Tuesday, 1 July 2025
NewsFeed

“อลงกรณ์” เสนอเจ้าชายไฟซอลแห่งซาอุดีอาระเบียช่วยเกษตรกรไทยขายปุ๋ยราคามิตรภาพ 

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งวันนี้ว่า กระทรวงเกษตรฯ.ได้ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมงาน ฟอรั่มการลงทุนซาอุดีอาระเบีย-ไทย 2022( Saudi-Thai Investment Forum 2022) ระหว่างวันที่15-16 พฤษภาคมนี้ที่กรุงริยาด โดยมีกระทรวงการลงทุน(Ministry of Investment)ของซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพในการจัดงานโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตรที่ปรึกษารัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ

ซึ่งในการประชุมระหว่างภาครัฐกับกลุ่มธุรกิจชั้นนำของ2ประเทศมีเจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด( Prince Faisal bin Farhan Al Saud )รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ และประธานคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าเกษตรมาตรฐานฮาลาล นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และผู้บริหารบริษัทในสาขาต่างๆเช่นเอสซีจี (SCG.), ปตท.(PTT), ซีพี. ไทยยูเนี่ยน, ซีแวลู,โตโยต้า, ทีโอเอ, โตชิบา และแอร์เอเซีย เป็นต้นร่วมประชุมเพื่อสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียในมิติต่างๆ

ทั้งนี้เจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด (Prince Faisal bin Farhan Al Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในฐานะตัวแทนรัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้เปิดโอกาสให้ฝ่ายไทยเสนอประเด็นที่ต้องการให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.ได้เสนอให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียจำหน่ายปุ๋ยราคามิตรภาพให้กับประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเนื่องจากปัจจุบันราคาปุ๋ยพุงสูงขึ้นจากผลกระทบของโควิดระบาดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน

‘พนิต’ วอนหยุดปั่นกระแสเลือก ‘แพ็คคู่’ ยัน พรรคส่งส.ก.แต่ไร้ผู้ว่าฯกทม. ทำงานได้

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.65 นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว Panich Vikitsreth - พนิต วิกิตเศรษฐ์  เรื่อง ‘พูดให้ครบอย่าหลอกคนกรุงเทพฯ ส่งส.ก.ไร้ผู้ว่าฯกทม.ทำงานได้’ ว่า หลังจากอธิบายประเด็นผู้ว่าฯ กทม.อิสระ โดยไม่มีส.ก.พ่วงท้ายสามารถทำงานได้ในโพสต์ที่ผ่านมา ส่วนโพสต์นี้ ผมในฐานะอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่มีประสบการณ์ตรงกับการทำงานในฝ่ายบริหารกทม.และ สภาฯ กทม. ขออธิบายถึงบทบาทของส.ก.สังกัดพรรค และไม่ส่งผู้ว่าฯ กทม.ของตัวเอง จะสามารถทำงานได้หรือไม่

หลังมีผู้ออกมาแสดงความเห็นว่า ‘ไม่สามารถทำงานได้’ ในขณะที่สนามเลือกตั้งกทม.ครั้งนี้หลังห่างหายไป 9 ปี มีหลายพรรคการเมืองที่ส่งส.ก.แต่ไม่ส่งผู้ว่าฯกทม. เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยยูไนเต็ด และพรรคกล้า เป็นต้น

ประเด็นดังกล่าวนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เปรียบดังเหรียญที่มีสองด้าน ส่วนข้อดี หากพรรคการเมือง ส่งส.ก. และ ผู้ว่าฯกทม. คือทำงานเป็นทีม และผลักดันนโยบายต่างๆ ตามที่หาเสียงไว้ ทำนอง ‘น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า’ และสมมุติว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น ทั้งผู้ว่าฯกทม. ส.ก. และ พรรคการเมืองจะต้องร่วมรับผิดชอบ จะชิ่งหนีเอาตัวรอดไม่ได้

แต่ก็มีข้อเสียที่สังคมอาจไม่รู้ คือผู้ว่าฯกทม. จะมีความเกรงใจจาก ส.ก.บางคนในพรรคเดียวกันเพราะอาจถูกเครมว่าได้ตำแหน่งมาเพราะพวกเขา รวมทั้งการครอบงำ และแรงกดดันต่าง ๆ จากพรรคการเมือง และนักการเมือง

