Monday, 23 June 2025
NewsFeed

‘อนุทิน’ คลอดมาตรการแบ่งเบาภาระประชาชนต่อเนื่อง ผุดขยายเวลา ‘จัดเก็บภาษีที่ดินฯ’ ปี 67 ต่ออีก 2 เดือน

(10 พ.ย.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ประจำปี 2567 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำปี 2567 เป็นการทั่วไป ออกไป 2 เดือน ตามที่ รมว.มหาดไทยได้มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงมหาดไทยมีมาตรการเพื่อแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชนที่เผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วในส่วนของไฟฟ้า ขณะที่ส่วนของประปาอยู่ระหว่างการพิจารณา 

ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศให้มีการขยายกำหนดการเก็บภาษีที่ดินและท้องถิ่นในปี 2567 ออกไป 2 เดือน ซึ่งท่านอนุทิน ได้ลงนามแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อนมีผลบังคับต่อไป โดยมาตรการนี้จะช่วยทำให้ประชาชนมีเวลาสามารถบริหารค่าใช้จ่าย เหลือสภาพคล่องไปใช้จ่ายในระยะเวลาที่ยืดออกไป สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ขณะนี้อยู่ในช่วงของการฟื้นเศรษฐกิจ

โดยโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สาระสำคัญของประกาศกระทรวงฯ ได้ขยายระยะเวลาดำเนินการในส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังนี้…

1.ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกาศ พร้อมจัดทำข้อมูลเกี่ยวข้องกับผู้เสียภาษีแต่ละรายทราบ จากเดิมภายในเดือน พ.ย. 2566 เป็น ภายในเดือน ม.ค. 2567

2.ขยายกำหนดเวลาของ อปท. ในการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษี จากเดิมก่อนวันที่ 1 ก.พ. 2567 เป็น ก่อนวันที่ 1 เม.ย. 2567

3. ขยายกำหนดเวลาของ อปท. ในการแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบประเมินภาษีให้ประชาชนผู้เสียภาษี จากเดิมภายในเดือน ก.พ. 2567 เป็น ภายในเม.ย. 2567

4.ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการชำระภาษีตามแบบแจ้งการประเมินภาษี จากเดิมภายในเดือน เม.ย. 2567 เป็น ภายในเดือนมิ.ย. 2567

5.ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการผ่อนชำระภาษี ดังนี้ งวดที่1 จากเดิมชำระภายในเดือนเม.ย. 2567 เป็น ภายในเดือนมิ.ย. 2567 / งวดที่2 จากเดิมภายในเดือน พ.ค. 2567 เป็น ภายในเดือน ก.ค. 2567 และ งวดที่ 3 จากเดิมภายในเดือน มิ.ย. 2567 เป็นภายในเดือน ส.ค. 2567 

6.ขยายกำหนดเวลาของ อปท. ในการมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้าง จากเดิมภายในเดือน พ.ค. 2567 เป็น ภายในเดือน ก.ค. 2567 

และ 7.ขยายกำหนดเวลาของ อปท. ในการแจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา จากเดิมภายในเดือน มิ.ย. 2567 เป็นภายในเดือน ส.ค. 2567

‘ปานปรีย์’ เผย!! ถกขึ้นเงินเดือน ขรก. แนวโน้มดี ชี้!! ต้องเน้น ขรก.แรกเข้า หวั่น!! เทใจไปเอกชน

(10 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นประธานการประชุมหารือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เรื่องการปรับเงินเดือนข้าราชการ ร่วมกับตัวแทนกระทรวงการคลัง เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงบประมาณเข้าร่วมประชุม

ต่อมาเวลา 13.35 น. นายปานปรีย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. ไปศึกษาและดูแนวทางที่เหมาะสม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ โดยการประชุมครั้งนี้ตนมาสังเกตการณ์ ในฐานะกำกับดูแล ก.พ. จึงมาฟังความคิดเห็นที่ทางหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายหารือกัน ซึ่งทิศทางออกมาดี ส่วนรายละเอียดต้องทำเพิ่มเติม คาดว่าก่อนสิ้นเดือน พ.ย. เสร็จแน่นอน 

