Tuesday, 24 June 2025
NewsFeed

‘พีระพันธุ์’ ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหา ลั่น!! ตอนนี้ทุกปั๊มมีน้ำมันพร้อมให้บริการ

(13 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า จากกรณีที่สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดปัญหาน้ำมันในสถานีบริการมีไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายเนื่องจากประชาชนตอบรับนโยบายลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ทำให้ก่อนวันลดราคาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ประชาชนชะลอการเติม และมาเติมพร้อมกันในวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งมียอดเติมน้ำมันเบนซินทุกชนิดรวมกันสูงถึงเกือบ 70 ล้านลิตรในวันเดียว จากปกติมีการเติมเฉลี่ยวันละ 30 ล้านลิตร

โดยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลังทราบปัญหา จึงได้มีการสั่งการตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันขึ้นทันที และมีการจัดประชุมในเย็นวันเดียวกันเพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งสำนักงานพลังงานจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ก็ได้เร่งลงพื้นที่ พร้อมกำชับสถานีบริการน้ำมันที่มีน้ำมันไม่เพียงพอจำหน่ายเร่งซื้อน้ำมันเข้ามาเติมเพื่อให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ 

ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ที่เร่งดำเนินการแก้ปัญหา รวมทั้งขอบคุณเจ้าของสถานีบริการน้ำมันและผู้ค้าน้ำมัน ที่เร่งดำเนินการ ทั้งการเพิ่มรอบส่งน้ำมัน การปรับแผนกระจายน้ำมันให้ทั่วถึง จากการตรวจสอบก็พบว่า สถานีบริการที่อยู่ในเมือง สามารถแก้ปัญหาได้ภายใน 1-2 วัน ยกเว้นสถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่จำเป็นต้องจ้างรถเอกชนเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ใน 3-4 วัน

"ผมยังยึดมั่นคำเดิม อะไรที่ทำได้ ทำก่อน อย่างกรณีวันแรก (7 พ.ย.66) ทันทีที่มีการแชร์ข้อมูลเรื่องสถานีบริการมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ผมได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันขึ้นทันที ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน และส่งข้อมูลเข้าส่วนกลาง เพื่อแจ้งไปยังกรมธุรกิจพลังงานให้เร่งประสานผู้ค้าน้ำมันในการเพิ่มรอบการส่ง กระจายปริมาณน้ำมันจากคลังให้เพียงพอและทั่วถึง ซึ่งบางสถานีบริการอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงอาจเกิดความล่าช้าในการขนส่ง และบางสถานีระบบสั่งจ่ายน้ำมันก็เกิดเหตุขัดข้อง ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาและสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว กระทรวงพลังงานจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากประชาชนพบว่าปัญหาเรื่องการจำหน่ายน้ำมัน สามารถแจ้งเรื่องได้ที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงพลังงาน โทร 02-140-7000” นายพีระพันธุ์กล่าว

‘อนุทิน’ เคาะ!! ‘TCAS 67’ รอบแอดมิชชั่น สมัครเลือกคณะฟรี  หวังช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง - นักเรียนกว่า 125,000 คน

(13 พ.ย.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. พร้อมผู้บริหาร และบุคลากรให้การต้อนรับ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนายอนุทิน ได้เข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จากนั้นขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า EV ( MuvMi) ที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และลดการใช้พลังงานน้ำมันที่กระทรวง อว.ให้การสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อมาชมนิทรรศการการจัดแสดงผลงานเด่นของหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวง อว. ก่อนมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวง อว.

