Friday, 23 May 2025
NewsFeed

‘ตุ๊กกี้’ เล่าเบื้องหลังสุดประทับใจ หลังร่วมงาน 'แบมแบม' ‘ไม่ถือตัว-นอบน้อมถ่อมตน’ ขอชื่นชมจากใจจริงๆ

(29 ส.ค.66) เรียกได้ว่าทำเอาเหล่าอากาเซ่ชาวไทยอิ่มอกอิ่มใจอย่างมาก เมื่อศิลปินเกาหลีสัญชาติไทยคนดัง อย่าง ‘แบมแบม กันต์พิมุกต์’ หรือ ‘แบมแบบ GOT7’ กลับมาเยือนบ้านเกิดอย่างเมืองไทย เพื่อแถลงข่าวเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของตัวเองอย่าง 2023-2024 BamBamTHE 1ST WORLD TOUR [AREA52] in BANGKOK และเดินสายออกรายการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ‘แบมแบม’ ได้มีโอกาสไปเยือน Workpoint พร้อมให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง กับพิธีกรสาวอารมณ์ดี ‘ตุ๊กกี้ สุดารัตน์’

โดย ‘ตุ๊กกี้ สุดารัตน์’ ได้ออกมาเล่าเรื่องราวความประทับใจถึง ‘แบมแบม’ หลังได้สัมภาษณ์สุด Exclusive ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ว่า... 

"ความในใจเขียนและพิมพ์แบบตั้งใจมาก นี่คือความ Good luck ของชีวิตและเป็นอีกประสบการณ์ wow มาก ได้สัมภาษณ์ น้องแบมแบม Superstar ในใจหลายล้านคน และหลาย 10 ล้าน และแฟนคลับ 'อากาเซ่' พี่ขอชื่นชม จากใจ เล่าตามเรื่องนึกภาพตามนะคะ น้องแบมแบมมีนัดและให้เกียรติอัดรายการ กับห้องข่าวบันเทิงคิวเรา 16.00 ไอ้เราไปตั้งแต่ 13.30 ไม่ได้ตื่นเต้น (สักเท่าไหร่เนาะ) ตรงเวลาเป๊ะ คุณกิฟซี่ คนจัดคิวประสานงานเรียกทีมงานรายการเรา Standby ตามคิวเป๊ะทุกวินาที คือ มืออาชีพละ 1 เวลามาถึงละ หลับตา นึกภาพนะคะ เริ่มเล่าได้ละ

น้องแบมแบม : ยกมือไหว้พร้อมคำว่า สวัสดีครับพี่ตุ๊กกี้ไม่คิดว่าจะเจอตัวจริง
พี่ตุ๊กกี้ : สวัสดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติรายการและให้โอกาสทีมเรา
น้องแบมแบม : ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
พี่ตุ๊กกี้ : ห๊ะ คำนี้พี่ต้องพูดค่ะ
น้องแบมแบม : เราไม่ต้องตามสคริปต์นะครับ เราเอาสบายๆ ฟรีๆ กันเองๆ อะไรก็ได้เลยนะครับ ชิลๆ (แล้วก็ทำท่าเลื่อนดูตามนะคะ)
พี่ตุ๊กกี้ : อะ ได้ครับ ลุยเลย

ขอบคุณจริงๆ ขออวยพรให้น้องมีความรุ่งเรือง ปัง ดัง มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ขอให้คอนเสิร์ต Solo ครั้งนี้ ประสบความสำเร็จนะครับ ขอบคุณ Workpoint และ ทีมห้องข่าว บิว/อุ้มบุญ/อ๊อฟ/แบงค์/ท๊อป/ฟ้า ขอบคุณทีมประสานคุณกิ๊ฟ ขอบคุณห้องข่าวบันเทิง แถมอีกเรื่องตอนถ่ายภาพรวมเราก็เรียกบูบู้มาร่วมเฟรม น้องแบบแบมพูดกับพี่บู้ว่า ผมเจอพี่เขาแล้วที่ห้องน้ำ พอขึ้นรถพี่บู้ก็เล่าว่าตกใจมาก น้องสวัสดีในห้องน้ำ คือทักทายก่อน พี่บู้ประทับใจมาก น่ารักจัง เอาล่ะค่ะ แล้วเจอกัน ที่นี่ 2023-2024 BamBamTHE 1ST WORLD TOUR [AREA52] in BANGKOK #BamBamAREA52inBKK #แบมแบม #BAMBAM #뱀뱀 #iMeThailand #iMeGroup @bambam1a ติดตาม การสัมภาษณ์แบบเต็มและ Exclusive สุดสุด สกู๊ป พิเศษทางรายการห้องข่าวบันเทิง @workpointgossip"

