Monday, 23 June 2025
NewsFeed

‘นร.อัสสัมชัญ’ แชร์ความรู้สึกหลังร่วมแปรอักษร แม้อากาศร้อน-แดดแรง แต่ภูมิใจที่ได้ทำเพื่อโรงเรียน

เมื่อวานนี้ (12 พ.ย. 66) เพจ ‘Assumption College • โรงเรียนอัสสัมชัญ’ ได้โพสต์ข้อความความรู้สึกของเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมการแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณี 'จตุรมิตรสามัคคี' ระบุว่า…

บางอารมณ์จากความรู้สึกของการร่วมแปรอักษรฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 ของเด็กอัสสัมชัญ

"สนุกมากครับ ถึงจะเหนื่อย เเต่ถ้ามาทำเพื่อโรงเรียน ไม่ว่าจะเเปลอักษร ร้องเพลงเชียร์ ผมพร้อมหมดครับ เพราะผมภูมิใจในความเป็นอัสสัมครับ หลังจากนี้จะทำเพื่อโรงเรียนต่อไป"
ภัทรพล หังสพฤกษ์ ม.3/1

"แปรอักษรสนุกดี แต่วันนี้อากาศร้อน เป็นประสบการณ์ที่ต้องกินข้าวบนสแตนด์แปรอักษร แต่โดยรวมสนุกมากครับ ผมนั่งเกือบริมที่อยู่ใกล้เพื่อน ๆ จากโรงเรียนเทพศิรินทร์"
ปัณณเชษฐ์ สุรสรณเศรษฐ์ ม.3/7

"ผมนั่งสแตนด์ส่วนของสำรอง โดนแดดเผาจนผิว แต่ได้ร่วมตะโกนร้องเพลงเชียร์พี่ ๆ น้องฟุตบอล ก็รู้สึกดีมากครับ"
ชัยพฤกษ์  ปัญญาใส ม.2/4

"ผมบอกเลยว่ามันเป็นการเชียร์และแปรอักษรที่สนุก ผมร้องเพลงแบบสุดเสียง แต่ก็มีช่วงที่ท้อแท้ เพราะต้องทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน แต่ก็เป็นช่วงเวลาในชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้วครับ"
ภัทรพล เจริญบุตร ม.1/5

‘ยานพาหนะไร้คนขับ’ ตัวช่วยส่งพัสดุด่วน-หนุนชอปออนไลน์โต รุกคืบเข้าไทย ‘KMITL’ เริ่มใช้ให้บริการอาจารย์-นักศึกษาแล้ว

(13 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า หลังเทศกาลชอปปิง 11.11 (Double Eleven) ซึ่งเป็นมหกรรมลดราคาสินค้าออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสิ้นสุดลง ช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดสำหรับการขนส่งพัสดุด่วนก็หวนกลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ ผู้บริโภคชาวจีนเริ่มพบเห็นยานพาหนะขนส่งพัสดุไร้คนขับที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามามีบทบาทในชีวิต สร้างความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา เมืองหยางเฉวียน มณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน ซึ่งเปิดให้มีการขับขี่อัตโนมัติทั่วทุกพื้นที่ มีการใช้รถขนส่งพัสดุด่วนไร้คนขับ 12 คันขนส่งพัสดุให้ผู้บริโภค โดยปริมาณการขนส่งสูงถึงเกือบ 10,000 รายการต่อวัน

เฝิงไห่ปิน เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จีนกล่าวว่ารถขนส่งเหล่านี้ช่วยลดเวลาการทำงานของเขาลงได้ 1 ชั่วโมง แถมช่วยให้ขนส่งพัสดุด่วนได้มากกว่าร้อยละ 30

ยานพาหนะเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (L4) มีขนาดตัวรถใกล้เคียงกับสมาร์ต (Smart) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในเครือเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ทำงานด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รับน้ำหนักได้ 600 กิโลกรัม และสามารถขนส่งพัสดุได้สูงสุดเกือบ 800 ชิ้นต่อวัน

นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีไลดาร์ (lidar) 2 ตัว พร้อมกล้อง 11 ตัว ทำให้ตรวจจับไฟจราจร ยานพาหนะ คนเดินเท้า ฯลฯ ภายในระยะ 120 เมตรได้ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งชิปสมรรถนะประมวลผล 254 TOPS หรือประมวลผลเทระต่อวินาที (tera operations per second) จึงสามารถปรับแผนการเดินทางให้เข้ากับสถานการณ์บนท้องถนน แต่หากเผชิญเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประจำการอยู่ก็ยังสามารถควบคุมยานพาหนะฯ จากระยะไกลได้แบบเรียลไทม์ผ่านสัญญาณ 5G

รายงานระบุว่าตลาดขนส่งพัสดุของจีนมีขนาดใหญ่มาก โดยในปี 2022 ปริมาณการขนส่งด่วนของจีนพุ่งทะลุ 1.1 แสนล้านชิ้น ครองอันดับหนึ่งของโลก 9 ปีติดต่อกัน และการใช้งานยานพาหนะไร้คนขับได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังช่วยขยายโอกาสทางการตลาด

