Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

‘สรรเพชญ’ กระทุ้ง ‘กสทช.’ ควรทำงาน ‘จริงจัง-เต็มความสามารถ’ หลัง ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนัก-ซิมม้าสะพัด’ ปชช.เดือดร้อน

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 66 นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และรายงานการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปี 2563 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

นายสรรเพชญ กล่าวว่า “ข้อสังเกตรายงานการเงินของ กสทช. ที่เสนอมานี้ผมมีความเป็นห่วงต่อการดำเนินงานของ กสทช. เนื่องจากตามเอกสารที่ปรากฏตาม ข้อ 49 ของผู้ตรวจสอบบัญชีพบว่า กสทช. มีเรื่องข้อพิพาทและคดีความที่สำคัญที่สำนักงาน กสทช. เป็นผู้ยื่นฟ้อง จำนวนทุนทรัพย์รวมกว่า 4,700 ล้านบาท และที่สำนักงาน กสทช. เป็นผู้ถูกฟ้อง จำนวนทุนทรัพย์รวมกว่า 126,000 ล้านบาท ซึ่งข้อพิพาทเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่สำนักงาน กสทช. จะต้องเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งผลประโยชน์ของรัฐ เนื่องจากจำนวนทุนทรัพย์ทั้งสองกรณีนี้ เป็นจำนวนเงินที่มากและมีผลต่างกันที่มากพอสมควร จึงขอให้สำนักงาน กสทช. ได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และหวังว่าท่านจะทำงานอย่างเต็มความสามารถเพื่อพิทักษ์และรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของพี่น้องประชาชน”

นายสรรเพชญ กล่าวอีกว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการพิจารณา พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ซึ่งก็ได้มีการอภิปรายแสดงความเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของมิจฉาชีพออนไลน์หรือแก๊ง Call Center ที่กำลังระบาดและสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในขณะนี้ ในฐานะที่ กสทช. เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแล บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ในการออกหมายเลขโทรศัพท์ นายสรรเพชญฯ จึงได้ตั้งคำถามไปยัง กสทช. ในประเด็นต่าง ๆ 2 เรื่อง ได้แก่...

1. จากปัญหาการระบาดของแก๊ง Call Center ที่เกิดขึ้นท่านมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดผลกระทบ ความเสียหายของพี่น้องประชาชนอย่างไรบ้าง เพราะปัญหานี้มีการใช้ซิมม้า ที่ล่าสุดได้มีการจับกุมโดยตำรวจไซเบอร์กว่า 1 แสน 8 พันซิม เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย กสทช. เองก็มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมหรือจำกัดเลขหมาย ได้มีการกำหนดให้มีการพิสูจน์ตัวตนของเจ้าของซิมหรือไม่? รวมถึงปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตชายแดน หรือ Operator กสทช. มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร?

2. เป็นที่ทราบกันดีว่า สำนักงาน กสทช. เป็นองค์กรของรัฐที่ทำรายได้ให้รัฐมหาศาล เป็นเงินกว่าแสนล้านบาท ซึ่งการมีรายได้มหาศาลขนาดนี้ ประชาชนก็ตั้งความหวังไว้กับการทำงานของที่จะสามารถทำงานให้ตอบโจทย์กับความต้องการของประชาชน ในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยในประเด็นนี้ สส.สรรเพชญได้สอบถามถึงการเตรียมการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ทันกับยุคสมัยให้รอบคอบ รัดกุม และเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างไร? และจะมีแนวทางในการขยายโครงข่ายของสัญญาณอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานของพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศได้อย่างไรบ้าง?

อย่างไรก็ตาม นายสรรเพชญ หวังว่า กสทช. ในฐานะผู้มีอำนาจควบคุมและดูแลในเรื่องนี้จะทำได้แก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย เพื่อให้เกิดกระโยชน์สูงสุดต่อประชาชน 

'เหงียน' คิดใหญ่!! มุ่งสู่ 'ประเทศ ศก.ดิจิทัล-หลุดรายได้ปานกลาง' พา 'เวียดนาม' เป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2045 

