Friday, 23 May 2025
NewsFeed

‘กรมวิชาการเกษตร’ เร่งยกระดับ ‘สมุนไพรไทย’ สู่มาตรฐาน GAP ป้อนอุตสาหกรรม ‘อาหาร-เวชสำอาง’ สร้างรายได้เกษตกรยั่งยืน

จากกระแส รักสุขภาพ (Health Conscious) ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ แนวทางขับเคลื่อนพืชสมุนไพรเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรม ของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566-2570 โดยมีเป้าหมายเร่งการส่งเสริมการแปรรูปพืชสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่าสู่ ‘อาหารสุขภาพและอาหารสัตว์สมุนไพร’ ที่หลากหลาย เช่น อาหารฟังก์ชัน, อาหารใหม่ (Novel Food) อาหารนวัตกรรมใหม่ (innovative food) อาหารทางการแพทย์ (Medical Food) และอาหารอินทรีย์

นอกจากนี้ภาครัฐเร่งส่งเสริมการฟื้นฟูผู้ป่วยระยะหลังโควิด-19 ด้วยพืชสมุนไพร อาโวคาโด เป็นต้น การส่งเสริมการผลิตพืชสมุนไพรเพื่อป้อน ‘โรงงานสกัดสารมูลค่าสูง’ ในพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ผ่านการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนแล้วหลายโครงการ คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ร่วมไปถึง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาพืชสมุนไพรสู่ ‘อุตสาหกรรมอาหารสัตว์สมุนไพร’ ล้วนส่งผลให้มีความต้องการวัตถุดิบพืชสมุนไพรจำนวนมาก พืชสมุนไพรมีการปลูกมากถึง 1.15 ล้านไร่ แต่ผ่านการรับรองมาตรฐานเพียง 6.4 หมื่นไร่ หรือ 5.6% ทำให้มาตรฐานการผลิตสินค้าพืชสมุนไพร ยังไม่ตอบสนองของอุตสาหกรรม เกิดปัญหาด้านคุณภาพที่หลากหลาย ล้วนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานทางการแพทย์

‘กรมวิชาการเกษตร’ เป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ทำการวิจัยพืชสมุนไพรและเครื่องเทศเศรษฐกิจมากกว่า 20 ชนิด เพื่อให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐาน GAP พืชอาหาร (มกษ.9001-2556) เดิมมุ่งพัฒนาด้านเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ยกระดับคุณภาพและปลอดโรค รวมทั้งยังได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุ์พืชสมุนไพรไทยจากทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 200 ชนิด

ปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตร เร่งวิจัย เพื่อยกระดับพืชสมุนไพรสู่มาตรฐานใหม่ GAP พืชสมุนไพร (มกษ.3502-2561) ตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข 11 ชนิด ได้แก่ ขมิ้นชัน บัวบก กระชายดำ มะขามป้อม ฟ้าทะลายโจร พลูคาว ว่านหางจระเข้ หญ้าหวาน มะแขว่น กระดอม และจันทน์เทศ (แผนแม่บทว่าด้วยสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 1) รวมถึงศึกษากระตุ้นการเพิ่มสารสำคัญในกล้วยไม้สมุนไพรไทยและการเพาะเลี้ยงรากของตังกุยและโสมให้ได้ สารจินเซนโนไซด์ ในห้องปฏิบัติการแทนการปลูกในแปลง

ในอนาคต (ปี 2568-2570) กรมวิชาการเกษตรจะเร่งวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับพืชสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ให้เข้าสู่มาตรฐาน GAP พืชสมุนไพร อีก 4 ชนิด ได้แก่ กระชาย ไพล เพชรสังฆาต และมะระขี้นก (แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2) และเร่งสร้างชุดเทคโนโลยีการผลิตพืชสมุนไพรเชิงอุตสาหกรรม 3 ชนิด ได้แก่ ขมิ้นชัน บัวบก และว่านหางจระเข้

ทั้งนี้ งานวิจัยพัฒนาพืชสมุนไพรของกรมวิชาการเกษตร จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกร / ภาคเอกชน สามารถผลิตวัตถุดิบสมุนไพรได้ตาม มาตรฐานสมุนไพรไทย (Thai Herbal Pharmacopoeia) ยกระดับทั้งปริมาณผลผลิตและปริมาณสารสำคัญให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานทางการแพทย์ ปลอดภัยจากสารพิษและโลหะหนัก เป็นผลผลิตที่เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับภาคอุตสาหกรรมการแปรรูป เช่น ยาสมุนไพร อาหารเสริมสุขภาพ เวชสำอาง และต่อยอดสู่อาหารและอาหารสัตว์สมุนไพร ซึ่งจะสร้างอนาคตที่สดใส และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรที่เกี่ยวเนื่องอย่างยั่งยืน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้า “สร้างชีวิต” อย่างยั่งยืน ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน ในโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการภาคอีสานร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี

วานนี้ (วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ  นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ   ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี (จังหวัดที่ 6 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 27 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 672,755 บาท (หกแสนเจ็ดหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบห้าบาทถ้วน)  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  และคณะมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานีร่วมในพิธี ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น  และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  

ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 6 จังหวัด 147 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,070,105 บาท (สามล้านเจ็ดหมื่นหนึ่งร้อยห้าบาทถ้วน)

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชันและสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘เศรษฐา’ ลั่น!! วิจารณ์ว่าที่ รมต. ได้ในกรอบที่เหมาะสม มั่นใจ!! ทุกคนมีคุณสมบัติเหมาะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรี

(30 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บางคนอาจไม่เหมาะกับบางตำแหน่งว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลและผู้ที่ประสานงานจัดตั้ง ครม.ด้วย ตนคิดว่าหน้าตาหรืออะไร ก็มีสิทธิ์ที่คนจะคิดกันได้ แต่ต้องให้เกียรติกับรัฐมนตรี และมั่นใจว่ารัฐบาลของเรามีภารกิจมาก มีเป้าหมายในการทำงานอย่างชัดเจน เราคงวัดกันที่ตรงนี้ เพราะวันนี้ทุกคนคงต้องเริ่มทำงานแล้ว


เมื่อถามว่ามีเสียงสะท้อนว่าหากพลเรือนมาคุมกองทัพ อาจจะเป็นการถูกด้อยค่า นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่านายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีผู้รายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้อาวุโส เป็น สส. หลายสมัย เท่าที่ตนรู้จักนายสุทิน ท่านเป็นคนที่ให้เกียรติคน เชื่อว่าการประสานงานกับกองทัพจะเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งส่วนตัวตนจะเข้าไปช่วยดูตรงนี้ด้วย ก็ต้องให้แน่ใจว่าทุกสถาบันได้รับการดูแลเอาใจใส่ และได้รับการพูดคุยอย่างเหมาะสม สมฐานะ

เมื่อถามว่าว่าที่รัฐมนตรีทยอยเข้าไปกรอกประวัติที่ทำเนียบรัฐบาล ทางสำนักเลขาธิการ ครม. ได้แจ้งหรือไม่ว่าจะใช้เวลากี่วันและขั้นตอนต่อไปจะเริ่มได้เมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ได้พูดคุยกับเลขาธิการ ครม. ระยะเวลาในการตรวจสอบน่าจะอยู่ที่ 2 วัน หลังจากนั้นก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เลย

เมื่อถามว่าทางเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งเรื่องคุณสมบัติมาบ้างหรือไม่ เพราะมีรายงานว่ารัฐมนตรีบางคนคุณสมบัติไม่ผ่าน นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องยังไม่ถึงตน ตนยังไม่ทราบ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายณฐพร โตประยูร จะทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ว่ามีว่าที่รัฐมนตรี 4 คน ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คุณสมบัติไม่ผ่าน โดยอ้างอิงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับข้อมูล แต่ตนเชื่อว่าทั้ง 4 คนเป็นบุคคลที่เหมาะสมในการเข้าดำรงตำแหน่ง เหลือแค่เช็กคุณสมบัติจากเลขาธิการ ครม. อีกครั้ง

เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนทราบเรื่องแล้ว วันนี้ นพ.ชลน่านคงประกาศเรื่องนี้เอง ต้องให้เกียรติท่าน ซึ่งท่านก็เป็น สส. หลายสมัย ทำประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทยมานาน และเป็นที่รักของ สส. ทุกคน ตนเพิ่งเข้ามาใหม่ ท่านก็ให้การดูแลที่ดี เชื่อว่าไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเช่นไร ในอนาคตท่านก็จะยังอยู่ในพรรค เพื่อไทยต่อไป ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ในพรรคมีการคุยกัน แต่ต้องให้เกียรติ นพ.ชลน่านในการแถลง

