Monday, 23 June 2025
NewsFeed

‘เพื่อไทย’ ชี้!! ผลงาน ‘ครม.นิด1’ 60 วัน แก้ปัญหาสำเร็จหลายมิติ ปลื้มผลโพล ปชช.พอใจ พร้อมเดินเครื่องฟูลแพ็กเกจดิจิทัลวอลเล็ต

(11 พ.ย. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 60 วัน ตามด้วยการแถลงฟูลแพ็กเกจนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ว่า เป็นการแถลงสรุปผลงานสำคัญในสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วง 60 วันแรกที่ครบถ้วน ลุยแก้ปัญหาในหลายมิติ แก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน สอดคล้องกับผลการสำรวจความเห็นของประชาชนจากนิด้าโพล ที่ระบุชัดว่า ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจในผลงานของรัฐบาลเศรษฐา

ส่วนฝ่ายค้านจะเห็นต่าง จะให้ผ่านหรือปรับตกอย่างไรก็ถือเป็นสิทธิ ในช่วง 60 วันแรกรัฐบาลได้ออกหลายมาตรการในลักษณะ ‘Quick wins’ ที่หวังผลระยะสั้น ทำทันที และจะเป็นฐานสนับสนุนในภารกิจที่เป็นเป้าหมายหลักในอนาคตของรัฐบาลด้วยการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ครม.เศรษฐา เข้ามา 2 เดือน หลายเรื่องที่เคยประกาศไว้ได้ทำจนประสบผลสำเร็จ ทั้งลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมัน นโยบายฟรีวีซ่ากระตุ้นการท่องเที่ยว ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ดันมาตรการเร่งด่วนด้านต่างประเทศ แก้ปัญหายาเสพติด แก้หนี้นอกระบบ

รวมถึงนโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรค พท.ก็มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาได้ดำเนินการ ไม่เพียงพูดแล้วทำตามนโยบายที่ได้หาเสียง หรือแถลงนโยบายไว้ แต่หลายเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ รัฐบาลก็พร้อมดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

‘สุริยะ’ เยือน ‘สหรัฐฯ’ ร่วมประชุมเอเปค เตรียมโรดโชว์ ‘แลนด์บริดจ์’ ดึงต่างชาติมาร่วมลงทุน หวังดัน ‘ไทย’ เป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาคเอเชีย

(11 พ.ย. 66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และตน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะเดินทางไปจัดงาน ‘Thailand Landbridge Roadshow’ วันที่ 13 พ.ย.นี้ ที่โรงแรม Ritz Carlton เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ในระหว่างเดินทางไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30

โดยนายกฯ และตน ในฐานะเจ้าภาพจัดงานจะร่วมกันให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นานาประเทศรู้จักโครงการเพิ่มมากขึ้น อาทิ โอกาสทางธุรกิจ รูปแบบการลงทุน ศักยภาพทำเลที่ตั้งของพื้นที่โครงการ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ โดยมีนักลงทุนภาคธุรกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งสายการเดินเรือ ผู้บริหารท่าเรือ กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มผู้ลงทุนด้านอุตสาหกรรม เป็นต้น ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน

โดยกลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจประเด็นโอกาสในการลงทุนของโครงการ ทั้งนี้ ในอนาคตโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย - อันดามัน (ชุมพร - ระนอง) หรือ ‘แลนด์บริดจ์’ จะเป็นช่องทางการค้าแห่งใหม่ เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าหลักระดับภูมิภาคและจะเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชีย และช่วยลดระยะเวลาการขนส่งทางทะเล รวมถึงลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง อีกทั้ง จะช่วยให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางการค้า ประกอบด้วย เขตการค้า เมืองท่าและเขตอุตสาหกรรม และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้มีนักลงทุนจากหลายประเทศให้ความสนใจโครงการเป็นอย่างมาก อาทิ ฝรั่งเศส ประเทศฝั่งตะวันออกกลาง และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น

วิเคราะห์!! วิบากกรรม ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้ชะตา ‘เศรษฐา’ บอกอนาคต ‘อุ๊งอิ๊ง’

ในที่สุดก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ไปแล้วว่า… โฉมหน้าค่าตานโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลเศรษฐา เป็นอย่างไร

ต้องยอมรับว่าทุกค่ายทุกสำนักพูดออกมาเป็นเสียงเดียวแทบจะพร้อมๆ กันว่า… ไม่ตรงปก!!