นายอนุทิน กล่าวมอบนโยบายว่า ได้เน้นย้ำให้กระทรวง อว. ให้ความสำคัญในการตอบโจทย์ ความต้องการของประเทศและของโลก และให้ความสำคัญกับ ‘การพัฒนาที่ยั่งยืน’ ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยดําเนินการภายใต้หลักการ ‘เอกชนนํา รัฐสนับสนุน’ ที่สำคัญวาระเร่งด่วนที่กระทรวง อว. ต้องดำเนินการทันที คือ การลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยการให้กระทรวง อว. และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง และนักเรียน ในการสมัครคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยผ่านระบบการรับสมัครสอบกลาง ประจําปี 2567 หรือ ‘TCAS 67’ ในรอบแอดมิชชั่น ซึ่งเป็นรอบที่มีนักเรียนจํานวนมากที่สุดกว่า 125,000 คนต่อปี เข้ามาสมัคร

“ผมขอประกาศข่าวดีว่ากระทรวง อว. และ ทปอ. จะนํางบประมาณมาอุดหนุนการสมัครในรอบแอดมิชชั่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ ‘TCAS 67’ ในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยให้นักเรียน แต่ละคน สามารถสมัครเลือกคณะ 1 - 10 อันดับได้ฟรี เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระได้สูงสุดคนละ 900 บาท ถือเป็นหนึ่งในความพยายามระยะสั้นในการลดค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงการศึกษา ขณะที่รัฐบาลกําลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชนไทย ได้มีทางเลือกในการศึกษา ในระดับอุดมศึกษามากขึ้น” นายอนุทิน กล่าว 

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวง อว. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญในการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมวิทยาศาสตร์ สังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งเหตุผล และ สังคมแห่งปัญญา โดยกระทรวง อว. มีองค์ความรู้มากมายที่พร้อมจะถ่ายทอดให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ แต่การถ่ายทอดนั้นยังเป็นไปอย่างจำกัด องค์ความรู้เหล่านั้นจึงอยู่ในกระทรวง แต่ไม่ได้รับการนำเสนอ และถ่ายทอดไปถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมาย อย่างทั่วถึง ดังนั้น กระทรวง อว. ต้องรับเป็นนโยบายให้ความสำคัญกับการเผยแพร่องค์ความรู้ ในรูปแบบ และช่องทางที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในภาพรวม

“เมื่อครั้งที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำงานของกระทรวงให้เป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจเพราะความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนคือรากฐานที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวง อว. ก็เช่นกัน ภายใต้การนำของรมว.ศุภมาส อิศรภักดี กระทรวง อว. จะก้าวสู่ความ เป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่จะเป็นเสาหลักทางปัญญา และนำพาโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ประชาชนต่อไป” นายอนุทิน กล่าว

กาฬสินธุ์แม่ทัพภาคที่ 2 ติดตามแก้ปัญหาน้ำตามนโยบายรัฐบาลไม่ท่วมไม่แล้ง

แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 พร้อมคณะ  ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์  ประชุมแนวทางแก้ปัญหาน้ำตามนโยบายรัฐบาล “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” โดยกำหนดพื้นที่เร่งด่วนในการดำเนินการพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากและพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก 3 พื้นที่ ในตำบลหัวหิน อำเภอห้วยเม็ก ตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัย และตำบลหนองช้าง อำเภอสามชัย

วันที่ 13  พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมผาเสวย ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ  แม่ทัพภาคที่ 2 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 พร้อมคณะ ได้ร่วมประชุมเพื่อแก้ปัญหาน้ำตามนโยบายรัฐบาล “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” โดยมีนายธวัชชัย  รอดงาม  รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พันเอกนิสิต  สมานมิตร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ (ฝ่ายทหาร)  นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว พ.จ.ต.สำเนียง หวังเจริญ ท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ นายอัครนันท์ ปัญญาเจริญโรจน์ นายก อบต.หนองหิน อ.ห้วยเม็ก นายพงศ์ภรณ์ ภาระขันธ์ นายก อบต.หนองช้าง  อ.สามชัย นายสมคิด ชนะบุญ นายก อบต.ลำชี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ และรายงานสภาพปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง 
พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ  แม่ทัพภาคที่ 2 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 กล่าวว่า จากการรับฟังรายงานจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทราบว่ามีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งระดับปานกลาง 3 อำเภอ 11 ตำบล 56 หมู่บ้าน พื้นที่เสี่ยงภัยระดับต่ำ 18 อำเภอ 130 ตำบล 1,479 หมู่บ้าน และพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้ง 2 อำเภอ 36 ชุมชน 49 หมู่บ้าน  และข้อมูลพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค  เป็นพื้นที่เสี่ยงสูง 12 อำเภอ 22 ตำบล  54 หมู่บ้าน และพื้นที่เฝ้าระวัง 16 อำเภอ 54 ตำบล 325 หมู่บ้าน  ส่วนพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย แบ่งเป็น 3 พื้นที่  พื้นที่เหนือเขื่อนลำปาว 6 อำเภอ 32 ตำบล 204 หมู่บ้าน  พื้นที่ท้ายเขื่อนลำปาว  4 อำเภอ 23 ตำบล 142 หมู่บ้าน และพื้นที่นอกเขตชลประทาน 8 อำเภอ 41 ตำบล  238 หมู่บ้านซึ่งมีพื้นที่เสี่ยงสูง 3 อำเภอ 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน