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีข่าวว่าจะขึ้นเงินเดือนเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะขึ้นน้อยมาก มีหลักการและแนวทางอย่างไร นายปานปรีย์ กล่าวว่า ต้องดู เพราะมีในส่วนข้าราชการแรกเข้า ที่จะต้องปรับฐานเงินเดือน เพื่อให้คนที่เข้ามาใหม่มีความสนใจที่จะเข้ามาสู่ระบบราชการมากขึ้น เพราะถ้าฐานเงินเดือนต่ำเราอาจจะได้คนที่ไม่มีคุณภาพ และคนที่จะเข้ามารับราชการอาจจะตัดสินใจเลี้ยวไปภาคเอกชน การประชุมครั้งนี้ต้องมาดูด้วยว่าเงินเดือนเอกชน ที่จบปริญญาตรี จะเริ่มต้นจากตรงไหน และดูความเหมาะสมในส่วนของราชการว่าควรจะเป็นเท่าไหร่

เมื่อถามว่า ควรจะต้องปรับเป็นจำนวน 25,000 บาท ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ ต้องดูรายละเอียดอีกอย่าเพิ่งสรุปว่าจะเป็นเท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่บรรจุตั้งแต่ระดับ 3-7 ที่ไม่ใช่ระดับผู้บริหาร จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า การหารือยังไปไม่ถึงตรงนั้น ตอนนี้กำลังดูในส่วนของข้าราชการแรกเข้าก่อน เมื่อถามย้ำว่าการขึ้นจะเป็นการขึ้นทั้งระบบ ใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขอให้รอฟังก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการรับฟังข้อมูลครั้งนี้ โอกาสที่จะขึ้นเงินเดือน มีสูงหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า “เป็นไปตามนโยบาย” 

เมื่อถามย้ำว่า ถึงอย่างไรก็ต้องขึ้นใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวย้ำว่า “เป็นไปตามนโยบาย จะขึ้นมากหรือขึ้นน้อย ก็ค่อยว่ากัน”

‘ศุลกากรฯ ฮ่องกง’ ยึด ‘ยาบ้าล็อตใหญ่’ หนัก 1.1 ตัน ส่งตรงจากเม็กซิโก ถูกแปลงโฉมเป็น ‘เปลือกหอย’ ซุกซ่อนปะปนมากับเปลือกหอยของจริง

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฮ่องกง รายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ ศุลกากรเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน พบเหตุต้องสงสัยกรณีค้าเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) หรือ ‘ยาบ้า’ จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ และยึดของกลางดังกล่าวได้ราว 1.1 ตัน โดยยาบ้าเหล่านี้ถูกดัดแปลงให้เป็นรูปทรงของ ‘เปลือกหอย’ และบรรจุซุกซ่อนมากับเปลือกหอยจริง

ศุลกากรฯ ระบุผ่านถ้อยแถลงว่า คดีนี้เป็นคดีค้ายาบ้าชนิดแข็งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ศุลกากรฯ เคยตรวจพบ

หลังจากการประเมินความเสี่ยง เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ศุลกากรฯ ได้ทำการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลตู้หนึ่ง ที่ระบุไว้ว่าบรรทุกอาหารทะเล 611 กระสอบ และถูกส่งจากเม็กซิโกมาถึงฮ่องกง

จากการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบยาบ้าต้องสงสัยจำนวนหนึ่งซึ่งซุกซ่อนอยู่ โดยถูกอำพรางมาในรูปแบบของเปลือกหอย และปะปนอยู่กับเปลือกหอยของจริงภายในถุงไนลอนจำนวน 104 ใบ