เมื่อถามย้ำว่าเรื่องเซอร์ไพรส์ที่นายเศรษฐาเคยบอกคือเรื่องที่ นพ.ชลน่านจะลาออกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ใช่ครับ นพ.ชลน่านประกาศไว้นาน หากมีการเลือกนายกฯ เสร็จเรียบร้อย และหากเสร็จภารกิจ นพ.ชลน่านก็จะมีการประกาศของท่านออกไป”

เมื่อถามต่อว่าถ้า นพ.ชลน่านลาออกใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องมีการประชุมพรรค เพราะเราเป็นพรรคที่มีสมาชิกเยอะ คงต้องว่าไปตามกฎพรรคการเมือง และคงต้องมีการรักษาการไปก่อน ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่ภายใน 60 วัน ทั้งนี้ ขอฟัง นพ.ชลน่านแถลงก่อน

เมื่อถามว่ามองคุณสมบัติของคนที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไปอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนในฐานะหนึ่งในสมาชิกพรรค คิดว่าต้องเป็นคนที่อยู่ในพรรคมานาน มีความรู้ความสามารถ รอบรู้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง ความมั่นคงเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อถามว่ามองว่านพ.ชลน่านจะมีโอกาสกลับมานั่งหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไปก้าวล่วงสิทธิของสมาชิกพรรคทุกท่านไม่ได้ ต้องให้เกียรติสมาชิก เราหนึ่งคนหนึ่งเสียง เราเคารพระบบพรรคการเมือง

เมื่อถามว่าส่วนตัวจะเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับการเลือกกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา นายเศรษฐา กล่าวว่า มีความคืบหน้าตลอด เมื่อวานนี้มีการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แล้ว ซึ่งนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ว่าที่เลขาธิการนายกฯ เป็นคนเจรจาและรวบรวมข้อมูล แล้ววันนี้เวลา 11.00 น. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเข้ามาพบตนที่พรรคเพื่อไทย เพื่อพูดคุยเรื่องนโยบาย ซึ่งเราก็เร่งด่วนในเรื่องนี้ เพราะอยากแถลงนโยบายโดยเร็วหลังเข้าถวายสัตย์ฯ เพื่อที่ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องทำ

เมื่อถามว่าหลังจากนำ ครม. ถวายสัตย์ฯ แล้ว คาดว่าจะใช้เวลากี่วันในการแถลงนโยบายต่อสภาฯ ได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอไปดูนิดหนึ่งก่อน ขึ้นอยู่กับถวายสัตย์ฯ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์

เมื่อถามว่าภารกิจที่ว่าเน้นไปที่การท่องเที่ยว ช่วงไฮซีซันตั้งตัวเลขไว้อย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า กำลังทำการศึกษาอยู่ ซึ่งในทุกเวทีที่เราพูดคุย การท่องเที่ยวที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด รวมถึงเดือน ต.ค. ซึ่งใกล้ถึงช่วงไฮซีซันแล้ว ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา ได้คุยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการท่าอากาศยาน การบินไทย กระทรวงคมนาคมเรื่องแผนการพัฒนาและสนับสนุน และมีการคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องของการดูแลด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งท่านก็สนับสนุนและเห็นชอบในเรื่องนี้ ฉะนั้นเรื่องนักท่องเที่ยวจีน ที่เรามีดำริว่าเราจะยกเลิกขอวีซ่าก็หวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากทุกภาคส่วน ส่วนตัวเลขวันประกาศคงจะมีการอธิบายให้ฟังว่าจะดีขึ้นอย่างไร แล้วจะเห็นผลเมื่อไหร่

ชวนคิด!! 'ผู้ปกครอง-นักศึกษา' ศึกษาตลาดงานยุคใหม่ 'สายอาชีพ' ไม่เป็นรองใคร หลัง 'ลุงตู่' ปูทาง EEC ไว้ระยะยาว

(30 ส.ค.66) จากเฟซบุ๊ก 'Sappaisansook Yodmongkhol' โดยนายยอดมงคล ทรัพย์ไพศาลสุข ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสายวิชาชีพที่ควรเรียนและไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป ว่า...

