Thursday, 10 July 2025
NewsFeed

กองกำลังสุรนารี จัดการประชุมชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ 1/2565 

วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนต์ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุบลราชธานี กองกำลังสุรนารี จัดการประชุมชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ 1/2565 ระหว่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทย กับ 3 แขวงภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 

โดยมีกรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมให้การสนับสนุนในการจัดประชุมเพื่อกระชับความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนและประสานการปฏิบัติ บูรณาการความร่วมมือ แก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ตามแนวชายแดนให้เกิดผลเป็นรูปธรรรมและยั่งยืน

พลตรีวีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี/หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) ร่วมประชุมกับชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนลาว (ภาคใต้) นำโดย พันเอก สำลีแก้ววงสอง หัวหน้าการทหาร กองบัญชาการทหารแขวงสาละวัน/หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดน ลาว - ไทย พื้นที่ 3 แขวงภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายลาว โดยมี พลโทพงศ์เทพ แก้วไชโย เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร/หัวหน้าคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามชายแดนไทย-ลาว และ พลจัตวา สีพัน พุดทะวง หัวหน้ากรมทหารชายแดน/หัวหน้าคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามชายแดนลาว-ไทย ร่วมสังเกตการณ์ 

ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 จัดกิจกรรม 'OPEN HOUSE เปิดบ้านทหารใหม่'

8 ก.ค.65 ที่ ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล พ.อ.เรวัตร เซ่งเข็ม ผบ.ร.5 พัน.2 เป็นประธานในการจัดกิจกรรม 'OPEN HOUSE เปิดบ้านทหารใหม่' และมีนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึก/ผบ.ร้อย/ฝ่ายอำนวยการ,ผู้ฝึกทหารใหม่, ครูนายสิบ, ครูทหารใหม่, กำลังพล, สมาชิกแม่บ้าน ทบ.สาขา ร.5 พัน.2 และที่สำคัญ มีพ่อแม่ พี่น้อง ผู้ปกครอง และญาติน้องๆ ทหารเข้าร่วมในกิจกรรมจำนวนมาก

ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับบัญชาให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกทุกระดับที่จัดตั้งหน่วยฝึกทหารใหม่ ผลัดที่ 1/65 ดำเนินการจัดกิจกรรม 'เปิดบ้านทหารใหม่' การจัดกิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่ในวันนี้ ถือว่ามีความสำคัญสำหรับทหารใหม่ทุกนาย โดยเฉพาะญาติๆ และผู้ปกครองน้องๆทหารใหม่ทุกท่าน ซึ่งได้เฝ้ารอคอยทหารใหม่ ตลอดระยะเวลาการฝึกทหารใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา น้องๆ ทหารใหม่ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งทางด้านร่างกาย มีความเข้มแข็งพร้อมปฏิบัติภารกิจต่างๆ ได้ และทางด้านจิตใจ ที่มีความอดทนอดกลั้นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและความยากลำบาก 

ทั้งนี้ ก็เพื่ออุทิศความสุขสบายส่วนตัวเพื่อปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศให้สมกับชายชาติทหาร โดยมีการแสดงรำมวยไทยและไหว้ครูมวยไทยและการต่อสู้โดยประยุกต์ใช้แม่ไม้มวยไทยต่างๆ ในการต่อสู้ป้องกันตัว, การต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทยประกอบเพลง เป็นการสาธิตการปฏิบัติของแม่ไม้มวยไทยต่างๆ และ การแสดงยิงปืนฉับพลัน เป็นการปฏิบัติทางทหารที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง และมีความประสานสอดคล้องในการปฏิบัติภารกิจที่ทหารได้รับมอบหมายและมุทิตาจิต ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ปกครองของน้องๆ ทหารใหม่ทุกท่าน ได้เห็นถึงพัฒนาการของทหารใหม่ ที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นทหารกองประจำการ 