ทั้งนี้ หลังทำการสืบสวน เจ้าหน้าที่ศุลกากรฯ ได้จับกุมชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถ และชายวัย 54 ปี ผู้ดูแลโกดังแห่งหนึ่ง จากนั้นได้จับกุมหญิงวัย 46 ปี ผู้ดูแลโกดังสินค้าของบริษัทโลจิสติกส์ และชายว่างงานวัย 27 ปีรายหนึ่ง โดยคดีนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

อนึ่ง ศุลกากรฯ ตรวจพบกรณีที่เกี่ยวข้องกับยาบ้าจำนวนมากกว่า 1 ตันเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2022 มีการยึดยาบ้าแบบเหลวได้ราว 1.8 ตัน จากการขนส่งทางทะเลที่ระบุว่าเป็นการบรรทุกสินค้าประเภทน้ำมะพร้าว

'อ.พงษ์ภาณุ' ชี้!! ไทยกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ผลพวงความผิดพลาดเชิงนโยบายของแบงก์ชาติ

(10 พ.ย.66) อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ให้มุมมองต่อภาวะความเสี่ยงเงินฝืดกับประเทศไทย ไว้ว่า...

ขณะนี้สัญญาณเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) ดังที่ผมมักจะพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ไว้เสมอ โดยได้เคยส่งสัญญาณเตือนไว้กว่า 6 เดือนมาแล้ว ว่า...

ไทยอาจจะตามจีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคม ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาที่ -0.31% น่าจะถือเป็นการตบหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อ้างเงินเฟ้อสูงในการปรับดอกเบี้ยขึ้นจาก 2.25% เป็น 2.50% เมื่อเดือนที่แล้ว ท่ามกลางความตกใจและถือเป็นการกระทำที่สวนทางกับการคาดการณ์ของตลาด 

ดังนั้นเงินฝืดที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ จึงมิใช่เป็นผลกระทบจากโลก แต่มีสาเหตุมาจากความผิดพลาดทางนโยบายเป็นหลัก และเป็นความผิดพลาดที่สร้างความเสียหายสูงมากกับเศรษฐกิจไทย ซึ่งควรจะต้องมีผู้รับผิดชอบและน่าจะยังความจำเป็นให้รัฐบาลต้องมี Fiscal Stimulus ออกมาแก้ไขความผิดพลาดของแบงก์ชาตินี้

ชาวเน็ต ห่วง!! หลังเด็ก 9 ขวบ สูบบุหรี่ไฟฟ้าอวดลงไอจี ลั่น!! ‘ฟันน้ำนมยังไม่หมดปากเลย’ จี้ พ่อ-แม่ ดูแลใกล้ชิด

เมื่อวานนี้ (9 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ‘Drama-addict’ โพสต์ข้อความระบุว่า

“เจอเด็กไทยอายุ 9 ขวบ เล่นไอจี สูบบุหรี่ไฟฟ้า โพสต์อวดลงไอจีรัวๆ แย่แล้วเด็กไทย”

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน ก็มีเพจดังเพจหนึ่ง โพสต์คลิป เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 9 ปี กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกับโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ ระบุว่า

“ฟันน้ำนมยังไม่หมดปากเลย พ่อแม่ไปไหน ไม่ใช่ลงคลิปเดียวด้วย ดูดบุหรี่ไฟฟ้าอัปคลิปลงไอจีไม่รู้กี่คลิปแล้ว”

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีเข้ามาแสดงความคิดเห็น และเป็นห่วงเด็กหญิงคนนี้ และเด็กคนอื่นๆ ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าด้วย เช่น

โทษครอบครัวอันดับแรกค่ะ พ่อแม่ต้องเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิด เป็นครูที่ดี เป็นคนที่ลูกเข้าถึงได้ บอกสอน แนะนำในสิ่งดีงามให้เค้า

