Friday, 17 May 2024
ElectionTime

อดีต ส.ส.'ประนอม โพธิ์คำ' ทิ้ง 'พปชร.' ซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ตามคำชวน 'แรมโบ้'

อดีต ส.ส. ‘ประนอม โพธิ์คำ’ ออกจากพลังประชารัฐ เข้าสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ตามคำชวน ‘แรมโบ้’ มั่นใจได้ผู้มีความรู้ ความสามารถ นำพาพรรคชนะเลือกตั้ง ‘โคราช’

(20 ม.ค. 66) นายประนอม โพธิ์คำ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นใบสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ตามคำเชิญชวนของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ

‘อภิชา’ ไขก๊อก ‘ส.ส.’ พร้อมออกกลุ่มไลน์ ภท. เซ็ง!! สภาล่มบ่อย ขอไปทำงานพื้นที่ดีกว่า

‘อภิชา’ ลาออก ‘ส.ส.-ดีดตัวออกกลุ่มไลน์พรรค’ เจ้าตัวระบุ ยังสังกัด ‘ภูมิใจไทย’ ขอรอดู ‘กำนันป้อ’ ก่อนตัดสินใจย้ายไปพรรคไหน

(20 ม.ค. 66) นายอภิชา เลิศพชรกมล ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส. ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และมีผลในวันนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากสภาล่มบ่อย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ ขอไปทำพื้นที่ดีกว่า ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในสังกัดพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคแต่อย่างใด 

เมื่อถามว่า เตรียมตัวจะย้ายสังกัดไปพรรคอื่นหรือไม่ นายอภิชา กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด รอดูนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม ก่อน เพราะนายวีรศักดิ์สุขภาพไม่ค่อยดี จะยุติบทบาททางการเมือง ตนก็เลยออกมาตั้งหลัก สภาก็ล่มบ่อยด้วย ตอนนี้ยังอยู่พรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้ออกจากภูมิใจไทย หลังจากลาออกจาก ส.ส.ก็จะเน้นลงพื้นที่เป็นหลัก 

นายอภิชา เปิดเผยอีกว่า ได้แจ้งเรื่องการลาออกจาก ส.ส.กับนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทยแล้ว ซึ่งนายสรอรรถ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.

‘ก้าวไกล’ จ่อเปิดตัว ‘กฎหมายรถเมล์อนาคต’ เปลี่ยนรถเมล์ทั้งกรุงเทพฯ ให้เป็น EV ใน 7 ปี

(20 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกลเตรียมแถลงเปิดตัวกฎหมาย ‘รถเมล์อนาคต’ ซึ่งเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งในกทม. ต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือ EV ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน โดยรายละเอียดของกฎหมายรถเมล์อนาคต จะมีการเปิดเผยในวันที่ 22 มกราคมนี้ ก่อนจะมีการยื่นต่อสภา กทม. และลงมติ ในวันพุธที่ 25 มกราคมนี้

กฎหมายรถเมล์อนาคต หรือร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจําทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ นำเสนอโดย ส.ก. พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่มีการเสนอกฎหมายใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ก. ซึ่งข้อบัญญัติฉบับล่าสุดที่เสนอโดย ส.ก. เกิดขึ้นในปี 2544 เป็นข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแต่ตั้งผู้ช่วยปฏิบัติงาน ส.ก. โดยพุทธิพัชร์ เชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้จะสามารถผ่านสภา กทม. ได้ เนื่องจาก ส.ก. ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ากฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกเขตทั่วกรุงเทพ

'พิธา' นำทัพ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ ครบ 6 เขต ชู!! เลือกก้าวไกล ‘การเมืองดี-ปากท้องดี-มีอนาคต’

‘พิธา’ ชูเลือกก้าวไกล ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ ปราศรัยนำทัพ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ครบ 6 เขต ยกเป็นจังหวัดศักยภาพสามศูนย์กลาง คมนาคม-เกษตร-วัฒนธรรม แต่มีการเมืองรวมศูนย์-ไม่เป็นประชาธิปไตยฉุดรั้ง ลั่นทางรอดเดียวของประเทศ ต้องเอาทหารออกจากการเมือง เปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการ กระจายอำนาจ ทลายทุนผูกขาด