กองทัพบก กองพันทหารสื่อสารที่ 1 จัดกิจกรรม 'Open House เปิดหน่วยฝึก ชมบ้านทหารใหม่'

(8 ก.ค.65) พันโท ชนินทร์ เอี่ยมวิบูลย์ ผู้บังคับกองพัน กองพันทหารสื่อสารที่ 1 จัดกิจกรรม 'Open House เปิดหน่วยฝึก ชมบ้านทหารใหม่' เพื่อให้ผู้ปกครองและญาติของทหารใหม่มีโอกาสเดินทางเข้ามาในพื้นที่ของหน่วยฝึกทหารใหม่ หลังจากที่น้องๆ ทหารใหม่ รุ่นปี 2565 ผลัดที่ 1 ได้เริ่มเข้ามาฝึกหลักสูตรทหารใหม่ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา 

โดยระหว่างการฝึกที่ผ่านมาผู้ปกครองและญาติของน้องทหารใหม่ยังไม่มีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมและพบน้องๆ ทหารใหม่เลย เนื่องจากต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของหน่วยฝึกทหารใหม่ ที่ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายังหน่วยฝึกทหารใหม่

วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ปกครองจะได้พบหน้าน้องๆ ทหารใหม่ โดยหน่วยได้จัดกิจกรรมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องๆ รวมทั้งทักษะทางทหารที่ได้รับการฝึกสอนเมื่อเข้ามาเป็นทหาร ประกอบด้วย การแสดงแฟนซีดริว, การแสดงยิงปืนฉับพลัน, การแสดงการปฏิบัติทางทหาร, การแสดงไหว้ครูมวยไทย การศิลปะป้องกันตัวแม่ไม้มวยไทย

'อลงกรณ์' เชื่อมั่นแพลตฟอร์มปฏิรูปเกษตร '12 ก้าวใหม่ที่กล้าเดิน' คานงัดสร้างจุดเปลี่ยนนำไทยสู่เกษตรมูลค่าสูงตอบโจทย์ Next Normal

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ เขียนบทความเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียวันนี้ (9 ก.ค.) เรื่อง '12 ก้าวใหม่ที่กล้าเดิน มิติใหม่การปฏิรูปภาคเกษตรของไทย' โดยเชื่อมั่นว่าเป็นคานงัดการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมและกระทรวงเกษตรฯ ยุค 'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนในมิติต่างๆอย่างน่าสนใจ ระบุว่า...

'12 ก้าวใหม่ที่กล้าเดิน มิติใหม่การปฏิรูปภาคเกษตรของไทย' โดย อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (9 กรกฎาคม 2565)

ท่ามกลางวิกฤติโควิด19และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบกว้างไกลทำให้เศรษฐกิจประเทศต่างๆชะลอตัว ราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ยและอาหารสัตว์แพงขึ้น กระทบต่อราคาและระบบผลิตอาหารทั่วโลก เกิดภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น

นับเป็นวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ที่ยาวนานมากว่า 2 ปีที่ยังไม่มีใครคาดเดาว่าจบลงเมื่อใด

แต่ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ 

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) วิเคราะห์ว่าโลกกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารที่รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่ขาดความมั่นคงทางอาหาร และนี่คือโอกาสของไทยในฐานะประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับ13ของโลกที่จะปฏิรูปตัวเองสร้างความเข้มแข้งและขีดความสามารถใหม่ของประเทศไทย

ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ผมจะเล่าเรื่อง '12 ก้าวใหม่ที่กล้าเดิน มิติใหม่ภาคเกษตรของไทย' เป็นแพลตฟอร์มการปฏิรูปสร้างจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อตอบโจทย์โอกาสของวันนี้และอนาคตที่กำลังจะมาถึง

