Friday, 23 May 2025
NewsFeed

ผบ.โรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทนักเรียนนายเรือ ก่อนเดินทางเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติ ในทะเลกับกองทัพเรือจีน

เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 เวลา 09.00 น. พลเรือโท ประวุฒิ รอดมณี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทแก่นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 5 จำนวน 2 นาย ได้แก่ นักเรียนนายเรือ จีรยุทธ วงศ์ไตรรัตน์ และนักเรียนนายเรือ อดิพงษ์ สงฆ์เจริญ ซึ่งเคยเข้ารับการศึกษาที่สถาบันการทหารเรือ ต้าเหลียน เมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ของกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นระยะเวลา 3 ปี ณ ห้องรับรอง 2 กองบัญชาการโรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับในการฝึกปฏิบัติในทะเล บนเรือของกองทัพเรือจีนในครั้งนี้ จะทำการฝึกตามเส้นทาง ฐานทัพเรือเมืองชิงต่าว  มณฑลซานตง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึง เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกีนี ถึง กรุงซูวา สาธารณรัฐฟิจิ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2566 - 8 ตุลาคม 2566 ระยะเวลา 38 วัน

การส่งนักเรียนนายเรือ เข้าร่วมการฝึกปฏิบัติบนเรือของกองทัพเรือจีน ทำให้นักเรียนนายเรือ ได้รับประสบการณ์การเดินเรือในทะเลต่างประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ม.ค.66 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้กำกับดูแลและเร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาท โดยใช้การบังคับใช้กฎหมายนำการเจรจา ใช้การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ กรมที่ดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมการปกครอง กรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถนำเอาพื้นที่ถนนที่ประชาชนใช้ในการสัญจรคืนกลับมาให้กับชุมชนได้ นอกจากนี้ยังได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อแก้ไขการพิพาทเรื่องที่ดินให้ถูกต้อง รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของชาวเลในพื้นที่เช่น การทำประมงพื้นบ้านในพื้นที่อุทยาน การตรวจสอบรังวัดที่ดินที่ถูกรุกล้ำเพื่อคืนพื้นที่ให้กับชาวบ้าน เป็นต้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (29 ส.ค.66) เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล พร้อมด้วย นายนรินทร์ ประทวนชัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ต.ท.ประวุฒิ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกรรมการสิทธิมนุษยชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะ โดยในที่ประชุมวันนี้ได้มีการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเรือประมงพาณิชย์ซึ่งลักลอบทำประมงในเขตอุทยานจำนวน 15 คดี ได้มีการออกหมายเรียกเจ้าของเรือ ไต๋เรือ และลูกเรือทั้งหมดแล้ว และได้ตรวจยึดเรือประมงของกลางรวม 26 ลำ จากทั้งหมด 28 ลำ อีก 2 ลำกำลังเตรียมการส่งมอบให้เรียบร้อย ในส่วนของการดำเนินคดีกับบุกรุกพื้นที่อุทยานนั้น หลังจากที่ได้ดำเนินการรังวัดพื้นที่โดยชัดเจนเรียบร้อยแล้วนั้น จะพิจารณาหากพบมีส่วนพื้นที่ใดที่ล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่อุทยาน ทางกรมอุทยานจะร้องทุกข์ดำเนินคดีทุกจุดต่อไป ในส่วนของโรงแรมที่พักต่างๆ จะมีการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.โรงแรมทั้งหมด และจะติดตามความคืบหน้าการดำเนินการจนแล้วเสร็จ นอกจากนี้จะยังมีการพิจารณาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากพบการกระทำผิดดังกล่าวจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทั้งหมด หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจลำรางสาธารณะ และพบปะชาวบ้านในพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาพื้นที่เกาะหลีเป๊ะนั้น ในวันนี้ได้มีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมด ซึ่งหลายส่วนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว อาทิ คดีการลักลอบทำประมงในเขตอุทยาน ได้มีการตรวจยึดมาแล้วใกล้จะครบ 28 ลำ และจะติดตามผุ้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ครบถ้วน ส่วนของการบุกรุกพื้นที่อุทยาน ขณะนี้การรังวัดดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะเห็นภาพชัดเจนว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้ใดบ้าง ซึ่งกรมอุทยานจะร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนนี้ทั้งหมด รวมถึงในส่วนของโรงแรมบนพื้นที่ที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงแรม ก็จะดำเนินคดีทั้งหมดเช่นกัน หลังจากนี้จะเริ่มพิจารณาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินคดีไม่มียกเว้นให้ถึงที่สุด จากนั้นจะดำเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูพื้นที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่และประเทศชาติต่อไป

