Monday, 12 May 2025
Lite

Dream Match!!  อาร์เจนตินา VS ฝรั่งเศส ‘เมสซี่ หรือ เอ็มปั้บเป้’ ตัดสินนัดชิงดำ เดิมพันแชมป์โลกหน 3

การเดิมพันครั้งที่ใหญ่ที่สุดของ ลิโอเนล เมสซี่ การเดินทาบตำนานของ คีเลี่ยน เอ็มปั้บเป้ ตำนานบทใหม่ อาร์เจนตินา หรือ ฝรั่งเศส ถ้วยแชมป์โลกจะเป็นของใคร ทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้แค่ฝั่งเดียวเท่านั้น นัดสุดท้ายที่คนทั้งโลกกำลังรอคอย นี้คือโมเมนต์ที่จะเป็นตำนานเล่าขานต่อจากนี้ นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์

เส้นทางของ อาร์เจนตินา เริ่มด้วยความไม่น่าประทับใจ เมสซี่ ที่ยังคงความพีค ที่ชื่อนี้ใครได้ยินก็รู้ถึงความอันตรายรอบด้าน เส้นทางการเริ่มต้นแบบช็อคโลก ไม่มีใครคาดคิดกับการแพ้ซาอุดิอาระเบีย แต่กลายเป็นการรวมใจครั้งใหญ่ของฝั่งอาร์เจน หลังจากนั้นพวกเค้าชนะรวดแบบไม่เกรงใจใครสปิริตในทีมมันพุ่งทะยาน 

เกมส์เจอกับเม็กซิโก เมสซี่ แต่งบอลหน้ากรอบเขตโทษ ซัดด้วยซ้ายปลดปล่อยทุกอย่างออกมาลูกนี้โคตรสำคัญและปิดท้ายด้วยลูกจ่ายของเค้าให้ เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดส ตอกฝาโลงเม็กซิโก คว้า 3 แต้มนัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ต่อด้วยดับโปแลนด์พาทีมทะยานเข้ารอบ 16 ทีม สุดท้ายชนออสเตรเลีย  เมสซี่ ที่ยิ่งเล่นราวกับว่าร่ายมนต์จนผู้เล่นฝั่งตรงข้ามเอาไม่อยู่แหวกผู้เล่น 3 คนพาบอลซุกก้นตาข่ายและประตูดับออสซี่จาก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ  สุดท้ายจบ 2-1 เข้าไปชนกับยอดทีมอย่างเนเธอร์แลนด์

ภาพความฝันมันค่อยๆชัดขึ้น รอบ 8 ทีมสุดท้ายแต่มันไม่ใช่งานง่ายๆกับทีมที่ยังไม่แพ้ใครอย่าง เนเธอร์แลนด์ แต่เมสซี่ก็ร่ายมนต์อีกครั้งลูกจ่ายคิลเลอร์พาสผ่านกองกลาง กองหลังบังหน้าเต็มไปหมด และลูกจ่ายลูกนี้กลายเป็นคำว่ามหัศจรรย์แล้วโมลิน่ามาจบงาน การกดจุดโทษพาทีมทะยานหนีเป็น 2-0 แม้สุดท้ายแล้วต้องไปดวลจุดโทษแต่เทพีแห่งโชคยังยืนอยู่ข้างขุนพลฟ้าขาวและเมสซี่พวกเค้าเข้ารอบรองชนะเลิศไปชนกับโครเอเชีย 

รอบรองชนะเลิศมันเป็นเกมส์ที่สุดสะเด่าของทัพฟ้าขาว จังหวะจุดโทษขึ้นนำ 1-0 ของเมสซี่ที่โคตรคม ต่อด้วยจ่ายให้ อัลวาเลซ ลากครึ่งสนามให้อาร์เจนหนีห่าง 2-0 และลูกสุดท้ายจ่ายถวายพานทองหลอกกองหลังอย่าง ยอสโก้ กวาดิโอล ที่เดบิวต์ในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลกหนนี้อย่างหมดรูปและเป็น ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ปิดงานอาร์เจนถล่มโครเอเชีย 3-0 ทั้ง 3 ประตูของฟ้าขาวมันมีที่มาจาก เมสซี่คนเดียว เมสซีโครตร้อนแรงแบกอาร์เจนเป็นทุกอย่างของทัพฟ้าขาวในนาที่นี้พาอาร์เจนตินาเช้าชิง และต้องเจอผู้ท้าชิงคือ ฝรั่งเศส กุญแจสำคัญคือนักเตะอาร์เจนตินาที่พร้อมลงสู้ศึกด้วยหัวใจนักเตะทุกคนที่พร้อมจะทำเพื่อเมสซี่เพราะทุกคนรู้ถึงสถานะนี้คือฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ  ตำนาน และที่ต้องยกขึ้นหิ้งไปเลย เมสซี่ โคตรคุณภาพในทัวร์นาเม้นต์นี้เค้าถือครองสถิติทุกอย่างในทัวร์นาเม้นต์ ดาวซัลโว แอสซิสต์ แมนออฟเดอะแมตซ์มากที่สุด ถ้าพูดถึงตอนนี้ เมสซี่ ดีที่สุดในโลกแบบไม่ใครสงสัยเลยนี้คือคนสำคัญหัวใจของฝั่งอาร์เจนตินาในนัดชิง

