Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

CPA (Thailand) ประกาศฉบับที่ 010/2021: วันที่ 17 เมษายน 2564 เรื่อง: ประกาศปิดทำการตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2564 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

เฉพาะสำหรับผู้สอบที่เลือกรับผลคะแนนด้วยตนเองไว้ สามารถรับผลสอบด้วยตนเองในวันที่ 19 - 20 เมษายน 2564 เวลา 10.00-15.00 เท่านั้น

กรุณาเตรียมเอกสารการรับผลให้ครบถ้วน ทั้งกรณีรับผลด้วยตัวเอง และกรณีรับผลแทน โดยผู้มารับผลคะแนนจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองตามมาตรการฯ​ ตามขั้นตอนปกติ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10157545409866467&id=154483551466

'เทพไท'​ เสนอตัดงบสัมมนา-ดูงาน-ก่อสร้าง-ซื้ออาวุธ ในการจัดงบ​ 65 มาแก้ปัญหาโควิด ชี้ไม่ควรออก พรก.เงินกู้อีก เชื่อส.ส.ฝ่ายค้าน-รบ.หนุนแน่

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต​ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่สำนักงบประมาณ จะเสนอร่างพระราชบัญญัติ​ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อขอจัดทำเอกสารงบประมาณ ในวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท นั้นว่าเป็นวงเงินงบประมาณที่จัดตั้งน้อยกว่า วงเงินงบประมาณ ปี​ 2564 ที่มีวงเงิน​ 3.3 ล้านล้านบาท

โดยการกู้งบประมาณขาดดุล 608,962.5 ล้านบาท ประมาณการรายได้ 2,677,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับวงเงินงบประมาณ ปี​ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ประมาณการรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท และการกู้งบประมาณขาดดุล 700,000 ล้านบาท ประมาณการรายได้จะน้อยกว่า แต่การกู้งบประมาณขาดดุลจะสูงกว่า ซึ่งจะเป็นภาระหนี้ของประเทศต่อไป

นายเทพไท กล่าวต่อว่า อยากจะเสนอให้ครม.มีความรอบคอบในการอนุมัติจัดทำงบประมาณประจำปี 2565 ของสำนักงบประมาณ ควรเตรียมแผนงานโครงการรองรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบ​ 3 หรืออาจจะมีรอบ​ 4 หรือรอบ​ 5 ตามมาก็ได้ ซึ่งไม่ต้องรื้อแผนงบประมาณในภายหลังอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ รัฐบาลควรปรับลดแผนการใช้เงินงบประมาณของทุกกระทรวง ทบวง กรม มาเป็นงบประมาณที่ใช้ในการแก้ปัญหาประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตัดงบประมาณในส่วนต่าง ๆ เช่น

1.) งบการประชุมสัมมนา

2.) งบการศึกษาดูงาน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

3.) งบประมาณการก่อสร้างโครงการใหม่ ยกเว้นโครงการที่มีงบผูกพัน

และ​ 4.) งบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการก่อสร้างค่ายทหาร เพื่อให้รัฐบาลได้มีเม็ดเงินงบประมาณเพียงพอ ในการเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ช่วงโควิดกำลังระบาด และไม่ควรที่จะใช้พระราชกำหนด​ (พรก.) เงินกู้เพิ่มเติมอีกในอนาคต

“ผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ตามความเหมาะสม และความจำเป็นของสถานการณ์บ้านเมือง ก็สามารถแถลงเหตุผลต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้เข้าใจ อย่างตรงไปตรงมา ก็จะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างแน่นอน” นายเทพไท กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันใช้กำหนดเปิดเรียนวันที่ 17 พ.ค. 2564 ตามเดิม แต่หากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น อาจเลื่อนเปิดวันที่ 1 มิ.ย. 2564 โดยจะพิจารณาเป็นพื้นที่ไปตามสถานการณ์