พลโทอดุลย์กล่าวอีกว่าอีกว่า ในการประชุมเพื่อแก้ปัญหาน้ำตามนโยบายรัฐบาล “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ในครั้งนี้เป็นการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา โดยได้กำหนดพื้นที่เร่งด่วนในการดำเนินการรวม 3 พื้นที่ ได้แก่  การแก้ปัญหาแล้งซ้ำซากในพื้นที่ ต.หนองช้าง อ.สามชัย ด้วยการขุดลอกหนองแก่นทราย ให้เก็บกักน้ำได้มากขึ้นเพียงพอสำหรับการผลิตน้ำประปา การแก้ปัญหาแล้งซ้ำซากและท่วมซ้ำซาก ในพื้นที่ ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก  ด้วยการก่อสร้างฝายเก็บกักน้ำเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง  และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย  ด้วยการขยายช่องระบายน้ำลำน้ำชีในช่วงฝายวังยางให้สามารถระบายน้ำได้มากขึ้น

ขณะที่นายอัครนันท์ ปัญญาเจริญโรจน์ นายก อบต.หนองหิน อ.ห้วยเม็ก กล่าวว่าปัญหาแล้งซ้ำซากและท่วมซ้ำซาก  ในระดับเคยมีการถวายฎีกาขอรับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการประมาณ 10 ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการก่อสร้างฝายชะลอน้ำบริเวณเขื่อนลำปาว เชื่อมระหว่าง ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี กับบ้านโคกกลาง ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็กระยะทางประมาณ 1,400 เมตร ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้งบประมาณกว่า 80 ล้านบาท 

ด้านนายสมคิด ชนะบุญ นายก อบต.ลำชี กล่าวว่า ในส่วนปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ตำบลลำชีที่ผ่านมานั้น เกิดจากปริมาณน้ำในลำชีเอ่อหนุน และเคยเกิดเหตุการณ์พนังกั้นลำชีแตก 2 ครั้ง สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตร การประมง ที่พักอาศัยเป็นบริเวณกว้าง มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก  จึงมีแนวทางป้องกันและบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยจัดทำโครงการบายพาสน้ำ หรือขยายช่องทางน้ำ จุดร่องลำชีเดิม ด้านทิศใต้ของฝายวังยาง ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 60-70 ล้านบาท 

ส่วนนายพงศ์ภรณ์ ภาระขันธ์ นายก อบต.หนองช้าง  อ.สามชัย กล่าวว่าปัญหาที่พี่น้องประชาชน ต.หนองช้าง 8 หมู่บ้านประสบคือภัยแล้งซ้ำซาก  เนื่องจากพื้นที่อยู่บนที่สูง ทุรกันดาร ห่างไกลเขื่อนลำปาว ที่ผ่านมาอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อการอุปโภคและบริโภค การเกษตร แต่ปัจจุบันแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ตื้นเขินมาก บ่อบาดาลแต่ซึ่งมีอยู่ 3  แห่งต้องขุดเจาะลึกกว่า 60 เมตร แต่สูบน้ำได้ไม่เกิน 30 นาทีน้ำก็หมด จึงได้จัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนแก้ปัญหาภัยแล้ง 3 โครงการ คือขุดบ่อบาดาลผลิตน้ำประปา 8 โครงการ ขุดบ่อบาดาลพลังงานโซลาเซลล์ 8 โครงการ และขุดลอกหนองแก่นทรายพื้นที่ 200 ไร่ ซึ่งทุกโครงการอยู่ในระหว่างประเมินงบประมาณ 
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และภัยแล้งซ้ำซาก ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 3 แห่งดังกล่าว เป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตามคำกล่าวที่ว่า “น้ำแล้ง 10 ปี ไม่เท่าน้ำท่วม 1 ครั้ง” จึงเป็นพื้นที่จำเป็นเร่งด่วน ที่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะได้บูรณาการป้องกัน เพื่อบรรเทาและลดปัญหา ทั้งนี้ หากได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ของรัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