ก้าวที่ 1 >> ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม เราจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center) เรียกสั้นๆว่า ศูนย์ AIC 77 จังหวัดเป็นฐานการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area based Development) ของเทคโนโลยีในทุกจังหวัดและจัดตั้งศูนย์ AIC ประเภทศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะด้าน (Center of Excellence: COE) อีก 23 ศูนย์ โดยศูนย์ AIC ทำหน้าที่เป็นศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D) และเป็นศูนย์วิจัยพัฒนาและเป็นศูนย์อบรมบ่มเพาะเกษตรกรผู้ประกอบการและถ่ายทอดนวัตกรรมเน้นเมดอินไทยแลนด์ (Made In Thailand) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของเราเอง โดยคิกออฟพร้อมกันทุกศูนย์ทุกจังหวัดทั่วประเทศเมื่อ 1 มิถุนายน 2563 วันนี้เรามีเทคโนโลยีเกษตร 766 นวัตกรรมที่ถ่ายทอดต่อยอดสู่แปลงนาแปลงสวนแปลงไร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า10,000รายแล้ว

ก้าวที่ 2 >> ระบบบิ๊กดาต้าเกษตร เราจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agriculture Big Data Center: NABC) ภายใต้แพลตฟอร์มดิจิตอลใหม่ๆตั้งอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เริ่มดำเนินการตั้งแต่มีนาคม 2563 ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีข้อมูล (Information Technology) คือเครื่องมือเอนกประสงค์ของทุกภารกิจและทุกหน่วยงานโดยกำลังเชื่อมต่อกับ Big Data ของหน่วยงานรัฐ เอกชน สถาบันเกษตรกรและศูนย์ AIC ทุกจังหวัดโดยจะให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลเกษตรในมิติต่างๆ บนมือถือและคอมพิวเตอร์

ก้าวที่ 3 >> ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) เรากำลังปฏิรูป 22 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ให้เป็นกระทรวงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (TechMinistry) ภายใต้โครงการ GovTech อย่างคืบหน้าด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) เพื่อเปลี่ยนการบริหารและการบริการแบบอนาล็อคเป็นดิจิตอล เปลี่ยนการลงนามอนุมัติด้วยมือเป็นลายเซ็นดิจิตอล (Digital Signature) และเร่งรัดพัฒนาการโครงการ National Single Window สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ ฯลฯ เป็นการปฏิรูประบบราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ใหม่ในการทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ก้าวที่ 4 >> เกษตรอัจฉริยะ เราขับเคลื่อนฟาร์มอัจฉริยะ(Smart farming)ตามแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ของไทยเช่น ระบบสมาร์ทฟาร์ม ระบบเซนเซอร์ตรวจวัดดินน้ำอากาศและการอารักขาพืช การพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร การปรับระดับพื้นแปลงเกษตร (Land Leveling) ระบบเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ (Sead Technology) ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ระบบชลประทานอัจฉริยะรวมทั้งการใช้โดรนการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและแพลตฟอร์มเกษตรดิจิตอล (Agrimap platform) โดยมีโครงการเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) 5 ล้านไร่ เป็นโครงการเรือธงโดยร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC : Agritech and Innovation Center) รวมทั้งการส่งเสริมการตลาดแบบออนไลน์ (Digital Marketing)โดยการสนับสนุนแพลตฟอร์มร้านค้าอีคอมเมิร์ซ และโครงการพัฒนาเกษตรกรเป็นนักการค้าออนไลน์ทุกจังหวัดเช่นโครงการ Local Hero เป็นต้น โดยมีทีมเกษตรอัจฉริยะ ทีมอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ทีม Big Data และG ovTech ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 รับผิดชอบ

