Tuesday, 24 June 2025
NewsFeed

จับตา!! ‘ประชาธิปัตย์’ นัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 บ่ายวันนี้ เคาะวันเลือกหัวหน้าพรรค-คกก.บริหารชุดใหม่ หวังสยบความขัดแย้ง

(14 พ.ย. 66) เวลา 14.00 น.วันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดรักษาการ เพื่อกำหนดวัน-สถานที่จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนชุดของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งได้ สส.มาเพียง 25 คนเท่านั้นเอง จากในทีแรกที่ตั้งเป้าไว้ 60 คน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหาร และหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประสบปัญหา ‘องค์ประชุมล่ม’ ถึง 2 ครั้ง จากปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคของ 2 ขั้วกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ที่มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และนายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรค เป็นแกนนำกลุ่ม มี สส.ในมือ 22 คน ชูนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค

กลุ่มผู้อาวุโสของพรรคที่มี สส. 3 เสียง ซึ่งให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคให้กลับมานำพรรคอีกครั้ง ซึ่งไม่มีการเจรจารอมชอมกันภายในพรรค จึงทำให้ไม่สามารถเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้และหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้

จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ในการนัดวันประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 นี้ ปัญหาดังกล่าวจะยุติลงและได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ที่สมาชิกพรรคทั่วประเทศให้การยอมรับหรือไม่ หรือจะมีการตบเท้าลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพิ่มความขัดแย้งในพรรคเพิ่มขึ้นอีก 

การทอดเวลาในการประชุมใหญ่วิสามัญมานานถึง 2 เดือน ทราบว่า มีความพยายามในการเจรจากัน เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง และเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พรรคจะได้เดินหน้าต่อไปได้

การเจรจาต่อรองน่าจะนำผลการสอบสวนเรื่องการโหวตสวนมติพรรคของกลุ่ม สส.ในสายของนายเฉลิมชัยมาพิจารณาด้วย โดยมติของคณะกรรมการสอบสวน น่าจะพบว่า สส.ที่โหวตสวนมติพรรคมีความผิด และจะเสนอบทลงโทษออกเป็น 3 แนวทาง ตามฐานความผิด คือ 1.) ลงโทษขับพ้นพรรค (บางคน) 2.) ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมกำหนดเงื่อนไข (บางคน) และ 3.) ตักเตือนด้วยวาจา พร้อมกำหนดเงื่อนไข (บางคน) โดยข้อสรุปนี้ จะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารด้วยเพื่อลงมติ

‘ผอ.เทพศิรินทร์’ เปิดใจ!! ดรามา ‘ค้านแปรอักษร’ งานจตุรมิตร ยัน!! กิจกรรมนี้คือความภาคภูมิใจของ ‘4 โรงเรียนสุภาพบุรุษ’

เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.66) ช่องยูทูบ Top News Live ได้เชิญ ผู้อำนวยการ นายวิธาน พรหมสินธุศักดิ์ หรือ ผอ.โรงเรียนเทพศิรินทร์ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปมดรามา 3 นิ้ว ‘ค้านแปรอักษร’ ในงานจตุรมิตร ครั้งที่ 30 ว่า…

ยืนอยู่ตลอด ก็คอยสังเกตการณ์ ซึ่งเขาก็จะมีวิธีการประชาสัมพันธ์ในลักษณะเชิญชวนน้อง ๆ ว่า ‘มีสิทธิเสรีภาพอย่าให้ใครมาบังคับน้อง ๆ อะไรต่าง ๆ ไม่ได้’ แล้วก็แจกใบค้าน ซึ่งผมจะแจกก็แจก แต่อย่าไปเอาไปขวางเด็ก ๆ เพราะเด็กเขาจะเดิน แล้วมันจะเสียจังหวะเสียแถว ซึ่งก็ได้อธิบายขยายความไป และตอนแรกเขาก็คิดว่าผมคงเป็นพ่อแม่ของเด็ก ๆ เพราะผมเรียกเด็ก ๆ ว่าลูก แต่ก็ได้บอกไปว่าไม่ใช่ ผมเป็นครูและนี่คือลูกศิษย์ทั้งนั้น ผมก็ดูแลเหมือนลูก จากนั้นก็ได้ขอทาง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เดินไปสนาม แต่ผมก็พยายามที่จะไม่คุย เพราะรู้ว่าคนกลุ่มนี้ต้องการแสง ต้องการราคา ต้องการที่จะมีที่ยืนในสื่อ ผมก็อยากจะให้พวกเขาเห็นว่าสิ่งนี้มันไม่มีอะไรที่จะมามีอิทธิพลเหนือกิจกรรมดี ๆ ที่เขาสร้างสมกันมา…