ผบ.ตร. มอบรางวัลแก่ข้าราชตำรวจนักกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (29 ส.ค.66) เวลา 11.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” แก่ข้าราชการตำรวจ สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) จำนวน 3 นาย ได้แก่ พ.ต.ท.หญิง กัณฑิมา วงศ์ประธาน , ร.ต.อ.นัทธนธรณ์ ปิ่นนาค และร.ต.อ.หญิง ชมบงกช ธนาภรณ์พิบูล

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ทำดี มีรางวัล”  นั้นเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ประกอบคุณงามความดีมีจิตสาธารณะ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ตลอดจนข้าราชการตำรวจที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยงาน และกรณีนี้คือข้าราชการตำรวจสังกัด สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) จำนวน 3 นาย "ทำความเห็นขอให้ฟ้องผู้ต้องหา จนอัยการสูงสุดมีความเห็นสอดคล้องสั่งฟ้องผู้ต้องหา"ด้วย คณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีความผิดนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, เสนอขายฉลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา, โฆษณาอันเป็นเท็จหรือเกินจริงเป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค และประกอบธุรกิจตลาดแบบขายตรงโดยไม่ได้จดทะเบียนฯ โดยได้ดำเนินคดีสั่งฟ้องบริษัทจำหน่ายสลากกินแบ่งผ่านช่องทางออนไลน์ จำนวน 3 คดีโดย ในชั้นพนักงานอัยการ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและได้ส่งสำนวนกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามกฎหมาย ข้าราชการตำรวจ สำนักงานกฎหมายและคดี ทั้ง 3 ราย จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม สรุปข้อเท็จจริง ประกอบกับข้อกฎหมาย และทำความเห็นขอให้ฟ้องผู้ต้องหา นำเรียนอัยการสูงสุด จนอัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจทั้ง 3 นาย ได้ใช้ความวิริยะอุตสาหะทุ่มเทความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความละเอียดรอบคอบ เอาใจใส่ต่อหน้าที่เป็นอย่างดี สมควรแก่ การยกย่องสรรเสริญ ตามโครงการ "ทำดีมีรางวัล" เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการตำรวจและสังคมสืบไป

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล 15,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

‘เสก โลโซ’ ยกลิขสิทธิ์เพลง ‘ก้าวให้ไกลกว่าเดิม’ เป็นของคนไทยทุกคน  ลั่น!! ‘นำไปร้องใหม่-เล่นในผับ-คัฟเวอร์’ ทำได้ตามสบาย ฟรีไม่เสียตังค์

เมื่อวานนี้ (29 ส.ค. 66) 'เสก โลโซ' นักร้องชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แจ้งแฟนคลับว่า “ผมขอมอบลิขสิทธิ์เพลงก้าวให้ไกลกว่าเดิมให้เป็นของประชาชนคนไทยทุกๆ คน ท่านสามารถนำไปร้องใหม่ บันทึกเสียงใหม่ เล่นในผับ คัฟเวอร์ ฯลฯ ได้เลยตามสบายครับ”

จากนั้นได้โพสต์ลิงก์มิวสิควิดีโอ พร้อมข้อความว่า “เพลงนี้เป็นเพลงของประชาชนคนไทยทุกคน ท่านสามารถนำไปขับร้องใหม่ บันทึกเสียงใหม่ นำไปคัฟเวอร์ ไปเปิด ไปเล่นในผับ ฯลฯ ฟรีเลยจ้าาา…”

โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ‘เสก โลโซ’ ได้แต่งเพลงดังกล่าวขึ้น เพื่อให้กำลังใจพรรคก้าวไกล หลังพรรคเพื่อไทยแถลงฉีก MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล พร้อมประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ซึ่ง ‘เสก โลโซ’ ได้ร้องสดให้กับแฟนคลับได้ฟังผ่านทางเฟซบุ๊ก กระทั่งล่าสุดมีการทำเป็นมิวสิควิดีโอ

'ดร.สุวินัย' ฟันธง!! ขั้วขัดแย้งเหลืองแดงยาวนานกำลังสลายตัว 'คนไทย-สังคมไทย' ก้าวสู่ Land of Compromise อย่างแท้จริง

(30 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ 'แลไปข้างหน้า' โดยมีรายละเอียดดังนี้...