รัฐบาลเวียดนาม เดินหน้า Road Map ยกระดับประเทศกำลังพัฒนารายได้ปานกลาง สู่ประเทศรายได้สูงที่ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งเป้าในการเป็นสังคมดิจิทัล 100% ภายในปี 2030 ที่จะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ Start-ups และผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีใหม่ และจะช่วยการยกระดับรายได้ประชาชนในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมดิจิทัลของเวียดนาม เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2020 ที่จะผลักดันภาคเศรษฐกิจดิจิทัลให้โตขึ้นจากเดิม 14% ของ GDP ให้ได้ถึง 20% ของ GDP ภายในปี 2025 โดยเชื่อว่า หากรัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างประเทศที่ขับเคลื่อนโดยเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จะสามารถพาเวียดนามขึ้นสู่ประเทศที่มีรายได้สูงในอีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า

ตัวเลขเหล่านี้ รัฐบาลเวียดนาม อ้างอิงจากการคาดการณ์ของ World Bank ที่กล่าวว่า หากภาคธุรกิจดิจิทัลโตได้ถึง 10% ในแต่ละปี ตั้งแต่ปีนี้ (2021) จะสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2045 ซึ่งเกือบเท่ากับ GDP ของเวียดนามในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเวียดนามจึงตัดสินใจปูพรมมุ่งสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัลรุ่นใหม่ สร้างศูนย์ฝึกอบรม Start-ups ในหลายเมือง อาทิ ฮานอย, ดานัง, โฮจิมินห์ ซิตี้ อัดฉีดงบประมาณเพื่อการศึกษา พัฒนา นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ ให้ได้ 1% ของ GDP

จึงเกิดปรากฏการณ์ธุรกิจดิจิทัลบูมอย่างมากในเวียดนาม จากตัวเลขผู้ประกอบการธุรกิจในเวียดนามตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา พบว่ามี Start-ups หน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และมีบริษัทด้านธุรกิจ IT ทั้งฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และ สร้างสรรค์คอนเทนต์ดิจิทัลเกือบ 14,000 บริษัท จากเดิมที่หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน ในเวียดนามแทบไม่มีธุรกิจประเภทนี้เลยในประเทศ

และตอนนี้เวียดนามกำลังเป็นประเทศที่น่าจับตาที่ดึงดูดนักลงทุนด้านธุรกิจดิจิทัลจากทั่วโลก โดยล่าสุดเวียดนามขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่มีการตกลงทำสัญญาในธุรกิจด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในอาเซียน และมีธุรกิจที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ หรือที่เรียกว่า 'ยูนิคอร์น' ถึง 4 บริษัท ได้แก่ VNG, VNPay, MoMo และ Sky Mavis

ถึงแม้รัฐบาลเวียดนามจะทุ่มเทอย่างเต็มที่สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล แต่ก็ยังมีอุปสรรคบางประการที่อาจทำให้เวียดนามไปไม่ถึงเป้า และยังเป็นจุดที่นักลงทุนกังวล คือ การปรับกรอบข้อกฎหมายใหม่ให้เข้ากับธุรกิจในยุคดิจิทัล เช่น การจัดเก็บภาษี การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การป้องกันฐานข้อมูลสำคัญ หรือการเข้าแทรกแซงของภาครัฐ อีกทั้งปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในประเทศที่มีทักษะในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในระดับสูง ที่จะรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบของประเทศ

แต่ก็นับว่าเวียดนามเป็นเสือซุ่มที่น่าจับตาในอาเซียน ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไกล และตั้งเป้าไว้สูงของรัฐบาลเวียดนามนั้น ทำให้ไทยเราต้องเร่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หากไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

จากรายการ 'เจาะข่าวตื้น' เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2556 โดยแขกรับเชิญ อ.วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ได้กล่าวไว้ว่า...

“ถ้าพรุ่งนี้มีคนสักหนึ่งพันคน ไปชุมนุมเพื่อจะต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเชื่อว่าหนึ่งพันคนนั้น ทำไม่สําเร็จหรอก แต่เขาได้แสดงออกแล้ว ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกหนึ่งพันล้านคน ที่ยังมีความเชื่อในแบบที่เขาอยากจะเชื่อ นี่คือความสวยงามของประชาธิปไตย แต่ถ้าเกิดเราไปกดหนึ่งพันคนนั้นไม่ให้ไปชุมนุมได้ คนหนึ่งพันก็จะเริ่มอึดอัด กลายเป็นหนึ่งหมื่น หนึ่งแสน หนึ่งล้าน ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ชอบสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เขาไม่ชอบให้คนอื่นมากด เขาไม่ชอบให้ใครมาบังคับความคิด ประเด็นอยู่ตรงนี้ อย่าทําให้สถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นควัน ทําให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ ล่องลอยเบาๆ สําคัญจนขาดไม่ได้”