ไชน่า อินเตอร์เนชันนัล แคปิตัล คอร์ปอเรชัน (CICC) คาดการณ์ว่าตลาดการขนส่งด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของจีนจะสูงถึง 1.7 แสนล้านหยวน (ราว 8.51 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ ในเมืองต่าง ๆ อาทิ ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเหอเฝยต่างกำลังพัฒนาเทคโนโลยียานพาหนะไร้คนขับอย่างแข็งขันเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น ยานพาหนะไร้คนขับของจีนได้ออกเดินทางสู่ทั่วโลกแล้ว หนึ่งในนั้นคือที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งได้มีการใช้งานยานพาหนะไร้คนขับเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คณาจารย์และคณะนักศึกษา สามารถส่งของกินเล่นมาถึงที่แบบไม่ต้องเดินไปไหนไกล

คมสัน มาลีสี คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ กล่าวว่ายานพาหนะคันนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้นักศึกษาและบุคลากรของสถาบันฯ มีช่องทางจับจ่ายซื้อสินค้าได้สะดวกสบายขึ้นเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีในการพัฒนาชีวิตนักเรียนและบุคลากรในรั้วมหาวิทยาลัย อีกทั้งระบบนำทางอัจฉริยะและระบบรักษาความปลอดภัยของรถ ช่วยให้ความมั่นใจในการใช้งาน 

จ้าวซินสุย รองประธานของนีโอลิกซ์ (Neolix) ผู้ผลิตยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ กล่าวว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ถูกส่งออกไปยัง 12 ประเทศในเอเชีย ยุโรป และถูกใช้งานครอบคลุมทั้งในโรงเรียน ชุมชน โรงพยาบาล และสถานประกอบการ โดยบริษัทฯ คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 จะมียานพาหนะไร้คนขับเช่นนี้เข้าสู่ไทยมากกว่า 50 คัน และเข้าสู่กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 100 คัน

ผลสัมฤทธิ์จากการพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ครบวงจรอย่างการสื่อสาร 5G การผลิตยานยนต์ และอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ช่วยให้ต้นทุนการผลิตยานพาหนะขนส่งไร้คนขับของจีนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานระบุว่านับตั้งแต่ยานพาหนะไร้คนขับรุ่นแรกออกจากสายผลิตเมื่อปี 2018 ความเร็วออกแบบสูงสุดของรถเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นจาก 5 กิโลเมตรเป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จำนวนเรดาร์ลดลงจาก 5 ตัวเป็น 2 ตัว และต้นทุนรวมของยานพาหนะลดลงมากกว่าร้อยละ 50

จ้าวทิ้งท้ายว่าโมเดลการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรจะกลายเป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพแก่ผู้ประกอบการ พร้อมย้ำว่าบริษัทฯ จะเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์อย่างรอบด้านต่อไป

‘โปเต้’ นักตบลูกขนไก่พาราไทย คว้า 2 แชมป์ ‘เดี่ยว-คู่’ รายการ Japan Para Badminton International 2023

(13 พ.ย.66) นักตบลูกขนไก่คนพิการไทย ผงาดคว้า 2 แชมป์ในการแข่งขันแบดมินตันคนพิการรายการ Japan Para Badminton International 2023 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน

รอบชิงชนะเลิศ นักแบดฯ ไทยฝ่าด่านเข้ามาได้ 2 ประเภท เริ่มจากชายเดี่ยว SH6 ‘โปเต้’ ณัฐพงษ์ มีชัย เอาชนะ ชู มาน ไค มือ 1 ของโลกและเจ้าของเหรียญทองเอเชียนพาราเกมส์ครั้งล่าสุดจากฮ่องกง 2-1 เกม 17-21, 21-6, 21-19

จากนั้น โปเต้-ณัฐพงษ์ จับคู่กับ ฉ่าย แซ่ย่าง ลงเล่นคู่ผสม SH6 เอาชนะ หลิน หนาย หลี่-หลี่ เฟิง เม่ย จากจีน 2-1 เกม 21-18, 11-21, 22-20 ทำให้แบตฯ ไทยคว้า 2 แชมป์มาครอง

'สุริยะ' จี้!! ทุกหน่วยเกี่ยวข้อง ปราบ 'รถบรรทุกน้ำหนักเกิน-ส่วยสติกเกอร์'  สั่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 'ติดตาม-ตรวจสอบ' ปิดช่องโหว่ทุจริตคอร์รัปชัน

(13 พ.ย. 66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ตนได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบาย “คมนาคมเพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ในทุกมิติ พร้อมกำชับการทำงานทุกขั้นตอน ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ปฏิบัติงานด้วยความสุจริต และปราศจากการทุจริต โดยเฉพาะประเด็นเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือส่วยสติกเกอร์ทางหลวงของกรมทางหลวง (ทล.) ที่ได้เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้นั้น ได้เน้นย้ำว่าในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะต้องไม่มีการทุจริต หรือมีส่วยสติกเกอร์ทางหลวงเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด

นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาได้ติดตามเรื่องส่วยสติกเกอร์มาอย่างต่อเนื่อง จึงได้สั่งการให้ ทล. รวมถึงหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ทำงานเชิงรุก หมั่นตรวจตรากวดขัน และบังคับใช้กฎหมายในเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างจริงจังต่อเนื่องเพื่อป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการทุจริต อีกทั้งเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางหลวงแผ่นดิน หรือมีสภาพทรุดโทรมก่อนช่วงเวลาที่ได้ออกแบบไว้ และอาจจะก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย และสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน อีกทั้งทำให้ภาครัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก มาดำเนินการซ่อมแซมและบำรุงรักษาถนนด้วย

นอกจากนี้ได้สั่งให้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งให้ความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในการตรวจสอบและจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่แอบหลีกเลี่ยงเข้าไปใช้เส้นทางในพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายกับพื้นผิวจราจร หรือโครงสร้างของทางพิเศษ นอกจากนี้ ให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการติดตามตรวจสอบรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งจะมีความแม่นยำและช่วยลดดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะเป็นการปิดช่องโหว่การทุจริตคอร์รัปชันได้อีกด้วย

นายสุริยะ กล่าวถึงสถิติการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินว่า จากการรายงานของ ทล. ในการดำเนินการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทั้งในส่วนของสถานีตรวจสอบน้ำหนักและการจัดหน่วยตรวจสอบน้ำหนักเคลื่อนที่ (Spot Check) จากทุกสถานีฯ และหน่วยเฉพาะกิจส่วนกลาง ทำการออกสุ่มตรวจสอบน้ำหนักยานพาหนะทั่วประเทศ พบว่า ในปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) สามารถจับกุมได้ 3,416 คัน และในปีงบประมาณ 2567 (วันที่ 1 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2566) จับกุมได้ 394 คัน ขณะที่ ทช. ได้ดำเนินการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดที่สถานีฯ และจัดหน่วย Spot Check ตามสายทาง พบว่า ในปีงบประมาณ2566 รวม 8 คัน

ทั้งนี้ในส่วนกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้รวบรวมข้อมูลผลการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินจาก ทล. และ ทช. ในกรณีที่ได้รับแจ้งว่ามีการดัดแปลง/ต่อเติมตัวรถ โดยได้นำข้อมูลรถบรรทุกดังกล่าว แจ้งต่อ นายทะเบียนตามเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อแจ้งผู้ประกอบการขนส่งให้นำรถเข้าตรวจสภาพ โดยจะตรวจสอบว่า มีการดัดแปลง/ต่อเติมแก้ไขตัวรถ หรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ส่วนควบให้ผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ หรือผิดแผกแตกต่างในสาระสำคัญที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางมาตรการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างยั่งยืนนั้น ทล. ได้มีมาตรการที่เข้มงวดในการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างต่อเนื่องผ่านศูนย์ควบคุมเครือข่ายส่วนกลาง สามารถส่งข้อมูลออนไลน์แบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีฯ และมีศูนย์รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ได้บูรณาการความร่วมมือกับ ขบ. ในเรื่องของระบบ GPS เพื่อติดตามรถบรรทุกที่คาดว่าจะมีน้ำหนักเกิน จากนั้นส่งข้อมูลการต่อเติมรถบรรทุกให้ ขบ. ดำเนินการตามกฎหมาย

ขณะเดียวกัน ทล. ยังขอความร่วมมือภาคเอกชนและผู้ประกอบการรถบรรทุกร่วมกันในการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างยั่งยืน รวมถึงมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ประจำสถานีฯ ทั่วประเทศ ครั้งละไม่เกิน 1 ปี เพื่อลดความคุ้นเคยของเจ้าหน้าที่กับผู้ประกอบการขนส่งเพื่อป้องกันโอกาสการทุจริต อีกทั้งนำเทคโนโลยีระบบชั่งน้ำหนักยานพาหนะขณะเคลื่อนที่ (WIM) มาใช้ให้เพียงพอกับการปฏิบัติงาน และการนำกล้องตรวจการณ์มาใช้ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะแก่เจ้าหน้าที่ อาทิ เบี้ยเลี้ยง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจและลดปัญหาการทุจริต

ขณะที่ ทช. ได้จัดทำหลักสูตรอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกำกับน้ำหนักบรรทุกตาม พ.ร.บ. ทางหลวงพ.ศ. 2535 ให้กับเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับคัดเลือกจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรวมถึงนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่รถบรรทุกกับเจ้าหน้าที่และลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ เช่น ระบบ WIM ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เป็นต้น