คนมีลูกเล็กคือวิตกจริงๆ นะ กับสภาพแวดล้อม กับสังคม แบบนี้

กัญชา บุหรี่ พนันออนไลน์ เข้าถึงทุกวัย น่าสงสารเด็กๆ ค่ะ

ผู้ปกครอง คือ แบบอย่างแรกของลูกๆ เราเชื่อแบบนั้น

เด็กหญิง- ป.5 พกบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน ผู้ปกครองรับรู้ว่าน้องดูด เรานี่ตกใจ เป็นห่วงสุขภาพของเด็กในอนาคต

อย่างไรก็ตามทาง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลาน และได้บอกถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้าว่า มีการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีผลต่อสมอง พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินในปริมาณสูง สารเสพติดจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและสมอง รวมทั้งส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการของสมองในเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในส่วนของสมองที่รับผิดชอบด้านความสนใจ การเรียนรู้ และความจำ ทำให้เกิดภาวะนอนไม่หลับ ความจำลดลง เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิตกกังวล หงุดหงิด และมีความหุนหันพลันแล่น อารมณ์รุนแรงมากขึ้น

‘ทีมแพทย์มะกัน’ เจ๋ง!! ผ่าตัดปลูกถ่ายตาทั้งดวงครั้งแรกของโลก ด้านผู้ป่วยฟื้นตัวดี รอลุ้นผลลัพธ์ ปลุกความหวังทางการแพทย์

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีและเอพีรายงานว่า ทีมแพทย์จากโรงพยาบาล ‘NYU Langone Health’ ในรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายดวงตามนุษย์ทั้งดวงเป็นครั้งแรกของโลก ให้กับ ‘นายอารอน เจมส์’ คนไข้วัย 46 ปี โดยการผ่าตัดดังกล่าวถูกยกให้เป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ ถึงแม้ว่ายังไม่มีใครตอบได้ว่าเจมส์จะกลับมามองเห็นด้วยตาดวงใหม่ของเขาหรือไม่

เจมส์ ทำงานเป็นช่างสายส่งไฟฟ้าในรัฐอาร์คันซอและถูกกระแสไฟฟ้า 7,200 โวลต์ดูดเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 อาการบาดเจ็บที่รุนแรงทำให้เจมส์ต้องสูญเสียดวงตาซ้าย แขนซ้ายตั้งแต่ช่วงศอกลงไป จมูก ริมฝีปาก ฟันหน้า แก้มซ้าย และคาง เขาต้องรอรับการบริจาคดวงตาอยู่นาน 3 เดือนก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าและดวงตาที่โรงพยาบาล NYU Langone Health เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ในปัจจุบันการปลูกถ่ายกระจกตาเป็นวิธีการรักษาทั่วไป ให้กับคนไข้ที่สูญเสียการมองเห็นบางประเภท แต่การปลูกถ่ายตาทั้งดวงซึ่งประกอบไปด้วยลูกตา หลอดเลือดของดวงตา และเส้นประสาทตาที่ต้องเชื่อมต่อกับสมองของคนไข้ ยังคงถือเป็นเรื่องที่ยากมากในทางการแพทย์ ถึงแม้นักวิจัยจะเคยประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายดวงตาทั้งดวงให้กับสัตว์มาบ้างในอดีต จนทำให้การมองเห็นของสัตว์กลับมาบ้างบางส่วน แต่ยังไม่เคยมีการปลูกถ่ายดวงตาทั้งดวงในมนุษย์มาก่อน

คณะแพทย์ของโรงพยาบาลให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ว่าจนถึงตอนนี้เจมส์กำลังฟื้นตัวดีจากการผ่าตัดและตาดวงใหม่ของเขาที่ได้จากการบริจาคก็ดูปกติดีเช่นกัน และสามารถส่งสัญญาณไฟฟ้าออกมา ถึงแม้เจมส์จะยังไม่สามารถมองเห็นด้วยตาดวงใหม่ของเขาก็ตาม “มันรู้สึกดีนะ ผมยังไม่สามารถขยับตาของผมได้ ผมยังกะพริบตาไม่ได้ แต่ผมเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างที่ตาแล้ว” เจมส์กล่าว

