Thursday, 10 July 2025
NewsFeed

‘ชินโซ อาเบะ’ อดีตนายกฯญี่ปุ่นถูกลอบยิงบาดเจ็บ หมดสติระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล

สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า นายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกคนร้ายยิงจนล้มลงระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่จังหวัดนารา เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น

รายงานระบุว่า นายอาเบะได้รับบาดเจ็บและมีเลือดออกจำนวนมากหลังจากถูกยิง โดยเขาหมดสติระหว่างถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ตามรายงานระบุว่า ในขณะนั้นได้ยินเสียงปืนดังลั่น และผู้ต้องสงสัยชายที่ก่อเหตุยิง ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกควบคุมตัวแล้ว

สำหรับ ชินโซ อาเบะ เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึง 4 สมัย  โดยสมัยแรก เป็นนายกตั้งแต่ 26 กันยายน 2006- 26 กันยายน 2007  และสมัยที่ 2 - 4 ยาวนาน เกือบ 8 ปี ตั้งแต่ 26 ธันวาคม 2012 - 16 กันยายน 2020

'รัชดา' ติดโควิด ระหว่างร่วมประชุมที่เบอร์ลิน เผยมีอาการไม่มาก – ฟ้าทะลายโจรเอาอยู่

'รัชดา-รองโฆษรัฐบาล' โพสต์รอบนี้ไม่รอดโควิด ระหว่างร่วมประชุมเครือข่ายพรรคการเมืองเสรีนิยมประชาธิปไตยรักษาตัวอยู่เบอร์ลิน เผยไม่ได้มีอาการมาก เหมือนป่วยทั่วไป ฟ้าทะลายโจรยังทำหน้าที่ได้ดี

(8 ก.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางปฎิบัติภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ในยุโรป เพื่อร่วมประชุมเครือข่ายพรรคการเมืองเสรีนิยมประชาธิปไตย (Liberal International: LI) ที่มีสมาชิกจากทุกทวีปเข้าร่วม ที่ประเทศบัลแกเรีย และเยอรมนี ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม น.ส.รัชดา โพสต์เฟซบุ๊ก จากกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี โดยระบุว่า

Covid-19 รอบนี้ไม่รอด #ฟ้าทะลายโจร

เดินทางมาประชุมร่วมกับนักการเมืองหลายพรรคจากทั่วโลก ที่ประเทศบัลแกเรียและเยอรมนี…เพื่อนร่วมคณะกลุ่มเอเชียอีก 10 คน รอดหมด โล่งใจที่ไม่ได้ไปแพร่เชื้อให้เพื่อน ๆ เพราะมีบางช่วงก็นั่งใกล้ชิดกัน แต่โดยมากเข้าในอาคารแออัด ก็ใส่หน้ากากกันตลอด

ไม่ได้มีอาการมากค่ะ เหมือนป่วยทั่วไป มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอ ทานยารักษาตามอาการ…ยืนยันได้ว่า ฟ้าทะลายโจรยังทำ

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง พร้อมเปิดการฝึกอบรมวิทยากร (ครูแม่ไก่) เครือข่าย 'เด็กเยาวชนก่อการดี' พัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาการแข่งรถในทางของเด็กและเยาวชน (เด็กแว้น) อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน และเกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม จึงมุ่งหวังให้ ตร. แก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง (ศปข.ตร.) และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปข.ตร. และมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปข.ตร. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง โดยใช้นโยบายบังคับใช้กฎหมายใน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการก่อนเกิดเหตุ มาตรการขณะเกิดเหตุ มาตรการสอบสวนขยายผล และ มาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า นอกจากมาตรการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อควบคุมการกระทำผิดของกลุ่มผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงในการแข่งรถแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำผิดหรือผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงให้ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวเองและสังคม ลดพฤติกรรมเชิงลบ และการส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก โดยการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการการมีส่วนร่วมของผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน (Stronger together) ในการจัดการปัญหาการแข่งรถในทาง ส่งเสริมให้เด็กแว้นทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ เช่น กิจกรรมจิตอาสา, อาสาจราจร จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืน 