ขณะเดียวกันระบอบการตรวจสอบอาจเป็นแบบขอไปที และบางเรื่องอาจถูกสังคมมองว่าเอื้อประโยชน์ และต่างตอบแทนซึ่งกันและกันเพราะเป็นพวกพ้องที่มาจากพรรคการเมืองเดียวกัน จึงละเว้นการตรวจสอบกันเองใช่หรือไม่

แตกต่างจาก ส.ก. ที่ไม่ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. จะช่วยทำงานในศาลาว่าการกทม.โปร่งใส เพราะมีกระบวนการตรวจสอบกันและกันอย่างเข้มข้น ไม่ต้องกังวลหรือติดค้างอะไรกัน ภายใต้กลไกการทำงานในสภาฯกทม.

“บิ๊กโอ๋” แถลงจับคนร้ายฆ่าคนตายและวิ่งราวทรัพย์ที่เพชรบุรี

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม พ.ต.อ.โกศล ยามา รอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี พ.ต.อ.โชคชัย เนียลเซ็นผกก.สภ.ท่ายาง และ พ.ต.อ.วรวัชร แค้มวงค์ ผกก.สภ.เขาย้อย ร่วมแลงข่าวจับกุมคนร้าย 2 คดี โดยคดีแรกจับตัว นางจันทิมา หรือฟ้า วงค์วัทกี อายุ 26 ปี ชาว อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ตามหมายจับศาล จ.เพชรบุรี ที่ 110/2565 ลงวันที่ 16 พ.ค. 65 ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 

ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีคนร้ายใช้ไม้ตี นางตี๋ แซ่ภู่ อายุ 70 ปี อาชีพทำไร่กล้วย-มะนาว จนเสียชีวิตขณะอยู่เพียงลำพังภายในบ้าน หมู่ 4 บ้านน้ำลัด ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง ก่อนรื้อค้นเอาทรัพย์สินจำนวนหนึ่งหลบหนีไป จากการสอบสวนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือ นางจันทิมา ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ผู้ตาย

จึงตามจับตัวมาสอบปากคำและให้การรับสารภาพว่าเป็นคนใช้ไม้ตีนางตี๋จนเสียชีวิต สาเหตุโกรธแค้นที่ผู้ตายทวงเงินที่ตนเป็นหนี้อยู่ประมาณ 3 แสนบาท และด่าว่าตนเสียๆ หายๆ จึงตัดสินใจลงมือฆ่าเอาทรัพย์สินผู้ตายแล้วหลบหนีก่อนถูกจับได้ในที่สุด 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งทุกหน่วย เร่งระดมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. เปิดเผยว่า จากกรณี มีฝนตกหนักในพื้นภาคเหนือ พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง และน้ำป่าไหลหลากในบางพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง รวมถึงกรณีน้ำท่วมขังผิวจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อน จึงได้กำชับพร้อมสั่งการไปยังทุกหน่วย ได้เร่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วน ทั้งในเรื่องการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของประชาชน การอำนวยความสะดวกด้านจราจร การจัดเตรียมสถานที่รองรับหากมีการอพยพ และการเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภค สำหรับแจกจ่ายบรรเทาความเดือดในเบื้องต้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวอีกว่า เมื่อ 17 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่า ได้เกิดเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก บ้าน ม.1(บ้านดอกคำใต้) ม.3 (บ้านน้ำหลง) ม.4(บ้านงิ้วงาม) ต.แม่ตีบ อ.งาว จว.ลำปาง  ทำให้น้ำป่าเริ่มไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ทำให้สิ่งสาธารณประโยชน์ พืชผลทางการเกษตร ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง ได้รับความเสียหายหนักนั้น

ทาง พ.ต.อ.สมพงษ์ บุญมาประเสริฐ ผกก.สภ.งาว จว.ลำปาง ได้ลงพื้นที่ พร้อมทั้ง มอบหมายให้ พ.ต.ท.โกศล วงศสถาน รอง ผกก.ป.ฯ, พ.ต.ต.ธนาศักดิ์ ศรีแปงวงค์ สว.ธร.ฯ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจจิตอาสา และ ชุด ชมส.สภ.งาว จว.ลำปาง เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยง เก็บไว้ที่ปลอดภัย ร่วมกับนายอำเภองาว พร้อมคณะ นายก อบต.แม่ตีบ และ นายก อบต.ในพื้นที่ หน่วยป่าไม้ ทหารค่ายประตูผา, กู้ภัย อ.งาว จว.ลำปาง  โดยได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ โดยช่วยขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยง เก็บไว้ที่ปลอดภัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเร่งช่วยเหลือเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง นำน้ำดื่มและอาหาร พร้อมทั้งบรรจุกระสอบทรายนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 