นายเอดูอาร์โด โรดริเกซ หัวหน้าทีมแพทย์ที่ทำการผ่าตัด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำการปลูกถ่ายใบหน้าให้กับคนไข้มาแล้ว 4 ครั้ง กล่าวให้ความรู้สึกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายตาทั้งดวงเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีการทำมาก่อน ทีมแพทย์สามารถลดระยะเวลาในการผ่าตัดจาก 36 ชั่วโมง เมื่อครั้งแรกที่เขาเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าในปี 2012 จนเหลือเพียง 21 ชั่วโมงในการผ่าตัดครั้งนี้

“เราไม่ได้บอกว่าเราจะฟื้นฟูการมองเห็น แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราเข้าใกล้เข้าไปอีกขั้นแล้ว” โรดริเกซ กล่าว พร้อมกับบอกอีกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าไม่ใช่การทดลองอีกต่อไป และควรถูกมองว่าเป็นขั้นตอนการรักษาทั่วไป สำหรับอาการบาดเจ็บรุนแรงบริเวณใบหน้า

‘รองประธานฯ หอการค้าไทย’ มองภาพรวมผลงาน 2 เดือน ‘ครม.นิด 1’ ชี้!! ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฟอร์มดี ตอบสนองเร็ว ผลงานเด่นชัด-จับต้องได้

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 66 นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการประเมินผลงานการทำงานตลอดระยะเวลา 60 วัน ของรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การบริหารของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 9 พ.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ นายวิศิษฐ์ ได้ให้มุมมองของภาคเอกชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ว่ามีแนวโน้มหรือทิศทางในการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ ในแง่ของเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ดังนี้…

เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ ได้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจไทยพยายามจะฟื้นตัว หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลให้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ไม่ง่ายเลย

ดังนั้น หากมองแบบกว้างๆ 2-3 แง่มุม เรื่องแรกคือ การลดภาระค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพต่างๆ ในภาคประชาชน ที่เห็นได้เด่นชัดเลยก็คือ ‘การลดค่าไฟ’ ที่ตลอด 3 เดือนนี้ อัตราค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย และ ‘การลดราคาน้ำมัน’ ที่ปรับลดราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล สูงสุดที่ 2.50 บาทต่อลิตร 

และที่เห็นชัดๆ อีกเรื่อง คือ ความพยายามในการลดราคาค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วง ให้เหลือแค่ 20 บาทตลอดสาย

อีกเรื่องที่น่าจับตามอง คือ ‘หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ’ ซึ่งมีแนวทางนโยบายที่ต้องการจะช่วยยกระดับสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ… ก็คงต้องรอติดตามหลังจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ในส่วนของเรื่องภาระหนี้สิน ที่จะเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ‘ภาคเกษตรกรรม’ ที่ได้รับการดูแลในเรื่องนี้ไปก่อนแล้ว คือ การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี SME 1 ปี ในวงเงินที่ตั้งไว้ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นภาพรวมในการพยายามช่วยลดภาระต้นทุน ค่าครองชีพ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและภาคกิจการ ที่รัฐบาลสามารถทำให้ได้

เรื่องที่ 2 การเพิ่มรายได้ อย่างที่ทราบกันดีว่า ในปัจจุบัน GDP ของประเทศไทยยังขึ้นอยู่กับ 2 เรื่องหลักๆ คือ ‘การส่งออก’ และ ‘การท่องเที่ยว’ ดังนั้น เรื่องที่เห็นได้ชัดเจน ในการเพิ่มรายได้ หรือการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในแง่มุมต่างๆ คือ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้รวดเร็ว และง่ายที่สุด อีกทั้งยังเป็นช่วงจังหวะที่นักท่องเที่ยวในหลายๆ ประเทศสามารถ ‘เที่ยวล้างแค้น’ ได้ หลังจากที่ต้องหยุดท่องเที่ยวไป 3 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงทำให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ยังอยากจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอยู่ หรือแม้แต่การที่คนไทยเดินทางไปเที่ยวที่ต่างประเทศเองก็เช่นกัน

โดยมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่เห็นเด่นชัดที่สุด คือ ‘นโบายฟรีวีซ่า’ ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากในการกระตุ้นความอยากเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถานเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงยอดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและรัสเซียก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

แม้จะเกิดปัญหาที่ไม่คาดไม่ถึง เช่น สงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ที่ส่งผลทำให้ภาคธุรกิจเกิดการขาดความเชื่อมั่นพอสมควร เนื่องจากการที่ช่วงก่อนหน้านั้น ผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ประสบปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ทำให้รัฐบาลในแต่ละประเทศประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อกดเงินเฟ้อ ทำให้ประชาชนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ซึ่งถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ต้องติดตามและแก้ไขต่อไป

การเพิ่มรายได้ อีกเรื่องหนึ่งที่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย แต่มีความน่าสนใจและจำเป็นต้องทำอย่างมากในยุคสมัยนี้ คือ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ซึ่งอาจจะเห็นตัวอย่างของหลายๆ ประเทศที่ผลักดันเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ได้ดี และประสบผลสำเร็จมาแล้ว เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ที่สามารถสอดแทรกเรื่องราวต่างๆ ไว้ในภาพยนตร์ หรือซีรีส์ ยกตัวอย่างเช่น อาหาร ซึ่งส่งผลต่อวัฒนธรรมการกินไปทั่วโลก ทำให้เห็นว่าเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ไทย ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สมควรต้องผลักดันอย่างมากในหลากหลายแง่มุม

ซึ่งซอฟต์พาวเวอร์นี้ถือเป็นเข็มมุ่งสำคัญที่รัฐบาลชุดนี้ มีความพยายามที่จะเอาจริงจังในการผลักดันอย่างมาก โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติขึ้นมาดูแลในส่วนนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องรอติดตามผลงานกันต่อไป

เมื่อถามถึงอีกหนึ่งนโยบายสำคัญที่ประชาชนทั้งประเทศจับตามองและพูดถึงมากที่สุด คือ ‘นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท’ ว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง ในมุมมองของเศรษฐกิจ นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า…

ในส่วนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่าอาจจะสามารถเริ่มต้นดำเนินนโยบายได้ในปีหน้า คือ 2567 ปกติการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเติมเงินในกระเป๋าในประชาชน ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมี เราก็เคยมีมาแล้วในหลายรูปแบบและหลายจังหวะ แม้แต่ในช่วงเวลาที่ประชาชนแทบจะไม่สามารถทำมาหากินได้ หรือทำขึ้นมาเพื่อช่วยในยามที่ภาคการค้าขายมีความยากลำบาก การเติมเงินเข้ากระเป๋าของประชาชนจึงช่วยกระตุ้นทำให้ผู้คนกล้าออกมาจับจ่ายซื้อใช้สอยมากขึ้น ภาคกิจการก็สามารถผลิตสินค้าออกมาขายได้เรื่อยๆ

สำหรับมุมมองของภาคเอกชนที่มีความคิดเห็นต่อ ‘นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต’ ของทางภาครัฐนั้น คือ ต้องการให้มีการมุ่งเป้าเฉพาะเจาะจงให้ชัดเจน ว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิ์ ควรจะเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย เพราะเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับสิทธิ์แล้ว เขาก็จะสามารถมีกำลังในการดูแลตัวเองและครอบครัว รวมถึงช่วยเติมเต็มด้านเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการหมุนเวียนการซื้อขาย