ครับ!! ‘เล็ก เลียบด่วน’ พูดด้วยใจนิ่งๆ เป็นกลางอย่างที่สุดว่า… ไม่ตรงปกจริงๆ… คำว่า ‘ไม่ตรงปก’ ในความหมายก็คือ ไม่ตรงกับที่ตัวเอง (พรรคเพื่อไทย) พูดตอนหาเสียงและยื่นเอกสารให้กับ กกต.

ไม่ตรงทั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ไม่ตรงทั้งรูปแบบและเนื้อหาว่างั้นเถอะ… หนำซ้ำที่บอกกับ กกต. ว่าจะใช้เงินจากระบบงบประมาณและรายได้ภาษีปกติ… 

แต่ที่สุดของเศรษฐา คือ ‘กู้’ ออก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท พร้อมคำยืนยันว่าจะผ่อนใช้ทัน 4 ปีช่วงรัฐบาลนี้

เหนื่อยครับ… อยากเอาใจช่วย แต่อ่านและฟังที่ท่านนายกฯ แถลงเมื่อวันที่ 10 พ.ย.แล้วเหนื่อยแทน… เหนื่อยแทนพรรคเพื่อไทย เหนื่อยแทนประเทศไทย… 

‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่ขอลงรายละเอียดหน้าตาของโครงการ แต่จะแลไปข้างหน้าว่า นโยบายที่ไม่ตรงปกนี้จะต้องฝ่าหลุมขวาก เป็นวิบากกรรมอย่างไรบ้าง… 

ประการแรก - ต้องลุ้นกันระทึกว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะฝ่าข้าม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ไปได้หรือไม่… ไม่จำเพาะมาตรา 53 ที่พูดถึงกันเท่านั้น แต่มาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 3-4 มาตรา ก็เป็นกับดัก… ซึ่งก็ต้องให้กรรมการกฤษฎีกายืนยันออกมาดังๆ อีกทีว่า ‘โน พรอมแพลม’ ถึงจะยอมๆ กันไปได้บ้าง…

ประการที่สอง - โดยส่วนลึก เชื่อ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เถอะว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้แฮปปี้กับนโยบาย 5 แสนล้านบาทนี้ ยิ่งต้องมาร่วมยกมือผ่านกฎหมายด้วยแล้ว… งานนี้อย่าคิดว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ แม้ทั้งสองพรรคยังอยากจะเป็นรัฐบาลต่อไปก็เหอะ… 

ประการที่สาม - ต่อให้กฎหมายกู้เงินผ่านสองสภาฯ ไปแล้ว แต่เชื่อว่า ในที่สุดจะมีคนไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ… ดีไม่ดีอาจล้มคว่ำซ้ำรอย พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ล้านล้าน สมัยรัฐบาล ‘ยิ่งลักษณ์’ ก็ได้ ทำเป็นเล่นไป… 

เอาแค่สามประการดังว่ามาก็พอ… พื้นที่ที่เหลือ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ใคร่ขมวดปมสถานการณ์เหตุบ้านการเมืองที่เกี่ยวเนื่องมาเล่าสู่กันฟังว่า… 

ทว่า ณ นาทีนี้ สถานการณ์ของตัวนายกฯ เศรษฐาที่มั่นคงแบบป้อแป้ แต่ก็ยังโชคดีที่ใครต่อใคร รวมทั้งนายห้างชั้น 14… ยังเห็นใจในความมุ่งมั่น ขยันทำงาน