ก้าวที่ 5>>เกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง-ชนบท เราริเริ่มโครงการใหม่ๆเช่นการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development) อย่างเป็นระบบมีโครงสร้างครอบคลุมทั่วประเทศเป็นครั้งแรกตอบโจทย์การขยายตัวของเมือง (Urbanization) ที่ขาดความมั่นคงทางอาหารและระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ (ประชากรไทยในเมืองมากกว่าในชนบทเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี2562) ตลอดจนการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์โดยจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์ PGS แห่งประเทศไทยได้สำเร็จเป็นครั้งแรก และการขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 1.3 ล้านไร่ การพัฒนาสวนยางยั่งยืนรวมทั้งการพัฒนาแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่บนฐานศาสตร์พระราชา 4,009 ตำบล และโครงการข้าวอินทรีย์1ล้านไร่ โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล ฯลฯ นับเป็นการวางหมุดหมายใหม่ของระบบเกษตรกรรมยั่งยืนที่ประกอบด้วย เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน วนเกษตรและเกษตรธรรมชาติทั้งในเมืองและในชนบทครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ

ก้าวที่ 6 >> เกษตรแห่งอนาคต อาหารแห่งอนาคต เราขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต พืชแห่งอนาคต (Future Food Future Crop) เพื่อสร้างเกษตรทางเลือกใหม่แปรรูปเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ เวชสำอางค์ เวชกรรม น้ำมันชีวภาพเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ใหม่ๆให้เกษตรกรของเราและเป็นสินค้าส่งออกตัวใหม่สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นการตอบโจทย์เทรนด์ของโลกยุค Next Normal ที่สนใจสุขภาพมากขึ้นหลังจากเกิดโควิดแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Covid Pandemic) ได้แก่ การสนับสนุนโปรตีนทางเลือกจากแมลง (Edible Inseat base Protein) ตามนโยบายฮับแมลงโลก ปัจจุบันมีเกษตรกรกว่า 1 แสนรายทำฟาร์มแมลงเช่น ดักแด้ไหม ดักแด้อีรี่ จิ้งหรีด แมลงวันลาย (bsf) หนอนนกฯลฯ สอดรับกับนโยบายขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ประกาศว่าแมลงกินได้ Edible Insect คืออนาคตใหม่ของโปรตีนโลกและทศวรรษแห่งโภชนาการ รวมไปถึงโปรตีนทางเลือกจากพืช (Plant base Protein) เช่น สาหร่าย ผำ เห็ด ถั่วเหลืองถั่วเขียว แหนแดง ฯลฯ มีบริษัท Startup ใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายบริษัท และการส่งเสริมอาหารฮาลาลซึ่งมีลูกค้ากลุ่มประชากรมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมกว่า 2 พันล้านคน มูลค่าตลาดกว่า 30 พันล้านบาท

ก้าวที่ 7 >> โลจิสติกส์เกษตร เชื่อมไทย-เชื่อมโลก เราได้วางโรดแม็ปเส้นทางโลจิสติกส์เกษตรเชื่อมไทยเชื่อมโลกในระบบการขนส่งหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ทั้งทางรถทางรางทางน้ำและทางอากาศ (Low Cost Air Cargo) เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงตลาดทั่วโลกและตลาดเป้าหมายใหม่เช่นโครงการดูไบคอริดอร์-ไทยแลนด์ คอริดอร์ (Dubai Coridor- Thailand Corridor), เส้นทางรถไฟอีต้าอีลู่ (BRI) เชื่อมไทย-ลาว-จีน-เอเซียใต้-เอเซียตะวันออก-เอเซียกลาง-ตะวันออกกลาง-รัสเซียและยุโรป และกำลังเปิดประตูใหม่จากอีสานสู่แปซิฟิกไปทวีปอเมริกาเหนืออเมริกาใต้และเปิดประตูตะวันตกประตูใต้สู่ทะเลอันดามัน-อ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียสู่เอเซียใต้ แอฟริกา ตะวันออกกลางและยุโรป