งานนี้ทำเอาเหล่าอากาเซ่เข้ามาคอมเมนต์ร่วมชื่นชมความน่ารัก และเป็นกันเองของ ‘แบมแบม’ กันอย่างมากมาย 

‘ฝรั่งเศส’ จ่อแบนชุด ‘อาบายะห์’ ของชาวมุสลิมในโรงเรียนรัฐฯ อ้าง!! ลดการบ่งบอกศาสนาที่นับถือ ผ่านการแต่งกาย-สัญลักษณ์

(29 ส.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส ออกประกาศว่า เด็กนักเรียนหญิงในโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่ง จะถูกห้ามไม่ให้ใส่ชุดคลุมยาวอาบายะห์ มาตรการนี้ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ทันทีในภาคการศึกษาใหม่ โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 4 กันยายนที่จะถึงนี้ โดยรัฐบาลจะประกาศแนวทางปฏิบัติในระดับประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสมีข้อบังคับเข้มงวด และห้ามไม่ให้มีการสวมใส่เครื่องแต่งกาย หรือแสดงสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเชื่อทางศาสนาอย่างชัดเจนในโรงเรียนรัฐฯ รวมถึงหน่วยงานราชการ มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เพื่อไม่ให้ขัดต่อหลักปรัชญาโลกิยนิยม และไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก หรือไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งข้อบังคับนี้ครอบคลุมไปถึงไม้กางเขนของศาสนาคริสต์ด้วย

‘กาเบรียล อัตตัล’ (Gabriel Attal) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้สัมภาษณ์กับ TF1 TV ว่า “เมื่อคุณเดินเข้ามาในห้องเรียน คุณไม่ควรจะรู้ศาสนาที่นักเรียนคนนั้น ๆ นับถือได้ทันทีจากการแค่มองดู ผมจึงตัดสินใจว่าไม่ควรให้สวมชุดคลุมอาบายะห์ในโรงเรียนอีกต่อไป”

ด้าน CFCM องค์กรที่เป็นตัวแทนชาวมุสลิม ระบุว่า เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเพียงอย่างเดียว ไม่ถือเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา

‘ตร.’ รวบ คู่สามีภรรยาชาวจีน หนีหมายจับคดีฉ้อโกงในจีน หลังหลอกเหยื่อระดมทุน เสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

(29 ส.ค. 66) ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

บก.สส.สตม. รวบชาวจีนสามีภรรยาหลอกระดมทุน หนีหมายจับ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม.พิจารณาดำเนินการกรณี สาธารณรัฐประชาชนจีน มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้จับกุมตัว ‘นายหวาง’ (นามสมมติ) และ ‘นางชาง’ สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ สาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา ฉ้อโกงลักษณะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยผู้ต้องหาได้จัดตั้งบริษัทระดมทุนชื่อว่า ‘Tianjin Wusetu’ หลอกให้ผู้เสียหายร่วมระดมลงทุน และแอบอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าปกติ ซึ่งมีผู้เสียหายในเมืองปักกิ่งและเทียนจินตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่านายหวางและนางชาง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร แล้วขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวังไว้ บก.สส.สตม. จึงได้สืบสวนติดตามตัวนายหวางและนางชางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนพบว่านายหวางและนางชาง ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่วนนางชางปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่า เขตวังทองหลาง กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดตามเฝ้าดูบริเวณที่พักอาศัยจนพบบุคคลลักษณะคล้ายนายหวางบริเวณหน้าโรงแรมที่พัทยา จ.ชลบุรี ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายหวางรับทราบ พร้อมยึดรถยนต์ที่มีชื่อนางชางเป็นเจ้าของรถ จำนวน 1 คัน

ส่วนนางชาง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขอศาลอาญาอนุมัติหมายค้นบ้านเช่าของนางชาง จนพบนางชางอาศัยอยู่ภายในบ้านกับแฟนใหม่ชาวจีน ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้รับทราบ และควบคุมตัวบุคคลทั้งสองรายนำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

​มูลนิธิรักเมืองไทย จัดงานมอบทุนการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