สายข่าวในพรรคเพื่อไทยกระซิบให้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟังว่า… หลายวันก่อนโน้น นายห้างชั้น 14 ได้ส่งสัญญาณตรงๆ ถึง นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงว่า ต้องปรับตัวให้เข้ากับ สส.ให้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะ สส.เหนือกับอีสาน ซึ่งขณะนี้ นายเศรษฐาได้ไหว้วานให้ ‘มาดามนครพนม’ อย่าง ‘มนพร เจริญศรี’ รมช.คมนาคม เป็นตัวช่วยประสานเรียบร้อยแล้ว… 

และช่วงปลายเดือน พ.ย. ต่อต้นเดือน ธ.ค. ‘วาระงาน’ ของนายกฯ ถุงเท้าแดงก็จะขึ้นเหนือ ไปอีสานแบบรัวๆ กันเลยทีเดียว!!

สำหรับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ที่พักหลังออกงานบ่อย และปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลถี่ขึ้น… ย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกจับจ้องมองว่า เห็นท่าจะหนีไม่พ้นปีหน้า 2567 จะย่างสามขุมขึ้นเป็นนายกฯ แน่นอนนั้น… 

ยังต้องยืนยันฟันธง ว่า นายห้างชั้น 14 ต้องการให้ลูกสาวเป็นนายกฯ แน่นอน แต่ไม่ได้ขีดเส้นว่าต้องเป็นภายในปีหน้า… 

ครึ่งเทอมหลัง หรือสมัยหน้าก็รอได้… ให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ บำเพ็ญบารมีไปก่อน เว้นแต่ว่า… เศรษฐาเดินสะดุดบันไดทำเนียบ เดินต่อไปไม่ได้จริงๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง… 

เป็นนายกฯ ไม่ยากเท่ากับอยู่ให้ได้ ไปให้เป็น… ให้ประชาชนยอมรับ… 

ถ้าไม่ดื้อด้านหน้ามืดตามัว… แค่ ดิจิทัลวอลเล็ต เรื่องเดียวก็คงทำให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ คงได้คิดและนำไปถอดรหัสเป็นกรณีศึกษาได้ไม่น้อยทีเดียว

‘ยุติธรรม-คลัง-กยศ.’ ร่วมประชุมถก ‘พ.ร.บ.กยศ.’ ฉบับที่ 2 ปี 66 พร้อมสรุป 4 แนวทางแก้ปัญหาหนี้สิน บรรเทาทุกข์ ‘ลูกหนี้ กยศ.’

(11 พ.ย. 66) คณะทำงานการปรับโครงสร้างหนี้สิน รวมถึงการบังคับคดีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรมและให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะทำงาน พร้อมด้วย นายเสกสรร สุขแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมบังคับคดี เข้าพบนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เพื่อประชุมหารือแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้เป็นไปตามหลักการของพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566

ทั้งนี้ มีนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, นายอภินันช์ ศุนทรนันท์ รองผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, นางสาวนันทวัน วงศ์ขจรกิตติ รองผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และ ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมหารือที่กระทรวงการคลัง และได้ข้อสรุปร่วมกันดังนี้

1.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจะคำนวณภาระหนี้ ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ในคดีที่ขายทอดตลาดได้ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 และคดีที่มีการอายัดเงินไว้แต่ยังไม่ได้ทำบัญชีแสดงรายการรับ-จ่ายเงิน และส่งให้กรมบังคับคดีภายในเดือนธันวา คม 2566 เนื่องจากการคิดหนี้ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 จะทำให้ภาระหนี้ของลูกหนี้ลดลง โดยกรมบังคับคดีจะส่งข้อมูลคดีกลุ่มดังกล่าวให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

2.) กรณีที่ลูกหนี้กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้ปิดบัญชีตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ หากมีกรณีลูกหนี้ชำระเกินไปกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจะคืนเงินส่วนที่ชำระเกินแก่ลูกหนี้