จากมาตรการไทยแลนด์ 4.0 ในรัฐบาลลุงตู่ ทำให้ในส่วนภาคอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก รัฐบาลที่ผ่านมา แม้แต่ลุงตู่เองก็พยายามสนับสนุนให้เยาวชนหันมาเรียนทางด้านสายอาชีพมากขึ้น ซึ่งพยายามสนับสนุนผลักดันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว หลายคนก็ยังดูถูกดูแคลนวิสัยทัศน์ สุดท้ายจบมาตกงาน เพราะไม่เชื่อที่ลุงแนะนำ 

คนไทยยังติดยึดกับค่านิยมเดิม ๆ ที่ชอบเรียนสายสามัญมากกว่า เพื่อไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันมีหลายสาขาอาชีพที่มีบุคลากรล้นเกิน จึงเกิดปัญหาเรื่องของการว่างงาน โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ ดังนั้นผู้ปกครองกับเยาวชนควรต้องวางแผนการศึกษาต่อให้ดี มองไปให้ถึงการประกอบอาชีพในอนาคต ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกเรียนในสาขาอาชีพที่ขาดแคลนบุคลากร จบการศึกษามาแล้ว ก็จะหางานทำได้ง่าย ๆ สบาย ๆ

งานด้านสายอาชีพในปัจจุบัน ไม่สามารถดูถูกดูแคลนได้เลย บางครั้งสามารถทำงานหาเงินได้มากกว่าสายสามัญที่จบมาเสียอีก ผู้ปกครองควรมองสายอาชีพเป็นทางเลือกของบุตรหลานท่านบ้าง โดยดูตามความชอบ ศักยภาพ อาชีพที่จะทำเมื่อจบการศึกษามาแล้ว ความพร้อมของท่านและบุตรหลานไปพิจารณาประกอบด้วยครับ

‘แพท’ เล่านาทีคุณแม่หัวใจหยุดเต้น ตัดสินใจพาไปอยู่ศูนย์ใกล้บ้าน ในอนาคตหวังให้ลูกชายทำแบบนี้กับตน อย่าไปคิดว่าจะดูอกตัญญู

(30 ส.ค.66) เรียกได้ว่าเป็นคู่แม่ลูกที่น่ารักมาก ๆ ระหว่าง ‘แพท ณปภา ตันตระกูล’ และ ‘น้องเรซซิ่ง’ ที่แฟน ๆ มักจะเห็นโมเมนต์น่ารัก ๆ ของทั้งคู่อยู่บ่อยครั้งทางโลกโซเชียล ทำเอาแฟน ๆ นั้นยิ้มตามด้วยความเอ็นดูกันเลยทีเดียว และจากที่ทราบกันดีว่าแม่แพทมีความรักครั้งใหม่แล้ว มีหวานใจเป็นหนุ่มนอกวงการที่อายุห่างกันถึง 14 ปี แต่ลงตัวสุด ๆ

ล่าสุด แม่แพท และ น้องเรซซิ่ง ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ แม่ซ่า ป๊าตะลอน นอกจากจะเม้าท์ความรักของลูกชายวัย 6 ขวบกับการมีแฟนครั้งแรก แถมยังเป็นความรักสุดฮาเลิกกันตอนปิดเทอม พอเปิดเทอมแล้วค่อยกลับมารักกันใหม่ งานนี้คุณแม่ยังออกมาเผยความรักของตัวเองอีกด้วย

>> น้าพีเป็นอะไรกับแม่เรา?

เรซซิ่ง : น้าพี พี่เลี้ยงหนู แม่บอกเป็นแฟนกันไหม แล้วน้าพีก็บอก เป็นแฟนกัน
แพท : ตลกบ้า เรารักน้าพีไหม แม่เลิกคุยกับน้าพีได้ไหม
เรซซิ่ง : ไม่ได้ เพราะว่าเขาซื้อของเล่นให้ แล้วเขาก็เล่นกับหนู

>> พี่เลี้ยงหายไป น้าพีเลยมาเป็นพี่เลี้ยงแทน?

เรซซิ่ง : เป็นพ่อ
แพท : อุ๊ย อันนี้แรงมากนะ

>> เรารู้ได้ยังไงว่าน้าพีคือพ่อของเราแล้ว?

เรซซิ่ง : เพราะแม่ไปจีบเขาก่อน
แพท : ฉันเสียทรงหมด ตลก
เรซซิ่ง : พี่เลี้ยงเขาหาให้ แล้วแม่ก็เอา ก็บอกเป็นแฟนกัน แล้วตอนนี้แม่มีแฟนอีกคน

>> แม่มีแฟนกี่คนตอนนี้?

เรซซิ่ง : ตอนนี้มีคนเดียว

>> แล้วคุณแม่ที่ป่วยติดเตียงมานานแล้วเป็นยังไงบ้าง?