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เรียกประชุมคณะผู้บริหาร รวมทั้ง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หารือ เพื่อประเมินสถานการณ์เปิด-ปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2564 เบื้องต้น เห็นตรงกันจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 17 พ.ค.2564 นี้ ตามกำหนดการเดิม เพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียนการสอนและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ปกครอง

จากนั้นจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ ไป หากสถานการณ์ ยังไม่ดีขึ้นจะเลื่อนเปิดเรียนเป็นวันที่ 1 มิ.ย.2564 แทน แต่จะไม่สั่งปิดพร้อมกันทั่วประเทศ

ทั้งนี้ จะพิจารณาตามพื้นที่ความเสี่ยง และจัดรูปแบบการเรียนการสอน ให้เหมาะสมกับผู้เรียน และบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยผู้เรียนเป็นคนเลือกเอง ว่าจะเรียนรูปแบบไหน เช่น ให้ครูส่งแบบฝึกหัดไปให้ทำที่บ้าน เรียนออนไลน์ ต้องไม่บังคับเด็กว่าจะเรียนแบบไหน เปิดโอกาสให้เด็กเลือกเอง

เช่นเดียวกับ การสอบเข้า ม.1 ยังใช้แผนสอบเดิมคือวันที่ 1 พ.ค.2564 ส่วนนักเรียนชั้น ม.4 สอบวันที่ 2 พ.ค.2564 ให้ดำเนินการสอบได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยกำหนดให้ห้องสอบและการรายงานตัวต้องไม่เกิน 50 คน หรือใช้สถานที่ของโรงเรียนอื่นที่ใกล้เคียงเป็นสนามสอบ เพื่อกระจายนักเรียนไปไม่ให้เกิดความแออัด โดยกระทรวงศึกษาธิการจะทำแผน เสนอให้ ศบค.พิจารณาตามความเหมาะ

ส่วนกรณี การสอบบรรจุครูที่เรียกตัวมาไม่ทัน อาจส่งผลให้โรงเรียนขาดครูในบางวิชาก็ให้ใช้บัญชีของครูที่มีอยู่แล้ว และให้ใช้แนวทางโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง และโรงเรียนที่มีความพร้อม เข้ามาช่วยเหลือกัน หากโรงเรียนใดยังมีปัญหาอยู่ ให้แจ้งมาที่ส่วนกลางเพื่อเข้าไปสนับสนุน

สำหรับ การหารือครั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังได้เปิดรับฟังข้อเสนอจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเข้ามามีส่วนร่วมตัดสินใจ

ด้าน นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. ระบุว่า ต้องรอประเมินสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ กทม.ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ก่อน จึงจะตัดสินใจได้ว่า จะเลื่อนเปิดเรียนหรือไม่ จากเดิมกำหนดเปิดเรียนในวันที่ 17 พ.ค.2564 โดยจะประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับผู้อำนวยการโรงเรียนทั้ง 437 แห่ง ประมาณต้นเดือน พ.ค.นี้ แต่จะประเมินให้สอดคล้องกับกระทรวงศึกษาธิการด้วย

อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องปิดภาคเรียนต่อไป สำนักการศึกษาได้เตรียมจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานไว้ 4 รูปแบบ คือ

1.) การสลับชั้นมาเรียนของนักเรียนแบบสลับวันเรียน

2.) การสลับชั้นมาเรียนของนักเรียนแบบสลับวันคู่ วันคี่

3.) การสลับช่วงเวลามาเรียนของนักเรียนแบบเรียนทุกวัน

4.) การสลับกลุ่มนักเรียนแบบแบ่งนักเรียนในห้องเป็น 2 กลุ่ม

โดยแต่ละรูปแบบจะมีความเหมาะสมกับขนาดโรงเรียน และพื้นที่ที่แตกต่างกัน ควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุข

นอกจากนี้ ก่อนเปิดเรียนจะให้ทางโรงเรียนประเมินความเสี่ยงของผู้ปกครองผ่านแบบคัดกรองประเมินความเสี่ยงของ กทม.หากมีความเสี่ยงก็จะขอความร่วมมือให้หยุดเรียนไปก่อน และให้ครูประจำชั้นจัดการเรียนการสอนผ่านไลน์ให้กับนักเรียนแทน