มูลนิธิรักเมืองไทย จัดพิธีมอบทุนการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ ให้แก่โรงเรียนในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิฯ จำนวน 37 โรงเรียน และโรงเรียนในสังกัด กองบัญชาการกองทัพไทยอีก 2 โรงเรียน ในชื่อทุน “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” เพื่อรำลึกถึงอดีตประธานกรรมการมูลนิธิรักเมืองไทย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ โดยทุนการศึกษาที่มอบในครั้งนี้ มอบให้แก่นักเรียนที่มีความประพฤติดี ปฏิบัติดี เพื่อเป็นการยกย่องบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่ดีของโรงเรียน โดย พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานกรรมการมูลนิธิรักเมืองไทย เป็นประธานมอบทุนการศึกษาให้กับ นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ (ผอ.สอ.) เป็นผู้แทนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นผู้แทนรับมอบทุนการศึกษาจำนวน 99 ทุน จำนวนเงิน 990,000 บาท

พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ พลเอก เปรมติณสูลานนท์ ที่ล่วงลับไปแล้ว ได้ก่อตั้งมูลนิธิรักเมืองไทย ขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือการศึกษาของลูกหลานในถิ่นทุรกันดาร ทั้งด้านกายภาพของโรงเรียน และการมอบทุนการศึกษานับเป็นงานหลักที่มูลนิธิยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยมีแนวทางปฏิบัติมุ่งไปที่เด็กและเยาวชนที่เรียนดีแต่ยากจน จนหลายคนประสบความสำเร็จ ทั้งในด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพในด้านต่างๆ สำหรับทุนการศึกษา “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ครั้งนี้นับเป็นความริเริ่มเพิ่มเติมนอกจากแนวทางที่ได้ถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยยึดแบบอย่างจากคำขวัญของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ที่ว่า “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ทุนการศึกษาดังกล่าว จึงมีความมุ่งหมายให้เด็กและเยาวชน นอกจากต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนแล้ว มูลนิธิรักเมืองไทยยังมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ได้ตั้งใจมุ่งมั่นประพฤติตนเป็นคนดีที่สามารถเป็นแบบอย่างแก่เด็กและเยาวชนอื่นๆอีกด้วย ซึ่งหากทำได้เช่นนี้แล้วก็ย่อมบรรลุความมุ่งหมายของพลเอก เปรมติณสูลานนท์ ในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

​ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ เมื่อปี 2524 จนถึงปัจจุบัน รวมเวลา 42 ปี ที่มูลนิธิรักเมืองไทย มีโรงเรียนในอุปถัมภ์ทั้งสิ้น 37 แห่ง และได้บริจาคเงินตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิไปแล้ว  เป็นเงินรวม ไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณชุมชนตลาดเทศบาลตำบลอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

วันนี้ (วันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566 ) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณชุมชนตลาดเทศบาลตำบลอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี  จำนวน16 ครอบครัว 34 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว 8 ชุด รายบุคคล 8 ชุด คิดเป็นมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 134,000 บาท  (หนึ่งแสนสามหมื่นสี่พันบาทถ้วน) โดยมี นายศิริลักษณ์ เหมาะพิชัย นายอำเภออินทร์บุรี  พร้อมด้วย นางสาวนงเยาว์ เทพศิริ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสิงห์บุรี ร่วมในพิธี ณ  บริเวณชุมชนตลาดเทศบาลตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” 
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘กระแต’ เผยเบื้องหลังทำโชว์บนเวที MUT 2023 สู้สุดใจ!! ทุ่มเกือบ 10 ล้าน ทำเองหมดทุกอย่าง

(29 ส.ค.66) หลังจากที่นักร้องสาว ‘กระแต อาร์สยาม’ รังสรรค์โชว์สุดปังอลังการบนเวทีนางงาม Miss Universe Thailand 2023 รอบพรีลิมฯ จนได้รับเสียงชื่นชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาไลฟ์สดตอบคำถามโดยมีช่วงหนึ่งเผยถึงเบื้องหลังโชว์ที่คนเข้ามาถามว่า ได้ค่าตัวไหม? ทำเอากระแตหลุดยิ้ม พร้อมบอกว่า…

“แม่เป็นสปอนเซอร์ค่ะ เสียตังค์ คือการจะขึ้นไปบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส ไม่ได้หมายถึงว่า ฮัลโหลแม่ หนูขอขึ้นเวทีหน่อยแล้วเขาให้เลยนะ มันไม่ใช่ เขาต้องเลือกเรา ต้องไปสู้กับหลายแบรนด์เพราะไม่ใช่แค่แบรนด์แตที่อยากมีโลโก้ติดบนมิสยูนิเวิร์ส เราก็ดีใจและเป็นเกียรติ”

รวมถึงเล่าว่า ตอนแรกเป็นสปอนเซอร์ดูแลความสวยน้องๆ ผู้เข้าประกวด ทีนี้ได้มีการคุยกับ ปุ้ย ปิยาภรณ์ ผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ในเรื่องส่วนของโชว์ เขาก็บอกอยากให้กระแตทำโชว์