มันคือการเรียนรู้นอกห้องเรียน มันเป็นการเรียนรู้วิชาชีวิต วิชาความคิดสร้างสรรค์ วิชาการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เพราะฉะนั้นแน่นอนเด็กก็คือเด็ก สามารถถูกชักจูงได้ เพราะฉะนั้นกลุ่มผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวพวกนี้จึงมักใช้เด็กเป็นฐานในการล้างสมองเปลี่ยนความคิด เพราะเด็กชอบความสบาย อย่างไม่ต้องแต่งชุดนักเรียน ไม่ต้องอยู่ในระเบียบ แต่พอวันนึงเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะรู้ว่าพวกนี้มันเป็นมารร้ายที่มาทำให้เขาไม่มีวินัย และประเทศชาติถ้าไม่มีวินัยสังคมไทยมันอยู่ไม่ได้… เพราะฉะนั้นวิธีการที่เราจะบอกเด็กคือการอธิบายว่า ถ้าเกิดไม่ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ อะไรต่าง ๆ มันจะเป็นอย่างงี้นะ ซึ่งกล้ายืนยันตรงนี้ ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ไม่เคยมีเด็กไม่จบจากการที่ไม่ผ่านกิจกรรม เพราะไม่ได้แปรอักษรจตุรมิตร แต่ถ้ามันเป็นเพียงกระบวนอย่างไม่เข้าเรียนหนังสือ มันก็ต้องตก ฉะนั่นมันคือวิธีการเพื่อให้เขาอยู่ในกรอบในระเบียบ ดังนั้นไม่มีพ่อแม่หรือครูบาอาจารย์คนไหนทำร้ายเด็กทั้งนั้น…

ประเด็นถัดมาคือเรื่อง ‘ศิษย์เก่า’ ที่โผล่ค้านแปรอักษร โดยเด็กคนนี้ ผมมองว่าเขามีประเด็นมาหลายเรื่องที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ได้มารับตำแหน่งและที่ได้ทราบจากครูอาจารย์ว่าเขาเป็นมานานแล้ว เขาเป็นกลุ่มที่มีการประท้วงอะไรกันหลายครั้ง ตั้งแต่กลุ่มนักเรียนเลว อย่างล่าสุดตอนที่ผมมาก็คือเรื่องทรงผม สมัยตอนที่คุณตรีนุช เทียนทอง สั่งให้แต่ละโรงเรียนไปบริหารจัดการเรื่องทรงผม ซึ่งเขาก็พยายามที่จะตามหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อค้านให้เห็นว่าเด็กทุกคนคุณมีสิทธิไม่ต้องไปสนใจอะไรต่าง ๆ จากนั้นเขาก็ทำหนังสือไปถึงกรมคุ้มครองสิทธิต่าง ๆ เพื่อร้องเรียนว่าโรงเรียนไปละเมิดสิทธินักเรียน ทำให้เจ้าหน้าที่ทางกรมได้เข้ามาคุย ซึ่งก็ได้ชี้แจงอธิบาย และเอานักเรียนที่เกี่ยวข้องมานำเสนอพูดคุย จากนั้นทางกรมก็เข้าใจ

เพราะฉะนั้นจึงมองว่าในสังคมนี้เป็นอย่างที่พระเจ้าอยู่หัวเคยบอกว่ามีทั้งคนดีคนเลว ซึ่งทางโรงเรียนเทพศิรินทร์ก็สอน ‘น สิยา โลกวฑฺฒโน’ ความหมายคือ ‘ไม่ควรเป็นคนรกโลก’ แต่อย่างที่บอกนักเรียนเราตอนนี้เลขประจำตัว 50,000 กว่าคน ผมเชื่อว่ามันมีบางพวกที่เป็น ‘เทพศิรินทร์ปลอม’ ขออนุญาตใช้คำนี้ เป็นพวกที่ไม่ได้ได้ซึมซับความเป็นเทพศิรินทร์จริง ๆ แล้วมาอาศัยผืนแผ่นดินนี้เรียนเท่านั้น