- การสลายขั้วขัดแย้งเหลืองแดงที่ดำรงมายาวนานกว่า 15 ปี ... นี่คือ ‘ข่าวดี’ สำหรับคนไทยและสังคมไทย Land of Compromise

- พร้อม ๆ กับการปรับตัวของ ‘ระบบการเมืองไทย’ ที่กลับสู่การเมืองแบบธนาธิปไตย หรือ Money Politics ในสมัยพรรคไทยรักไทย ปี พ.ศ. 2544 หรือเมื่อ 22 ปีก่อน ... ก่อนที่จะเกิด ‘การเมืองที่แบ่งขั้วขัดแย้งรุนแรง’ (polarized politics) 

- ตามมาด้วยการยุติ หรือหมดหายไปของ ‘วาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตย vs ฝ่ายเผด็จการ’ ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อครอบงำคนเสื้อแดง (เพื่อไทย) และด้อมส้ม (ก้าวไกล) ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา

- รัฐบาลใหม่ที่ครองอำนาจรัฐได้ อันที่จริงคือ เพื่อไทย+รัฐบาลชุดเดิม ที่เขี่ยก้าวไกลออกจากวงจรอำนาจให้กลายเป็น ‘พรรคฝ่ายค้านถาวร’ ของระบบการเมืองไทย

- การกลับเมืองไทย เพื่อ ‘ติดคุกแบบ VVIP’ ของโทนี่ ... มิใช่การฟื้นคืนชีพของ ‘ระบอบทักษิณ’ อย่าเข้าใจผิดอย่างนั้น แต่ควรมองว่า เป็นการปรองดองทางการเมืองระหว่างตระกูลชินวัตรกับขั้วอำนาจเดิมมากกว่า ... ทั้งสองฝ่ายต่างมีบทเรียนจากความขัดแย้งกันในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ... จนตอนนี้สามารถปรับตัวเข้าหากันได้แบบ วิน-วิน ที่ไม่มีใครกินรวบหรือได้หมด

- หลังจากนี้ พรรคการเมืองที่เอาใจใส่ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้จริงและทำงานเป็น จะได้ใจประชาชนแน่นอน ... และเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ด้วย

- เราผ่านวิกฤต ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ มาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนี้ การเมืองไทยจะเดินไปตามระบบของมัน ... วิกฤตสงครามโลกครั้งที่สามและสถานการณ์ต่างประเทศต่างหากที่น่าห่วง

เปิดภาพ ‘อ๋อม อรรคพันธ์’ ร่วมทำบุญแจกอาหารเด็ก แฟนคลับ-คนบันเทิง กระหน่ำคอมเมนต์ส่งความคิดถึง

ห่างหายจากวงการไปนานเกือบ 1 ปี เพื่อพักรักษาตัวจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจ ล่าสุดเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค. 66) อ๋อม อรรคพันธ์ ก็มีความเคลื่อนไหวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยเขาโพสต์ภาพขณะนำอาหารไปมอบให้เด็ก ๆ โดยระบุว่า…

“สุขสันต์วันเกิดพี่ลึกแห่ง @bansdivingresort คับ ขอบคุณที่ชวนผมไปร่วมทำบุญกับไปแจกอาหารน้องๆ ที่โรงเรียนบ้านเกาะเต่าด้วยคับ😁”

ทำเอาเพื่อนๆ รวมถึงแฟนๆ ที่ได้เห็น พากันเขียนข้อความ ทั้งบอกคิดถึง รวมทั้งดีใจที่เห็นเขากลับมาสดใส แข็งแรง เช่น คิดถึงมากๆ ค่ะดีใจที่น้องอ๋อม ดูสดใสแข็งแรงแล้ว เป็นกำลังให้เสมอค่ะ❤❤, เย้ๆ​ แข็งแรงแล้ว❤️❤️, ดูแล้วสดชื่นเลยค่ะ สดใสมากเลย 😍, หน้าสดใสมากค่ะ ร่างกายแข็งแรงๆ นะคะเย๊!!!!….. กลับมาแล้ว!!!! 🎉😍 แฟนคลับใจพองเลยค่ะ💕🥰

