Monday, 19 May 2025
NewsFeed

‘NARIT’ ชวนชม ‘ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์’ คืนวันแม่ 12 ส.ค.นี้ แนะพื้นที่!! ‘อยู่ห่างตัวเมือง-มืดสนิท’ สามารถนอนชมด้วยตาเปล่าได้

(11 ส.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ’ แจ้งว่า วันที่ 12 สิงหาคม นี้ ลุ้นชม ‘ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์’ คืนวันแม่

คืนวันที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 23:00 น. จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 13 สิงหาคม 2566 จะเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids Meteor Shower) หรือที่มักเรียกกันว่า ‘ฝนดาวตกวันแม่’ ศูนย์กลางการกระจายอยู่ในกลุ่มดาวเพอร์เซอุส บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการตกเฉลี่ยประมาณ 60 - 100 ดวงต่อชั่วโมง โดยเวลาประมาณ 23:00 - 03:00 น. ของคืนวันที่ 12 สิงหาคม 2566 เป็นเวลาที่เหมาะสมต่อการสังเกตการณ์เนื่องจากไม่มีแสงจันทร์รบกวน 

แนะนำสถานที่ชมให้อยู่ในที่ห่างจากเมืองหรือบริเวณที่มืดสนิท สำหรับวิธีการสังเกตฝนดาวตกที่ดีที่สุด คือ นอนชมด้วยตาเปล่า ตามทิศทางการกระจายตัวของฝนดาวตก หากฟ้าใสไร้ฝน สามารถชมความสวยงามของฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ได้ทั่วประเทศ

‘ยอร์ช ยงศิลป์’ บินลัดฟ้า เตรียมเดบิวต์ที่เกาหลี ศิลปินบอยกรุ๊ปวง ‘POW’ ค่าย Grid Entertainment

(11 ส.ค.66) เตรียมต้อนรับการเดบิวต์ของศิลปินไทยมากความสามารถ ‘ยอร์ช ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์’ หนุ่มไทยสุดฮอต ที่เพิ่งจะปล่อยเพลงแรกในชีวิตไป ‘Seven’ และล่าสุด ประกาศเดบิวต์ศิลปินบอยกรุ๊ปกลุ่มแรกของค่ายในชื่อวง ‘POW (파우 - พาว)’ ทางค่ายเพลงน้องใหม่แห่งวงการเคป็อปที่หลายคนต่างจับตา Grid Entertainment ค่ายเพลงในเครือเดียวกันกับค่าย 131 Label ของศิลปินหนุ่มชื่อดัง ‘B.I (คิมฮันบิน)’

ทางด้านของ ผู้จัดการ ยอร์ช ยงศิลป์ ได้โพสต์อัปเดทความเคลื่อนไหวล่าสุด เป็นภาพขณะที่อยู่ในสนามบิน เตรียมเดินทางไปต่างประเทศ "#ทุกการเดินทางมีความหมาย ขอบคุณหนูที่กลับมามีแพชชั่นอีกครั้งนะครับลูก ครอบครัวน้องยอร์ชและหนู ขอบพระคุณค่าย GRID Entertainment ที่ให้โอกาสน้องยอร์ชได้เป็นสมาชิกของวง POW ซึ่ง GRID Entertainment เป็นบริษัทแม่ที่ดูแล Boy Group วงใหม่ และอีกหลาย ๆ วง ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นครอบครัวเกาหลีที่อบอุ่น ดูแล และให้การต้อนรับน้องยอร์ชเป็นอย่างดี @fillthegrid"

พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วยเกี่ยวข้อง "ขอบคุณคุณแคลร์ @ximejina ขอบคุณคุณบีไอ @shxxbi131 ค่าย 131 Label ซึ่งเป็นบริษัทลูก (ดูแลศิลปินโซโล่) @131_online อยู่ภายใต้บริษัท GRID Entertainment ที่ให้โอกาสน้องยอร์ชได้ขึ้นเวทีในวันนั้น และทำให้น้องยอร์ชได้มีโอกาสในวันนี้นะคะ"

'เพื่อไทย' ประกาศเดินหน้าต่อ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ มั่นใจ!! ช่วยชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่