3.) ในการพัฒนาโปรแกรมการคำนวณหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจะหาหน่วยงานมาช่วยพัฒนาเพื่อให้โปรแกรมเสร็จโดยเร็ว

4.) กรมบังคับคดีและกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกหนี้ โดยลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สามารถยื่นหนังสือยินยอมให้การงดการบังคับคดีและลงทะเบียน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ทุกสำนักงานทั่วประเทศของกรมบังคับคดี และที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

นายลวรณ ได้กล่าวขอบคุณที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คณะทำงานการปรับโครงสร้างหนี้สินฯ และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ร่วมหารือแนวทาง ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกหนี้ได้เป็นอย่างมาก

เปิดพิกัด ‘ค่ายรถ EV จีน’ ในพื้นที่ EEC แต่ละเจ้าลงทุนเท่าไรและพื้นที่ใดกันบ้าง? 🚕⚡️

🔰หลังจากที่ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ ‘บอร์ดอีวี’ ซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค รวมทั้งออกมาตรการ EV 3.5 โดยภาครัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ โดยมูลค่าเงินอุดหนุนขั้นต่ำสุดอยู่ที่ 20,000 บาทต่อคัน และมูลค่าเงินอุดหนุนสูงสุดอยู่ที่ 100,000 บาทต่อคัน รวมถึงการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท จาก 8% เหลือ 2%

ในส่วนของโครงการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ในพื้นที่อีอีซี มีกี่โครงการ และเป็นบริษัทใดบ้าง รวมทั้งจะมีค่ายรถยนต์ที่จะเข้ามาลงทุนในอีอีซี ในระยะต่อไปนั้นมีใครกันบ้าง? ไปดูกันเลย!!

🚕⚡️เกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) ลงทุน 22,600 ล้านบาท เพื่อปรับโรงงานเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดของภูมิภาค โดยจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Ora Good Cat ในปี2567 และจะนำบริษัทในเครืออย่าง MIND Electronics, HYCET และ Nobo Auto ที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบส่งกำลังรถยนต์ และเบาะที่นั่ง เข้ามาลงทุนในไทยอีกด้วย

🚕⚡️SAIC Motor (Shanghai Automotive Industry Corporation) รัฐวิสาหกิจจากจีน เจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์ MG Motor ซึ่งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในไทยไปเมื่อปี 2562 จะลงทุนเพิ่ม 500 ล้านบาทเพื่อขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทย โดยมีแผนจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกลางปี 2567

🚕⚡️BYD ได้ลงทุน 17,900 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ในไทย กำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี โดยกลางปี 2567 จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และในอนาคตจะใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป

🚕⚡️Changan Automobile ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ ที่ถือหุ้นโดยรัฐวิสาหกิจของจีน มีแผนลงทุนเฟสแรกมูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาทั้งประเภท BEV, PHEV, REEV กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี

🚕⚡️Horizon Plus ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Foxconn Technology Group จากไต้หวัน และบริษัทอรุณพลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. ลงทุนกว่า 36,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในปี 2568

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจากจีนอีกหลายรายบริษัทที่มีแผนจะเข้ามาลงทุนในอีอีซี และได้เริ่มศึกษาถึงการลงทุนอย่างจริงจัง ได้แก่ บริษัท GAC Aion ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทผลิตรถยนต์ Guangzhou Automobile Group กำลังวางแผนลงทุนกว่า 6,400 ล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอีอีซี, บริษัท Chery Automobile และบริษัท Geely ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีน ก็แสดงความสนใจลงทุนในไทย และวางแผนเข้ามาทำตลาดในไทยภายในต้นปี 2567

Website : www.eeco.or.th
Facebook : โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก – EEC
YouTube : EEC WE CAN