ด้าน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ.เตรียมความพร้อมเรื่องการเรียนการสอนออนไลน์ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจาก รมว.ศธ.กำชับเรื่องการเรียนการสอนออนไลน์ต้องทำให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาเรามีทางเลือกให้เด็กเรียนอย่างหลากหลายทั้งรูปแบบ Online Onsite และ Onhand ดังนั้น ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความถนัด หรือ จะเลือกเรียนแบบผสมผสานก็ได้ ซึ่ง สพฐ.ต้องเตรียมความพร้อมในทุกมิติไม่ว่าสถานการณ์โควิดจะเป็นอย่างไรเด็กต้องได้เรียนอย่างเต็มที่


ที่มา: https://workpointtoday.com/school190464/

รัฐบาลลาว เดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายแล้ว 85% และคาดว่า อีก 22% ของประชากร จะได้ฉีดภายในปีนี้

รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กำลังดำเนินการตามแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยขณะนี้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว

รายงานระบุว่า รัฐบาลลาววางแผนที่จะฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างน้อย 150,000 รายในขั้นตอนแรกของโครงการ

หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทมส์ รายงานโดยอ้างคำพูดของนายพอนปะเสิด อุ่นพม อธิบดีกรมอนามัยและส่งเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขลาว โดยระบุว่า 85% ของประชากรกลุ่มเป้าหมายในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนั้น ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 เปิดเผยข้อมูล ณ วันที่ 4 เม.ย. ว่า ลาวได้ฉีดวัคซีนโดสแรกให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงประมาณ 103,000 ราย ส่วนโดสที่ 2 จำนวน 6,171 ราย การฉีดวัคซีนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งหน่วยงานสาธารณสุขกำลังเร่งดำเนินการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลลาวได้ขยายโครงการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น นอกเหนือจากผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข

นอกจากนี้ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากกระทรวง, องค์กรเทียบเท่ากระทรวง, หน่วยงานท้องถิ่น, สถานทูตต่างประเทศ, องค์กรระหว่างประเทศ และครอบครัวตลอดจนธุรกิจบางประเภทที่มีความความเสี่ยง ได้ถูกผนวกรวมเข้ากลุ่มเป้าหมายภายใต้โครงการเพิ่มเติมด้วย

รายงานก่อนหน้านี้ ยังระบุว่า ประมาณ 22% ของจำนวนประชากรลาว หรือประมาณ 1.6 ล้านคน จะได้รับการฉีดวัคซีนในปี 2564

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ของจำนวนประชากร ภายในปี 2565 และจะมีผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/foreign/464176


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘หมอยง’ ชี้!! ติดโควิดแล้ว ‘ติดได้อีก’ แต่ติดได้ยากขึ้นกว่า ‘คนไม่เคยติด’

นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการติดเชื้อโควิด-19 ในรายของผู้ที่เคยติดมาก่อนหน้านี้แล้วว่า…

โควิด-19 ผู้ที่ติดเชื้อมาแล้ว ติดเชื้อซ้ำได้หรือไม่ ต้องฉีดวัคซีนอีกหรือไม่?

จากการติดตามบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศอังกฤษ เปรียบเทียบกลุ่มที่ติดเชื้อมาแล้วกับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อนเป็นระยะเวลา 7 เดือน พบว่าผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้ว โอกาสที่จะติดเชื้อซ้ำใหม่น้อยกว่าผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อนร้อยละ 84 จากข้อมูลก็เปรียบเสมือนว่าคนที่เคยติดเชื้อมาแล้วมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 84 (Hall VJ et al, Lancet 2021; 397: 1459–69)