เมื่อต่อข้อคำถาม ถ้าเกิดแก้ไปจะทําให้ลดความวิตกพวกนี้ลงไปได้ ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ก็บอกว่า แก้ไปเพื่อที่จะได้จาบจ้วงได้ง่ายมากขึ้นเหรอ? หรือว่าทําให้สถาบันฯ ดูแย่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นหรือเปล่า? “ผมว่าไม่จริงหรอกครับ เพราะว่าการเปิดการแก้กฎหมายเพื่อให้สังคมมีความสบายใจในการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น อาจจะมีคนออกมาชมสถาบันพระมหากษัตริย์มากยิ่งขึ้นก็ได้” อ.วีรพัฒน์ กล่าว

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://vt.tiktok.com/ZSLV68dXY/ 
 

'สมศักด์เจียม' โพสต์ 'ท่านอ้น' นัดกินข้าวคนในพรรคเพื่อไทย ด้าน 'ท่านอ้น' โพสต์แจง "ไม่เป็นความจริง ผมไม่ยุ่งการเมือง"

(10 ส.ค. 66) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ปัจจุบันลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

วันนี้ คุณอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์ มีนัดกินข้าวกับคนในพรรคเพื่อไทย บริเวณย่านสุขุมวิท

ด้านท่านอ้น วัชรเรศร วิวัชรวงศ์ เมื่อได้เห็นโพสต์ดังกล่าว ก็ได้เข้ามาโพสต์แจง ว่า...

"ต้องกราบขอโทษครับ ไม่เป็นความจริงเลย ผมไม่ยุ่งกับเรื่องการเมือง"

หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ ได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า "คุณอ้น วัชเรศร วิวัชรวงค์ ปฏิเสธครับ"

‘พาณิชย์’ เล็งส่งสินค้าสูตรโซเดียมต่ำตีตลาดญี่ปุ่น สอดรับนโยบาย รบ.ญี่ปุ่น รณรงค์ลดบริโภครสเค็ม

(10 ส.ค. 66) นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการติดตามสถานการณ์การค้าในต่างประเทศ ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาโดยต่อเนื่องนั้น ล่าสุดได้รับรายงานจากนายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถึงสถานการณ์สินค้าอาหารในญี่ปุ่น

โดยทูตพาณิชย์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ได้ตั้งเป้าปริมาณการบริโภคเกลือของประชากรอายุ 20 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 7.0 กรัมต่อวัน ในปี 2567 ซึ่งเป็นเป้าหมายภายใต้โครงการ ‘ญี่ปุ่นสุขภาพดี 21’ หลังจากการสำรวจสุขภาพและโภชนาการของประชาชน พบว่า คนญี่ปุ่นบริโภคเกลือเฉลี่ยวันละ 10 กรัม ซึ่งเป็นสองเท่าของปริมาณที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ โดยร้อยละ 70 ของการบริโภคเกลือของคนญี่ปุ่นมาจากเครื่องปรุง ไม่ว่าจะเป็น ซอสโชยุ เต้าเจี้ยวมิโซะ เกลือ ซุป ซอสต่างๆ ฯลฯ แหล่งการบริโภคเกลือของกลุ่มผู้บริโภคแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน เช่น กลุ่มผู้สูงอายุบริโภคเกลือจากผักดอง กลุ่มคนหนุ่มสาวบริโภคเกลือจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องแกงกะหรี่ ซึ่งเป็นสินค้าอาหารแปรรูป เป็นต้น จึงคาดการณ์ได้ว่า สินค้าอาหารแปรรูปลดเกลือมีแนวโน้มความต้องการของตลาดสูงขึ้นในอนาคต

ซึ่งการบริโภคเกลือปริมาณมากเกินไปยังเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญในด้านความยั่งยืนของระบบประกันสังคม ซึ่งคนญี่ปุ่นช่วงอายุ 40 - 59 ปี 1 ใน 3 คน และคนที่อายุมากกว่า 60 ปี 1 ใน 2 คนเป็นโรคความดันสูง