ญี่ปุ่น นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวไทย แต่มีเงื่อนไขฉีดวัคซีน 3 เข็ม - ไปกับทัวร์เท่านั้น

รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตนักท่องเที่ยวจาก 4 ประเทศมายังญี่ปุ่นได้ มีเงื่อนไขต้องฉีดวัคซีนแล้ว 3 เข็ม และไม่สามารถเดินทางอิสระได้ เดือนนี้รับแค่ 50 คนเท่านั้น

กรมการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่นประกาศแผนให้นักท่องเที่ยวจากสหรัฐ ออสเตรเลีย ไทย และสิงคโปร์ มาท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ โดยมีข้อกำหนด คือ

- ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดแล้ว 3 เข็ม (ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศรายชื่อวัคซีน แต่วัคซีนที่รัฐบาลญี่ปุ่นรับรองให้ใช้กับประชาชนในญี่ปุ่น ได้แก่ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตร้าเซนเนก้า และ โนวาแวกซ์)

- เดินทางมากับบริษัทท่องเที่ยว เป็นกลุ่มขนาดเล็ก ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ และต้องมีไกด์ในญี่ปุ่นติดตามตลอดเส้นทาง (ไม่สามารถออกนอกเส้นทาง และท่องเที่ยวอิสระได้)

- พื้นที่ท่องเที่ยวต้องไม่อยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (ขณะนี้ทั้งประเทศญี่ปุ่นสิ้นสุดการบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว) และทางการท้องถิ่นต้องเห็นชอบด้วย

- ต้องมีประกันสุขภาพ (ยังไม่กำหนดวงเงิน และเงื่อนไข)

- ต้องปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมโรคระบาด, มีแผนรองรับหากติดเชื้อโควิด

อียู ไฟเขียว สมาชิกซื้อแก๊สตามกลไกรัสเซีย ชี้ ไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร แค่ปรับท่าที

สหภาพยุโรป (อียู) ระบุบริษัทต่างๆ สามารถซื้อแก๊สรัสเซียโดยไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ถือเป็นการปรับท่าทีโอนอ่อนลงในการเผชิญหน้ากับรัสเซียเกี่ยวกับอุปทานทางพลังงาน

คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกคำแนะนำที่ปรับใหม่ แล้วส่งไปยังชาติสมาชิกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 พ.ค.) โดยเนื้อหาที่ปรับปรุงใหม่ระบุไว้ว่าบริษัทต่างๆ ต้องทำให้ชัดเจนว่าพวกเขามีเจตนาในการปฏิบัติตามข้อบังคับภายใต้สัญญาที่มีอยู่ และถือว่าได้ทำตามข้อกำหนดครบแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งชำระค่าก๊าซด้วยเงินสกุลยูโร หรือดอลลาร์สหรัฐ

คำแนะนำของคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า "มาตรการคว่ำบาตรของอียู ไม่ได้ขัดขวางผู้ประกอบการจากการเปิดบัญชีธนาคารหนึ่งในธนาคารที่กำหนดไว้ เพื่อชำระเงินภายใต้สัญญาณต่างๆ สำหรับจัดหาก๊าซธรรมชาติ ด้วยสกุลเงินที่ระบุในในสัญญา" คณะกรรมาธิการกล่าว "พวกผู้ประกอบการควรแสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าพวกเขามีความตั้งใจทำตามเงื่อนไขของสัญญาต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และพิจารณาว่าได้ทำตามภาระผูกพันในเรื่องของการชำระหนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ด้วยการจ่ายเงินเป็นยูโรหรือดอลลาร์ ตามกรอบของสัญญาที่มีอยู่"

ในคำแนะนำใหม่นี้ไม่ได้ห้ามบริษัทต่างๆ เปิดบัญชีธนาคารกับก๊าซพรอมแบงก์ และจะช่วยให้พวกเขาซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียตามกรอบมาตรการคว่ำบาตรที่อียูกำหนดเล่นงานรัสเซียต่อกรณีรุกรานยูเครน แต่มันไม่ได้พูดถึงข้อบังคับของมอสโกที่ขอให้เปิดบัญชีที่ 2 ในสกุลเงินรูเบิล ซึ่งมันมีความจำเป็นตามคำสั่งฉบับหนึ่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อให้การชำระเงินนั้นเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้คำแนะนำดังกล่าวเป็นไปตามที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันเสาร์ (14 พ.ค.)