น่าจะพูดง่าย ๆ ให้เข้าใจว่า ถ้าการติดเชื้อจริงหรือเอาไวรัสจริงมาเป็นวัคซีน ทำให้เกิดโรค ยังป้องกันได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อมีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อได้มีประสิทธิภาพร้อยละ 84 วัคซีนถ้าสร้างภูมิต้านทานให้ได้เท่ากับการติดเชื้อจริงในธรรมชาติจะป้องกันได้ร้อยละ 84 การติดเชื้อซ้ำถึงแม้ว่าเคยติดเชื้อมาแล้วก็เกิดขึ้นได้ แต่ก็น้อยกว่าคนที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ในระยะยาวถึงแม้ว่าติดเชื้อมาแล้ว ภูมิต้านทานไม่ได้ปกป้องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนโรคบางโรค เช่น โรคหัด โรคสุกใส ที่เป็นแล้วจะไม่เป็นอีกในชีวิตนี้

จากข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า การที่เคยเป็นโรคแล้วมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก ทำนองเดียวกันการฉีดวัคซีนก็เหมือนกับการกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานแบบการติดเชื้อ วัคซีนจึงไม่สามารถป้องกันได้ 100% วัคซีนที่ป้องกันได้เกินกว่า 84% ก็ถือว่าเหนือกว่าการติดเชื้อโดยธรรมชาติแล้ว

ในอนาคตการให้วัคซีน จำเป็นต้องมีการให้ซ้ำอีกแน่นอน ในวัคซีนทุกชนิดจะต้องมีการกระตุ้นน่าจะเป็นหลัง 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันในระยะยาวหรืออาจจะต้องกระตุ้นทุกปีหรือทุก 2-3 ปีก็คงขึ้นอยู่กับข้อมูล

ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่ติดเชื้อมาแล้วก็ยังคงต้องให้วัคซีนในการป้องกันโรค ระยะเวลาในการให้วัคซีนหลังติดเชื้อควรจะอยู่ในระยะ 3-6 เดือนหลังจากติดเชื้อ จำนวนครั้งในการให้วัคซีนในผู้ติดเชื้อมาแล้ว เป็นที่น่าสนใจเพราะเชื่อว่าการกระตุ้นเพียงครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าติดเชื้อมาแล้วเป็นปี การให้วัคซีนก็อาจจะต้องให้แบบคนที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้จะเป็นโอกาสทองของบริษัทวัคซีนแน่นอน

ที่มา: https://www.facebook.com/108692177438990/posts/290843352557204/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ชวน เผย ทราบแล้ว ช่างไฟสร้างสภาติดโควิด ชี้! เป็นเรื่องของซิโนไทยดำเนินการตรวจ

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ช่างไฟฟ้าที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาติดโควิด-19 จำนวน 3 คน ว่า ตนได้รับรายงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เข้าใจว่าไม่ได้เข้ามาปฏิบัติงานในสภาฯ ซึ่งทางบริษัทซิโน-ไทย ได้ดูแลอย่างเข้มงวด เพราะช่วงนี้ยังไม่ค่อยมีการประชุม เจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาดก็ต้องปฏิบัติตนอย่างเข้มงวด

และที่พนักงานติดเชื้อถือเป็นเรื่องภายในบริษัท โดยปกติแล้วพนักงานที่เข้ามาทำงานในรัฐสภาต้องตรวจคัดกรองทุกคน ตนพยายามบอกเจ้าหน้าที่ว่าอย่าไปเกรงใจ เช่นการลืมหน้ากากอนามัยก็ให้บอกได้เลย มีหน้ากากอนามัยบริการให้สามารถมาขอได้ มีที่ตรวจวัดอุณหภูมิหากผิดปกติก็ไม่ให้เข้ามาในอาคารสภาอยู่แล้ว และการตรวจพนักงานทุกคนเพื่อหาเชื้อโควิด-19 นั้นก็เป็นเรื่องของบริษัทซิโน-ไทย