นอกจากนี้ ในอดีตคนญี่ปุ่นเป็นเส้นเลือดในสมองตีบหรืออุดตันจำนวนมาก โดยมีสาเหตุจากการบริโภคเกลือมากเกินไป ความอ้วน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการออกกำลังกาย ฯลฯ การแก้ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องร่วมมือกันแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐบาล ภาคเอกชน อาทิ ผู้ผลิตอาหาร ร้านอาหาร ฯลฯ ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตอาหารของญี่ปุ่นพยายามวิจัยและพัฒนาสินค้าอาหารลดเกลือภายใต้คอนเซปต์ ‘อร่อย สุขภาพดี สะดวก’ สินค้ามีความหลากหลายออกจำหน่ายมากขึ้น ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งมีชั้นวางสินค้าที่รวบรวมสินค้าเหล่านี้เอาไว้โดยเฉพาะ แสดงให้เห็นถึงความสนใจของผู้บริโภคต่อสินค้าเกลือต่ำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการบริโภคเกลือ

“ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกสินค้าอาหารสำคัญของญี่ปุ่น หากผู้ประกอบการไทยสามารถผลิตอาหารแปรรูปหรือวัตถุดิบที่ตรงกับความต้องการและแนวทางการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น ก็อาจได้รับความสนใจจากผู้ซื้อมากยิ่งขึ้นและเป็นโอกาสในการขยายตลาดและมูลค่าการส่งออกสู่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป” นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า ช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นแล้วมูลค่ากว่า 59,243 ล้านบาท 

‘วิลลาวิเซนซิโอ’ ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน.เอกวาดอร์ ถูกลอบยิงดับ ขณะลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 66 นายเฟร์นานโด วิลลาวิเซนซิโอ สมาชิกสภาแห่งชาติและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตระหว่างไปร่วมงานที่จัดขึ้นในเมืองตอนเหนือของกรุงกีโต เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น

ทีมงานหาเสียงของนายวิลลาวิเซนซิโอให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า นายวิลลาวิเซนซิโอกำลังก้าวเข้าไปในรถ เมื่อชายคนหนึ่งรุดขึ้นมาข้างหน้าและจ่อยิงเข้าที่ศีรษะของเขา โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า นายวิลลาวิเซนซิโอถูกยิงถึง 3 ครั้ง

ขณะที่อัยการสูงสุดของเอกวาดอร์ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า ผู้ต้องสงสัยถูกยิงและยังยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนที่มือปืนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ

ประธานาธิบดีกิเยร์โม ลาสโซ ของเอกวาดอร์ ซึ่งไม่ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งในครั้งนี้ให้คำมั่นว่า อาญชากรจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษ โดยเขาแสดงความโกรธเคืองและตกใจกับเหตุสังหารดังกล่าว และว่าอาชญากรมาไกลเกินไปแล้ว แต่น้ำหนักของกฎหมายจะต้องกดทับพวกเขา

ทั้งนี้ อาชญากรรมที่รุนแรงมากขึ้นในเอกวาดอร์เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับแรงหนุนจากแก๊งค้ายาในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น และเรื่องดังกล่าวได้กลายมาเป็นประเด็นการหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ในปีนี้

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายลาสโซได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวในช่วงค่ำคืนใน 3 จังหวัดหลัก หลังมีการสังหารหมู่ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากร

นอกจากเรื่องควาปลอดภัยแล้ว การรณรงค์หาเสียงของนายวิลลาวิเซนซิโอยังเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการทุจริต ซึ่งเป็นหัวข้อที่เขาให้ความสำคัญขณะที่ทำงานเป็นนักข่าวมาก่อนหน้านี้ รวมถึงการลดการทำลายสิ่งแวดล้อม

นายวิลลาวิเซนซิโอเป็น 1 ใน 8 ผู้สมัครในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์รอบแรก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้นำในการเลือกตั้งดังกล่าว

การสังหารนายวิลลาวิเซนซิโอเกิดขึ้นหลังจากการสังหารนายออกัสติน อินทริอาโก นายกเทศมนตรีเมือง Manta ในเดือนกรกฎาคม และการสังหารนายโอมาร์ เมเนนเดซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีในเมือง Puerto López ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นายออตโต ซอนเนนโฮลซ์เนอร์ อดีตรองประธานาธิบดีและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ได้แสดงความเสียใจและความเป็นหนึ่งเดียวกับครอบครัวของนายวิลลาวิเซนซิโอ ซึ่งมีบุตรถึง 5 คน