(11 ส.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย แถลงการเดินหน้านโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ในช่วงแรกที่พรรค เพื่อไทย ไม่ใช่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล การเจรจาต้องให้เกียรติพรรคแกนนนำ แต่วันนี้บริบทเปลี่ยนไปแล้ว พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมาพร้อมความรับผิดชอบในนโยบายที่หาเสียงคือต้องดูแลพี่น้องประชาชน วันนี้จึงอยากประกาศอย่างเป็นทางการในการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนทุกคนอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินดิจิทัลจำนวน 1 หมื่นบาท โดยใช้ระบบการชำระเงินแบบใหม่เทคโนโลยีบล็อกเซน เงื่อนไขรับเงิน คือ ต้องใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิประเทศ และต้องถูกใช้ภายใน 6 เดือน ส่วนคนที่เข้าไม่ถึงแอปพลิเคชันนี้ก็ไม่มีปัญหา สามารถใช้บัตรประชาชนและโค้ดส่วนตัวได้

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อนั้น ยืนยันว่าทีมเศรษฐกิจได้ทำความเห็นอย่างถี่ถ้วน ไม่ได้ทำให้เกิดเงินเฟ้อ รวมถึงได้คำนึงผลกระทบทั้งทางบวกและลบในด้านความมั่นคงทางการคลัง ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการคลังของประเทศ ซึ่งนอกจากจะที่เป็นการชุบเศรษฐกิจครั้งใหญ่แล้วยังจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่มีการชำระเงินแบบนี้ ทั้งนี้มีที่ต้องเรื่องทำคู่ขนานคือ ตลาดทุนคู่ขนาน เปิดตลาดทุนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล และจะมีการตั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ดิจิทัลขึ้นมา เพื่อดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้ คือการยืนยันของพรรคเพื่อไทย เราเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ของประเทศ

‘เอมี่ กลิ่นประทุม’ เจ้าแม่สายปาร์ตี้ แฉวีรกรรมในวงสังสรรค์ เคยโดนภรรยา ‘น้ำ รพีภัทร’ แบน!! หลังติดลมหนักไปหน่อย

(11 ส.ค. 66) เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่ตัวตึงสายปาร์ตี้จริง ๆ สำหรับสาว ‘เอมี่ กลิ่นประทุม’ ที่บอกเลยว่าดื่มเก่งจนได้ฉายาเจ้าแม่แห่งวงการดื่ม

ล่าสุดเจ้าตัวได้มาให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘กินแกล้มเล่า’ ทางช่อง YouTube : One Playground เผยประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ที่บอกเลยว่าครบรส แถมฮากระจาย

โดย ‘เอมี่’ เผยว่าตัวเธอเองเป็นเจ้าแม่สายดื่มอยู่แล้ว เพียงแค่ในอดีตคนอาจจะไม่ได้เห็นตัวตนเธอเท่าทุกวันนี้ที่มี YouTube ทำให้เมื่อก่อนคนอาจคิดว่าเป็นคนเรียบร้อย

สำหรับดาราตัวท็อปที่มีชื่อเสียงในช่วงเดียวกัน เช่น ‘ครีม เปรมสินี’ ‘เอมมี่ มรกต’ และดาราหนุ่มตัวตึง ‘น้ำ รพีภัทร’ ตัวตึงสายดื่มฝั่งชาย

พร้อมเผยวีรกรรมความตึงของหนุ่ม ‘น้ำ รพีภัทร’ ตอนที่ภรรยาของ ‘น้ำ’ คลอดลูกคนที่ 2 ระหว่างที่รอคลอด ทั้งคู่บังเอิญเจอกันพอดี ซึ่ง ‘เอมี่’ ไปเยี่ยมเพื่อนคลอดเช่นกัน ทางหนุ่ม ‘น้ำ’ จึงขอให้ ‘เอมี่’ รอภรรยาฟื้นเป็นเพื่อนกัน จึงตัดสินใจไปนั่งรับประทานอาหารพร้อมจิบเบา ๆ

แต่บอกเลยว่า เจ้าพ่อ-เจ้าแม่แห่งวงการสายดื่มโคจรมาเจอกันขนาดนี้ งานนี้คงไม่มีคำว่า ‘จิบเบา’ เพราะสาว ‘เอมี่’ เผยว่า เวลาผ่านไปจนภรรยาของหนุ่ม ‘น้ำ’ ฟื้นจากยาสลบแล้ว พ่อหนุ่มตัวดีก็ยังติดลมบน จนเธอพาหนุ่ม ‘น้ำ’ ไปส่งที่โรงพยาบาล เจ้าตัวยังงุนงงจำไม่ได้ว่าภรรยาคลอดห้องไหน