“เราก็โอเคค่ะแม่ เป็นสปอนเซอร์ เจ้าของแบรนด์ ซีอีโอ เป็นศิลปินขึ้นเวที ทำทุกอย่างหมด ได้ ลงทุนหมด คือซ้อมกันหนักมากเพราะว่ามันคือไลฟ์ถ่ายทอดสด ลงทุนไปเกือบ 10 ล้าน ครึ่ง เกิน 5 บอกแค่นี้ ครั้งหนึ่งเอาให้สุด จริงๆ อยากทำเยอะกว่านี้แต่ด้วยเวลาไม่มี”

‘จูน นาตาชา’ ได้รับการพระราชทานชื่อใหม่ จากสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวันเกิด นับเป็นของขวัญที่มีคุณค่า-เสริมสิริมงคลที่สุดในชีวิต

(29 ส.ค.66) เพิ่งสอบติดปริญญาโท ด้านการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลักสูตรรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต ‘จูน นาตาชา’ นางเอกภาพยนตร์ ปิดป่าหลอน เจ้าของเพลง Boys Don't Cry ยังได้รับการประทานชื่อจากสมเด็จพระสังฆราช เป็น วัณณปวัน มณีสุวรรณ์ เสริมสิริมงคลสูงสุดให้กับชีวิต

ซึ่ง ‘จูน นาตาชา’ กล่าวว่า “ในวันเกิดปีนี้ จูนรู้สึกปลื้มปีติและเป็นสิริมงคลสูงสุดกับชีวิตมากค่ะ  ที่ได้รับการประทานชื่อจากสมเด็จพระสังฆราช เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันเกิด ในชีวิตและการเรียนปริญญาโทการทูตฯ ของจูน นับเป็นวาสนาอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งในวันเกิดปีนี้จูนตั้งใจมาไหว้พระทำบุญที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 2412 สำหรับจูนนับเป็นของขวัญที่มงคลสูงสุดกับชีวิตจูนมากเลยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะการดำเนินชีวิต การเรียน การงาน และอื่นๆ โดยในวันเกิดปีนี้จูนได้รับการประทานชื่อใหม่จากสมเด็จพระสังฆราช ในชื่อ วัณณปวัน อ่านว่า วัน-นะ-ปะ-วัน แปลว่า ผู้บริสุทธิ์ดุจทองคำ”

>> ชื่อใหม่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตจูนบ้างไหม?

“ก็ถือว่าเกี่ยวโดยตรงค่ะ เพราะครอบครัวจูนก็ปลูกต้นไม้สักทองเป็นไร่ๆ อยู่เหมือนกัน ซึ่งไม้สักทองถือเป็นไม้มงคล ให้ชีวิตมีความเป็นสิริมงคล ยิ่งคำว่า ‘สัก’ ยังมีคำพ้องกับคำว่า ‘ศักดิ์’ หมายถึง ยศถาบรรดาศักดิ์หรือศักดิ์ศรี แถมใช้ทำเป็นเสาเอกของบ้าน เสาในพิธีวางศิลาฤกษ์หรือใช้ในสถานที่สำคัญคู่กับไทยมาอย่างยาวนานด้วยค่ะ ซึ่งในเนื้อไม้สักทองนั้นก็มีแร่ทองคำจริงๆด้วย และตอนนี้จูนก็กำลังดำเนินการผลิตสินค้าที่ทำมาจากไม้สักทองอยู่ ซึ่งเราก็คัดไม้สักทองมาเรียบร้อยแล้ว”

>> ทำไมถึงได้มีโอกาสเปลี่ยนชื่อ?