นอกจากนี้ พี่น้องในวงการบันเทิง ทั้ง มดดำ คชาภา, บุ้ง ใบหยก, โก้-วศิน อัศวนฤนาท, แชป-วรากร ศวัสกร ก็แวะมาส่งความคิดถึงด้วย

‘ญาญ่า’ หลุด!! ฤกษ์แต่งอาจปีหน้า เตรียมจัดงานที่นอร์เวย์ พร้อมโบ้ยให้ไปถาม ‘ณเดชน์’ รอบหน้า แพลนสร้างเรือนหอ

(30 ส.ค. 66) เผลอหลุดปากมาเต็มๆ สำหรับนางเอกสาว ‘ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์’ ถึงฤกษ์งานแต่งกับ ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ ถึงแม้ฝ่ายชายจะขอรูดซิบปากไว้ก่อน โดยเจ้าตัวยังได้เผยถึงสถานที่ที่รีเควสไว้นั่นก็คือ ต้องมีจัดงานที่ประเทศนอร์เวย์อย่างแน่นอน

จากนั้น ‘ญาญ่า’ ยังได้เผยถึงการทุ่มงบสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับคุณพ่อที่เขาใหญ่ ว่าไม่มีลิมิต พร้อมบอกยังไม่ใช่เรือนหอ พร้อมโบ้ยให้ไปถามฝ่ายชายเรื่องเรือนหอในครั้งต่อไป

>> ถามถึงปาร์ตี้สละโสดของ คิมเบอร์ลี่ เป็นยังไงบ้าง?
"สนุกมากค่ะ เป็นคืนที่สนุกที่สุดในชีวิต กิจกรรมเยอะมาก เป็นหลายอย่างที่เราไม้เคยทำด้วยกันด้วยค่ะ คิดอยากวาดรูป อันนั้นเป็นสิ่งเดียวที่คิมขอ เราก็เช่ารถยาวให้ค่ะ"

>> มีความในใจอะไรบอกเขาไหม?
"ยังค่ะ เก็บไว้พูดวันงานแต่ง (ยิ้ม)"

>> เห็นล่าสุดก็ไปร่วมงานแต่งเพื่อนสนิทมา?
"โห เป็นคืนที่ร้องไห้มากที่สุด เขาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มหนูค่ะที่แต่งงานด้วย ประทับใจมากด้วย สวยมากเลย"

>> เห็นถึงภาพงานแต่งของเราเลยไหม?
"จริงๆ ญ่าเป็นคนไม่ได้ร้องไห้ในทุกสถานการณ์ อย่างตอนที่พี่แบร์ขอ ทุกคนก็ถามไม่ร้องไห้เหรอ เลยรู้สึกตกใจตัวเองที่นั่งดูเพื่อนเดินออกมาแล้วร้องไห้เฉย คิดอยู่ว่างานตัวเองจะร้องไห้หรือไม่ร้อง"

>> งานของเราคือปีหน้าใช่ไหม?
"น่าจะประมาณนั้นแหละ ปีหน้าแต่ไกลหน่อย หรือไม่ก็ปีถัดไปค่ะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวจะมาบอก ส่วนเรื่องการตัดสินใจในการจัดงานเราจะไม่ค่อยทะเลาะกันอยู่ ญ่าไม่ได้ตัดสินใจทุกเรื่องนะ ปกติพี่แบร์จะเป็นคนฟันธงค่ะ คือก็ครึ่งๆ ค่ะ"

"ญ่ารีเควสแค่เรื่องเดียว คือสถานที่ที่นอร์เวย์ค่ะ ซึ่งก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย ก็เลยยังบอกอะไรไม่ได้ เหมือนตอนนี้เราคุยกับตัวเองอยู่"

>> ถามถึงเรื่องสร้างบ้านให้คุณพ่อที่เขาใหญ่?
"เริ่มแล้วค่ะ จริงๆ คุณพ่อเพื่อนเยอะและไปบ่อย เรารู้สึกว่ามันไกลพอสมควร 3 ชม. ถ้ามีที่พักอยู่ที่นั่นก็น่าจะดี ก็เป็นบ้านพักตากอากาศค่ะ ตอนนี้ลงเสาแล้ว เพิ่งเริ่มค่ะ คาดว่าน่าจะเสร็จปีหน้า คุณพ่อก็แฮปปี้ ท่านตีกอล์ฟก็เลยชอบค่ะ มีพื้นที่ด้วย"