19 ธันวาคม พ.ศ. 2423 วันประสูติ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

19 ธันวาคม พ.ศ. 2423 วันประสูติ ‘เสด็จเตี่ย’ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอลำดับที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมารดาคือ เจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2423

พระองค์ทรงได้รับถวายพระสมัญญาจากกองทัพเรือว่าเป็น 'พระบิดาของกองทัพเรือไทย' และต่อมาได้แก้ไขเป็น 'องค์บิดาของทหารเรือไทย' เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2544 จากพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ทรงวางรากฐานและพัฒนาปรับปรุงทหารเรือสยามให้เจริญก้าวหน้าตามแบบประเทศตะวันตก

ส่วนกรณีที่นักเรียนนายเรือพากันเรียกพระองค์ว่า 'เสด็จเตี่ย' นั้น พลเรือโท ศรี ดาวราย สันนิษฐานว่า มาจากการที่พระองค์ทรงขัดดาดฟ้าให้นักเรียนนายเรือใหม่ ๆ ที่ฝึกภาคทางทะเลบนเรือหลวงพาลีรั้งทวีปดูเป็นแบบอย่าง ในปี พ.ศ. 2462 หลังจากที่ทอดพระเนตรเห็นนักเรียนเหล่านั้นทำงานนี้ด้วยท่าทางเงอะงะเก้งก้าง โดยตรัสกับพวกนักเรียนเหล่านั้นว่า 'อ้ายลูกชาย มานี่เตี่ยจะสอนให้'

เมื่อช่วงต้นรัชกาลที่ 6 กรมหลวงชุมพรฯ ทรงออกจากราชการซึ่ง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “…กรมหลวงชุมพรฯ ไม่ทรงสบาย ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตออกเป็นนายทหารกองหนุนอยู่ชั่วคราว ๑ จนถึงปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๖๐ จึงเสด็จกลับเข้ามารับราชการเป็นตำแหน่งจเรทหารเรือ…”

แต่กรณีนี้ ศรัณย์ ทองปาน มีความเห็นต่างออกไปโดยเห็นว่า “…ในช่วงต้นรัชกาลที่ ๖ เกิดเหตุนายทหารเรือผู้หนึ่งเมาสุราในร้านอาหารสันธาโภชน์ ที่ตำบลบ้านหม้อ แล้วเกิดวิวาทกับมหาดเล็กหลวง ทำให้รัชกาลที่ ๖ ทรงพิโรธ ดังความในพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งว่า ‘…ปรากฏชัดว่าได้ฝึกสอนนักเรียนนายเรือในหนทางไม่ดี ทำให้มีจิตฟุ้งซ่านจนนับว่าเสื่อมเสียวินัยและนายของทหาร…สมควรลงโทษเป็นตัวอย่าง’

รูดม่านฟุตบอลโลก 2022 ฟ้าขาวผงาดซิวสมัย 3 และฝันสุดท้ายของ 'MESSI 10' สำเร็จแล้ว

จะบอกว่าเมื่อคืน (18 ธ.ค. 65) เป็นคืนสุดคลั่งเลยก็คงไม่ผิด หลังผลลัพธ์ในเวลาของรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ลงเอยที่สกอร์ 3-3 แบบคนเชียร์ฝั่งไหน ก็ได้ช็อตช็อกกลับไปกลับมาในเวลาเพียงชั่วครู่ แม้สุดท้ายเราจะรู้ว่า ทัพฟ้าขาว 'อาร์เจนติน่า' จะแม่นโทษกว่า 'ฝรั่งเศส' และช่วยเติมบทละครชีวิตสุดท้ายบนสังเวียนฟุตบอลของ 'ลิโอเนล เมสซี่' ให้เป็นจริงได้แล้วก็ตาม