ผบ.ตร.สร้างเซอร์ไพรส์! บินขึ้นอีสาน ตรวจเยี่ยม โรงพักปากคาด จ.บึงกาฬ ติดชายแดนลาว โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ให้กำลังใจ ฝากดูแลพี่น้องประชาชนให้ดี

วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2566) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพักในต่างจังหวัด ช่วงวันหยุดในพื้นที่ สภ.ปากคาด จ.บึงกาฬ โดยไม่ได้มีการแจ้งหมายล่วงหน้า ทั้งนี้มี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย รรท.ผบช.ภ.4 และคณะให้การต้อนรับ รวมถึง พ.ต.อ.ศิวัช วรคุตตานนท์ ผกก.สภ.ปากคาด และข้าราชการตำรวจในสังกัด

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญกับอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อน เอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนคนไทยที่อาจถูกหลอกลวงให้เดินทางไปทำงานที่ผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งเน้นย้ำให้ความสำคัญกับการป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ โดยให้ร่วมบูรณาการกำลังกับหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ และขอให้ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านชายแดนอย่างเต็มกำลัง เพื่อตอบสนองนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ร่วมรับประทานอาหารกับเจ้าหน้าที่อย่างเรียบง่าย พร้อมเหมาเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวให้กับข้าราชการตำรวจ และครอบครัว มอบเงินสวัสดิการดูแลความเป็นอยู่ พร้อมยังพูดคุย สอบถามสภาพปัญหา ข้อขัดข้องในการทำงาน และอยากทราบข้อเสนอแนะเพื่อนำไปพิจารณาจัดสรรสวัสดิการ เสริมสร้างขวัญกำลังใจของพี่น้องข้าราชการตำรวจและครอบครัว

พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กล่าวชื่นชมข้าราชการตำรวจทุกนายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง แม้จะเป็นการมาตรวจเยี่ยมโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่รู้สึกประทับใจ ซึ่งได้ย้ำเสมอว่า ไม่ต้องการให้ข้าราชการตำรวจมาดูแลผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้เอาเวลาที่มีไปดูแลพี่น้องประชาชนให้ดี และผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อร่วมกันสร้าง “องค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมาย ในระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาไปด้วยกัน

‘อ.พงษ์ภาณุ’ หวั่น!! หากภาวะ ‘เงินฝืด’ เกิดขึ้นในเมืองไทย ก่อผลกระทบ ‘รุนแรง-กว้างขวาง’ แก้ไขได้ยากกว่า ‘เงินเฟ้อ’

(11 พ.ย. 66) อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ให้มุมมองต่อภาวะความเสี่ยงเงินฝืดกับประเทศไทย ภาคต่อ ไว้ว่า…

‘ภาวะเงินฝืด’ (Deflation) เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะเรามักคุ้นเคยกับ ‘เงินเฟ้อ’ (Inflation) มากกว่า แต่เมื่อเกิดภาวะเงินฝืดขึ้นแล้ว จะก่อเกิดผลกระทบรุนแรง กว้างขวาง และแก้ไขได้ยากกว่า 

เนื่องจากผู้บริโภคจะชะลอการจับจ่ายใช้สอยและธุรกิจชะลอการลงทุน เพราะภาระหนี้ที่แท้จริงจะสูงขึ้น ดังเช่นที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นเป็นเวลากว่า 20 ปี และที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนขณะนี้ หรือในประเทศตะวันตกหลังวิกฤตการเงินแฮมเบอร์เกอร์ ธนาคารกลางต้องใช้นโยบายดอกเบี้ย 0% ร่วมกับ Quantitative Easing (QE) เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเป็นเวลากว่า 10 ปี

อาจจะเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าไทยเริ่มเข้าภาวะเงินฝืด แต่ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จากปีที่แล้วที่มีเงินเฟ้อสูงสุดในโลกประเทศหนึ่ง จนกลายเป็นอัตราเงินเฟ้อติดลบเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 