โดยในส่วนของหลักสูตรการฝึกอบรม ได้มอบหมายให้คณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พัฒนาต้นแบบหลักสูตรการอบรมเด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกกฎหมาย และลดพฤติกรรมเสี่ยงในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในทาง และดำเนินการอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปขยายผลดำเนินการฝึกอบรมเด็กและเยาวชน และสร้างเครือข่ายทั่วประเทศต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ตร. ได้จัดให้มีการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำหน้าที่ครูแม่ไก่ โดยมีผู้เข้ารับการอบรมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.น. และ ภ.1 - 9 หน่วยละ 30 นาย จำนวน 2 รุ่น รุ่นละ 150 นาย  รวม 300 นาย ในห้วงวันที่ 4 - 9 ก.ค.65 ณ รร.นรต. เพื่อที่จะไปดำเนินการสานต่อนโยบายในการฝึกอบรมเด็กและเยาวชน และสร้างเครือข่ายเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกกฎหมาย และลดพฤติกรรมเสี่ยงในการแข่งรถในทางต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เข้ารับการอบรมและจะต้องไปทำหน้าที่ครูแม่ไก่ 3 ประการ ดังนี้ 

1. ต้องเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้แก่เด็กและเยาวชนที่อาจจะหลงผิด โดยต้องใช้จุดแข็งเรื่องความกล้าหาญของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ หากสามารถนำจุดแข็งไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน รวมถึงช่วยเหลือเด็กและเยาวชนเหล่านี้ได้ โดยการสร้างการมีส่วนร่วมให้เห็นถึงปัญหาและทำประโยชน์เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา จะเป็นแรงผลักดันด้านบวกในการพัฒนาประเทศและสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยจะต้องออกแบบหลักสูตร เพื่อใช้ในการฝึกอบรมเด็กและเยาวชน และสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อไป 

2. หลังจากฝึกอบรมครูแม่ไก่ในโครงการนี้แล้ว ให้ทุกหน่วยดำเนินการจัดฝึกอบรมเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ 18,000 คน ให้เรียบร้อย ภายในเดือน ส.ค.65 โดยมุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะกระทำความผิด กลับตัวเป็นคนดี มีจิตอาสาพัฒนา เพื่อเป็นเด็กและเยาวชนก่อการดีต่อไป 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพงานป้องกันปราบปราม ยกระดับศักยภาพผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการและผู้บังคับการทั่วประเทศ เพื่อประโยชน์สุข และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 

วันที่ 7 ก.ค. 65 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการ และผู้บังคับการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมในพิธีฯ 

สำหรับ โครงการอบรมสัมมนาฯ ครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการศึกษา นำโดยพล.ต.ท.นิรันดร  เหลื่อมศรี ผู้บัญชาการ กองบัญชาการศึกษา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพแก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้นำหน่วย ในส่วนงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สนับสนุนงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ได้รับความรู้ใหม่ๆ มีความพร้อมในการบริหารงาน สามารถแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานได้ในทุกมิติ รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ด้านต่างๆ และตระหนักถึงความรับผิดชอบในบทบาทของการบริหารงานเพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

ทั้งนี้ การสัมมนาฯ กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค.65 ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ ซึ่งเป็นผู้นำหน่วยในระดับผู้บัญชาการและผู้บังคับการของหน่วยที่เกี่ยวข้องกับงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสนับสนุนงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม จำนวนรวมทั้งสิ้น 187 นาย ประกอบด้วยผู้บัญชาการ จำนวน 19 นาย และผู้บังคับการ จำนวน 168 นาย โดยได้รับเกียรติจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวิทยากรผู้ทรงวุฒิ รวมบรรยายเพื่อให้ความรู้แก่ข้าราชการตำรวจ ดังนี้ 

'นิพิฏฐ์' ฟาดรัฐบาลประยุทธ์กลับมติหนุนสูตรหาร 500 'เผด็จการเสียงข้างมาก' เหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์

'นิพิฏฐ์'ฟาดรัฐบาลประยุทธ์กลับมติของตนเองหนุนสูตรหารด้วย 500 ต้องเรียกว่า 'เผด็จการเสียงข้างมาก' เหมือนที่เคยเรียกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ขอแก้เรื่องวาระส.ว. เตือนอำนาจถ้าไม่ประกอบด้วยธรรมสุดอันตราย

(8 ก.ค.65) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า

ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 หรือ 100 อะไรดีกว่ากัน? เมื่อโจทย์ผิด คำตอบก็ผิด