ก้าวที่ 8 >> เกษตรแปลงใหญ่ สตาร์ทอัพเกษตร เรากำลังปรับเปลี่ยนเกษตรแปลงย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่ (Big Farm) ซึ่งขณะนี้ขยายเพิ่มเป็น กว่า 8,000 แปลง โดยมีการสนับสนุนเครื่องจักรกลเกษตรและระบบเกษตรอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปีนี้จะเริ่มโปรแกรมอัพเกรดวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ เกษตรแปลงใหญ่และสถาบันเกษตรเป็นสตาร์ทอัปเกษตร (Startup เกษตร) และเอสเอ็มอีเกษตร (SME เกษตร)

ก้าวที่ 9 >> ยกระดับเกษตรกรก้าวใหม่ เราพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่เป็นyoung smart farmerได้กว่า 20,000คนและส่งเสริมพัฒนาศูนย์ศพก.เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ระดับอำเภอโดยสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Smart farmer) ปราชญ์เกษตรและอาสาสมัครเกษตร (อกษ.)เป็นทีมงานแนวหน้าทุกหมู่บ้านชุมชนพร้อมกับยกระดับเกษตรกรที่มีประสบการณ์สู่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพโดยร่วมมือกับภาคเอกชน ศูนย์ AIC  สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพซึ่งเป็นองค์การมหาชนในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอว.และกระทรวงพาณิชย์

ก้าวที่ 10 >> เกษตรสร้างสรรค์สู่ The Brand Project เรากำลังนำระบบทรัพย์สินทางปัญญา  (Intellectual property) มาใช้ในการเดินหน้าสู่เกษตรสร้างสรรค์เกษตรมูลค่าสูงด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างแบรนด์ (Branding) ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตเกษตร พืช ประมงและปศุสัตว์เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศภายใต้โครงการ เดอะ แบรนด์ โปรเจกต์ (The Brand Project)

ก้าวที่ 11>> การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area base) ไม่มีเหลื่อมล้ำ เราบริหารการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area base) ควบคู่กับการบริหารการพัฒนาเชิงคลัสเตอร์เช่น โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารทั้งหมด 18 กลุ่มจังหวัดครอบคลุม 77 จังหวัดเป็นศูนย์กลางการแปรรูปผลผลิตเกษตรตามศักยภาพของแต่ละกลุ่มจังหวัดเพื่อกระจายโอกาสการพัฒนาทุกภาคทุกจังหวัดไม่ให้เจริญแบบกระจุกตัวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาโดยปลายปี 2564 รัฐมนตรีเกษตรฯ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรทุกอำเภอทุกจังหวัดและปีนี้กำลังจัดตั้งคณะทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล 7,435 ตำบลให้แล้วเสร็จ เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนระดับพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

เรายังริเริ่มและเดินหน้าอีกหลายโครงการเช่นการจัดตั้งองค์กรชุมขนประมงท้องถิ่น 2,600 องค์กรใน 50 จังหวัด การดำเนินการโครงการธนาคารสีเขียว (Green Bank) ตอบโจทย์ Climate Change โดยเพิ่มต้นไม้ลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งโครงการพัฒนาระบบความเย็น (Cold Chain) ตลอดห่วงโซ่อุปทานและระบบแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลวแบบ Nitrogen Freezer เป็นต้น

ก้าวที่ 12 >> เปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน (Partnership platform) ความก้าวหน้าของงานแต่ละด้านเกิดจากการบริหารแบบเปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน (Partnership platform) ในการทำงานกับทุกภาคีภาคส่วนเช่นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมต่างๆ สถาบันอาหาร มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย สถาบันเกษตรกร สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เครือข่ายองค์กรเอกชน ทุกกระทรวงและทุกพรรคการเมืองไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลโดยยึดประโยชน์บ้านเมืองมาก่อนประโยชน์ทางการเมืองได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจนำมาซึ่งความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจ ประการสำคัญคือการทำงานอย่างทุ่มเทของคนกระทรวงเกษตรฯ

'ดร.สมเกียรติ' แง้ม!! สถานการณ์ล่าสุดจากอเมริกา โจรชุม-คนไร้บ้านเพิ่ม-คนแก่ไม่มีงานอยู่ไม่ได้