เชียงใหม่-แถลงข่าวงาน ”เชียงใหม่เวลเนสแฟร์ “( CHIANG MAI WELLNESS FAIR)

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่  บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท ร่วมกับ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ 2015 สมาคมส่งเสริมบริการสุขภาพ และ บริษัท ซีไอเอสดับเบิ้ลยู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แถลงข่าวโครงการจัดงานเชียงใหม่เวลเนสแฟร์ ( CHIANG MAI WELLNESS FAIR) โดยมีคุณทัศนีย์ศิริ ขวัญสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท คุณวัชรพงศ์ กลิ่นประณีต นายกสมาคมไทยล้านนาสปา และรอง ประธานสภาอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่  คุณธนกฤษ เวียงแก้ว รักษาการนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว เชียงใหม่ 2015 และรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ อาจารย์ดวงสมร ไชยรัตน์ ผู้แทนคุณชวนัสถ์ สินธุเขียว นายกสมาคมส่งเสริม บริการสุขภาพจังหวัดเชียงใหม่ และ นางผ่องพรรณ ศิริวัฒนาวงศา รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ที่ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท 

คุณทัศนีย์ศิริ ขวัญสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจเวลเนสและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกำลังได้รับความสนใจอย่างมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในปัจจุบันรัฐบาลไทยได้มีนโยบายส่งสริมการขับเคลื่อนศูนย์เวลเนสทั่วประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการและสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว พร้อมผลักดันตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสู่ระดับโลก

จากนโยบายดังกล่าวนี้ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการให้บริการที่พักทั่วไปมาเป็นศูนย์บริการเวลเนสที่มีการบริการแบบครบวงจร โดยเปิดบริการที่พัก ห้องอบซาวน่าสไตล์ตุรเคีย สระว่ายน้ำที่เหมาะสำหรับการทำธาราบำบัด สวนสุขภาพ และได้สร้างสรรค์สถานที่อาบน้ำร้อนแบบออนเซ็นที่มีระบบควบคุมการบำบัดน้ำและเพิ่มแร่ธาตุที่สำคัญด้วยระบบไฮเทคโนโลยีจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่สะอาดปลอดภัย มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีห้องประชุมขนาดใหญ่และสถานที่จัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ลานกางเต็นท์ ห้องฝึกสมาธิและโยคะ และศูนย์เรียนรู้ ๙ ก้าวฟาร์ม สำหรับการอบรมให้ความรู้ด้านต่างๆ เพื่อยกระดับเป็นเวลเนสชั้นนำและเป็นต้นแบบของเวลเนสในจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป

ด้วยเหตุนี้ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท ร่วมกับ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ 2015 สมาคมส่งเสริมบริการสุขภาพ และ บริษัท ซีไอเอสดับเบิ้ลยู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดงานเชียงใหม่เวลเนสแฟร์ ( CHIANG MAI WELLNESS FAIR) จึงร่วมกันจัดงานเชียงใหม่เวลเนสแฟร์ (CHIANG MAI WELLNESS FAIR) ขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 พฤศธิกายน 2566 ณ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท เลขที่ 114 ม.1 ต.ห้วยทราย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกิจการด้านเวลเนส ประชาสัมพันธ์ไห้ประชาชนรู้จักกิจกรรมเพื่อสุขภาพและกิจการที่เกี่ยวข้องกับเวลเนสให้มากขึ้น แนะนำและส่งเสริมกิจการเกี่ยวกับเวลเนส ที่สำคัญในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ รวมทั้งการสาธิตและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการของกิจการเวลเนส ต่างๆ และเปิดโอกาสให้บริษัท ห้างร้าน และชุมชนได้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยว
ข้องกับเวลเนส มาจำหน่ายภายในงานโดยไม่คิดค่าบริการบูธ