ดังนั้น 4 โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนจตุรมิตร คือ ‘โรงเรียนสุภาพบุรุษ’ ซึ่งชีวิตคนทุกคนไม่มีใครสุขสบายทั้งชีวิต พ่อแม่เลี้ยงลูกก็ต้องอยากให้ลูกสบาย สามารถเข้าใจได้ แต่ความลำบากต่าง ๆ ที่ลูก ๆ ผ่านมาจากอุปสรรคนั้น ความปลอดภัยก็สำคัญมาก ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของครูบาอาจารย์ที่ต้องดูแล มันจะเป็นฐานที่สำคัญเลยที่จะทำให้เขายืนขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความองอาจและมีความเข้มแข็ง แต่วันนี้…ถ้าเกิดว่าคนไม่เคยเจอความลำบากเลย แล้วไปเจอ บางทีสู้ไม่ได้ นี่คือวิชาชีวิต นี่คือวิชาของลูกผู้ชาย…ซึ่งยอมรับเลยว่า 4 สถาบันนี้มีอย่างเต็มเปี่ยม ผมตอบแทนทั้งโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยได้ว่าทั้ง 4 สถาบันเรามีเป้าหมายเดียวกัน เราเป็นโรงเรียนที่มีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี เป็นโรงเรียนที่สังคมให้การยอมรับและศรัทธา…เพราะฉะนั้นผมเชื่อมั่น…

ทั้งนี้ อยากจะบอกทางน้องนักข่าวว่าถ้าจตุรมิตรไม่ดีจริง ถ้าการแปรอักษรการเชียร์มันเป็นเรื่องยากลำบาก ผมขออนุญาตเอาเหตุผลของเทพศิรินทร์เป็นตัวตั้งแล้วกัน…ทำไมนักเรียนเก่าถึงเอาลูกมาเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนเก่าทั้งนั้นที่เอาลูกมาเรียน ครั้งนึงผมเคยคุยกับเขา เขาบอกว่าเขาเคยอยู่บนสแตนด์เชียร์ เคยตากแดดตากฝน วันนั้นตอนที่เป็นเด็กอาจจะมีความรู้สึกเหมือนกันทำไมมันร้อน ทำไมมันลำบาก…แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องเล็ก เป็นเรื่องขี้ปะติ๋วที่คุยกัน คนที่ไม่ได้ไปเชียร์และแปรอักษรบางรุ่นบางช่วงบางเวลาเสียโอกาส…และบางคนถึงกับบอกเคยทำ 3 ครั้งเลย เพราะมีอยู่หลายช่วงเวลาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์และโรงเรียนในเครือจตุรมิตรได้รับโอกาสจากประเทศไทย เป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ โดยเขาก็จะเอาตัวแทนจาก 4 โรงเรียนไปแปรอักษรในนามของประเทศไทย ซึ่งสิ่งนี้คือโอกาส…และจตุรมิตรยังเป็นฐานของฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ การพบเห็นการเชียร์การแปรอักษรต่าง ๆ มันเกิดขึ้นจากเด็ก 4 โรงเรียนนี้ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่ดีงาม…

ซึ่งผมกำลังมองว่าการที่สอนหรือพยายามที่จะปลุกปั่นว่านี่คือการริดรอนสิทธิ ผมว่าสิทธิเสรีภาพมันต้องมากับ ‘หน้าที่’ และเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเราทำ เราคิดเสมอ ซึ่งผมและลูกของผมก็เป็นนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ บางคนอาจจะบอกว่า ครูทำได้สิ ก็ไม่ใช่ลูกครู…ลูกผมเมื่อตอนที่เป็นนักเรียนเก่ารุ่น 125 ก็ตากแดดตากลมตากฝนอย่างนี้เหมือนกัน และ ณ วันนี้ลูกครูบาอาจารย์หลายคนก็ขึ้นสแตนด์เหมือนกัน เราภาคภูมิใจ…ที่ลูกเรามีส่วนร่วมกับกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ตอบได้เลยว่าเป็นลูกผม ผมก็ให้ทำ…

‘Jet Delivery’ เปิดแผนรุกตลาดธุรกิจส่งอาหาร ตั้งเป้าขยายพื้นที่บริการ 100 สาขาทั่วประเทศในปี 68

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท ศิริอริย จำกัด ผู้บริหาร แพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่น Jet Delivery เตรียมแผนรุกตลาดธุรกิจส่งอาหาร ตั้งเป้าขยายพื้นที่เปิดบริการ 100 สาขาอำเภอ ทั่วประเทศ ภายในปี 2568

 