“จริงๆ จูนอยากได้ชื่อใหม่มาก่อนหน้านี้อยู่แล้วค่ะ พอมาถึงวันเกิดปีนี้ก็ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จูนตั้งใจมาทำบุญวันเกิดที่วัดราชบพิธแห่งนี้ และผ่านขั้นตอนสำคัญหลายอย่างจนได้ชื่อใหม่ตามที่ใจปรารถนาไว้และปฏิบัติตามบริบทสำคัญหลายอย่างเหมือนกันค่ะ วันเกิดจูนจริงๆ คือวันที่ 23 สิงหาคม แต่เย็นวันที่ 22 จูนก็มาเข้าโบสถ์วัดก่อนเพื่อสวดมนต์นั่งสมาธิทำวัตรเย็นกับพระสงฆ์และลูกศิษย์คนอื่นๆ อีกหลายท่าน เพื่อเตรียมตัววันเกิดในวันรุ่งขึ้น พอถึงวันเกิดที่ 23 สิงหาคม จูนก็ได้มาใส่บาตรตอน 7 โมงเช้า กับพระผู้ใหญ่ระดับสูง 1 องค์ และพระท่านอื่นๆ อีก 8 องค์ รวม 9 องค์และพร้อมรับพรค่ะ หลังวันเกิด วันที่ 24 จูนก็ยังเข้าไปวัดอยู่ค่ะ เรียกได้ว่า ทำบุญทั้งก่อนและหลังกันวันเกิดกันเลยในปีนี้ รับบุญด้วยกันค่ะทุกท่าน พอได้ชื่อ วัณณปวัน มาแล้วจูนดีใจมากค่ะ ถือเป็นชื่อที่ทรงคุณค่าและเป็นสิริมงคลสูงสุดกับชีวิตจูนมากๆ เลยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะการดำเนินชีวิต การงาน การเรียน และอื่นๆ นับว่าปีนี้จูนได้ของขวัญวันเกิดที่มงคลสูงสุดเลยค่ะ ส่วนในเรื่องการเปลี่ยนชื่อในเอกสารกับทุกหน่วยงาน ก็ต้องรีบดำเนินการเปลี่ยนโดยเร็วที่สุดค่ะเช่น มหาวิทยาลัย และ พาสปอร์ต เพราะตอนนี้จูนเพิ่งเปิดเทอมเรียน ป.การทูต และมหาวิทยาลัยพาไปดูงานการทูต ที่รัฐโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้มหาวิทยาลัยต้องจัดการจองพวกตั๋วเครื่องบินและต่างๆ ล่วงหน้าให้นิสิตแล้ว ก็เลยต้องรีบทำเรื่องเอกสารเหล่านี้ให้เสร็จเร็วที่สุดค่ะ”

>> พอเปลี่ยนชื่อแล้วคุณแม่ท่านว่าอย่างไรบ้าง?

“จริงๆ ทุกท่านในครอบครัวจูนก็ยินดีกับความเป็นสิริมงคลในชื่อที่จูนได้มาอยู่แล้วค่ะ ทุกคนในครอบครัวเลื่อมใสศรัทธาและสักการบูชาในพระสังฆราชอยู่แล้วค่ะ คุณแม่ท่านทราบดีว่าจูนชอบวัดนี้ และจูนจะมาเข้าโบสถ์สวดมนต์ที่นี่ค่ะ วันเกิดก็มาเข้าโบสถ์สวดมนต์กับพระที่นี่ค่ะ ตอนเช้าก็ใส่บาตรกับพระผู้ใหญ่ที่นี่ จูนมองว่าชื่อมงคลที่ได้มาเป็นความสิริมงคลที่เราศรัทธาให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิตของเราอยู่แล้วค่ะ แต่ในอีกด้านของชีวิตเราก็ต้องลงมือทำถึงจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งธงไว้ในทุกๆ เรื่อง จูนมองว่าความสิริมงคลเป็นความศรัทธาที่เป็นความรู้สึกทางใจที่เชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพนับถือ ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นพลังดีๆ อาจมองไม่เห็น แต่เราเท่านั้นจะสัมผัสได้ แต่ในด้านของการลงมือทำ เป็นเรื่องของหลักการชีวิตจริง ที่อาจจะมาจากความสามารถและความมุ่งมั่นของตัวเราเองส่วนนึง ทั้ง 2 สิ่งที่กล่าวมา จูนศรัทธาทั้งหมดค่ะ ศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ และศรัทธาในตัวเอง”

>> เปลี่ยนชื่อรับความเฮงหรือเปล่า หรือซุ่มทำโปรเจกต์ใหม่ๆ เร็วๆนี้?

“สาธุเลยค่ะ จะว่าเปลี่ยนชื่อรับความเฮงก็ได้ จูนถือโอกาสที่ได้ชื่อใหม่นี้เปิดประตูรับความเฮง ความปังเพิ่มขึ้นแบบเกินต้านก็แล้วกันนะคะ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิริมงคลสูงสุดสำหรับจูนจริงๆค่ะ ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาไม่หยุดแล้วกันค่ะส่วนโปรเจกต์ใหม่ มีมาแน่นอนค่ะ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องธุรกิจ และงานวงการบันเทิง หนึ่งในนั้นซิงเกิลเพลงมีแน่นอนค่ะเพราะกำลังซุ่มซ้อมแล้วตอนนี้ ยังไงฝากติดตามให้กำลังใจจูนด้วยนะคะ”