ขณะที่ลุยซา กอนซาเลส ผู้ที่คาดว่าจะมีคะแนนนำในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ก็แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับครอบครัวของนายวิลลาวิเซนซิโอ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า การกระทำอันเลวทรามนี้จะต้องไม่ถูกปล่อยให้ไม่ได้รับโทษ

ทั้งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคมนี้

‘แอลลี่’ งง!! โผล่ชื่อมือที่สาม ยืนยัน ‘อชิ’ ไม่เคยจีบ ย้ำ!! ไม่ได้รู้จักกับอีกฝ่าย แค่พ่อแม่รู้จักกันเฉยๆ

(10 ส.ค. 66) จากกรณีก่อนหน้าที่กลายเป็นข่าวใหญ่โต ทำเอาชาวเน็ตเม้าท์สามบ้านแปดบ้านทีเดียว เมื่อมีเพจดังออกมาแฉว่า คู่รักวัยทีนได้เลิกรากันแล้ว เพราะจับได้ว่าฝ่ายชายทักแชตตามจีบหน้ากากผักขมปี๋มา 3 ปี ด้านชาวเน็ตจึงจับโยงไปที่น้อง ‘แอลลี่ อชิรญา’ เป็นมือที่สาม และล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ประเด็นอื้อฉาวนี้กับสื่อมวลชนแล้ว

ล่าสุด ‘แอลลี่’ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กลางวงสื่อถึงประเด็นนี้ว่า ตนเองรับรู้ข่าวนี้ตอนอยู่ที่อเมริกา ตอนแรกก็ตกใจเพราะไม่เคยได้ยินอะไรเลย เคยได้ยินชื่อ ‘อชิ’ แค่จากพ่อแม่เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่รู้จักกัน แล้วน่าจะเคยเจอกันตอนอายุประมาณ 2-3 ขวบ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ส่วนตัวจึงรู้สึกงงมาก ตนได้ลองไปค้นในดีเอ็มก็ไม่มีข้อความ ไม่มีคอนแท็กต์ไลน์เลย

เมื่อนักข่าวถามว่า เป็นเพราะคำว่าหน้ากากผักขมปี๋ ทำให้หวยจึงมาตกที่ ‘แอลลี่’ หรือเปล่า? ตนก็ตอบว่า “หนูเป็นหน้ากากผักรวมนะคะ แต่ว่าก็ตกใจเหมือนกันว่ามาได้ยังไง หนูก็เลยคุยกับทางค่ายแล้วก็คุยกับอากึ้งด้วย ว่าถ้าเกิดมีข่าวลือที่ไม่ได้เป็นเรื่องจริงอีก แล้วทำให้ชื่อเสียงหนูเสื่อมเสีย น่าจะต้องดำเนินการทางกฎหมาย”

ซึ่งข่าวลือที่เกิดขึ้น แอลลี่เผยว่า “ไม่มีผลกระทบอะไรเลย แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้คนเข้าใจผิดค่ะ แล้วก็มันไม่ใช่เรื่องของหนูด้วย หนูไม่รู้จักใครเลยก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมาก ส่วนคุณแม่ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรเลยค่ะ เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไง เราก็เลยแค่แบบอ๊ะ! โอเค แค่นั้นเลยค่ะ อีกอย่างคอมเมนต์ต่าง ๆ ที่หนูเห็นก็ไม่ได้มีไปในทางลบเลย เพราะเหมือนคนก็น่าจะไม่ได้เชื่อขนาดนั้นว่ามันเกิดขึ้น เพราะว่าด้วยความที่อยู่ดีดีชื่อของหนูก็ถูกโยงเข้ามาเลย แล้วเหมือนเรื่องมันก็ไม่ได้เมกเซ้นส์เท่าไหร่ หนูก็เลยชิลมากๆ”

สุดท้าย ‘แอลลี่’ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้คุยกับอชิ เพราะไม่ได้รู้จักกัน และอีกฝ่ายไม่เคยมาจีบ ไม่มีไลน์ ไม่มีคอนแท็กต์อะไรเลย ตอนนี้ตนเองโสดแต่ไม่เหงาเพราะ “หนูชอบตัวเอง”