สหรัฐฯ วิเคราะห์ข้อมูลกล่องดำ ‘ไชน่าอีสเทิร์น’ ชี้ เหตุเครื่องบินโหม่งโลก เกิดจาก ‘ความจงใจ’

2 เดือนหลังเครื่องบินไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลนส์ตกในภูเขาดับยกลำ สหรัฐฯ วิเคราะห์กล่องดำ พบ “ใครบางคนในห้องนักบิน จงใจนำเครื่องบินดิ่งพสุธา”

หลายคนอาจยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. เกิดเหตุโศกนาฏกรรม เครื่องบินโบอิ้ง 737 รุ่น 737-800 ของสายการบินไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลน์ส ตกบนภูเขาทางตอนใต้ของจีน เที่ยวบินที่ MU 5735 ขณะเดินทางจากเมืองคุนหมิงไปกวางโจว จนเป็นเหตุให้ 132 ชีวิตบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด

จากข้อมูลของ FlightRadar24 เครื่องบินกำลังแล่นที่ระดับความสูง 29,100 ฟุต (ประมาณ 9,000 เมตร) แต่หลังจากนั้น 2 นาที 15 วินาทีก็ร่วงลงมาอยู่ที่ 9,075 ฟุต ซึ่งคาดว่าการตกเป็นลักษณะเครื่องเอาหัวดิ่งลงมา

โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเก็บกู้กล่องดำของเครื่องบินลำดังกล่าวได้ และได้นำไปตรวจสอบหาสาเหตุการตก

ล่าสุด ผ่านไปเกือบ 2 เดือนหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นจากกล่องดำ และพบว่า “มีใครบางคนในห้องนักบิน จงใจนำเครื่องบินดิ่งพสุธา”

แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ บอกว่า ข้อมูลจากกล่องดำที่กู้คืนได้ บ่งชี้ว่า ตอนเกิดเหตุ “มีการอินพุต (ใส่คำสั่ง) ไปยังส่วนควบคุม ให้เครื่องบินทิ้งดิ่งลงมา”

แหล่งข่าวเสริมว่า “เครื่องบินทำตามที่คนในห้องนักบินบอกให้ทำ”

นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่จีนซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ยังไม่ได้ระบุพบปัญหาทางกลไกหรือการควบคุมการบินใด ๆ ซึ่งเป็นการสนับสนุนผลการประเมินของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ

ชุมชนในตำนานฉากหลักของหนังอินเดียสุดปัง “Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ”

พาไปรู้จักกับ “กามธิปุระ” ย่านโสเภณีชื่อดังในเมืองมุมไบ ที่เป็นฉากหลักในหนังอินเดียสุดปังเรื่อง “Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ” ซึ่งกำลังโด่งดัง มีคนแต่งตัวเลียนแบบคังคุไบกันว่อนโซเชียล

“Gangubai Kathiawadi” เป็นหนึ่งในภาพยนตร์บอลลีวูดของยุคนี้ พ.ศ.นี้ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปในหลายประเทศทั่วโลก

Gangubai Kathiawadi (คังคุไบ กฐิยาวาฑี) หรือที่ภาษาไทยใช้ชื่อว่า “หญิงแกร่งแห่งมุมไบ” เป็นหนังอินเดียยุคใหม่สร้างขึ้นมาจากนิยายเรื่อง “Mafia Queen of Mumbai” เขียนโดย “ฮุสเซน ไซดี” (Hussain Zaidi) ซึ่งได้อ้างอิงเรื่องราวชีวิตจริงของ “Gangubai Harjeevandas” (คังคุไบ ฮาร์จีวันดัส) โสเภณีคนดังแห่งเมืองมุมไบ ที่เป็นทั้ง “แม่พระ” และ “มาเฟีย” ในคน ๆ เดียวกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวประมาณ 150 นาที เข้าฉายครั้งแรกในเทศกาลหนังเบอร์ลินเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่อินเดียเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และสามารถกวาดรายได้เบื้องต้นไปเกือบ ๆ 900 ล้านบาท จากต้นทุนประมาณ 500 ล้านบาท