เรียกได้ว่าตัวตึงจริง ๆ งานนี้สาว ‘เอมี่’ ถึงกับบอกบทสรุปวีรกรรมนี้ว่า “เมียก็แบนกูไปเลยจ้า” พร้อมเผยว่า สมมติเป็นวันเกิด แล้วทักไปชวนน้ำ ฝั่งตัวตึงฝ่ายชายจะอึกอักว่าภรรยาไม่ให้ไป พร้อมทิ้งท้ายประโยคเด็ด “ไปเจอกันที คือไรบรรลัยอะ”

เรียกได้ว่าตึงคู่ สมเป็นเจ้าพ่อและเจ้าแม่แห่งวงการดื่มจริง ๆ ท่ามกลางชาวเน็ตที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันสนั่น คอมเมนต์ว่า ‘ฮากระจาย’ ‘สนุกมากก ตลกมาก’ ‘ชอบอีพีนี้มาก’

‘เอสเธอร์’ ลงคลิปคู่หวานใจ ‘เคน ภูภูมิ’ แต่เจอช็อตฟิล!! ชาวเน็ตคิดว่าแฟนใหม่ หลังจำฝ่ายชายในลุคนี้ไม่ได้

(11 ส.ค.66) ไม่ค่อยได้ลงรูปคู่หวาน ๆ ให้ได้เห็นเท่าไหร่ สำหรับคู่ของนางเอกสาว ‘เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา’ กับแฟนหนุ่ม ‘เคน ภูภูมิ’ จนหลายครั้งทำให้คู่ของเธอมักจะถูกโดนพุ่งเป้ามาตลอดเวลาที่มีข่าวดาราเลิกกัน

ล่าสุด ‘เอสเธอร์’ ก็ได้เผยให้เห็นอีกหนึ่งโมเมนต์เมื่อได้อยู่กับแฟน พร้อมเขียนแคปชันไว้ว่า "เพิ่งรู้ว่าเธอก็มีประโยชน์วันนี้แหละ #couplecomedy #แกล้งแฟน"

ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ ‘เอสเธอร์’ แกล้งเอาไข่มาตอกบนหน้าผากของ ‘เคน ภูภูมิ’ โดยที่ฝ่ายชายไม่ทันตั้งตัว จึงทำเอาทั้งคู่ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่

แต่งานนี้นอกจากแฟน ๆ จะโฟกัสที่ความน่ารักของ ‘เอสเธอร์-เคน’ แล้ว หลายคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า นึกว่าแฟนใหม่ เพราะ ‘หนุ่มเคน’ ไว้หนวดเคราเวอร์ชั่นนี้จำแทบไม่ได้จริงๆ ดูแล้วกร้าวใจสุดๆ จนคลิปนี้คนดูพุ่งทยานเป็นหลักล้านเพียงแค่ชั่วข้ามคืนแล้วจ้า

'การบินไทย' ตั้งลำ!! โชว์รายได้สวยไตรมาส 2 ปี 66 พา 'บริษัท-บริษัทย่อย' ทำกำไรสูงสุดในรอบ 20 ปี

(11 ส.ค. 66) รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 37,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 21,526 ล้านบาท หรือ 73.7% แต่ลดลง 9.9% จากไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามปกติของธุรกิจที่ไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่มีผู้โดยสารเดินทางต่ำที่สุดในช่วงปี

โดยบริษัทได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางที่เป็นที่นิยม อาทิ ประเทศญี่ปุ่นและจีน มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3.35 ล้านคน และมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 79.2% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ย 60.3%

บริษัท และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 28,805 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนซึ่งมีค่าใช้จ่าย 22,825 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น

โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 8,576 ล้านบาท ดีกว่าไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ขาดทุน 1,299 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ของปี 2566 นี้เป็นไตรมาส 2 ที่บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดในรอบ 20 ปี

ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 3,967 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่มาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นค่าใช้จ่ายรวม 2,643 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 2,273 ล้านบาท

ในขณะที่ปีก่อน ขาดทุน 3,213 ล้านบาท เป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,262 ล้านบาท โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 9,307 ล้านบาท