แน่นอนไทยได้รับผลกระทบจากจีนที่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย แต่ภาวะเงินฝืดในไทยมีสาเหตุอีกส่วนหนึ่งจากการดำเนินนโยบายการเงินผิดพลาดของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในจังหวะเวลาที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะได้มีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่ล่าช้ากว่าประเทศอื่นในระยะที่เงินเฟ้ออยู่ในช่วงขาลงแล้ว ซึ่งเป็นการซ้ำเติมวัฏจักรธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ก็ยังถือเป็นความโชคดีของประเทศไทยที่ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะต้องมีการก่อหนี้เพื่อระดมเงินมาใช้จ่าย แต่ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายครั้งเดียวจบและไม่ผูกพันงบประมาณแผ่นดินในอนาคต 

อีกทั้งขนาดและความเร็วในการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ภาคเศรษฐกิจจริงๆ เหล่านี้ ก็จะมีความสำคัญอย่างมากต่อการฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นภาวะเงินฝืดได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ที่แม้จะใช้ได้จริงก็เป็นเดือนพฤษภาคมปีหน้า แต่ความชัดเจนจากคำแถลงของนายกรัฐมนตรี ย่อมสร้างผลที่เรียกว่า Announcement Effect ในทันที และกระตุ้นให้ภาคธุรกิจลงทุนเพื่อผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครองรับการใช้จ่ายที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในปีหน้าด้วยความมั่นใจต่อไป...

อ่านบทความเกี่ยวเนื่อง : ‘เงินฝืดจ่อไทย’ >> https://www.facebook.com/100064606066871/posts/pfbid02UjG5nDK1oHfcZqdWee1KWQp963cCQoZ7K29Z5W5tsfz4ShNBBq5qhHKeUdXy4xM4l/

‘Miss Tiffany’ ดึง ‘อ๊าท อารยา’ เจ้าแม่แฟชัน จัดกระบวนทัพอลังการตรึงเอฟซี พร้อมประกาศกร้าว!! เฟ้น ‘คนมงพร้อมใช้’ สวย-เก่ง-สง่า ใน Miss Tiffany ครั้งที่ 25

กลับมาอีกครั้งกับเวทีอันดับหนึ่งประกวดสาวทรานส์ของประเทศไทย Miss Tiffany ซึ่งเดินทางมาถึงปีที่ 25 ภายใต้แนวคิด ‘The Future is Yours : โลกใหม่ที่คุณนิยาม’ เข้าถึงทุกกลุ่ม ทุกเจนด้วยคอนเทนต์ที่แปลกตา ดึงภาพลักษณ์สู่โลกอนาคต พร้อมรูปแบบการประกวดที่แข่งขันกันเข้มข้นทุกนาที เพื่อให้แฟนๆ ได้ลุ้นกันตั้งแต่ช่วงการเก็บตัว, กรูมมิ่งศักยภาพ ดึงคาแรกเตอร์โชว์ตัวตน กันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ทางเวทีประกวด Miss Tiffany หนนี้ ยังมีภารกิจ Mission ท้าทายหลากหลายมุม ทั้งร้อง เต้น เดินแบบ เสริมบุคลิกภาพ การแสดงออก และมีชาเล้นจ์ดีเบตประเด็นสังคม เรียกว่ากองประกวดมั่นใจว่า ‘มงลงคนใด’ คนนั้นพร้อมใช้งานทุกด้านแน่นอน 

ทั้งนี้ Miss Tiffany คนที่ 25 จะได้รับของรางวัลมากมาย พร้อมทั้งโอกาสเข้าวงการบันเทิงและแฟชันชั้นนำระดับประเทศ อาทิ ช่อง 3 HD นิตยสาร ELLE ประเทศไทย และ โมเดลลิ่งชื่อดัง อย่าพลาดโอกาสกำหนดอนาคตของคุณ โค้งสุดท้ายแล้วรับสมัครสาวทรานส์ถึงวันที่ 18 พ.ย. 66 (23.59 น.) เท่านั้น!!