>> ตอนนี้มีที่ที่เขาใหญ่ 2 แปลง?
"ใช่ค่ะ ตอนนี้การสร้างบ้านญ่าก็ตัดสินใจ ถ้าพ่ออยู่ไทยท่านก็จะไปทุกอาทิตย์เลย"

>> ทุ่มงบเท่าไหร่?
"ไม่มีลิมิต เอาที่เราว่าสวยค่ะ ไม่ใช่เรือนหอนะคะ อันนั้นณเดชน์ต้องสร้าง แต่ยังค่ะ ครั้งหน้าพี่ๆ ถามเลยนะ (หัวเราะ)"

ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรม ภายใต้ครม. 'เศรษฐา1' ดีกรี เคมีอุตสาหกรรม  ประสบการณ์ สส. 4 สมัย เข้าใจภาคอุตสาหกรรม

เมื่อวานนี้ (29 ส.ค. 66) จากกรณีการจัดสรรตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ที่มีชื่อนักการเมืองหลายคนร่วมเป็น 1 ใน 35 รัฐมนตรี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศต่อจากนี้

โดยหนึ่งในรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่น่าสนใจคือ ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นผู้ซึ่งถูกคาดว่าจะเป็น ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรม ในโควตารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ

ทั้งนี้ น.ส.พิมพ์ภัทรา เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2522 เป็นบุตรสาวของ นายมาโนชญ์ วิชัยกุล กับนางสำรวย วิชัยกุล เข้ารับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมีอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สมรสกับนิติรักษ์ ดาวลอย มีบุตร 2 คน

>> เส้นทางการเมือง

โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา เข้าสู่งานการเมืองโดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครศรีธรรมราช แทน นายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งวางมือทางการเมือง ในการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไปปี 2550 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกเป็น สส.อีกสมัย กระทั่งในปี 2562 ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกเป็น สส.สมัยที่ 3

หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2566 น.ส.พิมพ์ภัทรา ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้รับการเลือกตั้ง เป็น สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ

>> เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พ.ศ. 2563 –  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2556 –  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)

กระจ่าง!! 'แก้เกณฑ์เบี้ยคนชรา' ลดภาระ 'คลัง-รบ.ใหม่' หลังผู้แตะวัย 60 เพิ่มพุ่ง ส่วนผู้รับเบี้ยซ้ำซ้อนก็มีอยู่มาก

เมื่อไม่นานมานี้ TikTok บัญชี @thestandardwealth ได้โพสต์คลิปบทสนทนาของ ‘คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ’ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ที่ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหา ‘เบี้ยคนชรา’ ในอีกมุมมองหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ซึ่งจะส่งผลถึงสถานะการคลัง จนต้องมีการแก้เกณฑ์เบี้ยคนชรา โดย คุณประกิต ได้เล่าให้ฟังว่า…

ถ้าบอกว่าเบี้ยคนชราตอนนี้ กระทบการคลังในปัจจุบันหรือยัง? ผมคิดว่ายัง…เพราะว่าผู้ที่เคยได้รับอยู่แล้ว ก็ยังคงได้รับต่อไป โดยเกณฑ์ใหม่นี้จะเป็นเกณฑ์ของคนที่อายุต่ำกว่า 60 ที่กําลังจะเข้าสู่อายุ 60 ที่ต้องไปรอลุ้นว่ามันมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการผู้สูงอายุเป็นคนกําหนดเกณฑ์

ทีนี้หากถามว่า แล้วทําไมต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วย นั่นก็เพราะภาครัฐเขารู้แล้วว่า หากแนวโน้มผู้สูงอายุยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ (เพิ่มขึ้น) อนาคตตายแน่…เพราะถ้าลองคํานวณดูอัตราการเสียชีวิตของประชากรเทียบกับคนที่จะมีอายุ 60 เข้ามาเติมในระบบ มันมีช่องว่างที่น่าสนใจ โดยในแต่ละปี เราจะมีคนที่อายุ 60 เข้ามาสู่ระบบราวๆ 8-9 แสนคน ขณะเดียวกันประชากรที่เสียชีวิตในแต่ละปีมีอยู่ประมาณ 5-6 แสนคน แปลว่าจะมีช่องว่างจากผู้ที่ไม่ได้รับเบี้ย 900,000 – 600,000 อยู่ที่ประมาณ 3 แสนกว่าคน”