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะมาร่วมในงานนี้ คือ กลุ่มคนที่รักการดูแลสุขภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านเวลเนสและการดูแลสุขภาพ กิจการเวลเนสต่างๆ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัทที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตลอดจนประชาชนทั่วไป

กิจกรรมในงานนี้ประกอบด้วย การจัดบูธและนิทรรศการของหน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างร้านและชุมชน ประมาณ 100 บูธ เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้ารับบริการต่างๆ ในราคาโปรโมชั่น เช่น ด้านสุขภาพ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท ให้บริการอบซาวน่า แช่น้ำร้อนออนเซ็นในป่าหิมพานต์ บริษัท เมต้า เอสเทติก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นำเครื่อง Hyperbaric Chamber และเครื่อง Terahertz Chamber มาแสดงและให้ทดลองใช้ สภากาชาดไทย บริการตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ คลินิกมิตรมวลชน บริการตรวจสุขภาพ และให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ร้านแว่นแก้ว บริการตรวจวัดสายตา บริษัท Long Life Farm จัดบูธ โภชนาศาสตร์ภูมิปัญญาไทย บูธสวนชาพันปีโบราณ สาธิตการทำ Kombucha เพื่อสุขภาพ เป็นต้น

ด้านศิลปะ ความเชื่อ และจิตวิญญาณ อาจารย์จารุภา วรรณสถิตย์ ให้คำปรึกษาด้านโหราศาสตร์เพื่อชีวิต คุณต้อม บุญรักษา จัดบูธแสดงพระเครื่องและพุทธศิลป์ ด้านอาหารและเครื่องดื่ม มีการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดของร้านค้าต่างๆ ชมรม HOG Chiang Mai Chapter Thailand นำขบวนรถฮาเลย์ ดาวิดสันมาร่วมแสดง บ้านพิงกันฯ และผองเพื่อน จำหน่ายของที่ระลึกต่างๆ

ในส่วนของภาควิชาการ นั้นจะมีการบรรยายพิเศษโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านเวลเนสและการดูแลสุขภาพที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ประกอบด้วย รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล แพทข์ผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพและกิจกรรมเวลเนส บรรยาย เรื่อง "Holistic Wellness " ผศ.ปัญจภาณ์ สุขโข อาจารย์สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการ พยาบาล ระบบทางเดินหายใจ และการพยาบาลสาธารณภัยประธาน STIN อาสา ผศ.ดร.ธรรมรักษ์ สุขศรีชวลิต ภาควิชาเคมีคลินิก คณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดล
นางสาวสมกนก ยิ้มสนิท ตัวแทนจากโรงงานชาเทียนฮวา คุณภูมิเจตน์ มงคลพิทักษ์สุข ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Tlixir (ชาเพื่อสุขภาพ) บรรยาย เรื่อง " The Health Benefits of Tea: Physical Health and Mental Health" ดร.ศิริพร เดชะอูป นักวิจัยอิสระ บรรยาย เรื่อง "โภชนาการเพื่อการส่งเสริมกระบวนการ Autophagy และการสังเคราะห์สารแห่งความสุข" คุณชวนัสถ์ สินธุเขียว นายกสมาคมส่งเสริมบริการสุขภาพเชียงใหม่ บรรยาย เรื่อง "ข้อควรรู้ก่อนทำธุรกิจ Wellness" คุณนภารัตน์ ศรีละพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บจก.สปาพลัส บรรยาย เรื่อง "การนำ Hot spring-onzen มาเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจภูมิภาค" ดร.กิตติพงษ์ ดำรงค์ปราชญ์ ประธานกรรมการ บริษัท เมตา เอสเทติก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บรรยาย เรื่อง "แนะนำเครื่องมือทางการแพทย์ที่สำคัญต่อการฟื้นฟูระบบสุขภาพ"