ส่วน ขบ. โดยกองตรวจการขนส่งทางบกได้ออกตรวจสอบรถที่ผิดกฎหมาย โดยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะออกตรวจสอบทุกวัน สำหรับสำนักงานขนส่งจังหวัดจะออกตรวจสอบอย่างน้อย 3 ครั้งต่อเดือน รวมทั้งได้ติดตั้งเครื่องชั่งแบบ WIM และเครื่องชั่ง Static สำหรับให้รถบรรทุกเข้าชั่งน้ำหนักและบันทึกข้อมูลน้ำหนักรถเข้าสู่ระบบควบคุมประตูอัตโนมัติ (GCS) ขาออก ก่อนออกจากสถานีขนส่งสินค้า เพื่อให้พนักงานขับรถทราบถึงน้ำหนักสินค้าที่บรรทุกก่อนออกจากสถานีขนส่งสินค้า นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดและดำเนินการเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 อย่างเคร่งครัดด้วย

‘ลูกศิษย์-ผู้ปกครอง’ ร่วมวางดอกไม้อาลัย ‘ครูเจี๊ยบ’ เหยื่อลูกหลงยิงอริต่างสถาบัน ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ

(13 พ.ย.66) จากเหตุการณ์กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกคู่อริใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ส่งผลให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และประชาชนถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย คือ ‘ครูเจี๊ยบ’ เหตุเกิดบริเวณหน้าที่บริเวณหน้าธนาคาร TTB ใกล้แยก ณ ระนอง เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ผู้ปกครองนักเรียน..ร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัย ณจุดเกิดเหตุ

ล่าสุด ที่โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ทางคณะผู้บริหารโรงเรียนได้มีการจัดกิจกรรมร่วมไว้อาลัยกับการสูญเสีย นางสาว ศิรดา สินประเสริฐ หรือ ‘ครูเจี๊ยบ’ ครูสอนคอมพิวเตอร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ บุคลากรคนสำคัญ และเตรียมยกระดับมาตรการความปลอดภัยรอบรั้วโรงเรียน พร้อมประสานตำรวจเสริมทักษะรับมือสถานการณ์รุนแรง ด้านผู้ปกครองนักเรียนร่วมวางดอกไม้ ณ จุดเกิดเหตุเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยรักที่มีต่อครูเจี๊ยบ

โดยภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม นางสาวชณัฐศิกาญน์ มณีอินทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลและงบประมาณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ด้วยเสียงสะอื้น ว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมามีพิธีสวดภาวนาอุทิศดวงวิญญาณแด่ผู้ล่วงลับให้ครูเจี๊ยบ ซึ่งเป็นพิธีทางศาสนาคริสต์ หลังสวดเสร็จมีการนั่งสมาธิรำลึกถึงครูเจี๊ยบ ซึ่งครูเจี๊ยบอยู่กับเรามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ประมาณ 27 ปี และปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง รักเด็กนักเรียน ให้ความช่วยเหลือเพื่อนครู ผู้ปกครอง ซึ่งการสูญเสียครั้งนี้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และปกติแล้วห้องทำงานของตนจะอยู่ติดกับห้องทำงานของครูเจี๊ยบ ช่วงเช้าครูเจี๊ยบก็จะเดินทางมาทักทายตามปกติ ถามว่ากินข้าวหรือยัง จะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ซึ่งครูเจี๊ยบเป็นคนดีมาก และปกติครูและนักเรียนก็จะใช้ชีวิตประจำวันปกติแบบนี้ ออกไปซื้อของหน้าโรงเรียน และเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

ส่วนวันนี้จะมีตำรวจจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ มาให้ความรู้เด็กนักเรียนเบื้องต้นในเรื่องการป้องกันและระวังตัวเองจากภัยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เด็กมีภูมิความรู้ในเรื่องนี้

ส่วนความช่วยเหลือเบื้องต้น คณะผู้บริหารโรงเรียน สมาคมผู้ปกครอง สมาคมศิษย์เก่า มีเงินช่วยเหลือและจัดพิธีศพ โดยทางโรงเรียนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนเงินที่ผู้ปกครองและเพื่อนครูร่วมทำบุญมาทางโรงเรียนก็มีฝ่ายบัญชีบันทึกและรวบรวมข้อมูล คณะผู้บริหารก็จะส่งมอบให้คุณพ่อและคุณแม่ของครูเจี๊ยบอย่างเป็นทางการ ซึ่งครูเจี๊ยบเป็นคนดูแลครอบครัวคนเดียวของบ้าน

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้มีการคัดกรองอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว รถที่จะเข้ามาในโรงเรียนก็จะต้องมีสติกเกอร์ของโรงเรียนถึงจะเข้าไปในโรงเรียนได้ ส่วนผู้ปกครองก็จะรอรับนักเรียนด้านนอกเป็นปกติ ซึ่งทางโรงเรียนมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในการเข้าออก มีประตูเข้าออกเพียงด้านเดียว ซึ่งเด็กนักเรียนก็จะไม่สามารถออกไปไหนได้ ส่วนคนที่จะเข้ามาในโรงเรียนก็จะเข้ามาได้แค่เพียงประตูหน้าประตูเดียวเท่านั้น