แอปพลิเคชัน Jet Delivery แพลตฟอร์มของคนไทย เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจส่งอาหารในช่วงปลายปี 2564 จวบจนปัจจุบัน มีสาขามากกว่า 30 สาขา ทั่วประเทศ ได้เตรียมแผนธุรกิจเชิงรุก เพื่อรองรับการขยายสาขาในปี 2567 โดยตั้งเป้าหมาย มีพื้นที่เปิดบริการสาขา รวมไม่น้อยกว่า 60 สาขา และในปี 2568 ตั้งเป้าขยายสาขาให้ได้ ครบ 100 สาขา ปัจจุบัน มีร้านค้าเข้าร่วมขายอาหารบนแพลตฟอร์ม มากกว่า 5,000 ร้านค้า 

2 ปี ที่ผ่านมา Jet Delivery กระตุ้นให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นหมุนเวียน สร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่น ทั้งในส่วนของร้านค้ามีช่องทางการขายมากขึ้น มีรายได้จากการขายอาหารเพิ่มขึ้น มีอัตราการจ้างแรงงานมากขึ้น มีพนักงานส่งอาหารซึ่งเป็นคนในพื้นที่ มีรายได้โดยไม่ต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิด

ในการให้บริการ Jet Delivery มีนโยบายการคิดค่า GP (Gross Profit) ที่ต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค ให้สามารถใช้บริการสั่งอาหารได้ประหยัด ตาม Concept ‘ส่งถูก ส่งดี ส่งฟรี ส่งไกล’

รูปแบบการดำเนินงานของ Jet Delivery จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ การเปิดสาขาบริการ ที่บริหารงานโดยบริษัทฯ เอง และ การหาพาร์ตเนอร์ลูกค้าที่มีความพร้อม ความสนใจที่ต้องการสร้างธุรกิจ ในท้องถิ่น โดยการซื้อแฟรนไชส์ ไปเปิดบริการในพื้นที่อำเภอที่ตนสนใจ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี สาขาแฟรนไชส์หลายสาขา สามารถสร้างผลตอบแทน และคืนทุนได้ภายใน 4-6 เดือน

ล่าสุด ผู้บริหาร ได้รับการคัดเลือกเข้าอบรม ในโครงการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ ผ่านโครงการ WE RISE Together สนับสนุนโดยรัฐบาลออสเตรเลียผ่านความร่วมมือแม่น้ำโขง-ออสเตรเลีย จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) แสดงให้เห็นถึงการให้โอกาสกับทุกเพศ อย่างเท่าเทียมในการทำงาน และการสร้างองค์กรธุรกิจด้วยความเสมอภาค

จากนโยบายของบริษัทฯ ที่ต้องการสร้างโอกาสให้คนไทย มีธุรกิจเป็นของตนเอง ส่งเสริมการสร้างอาชีพในท้องถิ่น สามารถสร้างรายได้ ด้วยการกำหนดราคาแฟรนไชส์ราคาประหยัด เพื่อให้ผู้สนใจ สามารถเข้าถึงธุรกิจแพลตฟอร์มแอปฯ เดลิเวอรี่ได้ และมุ่งเน้นทำตลาดในพื้นที่ โดยใช้เงินทุนที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับการต้องสร้างแพลตฟอร์มธุรกิจขึ้นมาใหม่ ย่อมเป็นการเริ่มต้นในการลงทุนที่ดี สำหรับผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ และอยากทำธุรกิจที่บ้านเกิดของตนเอง

วธ.ร่วมกับ จังหวัดน่าน ภาคีเครือข่ายวัฒนธรรมภาคเหนือ เปิดตัวตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทย ณ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน จังหวัดน่าน

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดพิธีเปิดตัวตลาดบก “ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน” หนึ่งใน 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้น เศรษฐกิจสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชนจากการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดใกล้เคียง โดยมี นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รับมอบหมายจากท่านปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิด โอกาสนี้  นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวรายงาน นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ผู้บริหาร สวธ. วัฒนธรรมจังหวัดน่าน พร้อมวัฒนธรรม 23 จังหวัดภาคเหนือ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด นายกเทศมนตรีเมืองน่าน  ประธานชุมชนบ้านภูมินทร์-ท่าลี่ ผู้ขับเคลื่อนตลาด นักท่องเที่ยวและประชาชน เข้าร่วมงาน ณ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน 

นายโกวิท ผกามาศ  อธิบดี สวธ.กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีเป้าหมายและพันธกิจสำคัญในการเทิดทูน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้มีการรักษาสืบทอด พัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งขับเคลื่อนงานศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม โดยปรับบทบาทสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน จึงได้ดำเนินโครงการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้วยทุนทางวัฒนธรรม การส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน สู่เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม : การดำเนินงานพัฒนาตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทย ด้วยการพัฒนาศักยภาพเส้นทางท่องเที่ยวตลาดบก สืบสานวัฒนธรรมไทย และจัดพิธีเปิดตัว 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม พร้อมสนับสนุนขยายช่องทางการตลาด ประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้ ในวงกว้าง ให้ตลาดชุมชนเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชนเกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป

ด้าน นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินโครงการเพิ่มมูลค่าทุนทางเศรษฐกิจด้วยทุนทางวัฒนธรรม “การส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน อัตลักษณ์ไทย สู่เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม : 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้ดำเนินการคัดเลือกตลาดบก และตลาดน้ำ ที่มีศักยภาพและมีความพร้อม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดย “ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน” ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ตลาดบก สืบสานวัฒนธรรมไทย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงได้ดำเนินโครงการด้วยการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชนให้พร้อมต่อการบริหารจัดการชุมชนและบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาที่มีอยู่ นำเสนออัตลักษณ์ของชุมชนให้สอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยว และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของการท่องเที่ยวโดยชุมชนและองค์กรเครือข่าย ในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การบริการ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การบริหารจัดการองค์กร และแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ตามความเหมาะสมของบริบทพื้นที่

ด้าน นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน  รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน  เปิดเผยว่า ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านเป็น 1 ในตลาดบก ที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน อัตลักษณ์ไทย สู่เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม : 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ผ่านตลาดบกหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ต้องการให้จัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดน่าน ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ภายในถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน มีการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม อาหารพื้นเมือง เสื้อผ้าพื้นเมืองและของที่ระลึก ไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาลองชิม โดยสามารถซื้ออาหารมานั่งรับประทานที่ลานข่วงเมืองน่าน มีเสื่อปูและขันโตกวางแทนโต๊ะให้นั่งทานอาหาร กระผมคิดว่าการเปิดตัวถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านในครั้งนี้  ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเป็นการกระตุ้นสร้างการรับรู้ให้แก่นักท่องเที่ยวได้รู้ถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรคฺ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน เมืองเก่าน่านแห่งนี้
           
“ ในโอกาสนี้ กระผมและชาวจังหวัดน่าน ขอขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรมที่สนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมเปิดตัวถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านเพื่อนำผลไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่จังหวัดน่าน” รองผู้ว่าฯจังหวัดน่าน กล่าว    

พิธีเปิดตลาดถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน เริ่มด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของชาวเหนือ  
ชื่อชุด “สาวน่านจ่ายกาดข่วงเมืองน่าน” จากนั้นประธานกล่าวเปิดงาน จบแล้วได้มอบของที่ระลึกให้แก่ผู้แทนถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านและมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน ได้แก่ นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน  รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน และมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะการประกวดคลิปสั้นผ่าแพลตฟอร์ม TikTok จำนวน 5  รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ นายองค์ปกรณ์ อินถา ทีมGUDJEB  รองชนะเลิศ อันดับ ๑ นายสิทธิโชค สีหราช รองชนะเลิศ อันดับ ๒ 

นายพิภพ ตั้งจิตนุสรณ์ รางวัลชมเชย นางสาวพิมพ์มาดา วงค์วิริยะ และนางสาวพิมพ์ลดา สมคำ หลังจากนั้น ประธานในพิธี รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ผู้แทนตลาด หัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติ เดินเยี่ยมชมการสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (C - POT/C CPOT) ณ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน พร้อมรับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ชุด ฟ้อนล่องน่าน (ชุมชนภูมินทร์ - ท่าลี่) ดนตรีวงล่องน่าน (กลุ่มศิลปินพื้นบ้านร่วมสมัย) และปิดท้ายด้วยการเดินแบบผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (C - POT/C CPOT) ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน  จังหวัดน่าน ถือเป็นตลาดบก ลำดับที่ 7 ต่อจาก  -ตลาดจีนโบราณชากแง้ว จังหวัดชลบุรี  -ตลาดสู้ศึกคึกคัก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ -ตลาดเชียงคาน จังหวัดเลย -ตลาดคลองบางหลวง ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ  -ตลาดริมน้ำคลองแดน จังหวัดสงขลา ที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว โดยตลาดบกที่จะจัดพิธีเปิดลำดับต่อไป ได้แก่ - ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566  -ตลาดเขมราษฎร์ธานี อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ในวันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566  -ตลาดตรอกโรงยา อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ในวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 และปิดท้ายด้วย -ตลาดเก่าหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2566 จึงขอเชิญชวนประชาชน ไปเที่ยวชมอุดหนุนสินค้าของดี สัมผัสวิถีชุมชน กระจายรายได้ให้ท้องถิ่น

ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน หรือ ถนนคนเดินเมืองน่าน ตั้งอยู่ถนนผากองติดกับวัดภูมินทร์ ซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังปู่ม่านย่าม่าน หรือกระซิบรักบันลือโลกที่โด่งดัง และซุ้มพญานาคคู่ที่เชื่อกันว่าหากคูรักใดได้มาลอดซุ้มนี้จะทำให้ความรักยั่งยืนเป็นนิรันดร์ เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม เป็นถนนคนเดินที่ไม่ยาวมาก ระยะทางประมาณ 500 เมตร จุดเริ่มต้นอยู่บริเวณสี่แยกวัดพระธาตุช้างค้ำ ผ่านวัดภูมินทร์ไปถึงสามแยกถนนจัทรประโชติ บริเวณหน้าวัดภูมินทร์มีลานข่วงเมืองน่านขนาดใหญ่ จัดเป็นที่นั่งทานอาหารปูเสื่อ พร้อมขันโตก ให้วางอาหารที่ได้ซื้อมาทานบริเวณนี้ พร้อมฟังดนตรีสดขับกล่อม ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของการเที่ยวเมืองน่าน ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาถนนคนเดินแห่งนี้ที่มีเสน่ห์แบบเมืองน่านเนิบๆ ซึ่งมีอาหารพื้นเมือง เช่น ไข่ป่าม ข้าวกั๋นจิ้น น้ำพริกหนุ่ม ไสอั่วและแกงทางเหนือต่าง ๆ ให้ลองลิ้มชิมรส นอกจากนี้ยังมีจำหน่าย เสื้อผ้าพื้นเมือง  ผ้าพันคอ งานแฮนด์เมด ที่สามารถซื้อเป็นของขวัญของฝากได้ในราคาที่แสนย่อมเยา เดินเล่นชิวๆกับบรรยากาศที่เย็นสบายในช่วงปลายฝนต้นหนาว  โอกาสนี้ สวธ.ขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้มาลองสัมผัสชีวิตสโลไลฟ์ของบรรยากาศเมืองน่านดูสักครั้งแล้วจะเผลอตกหลุมรักเมืองน่านเนิบๆแบบไม่รู้ตัว

‘3BB’ ผนึกกำลัง ‘AIS’ พร้อมยกระดับเน็ตบ้านให้คนไทย หลัง กสทช.อนุญาตให้ซื้อกิจการ ย้ำ!! ลูกค้าปัจจุบันใช้งานได้ปกติ

เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.66) นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB กล่าวถึง กรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้พิจารณาอนุญาตให้บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB (TTTBB) และการซื้อหน่วยลงทุนบางส่วนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บรอดแบนด์ - JASIF ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแก่ 3BB เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา

โดยหลังจากนี้ จะเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนการให้บริการของ 3BB ลูกค้าในปัจจุบันนั้น จะยังคงสามารถใช้บริการได้ตามปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งทั้ง AIS และ 3BB จะร่วมผนึกกำลังและนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัท มาร่วมกันส่งมอบให้ลูกค้าได้รับบริการที่ยกระดับไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีโครงข่าย การขยายพื้นที่ให้บริการ บริการหลังการขาย ดิจิทัล คอนเทนต์ นวัตกรรม ฯลฯ โดยจะทยอยส่งมอบบริการพร้อมสิทธิพิเศษที่หลากหลาย และสะดวกมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“การที่ 3BB ได้เข้าไปเป็น 1 ในกลุ่มธุรกิจของ AIS ที่เป็นผู้นำทางด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการดิจิทัล นอกจากจะเป็นผลดีแก่ลูกค้าแล้ว ยังช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Infrastructure Sharing) ตามนโยบาย กสทช. ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการพัฒนาอุตสาหกรรม Fix Broadband หรือ เน็ตบ้าน อาทิ ความชำนาญในการพัฒนาบริการเน็ตบ้านในพื้นที่ห่างไกลของ 3BB หรือ ความชำนาญของ AIS เกี่ยวกับบริการดิจิทัล และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งจะช่วยให้เติมเต็มซึ่งกันและกัน พร้อมทำให้บริการเน็ตบ้าน ก้าวสู่ความเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอัจฉริยะ ที่จะทำให้ทั้งระดับประชาชน ผู้ประกอบการในทุก ๆ อุตสาหกรรม ตลอดจนเศรษฐกิจประเทศแข็งแกร่ง พร้อมรับมือความท้าทายที่ท่ามกลางความแปรปรวนของเศรษฐกิจในระดับมหภาคได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป” นายสุพจน์ กล่าว