แพท : มีวันหนึ่งแพทถ่ายละครอยู่ ที่บ้านโทรมาบอกว่าแม่แย่แล้ว หน้าเขียวแล้ว แพทเลยบอกว่าให้รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเลย ระหว่างทางเขาโทรมาบอกว่าจะถึงโรงพยาบาลแล้ว แต่แม่หยุดหายใจแล้ว ที่เรซเล่า น้าพีขับรถและพยายามปั๊มหัวใจประมาณ 5 นาที ก่อนถึงมือหมอ พอถึงหมอก็ปั๊มหัวใจขึ้นมาได้

ใช้เวลาอยู่ในไอซียู ประมาณ 5 วัน ก็ย้ายมาห้องปกติ เราเลยตัดสินใจให้อยู่ศูนย์ใกล้บ้าน มีคนดูแลหน้าห้อง รายงานเราทุก 2-3 ชั่วโมง แม่ไม่มีอาการอะไรเลย ไม่ต้องมีสายระโยงระยาง มีเพียงสายอาหารมีคนกายภาพให้ทุกวัน

เรซเขาเห็น แพทป้อนข้าวแม่ เปลี่ยนแพมเพิร์สมาตลอด สิ่งที่แพทอยากบอกเขาคือ ถ้าวันหนึ่งที่แม่เป็นแบบนี้ ให้เรซตัดสินใจเลย ให้แม่ไปอยู่เหมือนแบบคุณย่า ไม่ต้องคิดว่าอกตัญญูหรือเปล่า พาแม่ไปทิ้งที่ศูนย์ แพทบอกไม่ใช่เลย พาแม่มาอยู่ที่นี่ แม่จะมีความสุขมากกว่าอยู่ที่บ้าน

'เศรษฐา 1' พอใช้ได้ 'ไม่โกง-ไม่รื้อรธน.' อยู่ยาว 3 ปี ติด!! บางกระทรวงแม้ลงตัว แต่ยังแอบขัดใจในดีกรี

มาถึงนาทีนี้ก็ใกล้จะประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 กันแล้ว...รออีกแป๊บบบ...โปรดเกล้าฯ เมื่อไหร่จะได้วิพากษ์วิจารณ์กันเต็มที่ 

ในชั้นนี้ประสา 'เล็ก เลียบด่วน' ขอแสดงความเห็นส่วนตัวถึงโครงสร้างและรูปลักษณ์ของรัฐบาลเศรษฐาสั้น ๆ 3 ประการ

ประการแรก - เป็นรัฐบาลที่เป็นผลิตผลของรัฐบาลผสมระหว่างฝ่ายที่อ้างว่าเป็นฝ่ายเสรีนิยมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมซึ่งนำโดยพรรคสองลุง...ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่เห็น ๆ มันก็คือ เผ่าพันธุ์นักการเมืองทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น โดยมีนายทุนพรรคเข้ามาหยิบชิ้นปลามันอย่างสมน้ำสมเนื้อที่ได้ลงทุน เช่นกรณีกระทรวงคมนาคม, กระทรวงพลังงาน หรือแม้แต่กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น

ประการที่สอง - แม้หลายตำแหน่งจะลงตัว เหมาะสม แต่เหตุเพราะการแบ่งกระทรวงอาจจะไม่ถูกที่ถูกพรรค ทำให้การวางตัวคนบางตำแหน่งอาจจะดูขัด ๆ เขิน ๆ ไม่ ‘พุท เดอะไร้ท์ แมน ออน เดอะ ไร้ท์ จ๊อบ’ ...เช่น ภูมิธรรม เวชยชัย ควรนั่งมหาดไทยหรือรองนายกฯ ควบกระทรวงเชิงสังคม แต่กลับต้องไปนั่งว่าการพาณิชย์ หรือแม้แต่กรณี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ต้องไปนั่งว่าการศึกษาธิการ และกรณีสุทิน คลังแสง ที่หากไม่พลิกก็จะไปคุมกองทัพในตำแหน่งว่าการกลาโหม เป็นต้น

ประการที่สาม - แม้ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่ก็พอจะคาดหมายได้ว่า...เคาะสุดท้าย...คำสั่งสุดท้าย...โผสุดท้ายที่ออกมาจากห้องสูท ชั้น 14 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง...ซึ่งนายกฯ ที่ชื่อเศรษฐา ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้...ดังกรณีตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการปูนบำเหน็จให้คนชื่อพิชิต ชื่นบาน 'ทนายถุงขนม'

กรณีพิชิต ชื่นบาน นี่ต้องขอเสริมสักนิดว่า เมื่อตรวจสอบในเชิงตัวบทกฎหมายแล้ว ไม่สามารถไปห้ามเขาได้ครับ ที่พิชิตต้องไปนอนคุก 6 เดือนเมื่อปี 2551 กรณีพยายามติดสินบนบนศาลนั้นก็เป็นคำสั่งศาล ยังไม่ใช่ คำพิพากษา' ของศาลจากคดีอาญาแต่ประการใด...แต่ที่ 'เล็ก เลียบด่วน' ติดใจและสังคมก็น่าจะคาใจกันทั้งประเทศก็คือ ประเด็นจริยธรรม ที่เขาเป็นสินค้ามีตำหนิชัดเจน...

มาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญ สองวงเล็บ บัญญัติชัดเจนว่า...รัฐมนตรีต้อง (4) มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ส่วนกรณีของ 'บิ๊กทิน' สุทิน คลังแสง นั้นเป็นคนมีความรู้รอบตัว ถ้าให้เหมาะสมกับสเปกของเจ้าตัวน่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ หรือวัฒนธรรม หรือเกษตรและสหกรณ์ แต่ด้วยเหตุที่เก้าอี้รัฐมนตรีจำกัดและไม่สามารถนายทหารในสเปกเพื่อไทยได้ รวมทั้งลึกๆ อยากสร้างมิติใหม่ทางการเมืองให้พลเรือนที่ไม่ใช่นายกฯ คุมกลาโหม จึงส่งพ่อใหญ่หมอลำอย่างสุทินไปว่าการ...ซะเลย

ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงนายทหาร เตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ปรากฏชื่อ พล.อ.พิศาล  วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 27 ของพรรคเพื่อไทย แต่ พล.อ.พิศาล มีบาดแผลใหญ่กรณีสลายม็อบตากใบ 85 ศพ เมื่อปี 2547 เลยไม่ผ่าน...ต่อมาจึงมีชื่อ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ 'บิ๊กเล็ก' อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายทหารสายบุ๋น สายตรงลุงตู่...แต่สุดท้ายก็เงียบไป...

ฉะนั้นถึงนาทีนี้ ชื่อ 'บิ๊กทิน' จึงยังเต็งจ๋า...แต่นาทีสุดท้ายเมื่อต้องเผชิญแรงต้านจากกองทัพในระดับพอสมควร ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร...

ส่งท้ายวันนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' สวมวิญญาณโหร นั่งเทียนพยากรณ์ว่ารัฐบาลเศรษฐาจะไปได้ยาวกว่าที่หลายคนกำลังแช่ง เพราะทุกพรรคจะถ้อยทีถ้อยอาศัยประสานผลประโยชน์กัน

วันนี้จึงขอบอกเพียงว่า...ครึ่งเทอมหรือสองปีจะผ่านไปได้ชิวๆ และถ้าไม่โกงและไม่ติดหล่มแก้รัฐธรรมนูญตามเกมพรรคก้าวไกลมากเกินไป..เอาไปเลยสามปี..!!

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ยก 'ลุงตู่' ที่รู้จัก ต่างจากนักการเมืองทั่วไป 'แข็งนอก-อ่อนใน-ไม่สร้างวาทกรรม' ผู้ร่วมงานด้วยล้วนหลงเสน่ห์

ไม่นานมานี้ นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ดังนี้…

ลุงตู่ที่รู้จัก

วันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งอาจจะเป็นนัดสุดท้ายของรัฐบาลลุงตู่ จะเล่าเรื่องลุงตู่ที่ผมรู้จัก

แม้จะไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกับลุงตู่มากนัก แต่มีแง่มุมที่พอเล่าสู่กันฟังได้ แต่จะไม่เขียนถึงผลงานของลุงตู่ เพราะมีหลายท่านเขียนผลงานลุงตู่กันมากพอสมควรแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นการสร้างกระแสลุงตู่

แน่นอน ในสมัยแรกลุงตู่เป็นนายกมาจากการยึดอำนาจ แต่ลุงตู่ยึดอำนาจเพื่อยุติการเผชิญหน้าทางการเมืองระหว่างคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ที่มีการชุมนุมทางการเมืองด้วยมวลชนจำนวนมากและมีทีท่าที่จะเกิดสงครามกลางเมือง ลุงตู่จัดให้ฝ่ายการเมืองพูดคุยกันเพื่อหาทางออกแต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ จึงนำมาสู่การยึดอำนาจ เพื่อรักษาชีวิตและเป็นการยึดอำนาจที่ไม่มีการเสียชีวิตและเลือดเนื้อของคนในชาติ