เมื่อ 20 ม.ค.66 ที่ลานมังกร อุทยานสวรรค์นครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเวทีพบปะประชาชนชาวนครสวรรค์ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. นครสวรรค์ ทั้ง 6 เขต พร้อมปราศรัยประกาศความพร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และนโยบายสำคัญของพรรคก้าวไกล

พิธา ระบุว่า นครสวรรค์เป็นจังหวัดมีศักยภาพที่จะเป็นสามศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาคได้ ทั้งในด้านคมนาคม วัฒนธรรม และเกษตรกรรม แต่ขณะเดียวกัน ก็มีสิ่งที่เป็นอุปสรรคเดียวกันกับที่ทำให้จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาไปตามศักยภาพของตัวเองได้

ในเรื่องของการเกษตร เราจะเห็นได้ว่านครสวรรค์เป็นจังหวัดที่ปลูกข้าว อ้อย และมัน เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy และพืชพลังงานได้ ซึ่งพรรครัฐบาลก็พยายามบอกแบบเดียวกันมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงคำหลอกลวงเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากการจัดสรรงบประมาณในปี 2566 ที่ผ่านมา กระทรวงอุดมศึกษาฯ ที่ประกาศยุทธศาสตร์ให้นครสวรรค์เป็นเมือง BCG Economy กลับไม่ได้จัดสรรงบประมาณด้าน BCG Economy ลงมาเลยในปีนี้ เช่นเดียวกับกระทรวงอุตสาหกรรมที่ไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงมาให้เลย ส่วนกระทรวงพลังงานก็มีงบประมาณลงมาเพียง 120,000 บาท เพื่อซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร 1 เครื่องเท่านั้น

ในด้านการคมนาคม ถึงแม้จะมีงบประมาณลงมาถึง 1 หมื่นล้านบาทจากกระทรวงคมนาคม แต่ก็เป็นงบประมาณสร้างถนนถึง 40% โดยที่ไม่มีงบประมาณเพื่อสร้างการเชื่อมโยงทางคมนาคมในต่างรูปแบบเข้าด้วยกันเลย ผลก็คือนครสวรรค์จึงยังไปไม่ถึงจุดที่จะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมได้ และกลายเป็นเพียงจังหวัดทางผ่านเท่านั้น

พิธากล่าวต่อไป ว่าปัญหาที่ทำให้นครสวรรค์พัฒนาไปมากกว่านี้ไม่ได้ ก็เพราะรัฐราชการรวมศูนย์ ที่ปล่อยให้การจัดสรรงบประมาณถูกกำหนดโดยส่วนกลางอย่างไม่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของพื้นที่ รวมทั้งการเข้าแทรกแซงการเมืองโดยทหารที่ไร้วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจของโลกสมัยใหม่ และการดำรงอยู่ของกลุ่มทุนผูกขาดที่แย่งส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจจากทุกคนในสังคมไปกองอยู่ที่ตัวเอง

นี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกล เน้นย้ำชูคำขวัญเรื่อง “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” เพราะการพลิกฟื้นประเทศรวมถึงนครสวรรค์ให้กลับมามีอนาคตอีกครั้ง ต้องเริ่มที่การเลือกตั้งครั้งนี้ เอาคนรุ่นใหม่ไปปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมืองไทย เปลี่ยนงบประมาณกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน เงินอุดหนุนเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน หวยเอสเอ็มอีที่ให้คนซื้อสินค้าเอสเอ็มอีและได้เลข 6 หลักในใบเสร็จใช้แทนล็อตเตอรี่ได้เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ฯลฯ และการปลดล็อกท้องถิ่นให้ประชาชนเลือกผู้ว่าของตัวเองไดั แต่ทั้งหมดต้องเริ่มต้นด้วยการแก้ปัญหาการเมือง

และนี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด ว่าจะไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลงอย่าง พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นอันขาด การเอาทหารออกจากการเมือง กระจายอำนาจ และทลายทุนผูกขาด คือทางรอดเดียวของประเทศไทยเท่านั้น