อ๋อ!! ลืมบอกว่า อีกความพิเศษของ Miss Tiffany ครั้งที่ 25 นี้ คือ การได้คุณอ๊าท อารยา อินทรา ตัวแม่ตัวมัมแห่งวงการแฟชันระดับประเทศ มาเสริมทัพปรับลุคในตำแหน่ง Fashion Style Consultants, Miss Tiffany ครั้งที่ 25 มาช่วยยกระดับความจัดจ้านให้เวทีแห่งนี้ไปอีกขั้น 

สำหรับ Timeline กิจกรรมสำคัญ และคลาสกรูมมิ่งที่จะเข้มข้นแบบทุกมิติในทุกสัปดาห์ เพราะจะมีชาเล้นจ์ที่เปิดโอกาสให้คนทางบ้านมีส่วนร่วมในการตัดสินนั้น จะทำให้ผู้เข้าประกวดทุกคน ต้องประชันกันอย่างถึงที่สุด ใครไม่แน่จริงตกรอบแน่นอน!!

เปิดรับสมัครถึงวันที่ 18 พ.ย. 2566 นี้
- 15 ธ.ค. 2566 : Audition คัดเลือก 30 คนสุดท้าย 
- 16 ธ.ค. 2566 : Orientation & Sash Ceremony  
- 7 ม.ค. 2567 : ประกวดความสามารถพิเศษ
- 14 ม.ค. 2567 : Dancing Challenge
- 21 ม.ค. 2567 : Debate Challenge
- 28 ม.ค. 2567 : Sense of Self Challenge
- 29 ม.ค. 2567 : Fashion Show สุดพิเศษ
- 2 ก.พ. 2567 :  Preliminary Round
- 4 ก.พ. 2567 : Final Round ที่โรงละครทิฟฟานี่โชว์พัทยา

เกาะติดสถานการณ์ ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครมีของ ได้ที่ >> https://www.facebook.com/MissTiffanyUniverse และทุกช่องทางโซเชียลของ Miss Tiffany

‘พิมพ์ภัทรา’ มอบ ‘อสจ.สุราษฎร์ฯ-ศูนย์ฯ ภาค 10’ ร่วมพัฒนาอุตสาหกรรม มุ่งขับเคลื่อนประเทศ สอดรับ ‘อุตสาหกรรมไทยเติบโตคู่ชุมชนอย่างยั่งยืน’

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 66 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจราชการและมอบนโยบายให้แก่หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีนายวัชรินทร์ ไชยานุพงศ์ อุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อสจ.สุราษฎร์ธานี) นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคใต้ สาขาย่อยจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้การภาค 7 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขาสุราษฎร์ธานี ร่วมต้อนรับ ณ ห้องประชุมศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 จังหวัดสุราษฎร์ธานี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 ผู้บริหาร บุคลากรทุกคนเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนองคาพยพของกระทรวงอุตสาหกรรม และยังต้องมีหน้าที่เป็นผู้ประสานระหว่างชุมชนถึงโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าอยู่คู่ชุมชนได้อย่างมีความสุข

ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างสมดุลในระยะยาว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย ‘ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ให้เติบโตคู่ชุมชนยั่งยืน’ ซึ่งเป็นแนวทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่สามารถเติบโตไปได้ อยู่ได้ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขนั่นเอง

