Thursday, 2 May 2024
ElectionTime

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘ส่งเสริม-พัฒนาทรัพยากรมนุษย์’ ชี้ ‘เสรีภาพ-โอกาส’ คือกุญแจสู่ความคิดสร้างสรรค์

(13 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พรรคเพื่อไทยกล่าวเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 2566 ว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญและมีนโยบายเพื่อส่งเสริมศักยภาพและสร้างคน ด้วยความเชื่อว่าเสรีภาพและโอกาส ซึ่งเป็นแก่นหัวใจที่แท้จริงของประชาธิปไตย จะเป็นที่มาของการปลดปล่อยศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่จะนำสู่การสร้างรายได้อย่างไม่สิ้นสุด และการสร้างคนจะต้องเริ่มต้นที่ครอบครัว 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมทุ่มเท เพื่อส่งเสริมและสร้างคนให้ประเทศไทยแข่งขันได้อย่างมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก เรามีเป้าเพื่อสร้างคนทำงานทักษะสูง สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี มีค่าแรงไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรีมีค่าตอบแทน 25,000 บาทต่อเดือนภายในปี 2570 เรามีแผนฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ด้วยการเฟ้นหา สร้างโอกาสศักยภาพที่ซ่อนเร้นในทุกครัวเรือน ออกมาฝึกฝนเจียระไน สร้างแนวทางชัดเจนเพื่อหารายได้ผ่านโครงการ 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์

'ชาติพัฒนากล้า' ชู '1 จิตแพทย์ ต่อ 1 สถาบันฯ' 'กรณ์' ย้ำ เด็กจะเติบโตได้ดี ต้องมีคำชี้แนะที่ถูกต้อง

(14 ม.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติอีกปีหนึ่ง 20 กว่าปีที่ผ่านมาตนได้มาทักทายในฐานะคุณพ่อ แต่ปีนี้มีบทบาทเพิ่มเติมคือมีหลานปู่แล้ว ยิ่งทำให้เห็นว่าพัฒนาการของเด็ก ๆ แต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันไป ส่วนวิธีคิด และเรื่องที่เขาสนใจ ก็จะมีความแตกต่างในทุก ๆ ปีด้วย แต่เรื่องเดียวที่เหมือนกัน และนับวันจะตระหนักในภาระหน้าที่มากขึ้น คือ เรื่องของการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ให้กับเด็ก ๆ เพราะว่าหน้าที่ของพวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ก็คือ คอยช่วยให้คำแนะนำในกรณีที่เขาอยากที่จะได้รับคำแนะนำจากเรา ที่สำคัญคือช่วยกันสร้างโอกาส ให้กับคนรุ่นใหม่

“ผมในฐานะสวมหมวกนักการเมือง ก็มีหน้าที่สร้างโอกาสด้วยนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนริเริ่มกิจการ เรื่องของการพัฒนาช่องทางและแนวทางการศึกษาที่เหมาะต่อยุคสมัยและอื่น ๆ แต่วันนี้ อยากสื่อไปถึงผู้หลัก ผู้ใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ ทุก ๆ คน ก็คือเรามาช่วยกันครับ เราอยากที่จะเห็นเด็กโตขึ้นอย่างไร ก็ขอทำตัวเราเองให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขา ให้เขามองเราแล้วรู้สึกว่านี่คือแนวทางในการวางตัว ในการประพฤติตนที่จะทำให้เขามีโอกาสที่ดีในชีวิตด้วย ขอให้ทุกคนมีความสุขด้วยกัน ร่วมกันในฐานะครอบครัว ในวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ด้วยครับ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

'ก้าวไกล' กางนโยบาย ‘การศึกษาไทยก้าวหน้า’ ชู 'เรียนฟรี - รร.ปลอดภัย - ส่งเสริมเรียนรู้นอกห้องเรียน'

(14 ม.ค.66) ที่ศูนย์เยาวชนเตชะวณิช กรุงเทพมหานคร (บางซื่อ) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงเปิดนโยบาย 'การศึกษาไทยก้าวหน้า' ซึ่งเป็นชุดนโยบายที่ 5 จากทั้งหมด 9 ชุดนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของพรรค สร้างประเทศที่ 'เท่าเทียม ก้าวทันโลก ประชาชนเป็นเจ้าของ'

พิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลตั้งใจเปิดนโยบายการศึกษาในวันเด็กแห่งชาติ เพราะทุกปีเรามักคุ้นเคยกับคำขวัญวันเด็กที่ผู้ใหญ่ตั้งขึ้นเพื่อบอกว่าเด็กควรเป็นอย่างไร แต่สำหรับพรรคก้าวไกล เราต้องการพลิกแนวคิดเรื่องการศึกษา จากการศึกษาแบบอำนาจนิยม ที่สั่งให้เด็กต้องเป็นแบบที่ผู้ใหญ่เห็นว่าดี มาเป็นการศึกษาแบบโลกเสรี ที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กมีเสรีภาพในการเรียนรู้อย่างเสมอภาคและหลากหลาย การจัดกิจกรรมวันนี้ จึงต้องการให้ผู้ใหญ่ รวมถึงนักการเมือง มารับฟังเด็กเพื่อเข้าใจปัญหาของเด็กและเสนอทางออก ซึ่งเรื่องนี้ควรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะวันเด็ก

พิธากล่าวว่า เราต่างรู้ดีว่าการศึกษาที่ดีคืออะไร การศึกษาที่ดีคือการศึกษาที่ทุกคนเข้าถึงได้ไม่เหลื่อมล้ำ การศึกษาที่มีคุณภาพ ส่งเสริมทักษะที่จำเป็นต่ออนาคตและการใช้ชีวิต และการศึกษาที่ไม่สิ้นสุด ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่หัวใจสำคัญของนโยบายการศึกษาไทยก้าวหน้าของพรรคก้าวไกลคือการเน้นที่ประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาในการศึกษาไทยที่มีมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็น การที่เด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ผลการประเมินทักษะกลับตามหลังสากล การที่กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณสูงมากทุกปี แต่กลับไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในประเทศ เรียนฟรีก็ยังไม่ฟรีจริง หรือคุณครูที่ต้องทำงานหนัก แต่กลับหมดเวลาแต่ละวันไปกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการสอน

'ภูมิใจไทย' เสนอนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพ 24/7' ยึดหลัก 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส'

(14 ม.ค. 66) หลังจาก บี พุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ ประกาศเข้าร่วมทัพภูมิใจไทย และได้มีงานเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ในวันเดียวกันก็ยังได้ประกาศนโยบายขับเคลื่อนกรุงเทพมหานคร ภายใต้ชื่อ 'ภูมิใจกรุงเทพ' โดยยึดหลักการ 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส' พร้อมแสดงจุดยืนขอรับใช้พี่น้องประชาชนกรุงเทพฯ ตลอด 24 ชม. 

สำหรับนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพ' มีรายละเอียดดังนี้

>> เพิ่มรายได้ <<

-การหารายได้เพิ่มได้ 3 กะ เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ส่งเสริมกิจกรรมใหม่ๆ เพราะวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ หมุนตลอด 24 ชม. เปิดพื้นที่การค้าขาย ที่ขายได้ตลอดวัน เน้นการสร้างงาน กระจายรายได้ เพิ่มกิจกรรมที่สามารกรองรับนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. คล้ายตลาดนัด ที่ได้รับความนิยมที่ประเทศไต้หวัน หรือประเทศเกาหลี และเราต้องจัดระบบดูแลความปลอดภัยทั้งแสงสว่าง กล้องวงจรปิด รวมทั้งระบบการขนส่งเพื่อรองรับ คนทำงานช่วงกลางคืน

-พันธบัตรรัฐบาล (Thai Power Bond) พันธบัตรรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิซื้อก่อนนิติบุคคล หรือสถาบันการเงินต่างประเทศ เป็นการส่งเสริมการออม และ ประกันเงินฝาก สามารถเพิ่มรายได้จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเพิ่มความมั่นคงในการออมเงิน และเศรษฐกิจของประเทศ

>> ลดรายจ่าย <<

-พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก ไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับเงินกู้นอกระบบที่คิดร้อยละ 3 ต่อเดือน ถือได้ว่า สามารถช่วยผู้กู้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตรงนี้ได้ถึง 30,000 บาทต่อเดือน

-One day Pass Ticket ตั๋ววัน ค่าเดินทางที่เป็นต้นทุนของการดำเนินชีวิต หากเราสามารถล็อกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ให้แพงเกินไป