ลุงตู่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ แต่เนื้อแท้จริง ๆ แล้ว ลุงตู่เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน คือภาพของลุงตู่เป็นคนพูดไม่เพราะ พูดแข็ง ๆ ห้วน ๆ ภาษาแบบคนบ้าน ๆ แต่จริงใจ ไม่สร้างวาทกรรม ไม่มีการประดิดประดอยสรรหาถ้อยคำหวานหู ผิดจากนักการเมือง

หากลุงตู่เป็นเผด็จการอย่างที่ถูกกล่าวหา ม๊อบที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล และชุมนุมตลอดสมัยการเป็นนายกของลุงตู่ ต้องถูกปราบปรามด้วยการเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ เหมือนสมัยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่จัดการอย่างรุนแรงต่อผู้ชุมนุมมีคนเจ็บคนตาย 

แต่ลุงตู่กลับให้ตำรวจดำเนินการด้วยกฎหมาย ทำงานด้วยความอดทน จนถูกกองเชียร์ลุงตู่บอกว่า หน่อมแน๊ม ไม่มีน้ำยา 

ลุงตู่เป็นทหารมาตลอดช่วงชีวิต แต่เมื่อมาเป็นนักการเมือง ลุงตู่ใจเย็นมากในการทำงานร่วมกับนักการเมืองและฝ่ายต่าง ๆ แต่เมื่อจะจบการประชุมที่เคร่งเครียด คำพูดของลุงตู่ที่ง่าย ๆ แต่ติดหู คือ ขอบคุณ รู้นะว่าทุกคนทำงานหนักและเหนื่อย ความเรียบง่ายและจริงใจของลุงตู่ทำให้คนที่ทำงานด้วยรักลุงตู่

แม้แต่นักการเมืองจำนวนมากก็หลงเสน่ห์ลุงตู่และย้ายพรรคมาร่วมงาน ร่วมหัวจมท้ายกับพรรคลุงตู่ ไม่ไปไหนทั้ง ๆ ที่รู้ว่า พรรคตั้งใหม่เกิดยากถ้าหัวไม่ลง

ขอบคุณลุงตู่ที่เหน็ดเหนื่อย ช่วงนี้ให้ลุงตู่พักเหนื่อยก่อน

เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ

‘แอน นภาพร’ หมอลำสาวดาวรุ่ง แห่งประถมบันเทิงศิลป์ ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต ด้านพี่สาวร่ำไห้ใจสลาย

(30 ส.ค. 66) ศูนย์วิทยุ สภ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีรถกระบะพลิกคว่ำบนถนนสาย 24 บริเวณ กิโลเมตรที่ 134/400 มุ่งหน้าสู่ อำเภอนางรอง ห่างจากแยกตะโก 1.3 กิโลเมตร มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถ

โดยที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 เลน พบรถกระบะฟอร์ดแบบ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน 7247 นครราชสีมา พลิกคว่ำหงายท้อง ลักษณะข้ามเลนไปอยู่อีกฝั่งของถนน ปิดการจราจรไปอีกหนึ่งช่องทาง ตรวจพบมีผู้บาดเจ็บอยู่ในรถ 3 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 2 ราย ในจำนวนนี้มีหญิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย กู้ภัยต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะชีพจรต่ำหัวใจหยุดเต้น และมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณศีรษะ

สอบถาม นายรณชัย งามมี อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ เป็นครูสอนอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ และเป็นคนขับรถเล่าว่า ขับรถมาส่ง น.ส.สุดารัตน์ อายุ 22 ปี มาร้องเพลงที่ผับแห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากร้องเพลงเสร็จ ได้ตีรถกลับถึงที่จังหวัดสุรินทร์ เวลาประมาณ 03.00 น.

เพื่อเตรียมตัวจะออกไปร้องเพลงต่อที่จังหวัดนครราชสีมา โดยมี น.ส. นภาพร หรือ แอน อายุ 18 ปี น้องสาวแฟนที่เป็นนักร้องหมอลำดาวรุ่ง ของคณะประถมบันเทิงศิลป์ ขอเดินทางมาด้วย

แล้วเดินทางต่อหวังจะไปจังหวัดนครราชสีมา เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 04.00 น. เกิดอาการวูบ ไม่รู้สึกตัวก่อนรถจะหมุนพลิกคว่ำดังกล่าว คาดว่าอาจจะไม่ได้พักผ่อน เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหลังทราบว่าน้องสาวแฟนได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา แฟนสาวได้แต่ร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่น่าจะพาน้องสาวเดินทางมาด้วย

