Monday, 28 April 2025
ElectionTime

กาดเมืองใหม่ แห่รับ 'เศรษฐา' หลังลงพื้นที่พบปะปชช. 'ชาวบ้าน' บอก!! “อยากได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย”

‘เศรษฐา ทวีสิน’ เดินกาดเมืองใหม่ แวะตักบาตรเช้า ก่อนพบตัวแทนภาคประชาชนและภาคท่องเที่ยวถกปัญหาฝุ่น PM2.5

(10 เม.ย.66) ที่ตลาดเมืองใหม่ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย, จักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 เบอร์ 1 เดินพบปะพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาค้าขาย และเดินตลาดในช่วงเช้า โดยเศรษฐาได้หยุดแวะตักบาตรเช้าระหว่างเดินหาเสียง ก่อนจะทำภารกิจในวันนี้

ทั้งนี้ บรรยากาศช่วงเช้าของตลาดเมืองใหม่เป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนจำนวนมากมาจับจ่ายซื้อของเนื่องจากตลาดเมืองใหม่เป็นแหล่งขายสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด และเป็นจุดศูนย์กลางในขนส่ง-กระจายสินค้าทางการเกษตรไปยังแหล่งจำหน่ายต่างๆในจังหวัด ซึ่งนายเศรษฐาได้รับการตอบรับจากทั้งพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนเป็นอย่างมากหลายคนโบกมือทักทาย ให้กำลัง ขอถ่ายภาพคู่ บางคนบอกว่า “เบื่อนายกฯ คนเก่า”, “เบื่อลุงที่อยู่มา 8 ปี” และ “อยากได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย” ในขณะที่หลายคนสะท้อนปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตร

‘ช่อ พรรณิการ์’ ลุยหาเสียงสระบุรี-โคราช พร้อมผู้สมัครส.ส. มี ปชช.มอบหวย เลขท้าย 931 เผย เป็นเลขมงคลและยังสื่อถึงพรรค

(10 เม.ย.66) พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดผึ้งรวง จ.สระบุรี พร้อมด้วย สรพัช ศรีปราชญ์ ผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี เขต 1 (อำเภอเมืองสระบุรี ยกเว้นตำบลหนองโน, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอแก่งคอย เฉพาะตำบลห้วยแห้ง) พรรคก้าวไกล เบอร์ 5 โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น มอบปลาจ่อม ของดีเมืองสระบุรีให้ชิม และให้กลับบ้านด้วย

ขณะที่พรรณิการ์เดินหาเสียงในตลาด ได้มีประชาชนมามอบสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ 1 ใบ บอกว่าเป็นหวยพรรคก้าวไกล พร้อมบอกให้ลองดูเลขท้ายสามตัว ซึ่งปรากฏว่าสลากใบดังกล่าว มีเลขท้าย 3 ตัวคือ 931 ซึ่งเบอร์ 31 เป็นเบอร์ของพรรคก้าวไกล ส่วนเลข 9 เป็นทั้งเลขมงคลตามความเชื่อของคนไทย และยังหมายถึงพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้าอีกด้วย

‘มณีรัตน์’ ใช้รถ EV คันจิ๋วลงพื้นที่ ‘พระโขนง-บางนา’ ชู ‘ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์-ผ่อนมอเตอร์ไซค์ EV 60 งวด’

(10 เม.ย.66) น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หมายเลข 6 กล่าวว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากมลภาวะ อากาศเป็นพิษ ฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องเล็กและไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่กำลังเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและสุขภาพของคนไทยอย่างมาก ซึ่งต้นตอของฝุ่นพิษ PM 2.5 ส่วนใหญ่แหล่งกำเนิดมาจากควันของยานยนต์ ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ทุกประเภทที่ใช้น้ำมัน การจราจรที่หนาแน่นบนท้องถนนในกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพปอด ทางเดินหายใจให้กับพี่น้องประชาชนโดยตรง พรรคภท. ให้ความสำคัญกับนโยบายพลังสะอาด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทำร้ายสุขภาพประชาชนมาตลอด ผ่าน 2 โครงการที่มีความเชื่อมโยงกัน คือ ฟรีโซล่าเซลบนหลังคาบ้าน ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท ต่อเดือน และการให้สิทธิซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ในราคา 6,000 บาท ผ่อนจ่ายเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 60 งวด