‘สว.วีระศักดิ์’ บรรยายพิเศษ นักศึกษานิติฯ ป.โท มธ. ในหัวข้อ ‘ข้อพิพาทสิ่งแวดล้อมกับการนิติบัญญัติ’

เมื่อวานนี้ (13 พ.ย. 66) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เชิญนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปบรรยายในหัวข้อเรื่อง ‘ข้อพิพาทสิ่งแวดล้อมกับการนิติบัญญัติ’ ระหว่างเวลา 17.30 - 20.30 น. ให้กับนักศึกษาในระดับปริญญาโท ของคณะนิติศาสตร์ ซึ่งกำลังศึกษาในวิชา น.784 ปัญหาการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อม ภาค 1 

โดยนอกจากที่ได้บรรยายถึงร่างกฎหมายอากาศสะอาด ปัญหาการเผาในที่โล่ง ไฟในป่าและในแปลงเพาะปลูกแล้ว วิทยากรยังได้อธิบายถึงปัญหาภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และผลกระทบทั้งทางบก ในทะเล ที่ล้วนกำลังเคลื่อนไปสู่จุด tipping points ต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้นักศึกษาสามารถเห็นความเชื่อมโยงอันซับซ้อนของระบบในธรรมชาติของโลกอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

‘วราวุธ’ เร่งประสาน 'กต.-สตช.' ช่วยคนไทยในเล่าก์ก่าย เผย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนยืนยันตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบ

(14 พ.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการช่วยเหลือคนไทย 162 คนในเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา นายวราวุธ กล่าวว่า ในขณะที่ทางกระทรวง พม. ได้ประสานงานทั้งกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการยืนยันจำนวนตัวเลขของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด และทางกระทรวง พม. เองได้มอบค่าเดินทาง และค่าเยียวยาให้กับผู้ไร้ที่พึ่งพิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูในมิติอื่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้ามนุษย์ และประเด็นเรื่องความมั่นคง ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศและ สตช. จะมีการประชุมร่วมกับกระทรวง พม. ในการหาแนวทางการช่วยเหลือคนไทยทั้งหมดที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว

เตรียมจัดเสื้อผ้า ‘สีมงคล - เสริมดวงชะตา’ ประจำปี 2567

สายมูมามุงด่วน ๆ อีกเดือนกว่า ๆ ก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว นอกจากการเดินทางกลับบ้าน แวะเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ และพักผ่อน สิ่งที่ต้องทำก่อนกลับไปทำงาน ก็คือ ‘เช็กสีมงคล’ ประจำปี 2567 เพื่อจะได้เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่ให้เสริมดวงชะตา ทั้งการงาน การเงิน ความรัก โชคลาภ ผู้ใหญ่เมตตา

ส่วนใครพร้อมแล้ว มาเช็กสีกัน…

‘ครม.’ เคาะ!! หนุนเงินช่วยชาวนา ไร่ละ 1 พันบาท ไม่เกิน 20 ไร่ พร้อมไฟเขียวขึ้นราคา ‘น้ำตาล’ 2 บาท/กก. หลังต้นทุนชาวไร่อ้อยพุ่ง

(14 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับส่วนที่ตนดูและรับผิดชอบก็คือเรื่องข้าวและน้ำตาล ในเรื่องราคาข้าวนั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายข้าว ได้มีการประชุมกันและได้ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทำการหารือกัน ซึ่งได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้หารือและนำสรุปเข้า ครม.วันนี้ ได้ข้อสรุปว่า เงินค่าช่วยบริหารจัดการ ที่จะให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 20 ไร่ เกษตรกรแต่ละครัวเรือนก็จะได้ครั้งละไม่เกิน 20,000 บาท ตรงนี้ก็ได้ประชุมเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการตั้งแต่มติ ครม.ออก ซึ่งจะรอให้ ธ.ก.ส.เคลียร์รายละเอียดประชุมเสนออีกครั้งหนึ่ง เข้าใจว่าอย่างเร็วก็จะเป็นวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน หรือวันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายนนี้ แต่อยู่ภายในกรอบหนึ่งเดือน ซึ่งเกษตรกรจะได้รับเงินตรงนี้ต่อเนื่องไป