- ส่วนใหญ่แล้ว จะตั้งคำถามแบบนี้ ว่า อะไรดีกว่า หรือเหมาะสมกว่า บางคนเลยไปถึงขนาดว่า ชอบแบบไหน มากกว่าการตั้งคำถามแบบนี้ จะได้คำตอบที่ผิด เหมือนโจทย์ผิด คำตอบก็ผิด

- แล้วควรถามว่าอย่างไร? ที่ถูกแล้วควรถามว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าอย่างไร เพราะเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างไร รัฐสภาก็ต้องออกกฎหมายให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาเสียงข้างมาก(ซึ่งคือฝ่ายรัฐบาลนั่นแหละ) มีความเห็นมาตลอดว่า ต้องหารด้วย 100 ไม่อย่างนั้นจะขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ในวันสุดท้าย เสียงข้างมาก(ก็เสียงรัฐบาลอีกนั่นแหละ) กลับมติของตัวเอง ให้หารด้วย 500

ไทยจ่อทวงคืน 'Golden Boy' จากสหรัฐฯ กลับมาตุภูมิ หากพิสูจน์พบถูกลักลอบค้าโบราณวัตถุอย่างผิดกม.

ปฏิบัติการณ์ทวงคืนสมบัติชาติจากสหรัฐอเมริกา ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยสามารถทวงคืนสมบัติชาติ ชิ้นสำคัญจากสหรัฐฯ กลับคืนสู่มาตุภูมิได้ 2 ชิ้น ได้แก่ ทับหลังหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และ ทับหลังเขาโล้น จ.สระแก้ว โดยที่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินค่าทนาย เพื่อฟ้องร้องทวงคืนแม้แต่บาทเดียว

แต่ก็ยังมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ ที่ต้องออกแรงทวงคืนอีกครั้งนั้นก็คือ 'Golden Boy' ประติมากรรมสำริด พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 มูลค่านับร้อยล้านบาท 

เฟซบุ๊กเพจ 'โบราณนานมา' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในหัวข้อ ไทยจ่อทวงคืน 'Golden Boy' จากสหรัฐฯ กลับมาตุภูมิ ประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ เป็นศิลปะแบบพิมาย ที่ไม่พบในกัมพูชา ระบุว่า...

เรื่องนี้ของเท้าความไปเมื่อสัก ๔ ปีก่อนที่ละครเรื่อง 'บุพเพสันนิวาส' กำลังโด่งดังและได้รับความนิยม มีคนกัมพูชาจำนวนหนึ่งกล่าวหาว่า ในละครเรื่องนี้ไทยไปลอกศิลปวัฒนธรรมของกัมพูชา หนึ่งในนั้นที่พวกเขากล่าวถึงคือ ฉากในละครตอนที่มีการแต่งงานของ 'แม่หญิงการะเกด' ที่มีการสวด 'รัดเกล้า' ที่ศีรษะของแม่หญิง พวกเขาบอกว่ารัดเกล้านี้ คือ ศิลปะของเขมร (ลิงก์ https://bit.ly/3bPlw9b) พวกเขาเอารูปปั้นต่าง ๆ มาเป็นหลักฐาน หนึ่งในหลักฐานที่คนกัมพูชากล่าวอ้าง คือ 'ประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ (Golden Boy)' จากพิพิธภัณฑ์ The Metropolitan ในสหรัฐอเมริกา

ปรากฏว่า ๔ ปีต่อมาฝั่งไทยกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อทวงคืน 'ประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ (Golden Boy)' จากสหรัฐอเมริกา โดยที่ฝั่งไทยมีหลักฐานชี้ชัดว่า ประติมากรรมรูปฉลองพระองค์พระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ ผู้สร้างปราสาทหินพิมาย คือ ผ้านุ่งที่เป็นครีบยาวลงมา เป็นประติมากรรมรูปคนไม่ใช่เทพเจ้า ชี้ชัดว่าศิลปะแบบพิมาย ไม่พบในกัมพูชาแต่อย่างใด

พระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ เป็นปฐมกษัตริย์สายราชสกุลมหิธรปุระ เป็นชาวพิมายในที่ราบสูงโคราช ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พระองค์นับถือศาสนาพุทธ หลังจากที่พระเจ้าหรรษวรรมันที่ ๓ กษัตริย์ แห่งเมืองนครธม สวรรคต ทำให้เกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นมีกษัตริย์ ๓ องค์ขึ้นครองราชย์พร้อมกัน และต่างฝ่ายต่างขัดแย้งกัน พระองค์ได้ลงไปจัดการกบฏที่สร้างความวุ่นวายมานานหลายปี 

พระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ จึงลงไปปราบกบฏและปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเมืองนครธม พระองค์ใหม่ รวมถึงสถาปนาราชวงศ์ใหม่ คือ 'มหิธรปุระ' อันมีต้นกำเนิดจากที่ราบสูงโคราช 

เชื้อสายของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ อยู่ปกครองเมืองนครธมมาอีก ๒๕๐ ปี รวม ๑๑ รัชกาล จนถึงสมัยของพระชัยวรมันที่ ๙ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง คือ 'นายแตงหวาน' หรือ 'ตระซอกปะแอม' ได้ทำการโค่นล้มราชวงศ์วรมัน และสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์เขมร ทำให้ไม่มีสร้อยพระนามลงท้ายพระนามกษัตริย์ด้วย 'วรมัน' มาจนถึงปัจจุบัน

มาถึงเรื่องการทวงคืนบ้าง ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยสามารถทวงคืนสมบัติชาติ ชิ้นสำคัญจากสหรัฐฯกลับสู่มาตุภูมิได้ ๒ ชิ้น หากจำกันได้ คือทับหลังหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังเขาโล้น จ.สระแก้ว โดยที่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินค่าทนาย เพื่อฟ้องร้องทวงคืนแม้แต่บาทเดียว

แต่ก็ยังมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ ที่ต้องออกแรงทวงคืนอีกครั้งนั้นก็คือ 'Golden Boy' ประติมากรรมสำริด พระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ มูลค่านับร้อยล้านบาท ถูกจัดแสดง ไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประติมากรรมสำริดปิดทองเกือบทั้งองค์ ผิวเรียบ งดงาม ทำให้นักสะสมถึงต้องการครอบครอง พระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ หรือ 'Golden Boy' 

โดยเมื่อ ๕๐ ปีที่ผ่านมา มีการซื้อ-ขายพุ่งสูงถึง ๑ ล้านบาท เพราะยังมีฐานหินทรายที่ตั้ง หลักฐานชิ้นสำคัญเหลืออยู่ในบ้านยาง ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์

‘จเรตำรวจ’ ฟัน ‘ตำรวจท่องเที่ยว’ ตระเวนเก็บส่วย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกชุด ฉก.ปกครองบุกจับ

จเรตำรวจแห่งชาติ ฟันตำรวจท่องเที่ยว ใช้รถหลังตระเวนเก็บส่วย หลังชุด ฉก.ปกครองบุกจับ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ทำเสื่อมเสียภาพลักษณ์องค์กร

เมื่อวันที่ (8 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้ร่วมกันจับกุม ด.ต.ภูวเมศร์ หิรัญวงศ์วราดล ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท.3 และนายมานัส สุขสอง ได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขต อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี ขณะที่ทั้งสองได้ขับรถยนต์มาตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในเขตจังหวัดนนทบุรี โดยใช้รถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยว ว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว สั่งการให้ตนดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพราะว่าเป็นการกระทำความผิดอย่างชัดเจนจนถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นอย่างมาก โดยในเรื่องนี้จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเลยว่า หากตำรวจคนใดกระทำผิดกฎหมายเสียเองก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว จึงได้สั่งการไปยัง พล.ต.ท.สุคุณ  พรหมายน ผบช.ทท. ให้รีบดำเนินการทางวินัยในทันที โดยให้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยไม่ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้มีคำสั่งให้ ด.ต.ภูวเมศร์ ออกจากราชการไว้ก่อนโดยเร็วที่สุด สำหรับในส่วนของการดำเนินคดีอาญานั้นตนได้กำชับให้ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ลงไปกำกับดูแลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ให้ดำเนินคดีนี้อย่างรัดกุม รวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อให้สังคมเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่ปกป้องตำรวจที่กระทำผิดในลักษณะนี้อย่างแน่นอน

'ผบช.ทท.' สั่งเชือด ดาบตำรวจท่องเที่ยว เรียกเก็บส่วย ถูกฝ่ายปกครองรวบตัวขณะล่อซื้อ

สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ฐานประพฤติชั่วร้ายแรงเมื่อวันที้ 8 ก.ค.ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) พลตำรวจโท สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ได้มีคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ 556 / 2565 ระบุว่า เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนด้วย ดาบตำรวจภูวเมศฐ์ หิรัญวงศ์วราดล ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 

1.รับเงินเดือน ระดับ ป.3 ชั้น 30.5 เงินเดือน 31,340 บาท มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 และ ต้องหาว่ากระทำความผิดอาญากรณีมีพฤติกรรม ไม่เหมาะสม เป็นการกระทำอันได้ ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทำผิดตาม มาตรา 78 อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง กล่าวคือต้องไม่กระทำการหาผลประโยชน์อันทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตน และองค์กร มีเหตุให้ออกราชการไว้ก่อน ได้ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2547 ข้อ 3 (1) , (3)

กล่าวคือ ดาบตำรวจภูวเมศฐ์ หิรัญวงศ์วราดล ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และต้องหาว่ากระทำผิดอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้สพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และร่วมกันกรรโชกทรัพย์
และมีความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งหากให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ และเป็นผู้อยู่ระหว่างถูกควบคุมหรือขังโดยเป็นผู้ถูกจับในคดีอาญา และพิจารณาแล้วเห็นว่า

การสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และการพิจารณาคดีในความผิดทางอาญา จะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว

'ทิพานัน' แตะเบรก 'เพื่อไทย' จ่อแตกแบงก์พัน ระวังเข้าข่ายขัดกมพรรคการเมืองม.28

'ทิพานัน' กระตุก 'หมอชลน่าน' ระวังเข้าข่ายขัดกม.พรรคการเมืองม.28 เบรกไอเดียแตกแบงก์พันตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทย ส่อเจตนาครอบงำพรรคอื่นฮั้วเลือกตั้ง ย้อนแสบไหนว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เหตุใดไม่ยอมรับเสียงในสภาฯ 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า หลังรัฐสภาใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 พรรคเพื่อไทยอาจจะตัดสินใจตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทยขึ้นใหม่ เพื่อให้พรรคครอบครัวเพื่อไทยส่งบัญชีรายชื่ออย่างเดียว แล้วพรรคเพื่อไทยส่งเขตอย่างเดียวว่า เป็นความคิดที่แสดงถึงเจตนาที่เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติว่าด้วย พรป. พรรคการเมือง 2560 มาตรา 28 เพราะการแตกแบงก์พันเป็นการดำเนินกิจการพรรคการเมืองที่ไม่เป็นไปตามครรลองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
 
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า  ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทย เคยสุ่มเสี่ยงส่งผู้สมัคร ส.ส. สลับเขตกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติ แต่ในครั้งนั้นการกระทำของทั้ง 2 พรรคพยายามปฏิเสธถึงความเกี่ยวโยง ครอบงำ ชี้นำซึ่งกันและกัน พยายามทำให้วิธีการแตกแบงก์พันคลุมเครือเพื่อใช้ประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมาย ที่ ณ วันนั้นทั้งสองต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกัน 

น.ส. ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในครั้งนี้ การที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่รู้สึกหวาดกลัว หลังรัฐสภาใช้สูตรคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ หาร 500 เพราะมีหลายวิธีการ ซึ่งเพื่อไทยอาจจะตัดสินใจตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทยขึ้นใหม่ หรือที่หลายฝ่ายเรียกว่าแตกแบงก์พัน ให้พรรคครอบครัวเพื่อไทยส่งบัญชีรายชื่ออย่างเดียว แล้วพรรคเพื่อไทยส่งเขตอย่างเดียวนั้น การแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ชัดว่าแนวทางพรรคเพื่อไทยกำลังจะขัด พรป. พรรคการเมือง 2560 มาตรา 28 ซึ่งหลังจากนี้หากมีการกระทำตามคำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นจริงไม่ว่าจะในนามพรรคชื่ออะไร ก็อาจเป็นการกระทำที่เตรียมตัวสู่การเลือกตั้งที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง นพ. ชลน่าน พรรคเพื่อไทย รวมถึงถึงพรรคใหม่ที่จะตั้ง ก็ต้องตระหนักถึงโทษที่มีถึงขั้นถูกยุบพรรค และกรรมการบริหารพรรคจะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย ตามมาตรา 92 พรป. พรรคการเมือง 2560