ด้าน นายเลิศศักดิ์ แจ่มคล้าย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง บอกว่าช่วงเช้าที่ผ่านมายังได้กล่าวถึงคุณงามความดีของครูเจี๊ยบที่ได้ปฎิบัติหน้าที่ในโรงเรียน ซึ่งต้องบอกว่าครูเจี๊ยบเป็นครูที่มีคุณภาพ บุคลากรของโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ก็รู้สึกเสียใจมาม และยอมรับว่าทุกคนช็อกกับเหตุการณ์นี้มาก เพราะเหตุการณ์นี้เป็นภัยที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเรา

ส่วนการดูแลความปลอดภัยโดยรอบโรงเรียน ตอนนี้ สน.ท่าเรือ และ สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ประสานกับทางโรงเรียน ดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยตลอด และรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวานนี้ก็มาดูแลประจำที่จุดตรวจหน้าโรงเรียน มีการคัดกรองอย่างละเอียด ติดสติกเกอร์ และมีคิวอาร์โค้ด ซึ่งในแต่ละวันก็จะเข้าเวรตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็น ซึ่งตำรวจก็จะดูแลแบบนี้ตลอด

ส่วนการดูแลเยียวยาจิตใจเด็กนักเรียน คุณครูก็จะค่อย ๆ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเราปฎิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้บริหาร คุณครู และนักเรียนทุกคน ซึ่งในส่วนนี้ต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการดูแลจิตใจ ซึ่งทุกคนก็หวาดกลัวกันมากและรู้สึกเศร้าสลดมากเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหัน

ส่วนมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยกับครูและนักเรียน ก่อนหน้านี้ก็มีการคัดกรองอย่างเข้มงวดมาอยู่แล้ว ในโรงเรียนมีกล้องวงจรปิดทุกจุด ซึ่งเราเน้นเรื่องนี้มานานแล้วและไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้เกิดขึ้น หลังจากนี้ก็จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น และทาง สน.ต่าง ๆ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหายไปเลย เราจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

'รฟท.' จ่อลงนามไฮสปีด 'ไทย-จีน' สัญญาที่ 4-5  ยันเปิดใช้ไฮสปีดเส้นแรกของไทยตามแผนปี 71

(13 พ.ย. 66) นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ระยะทาง 250.77 กิโลเมตร (กม.) ว่า ในส่วนของงานสัญญาที่ 4-5 งานโยธา ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม. วงเงิน 10,325 ล้านบาท ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาตามที่มีการแก้ไขปรับปรุงไปแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญากับบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ในฐานะผู้รับจ้างได้ภายใน พ.ย. 2566 ก่อนที่จะออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP) เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป

อย่างไรก็ตามขณะที่การก่อสร้างสถานีอยุธยานั้น ขณะนี้การจัดทำรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม(HIA) ของแหล่งมรดกโลก นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้ผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเสนอรายงานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ภายในประเทศประมาณ 9 หน่วยงาน และองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ปัญหาการก่อสร้างสถานีอยุธยายังไม่ได้ข้อยุติ รฟท. จะยังไม่ดำเนินการก่อสร้างสถานีอยุธยา แต่เมื่อ รฟท. ลงนามสัญญากับผู้รับจ้างแล้ว ก็จะให้ดำเนินการก่อสร้างทางวิ่งไปก่อน

นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ในส่วนของสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ซึ่งยังมีประเด็นปัญหาการทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา) นั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับเอกชนผู้รับจ้าง จากนั้นจะเสนอไปยังคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยคาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2566 ทั้งนี้ ล่าสุด มีแนวโน้มว่า จะให้ รฟท. เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเอง เพื่อไม่ให้โครงการมีความล่าช้า ทั้งนี้ จากการหารือกับเอกชนในเบื้องต้น ถึงแนวทางดังกล่าว ทางภาคเอกชนไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด

ส่วนงบประมาณจะมากจากแหล่งใดนั้น จะต้องมาพิจารณาคำนวนอีกครั้ง อาทิ การใช้งบประมาณบางส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน หรือจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน หรือหากจะต้องใช้เงินกู้และอาจจะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินเพื่อให้ รฟท. นำมาดำเนินการและการปรับแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการต่อไป โดยคาดว่า จะเสนอ ครม. ได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเปิดให้บริการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 1 นั้น คาดว่า จะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2571 หรือเป็นไปตามแผนเดิมที่กำหนดไว้

รายงานข่าวแจ้งว่า วงเงินที่ใช้ในการก่อสร้างช่วงทับซ้อนของสัญญา 4-1 อยู่ที่ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาทอย่างไรก็ตามปัจจุบันภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟไฮสปีดไทย-จีน 14 สัญญา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท มีความคืบหน้าประมาณ 27.39% ล่าช้ากว่าแผน 48.98% โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1-1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. และสัญญาที่ 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญาได้แก่ สัญญาที่ 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็ก และลำตะคอง ระยะทาง 12.2 กม. คืบหน้า 42.18%

สัญญาที่ 3-3 ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง ระยะทาง 26.1 กม. คืบหน้า 35.60%, สัญญาที่ 3-4 ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด ระยะทาง 37.4 กม. คืบหน้า 67.32%, สัญญาที่ 3-5 ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง12.3 กม. คืบหน้า5.30%,

สัญญาที่ 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ระยะทาง 21.8 กม. คืบหน้า 0.24%, สัญญาที่ 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพระยะทาง 23 กม. คืบหน้า 21.30%, สัญญาที่ 4-4 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย คืบหน้า 0.85% สัญญาที่ 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี ระยะทาง 31.6 กม. คืบหน้า 0.38% และสัญญาที่ 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย ระยะทาง 12.9 กม. คืบหน้า 47.22% นอกจากนี้อยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้าง 1 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 3-1 ช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.2 กม.