อาร์เจนติน่าจัดทัพเต็บสูบ นำโดย ลิโอเนล เมสซี่, อังเคล ดิมาเรีย, โรดริโก้ เดอปอล และ ฮูเลี่ยน อัลวาเลซ มาในแผน 4-3-1-2  ทางด้านฝรั่งเศสก็ขนชุดใหญ่ลงสนาม นำโดยท่านประธาน คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้,  ชิรูด์, เดมเบเล่ และ กรีซมันส์ มาในแผน 4-2-3-1 เรียกว่าทั้งสองทีมต่างส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม และมีแชมป์โลกหนที่ 3 เป็นเดิมพันของทั้ง 2 ทีม 

เกมในช่วง 15 นาทีแรกเป็นฝ่ายอาร์เจนติน่าที่ครองเกมส์ได้ดีกว่าฝรั่งเศส และมีโอกาสได้ยิงทักทายทางฝรั่งเศสครั้งถึง สองครั้ง จังหวะขึ้นเกมส์ของอาร์เจนติน่าทางฝั่งซ้าย ฮูเลี่ยน อัลวาเลซหลบเข้าเขตโทษ อุสมาน เดมเบลเลพยาเข้าสกัดแต่พลาดไปสะกิดขา ฮูเลี่ยน อัลวาเลซ ล้มในเขตโทษผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษ เมสซี่ รับหน้าที่สังหารดวลกับ โยริส ของทางฝรั่งเศส แล้วเมสซี่ก็โชว์ ความเลือดเย็นยิงเข้าไปพาอาเจนขึ้นนำฝรั่งเศส 1-0 

ฝรั่งเศสพยายามตั้งเกมหวังทวงประตูคืนแต่ดูเหมือนว่าผู้เล่นฝรั่งเศสนั้นเล่นผิดฟอร์มกันทั้งทีม กลางเก็บบอลไม่ได้ และเอ็มบั๊ปเป้ไม่มีส่วนกับเกมเลยหลังจากผ่าน 30 นาทีแรกของเกม ฝรั่งเศสพยายามทำเกมขึ้นไปแต่โดนอาเจนฯ สวนกลับต่อบอลกัน 4 จังหวะเริ่มจากเมสซี่จ่ายให้ แมคอัลลิสเตอร์ หลุดถึงกรอบเขตโทษ แล้วปาดให้ ดิมาเรีย ที่เติมมาทางฝั่งซ้ายยิงสวน ฮูโก้ โยริส อาร์เจนฯ ทะยานนำ 2-0 นาที่ 36 แบบที่ช็อกแฟนทีมชาติฝรั่งเศสกันทั้งสนาม  และจบครึ่งแรก อาร์เจนติน่านำฝรั่งเศส 2-0 

ครึ่งหลังเกมยังเหมือนเป็นครึ่งแรก เป็นฝั่งอาร์เจนติน่าที่ยิ่งเล่นยิ่งดี บุกกดฝรั่งเศสอยู่ฝ่ายเดียว เกมเดินมาถึงช่วงนาที่ที่ 80 ฝรั่งเศสทำเกมบุกขึ้นมาเข้าในกรอบเขตโทษ โกโล มัวนี่ ถูกดึงล้มผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษให้ฝรั่งเศส แล้วคนที่รับหน้าสังหารไม่ใช่ใครที่ไหยเป็น คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ ที่สังหารได้อย่างเยือกเย็น ฝรั่งเศสไล่มา 1-2 

20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ เปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่น

วันนี้เมื่อ 55 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่างเป็นทางการ และทรงปลูกต้นกาลพฤกษ์ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย 

ในครั้งนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมอบพระบรมราโชวาทเนื่องในพิธีเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า

"...การตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่นขึ้นอีกแห่งหนึ่งนั้น เป็นคุณอย่างยิ่ง เพราะทำให้การศึกษาชั้นสูงขยายออกไปถึงภูมิภาคที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งต่อไปจะเป็นผลดีแก่การพัฒนา ยกฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคนี้เป็นอย่างยิ่ง ความสำเร็จในการตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงเป็นความสำเร็จที่ทุกคนควรจะยินดี..."

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นอุดมศึกษาสถานแห่งแรก ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้กำเนิดของมหาวิทยาลัยจะมีแนวความคิดย้อนหลังไปได้ถึงก่อน สงครามโลกครั้งที่สอง แต่การเตรียมการก่อสร้างอย่างจริงจัง กระทำกันในรัฐบาล ฯ พณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในขณะที่เริ่ม พัฒนาภูมิภาคส่วนนี้ของประเทศ เมื่อพุทธศักราช 2505 การลงมือก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 2507 โดยมีมติจัดตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูง ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเกษตรศาสตร์ขึ้นที่บ้านสีฐาน จังหวัดขอนแก่น และเสนอชื่อสถาบันนี้ว่า มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Khon Kaen Institute of Technology มีชื่อย่อ K.I.T. โดยมีสภาการศึกษาแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบ

โจทย์หิน ‘อีวีไทย’ เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ามาไว แต่ ‘ค่าไฟ-ตึกสูง’ ยังไม่สมฐานะ ‘พลังงานหลัก’

จากกระแสการตอบรับ รถยนต์ไฟฟ้าอีวี ที่กำลังมาแรง เห็นได้ชัดจากยอดจองที่ถล่มทลายของสุดยอดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง เทสลา ที่มาเปิดตัวในไทยอย่างเต็มรูปแบบ หรือแม้กระทั่งยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า ATTO3 จากค่าย BYD ที่มาเปิดตัวแค่รุ่นเดียว แต่โกยยอดจองไปร่วม 3 พันคันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป และยอดรวมกว่าหมื่นคันจนต้องหยุดรับจองรถชั่วคราวไปแล้วนั้น สะท้อนให้เห็นว่าแรงกระเพื่อมของรถยนต์ไฟฟ้ากำลังค่อย ๆ เขย่าตลาดรถยนต์ในเมืองไทยแบบน่าดูชม

อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าอีวีนั้นต้องเดินกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ฉะนั้นพลังงานที่รถต้องการก็คือ พลังงานไฟฟ้า มาใช้ขับเคลื่อน ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือ จำนวนจุดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรืออาคารสูงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

ผลวิจัยจาก เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) สำรวจไว้ว่า มีแค่ 3% ของโครงการคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเท่านั้น ที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่คอนโดมิเนียมประมาณ 74% ที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มีจุดที่สามารถรองรับการชาร์จได้เพียง 1 หรือ 2 คันพร้อมกันเท่านั้น หรือโดยรวมแล้วจะเท่ากับมีพื้นที่สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 400 คันต่อโครงการคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

BYD เปิดตัว 2 Application ‘BYD’ และ ‘Rever’ ไลฟ์สไตล์อัจฉริยะ ตอบโจทย์สาวก BYD

สำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) การใช้งานผ่าน Application เฉพาะเพื่อเชื่อมต่อกับรถยนต์ของตน ดูจะกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว ไหนจะตรวจสอบสถานะตัวรถ แบตเตอรี่ การชาร์จ การปลดล็อก หรือสั่งงานไร้สายระยะไกลด้วยคำสั่งต่าง ๆ เช่น สตาร์ตรถ เปิดแอร์ ลดกระจก เปิดกระจก เป็นต้น 

ล่าสุดค่ายรถไฟฟ้าอีวีที่ครองแชมป์การขายรถไฟฟ้าได้มากที่สุดในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป อย่าง BYD ก็ได้ออก Application มาใหม่ 2 ตัว Application ด้วยกัน นั่นก็คือ BYD Application และ Rever Application ซึ่งในการเปิดตัวในวันนั้นผมก็ได้อยู่ในงานด้วย 

คำถามแรกของผมก็คือ ทำไมต้องใช้ถึง 2 แอป ใช้แค่แอปฯ เดียว จับมันมารวมกันเลยไม่ได้หรือ?

คำตอบที่ผมได้จากท่านผู้บริหารก็คือ Application ทั้งสองนั้น จะแบ่งแยกการทำงานกันอย่างชัดเจน เพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง โดยแอป BYD นั้น จะออกมาในลักษณะที่ว่าใช้เหมือนกันทั่วโลก โดยเน้นใช้ควบคุมตัวรถเป็นหลัก แต่แอป Rever นั้น จะเป็นเหมือนแอปฯ ที่ใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น 

ฉะนั้นในการใช้งาน หรือการสมัคร การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล จึงมีความแตกต่างกัน โดยเริ่มต้นหากสนใจอยากจะใช้รถ BYD นั้น ก็ต้องเริ่มจากโหลด แอป Rever มาใช้ก่อน เพื่อศึกษาข้อมูล ค้นหาผู้จำหน่าย โชว์รูมใกล้บ้าน จองคิว Test drive เป็นต้น เมื่อได้รถมาแล้ว ก็ถึงจะโหลดแอป BYD มาเพื่อใช้ควบคุมตัวรถ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังควรใช้ แอปฯ Rever ต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ ในการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น การหาสถานีชาร์จ การจองนัดหมายเข้าใช้บริการที่ศูนย์บริการ การติดต่อประกันภัยผ่านแอป กรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยไม่ต้องแจ้งเลขกรมธรรม์ 