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 78,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 32,706 ล้านบาท

ในขณะเดียวกันมีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 57,280 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 37,175 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 21,609 ล้านบาท ดีกว่างวดเดียวกันของปี 2565 ที่ขาดทุน 4,469 ล้านบาท

โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 7,515 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นรายได้รวม 344 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 14,795 ล้านบาท

ในขณะที่ปีก่อน ขาดทุน 6,457 ล้านบาท เป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 14,776 ล้านบาท มี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 23,361 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น 67 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ 20 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 47 ลำ โดยบริษัทเพิ่งรับเครื่องบินลำตัวกว้างจากการเช่าดำเนินการเข้ามาในฝูงบินในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาจำนวน 2 ลำ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 12.0 ชั่วโมงต่อวัน

โดยเป็นส่วนของการบินไทย 14.0 ชั่วโมงต่อวัน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 76.9% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 192.8% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 81.4% สูงกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 49.2% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่ง รวมทั้งสิ้น 6.87 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 126.7%

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 223,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 25,140 ล้านบาท (12.7%) หนี้สินรวมจำนวน 279,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 10,369 ล้านบาท (3.9%)

ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท และบริษัทย่อยติดลบจำนวน 56,253 ล้านบาท ติดลบลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 14,771 ล้านบาท

และจากผลประกอบการที่เป็นบวก บริษัทจึงมีเงินสดคงเหลือจำนวน 51,153 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เพิ่มขึ้น 16,613 ล้านบาท จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565

‘ลิล เทย์’ สาวน้อยอวดรวย โต้ข่าว!! ‘ยังมีชีวิตอยู่’ เผย บัญชีอินสตาแกรม ‘ถูกแฮก’ กุเฟกนิวส์

(11 ส.ค.66) จากกรณีที่มีรายงานว่า ‘ลิล เทย์’ เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 14 ปี ล่าสุด TMZ สื่อข่าวบันเทิงในสหรัฐฯ รายงานว่า “ความจริงแล้วเธอยังไม่เสียชีวิต”

จากกรณีที่มีการรายงานข่าวว่า ‘ลิล เทย์’ (Lil Tay) อินฟลูเอนเซอร์เด็กหญิงที่เคยโด่งดังเมื่อปี 2018 จากคอนเทนต์แนวอวดรวย เจ้าของฉายา “คนอวดรวยที่อายุน้อยที่สุดในศตวรรษ” ได้เสียชีวิตกะทันหันด้วยวัยเพียง 14 ปี พร้อมพี่ชายวัย 21 ปี โดยครอบครัวแจ้งข่าวเศร้าผ่านอินสตาแกรม

ล่าสุดเรื่องราวเหมือนจะกลับตาลปัตร เมื่อ TMZ สื่อข่าวบันเทิงในสหรัฐฯ รายงานว่า ความจริงแล้ว “ลิล เทย์ ยังไม่เสียชีวิต”

ลิล เทย์ เปิดเผยกับ TMZ ว่า บัญชีอินสตาแกรมของเธอถูกแฮก และเผยแพร่ “ข้อมูลเท็จที่น่าตกใจ” เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเธอและพี่ชาย

ในถ้อยแถลงที่ส่งถึง TMZ จากครอบครัวของเทย์ เธอบอกกับ TMZ ว่า “ฉันต้องการชี้แจงว่า พี่ชายและฉันปลอดภัย และยังมีชีวิตอยู่ แต่ฉันตกใจอย่างหนัก และพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม มันเป็น 24 ชั่วโมงที่บอบช้ำมาก เมื่อวานทั้งวัน ฉันถูกกระหน่ำด้วยเสียงโทรศัพท์ที่โทรมาด้วยความเจ็บปวดและน้ำตาจากคนที่รักฉันในขณะที่พยายามจัดการเรื่องยุ่งเหยิงนี้”

เธอยังกล่าวอีกว่า “บัญชีอินสตาแกรมของฉันถูกบุกรุกโดยบุคคลที่ 3 และเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดและข่าวลือเกี่ยวกับตัวฉัน จนแม้แต่ชื่อของฉันก็ยังผิด ชื่อตามกฎหมายของฉันคือ เทย์ เทียน (Tay Tian) ไม่ใช่ แคลร์ โฮป”

