Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

‘คิมเบอร์ลี่’ จัดปาร์ตี้สละโสดแบบเก๋ๆ ก่อนเข้าพิธี 14 ก.ย.นี้ ส่วนแก๊งเพื่อนเจ้าสาวก็ไม่น้อยหน้า!! สวยปังกันทุกคน

(10 ส.ค.66) เป็นว่าที่เจ้าสาว ที่สวยที่สุด โชคดีที่สุด จนสาวๆ ทั้งประเทศหลายคนพากันอิจฉา สำหรับนางเอกสาว ‘คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส’ ที่มีแพลนแต่งงานกับแฟนหนุ่ม พระเอกดัง ‘หมาก ปริญ’ ในวันที่ 14 กันยายน 2566 ที่ประเทศอิตาลี โดยล่าสุดว่าที่เจ้าสาวได้รวมแก๊งเพื่อนๆ ดาราเซเลบอย่าง ญาญ่า อุรัสยา , มาร์กี้ ราศรี , โบว์ เบญจวรรณ และเพื่อนนอกวงการ จัดปาร์ตี้สละโสดแบบสวยเก๋ 

ซึ่ง ‘คิมเบอร์ลี่’ ได้โพสต์ภาพบรรยากาศ งานปาร์ตี้สละโสด ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมเขียนข้อความว่า "My girls threw me the most awesome bachelorette party ever!! I love you all sooo f*ing much!! #kimberleysbachelorette" ท่ามกลางแฟนคลับที่เข้ามาส่องความสวยออร่าของว่าที่เจ้าสาว และความสวยของเพื่อนเจ้าสาว

สำหรับ ‘คิมเบอร์ลี่’ กับ ‘หมาก ปริญ’ ก่อนหน้านี้เพิ่งอัปเดตงานแต่งกับสื่อมวลชนว่า งานที่อิตาลีคืบหน้า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว อีก 10 เปอร์เซ็นต์ ก็อยู่ที่ดอกไม้เพราะที่โน่นราคาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้บานปลายมาก (หัวเราะ) ถ้าเกินงบต้องตัดอะไรบางอย่างออก แค่แต่งที่นี่ก็เกินฝันแล้ว เราคิดว่าได้แต่งกับคนที่เรารัก ก็แฮปปี้แล้ว พร้อมบอกลุ้นเรือนหอเสร็จภายใน 20 สิงหาคม

‘SME D Bank’ เดินหน้าเติมทุนคู่พัฒนาวงการแฟรนไชส์ไทย อัดงบ 400 ลบ. ผุดสินเชื่อซื้อแฟรนไชส์ นำร่อง ‘Inthanin-Otteri’

‘SME D Bank’ ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เดินหน้าส่งเสริมวงการธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ วงเงิน 400 ลบ. เพื่อใช้ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานโดดเด่น นำร่อง 2 แบรนด์ดัง ได้แก่ร้านกาแฟ ‘Inthanin’ และร้านสะดวกซัก ‘Otteri’ ควบคู่จัดโปรแกรมเสริมศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สร้างมาตรฐานแฟรนไชส์ และต่อยอดกิจการด้วยโมเดลแฟรนไชส์  

(10 ส.ค. 66) นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมและขยายตัวต่อเนื่อง มีส่วนสำคัญช่วยสร้างโอกาสผู้ประกอบการรายใหม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือผู้มีธุรกิจอยู่แล้วได้ต่อยอดธุรกิจด้วยโมเดลขายแฟรนไชส์ เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้น SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย จึงเปิดตัวโครงการสนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซี : Franchisee) และผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์ : Franchisor) เข้าถึงบริการด้าน ‘การเงิน’ ควบคู่ด้าน ‘การพัฒนา’