“เราจะปล่อยให้ความมั่งคั่งกระจุกไม่กระจายแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เราจะปล่อยให้ส่วนกลางมาตัดสินใจแทนคนนครสวรรค์ ให้ทหารที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจมาบริหารประเทศต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาการเมืองที่ถ้าแก้ได้เมื่อไร เราจะสามารถแก้ปัญหาปากท้องได้ทันที เศรษฐกิจไทยต่อไปต้องโตพร้อมกับการลดความเหลื่อมล้ำ ถ้าอยากให้ประเทศไทยเอาทหารออกจากการเมือง ให้มีการกระจายอำนาจ ให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กในประเทศไทยลืมตาอ้าปากได้ ถ้าอยากให้ประเทศไทยบริหารด้วยมืออาชีพ ต้องเลือกพรรคก้าวไกลเท่านั้น” พิธากล่าว

จากนั้น พิธาได้แนะนำตัวผู้สมัครทั้ง 6 คน 6 เขต ของจังหวัดนครสวรรค์ในนามของพรรคก้าวไกล ซึ่งประกอบไปด้วย...

เขต 1 กฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประธานสมาพันธ์ SME ไทยภาคเหนือตอนล่าง และอดีตรองประธานคณะกรรมการจัดงานตรุษจีนปากน้ำโพ 100 ปี

เขต 2 ธนา เฉยปัญญา สถาปนิกนักเขียนแบบและผู้ประกอบการ

เขต 3 นิรุด เรืองงาม เกษตรกร

เขต 4 นริศร์ชา ชัยสุกัญญาสันต์ อดีตผู้บริหารบริษัทประกันภัย และผู้ประกอบกิจการร้านอาหาร

เขต 5 อิศราพร ดวงอุปะ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์

เขต 6 ธรัตนชัย เฉลยคาม อดีตนายตำรวจเกษียณอายุราชการ

จับตา 'อิ๊งค์-เศรษฐา' 2 ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ร่วมลงพื้นที่ พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่านเยาวราช

(21 ม.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีกำหนดการลงพื้นที่เยาวราช เพื่อพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจที่มูลนิธิเทียนฟ้า รวมถึงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดเล่งเน่ยยี่ (วัดมังกรกมลาวาส) ในวันที่ 21 ม.ค.นี้

'ก้าวไกล' ส่ง 'สว่างจิตต์' ลงชิงชัย ส.ส.ระยองเขต 5 ชน ‘วิชัย ล้ำสุทธิ’ อดีตเลขาธิการไทยภักดี

(21 ม.ค.66) สว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ อดีตผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 5 พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลในพื้นที่จังหวัดระยองว่า ระยองเขต 5 เป็นเขตใหม่ ประกอบด้วย อ.บ้านฉาง อ.นิคมพัฒนา และ ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง การแข่งขันในเขตนี้เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ทั้งหมด มั่นใจว่าด้วยการทำงานของตนและทีมก้าวไกลระยอง ที่ทำงานเชิงประเด็นในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และมีการเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ในการพัฒนาระดับชาติ ทำให้พรรคก้าวไกลมีโอกาสสูงในการคว้าชัยชนะ

สว่างจิตต์ กล่าวว่า หากได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็น ส.ส. ต้องการเข้าไปผลักดัน 2 ประเด็นสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาที่ดิน เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบคนในพื้นที่และคนทั่วประเทศ เช่นในพื้นที่ อ.ปลวกแดง อ.เขาชะเมา จ.ระยอง มีปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ปัญหาที่กรมป่าไม้ทับซ้อนที่ทำกินของชาวบ้าน และอีกประเด็นคือผลักดันด้านสิทธิแรงงานที่ต้องการสวัสดิการถ้วนหน้า ต้องการเข้าไปจัดโครงสร้างประกันสังคมให้ดีกว่านี้ จัดสิทธิประโยชน์ที่ทำให้คนอยากจ่ายเงินเข้ากองทุน เช่น เพิ่มเพดานเงินบำนาญหลังเกษียณ รวมถึงการบริหารจัดการกองทุนให้มีผลตอบแทนมากขึ้น

“ในอดีตเคยคิดว่าแค่รอฮีโร่มาแก้ไขปัญหา แต่นี่คือจุดที่รู้สึกว่าต้องออกมาทำเอง ในระยองมีความคิดเหมือนเราค่อนข้างเยอะ แต่ในสังคมบ้านใหญ่ ทำให้คนไม่ค่อยกล้าออกมาทำ เราอยากทำการเมืองเพราะอยากเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ปัญหาของประชาชนได้รับการดูแล ทำให้ผู้คนเห็นและออกมาร่วมกับเรามากขึ้น” สว่างจิตต์ กล่าว

'ชาติพัฒนากล้า' เปิดนโยบายเศรษฐกิจชุดที่ 2 ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี!!