นายชวน กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมในสภาก็ยังดำเนินไปตามปกติ โดยมีการใช้ประชุมแบบทางไกล ไม่เช่นนั้นงานจะค้าง อย่าไปหวังให้โควิด-19 หมดต้องอยู่กับความจริงโดยใช้วิธีป้องกัน ส่วนคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ชุดต่างๆ ช่วงนี้ก็มีการประชุมน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ส่วนที่มีการประชุมก็ใช้การประชุมด้วยระบบทางไกล

ราเมศ เผย เฉลิมชัย ย้ำ ตัวแทน - สาขาพรรคครบทุกเขต พร้อมทุกเวลาลงสนามลต.หากยุบสภา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการตั้งตัวแทนพรรค และสาขาตามที่กฎหมายกำหนดว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ำถึงการดำเนินการตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด ถึงกรณีการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ไม่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือยุบสภาเกิดขึ้นในอนาคตว่า  

พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง ในทุกสถานการณ์ได้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้ง การตั้งสาขาพรรค ครบทุกเขตเลือกตั้ง พรรคได้ดำเนินการครบทั้งหมดแล้ว เพื่อรองรับการเลือกตั้ง และทำงานให้กับประชาชน

ในส่วนของการเตรียมตัวผู้สมัคร มีผู้สมัครเดิมที่ยังคงทำพื้นที่อยู่ และมีบุคคลที่สนใจในเขตเลือกตั้งหลายเขตเป็นจำนวนมาก พรรคเตรียมบุคลากรไว้ให้ทำงานทำพื้นที่ล่วงหน้า ทำกิจกรรมร่วมกับประชาชน ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆทำงานร่วมกับส่วนกลางอย่างเต็มที่

ที่สำคัญรัฐมนตรีก็ได้มีการนำผลงานที่เกิดจากนโยบายของพรรคไปสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนในเขตเลือกตั้ง รัฐมนตรีทั้ง 7 คน มีหลายผลงานที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นประกันรายได้พี่น้องเกษตรกร เรื่องชลประทานระบบน้ำ การแก้ปัจภัยแล้ง ด้านสวัสดิการ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็กแรกเกิด เรื่องบ้านมั่นคง รวมถึงการศึกษา รวมถึงเรื่องอื่น ๆ และในส่วนทีมยุทธศาสตร์ และทีมนโยบายพรรคได้มีการเตรียมการคิดนโยบายต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้พี่น้องประชาชนให้เกิดประโยชน์และยั่งยืนที่สุดต่อไป

ป.ป.ช. เปิดทรัพย์สิน “นายกอบจ.ชัยนาท” น้องชาย “รมต.อนุชา” รวย 34 ล้าน คล้องหลวงปู่ศุข 3 องค์ มูลค่า 1.5 ล. สะสมปืน 6 กระบอก ทั้งไรเฟิล ปืนยาว ปืนสั้น เมียขับปอร์เช่ คันละ 3.5 ล.

เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยนายอนุสรณ์ แจ้งว่า ตนเองและนางสุภาภรณ์ แสงทอง คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 34,878,245 บาท เป็นของผู้ยื่น 8,110,283 บาท เป็นของคู่สมรส 26,767,962 บาท โดยทรัพย์สินของคู่รวมกัน ประกอบด้วย เงินสด 400,000 บาท เงินฝาก 914,641 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 8,130,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 988,804 บาท ที่ดินของนายอนุสรณ์ 1,976,800 บาท เงินลงทุนของนางสุภาภรณ์ ในบริษัท สวิท คิทเช่น จำกัด และบริษัท เอส คิชเช่น จำกัด 1,100,000 บาท ยานพาหนะของนางสุภาภรณ์ 2 คัน มูลค่ารวมกัน 5,850,000 บาท ได้แก่ เบนซ์มูลค่า 2,500,000 บาท และปอร์เช่มูลค่า 3,350,000 บาท 

ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไปของทั้งคู่ จำนวน 43 ราย มูลค่ารวมกัน 15,518,000 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจ อาทิ พระรอดเลี่ยมทอง มูลค่า 600,000 บาท พระหลวงปู่ศุขเลี่ยมทองฝังเพชร 3 องค์ มูลค่า 1,500,000 บาท อาวุธปืน 6 กระบอก ได้แก่ ปืนไรเฟิล 2 กระบอก ปืนเดี่ยวลูกกรด 1 กระบอก ปืนยาวอัดลม 1 กระบอก ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอก แหวนเพชรทองคำขาว กระเป๋ายี่ห้อหรู นาฬิกายี่ห้อหรู เครื่องเพชร นอกจากนี้ นายอนุสรณ์ แจ้งว่า ตนเองและคู่สมรสมีหนี้สินทั้งสิ้น 7,580,893 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น และเงินเบิกเกินบัญชี 

ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ แจ้งในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นว่า มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา รวม 6 คน ได้แก่ นางจิตร์ธนา ยิ่งวีลาภา นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย นายอนุรักษ์ โค้วคาศัย นายอนุสรณ์ ผู้ยื่น และนางศศิธร อยู่ประยงค์

คดีพลิก!! Elon Musk เฉลยผู้เสียชีวิต 2 รายจากอุบัติเหตุบนรถ Tesla เหตุไม่ได้ซื้อบริการ ‘ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ’

เพจ ทันโลกกับ Trader KP ได้เผยข่าวใหญ่ในวงการรถยนต์เมื่อวานนี้ หลังจากมีผู้โดยสารรถเทสล่า เปิดใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autopilot) แต่รถเกิดเสียหลัก พุ่งเข้าชนต้นไม้ในเมือง Houston จนเกิดไฟลุกท่วม เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามเข้าช่วยเหลือ แต่เนื่องจากการดับไฟที่ลุกจากแบตเตอรี่ของรถ Tesla นั้น ต้องใช้วิธีการดับไฟที่แตกต่างจากไฟปกติ ทำไม่ให้สามารถคุมไฟไว้ได้ จนเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 ราย"

ข่าวนี้ได้ส่งผลให้หุ้น Tesla ร่วงลงทันที -7% คืนนี้ จากระดับ 740 เหรียญลงมา -50 เหรียญจนเหลือ 690 เหรียญไปเลยทันที เพราะตลาดมองว่าระบบ Autopilot ของ Tesla มีช่องโหว่

อย่างไรก็ตามคดีนี้ อาจพลิกอีกครั้ง หลังจากเช้านี้ทาง Elon Musk ได้ออกมาทวีตเฉลยว่า “จากการกู้ข้อมูลจากระบบบันทึกของรถ (Data Logs) เราพบว่ารถคันนี้ไม่ได้เปิดใช้งานเทคโนโลยี Autopilot เพราะรถคันนี้ไม่ได้ทำการซื้อบริการไว้ด้วยซ้ำ”

โดยรถของ Tesla นั้นไม่ต่างอะไรกับ App Store ของ Apple เลยที่หลังจากซื้อรถยนต์ไปแล้วหากผู้ใช้ต้องการใช้บริการเทคโนโลยีอะไรเพิ่มเติมก็สามารถจ่ายเงินซื้อได้ แต่รถคันนี้ไม่ได้ทำการซื้อไว้ และ Elon กล่าวต่อว่า

“ด้วยระบบ Autopilot ปัจจุบัน ทาง Tesla กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องใช้บนถนนที่ต้องมีเส้นปะแยกระหว่างเลน ซึ่งถนนดังกล่าวไม่ได้มี”

ทาง Elon อธิบายว่าด้วยการที่ระบบ Autopilot ปัจจุบันยังไม่ถึงระดับ 5 ทำให้ตอนนี้หากจะใช้ระบบนี้รถ Tesla ต้องวิ่งบนถนนที่มีเส้นปะแยกเลน แต่ผู้ขับไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น