สำหรับด้าน ‘การเงิน’ เปิดตัว ‘สินเชื่อแฟรนไชส์’ เพื่อเป็นเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการไปซื้อแฟรนไชส์ที่ผ่านความร่วมมือกับ SME D Bank เบื้องต้นนำร่องจับมือ 2 แฟรนไชส์ซอร์ชื่อดัง ได้แก่ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ ‘ร้านกาแฟอินทนิล’ (Inthanin Coffee) และบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก ‘อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย’ (Otteri wash & dry) โดยเมื่อผู้ประกอบการที่ไปติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ ‘Inthanin’ หรือ ‘Otteri’ และผ่านการพิจารณาของแฟรนไชส์ซอร์แล้ว สามารถขอสินเชื่อจาก SME D Bank เพื่อใช้ลงทุนได้ โดยมีวงเงินเตรียมไว้บริการรวม 400 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR -1% (ประมาณ 6.5%ต่อปี) วงเงินกู้ได้สูงสุดถึง 80% ของมูลค่าการลงทุน ระยะเวลากู้ยืมสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 6 เดือน เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 67 หรือจนกว่าจะหมดวงเงินโครงการ แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน

ส่วนด้าน ‘การพัฒนา’ เดินหน้าปั้นแฟรนไชส์ซี ควบคู่ส่งเสริมแฟรนไชส์ซอร์ ตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น หลักสูตร ADVANCED CMF ติวเข้ม 5 วันเต็ม ภายในเดือน ส.ค. และ ก.ย. 66 มอบความรู้ด้านกลยุทธ์เขียนแผนธุรกิจเข้าถึงแหล่งทุน และการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ จัด ณ อาคาร SME Bank Tower 

อีกทั้ง ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จัดโปรแกรมเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำโมเดลแฟรนไชส์ไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ และยกระดับมาตรฐานแก่แฟรนไชส์ซอร์ เช่น ด้านกฎหมาย ภาษี มาตรฐานของสถานประกอบการ และเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น 

ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแจ้งความประสงค์รับบริการ ‘สินเชื่อแฟรนไชส์’ และงานพัฒนาได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ www.smebank.co.th, LINE Official Account : SME Development Bank เป็นต้น รวมถึงสาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

FBI ปลิดชีพ ‘ชายในมลรัฐยูทาห์’ ที่โพสต์ขู่ฆ่า ‘โจ ไบเดน’ ก่อนหน้าผู้นำสหรัฐฯ จะเยือนมลรัฐนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง

แม้สหรัฐอเมริกาจะไม่มี ม.112 แต่ FBI ก็ได้ยิง Craig Robertson ชายผู้ที่โพสต์คำข่มขู่ต่อประธานาธิบดี Joe Biden และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ทางออนไลน์อย่างรุนแรง จนเสียชีวิต

(10 ส.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก 'ดร.โญ มีเรื่องเล่า' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

Craig Robertson ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการบุกของ FBI เมื่อวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2023

โดยเจ้าหน้าที่พยายามออกหมายจับ Craig Robertson ที่บ้านของเขาในมลรัฐยูทาห์ ก่อนหน้าที่นาย Biden วางแผนจะเยือนมลรัฐนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง

การร้องเรียนทางอาญากล่าวว่า Robertson โพสต์คำขู่บน Facebook ต่อนาย Biden และอัยการที่ดำเนินคดีอาญากับ Donald Trump

ทั้งนี้ Robertson ได้โพสต์บน Facebook ระบุ... "ฉันได้ยินว่า Biden กำลังจะมาที่ยูทาห์ ฉันขุดชุด ghillie เก่าๆ (ชุดพรางสำหรับพลซุ่มยิง) ของฉันออกมา แล้วจะปัดฝุ่นออกจากปืนไรเฟิลซุ่มยิง M24 ของฉันด้วย"

เกี่ยวกับสาเหตุการยิง ทาง FBI ได้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม โดยการจู่โจมเพื่อจับกุม Craig Robertson เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นในเมืองโพรโวทางตอนใต้ของนครซอลต์เลคซิตีไปประมาณ 65 กม.