‘แรมโบ้’ โวยลั่น ปมป้ายหาเสียง รทสช. โซนอีสานถูกทำลาย ซัด!! ฝ่ายตรงข้าม ควรหาเสียงอย่างสร้างสรรค์

(10 เม.ย.66) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่าขณะนี้ป้ายผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสาน ได้ถูกผู้ไม่หวังดีใช้วิชามาร เล่นวิธีสกปรกทำลายป้ายหาเสียง เช่น ป้ายหาเสียงของ นายศิรวุฒิ ผิวหอม เขต 10 จ.อุบลราชธานี และนายจำรูญศักดิ์ จันทรมัย เขต 4 อุบลราชธานี ผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์ทางการเมืองแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายด้วย

"การใช้วิชามาร วิธีสกปรกดังกล่าว สะท้อนได้อย่างดีว่า กระแสของลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ หมายเลข 22 และผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต กำลังดีวันดีคืน พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามเริ่มจะหวั่นไหว จึงใช้วิธีสกปรก ทั้งทำลายป้ายหาเสียง ทั้งใช้ทุกวิชามาร เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าถึงพี่น้องประชาชนได้" นายเสกสกล ระบุ

'ปิยบุตร' กล่อมชาวสกลฯ ยก 'เตียง-ครูครอง' ต้นแบบ 'อนค.-ก้าวไกล' ผู้สร้างประชาธิปไตยที่ยึดคนส่วนใหญ่เป็นศูนย์กลาง

(10 เม.ย. 66) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินหน้าปราศัยพบปะพี่น้องชาวสกลนครจำนวน 4 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง เขต 1 อำเภอเต่างอย เขต 2 อำเภอวาริชภูมิ เขต 4 และอำเภอพังโคน เขต 6

ปิยบุตรกล่าวว่า สกลนครเป็นดินแดนแห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพราะเมื่อใดที่บ้านเมืองเกิดความอยุติธรรม ประชาชนชาวสกลนครก็จะเป็นกลุ่มที่ยืนต่อสู้อยู่แถวหน้าเสมอ บุคคลต้นแบบของการเป็นนักการเมืองในประวัติศาสตร์ไทย ก็เป็นคนสกลนคร เช่น เตียง ศิริขันธ์ และครอง จันดาวงศ์

“เตียง ศิริขันธ์ ผู้ได้รับสมญานามว่า 'ขุนพลภูพาน' เกิดที่สกลนคร แล้วไปเรียนมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองที่กรุงเทพฯ เขาเป็นหนึ่งในขุนพลที่ได้รับความรู้ประชาธิปไตยจากที่นี่ เรียนจบไปเป็นครู แล้วลงสมัครผู้แทน และต้องเดินทางหาเสียงด้วยการขี่ม้า เนื่องจากถนนหนทางยังไม่มีในตอนนั้น จนเป็นที่รักของประชาชน ลงสมัครกี่ครั้งก็ได้เป็นผู้แทนเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กลายเป็นคนถืออำนาจบาตรใหญ่ กลับยังเสนอญัติเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนเสมอ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังเข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทย ต่อต้านญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยไม่ตกเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เขาเป็นคนที่ยืนยันว่าคนทุกคนเท่ากัน จนสุดท้ายก็มีอำนาจมืดนำตัวเขาไปปลิดชีพ”

“ส่วนครูครอง จันดาวงศ์ ก็เป็นอีกหนึ่งนักประชาธิปไตยชาวสกลนคร ที่ถูกรัฐบาลทหารของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้อำนาจตามมาตรา 17 จับไปยิงเป้าประหารชีวิต ก่อนตายท่านได้ลั่นวาทะอมตะว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ขึ้นมา”

ปิยบุตรกล่าวต่อว่า ชาวสกลนครทั้งสองนี้เอง ที่เป็นต้นแบบให้ผู้แทนของอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้คิดออกแบบนโยบายโดยมีประชาชนคนส่วนใหญ่เป็นศูนย์กลาง

ทั้งนี้ ปิยบุตรย้ำว่า นโยบายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นของพรรคใดก็ตาม จะไม่เกิดผลสำเร็จได้หากยังไม่สามารถทำให้เกิดการเมืองดี ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ปลอดจากรัฐประหารได้ ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล พรรคที่มีความกล้าหาญที่จะจัดการเรื่องยาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปกองทัพ เอาทหารมาอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ให้รัฐบาลมีอำนาจเต็มในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพ แก้ไขกฎหมายความมั่นคง ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แก้ไขกฎหมายกฎอัยการศึก รวมทั้งจัดการลบล้างผลพวงรัฐประหาร เอาคณะก่อรัฐประหารมาดำเนินคดี