สำหรับสองแอปฯ นี้นั้น ใช้งานง่ายมากครับ เพียงโหลด Application ผ่านโทรศัพท์มือถือ แล้วกรอกข้อมูลลงทะเบียน โดยใช้หมายเลข VIN no. พร้อมทั้งระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือเพื่อแสดงความเป็น เจ้าของรถ แค่นี้ก็จะสามารถดูสถานะต่างๆ ของตัวรถคันที่ท่านระบุเป็นเจ้าของได้ ส่วนแต่ละแอปฯ จะมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ผมแยกให้ชัดๆ ดังนี้ครับ

BYD Application จะช่วยควบคุมรถในฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นและให้ ทราบถึงสถานะด้านต่างๆ ของรถ อาทิเช่น…

21 ธันวาคม พ.ศ.2525 พิธีสมโภชน์ ‘พระศรีศากยะทศพลญาณฯ’ องค์พระประธานแห่งพุทธมณฑล

พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ เป็นพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นในโอกาสการเฉลิมฉลองพระพุทธศาสนาครบ 2500 ปี

พระพุทธถูกหล่อด้วยสำริด หนัก 17,543 กิโลกรัม ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ชาวอิตาลี ซึ่งจำลองแบบมาจากพระพุทธรูปลีลาสมัยสุโขทัย ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปลีลาที่งดงามที่สุด (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในระเบียงแก้ววัดเบญจมบพิตรฯ) และปรับพระพุทธลักษณะให้เสมือนบุคคลจริง รวมถึงมีรอยพับ หรือ ริ้วจีวรตามธรรมชาติที่สุด นับเป็นพุทธศิลป์ยุคใหม่ที่ได้รับการผสมผสานความงดงามอย่างลงตัว พระพุทธรูปลีลา เป็นการจำลองพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษา ณ ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ไม้ปาริฉัตตกะ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อออกพรรษาแล้ว จึงเสด็จลงจากเทวโลก ซึ่งเรียกว่า เทโวโรหณสมาคม

BNK48 1st Generation Dan D’1ion Concert ‘ความทรงจำ-ความผูกพัน’ ระหว่าง ‘BNK48 - โอตะ’

ปิดฉากลงไปแล้ว สำหรับ ‘BNK48 1st Generation Dan D’1ion Concert’ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ที่ไบเทค บางนา ซึ่งถือว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่พวกเธอ หรือ BNK48 รุ่นที่ 1 ได้แสดงร่วมกัน โดยในคอนเสิร์ตครั้งนี้เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพันที่สมาชิกในวงมีต่อแฟนคลับ (โอตะ) ทุกคน ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมา

และถือเป็นเรื่องที่น่าใจหายมากๆ เพราะเดือนธันวาคมนี้จะเป็นเดือนสุดท้ายที่พวกเธอ (BNK48 รุ่นที่ 1) จะได้ทำงานร่วมกันในนาม BNK48 และศิลปินที่รักของชาวโอตะ และเป็นเดือนสุดท้ายที่จะสามารถเก็บเกี่ยวเรื่องราวความทรงจำที่ประทับใจตลอด 6 ปีไว้ในความทรงจำ ก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายไปเดินตามทางของตัวเอง ในเส้นทางใหม่ๆ ที่แต่ละคนเลือกเดิน

ขอบอกเลยว่าคอนเสิร์ต ‘BNK48 1st Generation Dan D’1ion Concert’ ครั้งสุดท้ายนี้อัดแน่นไปด้วยความรัก ความผูกพันธ์ของเหล่าสมาชิกในวง และเป็นคอนเสิร์ตที่ดึงอารมณ์พาให้แฟนคลับย้อนกลับไปยังวันวานเมื่อครั้งแรกที่ได้เจอกับเหล่าสาวๆ BNK48

เชื่อว่าหากใครได้เข้าไปร่วมในคอนเสิร์ตเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมาจะต้องอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่สุดแสนจะประทับใจ ส่วนใครที่รับชมผ่าน AIS play ก็คงรู้สึกไม่น้อยไปกว่ากัน และที่พิเศษมากๆ เลยคือคอนเสิร์ตในครั้งนี้ได้หยิบยกเพลง ‘PARTY ga Hajimaru yo’ มาแสดงด้วย ที่บอกว่าพิเศษคือโดยปกติแล้วเพลงนี้จะนำมาแสดงเฉพาะในเธียเตอร์เท่านั้น ในฐานะแฟนคลับของ BNK48 ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนความรักของเหล่าโอตะได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว

และสิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ คำบอกเล่าของเฌอปราง กัปตันวง BNK48 ที่เธอได้กล่าวว่า “ครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตที่พวกเราทำ (เกือบ) ทุกอย่าง” เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่า พวกเธอตั้งใจจัดการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้มากๆ เพื่อให้โอตะที่รักของพวกเธอได้รับความสนุกและมีความทรงจำครั้งสุดท้ายที่ดีร่วมกัน