WeloveShopping อำลาสมรภูมิอีคอมเมิร์ซ แม้มีกำไร ปิดระบบหลังบ้านสำหรับพาร์ตเนอร์ภายใน 31 ส.ค.66

WeloveShopping อำลาสมรภูมิอีคอมเมิร์ซไทย ประกาศหยุดให้บริการทั้งหมด 31 ส.ค. 2566 แม้ผลประกอบการปีล่าสุดจะมีกลับมาทำกำไรได้ 57 ล้านบาท หลังขาดทุนต่อเนื่องหลายปี 

(10 ส.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนหน้าเว็บไซต์ Weloveshopping.com แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากบริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ได้ประกาศหยุดให้บริการเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2566 และปิดระบบหลังบ้านสำหรับพาร์ตเนอร์ภายใน 31 ส.ค. 2566

โดยระบุว่า "เรียนลูกค้า ร้านค้า และพาร์ตเนอร์ทุกท่าน บริษัท เอสเซนด์ คอมเมิร์ช จำกัด มีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า บริษัทมีความจำเป็นต้องยุติการให้บริการเว็บไซต์ weloveshopping.com ในวันที่ 30 มิถุนายน 2566"

"ลูกค้า ร้านค้า และพาร์ตเนอร์ทุกท่านสามารถซื้อขายสินค้าได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เวลา 23.59 นาฬิกา และยังคงสามารถใช้งานระบบบัญชีรวมถึงระบบร้านค้าได้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เวลา 23.59 นาฬิกา"

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก CredenData เปิดเผยว่า บริษัท เอสเซนด์ คอมเมิร์ช จำกัด จดทะเบียนในปี 2558 ด้วยทุน 5 ล้านบาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนในปี 2562 เป็น 1,410 ล้านบาท โดยตั้งแต่ปี 2558 มีผลประกอบการติดลบ จนกระทั่งในปี 2565 มีรายได้ 1,073, ล้านบาท กำไร 57 ล้านบาท 

สำหรับผลประกอบการตั้งแต่ปี 2558 มีดังนี้...

>> ปี 2558 รายได้ 473,597,785 ขาดทุน -284,275,428
>> ปี 2559 รายได้ 869,418,617 ขาดทุน -585,043,886
>> ปี 2560 รายได้ 152,027,737 ขาดทุน -357,162,904
>> ปี 2561 รายได้ 196,819,176 ขาดทุน -133,976,543
>> ปี 2562 รายได้ 522,823,092 ขาดทุน -57,017,274
>> ปี 2563 รายได้ 449,719,287 ขาดทุน -51,996,920
>> ปี 2564 รายได้ 556,206,019 ขาดทุน -88,117,671
>> ปี 2565 รายได้ 1,073,643,046 กำไร 57,793,449

สำหรับสมรภูมิอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันต้องยอมรับว่า มีความยากต่อรายเล็ก เนื่องจากแบรนด์ต่างๆ เริ่มมีช่องทางกระจายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มในการซื้อขายมากขึ้น 

ดังนั้น การที่อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มใดจะอยู่รอดต่อได้ หากไม่มีสายป่านหนาหรือทำการตลาดแรงๆ ต่อเนื่อง ก็จำเป็นต้องล่าสินค้าหรือบริการเฉพาะ (niche) ให้ได้เท่านั้น

'พปชร.' ลั่น!! พร้อมโหวตนายกฯ ให้ ‘เพื่อไทย’ แง้ม!! ชวนร่วม รบ. ก็รับ เป็นฝ่ายค้านก็ไม่ติด

(10 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนพรรคพลังประชารัฐในการโหวตนายกรัฐมนตรี ได้มีการทาบทามมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า ตั้งแต่ที่ไปหารือกับพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีการทาบทามอะไร แต่ในพรรคพลังประชารัฐได้หารือกันเห็นว่าประเทศจำเป็นต้องมีรัฐบาลเร่งด่วน เนื่องจากปัญหาหลาย ๆ อย่าง เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ประเทศควรมีรัฐบาล จึงเห็นว่าควรโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย โดยจะสนับสนุนทั้งพรรคไม่ขาดแม้แต่คนเดียว

“เราจะมาก็มาทั้งหมด จากที่ได้คุยกับพรรคเพื่อไทยคร่าว ๆ ได้หารือเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ ที่อยากจะผลักดันร่วมกันไม่จะเป็นเรื่องที่ดินสปก. ภัยแล้ง การเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึงการดำเนินการต่อในนโยบายบัตรประชารัฐ ถือว่าได้รับการสนับสนุน ที่สำคัญคือเราเคยทำงานกับพรรคเพื่อไทยมา ผมก็เคยเป็นเด็กเก่าพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นว่าจะทำได้ ผ่านวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดก่อนหน้านี้ในช่วงการโหวตแคนดิเดตนายกฯจากพรรคก้าวไกล ผมก็ได้รับการประสานจากทางพรรคก้าวไกลมาให้ช่วยโหวตได้หรือไม่ ผมว่าก็ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก วันนี้พวกเราพร้อมที่จะทำให้บ้านเมืองก้าวข้ามปัญหาเหล่านี้ไป” นายไผ่ กล่าว