◇รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวัน ไม่เกิน 50 บาท

◇รถไฟฟ้า เริ่ม 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท

-เครื่องกรองน้ำดื่มทุกชุมชน น้ำดื่มเป็นต้นทุนที่สูงประชาชนส่วนหนึ่งเพื่อมาซื้อน้ำดื่ม จ่ายเงินเพื่อเติมเงิน เพื่อกรองน้ำไปใช้ ส่วนนี้จะต้องไม่เป็นภาระของประชาชนในทุกขุมชนอีกต่อไป

-ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ภูมิใจไทย จะนำนโยบาย ติดโซลาร์ รูฟ ฟรี ทุกครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำส่วนนี้มาเป็นการลดภาระของค่าไฟ

-ลดภาษี 2 ทาง ผู้ให้/ผู้รับ

◇ วัยทำงานต้องไม่เสียภาษีซ้ำซ้อน (ใช้ VAT เพื่อหักภาษีส่วนบุคคลสูงสุด 150,000 บาท/ปี) วัยทำงานที่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนจะต้องหมดไป และจะได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายส่วนอื่นในการสร้างเนื้อสร้างตัว

◇ วัยเกษียณที่ยังคงทำงานจะต้องมีนโยบายในการปรับเพดานภาษีเงินได้ เงินส่วนนี้ต้องเสียน้อยที่สุด เพื่อนำเงินส่วนต่างมาเป็นเงินออมเก็บไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเอง

‘พิธา’ นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลฝั่งธนฯ ประกาศความพร้อมสะบัดธงส้มทั้งธนบุรี มั่นใจประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ส่ง ส.ส.เข้าสภากวาดที่นั่งครบทุกเขต

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมนำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร ร่วมเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวผู้สมัคร ทั้ง 9 คนใน 10 เขต และแสดงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ พร้อมมั่นใจว่าชาวฝั่งธนบุรีมีความต้องการเปลี่ยนแปลง และพร้อมสนับสนุนว่าที่ผู้สมัครทั้ง 9 คนของพรรคก้าวไกลให้เข้าไปเป็นผู้แทนของทุกคน

พิธา ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนก่อนการเดินสายพบปะประชาชน โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจต่อผลการเลือกตั้งในฝั่งธนบุรีเป็นพิเศษทโดยเฉพาะเมื่อดูจากผลการเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมา คือในปี 2562 เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. 6 จาก 9 เขต ส่วนในการเลือกตั้ง สก. พรรคก้าวไกลก็ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งไม่ก็อันดับสองอยู่หลายเขต ซึ่งทำให้เห็นว่าธนบุรีเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงสูง

โดยที่บัดนี้ พรรคก้าวไกลได้ตัวว่าที่ ส.ส. ครบทั้ง 10 เขตแล้ว และเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม โดยมีทั้งอดีต ส.ส. ที่ทำงานได้ดีทั้งในพื้นที่และในประเด็นระดับชาติและยังมีผู้สมัครหน้าใหม่จากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคสังคม การเมืองภาคประชาชน อดีตผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจส่งออก ผู้จัดการธนาคาร อดีตพนักงานสายการบิน และอดีตบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่าจะผู้สมัครทั้ง 10 คนนี้ จะเป็นผู้แทนที่มีคุณภาพและสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรีในอนาคตได้

พิธา ยังกล่าวต่อไป ว่าจุดเด่นของฝั่งธนบุรี ซึ่งมีพื้นที่กว่า 450 ตารางกิโลเมตร มีประชากรกว่า 4.7 ล้านคน และอยู่ไม่ไกลจากฝั่งพระนครมากนัก คือศักยภาพทั้งในเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการใช้ประโยชน์พื้นที่ริมน้ำ ขณะเดียวกันธนบุรีก็มีสิ่งที่เป็นความท้าทายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคมนาคม สิ่งแวดล้อม ความแออัด และการปะทะขัดแย้งกันระหว่างวิถีชุมชนเก่าริมน้ำกับวิถีชุมชนใหม่ที่มีทั้งหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียม ซึ่งควรจะต้องจัดสรรการพัฒนาให้มีควรมสอดคล้องและสมดุลกันได้

โดยเฉพาะในเรื่องของการคมนาคม ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลในฝั่งธนบุรีหลายคน ได้เล็งเห็นถึงประเด็นดังกล่าวและมีแนวคิดร่วมกัน ว่าควรมีการพัฒนาระบบการคมนาคมทางน้ำขึ้นมาเสริมและชดเชย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะเส้นเลือดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือถนนสายหลักต่างๆ