22 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ‘วันเหมายัน’ หรือ ‘ตะวันอ้อมข้าว’ เวลากลางคืนยาวนานสุดในรอบปี

วันนี้ นับเป็นวัน ‘เหมายัน’ หรือ ‘ตะวันอ้อมข้าว’ เวลากลางวันสั้น ส่วนเวลากลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี

วันที่ 22 ธันวาคม 2565 เป็นวันเหมายัน (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี หรือที่คนไทยเรียกว่า ‘ตะวันอ้อมข้าว’ 

ในแต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฏอยู่ตำแหน่งที่แตกต่างกัน เปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนที่จากจุดตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลกลงมาทางใต้ สังเกตได้จากท้องฟ้าในช่วงนี้จะมืดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งดวงอาทิตย์เคลื่อนมา ณ ตำแหน่งเฉียงไปทางทิศใต้มากที่สุดในวันเหมายันของแต่ละปี วันดังกล่าวจึงมีเวลากลางวันที่สั้นที่สุด และเวลากลางคืนยาวนานที่สุด สำหรับวันเหมายันในปี 2565 ดวงอาทิตย์จะขึ้นเวลาประมาณ 06:36 น. และจะตกลับขอบฟ้าเวลาประมาณ 17:55 น. รวมระยะเวลากลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาที นอกจากนี้ วันเหมายันยังถือเป็นวันแรกของการเข้าสู่ฤดูหนาวสำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ แต่สำหรับประเทศทางซีกโลกใต้นั้นจะนับเป็นวันแรกที่เข้าสู่ฤดูร้อน

เมื่อกิจกรรมแสนสุขกลายเป็นเรื่องทุกข์ของ 'โอรสแห่งสวรรค์' เพราะมันคือภารกิจเพื่อ 'การมีทายาทสืบทอดราชวงศ์'

SEX แห่งจักรพรรดิชิง กฎระเบียบที่ 'ขัดกับความเป็นมนุษย์'

จากคราวที่แล้ว ผมบรรยายถึงเรื่องของขันทีจีน อารยธรรมที่ส่งต่อข้ามศตวรรษ จนกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลทางวัฒนธรรมของแผนดีนจีนอยู่พักใหญ่ ทีนี้มาดูถึงฝ่ายในที่ขันทีพวกนี้ทำงานอยู่บางกันดีกว่า 

แน่นอนพวกเราหลายคนคงเคยดูหนังจีนย้อนยุค (ใช้คำว่าหนังจีนนี่แหละ ดูย้อนยุคดี)  จะเห็นว่าฝ่ายในนั้นจะมีนางสนมของฮ่องเต้ เป็นร้อย เป็นพัน ทั้งจากคัดเลือกของฝ่ายในเพื่อถวายฮ่องเต้โดยเฉพาะจากมเหสีหรือจากนางกำนัลของรัชกาลก่อน ทั้งจากบรรดาขุนนางฝ่ายหน้าที่หวังจะก้าวหน้าจึงเอาลูก เอาหลาน เอาญาติมาถวาย บ้างก็ผ่านการคัดสรรมาจากแดนไกลเพื่อมาหมั้นหมายสร้างสัมพันธไมตรี ความเยอะแยะมากมายแบบนี้แหละที่ได้สร้างตำนานหงส์เหนือมังกรขึ้นมา สุดท้ายก็พาลทำให้หลายราชวงศ์ของจีนถึงกาลล่มสลาย อย่างราชวงศ์ชิงนี่ก็ถึงกาลอวสานด้วยความหลงอำนาจ นำพาจีนให้กลายเป็นดินแดนอ่อนแอด้วยน้ำมือของพญาหงส์อย่างพระนางซูสีไทเฮา

ทีนี้อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ คงคิดกันว่าถ้าได้เป็นฮ่องเต้ต้องสำราญเป็นแน่แท้ เพราะสนมนางในมีมากมายก่ายกอง ต้องได้ลองรักลองเลิฟกันสนุกสนาน แต่จากการศึกษาเรื่องราวตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ผมบอกได้เลยว่า น่ากระอักกระอ่วน อึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง รันทดระคนสงสาร พาลเลิกจินตนาการเรื่องความหวาบหวามกันไปเลยทีเดียว เพราะมันมีการควบคุมเรื่องอย่างว่าสำหรับ 'ฮ่องเต้ชิง' กันอย่างเข้มงวด เพราะมันคือภารกิจสำคัญ ภารกิจเพื่อ 'การมีทายาทสืบทอดราชวงศ์' และเพิ่มโอกาสที่จะได้โอรส 'เพศชาย' มาสืบทอดบัลลังก์มากขึ้นนั่นเอง 