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายไผ่ กล่าวว่า ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ การเข้าร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องเล็ก ขอให้ผ่านตรงนี้ไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน ถ้าพรรคเพื่อไทยทำได้ดีก็ว่าไป ถ้าเรามีโอกาสเราก็พร้อมทำเต็มที่ แต่ถ้าไม่มีโอกาสเราก็พร้อมตรวจสอบเต็มที่

เมื่อถามว่าเงื่อนไขพรรค 2 ลุง ที่กำลังเป็นปัญหาสำหรับพรรคเพื่อไทย จะเป็นประเด็นหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า เรายังไม่ได้คุยถึงการร่วมรัฐบาลเลย เราพูดถึงนโยบาย พรรคตนก็สนับสนุนอยู่แล้ว มีลุงไม่มีแล้ง ยืนยันว่าไม่มีการตกลงร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เราจะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน 

เมื่อถามว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทราบหรือยินยอมแล้วหรือไม่ว่าจะโหวตนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทย นายไผ่ กล่าวว่า ตนว่าเราคุยเรื่องนโยบายกันดีกว่า การให้สัมภาษณ์ของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็บอกแล้วว่าพร้อมนำนโยบายของแต่ละพรรคมาทำตนก็เห็นว่าเป็นข้อดี เพราะหากเว้นไป 10 เดือนเราไม่มีรัฐบาล สู้มีรัฐบาลไป 10 เดือนแล้วค่อยว่ากันดีกว่าหรือไม่

เมื่อถามว่าการโหวตให้พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ไม่มีข้อแม้ ข้อเสนออะไรทั้งสิ้น เมื่อถามย้ำว่ามีการแจ้งไปยังพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ไม่ต้องแจ้ง เราก็ออกมาเต็มที่

เมื่อถามว่า จะโหวตให้ทั้ง 40 คนเลยใช่หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า พวกเราไปกันทั้งหมด ถามย้ำว่า ไปกันทั้งหมดถือเป็นมติพรรคหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า วันนี้เป็นจุดยืน ถ้าเป็นมติมันเป็นทางการที่ต้องมาแถลง แต่วันนี้เราคุยกันแล้วว่าจะสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เผลอ ๆ จะไปหาเสียงให้ด้วย

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้อะไร นายไผ่ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายหลายอย่างที่ได้ทำ และนโยบายที่ไปพูดกับชาวบ้านแล้ว กำแพงเพชรเราได้ สส.ยกจังหวัด ชาวบ้านคาดหวัง เราต้องทำตามที่พูด ประเทศจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะพรรคเพื่อไทยพูดเองว่าถ้าได้จัดตั้งรัฐบาล นโยบายดี ๆ  หลายอย่างจะทำให้สำเร็จ

เมื่อถามว่า หากโหวตให้มีเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลภายหลังหรือไม่ นายไผ่ กล่าวยืนยันว่า เรายังไม่ได้คุยกันเลย สิ่งจำเป็นตอนนี้คือต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน 

เมื่อถามว่า หากพรรคพลังประชารัฐโหวตให้ แต่ต้องไปเป็นฝ่ายค้านก็รับได้ใช่หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า อย่างไรก็ได้ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร จะโหวตให้ด้วยหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า เรามาทุกคน

เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าสุดท้ายจะโดนพรรคเพื่อไทยหลอก นายไผ่ กล่าวว่า เราไม่ได้โดนหลอก เราไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง ส่วนถ้าพรรคเพื่อไทยจะทาบทามร่วมรัฐบาล เราก็พร้อมเต็มที่ เพราะเราเป็นรัฐบาลมาแล้ว หากช่วยประเทศตรงไหนได้เราก็พร้อม