“นโยบายปากท้องดีจะไม่สามารถยั่งยืนได้ถ้าการเมืองไม่ดี รัฐบาลที่พี่น้องเลือกไป ไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพได้ หากไม่จัดการรัฐประหาร นโยบายการเมืองดีที่ควบคู่กับปากท้องดีคือจุดเด่นของพรรคก้าวไกล เช่น ปฏิรูปกองทัพ ให้รัฐบาลพลเรือนควบคุมกองทัพ ไม่ใช่กองทัพควบคุมรัฐบาลพลเรือน เอากองทัพกลับเข้ากรมกองไปเป็นทหารอาชีพ”

‘ไพบูลย์’ ยืนกราน พปชร. ไม่ขอร่วม เพื่อไทย-ก้าวไกล แจง รับไม่ได้กับหลายนโยบาย ขอย้ำ!! ไม่เคยมีดีลลับ

(10 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าว ถึงจุดยืนทางการเมืองของ พปชร. ว่า พปชร.มีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งที่จะเดินหน้ากำจัดปัญหาความขัดแย้งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ขจัดความยากจนให้สิ้นไป โดยจะมีนโยบายนำเสนอมาอีกในเร็วๆ นี้ ส่วนจุดยืนของ พปชร. เรามีความเชื่อมั่นในหลักการที่จะดำเนินการกิจการต่างๆ ของพรรคให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ดังนั้น กรณีที่ปรากฎเป็นข่าวว่าเราจะไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล ตนขอถือโอกาสนี้แถลงอย่างเป็นทางการว่าเราไม่ร่วมด้วยกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เราต้องการสร้าง พปชร.ให้เป็นพรรคที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชน เป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ในจุดยืนที่ประชาชนยึดมั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้พรรคเป็นที่พึ่งของประชาชนในการขจัดความยากจน

“การที่บางพรรคไปกล่าวอ้างต่างๆ นานา หรือมีกระแสข่าวแพร่ออกมาไปจนกระทั่งเป็นความเข้าใจผิดว่าพรรคเราไปมีดีลร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล ขอแถลงในวันนี้ว่าไม่จริง และเราไม่ประสงค์ด้วย ไม่ประสงค์ที่จะร่วมมือใดๆ เราต้องการเป็นพรรคการเมืองที่มีอิสระ มีเอกภาพในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนให้ได้อย่างสมบูรณ์” นายไพบูลย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประกาศว่าจะไม่จับมือ ได้มีการคุยกับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคแล้วใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ได้คุยกับทางผู้ใหญ่ของพรรคแล้ว เราไม่ร่วม ขอให้เกิดความชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่า การประกาศไม่ร่วมเฉพาะช่วงนี้ หรือหลังการเลือกตั้งค่อยว่ากันอีกที นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลักการไม่ร่วมก็เป็นหลักการไม่ร่วม และเหตุผลที่เราไม่ร่วมเพราะมีนโยบายที่เรารับไม่ได้หลายเรื่อง เราไม่เห็นด้วยกับนโยบายเหล่านั้น

เมื่อถามว่า จะสวนทางกับแนวทางพรรคที่ก้าวข้ามความขัดแย้งหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่เราไม่ร่วมเกิดจากการไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคเหล่านั้น เป็นการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่เราไม่ได้ไปสร้างความรุนแรงหรือไปทำอะไรต่างๆ เพียงแค่แถลงจุดยืนว่าเราไม่สบายใจกับนโยบายต่างๆ ของพรรคที่เอ่ยไป

ทีมเศรษฐกิจ ปชป. โชว์แนวทางขับเคลื่อน ศก.ไทย ชูใช้เงิน กบข.-กองทุนสำรองฯ 3 แสนล้าน ให้เกิดสภาพคล่อง