Sex ที่อยู่ภายใต้การควบคุมมันเป็นอย่างไร? ปุถุชนแบบเราคงจะนึกภาพกันไม่ออก แต่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ 'ชิง' ราชวงศ์สุดท้ายของแผ่นดินจีน ทรงรู้รสชาติของมันเป็นอย่างดี จากชนเผ่านอกด่าน สู่การกุมอำนาจราชสำนัก จักรพรรดิชิงได้รับเอาขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ของราชวงศ์ 'หมิง' ซึ่งเป็นชาวฮั่นมาใช้พร้อมกับพัฒนาระบบเฉพาะตัว โดยเฉพาะเรื่องกิจกรรม 'บนเตียง' ในวังหลวง ถือว่าพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ถ้าเราเคยชมภาพยนตร์ไทยอย่าง 'สุริโยทัย' จะเห็นภาพการถวายงานแบบนั่ง 'พับเป็ด' ทาเครื่องประทินผิวทั่วตัว เปลือยสรีระสำคัญ แต่ข้อห้ามที่สำคัญอย่างยิ่งคือ 'ห้ามเท้า' ซึ่งเป็นของต่ำถูกพระวรกายขององค์ขุนหลวง นี่ว่าลำบากแล้วนะ แต่นั่นก็ยังน่าจะยังลำบากไม่เท่าการถวายงานแก่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งมันค่อนข้าง 'ขัดกับความเป็นมนุษย์' ซึ่งแปลจากภาษาจีนที่เรียกว่า 'ฟ่านเหรินซิ่ง' 

ก่อนจะไปรู้ว่า 'ฟ่านเหรินซิ่ง' เป็นอย่างไร ? เรามาลองอ่านลำดับชั้นของฝ่ายในกันก่อน สำหรับฝ่ายในสมัย 'ราชวงศ์ชิง' นั้นจะมีลำดับอยู่ 3 ชั้น คือ 

1. จักรพรรดินี คือ 'มเหสีเอก' หรือ 'อัครมเหสี' ภรรยาทางการขององค์จักรพรรดิ คือหญิงที่ได้รับการยกย่อง เคารพนับถือสูงสุดในจีน เป็นรองก็เพียง องค์จักรพรรดิ และพระมารดาของจักรพรรดิ 

2. พระมเหสี คือ 'มเหสีรอง' มักจะเป็นหญิงสาวที่จักรพรรดิถูกใจ ได้รับแต่งตั้งไว้ในระดับที่สำคัญแต่ไม่ที่สุด ยกเว้นเมื่อเกิดกรณีที่ 'มเหสีเอก' ไม่มีทายาทเป็นชาย แต่ 'มเหสีรอง' กลับมีทายาทเป็นชาย ทีนี้สถานะก็จะกลับกลายไปเป็นเสมอได้ ในสมัยราชวงศ์ชิงมีตำแหน่ง 'พระมเหสีถึง 4 ตำแหน่ง' ด้วยกัน 

3. นางสนม ลำดับมีมากที่สุด ตามบันทึกแบ่งเป็น 8 ลำดับขั้น คือ พระสนมเอก พระสนม นางสนมกำนัล นางกำนัล กุลสตรี นางกำนัลขานรับ และเจ้าพนักงานหญิง ซึ่งรวมแล้ว อาจจะมี 50 - 80 คน หรือมากกว่านั้น โดยใน 8 ลำดับขั้นนั้นต้องผ่านการคัดเลือกจากหญิงสาวร่วม 5,000 คน ซึ่งการคัดเลือกแต่ละครั้งจะมี 'ขันที' เป็นผู้ทำหน้าที่นี้ เอาล่ะ! เริ่มกระบวนการ 'ฟ่านเหรินซิ่ง'