ผบ.ตร.และสมาคมแม่บ้านตำรวจ มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจที่มีบุตรเป็นเด็กพิเศษ ตามโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน”  

วันนี้ (10 ส.ค. 66) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานมอบความช่วยเหลือ ครอบครัวข้าราชการตำรวจที่มีบุตรเป็นเด็กพิเศษ ตามโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” เพื่อสร้างอาชีพเพื่อเด็กพิเศษอย่างยั่งยืน ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2566 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีคุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. และคณะผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ  ร่วมพิธี 

การดำเนินโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” เพื่อสร้างอาชีพเพื่อเด็กพิเศษอย่างยั่งยืน ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2566 เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการตำรวจของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตามนโยบายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ให้ความสำคัญด้านสวัสดิการกำลังพล ซึ่งสมาคมแม่บ้านตำรวจได้ดำเนินโครงการนี้ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 แล้ว  มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัวตำรวจที่มีบุตรเป็นเด็กพิเศษ โดยส่งเสริมให้เด็กพิเศษได้ประกอบอาชีพที่มีรายได้ประจำ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ โดยในการดำเนินโครงการ ได้มอบหมาย คุณลภัทธิตา จินตกานนท์ กรรมการบริหารสมาคม เป็นที่ปรึกษาโครงการ และได้รับความร่วมมือจากประธานชมรมแม่บ้านตำรวจแต่ละกองบัญชาการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีกองบัญชาการที่มีครอบครัวตำรวจเข้าร่วมโครงการ 18 กองบัญชาการ จำนวน 491 ครอบครัว รวมเงินทุนสนับสนุน เป็นจำนวนเงิน 5,888,700 บาท

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือ ได้แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ 1.สนับสนุนการหาอาชีพที่เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพ และความสามารถของเด็ก โดยให้เด็กพิเศษที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีความพร้อม สามารถเข้าทำงานกับบริษัทเอกชน ส่วนราชการในพื้นที่ รวมถึงการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน จำนวน 10 ราย  และ 2.สนับสนุนเงินทุน และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการชีวิตประจำวัน เช่น รถเข็นไฟฟ้าแบบปรับเอน ที่นอน กางเกงผ้าอ้อม เครื่องปั่นอาหาร นมผงและของจำเป็นอื่นๆ จำนวน 481 ราย ซึ่งสมาคมแม่บ้านตำรวจได้รับการสนับสนุนจากบริษัท บลูบ๊อกซ์ อิเล็คทริค จำกัด , บริษัท ปริ๊นเซสบรา จำกัด , บริษัท เกรียงไกรวัฒนา อินเตอร์เทรด จำกัด ,บริษัท อริยะ อีควิปเม้นท์ จำกัด , บริษัท อิมแพ็ค คลีนนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัดบริษัท สุภาภรณ์ พลาสติก จำกัด ,บริษัท อาหารสยาม(2513)จำกัด , วัดบางพลีใหญ่กลาง และสถานีตำรวจภูธรทับปุด จังหวัดพังงา ที่เห็นความสำคัญของโครงการ และ มอบโอกาส ที่มีคุณค่า ให้เด็กๆ ได้มีงานทำ  มีเงินเดือนประจำ มีความสุข และมีความภาคภูมิใจในตัวเอง 

ทั้งนี้ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวว่า โครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” เพื่อสร้างอาชีพเพื่อเด็กพิเศษอย่างยั่งยืน ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้ริเริ่มโดยคุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ อดีตนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้เล็งเห็นปัญหาของครอบครัวข้าราชการตำรวจที่มีบุตรเป็นเด็กพิเศษ และเริ่มวางแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งตนในฐานะนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ จึงได้ต่อยอดโครงการนี้ โดยขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมมากขึ้น และจะพยายามผลักดันให้เป็นโครงการที่ยั่งยืนของสมาคมแม่บ้านตำรวจต่อไป 

ด้าน ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยินดีสนับสนุนโครงการดังกล่าวของสมาคมแม่บ้านตำรวจ และได้มอบให้ตำรวจภูธรแต่ละจังหวัดสำรวจและเยี่ยมเยียน เพื่อรับรู้ปัญหา และหาแนวทางช่วยเหลือ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจมีขวัญและกำลังใจการทำงานมากขึ้น 