เทย์ยังขอบคุณเมตาที่ช่วยกู้บัญชีอินสตาแกรมของเธอกลับคืนมา และโพสต์ที่แจ้งการเสียชีวิตของเธอก็ถูกลบออกไปแล้ว

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้เหมือนจะมีกลิ่นแปลก ๆ เพราะสิ่งที่ยังไม่ชัดเจนคือ เหตุใดเทย์ถึงใช้เวลานานกว่า 24 ชั่วโมงกว่าจะออกข่าวว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอบอกว่า เธอรู้ว่าบัญชีของตัวเองถูกแฮ็ก และได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับ ‘การเสียชีวิต’ ของเธอ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม อินสตาแกรมของเทย์ได้โพสต์ภาพข้อความว่า ลิล เทย์ ได้เสียชีวิตแล้วอย่างกะทันหัน เช่นเดียวกับพี่ชายของเธอ เจสัน เทียน โดยบอกว่านี่เป็น “ความสูญเสียที่ไม่อาจทนรับได้”

โพสต์ดังกล่าวที่ถูกลบไปแล้ว ระบุว่า “เป็นเรื่องน่าหนักใจที่เราต้องแจ้งข่าวเศร้าเกี่ยวกับการจากไปอย่างกะทันหันของแคลร์ เราไม่อาจหาถ้อยคำใดที่จะแสดงความรู้สึกสูญเสียที่เกินจะรับไหวและความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ครั้งนี้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงและทำให้เราทุกคนตกใจ การจากไปของพี่ชายเธอยิ่งสร้างความโศกเศร้าเกินจินตนาการของเรา”

โพสต์นั้นยังบอกอีกว่า “ในช่วงเวลาแห่งความเสียใจนี้ พวกเราขอความเป็นส่วนตัว ในสถานการณ์ที่การจากไปของแคลร์และพี่ชายยังอยู่ระหว่างการสืบสวน แคลร์จะอยู่ในใจเราเสมอ การจากไปของเธอทำให้ทุกคนที่รู้จักและรักเธอร็สึกเหมือนบางอย่างขาดหายไปแบบหาอะไรมาแทนที่ไม่ได้”

ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการโพสต์ประกาศการเสียชีวิตปลอม ๆ ของเธอ ไม่มีการโพสต์ในบัญชีอินสตาแกรมของ ลิล เทย์ มาตั้งแต่ปี 2018

สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา มอบบ้านโครงการปรับปรุงซ่อมแชมบ้าน เฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปีงบประมาณ 2566

วันที่ 11 สิงหาคม 2566 ณ บ้านเลขที่ 89/2 ม.2 ต.บางผึ้ง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นาย ขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานมอบบ้านโครงการปรับปรุงซ่อมแชมบ้าน เฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมด้วย นางสาวกมลชญา ประเสริฐสิน นายอำเภอบางปะกง คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี 

ตามที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จัดทำโครงการก่อสร้างบ้าน/ปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน เฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปีงบประมาณ 2566 เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566โดยการก่อสร้างบ้าน ให้แก่นายประจวบ เทศเจริญ ผู้ที่มีฐานะยากจน และเป็นคนดีของสังคม ที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ รวมทั้งการพิจารณาจากคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทราในการลงพื้นที่ตรวจประเมินถึงความเหมาะสม และผ่านกระบวนการพิจารณาหลายขั้นตอนเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความเหมาะสมในการก่อสร้างบ้านกาชาด โดยเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทราได้สนับสนุนงบประมาณเป็นค่าวัสดุในการก่อสร้างบ้านกาชาด หลังละ 230,000 บาท ให้แก่ครอบครัวที่มีฐานะยากจนและเป็นคนดีของสังคมในทุกอำเภอ เหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทราได้บูรณาการร่วมกับอำเภอบางปะกง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ประชาชนจิตอาสา จากทุกภาคส่วนร่วมกันจึงสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้เสริมสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน

ทั้งนี้ นิคมอุสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ จึงได้ร่วมมอบน้ำดื่ม จำนวน 10 แพ็ค หน้ากาอนามัย จำนวน 500 ชิ้น ข้าวสาร 5 กิโลกรัม จำนวน 5 ถุง ให้แก่นายประจวบ เทศเจริญ ผู้ที่มีฐานะยากจน และเป็นคนดีของสังคม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัย พัฒนา ส่งเสริมคุณภาพชีวิต