‘เพื่อไทย’ ปัดดีลดัน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ ย้ำจับมือกับคนที่ไม่ขัดประชาธิปไตย - มีนโยบายตรงกัน ลั่นต้องเคารพเสียงของประชาชน

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคพท.และส.ส.ภาคอีสานจังหวัดใกล้เคียง ร่วมลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนชาวสวนยางพารา โดยทันทีที่น.ส.แพทองธารและคณะมาถึง ได้มีประชาชนมารอต้อนรับ จากนั้นน.ส.แพทองธารได้ทดลองกรีดยางพารา ก่อนที่น.ส.แพทองธารและคณะจะรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่

หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ขึ้นนายกฯ ว่า ตนขอพูดในหลักการของพรรคก่อนว่า แน่นอนว่าเราต้องหาเสียงเพื่อการแลนด์สไลด์ เพื่อทำทุกนโยบายที่สัญญาไว้ให้สำเร็จ หากจะต้องจับมือจริงๆ เราจะจับมือกับคนที่ไม่ขัดกับประชาธิปไตย มีความคิดเห็นด้านนโยบายตรงกัน เพราะเราคิดนโยบายมาไม่ใช่แค่ให้ชนะเฉยๆ แต่เราต้องการทำให้สำเร็จ ถ้าคนที่จะมาจับมือไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบาย หรือไม่ได้เห็นด้วยกับประชาธิปไตย  ก็คงจะไม่ใช่แนวทาง

‘จักรพันธ์ พรนิมิตร’ ลงพื้นที่ในสีเสื้อใหม่ต่อเนื่อง ย้ำ ‘ภูมิใจไทย’ กรุงเทพฯ เปิดตัวแล้วเดินหน้าทันที

ดร.จักรพันธ์ พรนิมิตร พร้อมทีมงานคนรุ่นใหม่พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนตลาดเช้า วัดบางพลัด จรัญสนิทวงศ์ 79 และร่วมงานวันเด็กชุมชนพัฒนา 79 ชุมชนดวงดีและชุมชนคลองสวนพริก

'ไทยสร้างไทย' ปักธงภาคอีสาน ประกาศรื้อสัญญาไฟฟ้าเอื้อนายทุน

“สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่กาฬสินธุ์ ประกาศปักธงพื้นที่ภาคอีสาน ลั่นไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาลรื้อสัญญาไฟฟ้าเอื้อนายทุน หลังทำคนไทยจ่ายค่าไฟแพง และลดค่าไฟทันทีเหลือหน่วยละ 3.50 บาท เพื่อให้ชาวอีสานใช้ในราคาถูก ชูนโยบายหายจน ทำ “อีสานมั่งคั่ง” บอกลาความแห้งแล้ง มั่นใจ พูดจริง ทำได้ 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 15 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นายประวัฒน์ อุตตะโมช นายธนธัช ตัณฑสิทธิ์ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และทีมผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมประกาศประกาศปักธงพื้นที่ภาคอีสาน บริเวณศูนย์ประสานงานพรรคไทยสร้างไทย อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ของนางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยสร้างไทย จ.กาฬสินธุ์ เขต 2 โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายจังหวัดในภาคอีสาน และประชาชนร่วมฟังการปราศรัยกว่า 20,000 คน

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวปราศรัยว่า พรรคไทยสร้างไทยจะลดราคาค่าไฟให้เหลือหน่วยละ 3.50 บาท และจะฟ้องร้องต่อสู้เพื่อแก้ไขสัญญาทาส ที่เป็นผลมาจากรัฐบาลเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าแพงเกินจริงจากการตั้งสำรองปริมาณไฟฟ้าเกินมาตรฐาน ซึ่งทำให้ประชาชนต้องเสียค่าไฟแพงมาก โดยพรรคไทยสร้างไทยมีแผนซื้อไฟฟ้าราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ชาวอีสานได้ใช้ไฟในราคาถูก 

นอกจากนี้คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวปราศรัยย้ำนโยบายบำนาญประชาชน ค่าปุ๋ยราคาถูก  โครงการเรียนฟรีแก้ปัญหาเรื่องหนี้ กยศ. และอบรมยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน หรือ อสม.ให้มีขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน พร้อมให้มีค่าตอบแทน เดือนละ 2,500 บาท ฯลฯ 