นอกจากนี้ ในภาคบ่ายยังมีกิจกรรมพิเศษสุดทางวิชาการ โดยมีการฝึกอบรมระดับนานาชาติ จัดโดย CISW Intemational Co.,Ltd. เรื่อง "CWA-CHIANG MAI : เติมชีวาให้ชีวิต" วิทยากรพิเศษ คือ คุณ TANYA STOCKDALE ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เฉพาะทาง และผู้ก่อตั้ง ARURA WELLNESS การอบรมครั้งนี้ผู้สนใจสมัครเข้ารับการอบรมฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะได้รับประกาศนียบัตรจาก CIWS ด้วย

จึงขอเชิญชวนทุกท่านไปร่วมงานเชียงใหม่เวลเนสแฟร์ ในวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นี้ โดยทั่วกัน ณ บ้านพิงกันเวลเนสรีสอร์ท เลขที่ 114 ม.1 ต.ห้วยทราย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โทร.063 123 5114

พัฒนชัย/เชียงใหม่

'อ.พงษ์ภาณุ' หวั่น!! นโยบายการเงินแบงก์ชาติซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย หลังเงินเฟ้อตุลาติดลบ และเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดตามประเทศจีน

(11 พ.ย. 66) อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ให้มุมมองต่อภาวะความเสี่ยงเงินฝืดกับอิสรภาพธนาคารกลาง ไว้ว่า...

สมัยก่อนระบบการเงินโลกตั้งอยู่บนมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) เงินตราสกุลต่าง ๆ มีค่าคงที่อิงอยู่กับน้ำหนักทองคำ ต่อมาหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 มีการใช้ระบบ Bretton Woods ค่าเงินก็ยังคงที่แต่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ นโยบายการเงิน (Monetary Policy) มักจะไม่ค่อยมีบทบาททางเศรษฐกิจเท่าไหร่ 

หน้าที่หลักของนโยบายการเงินคือ การรักษาระดับคงที่ (Parity) ของอัตราแลกเปลี่ยน ต่อเมื่อระบบการเงินโลกเปลี่ยนมาเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา นโยบายการเงินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและระดับราคา และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าธนาคารกลางจะต้องมีอิสรภาพในการทำหน้าที่นี้โดยปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ความเชื่อในอิสรภาพของธนาคารกลางและการใช้ Inflation Targeting มาเป็นกรอบในการดำเนินนโยบายการเงิน ได้ช่วยให้เงินเฟ้อของโลกที่เคยสูงถึงกว่า 20% ลดลงมาอยู่ระดับไกล้ศูนย์มาเป็นเวลานาน

ประเทศไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ยึดมั่นในหลักความเป็นอิสระของธนาคารกลาง โดยเฉพาะหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 ได้มีการแก้กฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประกันความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินและทำให้การปลดผู้ว่าการฯ ยากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกระทำไม่ได้หากผู้ว่าการฯ บกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง

1 ปีครึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่านโยบายการเงินได้สร้างความผันผวนอย่างรุนแรงให้กับเศรษฐกิจไทย เมื่อโลกมีเงินเฟ้อสูงเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว ธนาคารกลางทุกประเทศได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วตามกรอบ Inflation Targeting ขณะที่ทางการไทยกลับรี ๆ รอ ๆ ปรับดอกเบี้ยช้ากว่าประเทศอื่น จนอัตราเงินเฟ้อของไทยในปีที่แล้วขึ้นไปสูงถึงกว่า 6% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในอาเซียนและสูงกว่ากรอบ Inflation Targeting ที่เห็นชอบร่วมกับรัฐบาล ถึงกว่า 2 เท่า 

พอมาถึงปีนี้ ภายหลังการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมาเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ดูเหมือนว่าการดำเนินการนี้จะสายเกินไปและผิดที่ผิดเวลา จนซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยให้เงินเฟ้อมีอัตราติดลบในเดือนตุลาคม และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดตามประเทศจีนไป และก็ถือเป็นการหลุดกรอบ Inflation Targeting 2 ปีติดต่อกัน เราไม่เคยได้ยินคำขอโทษของธนาคารแห่งประเทศไทยสักครั้งเดียว