ดร.สมเกียรติ เผยสถานการณ์บ้านเมืองอเมริกาล่าสุด ส่อเค้าวิกฤต โจรผู้ร้ายชุกชุม คนไร้บ้านเพิ่ม จากสภาพเศรษฐกิจเริ่มแย่ ค่าอาหาร ค่าครองชีพแพงสุด ๆ

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในสหรัฐ อเมริกา ว่า ข่าวจากอเมริกา ล่าสุด ตกใจนะเนี่ย

ตอนนี้ตำรวจที่นั่นไม่รับแจ้งความมูลค่าต่ำกว่า 100 เหรียญแล้ว คือ โจรชุมมาก ไปแจ้งความตำรวจบอกเป็นเรื่องปกตินะยู

ชุมชนคนไร้บ้านขยายตัวแรงมากที่ซานฟราน มีจัดตั้งด้วย คุมกันไม่อยู่ คนที่เคยเรียนที่นั่นตกใจและเศร้าที่เห็นเมืองที่เปลี่ยนไป

โจรชุม อย่าทิ้งของไว้ในรถจะถูกทุบกระจก เอาของไป อาการนี้แบบที่แอฟริกาที่เคยเห็นที่นั่นเอายางรถไปหมดเลย อันตรายกับนักท่องเที่ยวมาก

สิ้นตลกชื่อดัง!! 'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' ในวัย 59 ปี

'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' มีชื่อจริงว่า 'พงษ์ศักดิ์ โสภักดี' เกิดวันที่ 19 กรกฎาคม 2506 ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี นักแสดงตลกชายและอดีตนักแสดงลิเกชาวไทยชื่อดัง ที่มีเอกลักษณ์เป็นที่จดจำได้ คือ หัวโล้น พูดน้ำเสียงรุนแรง มักจะได้แสดงบทเป็นตัวร้ายในวงการตลก

'โป๊งเหน่ง' มีชื่อเล่นว่า 'ศักดิ์' มีบิดามีอาชีพลิเก และอยู่กับวงการลิเกอยู่นานพอสมควรก็ได้เข้าสู่วงการตลกจากการที่บิดาเป็นเพื่อนกับ 'อุดม ชวนชื่น' และ 'จิ้ม ชวนชื่น' ก็ได้ชักชวนเขามาอยู่ในคณะ 'ชวนชื่น' โดยใช้ชื่อว่า 'ศักดิ์ ชวนชื่น' และได้อยู่กับชวนชื่นนานถึง ๑๑ ปี ก่อนที่ภายหลังสมาชิกในคณะบางคนได้ย้ายไปคณะของ แป๋ว บ้านโป่ง ทั้งศักดิ์ , หลุยส์ , ช้าง , เอนก , อุทิศ และเปี๊ยก อยุธยา และอยู่กับคณะ แป๋ว บ้านโป่ง อยู่นานประมาณ ๒ ปีและย้ายไปคณะเต่า เชิญยิ้ม และ หนู คลองเตย แต่ไม่นานก็ออกจากคณะเพราะหนูไปโกนศีรษะของเจ้าตัวโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว

ภายหลังศักดิ์ได้เจอกับ 'นุ้ย เชิญยิ้ม' เลยชักชวนให้มาอยู่กับคณะ ถั่วแระ/ชูศรี เชิญยิ้ม ช่วงแรก ๆ เขาอยู่ในฐานะคนขับรถของคณะและใช้ชื่อว่า 'ศุภโชค เชิญยิ้ม' ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น 'ข้าวฟ่าง เชิญยิ้ม' และมาเป็น 'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' เพราะมาจากรูปร่างศีรษะของเขาดูเหมือนขนมโป๊งเหน่ง

