดไหน และงานทำผมเป็นงานของคนเกรดอะไร แค่เธอพบว่า งานทำผมคือ งานที่เธอทำแล้วมีความสุข

ผมไม่เคยสงสัยและคาดหวังอื่นใดในการเลือกของลูก ผมมีความสุขกับการที่ลูกไปทำงานอย่างมีความสุข และกลับจากทำงานด้วยความสุขและภาคภูมิใจทุกวัน 

ผมคิดว่า นี่คือคือปัจจุบันและการเริ่มต้นที่ดีที่สุด

การเริ่มต้นเดินทางที่ชัดเจนและรู้ความหมายนั้น จะนับว่าเป็นความสำเร็จขั้นหนึ่งก็น่าจะได้

เพราะในวัยเดียวกัน ผมเคยผ่านมาแล้ว ด้วยความเคว้งคว้าง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะพาชีวิตไปทางไหนดี 

อย่าว่าแต่ทางที่ไปใช่หรือไม่เลย แม้แต่เขาเลือกทางชีวิตกันแบบไหน อย่างไรผมก็ยังไม่รู้ 

เพราะฉะนั้น เห็นความธรรมดาของลูกแค่นี้ ก็เป็นรางวัลที่พิเศษสุดของพ่อแล้ว

ก่อนขอตัวขึ้นไปนอน เธอบอกว่า พ่อก็เป็นช่างตัดผมได้นะ ถ้าได้เรียน ผมบอกว่าก็น่าจะได้นะ แต่น่าจะเลี้ยงลูกไม่ได้ เพราะไม่น่าจะมีใครมาตัดกับพ่อ 

เธอหัวเราะแล้วบอกทีเล่นทีจริงว่า แต่มือนี้เลี้ยงพ่อได้นะ เพราะนี่คือมือของคนที่จะรวย 

ผมนึกในใจ ถ้ามือสากด้านบ่งบอกความรวย ที่ผ่านมา พ่อน่าจะระดับมหาเศรษฐี แต่ไม่ทันได้พูด เธอก็บอกว่า ไปอาบน้ำนอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องรีบไปแต่เช้า

ผมถามว่าทำไมต้องไปแต่เช้า ก็วันนี้ยมมาทั้งวัน เธอบอกว่าไปพับฟอยล์ (วัสดุที่ใช้ในการทำสีผม) เดี๋ยวจะไม่มีใช้ ผมถามว่าปกติเป็นหน้าที่ของลูกหรือ เธอบอกว่าไม่ใช่ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกัน

ถามต่อว่าถ้าลูกไม่พับ ใครพับ เธอตอบว่าบางครั้งเจ้าของร้านก็ต้องพับเอง เธอคิดว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่น่าจะถูกต้อง

ผมบอกว่าถ้าที่ทำงานไหน มีพนักงานที่คิดแบบลูกสักครึ่งหนึ่ง จะเป็นกิจการที่ดีและเจ้าของกิจการก็โชคดีมาก

เธอขึ้นไปแล้ว ผมคิดว่าไม่ใช่แค่เจ้าของร้านหรอกที่โชคดี ตัวเองก็โชคดีมาก ที่ได้รางวัลเสมอจากการสนทนากับลูก

‘รทสช.’ ย้ำ!! ไม่สนับสนุนนิรโทษกรรม ‘ม.112-ทุจริต-กระทำต่อชีวิต’ เตรียมชงร่าง 'พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข' ประกบ ตามจุดยืนพรรค

(13 ธ.ค.66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ‘ลอรี่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมตามวาระการประชุมสภาฯ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ขอให้ สส. และสมาชิก เตรียมทำงานให้เข้มข้นกว่าเดิม  

นายพงศ์พล กล่าวว่า ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับจุดยืนเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรม แต่พรรคเห็นด้วยหากจะให้ประชาชนที่มีเจตนาบริสุทธิ์ในการใช้สิทธิเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 -2565 ไม่ต้องรับผิด โดยยกเว้น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ผู้ที่มีความผิดในมาตรา 112, ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ และกลุ่มที่กระทำผิดต่อชีวิตผู้อื่นจนทำให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งขณะนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้เป็นผู้ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งใช้ชื่อว่าพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เพื่อนำเสนอประกบไปด้วย โดยเนื้อหารายละเอียดทั้งหมดได้ดำเนินการภายใต้จุดยืนหลักของพรรค คือการสร้างความสามัคคีปรองดอง 

“ท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติต่อประเด็นนิรโทษกรรม เรายืนยันว่าจะต้องไม่มีการนิรโทษกรรมความผิดกับผู้ที่กระทำผิดในมาตรา 112 ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน, ผู้กระทำผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ  และผู้ที่กระทำผิดที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่เราต้องการให้ยกเว้นโทษกับประชาชนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อสร้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและสร้างสังคมที่สันติสุข” นายพงศ์พล กล่าว 

‘กทม.’ คลุกฝุ่น!! แดงทุกเขต ‘ลาดพร้าว’ หนักสุด ส่วนภาพรวมทั้งประเทศเกินมาตรฐาน 37 จังหวัด

(13 ธ.ค.66) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า-GISTDA รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชัน ‘เช็กฝุ่น’ พบ 4 จังหวัดของประเทศไทยมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพระดับสีแดง สูงสุดอยู่ที่ สมุทรสาคร ตามด้วย นครปฐม นนทบุรี กทม. ขณะที่อีก 33 จังหวัดเกินค่ามาตรฐานระดับสีส้มที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพ

ในขณะที่ กรุงเทพมหานคร พบค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานในระดับสีแดงทุกเขต สูงสุดที่ ลาดพร้าว หลักสี่ หนองแขม จตุจักร ดินแดง ดอนเมือง ห้วยขวาง บางกอกใหญ่ ทวีวัฒนา บางซื่อ เป็นต้น

แอปพลิเคชัน ‘เช็กฝุ่น’ ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ยังคงมีค่าคุณภาพอากาศที่เกินค่ามาตรฐานในระดับสีส้มไปจนถึงสีแดง ทั้งนี้ ข้อมูลบนแอปฯ ‘เช็กฝุ่น’ มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูล PM2.5 แบบรายชั่วโมงเพิ่มเติมผ่านแอปฯ ‘เช็กฝุ่น’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top