‘Ana Nuria คนรักทุเรียน’ ร้านเด็ดเมืองนราฯ ตรงปก ไม่จกตา!! คัดเนื้อพิเศษ เกรดพรีเมียม การันตีคุณภาพ เปิดขายมากว่า 40 ปี

(29 ส.ค. 66) ใครที่ไปเที่ยวจังหวัดนราธิวาส แล้วยังมองหาร้านทุเรียนในจังหวัดนราธิวาสยังไม่เจอ มาทางนี้ เราจะพาไปกินทุเรียนอร่อยๆ แบบเน้นๆ แบบเนื้อๆ ที่เลือกทานได้และไม่ต้องไปหาไกลหรือสั่งทางไลน์จากต่างจังหวัด ซึ่งเมื่อเวลาสั่งเรายังไม่รู้เลยว่าจะตรงปกหรือเปล่า

ขอแนะนำร้านนี้เลย ‘ร้าน Ana Nuria คนรักทุเรียน’ เป็นร้านที่เปิดขายที่สืบทอดมาจากพ่อแม่กว่า 35 ปี น้องเรียนจบปริญญาก็รับช่วงต่อ เพราะเป็นความผูกพันช่วยพ่อแม่ขายตั้งแต่เด็กๆ และช่วยเหลือครอบครัวเพราะน้องเขามีพี่น้องร่วม 10 คน และอาชีพนี้ก็เป็นอาชีพหลักของครอบครัว หลังจากที่พ่อเสียไปจึงฝากให้คนในครอบครัวได้สืบทอดการขายต่อ จึงการันตีได้ว่า ร้านนี้เป็นร้านคนที่รู้จักความอร่อยเรื่องทุเรียนได้จริงๆ

‘นูรียา เจะสนิ’ เจ้าของร้าน ‘Ana Nuria คนรักทุเรียน’ ถ่ายทอดไอเดียว่า…

“เริ่มแรกจากการขายทุเรียนจากพ่อกับแม่ก่อนและก็มาสู่รุ่นลูก คือตั้งแต่พ่อกับแม่แต่งงานมาประมาณ 30 กว่าปีมาแล้ว พ่อกับแม่เป็นพ่อค้า แม่ค้า ขายผลไม้โดยทั่วไปและทุเรียนด้วย เฉพาะในฤดูกาล และก็ตอนนี้จะเป็นรุ่นหนูจะเปิดประมาณ 7-8 ปี ตั้งแต่ปี 2559 จนตอนนี้เป็น ปี 2566 ของเราจะขายตลอดทั้งปี ตั้งแต่ทุเรียน จันทบุรี ชุมพร ยะลาและก็มานราธิวาสด้วย ขายทุเรียนทุกสายพันธุ์ หมอนทอง ชะนี พวงมณี ก้านยาว และมูซังคิง จากอำเภอเบตง จะมีแบบขายเป็นลูก และแบบแกะเนื้อและก็จะมีแบบเสริม ข้าวเหนียวทุเรียนแต่ก่อนจะเป็นข้าวเหนียวทุเรียนแบบธรรมดา แต่ตอนนี้ จะเป็นทุเรียนแบบยัดไส้ และแกะเนื้อ ถ้าใครที่ผ่านมา อยากกินทุเรียนอร่อยๆ คัดเกรด เราคัดเนื้อพิเศษๆ อร่อยสวยทุกลูก”

พิกัดร้านสาขา 2 เยื้องโรงพยาบาลราษฎ์บำรุงนราธิวาส ทางไปตันหยงมัส และสาขา 1 อยู่เต๊นซ้ายมือฝั่งเดียวกันกับแขวงการทางหลวงนราธิวาส โทร. 085-8726172 เฟซบุ๊ก ‘Ana Nuria คนรักทุเรียน’ เปิดร้านเวลา 10.00-22.00 น. ขายทุกวัน สำหรับคนในพื้นที่เทศบาลเมืองนราธิวาส เรามีบริการสั่งทางเพจ บริการส่งถึงที่

‘อิงฟ้า-ชาล็อต’ เปิดใจ ปมดรามา ‘ณวัฒน์’ เสิร์ฟจิ้นให้แฟนคลับเกินงาม เผย เล่นกันปกติ แต่ในมุมสังคมอาจไม่เหมาะสม พร้อมน้อมรับคำติชม