ส่องเลขเด็ด ‘ครูกายแก้ว’ บรมครูผู้เรืองเวทย์ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ จากเหตุการณ์ขนย้ายรูปปั้นลอดใต้สะพานหน้าโค้งร้อยศพ

‘ครูกายแก้ว’ หรือที่หลายๆ คนอาจรู้จักกันในนามของ "พ่อใหญ่ บรมครูผู้เรืองเวทย์" มีที่มากับพระธุดงค์ในจังหวัดลำปาง จากการที่พระรูปนี้ได้ธุดงค์ไปทำสมาธิที่ปราสาทนครวัดนครธม ประเทศกัมพูชา และต่อมาก็ได้มอบครูกายแก้วนี้ให้กับลูกศิษย์นั่นก็คือ อาจารย์ถวิล มิลินทจินดา หรือ พ่อหวิน นักร้องเพลงไทยเดิมของกองดุริยางค์ทหาร ผู้เป็นอาจารย์ของท่านอาจารย์สุชาติ รัตนสุข ผู้สร้างองค์ปฐมของครูกายแก้วขึ้นในประเทศไทย

ในครั้งแรกที่อาจารย์สุชาติได้รับมอบครูกายแก้วมานั้น องค์ครูมีขนาดเล็ก เป็นลักษณะคนนั่งหน้าตักเพียงแค่ประมาณ 2 นิ้วเท่านั้น และต่อมาครูกายแก้วก็ปรากฎกายให้อาจารย์สุชาติได้เห็น ในตอนนั้นเองอาจารย์สุชาติก็ได้ทำการวาดภาพของครูกายแก้วจากจินตนาการ และทำการหล่อรูปองค์ครูขึ้นเป็นองค์แรก มีลักษณะเป็นองค์ยืน คล้ายคนแก่ นำไปไว้ที่สำนัก จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นการบูชาครูนั่นเอง

โดยรูปร่างลักษณะขององค์ครูกายแก้วที่อาจารย์สุชาติสร้างขึ้นมานั้น เป็นลักษณะของผู้บำเพ็ญกึ่งมนุษย์กึ่งนก มีปีกด้านหลัง มีเขี้ยวทองเพื่อสื่อถึงนกการเวก อ้างอิงตามหลักฐานที่ปรากฎอยู่บนกำแพงบายน ที่มีประวัติของการเวกซึ่งเป็นพวกนักดีดสีตีเป่า ถือเป็นครูของศาสตร์ศิลป์ทั้งหลายในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของกัมพูชา

ปัจจุบันองค์ปฐมแบบยืนของครูกายแก้วนั้นถูกย้ายไปไว้ที่บ้านของคุณสุวรรณี เต็มเจริญสุข ส่วนองค์ต่อมาที่เป็นแบบองค์นั่งก็ถูกเก็บเอาไว้บูชาที่บ้านของท่านอาจารย์สุชาติเอง แต่หากว่าใครอยากจะกราบไหว้ขอพรองค์ครูกายแก้ว ก็สามารถไปได้ที่เทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง ที่นั่นมีองค์ครูกายแก้วแบบนั่งเช่นเดียวกัน

การบูชาองค์ครูกายแก้ว นั้นจะต้องทำการบูชาครูด้วยธูป 5 ดอก กราบไหว้องค์ครู หลังจากนั้นจะทำการถวายเงินที่ตู้แก้วของครูกายแก้ว และทำการเคาะ จากนั้นจึงขอพรบอกกล่าวความปรารถนาแก่องค์ท่าน

นอกจากองค์ครูกายแก้วที่อยู่ที่ประเทศไทยแล้ว ความศรัทธาที่มีต่อครูนี้ก็ยังเผยแผ่ไปไกลยังฮ่องกง โดยที่นั่นเองก็มีองค์ครูกายแก้ว ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในด้านของความศักดิ์สิทธิ์ ให้พรในเรื่องความสำเร็จ ความร่ำรวย เจริญรุ่งเรืองเงินทอง จนชาวฮ่องกงพากันเปรียบองค์ครูกายแก้วเป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยเลยทีเดียว

จากเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวาน (9 ส.ค. 2566) การขนย้ายรูปปั้น ครูกายแก้ว ลอดใต้สะพานหน้าโค้งร้อยศพไม่พ้น ทำให้การจราจรช่วงเช้าที่ ถ.รัชดาภิเษก ขาเข้า ช่วงหน้าศาลอาญา รถติดสะสมต่อเนื่องถึงสะพานพระราม 7 จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ต้องเข้าเคลียร์การจราจร โดยให้ปล่อยลมยางและเข้าจอดช่องทางซ้ายสุด ก่อนจะเปิดทางให้สัญจรได้ตามปกติ

หลายท่านที่ติดตามข่าว ก็คงอยากจะอยากจะได้เลขเด็ดกัน THE STATES TIMES ได้ไปติดตามมาให้แล้ว โดยได้รับการยืนยันจาก พ.ต.ต.ศรีธกริช พิทักษ์ชนะกิจ สว.จร.สน.พหลโยธิน ซึ่งเปิดเผยว่ารถบรรทุกรูปปั้น ครูกายแก้ว นั้นมีเลขทะเบียน 72-7679 สระบุรี โดยได้เดินทางมาจากโรงหล่อ จ.ราชบุรี เพื่อจะนำไปตั้งบูชาที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว 

‘ปรางทิพย์’ ลูกสาวซาตาน แจกเลขเด็ดให้คอหวย ‘งวด 16 ส.ค.66’  ลั่น!! ใครยังไม่รู้จะซื้ออะไร ส่องเป็นแนวทางได้ อาจเข้ารางวัลใหญ่

(10 ส.ค. 66) เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้นักร้องสาวเสียงใส ‘ปราง ปรางทิพย์’ หรือ ‘ปราง เดอะวอยซ์’ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องของตัวเลขลงในสตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัว prangthip68 เพื่อให้เหล่าแฟนคลับนักเสี่ยงโชคได้เก็งหวยไปพร้อมกัน โดยเป็น เลขปฏิทิน ซึ่งปรากฎให้เป็นเลขท้าย 2 ตัว ดังนี้ เด่น : 4 - 6 เลขสองตัว : 41 - 42 - 43 - 16 - 26 - 36

ล่าสุด ‘ปรางทิพย์’ ก็ใบ้เลขเด็ดเพิ่มเติมอีก 1 ชุดตัวเลข เพื่อเป็นการเตือนคอหวยทุกท่านไม่ให้ลืมซื้อเลขตัวดังกล่าว โดยเธอโพสต์ลงในสตอรี่อินสตาแกรมเหมือนเช่นเคย ระบุว่า

ทั้งนี้หากใครที่กำลังมองหาแนวทางเลขที่ใช่ เพื่อใช้ในการลุ้นโชคซื้อลอตเตอรี่ แต่ยังไม่รู้จะซื้อเลขไหนดี ก็สามารถเอาหวยปรางทิพย์ 16 ส.ค.66 ไปลองหาซื้อกันดูได้นะ เพราะไม่แน่เลขจากลูกสาวซาตานคนนี้อาจจะมาพร้อมโชคก้อนใหญ่ส่งท้ายเดือนสิงหาคมก็เป็นได้

‘ภูมิธรรม’ ปัดขอก้าวไกลช่วยโหวตเลือกนายกฯ มั่นใจ มีเสียงเพียงพอ ลั่น!! ขอให้รอดูผลวันจริง

(10 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยไปขอเสียงพรรคก้าวไกลให้ช่วยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มั่นใจเสียงสนับสนุนของ สว.ว่าจะได้ตามจำนวนหรือไม่ ว่า…

“ไม่ใช่ครับ เสียงมีพอ พร้อมทุกอย่าง ขอให้รอดูในวันโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งต้องรอหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และกำหนดวันประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้ง โดยให้รอดูผลการโหวตในวันนั้น”

เมื่อถามว่าการไปเชิญพรรคก้าวไกล จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นเกิดความระแวงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า ขอให้รอดูผลโหวต

ส่วนกรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความตอบโต้นายภูมิธรรม ด้วยข้อความที่ค่อนข้างรุนแรง ถือเป็นการกระทบกระทั่งกันหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ก็เป็นนานาทัศนะของแต่ละคน”

เมื่อถามว่า นางอมรัตน์ยังเป็นน้องที่น่ารักอยู่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ก็เหมือนเวลาเราบอกกับเด็กตัวเล็กๆ ว่า น่ารักน่าชัง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top