'ภูมิใจไทย' เปิดฉาก!! ขอ ส.ส.เมืองหลวงไว้เป็นฐานเสียง เปลี่ยนภาพลักษณ์พรรค ไม่ถูกมองว่าเป็นพรรคภูธร

ขณะที่ระหว่างกำลังรอการโปรดเกล้าฯ ร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ฯ และร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ในส่วนของการเตรียมการเลือกตั้ง พบว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่รับผิดชอบภารกิจควบคุมดูแลการเลือกตั้ง ได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อเตรียมรับกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตลอดเวลา

อย่างเรื่องของ การแบ่งเขตเลือกตั้ง พบว่า หลังสำนักงาน กกต.ได้รับข้อมูลฐานจำนวนประชากรประเทศไทย ที่เป็นข้อมูลล่าสุดสิ้นสุดเมื่อ 31 ธ.ค. 2565 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากกระทรวงมหาดไทย ทำให้ขณะนี้ฝ่าย กกต.เริ่มขยับเตรียมพร้อมสำหรับการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 400 เขต ที่จะต้องมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากตอนเลือกตั้งปี 2562 ขึ้นมา 50 เขต โดย กกต.ได้นำฐานข้อมูลดังกล่าวมาเตรียมแบ่งเขตเลือกตั้งและประกาศการแบ่งเขตอย่างเป็นทางการออกมา ซึ่งกระบวนการดังกล่าว กกต.จะทำได้ต้องรอให้มีการประกาศใช้กฎหมายทั้งสองฉบับข้างต้นเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ กรุงเทพมหานคร ที่จะมี ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นจากตอนเลือกตั้งปี 2562 เพิ่มมา 3 เก้าอี้ รวมเป็น 33 เก้าอี้ จากเดิม 30 ที่นั่ง ก็เป็นเรื่องน่าสนใจว่าจะทำให้การแบ่งเขตของ กกต.จะออกมาอย่างไร จะส่งผลต่อการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในสนามเลือกตั้งเมืองหลวงนี้หรือไม่?

หลังพบว่า หลายพรรคการเมืองต่างก็หมายมั่นปั้นมือจะคว้าชัยชนะในสนามเลือกตั้ง กทม.ให้ได้ ทั้งพรรคปีกฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และพรรคตั้งใหม่

อย่างหนึ่งในพรรคที่ก็ต้องการมี ส.ส.เขต กทม.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้ นั่นก็คือ พรรคภูมิใจไทย ที่ชูสโลแกนการหาเสียงในพื้นที่ กทม.ไว้ว่า ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7

ที่หมายถึงการสื่อกับคน กทม.ว่า ภูมิใจไทยขออาสาทำงานเพื่อคน กทม. 24 ชั่วโมง 7 วัน สำหรับคน กทม.ทุกกลุ่ม

ส่วนว่าแคมเปญดังกล่าวจะซื้อใจคน กทม.จนทำให้ภูมิใจไทยสามารถปักธง มี ส.ส.เขต กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งได้หรือไม่ ต้องดูกระแสตอบรับจากคน กทม.ว่าคิดอย่างไรกับนโยบายที่ภูมิใจไทยนำมาเสนอ รวมถึงต้องดูตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต กทม.ของภูมิใจไทยทั้ง 33 เขตว่า สู้กับพรรคการเมืองอื่นมีลุ้นหรือไม่ อีกทั้งต้องดูกระแสพรรคใน กทม.เมื่อเข้าสู่การหาเสียงเลือกตั้งเต็มตัวว่า กระแสภูมิใจไทยใน กทม.เป็นอย่างไร ทั้งหมดคือองค์ประกอบสำคัญที่จะมีผลอย่างมากแน่นอน สำหรับภูมิใจไทย ในการหวังปักธง ส.ส.เขต กทม.ให้ได้

หลังก่อนหน้านี้ ภูมิใจไทย ในตอนเลือกตั้งเมื่อปี 2554 และตอน 2562 กระแสพรรค-ตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต เป็นรอง หลายพรรคการเมืองที่ขับเคี่ยวสู้กันดุเดือดใน กทม.อยู่หลายขุม จนทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่มีลุ้นในการเลือกตั้งสองครั้งข้างต้นตั้งแต่ลงสนามเลยด้วยซ้ำ แต่เลือกตั้งที่จะมีขึ้น แกนนำภูมิใจไทย ทั้งอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ หมายมั่นปั้นมืออย่างมากว่ารอบนี้พรรคต้องปักธงใน กทม.ให้ได้