สำหรับ น.ส. นภาพร หรือ แอน เป็นนักร้องอิสระที่โด่งดังมาก ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์, สุรินทร์ และนครราชสีมา ล่าสุดวงดนตรีหมอลำ หมอลำประถมบันเทิงศิลป์ เพิ่งเปิดตัวสองพี่น้อง เอม-แอน พรประถม เป็นนักร้องประจำวง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับ และซ้อมให้เข้ากับวง

'ครูสาว' ผันตัวเป็น 'ดาว OnlyFans' เผยอาชีพเดิมมีแต่อึดอัด ลั่น!! เป็นดาวโป๊แล้วมีอิสระ รู้สึกเป็นตัวของตัวเองกว่าเยอะ

(30 ส.ค.66) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ‘ชาแนล ยุย (Chanel Yui)’ ผู้สร้างเนื้อหาบน OnlyFans ได้ออกมาเปิดใจถึงการตัดสินใจลาออกจากอาชีพคุณครูมาเข้าสู่การคอสเพลย์และวงการ 18+

โดยชาแนลเปิดเผยว่า การเป็นคุณครูโรงเรียนมัธยมค่อนข้างกดดันและอึดอัด ทำอะไรตามใจไม่ได้นัก เพราะผลที่ตามมาคือการโดนตำหนิและโดนร้องเรียน จนทำให้เธอฉุกคิดว่า “ทำไมถึงจะเป็นตัวของตัวเองไม่ได้?”

ด้านเหตุผลที่เลือกเข้าร่วมเส้นทางอาชีพที่ ‘เป็นที่ถกเถียง’ และ ‘ไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง’ นั้น ชาแนลเผยว่าเป็นเพราะ ‘ซากุระ’ เพื่อนสนิทคนหนึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ และแนะนำให้เธอรู้จักอินฟลูเอนเซอร์มากมาย ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นมักสร้างเนื้อหาบน OnlyFans ประจำ

แน่นอนว่าซากุระก็เข้าร่วม OnlyFans ด้วยเช่นกัน ชาแนลจึงเริ่มเข้าสู่วงการด้วยการช่วยงานเบื้องหลัง ตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึงการช่วยจองเที่ยวบินสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งหลังจากสัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังมานาน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลองทำ OnlyFans ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม หลังจากวิดีโอเปิดใจถูกเผยแพร่ ค่อนข้างมีกระแสตอบรับเชิงลบต่อการเปลี่ยนอาชีพของเธอ “น่าอับอาย กระทรวงศึกษาธิการเป็นต้องปรับปรุงการคัดเลือกครูในอนาคตจริงๆ”, “รัฐจ่ายเงินเดือนครูให้น้อยจนทำให้เธอต้องออกมาโชว์เนื้อหนังหรอ?”

'จีน' ออกแคมเปญดุ!! 'ปราบละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์' ปกป้อง 'ลิขสิทธิ์-คอนเทนต์' หลุดแพลตฟอร์มเถื่อน

(30 ส.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนริเริ่มโครงการรณรงค์ใหม่ เพื่อออกปฏิบัติการพิเศษปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์ทั่วประเทศ ระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน นี้

โครงการดังกล่าวเปิดตัวโดยสำนักบริหารลิขสิทธิ์แห่งชาติจีน ในความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และหน่วยกำกับดูแลไซเบอร์สเปซของจีน

ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ จะเพิ่มการคุ้มครองลิขสิทธิ์สำหรับการออกอากาศงานแข่งขันกีฬา ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การเผยแพร่รายการแข่งขันกีฬาแบบไม่ได้รับอนุญาตและผิดกฎหมาย อาทิ การแข่งขันกีฬาหางโจว เอเชียนเกมส์ และเอเชียน พารา เกมส์ ที่กำลังจะมาถึง

โดยหน่วยงานเหล่านี้ จะยกระดับการกำกับดูแลลิขสิทธิ์สำหรับโรงภาพยนตร์ตามความต้องการและห้องชมภาพยนตร์ส่วนตัวภายในบ้าน อีกทั้งเสริมสร้างการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และห้องสมุด

ตลอดการรณรงค์ข้างต้น เว็บไซต์และแอปพลิเคชันสตรีมมิงวิดีโอ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เว็บเบราว์เซอร์ และโปรแกรมค้นหาข้อมูล จะต้องได้รับการตรวจสอบลิขสิทธิ์เช่นกัน

อนึ่ง สำนักบริหารฯ ให้คำมั่นว่าจะกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top