แล้วในอนาคตตัวเลขก็จะไปในทิศทางนี้ คือ การเติมผู้ได้รับสิทธิเข้ามาเฉลี่ยปีละ 6 แสนบ้าง 7 แสนบ้าง 8 แสนคนบ้าง ซึ่งนั่นแปลว่าภาระของรัฐบาลจะมีเพิ่มมากขึ้น การคลังของเราจะเจอปัญหาหนักมาก นั่นก็เพราะในอดีตเรากู้มาเยอะตอนดอกเบี้ยต่ำ แต่ในอนาคตดอกเบี้ยมันอาจจะสูงขึ้น หากมีการเดินหน้าโครงการต่อไปในขณะที่ดอกเบี้ยต่ำ ก็ยังไม่มีปัญหา แต่ในอนาคตเมื่อภาระดอกเบี้ยตรงนี้มันสูงขึ้นเมื่อไร รัฐบาลก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นตาม

ฉะนั้นการปรับแก้เกณฑ์ของรัฐบาล (ประยุทธ์) จึงเหมือนกับยอมที่จะโดนด่าแต่เนิ่นๆ เพราะเขามองออกว่าถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาดูแลต่อลําบากแน่ๆ จึงต้องรีบจัดการตั้งแต่ตอนนี้”

นอกจากนี้ การแก้เกณฑ์ดังกล่าว มันเป็นการเข้าไปเขย่าปัญหาหมักหมมของตัวเบี้ยผู้สูงอายุในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเดิมมีผู้รับเบี้ยซ้ำซ้อนเยอะ หลายคนได้รับสวัสดิการด้านอื่นๆ อยู่แล้ว ได้รับบําเหน็จบํานาญด้านอื่นๆ และก็ยังขอตัวเบี้ยผู้สูงอายุ ซ้ำๆ เติมๆ เข้าไป เพราะเกณฑ์ก่อนที่จะมีการแก้ไข มันมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับอย่างไม่ละเอียดมากพอ

การล้างไพ่ใหม่ แล้วตรวจสอบสิทธิใหม่ จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาคิดว่าต้องๆ ทำและต้องแก้ไข ดังนั้น อย่าเพิ่งไปมองว่าเราจะไม่ได้หรือคนที่สูงอายุ 60 ปี จะไม่ได้สิทธิ เขาแค่อยากจะล้างเกณฑ์เดิม เพราะว่ามันมีช่องโหว่อยู่ เพื่อไม่ทำให้เกิดการรับเบี้ยซ้ำซ้อน จนกระทบภาวะการคลัง ซึ่งจะทำให้ในอนาคตระยะยาวผู้ที่ควรได้รับสิทธิที่เหมาะสมจริงๆ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อไป

'วิโรจน์' แซะ!! คนยังสนข่าว 'ชลน่าน' ออกอีกหรือ  ชี้!! ออกไปก็ได้นั่ง รมต. คงมีคนอยากออกเยอะ 

(30 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค มองว่าเป็นการรับผิดชอบที่ไปจับมือกับพรรค 2 ป. หรือไม่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ นพ.ชลน่าน แต่ยังมีคนสนใจข่าวนี้อยู่อีกหรือ คิดว่าการประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้วก็ไปเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวมองข้ามช็อตไปแล้ว

เมื่อถามว่าการลาออก นพ.ชลน่าน จะช่วยลดแรงเสียดทานที่พรรคเพื่อไทยโดนโจมตีได้หรือไม่ นายวิโรจน์ ย้อนว่า นักข่าวถามก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทาน เพราะไม่ใช่การลาออกไปตัวเปล่าเล่าเปลือย

"ถ้าลาออกแบบนี้ ก็คงมีคนอยากลาออกเยอะแยะไปหมด เพราะคำว่าลาออกในมุมมองของประชาชนคือการแสดงความรับผิดชอบ แต่การลาออกลักษณะนี้เหมือนลาออกไปรับตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น ให้คุ้มกับสิ่งที่ตนเองได้ทำ" นายวิโรจน์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top