(21 ม.ค.66) ปัง!! กันอีกครั้ง กับนโยบายเศรษฐกิจชุดที่ 2 ของพรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ดร. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และเหล่าว่าที่ผู้สมัครฯ ได้ร่วมกันแถลงนโยบาย 'ภาษีบุคคล-มนุษย์เงินเดือน' ต่อจากนโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์ บูโร รื้อระบบสินเชื่อ' ที่ได้ออกมาก่อนหน้านี้ไม่นาน และเรียกคะแนนนิยม จากประชาชนไปได้ไม่น้อย

ทั้งนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช เผยถึง นโยบาย 'ภาษีบุคคล-มนุษย์เงินเดือน' ว่า เรื่องสำคัญที่สุด ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประชาชน หนีไม่พ้นเรื่องปากท้อง รายได้ ความเป็นอยู่ หากประชาชนมีกินอิ่มท้อง เศรษฐกิจก็จะดี ส่วนปัญหาด้านอื่นๆ ก็จะสามารถแก้ไขได้ตามมา อย่างเข้มแข็ง

ส่วนใจความสำคัญของนโยบาย 'ภาษีบุคคล-มนุษย์เงินเดือน' คือ ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี!! รายได้สูงกว่านั้น ลดเป็นขั้นบันได โดยปัจจุบันมีประชาชนที่เสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล โดยรวมประมาณ 4 ล้านกว่าคน ซึ่งจะต้องแบกรับภาระภาษีเต็ม ๆ มาโดยตลอด และเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ ที่ได้รับการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% ลงมาเป็น 20% ยาวนานมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่เคยได้รับการช่วยเหลือในลักษณะนี้ มานาน เนื่องจากค่าครองชีพ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช ยังกล่าวอีกว่า ช่วงนี้รายได้ของภาครัฐ เริ่มฟื้นตัว จากการประมาณการรายได้ของรัฐบาล ในการจัดทำงบประมาณ ปี 2567 รายได้ภาษีของรัฐบาล จะเพิ่มขึ้น เกือบ 3 แสนล้านบาท (ประมาณ 2 แสน 7 ล้านบาท) ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม ที่จะแบ่งรายได้บางส่วนมาช่วยลดภาระให้กับมนุษย์เงินเดือน กว่า 4 ล้านคนข้างต้น 

พูดแล้วทำ!! 'พุทธิพงษ์' ชู นโยบาย 24 ชั่วโมง 7 วัน ดูแลคนกรุงเต็มที่ ยัน!! 'ภท.' พร้อม 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส'

(21 ม.ค.66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำทีม 'ภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ' พรรคภูมิใจไทย เปิดนโยบายดูแลคนกรุงเทพฯ ทุกวัน ทุกเวลา และครอบคลุมทุกวัย เพื่อให้คนกรุงเทพฯ ภูมิใจ ด้วยนโยบาย 24 ชั่วโมง 7 วัน หรือ 'ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7' เพื่อแก้ไขปัญหาให้คนกรุงเทพฯ ตอกย้ำแนวทาง 'ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ' โดยยึดหลักการ 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส"

ล่าสุดวันนี้ พบว่ามีการติดป้ายนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7' ตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เปิดนโยบายทีมภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ ควบคู่กับป้ายแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยแต่ละเขตด้วย 

*** ทั้งนี้ นโยบาย 'เพิ่มรายได้' ประกอบไปด้วย...

การหารายได้เพิ่มได้ 3 กะ เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ส่งเสริมกิจกรรมใหม่ๆ เพราะวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ หมุนตลอด 24 ชม. เปิดพื้นที่การค้าขาย ที่ขายได้ตลอดวัน เน้นการสร้างงาน กระจายรายได้ เพิ่มกิจกรรมที่สามารกรองรับนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. คล้ายตลาดนัด ที่ได้รับความนิยมที่ประเทศไต้หวัน หรือประเทศเกาหลี และเราต้องจัดระบบดูแลความปลอดภัยทั้งแสงสว่าง กล้องวงจรปิด รวมทั้งระบบการขนส่งเพื่อรองรับ คนทำงานช่วงกลางคืน