เรายังเชื่อในอิสรภาพของธนาคารกลาง แต่อิสรภาพนี้จะต้องมีควบคู่ไปกับ Accountability ฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งต้อง Accountable ต่อประชาชนที่เลือกตั้งเข้ามา แต่ธนาคารกลาง ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและได้รับการคุ้มครองอิสรภาพตามกฎหมาย ควรจะต้องมี Accountability มากกว่านี้ อย่างน้อยก็ควรจะต้องเคารพเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญาประชาคม

‘เมียนมา’ ประกาศใช้กฎอัยการศึก 8 เมือง หลังสถานการณ์สู้รบในรัฐฉานดุเดือด

(13 พ.ย.66) สภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา (SAC) ประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 8 เมืองของรัฐฉาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมา หลังสถานการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพกับกองทัพเมียนมายังคงดำเนินไปอย่างดุเดือดในบางพื้นที่

ทั้งนี้ SAC เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อคืนวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) ว่า เมืองทั้ง 8 แห่งที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก จะประกอบด้วย กุนโหลง (Kunlong), โก้ดขาย (Kutkai), หมู่เจ้ (Muse), ล่าเสี้ยว (Lashio), แสนหวี (Theinni), เล้าก์ก่าย (Laukkaing) และกอนเกียน (Konkyan)

และแถลงการณ์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคง หลักนิติธรรม และเสถียรภาพของภูมิภาค

'แม่บุญล้ำ' หนุน 500,000 บาท ก่อสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้า   สานต่อภารกิจบริษัทฯ 'ดูแลสังคม-ส่งเสริมมาตรฐานชีวิตผู้คน' ให้ดียิ่งขึ้น  

(14 พ.ย.66) จิรวัฒน์ เดชาเสถียร ที่ปรึกษาธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาด และการจัดการค้าปลีกค้าส่งในภูมิภาคอาเซียน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

วันนี้ผมได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของคณะผู้บริหาร เพื่อนพนักงาน และลูกค้า บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำปลาร้าตราแม่บุญล้ำ เพื่อส่งมอบเงินจำนวน 500,000 บาท ในการก่อสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้า  

ผมเองในฐานะลูกพระจอมคนหนึ่ง ขอขอบพระคุณท่าน ศ.ดร สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้ก่อตั้งโครงการ และท่านศาสตราจารย์นายแพทย์อนันต์ ศรีเกียรติขจร ท่านคณบดี คณะแพทยศาสตร์ รวมถึงท่าน รศ.นายแพทย์ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ รองอธิการบดีฝ่ายการแพทย์และเทคโนโลยีสุขภาพ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และเป็นกันเอง

ถามว่าทำไมเราเลือกที่นี่ คำตอบคือ รพ.แห่งนี้ จะเป็นโรงพยาบาลแห่งอนาคตที่จะสามารถผลิตเครื่องมือแพทย์ด้วยนวัตกรรมทางวิศวกรรมศาสตร์ที่ลาดกระบังไม่เป็นรองที่ไหนในฟ้าเมืองไทย     

ในขณะที่เราเองยังเดินหน้าช่วยพี่น้องในต่างจังหวัดซึ่งจะทยอยส่งมอบเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกลต่อไปอีกสามโรงพยาบาลในปีนี้     

ทั้งนี้เป็นไปตามวิถีในการดำเนินธุรกิจของแม่บุญล้ำ ที่มุ่งมั่นที่จะดูแลสังคมและบุคคลรอบข้างให้มีมาตรฐานชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ     

อยู่กับองค์กรที่มีจริยธรรม อารมณ์ในการทำงานมันก็จะดีตามเช่นนี้นี่เองหละครับ มาช่วย ๆ กันนะครับ

‘เต๋า สมชาย’ ใจฟู!! ได้ดูบอลจตุรมิตร ครั้งที่ 30 นัดเจอพุธนี้ แมตช์ ‘เทพศิรินทร์​ vs สวนกุหลาบ​’