'รังสิมา' แฉ!! ส.ส.โกยอาหารสภาฯ กลับบ้าน คนมาทีหลังเหลือแต่ข้าวไข่เจียวให้กิน

เมื่อ (7 ก.ค.65) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ช่วงหนึ่งระหว่างรอสมาชิกลงมติร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา-2019 ปรากฏว่า นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ขอหารือว่าสืบเนื่องจากคณะกรรมการธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และอนุ กมธ.งบประมาณฯ ประชุมทุกวันและเลิกค่อนข้างดึก โดยเมื่อคืนวันที่ (6 ก.ค.) อนุฯ เลิกประชุมประมาณ 00.00 น. ไม่สามารถออกจากตึกไปยังลานจอดรถได้

เนื่องจากประตูปิดเกือบหมดแล้ว และอนุฯ หลายคนก็ไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาจึงไม่คุ้นเคยกับผังของตึกเท่าไหร่ จึงอยากให้ประธานช่วยประสานคณะรักษาความปลอดภัยให้ดูคณะอนุฯ ที่เลิกประชุมดึกให้มีความปลอดภัยไปลานจอดรถด้วย ทั้งนี้ นายชวนรับปากว่าจะให้เจ้าหน้าที่ไปดูให้

ขณะที่นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. หารือเกี่ยวกับที่จอดรถสภาว่า ที่จอดรถมีแต่สมาชิกไม่ได้จอดรถในช่องจอดรถ แต่กลับไปจอดในช่องทางวิ่งทำให้ลำบากในการถอยเข้าถอยออก นายชวนแจ้งว่าเรื่องนี้มีคนร้องมาบ่อย ซึ่งก็เข้าใจแต่อยู่ที่พวกเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้วต้องมีวินัย และต้องเตือนผู้ที่ขับรถด้วยซึ่งก็เตือนอยู่ตลอด ส่วนใหญ่ก็เป็นในส่วน ส.ส.

ด้านนางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย (พท.) หารือว่า ประสบด้วยตนเองเรื่องห้องน้ำในสภา ตรงบริเวณบันไดเลื่อนชั้น 1 ขึ้นชั้น 2 เข้าห้องน้ำแล้วประตูล็อกเปิดออกไม่ได้ และไม่มีคนอยู่เลยทำให้ตกใจ เคาะประตูห้องน้ำเรียกจนแม่บ้านวิ่งมาดูแล้วบอกว่า “ท่านไม่ต้องกลัว ดิฉันมีไขควง” นี่คือเรื่องจริงและแม่บ้านยังเล่าให้ฟังอีกว่าแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ และคนกลับหมดแล้ว ซึ่งเมื่อทำห้องน้ำเสร็จแล้วเลยเข้าห้องน้ำและออกไม่ได้ จึงต้องปีนห้องน้ำออกมาทำให้ตกลงมาขาหัก ซึ่งแม่บ้านบอกปัญหาที่เกิดนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีใครมาดูแล เพราะได้ข่าวว่าจะมีการตรวจรับการก่อสร้างสภา 100% ก็เป็นห่วงมาก ไม่อยากให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก จึงขอฝากประธานสภาด้วย

นายชวนชี้แจงว่า ขอบคุณที่เป็นหูเป็นตาให้ และจะไปดูเรื่องห้องน้ำให้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ดูเรื่องกลอนประตู ดูเรื่องความสะอาดผ่านไปบ่อยก็จะดูด้วยตนเองว่าความสะอาดเป็นอย่างไร เพราะทราบดีว่าวัสดุที่ใช้ในสภาบางส่วนมาตรฐานไม่ได้สูงอะไร บางส่วนเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าทำความสะอาดแล้ว แต่เมื่อเราดูก็ยังสกปรกอยู่เพราะวัสดุที่ใช้

ขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้หารือถึงเรื่องห้องน้ำสภาว่า เวลาเข้าห้องน้ำแล้วกดน้ำ น้ำไม่ยอมหยุดเป็นครึ่งชั่วโมง ทำให้เสียน้ำไปเปล่าประโยชน์และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำห้องน้ำ ทำให้ต้องโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top