>> พันธบัตรรัฐบาล (Thai Power Bond)

พันธบัตรรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิซื้อก่อนนิติบุคคล หรือสถาบันการเงินต่างประเทศ เป็นการส่งเสริมการออม และ ประกันเงินฝาก สามารถเพิ่มรายได้จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเพิ่มความมั่นคงในการออมเงิน และเศรษฐกิจของประเทศ

*** 'ลดรายจ่าย' ประกอบไปด้วย...

>> พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก ไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับเงินกู้นอกระบบที่คิดร้อยละ 3 ต่อเดือน ถือได้ว่า สามารถช่วยผู้กู้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตรงนี้ได้ถึง 30,000 บาทต่อเดือน

>> One day Pass Ticket ตั๋ววัน

ค่าเดินทางที่เป็นต้นทุนของการดำเนินชีวิต หากเราสามารถล็อกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ให้แพงเกินไป

- รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวัน ไม่เกิน 50 บาท

- รถไฟฟ้า เริ่ม 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท

>> เครื่องกรองน้ำดื่มทุกชุมชน

น้ำดื่มเป็นต้นทุนที่สูงประชาชนส่วนหนึ่งเพื่อมาซื้อน้ำดื่ม จ่ายเงินเพื่อเติมเงิน เพื่อกรองน้ำไปใช้ ส่วนนี้จะต้องไม่เป็นภาระของประชาชนในทุกขุมชนอีกต่อไป

>> ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ภูมิใจไทย จะนำนโยบาย ติดโซลาร์ รูฟ ฟรี ทุกครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำส่วนนี้มาเป็นการลดภาระของค่าไฟ

>> ลดภาษี 2 ทาง ผู้ให้/ผู้รับ

วัยทำงานต้องไม่เสียภาษีซ้ำซ้อน (ใช้ VAT เพื่อหักภาษีส่วนบุคคลสูงสุด 150,000 บาท/ปี) วัยทำงานที่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนจะต้องหมดไป และจะได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายส่วนอื่นในการสร้างเนื้อสร้างตัว วัยเกษียณที่ยังคงทำงานจะต้องมีนโยบายในการปรับเพดานภาษีเงินได้ เงินส่วนนี้ต้องเสียน้อยที่สุด เพื่อนำเงินส่วนต่างมาเป็นเงินออมเก็บไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเอง

*** 'ให้โอกาส' ประกอบไปด้วย...

>> ให้ชีวิตคืนสู่ครอบครัว…

รักษาฟรีมะเร็ง เคยมีคำพูดใครในบ้านเป็นมะเร็งถือได้ว่าเป็นทุกข์ทั้งบ้าน ต่อไปนี้การรักษามะเร็งจะ 'ฟรี' ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อแบ่งเบาทุกข์ของทุกคนในครอบครัว ฟอกไตฟรีเช่นเดียวกัน ภาวะคนป่วยโรคไตถือได้ว่าเป็นภาระที่หนักต่อครอบครัวที่ต้องดูแล ต่อไปนี้นโยบายฟอกไตฟรีจะมีขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของทุกคน

>> ผู้สูงอายุ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ/ไข้หวัดใหญ่/โควิด ฟรีฉีดถึงบ้าน เพื่อเป็นการบริการให้กับผู้สูงวัย ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่มีปัญหาในการออกมารับวัคซีน ถือเป็นการกระจายให้คนกรุงเทพฯ ได้รับการบริการทางสาธารณสุขได้ครอบคลุมขึ้น ไม่เฉพาะกับคนเท่านั้น สัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของทุกคนก็จะได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าฟรีถึงบ้านเช่นกัน ไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็กก็ไม่ลำบากในการขนย้ายออกมารับวัคซีนอีกต่อไป

'อิ๊งค์-เศรษฐา' ควงแขนลงเยาวราช กั๊กตอบ แคนดิเดตนายกฯ ฟาก 'เศรษฐา' ชี้ พร้อมทำทุกอย่างตามที่พรรคมอบหมาย