(14 พ.ย. 66) เพจ ‘ครอบครัว เข็มกลัด’ ของ ‘เต๋า สมชาย เข็มกลัด’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

ความดีใจที่สุดในชีวิตของปีนี้! คือ 15 พฤศจิกายน​ ละครคืนคิว สมชายกระโดดแบบสุดตัว สมชายได้ไปดูบอลจตุรมิตร ครั้งที่ 30 เทพศิรินทร์​💚💛 สวนกุหลาบ​🩷💙 วันพุธนี้ พบกันนะครับ ลูกแม่​รำเพย​💚💛

กราบแม่เทพศิรินทร์​ ‘เราเทพศิรินทร์ ระบิลระบือ’ 🙏💚💛

#เทพศิรินทร์ 💚💛
#Jaturamitr30 #Jaturamitr #debsirin #debsirinfootball #dsa #ds

‘นายกฯ’ ยัน!! ไม่ได้สั่งให้ ‘ตร.จีน’ ลาดตระเวนไทย ชี้ ผู้ว่าการททท. อาจสื่อสารเรื่องนี้ผิดพลาด

เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.66) ที่ รร.เดอะริทซ์ คาร์ลตันนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ (เวลาท้องถิ่นซานฟรานซิสโก ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ​ระบุรัฐบาลมีแนวคิดให้ตำรวจจีนลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองรอง ว่า เรื่องนี้ถึงอย่างไรตำรวจไทยต้องเป็นคนดูแล แต่ถ้ามีความร่วมมือเกิดขึ้นในแง่ของการประสานข้อมูลกับทางตำรวจจีน เชื่อว่าจะให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่ามีตำรวจจีนมาเดินบนถนนเมืองไทย เรื่องนี้คงเป็นการสื่อสารที่มีความผิดพลาดมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางผู้ว่าฯ ททท.อ้างว่าเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่นายกฯ เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีข้อสั่งการหรือพูดคุยในเรื่องนี้ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าต้องมีตำรวจจีนมาอยู่ที่เมืองไทย แต่เป็นการหารือที่ทั้งสองหน่วยงาน คือสถาบันตำรวจ ที่ต้องพูดคุยเพราะทุกคนกลัวเรื่องจีนสีเทา และเรื่องที่คนจีนมาทำอะไรผิดกฎหมายกับคนจีนในเมืองไทย จึงต้องมีการประสานเรื่องข้อมูลให้ชัดเจน อย่าให้เกิดความสับสน และหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้น จะได้จัดการบำบัดได้ทันที

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งให้ประสานกับทางจีนในเรื่องนี้ ใช่หรือไม่ นายกฯ ส่ายหน้า และกล่าวว่า "ไม่ได้สั่งเลยครับ ไม่มีการสั่งครับ เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผม ใครจะไปสั่ง ผมไม่เคยพูดว่าต้องเอาตำรวจจีนมากี่คนๆ "

เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องอธิปไตยของไทย ทำไมต้องเอาจีนเข้ามา นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า ไม่เคยมี ไม่เคยพูด ถามคนใกล้ชิดตนได้ว่าไม่เคยมี เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยเหมือนกันเพราะไม่ใช่

‘พี่วัน’ ภูมิใจ!! เคยได้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘บอลจตุรมิตร-แปรอักษร’ เชื่อ!! ‘นักเรียน-ศิษย์เก่า-อาจารย์-ผู้ปกครอง’ ทั้ง 4 รร. ล้วนภาคภูมิ

(14 พ.ย. 66) นายวัน อยู่บำรุง อดีต สส. พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘วัน อยู่บำรุง’ ระบุว่า… 

การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตร การแปรอักษร คือความภาคภูมิใจของนักเรียน ครูบาอาจารย์ ศิษย์เก่า และผู้ปกครองของนักเรียนทั้งสี่โรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย เทพศิรินทร์ อัสสัมชัญ กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

#อย่าไปเดือดร้อนแทน
#จตุรมิตรสามัคคี30
#Osk110


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top