หลังได้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดีอีเอส อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่รับผิดชอบพื้นที่กทม. ให้พลังประชารัฐรอบที่แล้ว มาเป็นกัปตันทีม พาภูมิใจไทยเข้าสู่สนามเลือกตั้ง กทม. ที่รู้กันดีว่าเป็น สนามปราบเซียน คาดเดาได้ยากว่าผลเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน อีกทั้งเป็นสนามเลือกตั้ง ที่ กระแส ทั้งกระแสพรรค กระแสผู้สมัคร มีส่วนสำคัญอย่างมาก ต่อการชี้ขาดผล แพ้-ชนะ  

กระนั้น แม้จะเป็นงานยาก แต่ทั้งอนุทินและเนวินรู้ดีว่า ในเป้าหมายการเมืองของภูมิใจไทยที่ต้องการดีดตัวขึ้นไปจากพรรคขนาดกลาง พรรคร่วมรัฐบาล ขึ้นมาเป็นพรรคขนาดใหญ่ พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ หลังภูมิใจไทยเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันจำเป็นมาก ที่ ภูมิใจไทยต้องมี ส.ส.เมืองหลวง ของพรรคที่มาจากการเลือกตั้งให้ได้

เพราะแม้ตอนนี้ ภูมิใจไทย จะมี ส.ส.เขต กทม.อยู่สองคนคือ โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี กับมณฑล โพธิ์คาย แต่ทั้งสองคนเป็นส.ส.เขต กทม.อนาคตใหม่ ที่เข้ามาภูมิใจไทยหลังอนาคตใหม่โดนยุบพรรค ทำให้ยังไม่ถือว่า ภูมิใจไทยมี ส.ส.เขต กทม.ของตัวเองแต่อย่างใด

มันจึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ภูมิใจไทยต้องการให้พรรคมี ส.ส.กรุงเทพมหานคร ยิ่ง กทม.มี ส.ส.มากถึง 33 คน ถือเป็นเค้กก้อนใหญ่ทางการเมือง ที่หากพรรคไหนมี ส.ส.กทม. ก็จะเป็นผลดีในระยะยาว ถ้ามี ส.ส.เมืองหลวงไว้เป็นฐานเสียง และทำให้ภาพลักษณ์พรรคไม่ถูกมองว่าเป็นพรรคภูธร

ทั้งหมดจึงทำให้ภูมิใจไทยพร้อมสู้เต็มที่ เพื่อทำให้พรรคมี ส.ส.กทม.รอบนี้

ยิ่งเมื่อภูมิใจไทยได้อดีต ส.ส.กทม. จากทั้งพลังประชารัฐและเพื่อไทยหลายคนเข้ามา เสริมทีม อาทิ จากพลังประชารัฐ จักรพันธ์ พรนิมิตร - กษิดิ์เดช ชุติมันต์ - พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ - ภาดา วรกานนท์ - กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา และจากเพื่อไทยคือ ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ซึ่งทางการเมือง อดีต ส.ส.รอบล่าสุด ย่อมถือว่าเป็นระดับเกรดเอ มันก็ยิ่งทำให้พรรคมั่นใจมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายนี้ของภูมิใจไทยก็ไม่ง่าย เพราะ 33 เก้าอี้ในสนาม กทม. มันทำให้หลายพรรคใส่กันเต็มที่ ทำให้การแข่งขันจึงมีสูง สู้กันดุเดือดเลือดพล่าน

ก้าวไกล เชื่อ!! โกย ส.ส.ภาคเหนือได้เพิ่ม หลังฝ่าบทพิสูจน์ ผู้แทนแบบก้าวไกล ‘ขายได้’

‘ก้าวไกล’ อบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนบน ประกาศพร้อมเลือกตั้ง ไม่หวั่นปัจจัยยุบสภา เชื่อพิสูจน์การทำงานแล้ว ผู้แทนแบบก้าวไกลขายได้ มีลุ้นกวาดที่นั่งเพิ่ม 

(16 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกลจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง นำโดย สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม รองโฆษกพรรคก้าวไกล นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล 

นิติพล กล่าวว่า ไม่ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว พรรคก้าวไกลก็มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการสู้ศึกเลือกตั้ง โดยเฉพาะ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีการจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้งเชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, พะเยา, แพร่ และน่าน เพื่อเตรียมลุยศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top