เริ่มต้นการเลือกนางสนมแห่งค่ำคืนนั้น ด้วยการนำป้ายชื่อของนางสนมแต่ละคนมาวางลงบนถาด แล้วนำมาให้ 'องค์ฮ่องเต้' พิจารณาเลือก ระหว่างรอเชฟหลวงทำอาหารเพลิน ๆ กับรอทีมพิสูจน์อาหารทดสอบยาพิษ ก็เลือกหยิบเอาไว้ว่าคืนนี้จะขึ้นเตียงกับใคร ซึ่งเรื่องนี้ถ้าพิจารณาดูก็จะเห็นว่า เป็นช่องว่างที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นในราชสำนักฝ่ายในได้ โดยเฉพาะกับพวกขันที เพราะถ้าเซ่นขันทีถูก รับรองสบาย เพราะต่อให้ถาดใหญ่แค่ไหน ไม่มีทางใส่ป้ายชื่อของนางสนมได้หมด นางสนมบางคนที่อยากจะได้ใกล้ชิดฮ่องเต้ในค่ำคืนนั้น ก็ต้องติดสินบนขันที เพื่อให้นำป้ายชื่อของตนเองไปไว้บนถาดดังกล่าว โดยใส่รายละเอียดแบบเป๊ะ เพื่อการถูกเลือก ทั้งตำแหน่งในการวาง วางตรงไหน ฝั่งไหน ได้ระดับสายตาไหมเลือกมือไหน มองทางไหนก่อน หยุดตรงไหนนาน ไม่ต้องแปลกใจ เพราะขันทีผู้ดำเนินการ ถือถาดมาให้ฮ่องเต้เลือกนางสนมเกือบทุกวัน แม้จะมีการเปลี่ยนเวรก็เถอะ แต่ก็จะวนปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ไม่กี่คน และแน่นอนด้วยความเป็นข้ารับใช้ที่ใกล้ชิด ก็ย่อมล่วงรู้ถึงพระนิสัย รู้พระทัยของฮ่องเต้ เป็นอย่างดี แบบนี้ก็พาลให้นึกไปว่า อย่างพระนางซูสีไทเฮา ก็ไม่รู้ว่าพระนาง ฯ ได้เซ่นขันทีไปไหม ? หรือขันทีมองพระนาง ฯ เป็นโอกาสไหม ? ที่ทำให้เส้นทางของพระองค์ได้ถูกเลือกขึ้นมาจากถาดใบนั้น 

ทำไมต้องเน้นขนาดนี้ ? เพราะว่า 1. ในเขตพระราชฐานชั้นในมีแค่ฮ่องเต้เป็นบุรุษเพศแค่พระองค์เดียว นางสนมก็เหงาเป็น หนาวเป็น อยากได้ไออุ่นเหมือนชาวบ้านทั่วไป 2. หากสนมคนใดตั้งครรภ์และคลอดองค์ชายออกมาเรียกได้ว่าสุขสบายทั้งชาติ มั่งมีทั้งตระกูล และอาจได้รับการยกระดับ

หลังจากฮ่องเต้ท่านเลือกป้ายชื่อนางสนมได้แล้ว ทีมขันทีก็จะไปเตรียมการ ระหว่างนั้นฮ่องเต้ก็จะทรงดื่มด่ำกับอาหารค่ำไป ซึ่งธรรมเนียมตรงนี้ มีบันทึกเขียนเอาไว้ว่า "หากสนมนางใดถูกเลือก จะถูกนำตัวไปอาบน้ำ พาเข้าพระตำหนักแบบเปลือยเปล่า และนำผ้านวมสีแดงพันตัว อุ้มเข้าไปรอที่ห้องบรรทม” ซึ่งขั้นตอนนี้ นอกจากจะช่วยชำระเนื้อตัวให้หอมสะอาดแล้ว ยังเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน อย่างเช่นการซุกซ่อนอาวุธหรือยาพิษใด ๆ ที่อาจทำอันตรายต่อองค์จักรพรรดิได้

ขั้นต่อมาถ้าเป็นสามัญชนอย่างเรา ๆ ก็คง "ลุยกันเลย!" แต่ช้าก่อน !!!!! สำหรับองค์จักรพรรดิ ยังต้องทำตามกฎแห่งวังหลวง คือ 'จักรพรรดิ' จะต้องนอนรออยู่บนพระแท่น ห่มผ้า แล้วเปิดส่วนพระบาท เอาไว้ ให้สนมเปลือยกาย “มุดจากด้านล่าง” ขึ้นมา ซึ่งเป็นแบบแผนชัดเจน ว่าการสังวาสนางสนมนั้น พวกนาง “ต้องมาจากเบื้องต่ำ” หรือ “เบื้องล่าง”  ซี่งเอกสารโบราณเขียนไว้แบบนี้จริง ๆ นึกภาพนางสนมจะต้องเลื้อยจากบริเวณปลายเท้าขององค์ฮ่องเต้ขึ้นมาแนบพระวรกาย เอาล่ะแต่จากตรงนี้จะเป็นช่วง "ฟรีสไตล์” อยากจัดยังไง ก็จัดไป ตามอัธยาศัย แต่อย่าคิดว่าจะ “ฟรีไทม์” นะ ซึ่งนี่คือเรื่องตลกร้าย เพราะ Sex แห่งองค์จักรพรรดิ “มีเวลาจำกัด” !!!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top