(21 ม.ค.66) ที่มูลนิธิเทียนฟ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กทม. พร้อมด้วย ส.ส.กทม.พรรค พท. รวมถึงผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัคร ส.ส.กทม.พรรค พท. เดินทางมาไหว้เจ้าเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่มีกระแสข่าวจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการปรากฏตัวทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับ น.ส.แพทองธาร เป็นครั้งแรก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ทั้งคู่ต่างพูดคุยกันสนิทสนมอย่างเป็นกันเอง และมีบางจังหวะที่นายเศรษฐายื่นแขนให้ น.ส.แพทองธาร ควงระหว่างเดิน 

จากนั้น น.ส.แพทองธารและคณะ เดินเท้าต่อไปยัง ร้านกาแฟ CHATA Specialty Coffee เพื่อพูดคุยกับนักธุรกิจในย่านเยาวราช ยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวเยาวราช และอาหาร Street food ให้กลายเป็น World destination

จากนั้น น.ส.แพทองธาร และ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุย โดยน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การพูดคุยดีมากเลย ทราบว่าเขามีปัญหาเรื่องสายไฟ ซึ่งนายเศรษฐาได้ระบุกับกลุ่มผู้ประกอบการว่า ต้องค่อยๆ เอาสายไฟลงดิน เพราะเอาลงพร้อมกันหมดการจราจรจะติดขัด และยังมีอีกหลายปัญหาหลังโควิด รวมถึงการหยุดขายของวันจันทร์ มีหลายเรื่องที่พรรคเพื่อไทยรับฟังแล้วจะนำไปใช้ได้จริงๆ เพราะคนในพื้นที่รู้ปัญหา 

เมื่อถามว่าจากการรับฟัง จะนำปัญหาอะไรไปทำเป็นนโยบายเพิ่มเติมได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีแน่นอนเราต้องไล่ตามลำดับ ด้านนายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า จากการพูดคุยวันนี้มีประโยชน์ เพราะตนมาช่วยน.ส.แพทองธาร ดูเรื่องเศรษฐกิจอยู่ และคิดว่าจากที่ตนทำธุรกิจมา เราก็อยู่แต่ด้านบน ไม่ได้มาพบผู้ประกอบการจริงๆ วันนี้มาก็ได้รับทราบปัญหาจริงๆ แล้วจะไปช่วยกันคิดออกเป็นนโยบายมาเพื่อทำให้ชีวิตชาวเยาวราชดีขึ้น 

เมื่อถามว่าขณะนี้นายเศรษฐาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตอนนี้เป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว แล้วก็มาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะดูเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำที่สูงมากในประเทศไทย ขอให้เป็นสเต็ปๆ ไป 

เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้การเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้วถ้าต้องรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.พร้อมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่เรียนตอนนี้ตนก็มาช่วยพรรคอยู่แล้ว พรรคมอบหมายให้ทำตำแหน่งอะไรก็พร้อม 

เมื่อถึงตรงนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า “ครั้งที่แล้วเขาเอาคำว่าเราพร้อมไป ครั้งนี้เขาก็อยากได้คุณเศรษฐา รู้ทันนะคะ นายเศรษฐามาในสถานะสมาชิกพรรค และเคยบอกแล้วว่า นายเศรษฐาเป็นคนเก่ง ฉะนั้นเรื่องเศรษฐกิจเราปรึกษาอยู่แล้ว และเราก็ปรึกษาคนเก่งๆ เยอะ จะได้แก้ปัญหาของประชาชนได้ วันนี้ให้มาช่วยเดินหาเสียงด้วยกันครั้งแรกก็ฝากไว้ด้วย ฝากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพิ่มอีกหนึ่งคน” 

เมื่อถามย้ำว่านายเศรษฐาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพท.หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “นี่ก็จะเอาแต่คำว่าพร้อม เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ค่ะ”

เมื่อถามว่าจะมีความชัดเจนและประกาศเมื่อใด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอนว่าเมื่อเราจะประกาศ เราจะประกาศตามกรอบเวลาแน่นอน เหมือนที่ตอบสื่อไปทุกรอบ ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทยว่าการที่เราเลือกไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือ แคนดิเดตนายกฯ เราเลือกคนที่มีคุณภาพให้ประชาชนแน่นอน ฉะนั้นขอให้ไว้ใจตรงนี้