'ไทย' ติดโผ 1 ใน 20 ประเทศน่าอยู่ของต่างชาติวัยเกษียณ ประจำปี 2023

ไทยติดโผประเทศน่าอยู่ของต่างชาติวัยเกษียณ โดยสื่อสัญชาติสหรัฐอเมริกาอย่าง U.S. News and World Report ยกให้ไทยอยู่ในอันดับสูงสุดของทวีปเอเชียในด้านนี้ และอยู่ใตอันดับที่ 18 จาก 87 ประเทศ 

ส่วนเหตุผลที่ได้รับ จากนอกจากภูมิทัศน์ของประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่สืบสานกันมายาวนาน ความเป็นมิตร และความมีน้ำใจของคนไทยแล้ว ... ระดับค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก ยังเป็นจุดขายที่ชาวต่างชาติสนใจมาวางแผนเกษียณ ที่ประเทศไทยมากขึ้นด้วย

เลือดใหม่ ‘เพื่อไทย’ ยุคดรีมทีม ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ 

หลายวันมานี้ ได้ฟังแต่ข่าวฉาวโฉ่ของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยที่กองเชียร์ยกให้เป็นคนรุ่นใหม่ช่วงนี้จนเริ่มเอียน และบางทีก็แอบอดหมดศรัทธาในตัวนักการเมืองที่อ้างตนเป็นคนรุ่นใหม่ไปพอสมควร

แต่กระนั้น หากเชิญชวนในประชาชนเหมารวมยกเข่ง ก็คงจะไม่แฟร์ต่อคนที่ตั้งใจอยากเข้ามาทำงานการเมืองยุคใหม่จริงๆ เพราะในปัจจุบันในหลายพรรคการเมือง เราคงเริ่มเห็น ‘เลือดใหม่’ ที่มีความสามารถ มีการวางตัวดี และมีจิตมุ่งมั่นที่อยากทำการเมืองไทยต่อจากนี้ให้ประชาชนคนไทยไว้วางใจได้มากที่สุดไม่น้อย

เฉกเช่นเดียวกันกับ ‘ท่านรองฯ ป้ายแดง’ แห่งพรรคเพื่อไทย อย่าง ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ หรือ ‘คุณโฟม’ ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม ซึ่งเป็นอีกเลือดใหม่ทางการเมืองที่น่าจับตา หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์มา 4 ปีตั้งแต่การเป็น สส.ในยุคลุงตู่ สะสมชั่วโมงบินจนเริ่มแกร่งกล้า แม้จะวืดเข้าสภาหนนี้ แต่ก็ยังไม่หลุดเฟรมการเมือง 

โดยไม่นานมานี้ คุณโฟม ได้เข้าร่วมทีม ‘เลือดใหม่’ แห่งทัพเพื่อไทย ด้วยการผงาดขึ้นเป็น ‘รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย’ ในยุคที่หัวหน้าพรรค ‘อุ๊งอิ๊ง’ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เรียกว่า ‘ดรีมทีม’

แน่นอนว่า หลายคนคงโฟกัสไปที่นามสกุลดังอย่าง ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ และก็คงห้ามความคิดใครไม่ได้ด้วย แต่เหตุผลที่ โฟม ได้เข้ามาอยู่ในจุดใดทางการเมือง มิใช่เรื่องของตระกูลอย่างที่คิด แต่เพราะเขาต้องการใช้จุดแข็งของการนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่งในเมืองไทย มาท้าทายงานที่ต้องทำเพื่อประชาชน ด้วยความมุ่งหวังที่จะใช้ประสบการณ์ที่มี มาปรับใช้กับงานบ้านเมือง โดยเริ่มนับ 1 บนถนนการเมืองเมื่อปี 62

ภาพของ ‘คุณโฟม’ ในรั้วการเมืองไทย ตามวงคอมเมนต์ของนักการเมืองรุ่นเก๋าและรุ่นใกล้กัน ต่างยอมรับในความเป็น สส.ที่มุ่งมั่นในบทบาทที่ตนเองดูแล มีความตั้งใจ ขยันทำงาน โดยเฉพาะงานฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นทั้งวิปรัฐบาล, รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ที่สำคัญ ‘พี่โฟม’ เรียกได้ว่าติดอันดับ ‘ตัวท็อป’ ที่มาประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปทุกแมตช์ ยกมือแทบจะทุกรอบ ไม่เคยพลาด จนคำว่า ‘ดาวรุ่ง’ ในเชิงของ สส.ภาพลักษณ์ดี ติดอยู่ในสายตาบรรดาคนการเมือง 