อีกหนึ่งมุมมองของภาคเอกชนที่อยากจะฝากทางภาครัฐ คือ ในส่วนของแอปพลิเคชันของดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เนื่องจากต้องดำเนินนโยบายด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างเร่งด่วน จึงอยากแนะนำว่า ในส่วนของแอปพลิเคชันนั้น หากสามารถใช้แอปฯ ตัวเดิมที่เคยมีอยู่ก่อนแล้วได้ ก็จะเป็นการดีที่สุด เพราะได้มีการทดสอบการใช้งานและการแก้ไขข้อบกพร่องมาแล้วพอสมควร หากต้องมาเริ่มต้นลองผิดลองถูกกันใหม่ อาจเกิดความเสี่ยงค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ นายวิศิษฐ์ ยังได้กล่าวถึงความตั้งใจอีกหนึ่งเรื่องของตัวนายกฯ เศรษฐา คือ เรื่องของการเป็น ‘เซลล์แมนของประเทศไทย’ ที่ได้มีภารกิจเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ รวมถึงเข้าร่วมงานประชุมระดับโลกมาพอสมควร เหมือนเป็นการขายความพร้อมและแสดงศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในแง่ของการเชิญชวนต่างชาติเข้ามาลงทุนทำกิจการในประเทศไทย หรือเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ลองมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งการเดินทางไปพรีเซนต์ประเทศต่อนานาชาติด้วยตัวเอง นับว่าเป็นการแสดงความตั้งใจ และความจริงใจ ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการสื่อสารกับประชาคมโลก

เมื่อถามถึงการให้การให้คะแนนในช่วง 2 เดือนของการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ นายวิศิษฐ์ ได้ให้ความคิดเห็นว่า แม้ว่าระยะเวลาเพียง 2 เดือนแรกในการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้นั้นจะยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ แต่หากพิจารณาจากผลงานที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ควบคู่กับสถานการณ์โดยรวมที่อาจพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ตลอดจนบริบทต่างๆ ของเศรษฐกิจโลก รัฐบาลชุดนี้สามารถตอบสนองและตั้งรับต่อเรื่องต่างๆ ได้ดีพอสมควร

‘ศิริกัญญา’ ชี้!! ออก ‘พ.ร.บ.กู้’ สุ่มเสี่ยงมาก แนะทำแท้งร่าง กม.เงินกู้ เชื่อ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ถึงทางตัน ฟันธง!! สุดท้ายจะไม่มีใครได้เงิน

(10 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า ขณะนี้ความชัดเจนเริ่มปรากฎแล้ว แต่เป็นความชัดเจนที่ไม่มีเรื่องแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งนายกฯเลือกเส้นทางที่ยากที่สุด คือการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ 5 แสนล้าน เพื่อระดมทุนมาแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้วันนี้หลักเกณฑ์จะมีการพูดถึงคนที่รายได้ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท แต่ท้ายที่สุดอาจไม่มีใครได้เงินจากโครงการนี้เลย เพราะเสี่ยงขัดต่อกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 และขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง มาตรา 53 ที่มีการระบุว่า หากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น แต่วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร เราไม่ได้อยากกดดันให้มีการร้องเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่เราคิดว่านี่เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารอย่างแท้จริงที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความให้เด็ดขาด ว่ารัฐบาลจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ได้หรือไม่ โดยไม่ต้องไปถึงมือขององค์กรอิสระที่ไม่เป็นวิถีทางประชาธิปไตยสักเท่าไหร่

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า ที่ต้องออกมาพูด เพราะการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท มีความสุ่มเสี่ยงจริงๆ เหมือนกับกรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อย่างชัดเจน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ดังนั้น รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ตนตั้งข้อสังเกตว่าการที่รัฐบาลเลือกทางนี้ เพราะไม่ต้องการให้โครงการนี้สำเร็จ แต่ต้องการให้เข้าทางนักร้องต่างๆ เพื่อหาทางลงให้สวยงามของโครงการที่มาถึงทางตันโดยสมบูรณ์แล้ว ตนไม่ได้เห็นด้วยกับการร้องศาลรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ แต่ขอให้รัฐบาลได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองโดยการให้กฤษฎีกาตีความ