ช่วงเวลาที่ 'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' อยู่ที่ 'คณะถั่วแระ เชิญยิ้ม' ทำให้เจ้ามีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเล่น ก่อนบ่าย คลายเครียด ภายหลังนุ้ยสืบทอดหัวหน้าคณะต่อจากถั่วแระ เจ้าตัวมีโอกาสได้เล่นภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น เดอะโกร๋น ก๊วน กวน ผี , ผีหัวขาด , บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม , ยายสั่งมาใหญ่ , ผู้ชายลั้ลล้า และ ฮาศาสตร์

‘แบงก์ชาติ’ เผย เงินสำรองคงคลังของไทย แข็งแกร่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ระหว่าง 'วาทกรรม' กับ ' การกระทำ' 

แบบไหนที่ 'ควร' ต้องเปิดหู เปิดตา เปิดใจ ยอมรับฟัง!! ในระหว่างที่บางกลุ่มก้อนของสังคมชิงฉายวาทกรรม ให้เกิดการมอง 8 ปี ประเทศไทย ว่า 'พังในทุกมิติ'

เป็นเช่นนั้นหรือไม่?

ลองมาย้อนสักดูตัวอย่างเล็ก ๆ เช่น เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่ถูกฉายวนในสังคมมาสักพักใหญ่ ๆ กันอีกสักหลาย ๆ รอบ แล้วพิจารณาดูว่า...

อันดับของไทยที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกแบบนี้ 

หากมีใครมาพูดว่า 8 ปีประเทศไทย 'พัง' ก็คือพัง? ได้ง่าย ๆ ตามใจปากพูดได้เลยงั้นหรือ?

จากเฟซบุ๊ก 'Bangkok I Love You' ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย เนื้อหาดังนี้...

ปัจจุบันประเทศไทย มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 9,319,090.28 ล้านบาท นับเป็นอันดับที่ 13 ของโลก แซงหน้า สหรัฐอเมริกา 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้น เดือนธันวาคม ปี 64 อยู่ที่ 9,319,090.28 ล้านบาท

'บก.ลายจุด' เชียร์ 'ชัชชาติ' สั่ง กทม. งดจ้างออแกไนเซอร์ เป็นแหล่งเงินทอนที่ไม่มีมาตรฐานการกำหนดราคา

11 ก.ค. 2565 – นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบนโยบายข้าราชการ กทม. อย่าใช้ออแกไนเซอร์เยอะ ให้ใช้ทีมงานประชาสัมพันธ์ของ กทม. เองว่า เป็นสิ่งที่ได้หลายดอก

1. ต้นทุนลดลงแน่นอน เพราะการจัดอีเวนต์แบบนี้เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งเงินทอน เพราะแทบไม่มีมาตรฐานการกำหนดราคา จ่ายค่าตัวพิธีกร ดารา ศิลปินที่มาร่วมงาน แสง สี เสียง ฉาก เวที เก้าอี้ ประตู หน้าต่าง บานพัด ตะปู แมร่งทุกเม็ด จัดยิ่งใหญ่ ยิ่งใช้งบมากยิ่งดี เพราะมันหมายถึงเงินทอน

2. การให้ กทม. ทำเองเป็นการพัฒนากลไกภายใน ไม่รู้จะมีไว้ทำไมฝ่ายประชาสัมพันธ์ถ้าไม่ใช้งาน ทีมงานจะได้พัฒนามีซุปเปอร์แม่เหล็กอย่างชัชชาติยังต้องกลัวอะไรในการทำ PR ตัวอย่างมีเห็นๆ งบน้อยแต่ประสิทธิผลสูงยิ่ง

คะแนนนิยม 'ไบเดน' ดำดิ่งหนัก ล่าสุดเหลือแค่ 29% เหตุคนมะกันยี้ผลงาน

คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลดลงต่ำกว่าระดับ 30% นับว่าต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากผลสำรวจความคิดเห็นรอบใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ (9 ก.ค.)