จากนั้นหนังเรื่องนี้มาตอกย้ำความปังไปอีกขั้น หลังถูกนำมาออกอากาศทาง Netflix ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง มีคนสนใจในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงในบ้านเรา ชนิดที่ว่ามีการแต่งคอสเพล์ยเลียนแบบคังคุไบกันว่อนโซเชียล

Gangubai Kathiawadi นำเสนอเรื่องราวของ “คังคุไบ” ตั้งแต่ในวัยเยาว์ที่เติบโตมากับความฝันอยากเป็นนักแสดง แต่ทว่า...เธอกลับถูกสามีหลอกไปขายให้กับซ่องโสเภณีในมุมไบตั้งแต่มีอายุเพียง 16 ปี เพื่อแลกกับเงินไม่กี่ร้อยบาท

แต่คังคุไบก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาเธอต่อสู้ฟันฝ่าจากโสเภณี ไต่เต้าขึ้นมาเป็นแม่เล้า จนกลายเป็นหญิงเจ้าของซ่องผู้ร่ำรวย และมีอิทธิพลคนหนึ่งของอินเดีย จนได้ชื่อว่า “ราชินีมาเฟียแห่งมุมไบ”

SME D Bank เติมวงเงิน 'สินเชื่อ 3D' อีก 4 พันล้าน หนุนผู้ประกอบการขยายโอกาสรับเปิดประเทศ

SME D Bank อัดฉีดวงเงิน “สินเชื่อ 3D” เพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท รวมเป็น 19,000 ล้านบาท หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน เดินหน้าธุรกิจได้เต็มที่ รับกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายเปิดประเทศ แถมขยายหลักเกณฑ์ เปิดกว้างกู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล หากหลักประกันไม่พอ สามารถใช้ บสย. ค้ำประกันได้

น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ทางธนาคาร เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนขานรับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล โดยเพิ่มวงเงิน “สินเชื่อ 3D” อีก 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 15,000 ล้านบาท รวมเป็น 19,000 ล้านบาท รวมถึงขยายเกณฑ์เปิดกว้าง กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล หากหลักประกันไม่พอสามารถใช้ บสย. ค้ำประกันได้

สำหรับ “สินเชื่อ 3D” ครอบคลุมทุกความต้องการของทุกกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี วงเงินกู้สูงสุดถึง 50 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี ประกอบด้วย...

'ก.อ.' เชือด 'เนตร นาคสุข' ให้ออกจากราชการ ชี้ ใช้ดุลพินิจไม่รอบคอบ สั่งไม่ฟ้องคดี ‘บอส อยู่วิทยา’

ก.อ.มีมติเอกฉันท์ เชือด ‘เนตร นาคสุข’ กรณีไม่สั่งฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’ ขับรถชน ตร.ตาย โดยกำหนดโทษให้ออกจากราชการ ลดจากโทษ ‘ปลดออกจากราชการ’ เหตุเพราะรับราชการมา40 ปี ทำประโยชน์ให้ราชการมามาก 

18 พ.ค.2565 - ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ. )เป็นประธาน การประชุม ก.อ. โดยในที่ประชุมได้มีลงมติ ผลสอบคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหา คดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อเสียชีวิต ซึ่งได้มีการส่งผลการสอบสวนให้ นายพชร ประธาน ก.อ.เมื่อช่วงหลังหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา

โดยภายหลังการประชุม นายพชร กล่าวว่าในวันนี้ที่ประชุม ก.อ.มีผู้เข้าร่วมประชุม 14 คน ลา 1 คน ซึ่งมี ก.อ.ที่เคยถูกตั้งเป็นกรรมการสอบสวนวินัย นายเนตรจำนวน6 คนที่ประชุมจึงให้งดออกเสียงโดยกรรมการที่มีสิทธิลงมติจึงเหลือ 8 คน