‘ชีวมวลอัดเม็ด’ จากเศษพืช - ตอซังข้าวโพด ตอบโจทย์ลดเผาป่า ฟื้นเชียงใหม่จากฝุ่นพิษ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ได้เผชิญปัญหามลพิษทางอากาศอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ที่ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลเสียต่อทั้งเศรษฐกิจและสุขภาพของคนในพื้นที่

อย่างที่ทราบกันดีว่าภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ทะยานขึ้นติดอันดับต้น ๆ เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดของโลกอย่างต่อเนื่องทุกปี ในช่วงหน้าแล้ง แม้ว่าทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน จะร่วมกันแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ปัญหาคลี่คลายได้ และปัญหาจะวนกลับมาเป็นวัฏจักรทุกปี

อย่างไรก็ดี ปัญหาดังกล่าวอาจจะได้รับการแก้ไขได้อย่างยั่งยืน หลังจากเกิดความร่วมมือของภาคีเครือข่ายภาครัฐ และเอกชน กว่า 50 องค์กร ดำเนินโครงการที่เรียกว่า ‘หยุดเผา เรารับซื้อ’ เพื่อลดการเผาป่าและตอซังข้าวโพด ซึ่งเป็นต้นตอหลักของปัญหาดังกล่าว

ผศ.วีระชัย ลิ้มพรชัยเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวมวล และ Black Pellets ที่ปรึกษาโครงการบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับซื้อตอซังข้าวโพด เพื่อนำไปผลิตเป็นชีวมวลอัดเม็ด กล่าวว่า ปัญหา PM2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกมาแล้ว อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างรุนแรง ส่วนหนึ่งเกิดจากฝุ่นควันไฟป่า และการเผาป่าทำการเกษตร จึงเกิดการร่วมแรงร่วมใจภาคีเครือข่ายเชียงใหม่ร่วมใจ ขจัด PM2.5 และลดโลกร้อน ในโครงการ หยุดเผา เรารับซื้อ 

ทั้งนี้ ทางชีวมวลอัดเม็ดจอมทอง จะนำองค์ความรู้จากประสบการณ์การผลิตชีวมวลอัดเม็ดกว่า 12 ปี เข้ามาร่วมแก้ปัญหา PM2.5 โดยเริ่มจากตัวเชียงใหม่ ที่ถือว่าเป็นจังหวัดที่เผชิญกับปัญหาดังกล่าวหนักที่สุด

โดยรูปแบบการดำเนินโครงการนั้น ทางชีวมวลอัดเม็ดจอมทอง จะรับซื้อเศษตอซังข้าวโพดและเศษฟางข้าว เพื่อนำมาผ่านกรรมวิธีอัดเม็ด จากนั้นนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อไป

“ปัญหาการเผาป่านั้น เกิดจากคนมักจะนำไม้ไปเป็นเชื้อเพลิงอย่างเดียว ส่วนเศษตอซังข้าวโพด ฟางข้าว หรือแม้กระทั่งพวกใบอ้อยต่าง ๆ จะไม่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเพราะมีความหนาแน่นไม่มากพอและมีความชื้นสูง ดังนั้น วิธีที่จะจัดการกับเศษพืชที่ง่ายสุดคือการเผา จึงทําให้ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาต้องเริ่มกิจกรรมการเพาะปลูกใหม่ จึงเกิดการเผาป่ากันเป็นวงกว้าง สุดท้ายปัญหาที่ตามมาก็คือฝุ่นควัน PM2.5 อย่างที่เราเห็นกันทุก ๆ ปี”