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนเรื่องน้ำตาล ตนก็ได้รับฟังจากที่ประชุม ซึ่งตนได้มีการประชุมกับคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) และได้พูดคุยกับเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอธิบดีกรมเจรจาการค้าต่างประเทศ ก็ได้ประชุมหารือร่วมกันไปถึง 2 ครั้ง และได้ข้อสรุปว่าเราจะดำเนินการ ในการที่จะพิจารณาอย่างเหมาะสม ตามความเป็นจริง ประเด็นแรก คือ ดูต้นทุนของเกษตรกรชาวไร่อ้อย แล้วเห็นว่าก็สมควรให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยขึ้นราคา 2 บาท ตามที่ต้นทุนมีอยู่

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนกรณีของเรื่องอีก 2 บาท ที่ขอขึ้นเพื่อจะใช้ในกองทุนเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม อันนี้เรายังไม่ให้ขึ้น ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม และกรรมการที่เกี่ยวข้องไปหารือกันว่า เรื่องนี้ไม่ควรจะให้ผู้บริโภครับผิดชอบคนเดียว ให้ไปดูว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับใครอย่างไร มีช่องทางในการดำเนินการจัดการอย่างไร ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นที่ยังไม่อนุมัติ และขอให้ดำเนินการตามนี้

เมื่อถามถึง ปัญหาเรื่องน้ำตาลขาด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ได้คุยกับที่ประชุมที่เกี่ยวข้องทุกส่วนแล้ว ยืนยันว่า น้ำตาลจะไม่ขาด

เมื่อถามว่า การประชุมมีเรื่องอื่นด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คิดว่าเอาเรื่องเฉพาะหน้า ที่เกษตรกรกำลังเดือดร้อน และก็จะได้คุมราคาน้ำตาลขึ้นสองบาท แล้วก็สามารถดำเนินการได้ ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ สำหรับอนาคตที่จะต้องมีการปรับอะไรต่างๆ ก็ค่อยว่ากัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องฉุกเฉิน ที่มีปัญหาอยู่ และเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่ประชาชนกำลังรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า จะมีผลตั้งแต่วันนี้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ครม.ได้กำหนดเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เกี่ยวข้องก็ไปดำเนินการต่อ จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

‘Nvidia’ พัฒนา ‘H200’ ชิป AI รุ่นใหม่เร็วแรงกว่าเดิม เด่นด้านการประมวลผล ‘Google-Microsoft’ จ่อใช้ปีหน้า

(14 พ.ย. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ยักษ์ผู้ผลิตการ์ดจอในสหรัฐฯ ‘เอ็นวิเดีย’ (Nvidia) ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ให้กับชิปรุ่นล่าสุดที่ใช้สำหรับการพัฒนา AI

ทั้งนี้ ชิปดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘H200’ ซึ่งจะมีคุณสมบัติแซงหน้า ‘H100’ ที่เป็นชิปเรือธงรุ่นปัจจุบันของ Nvidia โดยส่วนที่ได้รับการอัปเกรดเป็นหลัก คือหน่วยความจำที่มีแบนด์วิธสูงขึ้น ถือเป็นหนึ่งในส่วนที่แพงที่สุดของชิป เพราะมีผลต่อความเร็วในการประมวลผลข้อมูล

ชิป H200 มีหน่วยความจำแบนด์วิธสูงถึง 141 กิกะไบต์ เพิ่มขึ้นจาก 80 กิกะไบต์ในชิป H100 รุ่นก่อน ซึ่ง Nvidia ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อซัพพลายเออร์สำหรับการพัฒนาชิปตัวใหม่ แต่รายงานข่าวจาก Micron Technology ระบุว่าบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อเป็นซัพพลายเออร์ของ Nvidia รวมถึง Nvidia ยังซื้อหน่วยความจำจาก SK Hynix ผู้จัดจำหน่ายชิปในเกาหลีใต้ด้วย

นอกจากนี้ รายงานข่าวระบุด้วยว่า ชิป H200 จะเริ่มใช้กับผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น Amazon Web Services, Google Cloud, Microsoft Azure และ Oracle Cloud เป็นรายแรก ๆ ในปีหน้า นอกเหนือจาก CoreWeave, Lambda และ Vultr ที่เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ AI โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังคงครองตลาดชิปสำหรับการพัฒนา AI ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ Nvidia เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนบริการของ ChatGPT และโมเดล AI อื่น ๆ โดยการเพิ่มหน่วยความจำให้มีแบนด์วิธสูงขึ้น จะช่วยให้การประมวลผลของชิปเร็วขึ้นด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top