กรรมการทั้ง 8 มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า นายเนตรขาดความระมัดระวังละเอียดรอบคอบในการรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่สำคัญในคดีและ ไม่ให้ความสำคัญกับสำนวนทุกประเภท ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญา ของพนักงานอัยการ (อันเป็นระเบียบที่ใช้บังคับในขณะกระทำความผิดตามที่ ถูกกล่าวหา) เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง อันเป็นการกระทำความผิด ฐานไม่ปฏิบัติ หน้าที่ราชการด้วยความระมัดระวัง เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ ไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบ แบบแผนของทางราชการ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ อย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 และความผิดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความระมัดระวัง เป็นเหตุ ให้เสียหายแก่ราชการ และฐานไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ตาม แห่งพรบ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 เป็นความผิด วินัยไม่ร้ายแรง 

ส่วนความผิดฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการกระทำครั้งเดียวผิดวินัย หลายฐาน จึงเห็นควรลงโทษในสถานความผิดวินัยอย่างร้ายแรงที่มีโทษหนักกว่า แต่ทางสอบสวน ไม่ ปรากฏพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จึงยังไม่ถึงขนาดที่จะต้องถูกไล่ออกจากราชการ เห็นพ้องกันว่าควรลงโทษผู้ถูกกล่าวหา “ปลดออกจากราชการ” แต่เมื่อพิจารณา ถึงประวัติการรับราชการพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยถูกลงโทษในการกระทำความผิดทางวินัยมาก่อน และกรณีดังกล่าวนี้เป็นการกระทำความผิดทางวินัยครั้งแรก ผู้ถูกกล่าวหาเองได้รับราชการมาเป็น ระยะเวลานานกว่า 40 ปี ทำคุณประโยชน์แก่ราชการไว้มาก กรณีมีเหตุอันควรลดหย่อนโทษให้แก่ ผู้ถูกกล่าวหาคณะกรรมการ ก.อ.ทั้ง 8 ซึ่งรวมตนด้วยจึงมีมติเเละคำสั่งให้ ลงโทษนายเนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหา ในสถาน “ให้ออกจากราชการ” ตาม พรบ. ข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 85,87

นายพชร กล่าวต่อว่า มติก.อ.วันนี้ถือว่าสิ้นสุดแล้วในส่วนของการดำเนินการทางวินัย หากนายเนตรไม่เห็นด้วย กับมติ ก.อ.ก็ยังสามารถใช้วิธีทางปกครองโดยการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ ทั้งนี้คำสั่งให้ออกจากราชการมีผลตั้งแต่วันที่มีการอนุมัติให้ลาออกจากราชการแล้วในส่วนการดำเนินคดีอาญากับนายเนตร ในส่วนของสำนักงานอัยการ นั้นคงไม่มีแล้ว คงให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่น อย่างไรก็ตามในส่วนของนายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์นั้น เราก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโดยมี นายประพัฒน์พงศ์ สุคนธ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครอง เป็นประธานสอบ แต่จะเป็นความผิดสถานใดก็ต้องรอดูผลสอบสวน

เมื่อถามว่า การลงโทษนายเนตร นาคสุข แค่ให้ออกจากราชการมองว่าเป็นการช่วยเหลือกันหรือไม่

นายพชรยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือกัน เพราะนายเนตร นั้นในหมู่อัยการรู้นิสัยกันดีว่าจริงๆแล้วนายเนตรไม่ควรจะขาดความรอบคอบ แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า การสั่งคดีนั้นมีการทุจริตตรงไหน นายเนตรถือเป็นอัยการที่มือสะอาด แต่การใช้ดุลพินิจในขณะนั้นจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ถือว่าขาดความรอบคอบจากมาตรฐานของคนที่ทำคดีมายาวนาน ซึ่งต้องมีความรอบคอบมากขึ้น และต้องสอบพยานคนกลางที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้เป็นที่ยอมรับของสังคม

“องค์กรอัยการเราอยู่มาถึง 140 กว่าปี ถ้าเราไม่ได้รับความเชื่อถือต่อสังคม เรารับไม่ได้ เพราะองค์กรจะต้องอยู่ต่อไป เราเป็นทนายแผ่นดิน เป็นข้าแผ่นดิน ถ้าทนายแผ่นดินเชื่อถือไม่ได้ ก็ไม่รู้จะสรรหากระบวนการยุติธรรมไหนที่เชื่อถือได้อีกแล้ว” ประธานก.อ.ระบุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top