‘แน็ก ชาลี’ ประกาศแบบแมนๆ รับคบ ‘เก๋ไก๋’ ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้ลงรูปคู่ เพราะไม่ผ่านคิวซี

(10 ส.ค.66) แฟนๆ ลุ้นกันมานานกับ ‘แน็ก ชาลี’ หลังเห็นโมเมนต์ความสนิทสนมของทั้งคู่ ล่าสุดหนุ่ม ‘แน็ก ชาลี’ ไลฟ์สดขายของ แล้วเจอแฟนคลับถามเรื่องความสัมพันธ์กับ ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ ยูทูบเบอร์สาวคนดัง เจ้าตัวก็ตอบแมนๆ พร้อมทั้งมีอาการเขินอยู่ตลอดด้วยว่า…

ถึงเราจะไม่ได้ตกลงสถานะ แต่สำหรับผมก็คือไม่ได้โสดแล้ว สภาพผมพูดตามจริง ผมขอไป 400 รอบแล้ว สำหรับผมมันเลย… ผมเป็นคนที่ไม่หวานๆ หวือหวามาก และไม่ใช่เป็นคนตลกด้วย ผมเป็นคนจริงจังกับชีวิต สำหรับผมมันเกินคำพวกนั้นแล้ว ผมไม่ลงอะไรรูปมุ้งมิ้งบ่อย ไม่ว่ากันนะ ไม่ใช่สไตล์ผม ผมเป็นคนเคร่งเครียด ผมแก่แล้ว

ผมบ่นตรงๆ ผมจะลงรูปคู่ตั้งกี่ครั้งแล้ว ไปถามเขาเอง เขาบอกรูปเขาหน้าตาไม่สวย ผมเลยไม่ได้ลง ทั้งที่มีรูปประมาณ 4,000 รูป ผมพูดตรงๆ ไม่มีอะไรปกปิด ปิดกั้นอะไรทั้งสิ้น ผมไม่คลั่งหรอก ผมอายุ 30 แล้ว เลยจุดมุ้งมิ้งแล้ว

‘แน็ก ชาลี’ พูดไปเขินไป บอกทุกอย่างต้องใช้เวลา ผมไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง ชอบลงๆ ลบๆ หลายรอบ บล็อกๆ ปลดๆ นี่ผมไม่ได้บ่น ผมอายผู้จัดการผมนะ ผมบอกไว้ก่อนผมไม่เคยมาบล็อกหรืออะไร ผมโตแล้ว ผมอายุ 30 แล้วผมเขิน แต่ไม่เป็นไรน้องเขาก็น่ารักอยู่ เป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก (ทำท่ากัดฟันพูด) หยอกๆ น้องเขาชอบปลดๆ บล็อกๆ ปีหนึ่งจะติดตามกัน 2 ที มันเป็นสไตล์เขานะ แต่ที่เราคล้ายกันอยู่คือ คุยกันไม่รู้เรื่อง นั่นแหละไม่รู้จะพูดยังไง น้องเขาร้องเพลงเก่ง ทำอะไรเก่งหลายๆ อย่าง แต่พูดไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ค่อยๆ ดูกันไปก่อน

ด้านแฟนๆ ต่างเข้ามาคอมเมนต์เชียร์หนักแถมเอ็นดูหนุ่มแน็กกันรัวๆ อาทิ ความรักมันไม่มีเหตุผลนะ ใช้หัวใจคุยกันแทน เชียร์มากกก, คนดูเขินหนักมากกค่าา, บ่นแต่ชมน้องว่าน่ารัก เป็นต้น