(29 ส.ค.66) ‘อิงฟ้า วราหะ’ เปิดใจหลังแรปเปอร์ตัวมัมของเกาหลี ‘เจสซี’ ได้ DM มาชมในอินสตาแกรม หลังได้เห็นโชว์ของอิงฟ้าในคอนเสิร์ตครั้งล่าสุด โดยเจสซี่ส่ง DM มาบอกว่า "Loved ur performance" ซึ่งอิงฟ้าก็บอกว่าตอนเช้าที่ตื่นมาเห็นก็กรี้ดลั่นเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเห็นได้ยังไง เพราะก็ไม่ได้แท็กไปหา คิดว่าแฟนคลับน่าจะแท็กไปหาเจสซี่ เพราะอิงฟ้าก็เอาเพลงของเจสซี่มาร้องด้วย ก็ดีใจที่ศิลปินที่ชอบได้เห็นโชว์ของตัวเองด้วย

นอกจากนี้ ‘อิงฟ้า’ พร้อมด้วย ‘ชาล็อต ออสติน’ ยังได้เปิดใจถึงประเด็นดรามาที่ ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ เสิร์ฟจิ้นให้แฟนคลับ ด้วยการดันหัวให้ทั้งสองคนหอมกัน จนโดนวิจารณ์ว่าเกินพอดี ซึ่งทั้งคู่ก็บอกว่าจริง ๆ ก็เล่นกันเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีดรามาะไร และกลุ่มแฟนคลับและคนในงานก็เข้าใจ แต่ก็เข้าใจได้ ถ้าในมุมมองคนอื่นอาจจะมองว่าไม่เหมาะสม ก็น้อมรับคำติชมและจะเอาไว้พัฒนาในครั้งต่อไป

ขณะที่ ‘ชาล็อต’ ก็ยังได้เผยถึงประเด็นดรามา คลิปเอามือลูบปาก ตอนเห็น ‘มิว ศุภศิษฎ์’ ถอดเสื้อโชว์ในกองถ่ายละคร มนต์รักลูกทุ่ง 2567 และชาล็อตก็ได้โพสต์ขอโทษไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งชาล็อตก็ได้เปิดใจถึงประเด็นนี้อีกครั้งว่า จริง ๆ เป็นการเล่นกันในกองละคร แต่ด้วยความที่คลิปมันออกมาแบบไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ก็เลยดูเป็นไปในเชิงคุกคาม ซึ่งพอเห็นดรามาปุ๊บ ก็ลบคลิป และได้ไปขอโทษมิวทันที บอกมิวว่าไม่ได้มีเจตนามองไปในทางนั้น ซึ่งเขาก็เข้าใจ บอกว่าไม่เป็นไร เป็นการเล่นกัน บอกว่าตลกดี แต่บางทีคนอื่นก็อาจจะไม่ได้ตลกกับเราด้วย หลังจากนี้ก็พยายามรอบคอบและมีสติให้มากขึ้น

ชาวเน็ตขุดเฟซบุ๊ก ‘โย พงศธร’ ผู้สมัคร สส.ระยอง ก้าวไกล เจอ ‘QR Code ขายเบียร์ - ภาพสัมมนาผู้ถือหุ้น’ ก่อนถูกลบ

(29 ส.ค. 66) จากกรณีที่บนโซเชียลฯ แชร์และวิจารณ์กรณีที่นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือโย ผู้สมัคร สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดระยอง ออกประกาศเรื่องบัญชีหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกันสามปีนับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งนายพงศธรชี้แจงว่า ตนมีรายได้ไม่ถึง 220,000 บาทต่อปี จึงยื่นใบรับรองตัวเองว่ามีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี ตนไม่ได้กังวล ถือเป็นกระบวนการตามปกติและมีเอกสารรับรองผู้สมัครเรียบร้อยแล้ว

ต่อมาพบว่ามีชาวเน็ตขุดภาพจากเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพงศธร ขณะที่เจ้าตัวกำลังจะส่งผลิตภัณฑ์เบียร์ยี่ห้อหนึ่ง โดยขนใส่รถยนต์เป็นลัง ๆ รวมถึงการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ในลักษณะหรูหรา 

ส่วนเฟซบุ๊กเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพหนังสือจากสถานีตำรวจนครบาลบางนา เรื่อง ส่งสำนวนคดีเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง (ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์) คดีที่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นผู้กล่าวหา และมีนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ เป็นผู้ต้องหา เมื่อปี 2561 และบรรยายว่า ได้นำเครื่องเสียงของทางบริษัทฯ ไปขาย แล้วไม่นำเงินส่งบริษัทฯ ต่อมามีการตกลงเจรจาคืนเงินกันแล้วถอนคำร้องทุกข์ไป

