Tuesday, 2 July 2024
Lite

ย้อนเวลากลับไปราว 50 - 60 ปีก่อน เพลงไทยที่เรียกตัวเองว่า ‘เพลงไทยลูกกรุง’ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยหนึ่งในนักร้องที่จัดว่าอยู่ในระดับหัวแถวของแนวเพลงดังกล่าวนี้ มีชื่อของ ‘สุเทพ วงศ์กำแหง’ รวมอยู่ในนั้น

กว่า 60 ปีที่ขับขานบทเพลงให้ผู้คนได้รับฟัง ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือตัวอย่างของการเป็นนักร้องคุณภาพอย่างแท้จริง

เรืออากาศตรี สุเทพ วงศ์กำแหง เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมาโดยกำเนิด เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม ได้เข้ารับราชการเป็นทหารอากาศ สังกัดกองพันต่อสู้อากาศยาน ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2498 ก็ได้เข้ามาประจำอยู่ที่วงดุริยางค์ทหารอากาศ ครั้นเมื่อออกจากราชการกองทัพอากาศแล้ว สุเทพก็ได้เข้าร่วมกับคณะชื่นชุมนุมศิลปิน มีโอกาสร้องเพลงทั้งในรายการวิทยุและโทรทัศน์จนมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น

สุเทพ วงศ์กำแหง กลายเป็นนักร้องที่โด่งดังมาก ๆ จากการได้ร้องเพลงคู่กับ สวลี ผกาพันธ์ นักร้องหญิงแห่งยุคในเวลานั้น จนทั้งคู่กลายเป็นนักร้องทรงพลังที่มีแฟนเพลงติดตามผลงานกันมากมาย และด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ชวนฟัง เจ้าตัวจึงได้รับการขนานนามว่า ‘เป็นนักร้องเสียงขยี้แพรฟองเบียร์’

สุเทพ วงศ์กำแพง มีผลงานเพลงอมตะมากมาย อาทิ รักคุณเข้าแล้ว เธออยู่ไหน บ้านเรา เสน่หา ซึ่งหลาย ๆ บทเพลงก็ยังถูกศิลปินรุ่นหลัง ๆ ในวันนี้ นำไปร้องคัฟเวอร์กันอยู่เสมอ ตลอดเส้นทางอาชีพนักร้อง สุเทพ วงศ์กำแหง ได้รับรางวัลการันตีมากมาย อาทิ รางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน รางวัลเสาอากาศทองคำ และรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง รางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปีพ.ศ. 2533

กระทั่งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พงศ. 2563 นักร้องเจ้าของฉายา เสียงขยี้แพรฟองเบียร์ท่านนี้ ก็ได้เสียชีวิตลงในบ้านพักย่านวัฒนา กรุงเทพฯ ด้วยวัย 86 ปี แม้ตัวจะจากไป แต่น้ำเสียงและบทเพลงอันเป็นอมตะ ของนักร้องที่ชื่อ ‘สุเทพ วงศ์กำแหง’ ก็จะยังคงอยู่ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและรับฟังกันตลอดไป


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สุเทพ_วงศ์กำแหง

วันนี้เมื่อ 13 ปีก่อน ทักษิณ ชินวัตร เคยเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเป็นหนแรก หลังถูกรัฐประหาร พร้อมเหตุการณ์สำคัญ การก้มลงกราบยังพื้นของสนามบิน กลายเป็นภาพข่าวดัง ที่ถูกบันทึกเอาไว้ตามหน้าสื่อต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เวลา 09.45 น. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางจากฮ่องกง มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยเครื่องบิน TG 603 โดยเป็นการเดินทางกลับมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังจากรัฐบาลโดยการนำของตัวเอง ถูกรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549

เมื่อเดินทางมาถึง เจ้าตัวได้สวมกอดกับครอบครัว และทักทายบุคคลต่าง ๆ ที่มาต้อนรับ พร้อมกับก้มลงกราบกับพื้นหน้าทางออกของสนามบิน ซึ่งภาพนี้ได้กลายเป็นภาพข่าวใหญ่ของสื่อและหนังสือพิมพ์ทุกฉบับของประเทศในเวลานั้น

กล่าวถึง ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนนตรีประเทศไทย เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 จนถึง 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยหลังจากถูกรัฐประหารจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าคณะ เจ้าตัวก็ได้ทำการลี้ภัยในต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปี 5 เดือน กระทั่งเดินทางกลับเมืองไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

โดยระหว่างเวลาดังกล่าว ทักษิณ ชินวัตรก็ได้เข้ามอบตัวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ร่วมกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา (ในขณะนั้น) ซึ่งศาลอนุมัติให้ประกันตัว แต่หลังจากนั้นทั้งสองคนได้ขออนุญาตศาลฎีกาฯ เดินทางออกนอกประเทศ โดยให้เหตุผลเพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่น ระบุวันเดินทางระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม - 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