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ห่วงใยประชาชน ขับเคลื่อนโครงการ “สุภาพบุรุษจราจร  ประชาชนสัญจรปลอดภัย” มุ่งลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตบนท้องถนน สร้างตำรวจจราจรมืออาชีพ มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจนลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนและสังคม จึงได้จัดทำโครงการ “สุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศจร.ตร.) ขับเคลื่อน เร่งรัดและติดตามประเมินผลโครงการฯ ให้บรรลุผลสำเร็จ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า การดำเนินโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในแต่ละพื้นที่ ตามเป้าหมายของสถิติการเกิดอุบัติเหตุ โดยต้องสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่า 10 คนต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสามารถลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลต่างๆตามเป้าหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในสายงานจราจร ให้มีความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายจราจร ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ  มีทักษะในการปฏิบัติงานด้านการจราจรที่สูงขึ้น เช่น การอำนวยการจราจรบนถนน การควบคุมสัญญาณไฟ การตั้งจุดตรวจ รวมถึงสามารถสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างแท้จริง ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน ภาคีเครือข่ายกับข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติ เกิดความร่วมมือจากประชาชน เสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจและหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่สายงานจราจร โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนโครงการฯ โดยสุภาพบุรุษจราจรจะต้องปฏิบัติตามหลัก 5S ได้แก่ SMILE คือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส SMART คือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยบุคลิกภาพที่ดีและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย SALUTE คือ การปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพและให้เกียรติ SERVICE MIND คือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตใจของการให้บริการที่ดี และ STANDARD คือ ยกระดับในการปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานเดียวกัน โดยห้วง ต.ค.65 - ปัจจุบัน หน่วย บช.น., ภ.1 - 9 
และ บก.ทล. ได้เร่งรัดดำเนินกิจกรรมโครงการ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย ในพื้นที่ของหน่วย โดยเฉลี่ย กว่า 1,500 กิจกรรมโครงการต่อหน่วย ซึ่งได้รับความร่วมมือและการตอบรับจากประชาชนและสังคมเป็นอย่างดีและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ให้มาร่วมกิจกรรมและตรวจประเมินโครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย ของตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีผลการลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในพื้นที่เป็นที่น่าพอใจ โดยในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา ในระหว่างดำเนินโครงการฯ มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จำนวน 1,636 คน เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง ซึ่งมีจำนวน 1,904 คน สามารถลดลงได้ 268 คน (ลดลง 14.08%) และได้ดำเนินกิจกรรมโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ภายใต้ความเหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์และการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่แต่ละจังหวัด ดังนี้ 1)ภ.จว.สมุทรปราการ โครงการชนท้าย ตายอย่างเดียว 2)ภ.จว.นนทบุรี โครงการลดจุดเสี่ยง เลี่ยงอุบัติเหตุ 3)ภ.จว.ปทุมธานี โครงการโรงงานห่วงใย พนักงานขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100 % 4)ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา โครงการรู้สาเหตุ ลดจุดเสี่ยง เลี่ยงการตาย 5)ภ.จว.อ่างทอง โครงการจ่าเฉย All New 6)ภ.จว.สิงห์บุรี โครงการ สิงห์บุรีปลอดภัย มั่นใจ ทุกเส้นทาง 7)ภ.จว.ชัยนาท โครงการลดแรง ลดเร็ว ลดตาย 8)ภ.จว.ลพบุรี โครงการรณรงค์เยาวชนขับขี่ปลอดภัย 9)ภ.จว.สระบุรี โครงการจราจรไร้รอยต่อ : การบริหารควบคุมสั่งการจราจรโดยใช้ระบบเทคโนโลยี โดยทุกโครงการสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุผลเป็นรูปธรรมและเป็นที่ประจักษ์ ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการอย่างสูงสุด
 
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าการดำเนินโครงการดังกล่าว จะประสบผลสำเร็จในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ประชาชนสามารถสัญจรอย่างปลอดภัย ป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจนการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน ทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นมาตรฐานสากล ภายใต้ความร่วมมือของประชาชนและสังคม ดังนั้นสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจทุกนาย จักต้องดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจริงจัง ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนและสังคมได้รับประโยชน์สูงสุด

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบประมาณกว่า 5.5 ล้านบาท ลงพื้นที่ซับน้ำตาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุโรงเก็บดอกไม้ไฟระเบิดบริเวณตลาดมูโนะ อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส 

ตามที่ได้เกิดเหตุโรงเก็บดอกไม้ไฟระเบิด บริเวณตลาดมูโนะ อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 เป็นเหตุให้มีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมาก

เมื่อวานนี้ (วันที่ 9 สิงหาคม 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมูลนิธิฯ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และแผนกบัญชี ฝ่ายบัญชีและการเงิน ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิต จำนวน 11 รายๆ ละ 20,000 บาท  มอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บ จำนวน 13 คนๆ ละ 5,000 บาท  และมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย จำนวน 570 ครอบครัว 1,766 คนๆ ละ 3,000 บาท  รวมงบประมาณการช่วยเหลือเป็นเงินทั้งสิ้น 5,583,000 บาท (ห้าล้านห้าแสนแปดหมื่นสามพันบาทถ้วน) พร้อมกันนี้ มูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัย 14 จังหวัดภาคใต้ ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 5,000 บาท มอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บคนละ 2,000 บาท  และมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัยคนละ 1,000 บาท  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,847,000 บาท (หนึ่งล้านแปดแสนสี่หมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน)  โดยมี นายปรีชา นวลน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัย 14 จังหวัดภาคใต้  เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ รวมทั้ง อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ และนางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์  คณะมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ คณะมูลนิธิเซิ่งหมู่ธารน้ำใจ สุไหงโก-ลก มูลนิธิแม่กอเหนี่ยวยะลา และคณะมูลนิธิร่วมบำเพ็ญการกุศลปัตตานี (ท่งเต็กเซี่ยงตึ๊ง) ร่วมในพิธี  ณ โรงเรียนบ้านมูโนะ อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส

รวมงบประมาณการช่วยเหลือจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัย 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นเงินทั้งสิ้น 7,430,000 บาท (เจ็ดล้านสี่แสนสามหมื่นบาทถ้วน)

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจ และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งขอส่งกำลังใจแก่ผู้ประสบภัย ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้ ทั้งนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ร่วมบริจาค  ขอบุญกุศลนี้ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรงตลอดไป

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 ช่วยจริง อุ่นใจ แม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘ไบเดน’ สั่งคุมเข้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีมะกันในแดนมังกร หวังสกัดขีดความสามารถจีน หวั่น!! กระทบความมั่นคงสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ออกคำสั่งของฝ่ายผู้บริหารมุ่งจำกัดการลงทุนของชาวอเมริกันในเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีความละเอียดอ่อนในจีน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าอาจทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกต้องเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น

การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นที่คาดการณ์กันมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะให้มีผลบังคับใช้ในปีหน้า โดยพุ่งเป้าไปที่เซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีหลัก

ไบเดนระบุในจดหมายที่ส่งถึงผู้นำสภาคองเกรสในคำสั่งของฝ่ายบริหารว่า ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการเปิดการลงทุนเป็นรากฐานสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจของเรา และมันมอบผลประโยชน์มากมายให้กับสหรัฐฯ

“อย่างไรก็ตาม การลงทุนบางอย่างของสหรัฐฯ อาจเร่งและเพิ่มความสำเร็จของการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความละเอียดอ่อน และการผลิตในประเทศที่พัฒนามันขึ้นมา เพื่อต่อต้านขีดความสามารถของสหรัฐและพันธมิตร” ไบเดนระบุ

ตามรายละเอียดที่เผยแพร่โดยกระทรวงการคลังสหรัฐ คำสั่งผู้บริหารดังกล่าวจะห้ามไม่ให้เอกชนรายใหม่ เงินร่วมทุน และการลงทุนร่วมในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัมบางประเภทในจีน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า โครงการลงทุนนอกประเทศจะต้องเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญในชุดเครื่องมือด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ สิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือแนวทางที่แคบแต่รอบคอบ ในขณะที่เรากำลังพยายามป้องกันไม่ให้จีนดั๊บและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุด เพื่อส่งเสริมความทันสมัยทางทหารและบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาในรายละเอียดของข้อกำหนดเพื่อการแจ้งเตือนสำหรับการลงทุนของสหรัฐในบริษัทของจีนที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ทีมีขั้นไม่สูงนัก รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับเอไอบางประเภท แต่คาดว่าจะมีข้อยกเว้นสำหรับการลงทุนในสหรัฐบางอย่าง ในหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสาธารณะและการโอนจากบริษัทแม่ในสหรัฐไปยังบริษัทย่อย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top