อสจ.สุราษฎร์ธานี ระบุว่า พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ดำเนินกิจการ จำนวน 934 โรง มีจำนวนการจ้างงาน 36,419 คน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มการผลิตอื่น ๆ เช่น ขุดดิน ดูดทราย ผลิตไฟฟ้า คัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 364 โรงงาน กลุ่มแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ จำนวน 232 โรงงาน กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ผลิตน้ำแข็ง เครื่องดื่ม แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 135 โรงงาน กลุ่มยางและผลิตภัณฑ์ยาง จำนวน 69 โรงงาน และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม จำนวน 10 โรงงาน มีเงินลงทุน จำนวน 65,334.48 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีประทานบัตรเปิดการทำเหมือง จำนวน 33 ประทานบัตร และยังได้รายงานการปฏิบัติงานที่เห็นผลสำคัญ คือ โครงการยกระดับสินค้าเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ ที่มีแนวโน้มมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีความสะดวกในการบริโภค มีบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม สามารถคงคุณภาพผลิตภัณฑ์ไว้ได้ยาวนาน การเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต หรือเอสเอ็มอี มีขีดความสามารถพร้อมเข้าสู่การผลิตสินค้าที่มีคุณค่าเพิ่ม (Value Creation) ภายใต้กระบวนการผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety)

ทั้งนี้ มีโครงการค่าใช้จ่ายแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน เสริมสร้างความรู้ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ต้นแบบ และทดสอบตลาด ในปี 2566 โดยมีกรณีที่ประสบความสำเร็จ คือ ซอสคั่วกลิ้งปรุงสำเร็จ จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรบ้านควนไทร ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้พัฒนาต่อยอดมาจากส่วนผสมพื้นถิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังได้รายงานถึงการดำเนินงาน ‘พลอยได้…พาสุข’ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ภายใต้โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถ เพื่อสนับสนุนการแข่งขันแบบจำลองธุรกิจและการนำไปดำเนินการ เป็นโครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน หรือ กลุ่มบุคคล ที่มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (Waste) หรือ วัสดุพลอยได้ (By-product) จากภาคอุตสาหกรรม มาต่อยอดทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักแนวคิด ‘การพึ่งพาอาศัยกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชน’ ซึ่งเห็นผลและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย

'สถานทูตจีน' ไม่พอใจสื่อไทยบางแห่ง  เสนอปมปลุกปั่นแยกไต้หวันเป็นอิสระ

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.66) เฟซบุ๊ก 'Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย' ได้โพสต์ข้อความแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจ ที่สื่อสำนักหนึ่งของไทยได้ออกอากาศรายการสัมภาษณ์ 'อู๋เจาเซี่ย' ที่ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน ระบุว่า

เมื่อเร็วๆ นี้ มีสื่อไทยสื่อหนึ่งได้ออกอากาศรายการสัมภาษณ์ อู๋เจาเซี่ย คนที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน อู๋ได้ปลุกปั่นคำพูดที่เหลวไหลเกี่ยวกับ 'การแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน' ในการให้สัมภาษณ์ และโจมตีข้อเสนอที่รวมประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสันติของประเทศจีนอย่างร้ายแรง คำพูดที่ไร้สาระอย่างนี้ไม่คุ้มค่าที่จะหักล้าง ส่วนสื่อนี้ได้เสนอเวทีที่เผยแพร่คำพูดที่เหลวไหลให้แก่คนที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน ซึ่งทำลายผลประโยชน์ของประเทศจีน และทำร้ายความรู้สึกของประชาชนจีน ฝ่ายจีนต้องแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำอย่างนี้อย่างรุนแรง

ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ของจีน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการยอมรับของทั่วโลก การกระทำที่ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญในเรื่องที่เกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดนและการต่อต้านการแบ่งแยกดินแดนของจีน ไม่ว่าเป็นการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนตรงกันข้ามกับมิตรภาพระหว่างประชาชนของจีนและไทย การกระทำที่ทำร้ายประเทศอื่นๆ และประชาชนของประเทศอื่นๆ โดยใช้เสรีภาพของสื่อเป็นข้ออ้าง ไม่ว่าเป็นการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็นการใช้เสรีภาพของสื่ออย่างพร่ำเพรื่อ

เราหวังว่าสื่อที่เกี่ยวข้องเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของจีน แก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด และไม่ให้เรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกของประชาชนจีนเกิดขึ้นอีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top