แต่คำถามที่หลายฝ่ายตั้งตามมาก็คือ ถ้าพวกเขาไม่ได้ซื้อระบบ Autopilot ไว้ ทำไมพวกเขาถึงไม่มีใครนั่งอยู่บนที่คนขับเลย เพราะสิ่งที่ตำรวจพบหลังจากมาถึงที่เกิดเหตุคือ #ผู้โดยสารที่เสียชีวิตทั้งคู่ไม่มีใครนั่งอยู่ที่พวงมาลัยเลย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า พบศพชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า (ที่นั่งข้างคนขับ) และศพชายคนที่สอง นั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหลัง

ทำให้หลายฝั่งตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือชายทั้ง 2 พยายามที่จะขยับตัวหลังจากที่รถได้ชนไปแล้ว?

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก Elon ได้ทวีตข้อความดังกล่าว ก็ทำให้หุ้น Tesla ดีดขึ้นกลับไปที่ระดับเดิม โดยราคาหุ้น Tesla ช่วงหลังตลาดปิด (Post Market Trade) ได้ดีดกลับขึ้นไปที่ระดับ 730 เหรียญต่อหุ้น หลังจากทาง Elon ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง

ถึงกระนั้น ตัวแปรของมูลเหตุความจริงทั้งหมด ก็คือรถยนต์ Tesla ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลทุกอย่างได้ผ่านระบบ Online ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการขับขี่หรือการเปิดปิดอุปกรณ์ต่างๆบนเครื่องยนต์ ซึ่งทางบริษัทย่อมต้องมีข้อมูลทุกอย่างและง่ายต่อการสืบสวนอุบัติเหตุ และตรงนี้เองจะแสดงให้เห็นว่า ดราม่า Tesla รอบนี้ อันไหนจริง อันไหนเท็จต่อไป

ที่มา: https://www.facebook.com/108586193028066/posts/751807305372615/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ศรีสุวรรณ ยื่น กสชท. สอบ สรยุทธ หวนคืนจอเล่าข่าว ทำได้หรือไม่ ชี้ ส่อขัดจริยธรรม

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่สำนักงาน กสทช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ รักษาการเลขาธิการ กสทช. โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตามที่พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊กแฟนเพจของตนเอง เพื่อเตรียมหวนกลับคืนสู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง จะกลับมารับหน้าที่พิธีกรข่าว ในเดือนพฤษภาคม 2564 เคยทำหน้าที่พิธีกรรายการดังกล่าวมาหลายสิบปี ก่อนที่จะถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีค่าโฆษณาเกินเวลา และต่อมาได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวจากเรือนจำอยู่ในขณะนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ถูกต้องโทษและจำคุกในคดีอาญาอันเกี่ยวกับการสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน อันถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมแห่งวิชาชีพ โดยชัดแจ้ง ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่บุคคลดังกล่าว จะกลับมาทำหน้าที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง เพราะบุคคลที่ทำหน้าที่พิธีกรหรือนักเล่าข่าว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม โดยมีประวัติที่ไม่ด่างพร้อย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่สำคัญรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 34 ประกอบมาตรา 35 ระบุในข้อยกเว้นเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไว้ว่า ต้องไม่ก่อให้เกิดการขัดต่อศีลธรรมอันดีและขัดต่อจริยธรรมวิชาขีพแห่งตนด้วย อีกทั้งข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2553 ซึ่งสอดคล้องกับธรรมนูญสภาการสื่อสารมวลชนแห่งชาติ 2553 ได้กำหนดจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพข่าวไว้ชัดเจนในข้อ 10 ความว่า “ต้องไม่ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ หรือดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของผู้ประกอบวิชาชีพข่าว”

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องร้องเรียนต่อ กสทช. ให้ดำเนินการตรวจสอบและวินิจฉัยว่า การกลับมาเป็นพิธีกรเล่าข่าวหน้าจอโทรทัศน์ของผู้ที่เคยต้องโทษในคดีอาญา ยังจะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร และสังคมไทยโดย กสทช.จะสร้างบรรทัดฐานของเรื่องทำนองนี้ไว้อย่างไร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top