(10 เม.ย.66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลง ‘อัดฉีดเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ใครได้อะไร’ โดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เป็นการแจกเงินทั่วไป ๆ ประชาธิปัตย์มองภาพรวมว่าเศรษฐกิจจะมีทิศทางและต้องเดินต่อไปอย่างไร โดยการดูแลเศรษฐกิจมหาภาค ซึ่งสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอ ต้องการจะให้เศรษฐกิจโตถึง 5 เปอร์เซนต์ ให้ขยายตัวตามศักยภาพที่เรามีอยู่ ดังนั้นเราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจภาพรวมโตอย่างน้อย 5 เปอร์เซนต์ หากโตไม่ถึงก็จะไม่เป็นแรงจงใจนักลงทุน และไม่มีเงินมาดูแลคนในประเทศ ดังนั้นการให้เศรฐกิจโตอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาเรามาผิดทางเพราะเราไปกระตุ้นให้คนใช้จ่ายโดยที่ใช้จ่ายหมดเปลือง ดังนั้นเราจึงต้องกระตุ้นโดยการนำเงินเก่าที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ ให้ได้ถึง 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อน ไม่ใช่ไปกู้หรือไปก่อหนี้ ดังนั้นสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอจะต่างจากสิ่งที่รัฐบาลทำมา 

นายพิสิฐ กล่าวต่อว่า หลายพรรคการเมืองมีการพูดเศรษฐกิจโต 5 เปอร์เซนต์ แต่ไม่บอกว่าโตอย่างไร ได้แต่บอกว่าเอาเงินใส่เข้าไปเพื่อใช้จ่าย แต่บอกว่าว่าใช้จ่ายแล้วจะเกิดอย่างไร แต่ประชาธิปัตย์ มีกลไกลที่ทำให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ไม่สร้างปัญหาในอนาคต และพยายามให้หนี้อยู่ในกรอบ เพราะหลายพรรคเสนอวิธีการแก้ปัญหาหนี้โดยการการพักหนี้ บายพลาสระบบเครดิตบูโร ทั้งหมดทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลง หากทำแบบนี้ใครจะกล้าเอาเงินใหม่เข้ามา ถ้าเราใส่ทุนเข้าไปเศรษฐกิจจะมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยเงิน 1 ล้านล้านบาท จะมีทั้งระดับรากหญ้าโดยผ่านธนาคารหมู่บ้าน ชนชั้นกลางโดยการปลดล็อก กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เอ็สเอ็มอีและสตาร์ทอัพ โดยเงินก้อนแรกธนาคารหมู่บ้าน ชุมชนละ 2 ล้านบาท ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) มีเงินอยู่แล้ว และเวลานี้รัฐบาลเป็นหนี้ ธกส. อยู่ 8 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลต้องคืนหนี้ธกส. แล้ว ธกส. จะเอาเงินนี้มาใช้เรื่องนี้ได้ และถ้าทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน มีเงินเข้าไปในระบบ โดยมีออมสิน และ ธกส. เข้าไปช่วยกำกับเรื่องบัญชี เราก็จะมีระบบสถาบันการเงินที่ให้ประโยชน์อ่างแท้จริงในระดับรากหญ้า 

‘วัน ภาดาท์’ ลงพื้นที่ขอคะแนนชาวพญาไท-ดินแดง ปลื้ม!! นโยบาย ‘ฟรีโซลาร์เซลล์-จยย.ไฟฟ้า’ โดนใจปชช.

(10 เม.ย.66) น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ หรือ วัน ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตพญาไท-ดินแดง เบอร์ 6 พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ลานกีฬาสน.ห้วยขวาง และตลาดสดห้วยขวาง เขตดินแดง เพื่อแนะนำตัวในการลงสมัคร ส.ส. รวมทั้งสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และขอให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.66 ด้วย

น.ส.ภาดาท์ เปิดเผยว่า เท่าที่ได้พูดคุยประชาชนส่วนใหญ่สนใจนโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน คือ ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ฟรี เพื่อลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท และสนับสนุนการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด โดยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้น ประชาชนบางคนสอบถามว่า ราคานี้อาจไม่ได้มาตรฐาน แต่ตนยืนยันว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพราะราคาที่แท้จริงสูงกว่านั้น ซึ่งพรรคภูมิใจไทยคิดนโยบายผ่อนชำระ 60 เดือน โดยจะหางบประมาณจากส่วนอื่นๆ มาอุดหนุน เช่น เงินที่ได้จากการขายไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งให้ประชาชน โดยประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าเดือนละ 450 สิบบาท

“ไฟฟ้าส่วนเกินจากการผลิตโดยโซลาร์เซลล์ของบ้านประชาชนจะนำขายให้การไฟฟ้าฯ และเป็นรายได้มาอุดหนุนมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั่นเอง” น.ส.ภาดาท์ ชี้แจง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top