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า ตั้งแต่ปี 2562 นายพงศธร ทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการประจำตัว น.ส.เบญจา แสงจันทร์ มีเงินรายได้ประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน เมื่อคำนวณตลอดทั้งปี จะมีรายได้ไม่เกิน 180,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขไม่เกินที่กฎหมายกำหนดให้จ่ายภาษี และถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งนายพงศธรก็ได้ทำแบบฟอร์ม สส.4/7 เพื่อยืนยันว่าตัวเองมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี

ขณะเดียวกัน ยังกล่าวตำหนิถึงการนำเสนอข่าวของสื่อในเครือผู้จัดการ ที่ระบุว่า “โซเชียลทั้งขุดทั้งแฉนายพงศธร ผู้สมัครเขต 3 ระยอง ก้าวไกล ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ขายเบียร์ใส่รถกันเป็นลัง ๆ อีกด้านขุดกันไปถึงคดียักยอกปี 61” เป็นพาดหัวค่อนข้างรุนแรง เพราะกรณีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นายพงศธรได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนจริง แต่รายได้ไม่ถึงปันผลจนถึงปัจจุบัน จึงไม่เคยยื่นเสียภาษีในกรณีนี้ ส่วนคดีความทางตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายพงศธรจึงยังมีคุณสมบัติครบถ้วนลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าเข้าใจการตรวจสอบ ยินดีที่จะตรวจสอบ แต่เมื่อพิจารณาจากพาดหัวข่าวและประเด็นเกินเลยจากข้อเท็จจริง คิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าจะมีผู้หวังประโยชน์ทางการเมืองจากการดิสเครดิต

ล่าสุด รายงานข่าวแจ้งว่า เฟซบุ๊ก ‘Yo Pongsathon Sonpechnarintr’ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือโย พบว่าได้ลบโพสต์เก่า ๆ ออกไปจนหมด เหลือโพสต์ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2011

อีกด้านหนึ่ง ยังมีภาพปกเฟซบุ๊ก (Cover) ระบุว่า "พวกแกหวาดกลัวยุคสมัยใหม่มากนักรึไง" ทำให้ชาวเน็ตพากันทัวร์ลง เช่น

- อุ้ย โดนขุดหน่อย ปิดสาธารณะ ปิดทุกอย่าง กลัวความโปรงใสหรอ

- พอมีข่าวไม่เสียภาษี แล้วบอกว่าชี้แจงได้หมด ปิดสาธารณะทำไมครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เปิดมาตลอด แบบนี้เค้าเรียกวัวสันหลังหวะรึป่าวนะ

- เสียดายจังว่าจะแสดงความคิดเห็นเรื่องภาษีรายได้สักหน่อย

- digital footprint กรรมมุนา วต ตตี โลโก

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ยังได้โพสต์ภาพขณะที่มีการขายเบียร์ โดยมีคิวอาร์โค้ดสำหรับสแกนจ่าย และหนึ่งในนั้นภาพขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยืนคู่กับทีมงานเบียร์ยี่ห้อดังกล่าว โดยระบุว่า "#ทุกคนคะ QR Code ที่ใช้ซื้อขายคราฟต์เบียร์ เป็นของผู้สมัครก้าวไกลชัดเจน ไปตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีได้เลยค่ะ ว่ารายได้ถึงไหม แด๊ดดี้ทิมก็ช่วยโปรโมตด้วยค่าาาาา"

จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า คิวอาร์โค้ดดังกล่าวเป็นหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ของนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ จริง โดยผูกกับบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

ด้านเฟซบุ๊ก Warat Gap ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความ โดยอ้างจากข่าวในเฟซบุ๊กเพจโต๊ะข่าวการเมืองของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (MGR Online Politics) โดยระบุว่า "15,000 x 12 = 180,000 กฎของสรรพากร ถ้ามีรายได้เกินปีละ 120,000 ต้องยื่นภาษีทุกคนนะครับ ซึ่งจริง ๆ จะรายได้เท่าไหร่ก็ควรยื่น เพราะเป็นหน้าที่ ‘ประชาชน’ ที่ดี นี่ไม่รวมขายเบียร์ (การกุศล?) นะครับ ช่วยแถลงใหม่แล้วลดเงินเดือนลงนะครับ บอกว่าคราวที่แล้วเข้าใจผิด เดี๋ยวได้ใบแดงแล้วจะหาว่าโดนกลั่นแกล้งอีก

ป.ล. คุยกับเพื่อนที่สรรพากรแล้ว ทางสรรพากรก็กำลังให้ฝ่ายสำรวจติดตามกรณีนี้อยู่นะครับ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top