เมื่อถามว่า หากมีการประกาศยุบสภา ทั้ง น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา จะประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯเลยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวติดตลกว่า “อิ๊งค์ต้องประกาศว่าอิ๊งค์ครบกี่เดือนแล้ว ต้องไปหาเสียงที่ไหนบ้าง” 

เมื่อถามว่านายเศรษฐาจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรค พท. ในสิ่งที่ตนทำก็มีความปรารถนาอยากให้พรรคพท.ได้คะแนนเยอะที่สุด ไม่เช่นนั้นคงไม่มาช่วย 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะลงทุกพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ณ จุดนี้ตนยังเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บ.แสนสิริ ก็ต้องดูเรื่องเวลาด้วย 

เมื่อถามว่าหากลุยการเมืองเต็มตัวต้องจัดการตรงนั้นเพื่อมาลุยตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “คำว่าถ้า ตอนนี้ยังไม่ทราบเพราะยังถ้าอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ให้ตารางนายเศรษฐาไปแล้ว เพื่อวันไหนถ้าว่างก็มาช่วยกันหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนพูดคุยกัน ก็ต้องช่วยกันเพราะคนเดียวไม่ไหว เพราะเป็นปัญหาระดับประเทศเราต้องช่วยกัน” 

'ดร.นฤมล' เผย พปชร. เร่งจัดทัพ ส.ส. พร้อมรับศึกเลือกตั้ง ชู 'บิ๊กป้อม' มีภาวะผู้นำ-ไม่ขัดแย้งกับใคร เหมาะนั่งนายกฯ

(22 ม.ค.66) ศ.ดร.นฤมล ลั่น พปชร. พร้อมลุยศึกเลือกตั้งปี 2566 เร่งจัดและเสริมทัพส.ส.เข้มแข็งลงพื้นที่ ไร้ข้อกังวลใด ๆ ชู พล.อ.ประวิตร แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ด้วยลักษณะที่เป็นผู้นำพิเศษ ไม่ข้ดแย้งใครสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมดได้จริง!! ผนวกกับนโยบาย พปชร. ครอบคลุมทุกมิติมุ่งกระจายรายได้ให้กับประชาชนทั่วถึงทุกพื้นที่  

 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคพลังประชารัฐ ในการสู้ศึกเลือกตั้งปี 2566 ว่า พปชร. อยู่ระหว่างการจัดทัพและเสริมทัพของว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในเขตที่ไม่เคยมี ส.ส. และเขตที่ ส.ส. มีแนวโน้มย้ายไปสังกัดพรรคใหม่และพรรคอื่น ๆ และได้ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครมาตลอด โดยยืนยันว่าไม่ได้มีข้อกังวลใด ๆ เพราะเชื่อว่าทุกพรรคก็ดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกัน

“เราพอจะรับทราบถึงทิศทางของ ส.ส. มาได้สักพักแล้ว ท่านหัวหน้าและเลขาธิการพรรคก็ได้เตรียมผู้สมัครทั้งที่ในเขตที่มี ส.ส. อยู่แล้ว และเขตที่ไม่เคยมี ส.ส. รวมถึง ส.ส. ที่มีแนวโน้มจะย้ายออกไปอยู่พรรคใหม่และพรรคอื่น ๆ เราก็ได้เริ่มหาตัวผู้สมัครสำรองสำหรับเขตนั้น ๆ ล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว ซึ่งน้ำคงจะค่อย ๆ นิ่งและตกผลึกในที่สุด เพราะมีส่วนหนึ่งขยับออก ก็จะมีส่วนหนึ่งขยับเข้ามาก็จะมาเติมเต็มกัน” ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมา พปชร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายที่วางไว้มาต่อเนื่อง เพื่อสร้างประเทศไทยให้มั่นคง ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความยากจน ประชาชนอยู่ดีกินดีทุกพื้นที่ ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะหัวเมือง ต้องกระจายความเจริญออกไป อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรประชารัฐเป็นนโยบายหลักที่ต้องต่อยอด การพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 กลายเป็นโจทย์ใหญ่ก็มีนโยบายที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ภาคการเกษตร นโยบายเหล่านี้จะค่อย ๆ ทยอยเปิดให้ประชาชนเห็น 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top