แน่นอนว่า ประสบการณ์ที่อาจจะไม่ได้มากเมื่อเทียบพรรษากับ สส.และนักการเมืองทรงเก๋าจำนวนมากในเวลานี้ แต่ภายใต้ ‘ดรีมทีม’ ของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่หมายมั่นปั้นการเมืองยุคใหม่ จากคนรุ่นใหม่ ชื่อของ ‘โฟม’ ในเวลานี้ จึงไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์มากนัก

ตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยป้ายแดง อาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของโฟม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ โอกาสที่จะแสดงฝีมือเต็มๆ แบบ 100% ด้วยการทำงานให้ประชาชนเห็น และเรียกศรัทธา ทวงคืนความยิ่งใหญ่ให้ ‘พรรคเพื่อไทย’ เป็นพรรคอันดับ 1 ในหัวใจประชาชนเหมือนในอดีต 

คนรุ่นใหม่ ต้องท้าทาย เรื่องแบบนี้!!

Nomad Media ชวนสัมผัสประสบการณ์ใหม่วันลอยกระทง สวดขอขมาพระแม่คงคา พร้อมลอยกระทงแบบรักษ์โลก

(13 พ.ย.66) รายการ Thailand Morning Call ทาง Nomad Media Thailand เชิญ Groupies มาปาร์ตี้พบปะสังสรรค์กับ commentators แพท แสงธรรม บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์, พิม และ ปูเป้ ในงาน 

Meet and Float 
ลอยกระทง 2566 

ครั้งแรกกับการสวดขอขมาพระแม่คงคาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย พร้อมลอยกระทง Eco-Friendly ริมคลองบางกอกใหญ่ 

อาทิตย์ที่ 26 พ ย 2566 
เวลา 16:00 น. ณ Arpo Pool Villa 

บัตรราคา 2,599 รวม 

สำหรับในงานนี้ ทุกท่านจะได้เอ็นจอยไปกับ :
- อาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปปันยากิจาก Bikuta Sushi Teppan 
- Prosecco & น้ำดื่ม 
- กระทงแป้งข้าวโพด (อาหารปลา) 
- Dress Code : ชุดไทยในจินตนาการ 
- พิเศษ! รางวัล Best Dress ให้แก่ผู้ที่แต่งเป็นนางนพมาศ และ/หรือ พระแม่คงคา 

ติดต่อสำรองบัตรได้ที่ : 
คุณปัท 089-250-9151

เปิดตัวแปร ‘สนธิญาณ’ ไขก๊อก!! งัดข้อใคร หรือ บ้านใหม่ไม่เวิร์ก 

การตัดสินใจทิ้ง ท็อปนิวส์ฯ ของ ต้อย-สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถานีข่าวท็อปนิวส์ น่าสนใจยิ่งกับเหตุผล ‘เนื่องด้วยทิศทางธุรกิจผมกับคณะบริหารไม่ตรงกัน’

ฟังดูเหตุผลแล้วดูเรียบง่าย แต่ภายในน่าจะเดือดปุด ๆ มาก่อนหน้านี้แล้ว จนมาถึงจุดระเบิดในที่สุด

ทิศทางธุรกิจไม่ตรงกันกับคณะผู้บริหาร จนนำมาสู่การทิ้งบ้าน เป็นเรื่องน่าสนใจ แค่ไม่มีใครให้รายละเอียดเพิ่มเติม

พลิกดูข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิตัล มีเดีย จำกัด ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มีกรรมการบริษัท ประกอบด้วย นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย, นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล (ภรรยานายกนก รัตน์วงศ์สกุล), นายตระกูล วินิจนัยภาค, นายเอกชัย ชัยเชิดชูกิจ (คนสนิทของสนธิญาณ), นายชยธร ธนวรเจต, นายเอกพันธุ์ แป้นไทย, นางสาวกิ่งการะเกด ชื่นฤทัยในธรรม (บุตรสาวนายสนธิญาณ), นายพงษ์ศักดิ์ ชมสุวรรณ และนางสาวสุธิดา สาริกุล

โดยกรรมการลงชื่อผูกพัน นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือ นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย หรือ นายเอกชัย ชัยเชิดชูกิจ หรือ นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล 

ส่วนข้อมูลงบการเงินพบว่า ปี 2564 ซึ่งเป็นปีเริ่มก่อตั้งท็อปนิวส์ฯ มีรายได้รวม 192,067,527.00 บาท กำไรสุทธิ 10,329,294.00 บาท และปี 2565 มีรายได้รวม 224,422,932.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.84% กำไรสุทธิ 9,065,781.00 บาท ลดลง 12.23% โดยสรุปสองปีมีกำไร ไม่มีขาดทุน แต่ต้องหารายได้มีใช้จ่ายแบบเดือนต่อเดือน เหนื่อยกันอยู่ไม่น้อย