“รัฐบาลเองน่าจะเห็นแล้วว่าไม่มีทางที่จะไปได้จริงๆ ทางเลือกนี้เป็นการหาทางลงมากกว่าที่จะเดินหน้าโครงการนี้จริงๆ ถ้ากฤษฎีกาตีความเข้าข้างให้ผ่าน และ สส.ในสภาฯ ก็ให้ผ่าน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือภาระหนี้ในแต่ละปีงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ของงบรายจ่ายประจำปี ซึ่งจะเป็นภาระงบประมาณอย่างใหญ่หลวง สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้จะทำภาระดอกเบี้ยเกิน 10% ในงบประมาณปี 68 ทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ได้พูดถึงทั้งเรื่องภาระหนี้ และภาระดอกเบี้ย ความเสี่ยงนี้จะไม่เกิดขึ้นหาก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ถูกทำแท้งตั้งแต่ต้นโดยกฤษฎีกา” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

เมื่อถามว่า แบบนี้เหมือนเป็นการขายผ้าเอาหน้ารอดหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ถ้าจะพูดแบบนั้นน่าจะได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาจากการที่ไม่ได้คิดนโยบายอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ก่อนหาเสียง เมื่อถึงทางตันจึงต้องหาทางลงแบบนี้

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า เงื่อนไขต่างๆ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเหมือนลอยมาจากฟ้าโดยสิ้นเชิง หากตัดตามสัดส่วนผู้มีรายได้ 20% บนสุดต้องอยู่ประมาณ 6 หมื่นบาท แต่วันนี้เราไม่รู้ว่าตัวเลข 7 หมื่นบาท มาจากไหน จะตัดคน 4 ล้านกว่าคนได้จริงหรือไม่ ตนคิดว่ารัฐบาลต้องการตัวเลขกลมๆ ที่ 50 ล้านคน จึงไม่มีหลักเกณฑ์อะไรมากนัก

‘นายกฯ เศรษฐา’ เคาะ!!เงื่อนไข ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่น เงินฝากไม่เกิน 5 แสน ใช้จ่ายผ่าน ‘เป๋าตัง’

‘นายกฯ เศรษฐา’ แถลง ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ใช้จ่ายผ่าน ‘เป๋าตัง’ แจก 50 ล้านคน รายได้ไม่เกิน 7 หมื่นต่อเดือน เงินฝากทุกบัญชีรวมไม่เกิน 5 แสนบาท มีระยะเวลาการใช้ 6 เดือน พร้อมขยายพื้นที่การใช้ครอบคลุมระดับอำเภอ เตรียมตั้งงบ 600,000 ล้านบาท แต่ยังต้องผ่านขั้นตอนกฎหมาย

‘เศรษฐา’ โต้เดือด!! ‘ศิริกัญญา-หยุ่น’ ปมดิจิทัลวอลเล็ต ซัด!! อย่าเอาความคิดตัวเองมาสร้างความสับสนให้ ปชช.

(11 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความใน X หรือ ‘ทวิตเตอร์’ ตอบโต้นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

นายเศรษฐา ระบุว่า “อย่าเอามาตรฐานความคิดของตัวเองมาหวังว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนกัน อย่ามองความตั้งใจที่บริสุทธิ์ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน มาเป็นมุมการเมืองที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนเลยครับ”

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังได้ตอบโต้นายสุทธิชัย หยุ่น ที่โพสต์ระบุว่า “นายกฯ ย้ำคำว่า ‘e-government’ หลายครั้ง คงต้องนิยามให้ชัด ๆ อย่าให้งงเหมือน soft power” โดยนายกฯ กล่าวว่า “ผมว่าทุกคนเค้าเข้าใจดีครับ ยกเว้นสื่อบางสื่ออาจจะพยายามบิดเบือนหรือสร้างความเข้าใจ เพื่อให้คุณเข้าใจผิด”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top