ผลสำรวจที่จัดทำโดย Civiqs บริษัทโพลออนไลน์และวิเคราะห์ พบว่ามีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวสหรัฐฯ เพียง 29% ที่พอใจแนวทางบริหารงานของ ไบเดน และมีถึง 58% ที่ไม่พอใจ ส่วน 13% บอกว่าไม่มั่นใจ

ในผลสำรวจยังพบว่าประชาชนชาวสหรัฐฯ ในทุกกลุ่มอายุ เพศและการศึกษา ส่วนใหญ่แล้วไม่พอใจผลงานของไบเดน โดยชาวอเมริกันผิวขาวมากถึง 66% บอกว่าไม่สนับสนุนผู้นำรายนี้ อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นที่นิยมในหมู่ประชากรผิวสีหรือคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งในกลุ่มนี้มีถึง 55% ที่บอกว่าพอใจผลงานของไบเดน

ไบเดน มีคะแนนนิยมในระดับต่ำเกือบทุกรัฐ ยกเว้นฮาวายและเวอร์มอนต์ ไม่เว้นแม้กระทั่งรัฐเดลแวร์ บ้านเกิดของผู้นำรายนี้ ซึ่งมีมุมมองที่มืดมนต่อไบเดนเช่นกัน โดยที่รัฐแห่งนี้ มีผู้ไม่พอใจผลงานของเขามากถึง 54%

อย่างไรก็ตาม หากแยกออกเป็นรายพรรค ผลสำรวจพบว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตของไบเดน ยังคงมีความพึงพอใจผลงานของผู้นำรายนี้ในระดับสูงที่ 63% แต่สำหรับผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันแล้ว มีถึง 97% ที่ไม่พอใจผลงานของไบเดน

อดีตรมต.ท่องเที่ยวฯ อึ้ง!! บริการภาครัฐยุคใหม่ไวเว่อร์!! ทำใบขับขี่ไม่ถึง 15 นาที จนไม่มีเวลาแต่งหน้าทาปาก

ไม่นานมานี้ คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เผยถึงโฉมใหม่งานบริการของภาครัฐที่สะดวกสบายและทันสมัยที่ตนได้สัมผัสเอง ระบุว่า...

ขอชื่นชมหน่วยงานที่ดูแลใบขับขี่นะคะ เพิ่งไปเปลี่ยนใบขับขี่จากใบเก่า สมัยเป็นกระดาษแล้ว seal หน้าหลัง มาเป็นรุ่นบัตรแข็งปัจจุบัน ต้องไปทำด้วยตัวเอง ใช้เวลาไม่ถึง ๑๕ นาทีเสร็จ!!! เร็วมาก ๆ จนตกใจ 

เดินเข้าไปบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นบัตรใหม่ เขาดูแค่บัตรเก่าและบัตรประชาชน แล้วให้บัตรคิวเดินขึ้นมาชั้น ๒ พอขึ้นไปมีเจ้าหน้าที่ดูบัตรคิว แล้วบอกเราว่า “น้องเดินตามเส้นเขียวไปนะ” 

เราเดินตามเส้นเขียวไป ก็เจอโต๊ะถ่ายรูปทำบัตรเรียงยาวไปเลย เหมือนทำหนังสือเดินทาง เราไปนั่ง ยื่นบัตร เขาคีย์ข้อมูล แล้วพิมพ์ให้เราเช็คว่าถูกต้องมั้ย เสร็จแล้วถ่ายรูปเลย 

เรานึกว่าจะมีเวลาทาลิปสติก ผัดแป้ง แต่งหน้า ไม่มีค่ะ เพราะมันเร็วมาก ตั้งตัวไม่ติด เขาบอกยกไหล่ซ้ายขึ้น กดไหล่ขวาลง เอียงคอนิดนึง ถ่ายเสร็จ นั่งรอบัตรซัก ๒ นาที จบขบวนการ ได้บัตรใหม่ หน้าซีดๆ ของเรา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top