กระทั่งเมื่อถึงวันนัดไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาฯ ในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ทั้งทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่มารายงานตัว ภายหลัง ผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาลับหลัง ตัดสินให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร 2 ปี ส่วนคุณหญิงพจมาน ยกฟ้อง

นับถึงปัจจุบัน ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้กลับมายังประเทศไทยอีกเลย และหลบหนีคดีจากคำพิพากษาของศาลมาแล้วกว่า 13 ปี


ที่มา:

https://th.wikipedia.org/wiki/ทักษิณ_ชินวัตร

https://news.thaipbs.or.th/content/265543

แจกเทคนิคปรับ ‘หน้ากากอนามัย’ ให้กระชับเข้ากับรูปหน้า หรือที่เรียกว่า ‘หน้ากากกระทง’ ช่วยป้องกันเชื้อโรคได้มากขึ้นกว่า 60%

วัคซีนโควิด – 19 มาแล้วจ้า! แต่ถึงยังไง การสวม ‘หน้ากากอนามัย’ ก็ยังเป็นของจำเป็นที่ต้องสวมใส่อยู่เสมอนะจ๊ะ ล่าสุด The States Times ไปเจอคลิปสอนวิธีการทำ ‘หน้ากากกระทง’ ซึ่งความจริงก็คือ นำหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา มาปรับรูปลักษณะให้มีความกระชับ โดยไม่เผยให้เห็นช่องโหว่บริเวณด้านข้างใบหน้าของเรา

ซึ่งจุดนี้ มีวารสารการแพทย์ของต่างประเทศ เคยมีผลวิจัยออกมาว่า จากหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ที่สามารถกรองเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ประมาณ 38% แต่หากปรับรูปลักษณะให้เป็นแบบกระทง หรือกระชับกับใบหน้ามากขึ้น จะสามารถกรองเชื้อโรคไม่ให้ผ่านเข้าสู่ร่างกายได้สูงกว่า 60%

เมื่ออะไรดีกว่า ก็ควรต้องลองปรับกันดู แถมวิธีการทำก็ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก เรามีขั้นตอนมาให้ดูกันแบบช็อตต่อช็อต หรือหากใครดูแล้วยังไม่เคลียร์ สามารถคลิ๊กตามลิ้งค์เข้าไปที่ https://www.facebook.com/jeablalanaofficial/videos/2794392337476371 จะพบกับ ‘คุณหมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์’ ที่จะมาสาธิตการทำหน้ากากกระทงให้ดูกัน

ทดลองทำกันดูนะจ๊ะ เรื่องง่าย ๆ และมีประโยชน์แบบนี้ ไม่ควรมองข้าม จัดกันได้เล้ย!


ขอบคุณเพจ: Jeab Lalana official

‘ข้าวไทย’ เป็นสินค้าส่งออกของประเทศมายาวนาน แต่หากจะสืบย้อนกลับไป ว่าเมืองไทยเริ่มมีการพัฒนา ‘พันธุ์ข้าว’ อย่างจริงจังเมื่อไร เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2450 หรือวันนี้เมื่อ 114 ปีที่แล้วนี่เอง

ตามประวัติศาสตร์ ประเทศไทยมีการศึกสงครามมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมเวลากว่า 550 ปี จนเมื่อเข้าสู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้นเป็นลำดับ

โดยสินค้าส่งออกชนิดหนึ่งที่มีการค้าขายจนกลายเป็นของสำคัญ นั่นคือ ข้าว ทว่า ‘ข้าวไทย’ ในยุคสมัยดังกล่าว มีเมล็ดพันธุ์ที่ปะปนกันอยู่มากมาย ทั้งข้าวพันธ์ดีไปจนถึงพันธ์คุณภาพต่ำ ส่งผลให้มีราคาต่ำกว่าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน

ด้วยเหตุนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดให้มีการประกวดพันธุ์ข้าวขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่เมืองธัญบุรี (รังสิตในปัจจุบัน) มีชาวนาส่งข้าวเข้าประกวดถึง 324 ราย รวมข้าวได้ 165 พันธุ์ ซึ่งข้าวที่ได้รับรางวัลที่ 1 มีชื่อว่า ‘ข้าวปิ่นทอง’

จากการประกวดในครั้งนั้น ทำให้มีการจัดแบ่งพันธุ์ข้าวอย่างมีมาตรฐานยิ่งขึ้น หลังจากนั้นจึงมีการประกวดพันธุ์ข้าวเรื่อยมา โดยนอกจากจะเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปแล้ว ภายหลังยังมีการแจกจ่ายขยายพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี เพื่อให้ประชาชนได้นำไปปลูกต่อไป รวมทั้งยังได้ตั้งพันธุ์ข้าวมาตรฐานเอาไว้ด้วยกัน 8 พันธุ์ ได้แก่ พวงเงิน ขาวทดลอง ทองระย้าดำ จำปาซ้อน ปิ่นแก้ว บางพระ น้ำดอกไม้ และนางตานี ซึ่งต่อมายังได้มีพันธุ์ข้าวอื่น ๆ เกิดขึ้นจากสถานีพันธุ์ข้าว และวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน


ที่มา:

http://brrd.ricethailand.go.th/index.php/2016-07-15-05-29-43/136-2017-05-04-02-32-02

http://www.thairiceexporters.or.th/features/Thai%20rice%20center%20of%20modern%20rice%20varieties.htm

พีค of the week EP.7

สัปดาห์ที่แล้ว มีอีเว้นท์ใหญ่เกิดขึ้นอยู่ 2 เรื่องราว เรียกว่ากลบทุกข่าวไปหมด อีเว้นท์แรก เหตุการณ์ ‘ม็อบ 13 กุมภาฯ’ ที่ออกมารวมตัว ‘นับหนึ่งถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน’ แต่ผลปรากฎว่า เกิดเหตุปะทะกันอีกเช่นเคย พร้อมดราม่าร้อน ๆ ‘ตำรวจกระทืบแพทย์อาสา’ ผ่านไปไม่กี่วัน ‘ศึกซักฟอกระลอกใหม่’ ของฝ่ายค้านกับรัฐบาล ก็เปิดฉากขึ้นตามมาติด ๆ

อุต๊ะ! อีเว้นท์นี้ก็แซ่บลืม มีทั้งซีนแรง ๆ มันส์ ๆ ดวลฝีปากกัน 4 วัน 4 คืน งานนี้ใครพลาดอีเว้นท์ไหน ตามไปรับชมกับ พีค of the week อีพีนี้กันได้เลย Let’s go!! 

.

 

พีค of the week EP.1

The States Times ขอเปิดคอนเท้นใหม่ เราเรียกชื่อกันว่า ‘พีค of the week’ ซึ่งก็ตรงตามชื่อกันเลยล่ะครับ เราไปรวบประเด็นข่าวพีคๆ ในรอบสุดสัปดาห์ก่อน มาประมวลเพื่อเป็นการเก็บตกบรรยากาศความฮอตของข่าวกันอีกที สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวไหนที่ ‘พีคๆ’ กันบ้าง ตามไปชมกันได้ในคลิปนี้ได้เลยครับ

.

พีค of the week EP.2

สัปดาห์ก่อน เรื่องการข่าว มาทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องดราๆ (หมายถึงดราม่า) ทั้งข่าวมาตรการเยียวยา หรือดราม่าพิมรี่พาย ยังมีอีกหลายข่าวที่เราคัดสรรมาแล้วว่า ‘มันพีคจริงๆ แม่!’ ไปดูกันซะก่อนจะหมดวันนี้ เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ คุณจะคุยกับเขา ไม่...รู้...เรื่อง!!

.

พีค of the week EP.3

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวพีคๆ ให้พูดถึงอยู่หลายข่าว The States Times จับรวบตึงมาให้ชมกัน แต่พิเศษเพิ่มเติมอีกสักนี๊ด ข่าวพีคๆ ครั้งนี้ เป็น ‘พีคแบบลุงๆ’ ตามไปดูกันว่า มี ‘ลุง’ คนไหนพีคแบบจัดๆ กันบ้าง Let’s go!!

.

 

พีค of the week EP.4

ต้นสัปดาห์วนกลับมาอีกครั้ง เป็นการนัดหมายว่า เราจะกลับมาพร้อม รวมเด็ด ‘ข่าวพีคๆ’ ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเมื่ออาทิตย์ก่อนมีข่าวร้อน ๆ มากมาย แต่เราขอพุ่งเป้าไปที่แวดวงบันเทิง อาทิตย์ก่อนดูจะมีข่าวฮอต ๆ กับวงการบันเทิงอยูไม่น้อย ไปดูกันว่า ข่าวพีคแบบบันเทิง ๆ จะมีข่าวไหนกันบ้าง Let’s go!!

.

พีค of the week EP.5

สัปดาห์ก่อน ยุ่งชุลมุนกันไปทุกวงการ การเมืองต่างประเทศที่พม่าก็ระอุตั้งแต่เปิดต้นเดือนกุมภาพันธ์กันมาเลย ส่วนที่เมืองไทยบ้านเราก็ไม่เบา มีเหตุการณ์ปะทะกันหลายวง ทั้งวงม็อบปะทะเจ้าหน้าที่ วงการเมือง ‘หมอวรงค์ปะทะธนาธร’ หรือแม้แต่วงบันเทิง ‘อ. ปะทะ ณ.’ แถมท้ายด้วยประโยคเด็ดประจำสัปดาห์ ‘อาวุธคือทิชชู่’ พีคกันซะขนาดนี้ ตามไปดูเรื่องราวกันในอีพีนี้กันได้เลย Let’s go!!

.


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top