ท็อปนิวส์ฯ จะเล่นข่าวแนวหวือหวา ดุดัน ซึ่งมีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งติดตามชมอยู่แม้นจะอยู่บนทีวีดาวเทียมก็ตาม มีพิธีกรที่เป็นแม่เหล็ก อย่างกนก รัตน์วงศ์สกุล, ธีระ ธัญญะไพบูลย์, ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก, สันติสุข มะโรงศรี, สนธิญาณ เองก็ร่วมจัดรายการแนววิเคราะห์อยู่ด้วย

แต่ปัญหาความไม่ลงรอยน่าจะครุกรุ่นมานาน และขยายวงไปเรื่อย

ก่อนหน้านี้สถานีข่าวท็อปนิวส์ เข้าร่วมเป็นผู้ผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์เจเคเอ็น 18 และยุบช่องทีวีดาวเทียมของตัวเอง แต่ยังใช้สถานที่สถานีท็อปนิวส์ฯ ย่านกิ่งแก้วเป็นที่ทำงาน ส่งสัญญาณมายัง JKN-18 ย่านแบริ่ง หลังจากเข้ามาร่วมผลิตกับ JKN ไม่นาน อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศข่าวตัวแม้ก็โบกมือลาท็อปนิวส์ไปก่อนเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะไปรับหน้าที่ผู้อำนวยการข่าว เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ให้เหตุผลที่แท้จริง แต่ก็มีกระแสข่าวว่า เกิดจากทัศนคติไม่ตรงกันระหว่างนายสนธิญาณ กับ อัญชะลี เรื่องแนวทางการทำงาน

แม้สนธิญาณจะให้เหตุผลชัดว่า ทิศทางการทำธุรกิจไม่ตรงกับคณะผู้บริหาร แต่เมื่อพลิกดูรายชื่อกรรมการบริหารแล้ว ส่วนใหญ่เป็นคนของสนธิญาณเอง ไม่ว่าจะเป็นฉัตรชัย เอกชัย ที่หอบหิ้วกันมาตั้งแต่ทำทีนิวส์แล้ว หรือปุ้ม ลักขณา รัตน์วงศ์สกุล ภรรยาของกนก ก็หอบหิ้วกันมาจากเนชั่น หรือกิ่ง การะเกด ก็เป็นลูกสาวของสนธิญาณเอง มีบางคนที่ #นายหัวไทร ไม่รู้จัก แต่ถ้าดูรายชื่อคณะผู้บริหารส่วนใหญ่แล้วเป็นคนของสนธิญาณ จึงยังนึกไม่ออกว่า ขัดแย้งกันใครในคณะผู้บริหาร

มาดูรายชื่อผู้หุ้นในท็อปนิวส์ฯ ว่ามีใครบ้าง แน่นอนว่า เมื่อเริ่มก่อตั้งสนธิญาณถือหุ้นอยู่ถึง 95% คนอื่น ๆ อีกคนละเล็กน้อย เช่น ฉัตรชัย, กนก, ลักขณา, ธีระ, อัญชะลี, ชยธร, เอกชัย และอื่นๆ

แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้น (น่าจะเพิ่มทุน) ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มชื่นฤทัยในธรรม เหลือแค่ 26% ฉัตรชัยเพิ่มเป็น 26% กนก 5% ลักขณา 5% อัญชะลี 4% ชยธร 4% ธีระ 4% เอกชัย 4% และอื่นๆอีก 21%

แม้กลุ่มสนธิญาณจะยังมีสัดส่วนการถือหุ้นมากเกิน 25% แต่ฉัตรชัยคนเดียวถือหุ้นมากถึง 26% รายอื่น ๆ ก็ 4-5%

ก็ไม่รู้ว่านี้จะเป็นสาเหตุทำให้สนธิญาณต้องไขก็อกหรือเปล่า กับการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ข้อมูลในเชิงลึกให้ข้อมูลน่าสนใจว่า การตัดสินใจเข้าไปร่วมผลิตรายการกับ JKN ก็น่าจะมีส่วนในการตัดสินใจถอยออกมาของสนธิญาณ เพราะโฆษณาไม่ได้เข้ามาตามเป้าที่วางไว้เมื่อเทียบกับงบลงทุน การที่โฆษณาไม่เข้าเป้าส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ทีวีเลือกข้างจึงน่าจะประสบปัญหาในการสนับสนุนการผลิต นายทุนอาจจะถูกบีบโดยผู้มากบารมี ไม่ให้ซื้อโฆษณา หรือสนับสนุนท็อปนิวส์ฯ ก็เป็นได้

มองไปข้างหน้ากับตัวเลขรายได้กับเวลาอายุสัญญาทีวีดิจิทัลที่เหลืออยู่ 6 ปี ไม่น่าจะคุ้มกับงบประมาณที่ลงทุนไป

การถอยออกมาเวลานี้จึงน่าจะเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสม เพื่อไปดูแลธุรกิจโรงแรมที่สิชล ซึ่งลงทุนไปเยอะแล้ว หรือจะพลิกตัวไปสู่การเมืองก็ยังไม่สาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top