สำหรับ โครงการหยุดเผา เรารับซื้อ เชื่อว่าจะเข้ามามีส่วนช่วยให้เกษตรกรลดการเผาป่าน้อยลง เพราะสามารถนำเศษตอซังข้าวโพดและเศษพืชอื่น ๆ มาขายเข้าโครงการ เป็นการเพิ่มรายได้จากเศษซากพืชที่เหลือใช้ให้กับเกษตรกรได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรวบรวมชีวมวลเพื่อนำไปสู่กระบวนการผลิตที่โรงงานจอมทองนั้น จะต้องเปิดจุดรับซื้อเพิ่มขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้านหรือเกษตรกรที่จะนำมาขาย เพราะหากว่าจุดรับซื้ออยู่ระยะไกลมาเกินไปจะไม่คุ้มกับค่าขนส่ง และจะไม่มีแรงจูงใจให้รวบรวมเศษตอซังมาขาย ดังนั้น ในเบื้องต้นได้เปิดจุดรับซื้อทั้งหมด 6 จุดในรัศมี 50 กิโลเมตรรอบ ๆ โรงงานที่จอมทอง และในอนาคตจะกระจายจุดรับซื้อเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงได้มากขึ้น

‘สมยศ’ ข้าวต้มรอบดึก กวาดรางวัลมาแล้ว 3 ปีซ้อน เปิดยาวยันตี 3 ของเด็ดต้องโดน โซนโชคชัย 4

คุณกำลังหิวอยู่ใช่ไหม ? 
THE STATES TIMES ขอแนะนำร้านนี้

สมยศ ข้าวต้มรอบดึก ร้านเด็ดปิดดึก ขวัญใจชาวโชคชัย 4 ดีกรีมิชลินไกด์ 3 ปีซ้อน คนแน่นมาก ถึงขนาดต้องแจกบัตรคิว ใครโมโหหิว แนะนำให้ส่งเพื่อนไปจองโต๊ะก่อน เปิดมายาวนานกว่า 20 ปี เฮียเจ้าของร้านใจดี เดินทักทายสวัสดีทุกโต๊ะ ถ้าเห็นชุดเสื้อทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล เดินอยู่เต็มร้าน ไม่ต้องตกใจ นั่นพนักงานเสิร์ฟ ไม่ใช่นักบอล เฮียเจ้าของร้านแฟนหงส์แดง เลยจัดให้เป็นเครื่องแบบของพนักงาน แม้ไม่ได้บินไปดูลิเวอร์พูล เตะที่สนามแอนฟิลด์ แต่มากินที่ร้านนี้ก็ได้ฟิลเหมือนกัน เพราะที่นี่มีทีวีเยอะมาก ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของร้าน จะหันหน้าไปทางองศาไหน ร้านนี้เขาก็จัดทีวีจอใหญ่วางไว้ให้ทุกมุม เฮได้พร้อมกันทั้งร้าน

ตัดภาพมาที่อาหาร ร้านนี้บอกเลย มีให้เลือกทานกว่า 200 เมนู เมนูที่ต้องลอง ออส่วน, ยำปลาดุกฟู, ต้มยำกุ้ง, คะน้าปลาเค็ม และซุปเปอร์ จุดเด่นอยู่ที่รสชาติจัดจ้าน อร่อยอย่างแรง แต่ราคาไม่แพง ปริมาณให้เยอะมาก ย้ำ!! หิวดึกห้ามพลาดเด็ดขาดที่ร้านนี้ 

ที่จอดรถอยู่ในซอยข้างหลังร้าน มีพนักงานโบกให้ดูแลอย่างดี ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ถนนสตรีวิทยา 2 อยู่ใกล้ๆ กับสตรีวิทยา 2 ซอย 30 ถ้ามาไม่ถูกลองเข้าไปเสิร์ชที่ Google ได้เลย "สมยศ ข้าวต้มรอบดึก" ขึ้นแน่นอน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 16.00 - 03.00 น. สามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 085-224-4617

พิกัดร้านสมยศ ข้าวต้มรอบดึก
https://maps.app.goo.gl/nrkTWvFxuFUYsfnJ6?g_st=ic

ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจเดินทางไปชิม
• ยำปลาดุกฟู (ราคา 140 บาท)
• กุ้งแช่น้ำปลา (ราคา 120 บาท)
• หมูกรอบแม็กกี้ (ราคา 120 บาท)
• ซุปเปอร์ (ราคาถ้วย 110 บาท / หม้อไฟ 220 บาท)
• ต้มยำกุ้ง (ราคาถ้วย 130 บาท / หม้อไฟ 260 บาท)
• คะน้าปลาเค็ม (ราคา 95 บาท)
• ปลากะพงทอดน้ำปลา (ราคา 320 บาท)
• ออส่วนกระทะร้อน (ราคา 140 บาท)

เรื่อง : กันย์ ฉันทภิญญา Content Manager


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top